ซีรีย์เมีย-อัพ-เมียราคี
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอทำให้ฉันเป็นทุกข์ขนาดไหน”
“เธอคงสะใจแล้วสินะ ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้”
ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฮึ่ม...งั้นเธอคงอยากให้ฉันมีความสุข”
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกให้หมดสิ ฉันจะได้เชื่อว่าเธออยากให้ฉันมีความสุข”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๙ เงามารคืบคลาน

ตอนที่๙ เงามารคืบคลาน


“คุณจะพาคาร่ากับลูกไปไหนคะ เราไปไม่ได้หรอกค่ะ คาร่าต้องทำงาน ส่วนลูกก็ต้องไปเรียน”

หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จ คาร่าก็พาลูกมาหาสามีในห้องครัว เพราะคิดว่ายังไงเขาก็ต้องอยู่ในนั้น แล้วก็ไม่ผิดคาด เขาอยู่ในห้องครัวจริงๆ เธอจึงถือโอกาสซักถาม พร้อมบอกความจำเป็นของตัวเองกับสามี แต่คริษฐ์ไม่แลสนเหตุผลที่เธอกล่าวมา เพราะเขาตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปเฝ้าเธอทำงานจนกว่าเธอจะเลิกงาน แล้วค่อยพาเธอสองแม่ลูกไปตะลอนเที่ยวทุกที่ที่เขากับเธอเคยแอบไปบ่อยๆ เมื่อหลายปีก่อน

“อืม ฉันรู้ แต่สายป่านนี้แล้ว นึงนึกคงไปเรียนไม่ทันแล้วล่ะ ฉันก็เลยโทรไปลาป่วยให้ลูกเรียบร้อยแล้ว ส่วนเธอ...” คริษฐ์ขานคำภรรยา ขณะที่จัดโต๊ะอาหารไปด้วย และเมื่อกล่าวถึงเรื่องทำงานของภรรยาขึ้นมา เขาจึงต้องหยุดจัดโต๊ะ พร้อมวางช้อนวางจานลง ก่อนที่จะปรือตามองเธอ พลันนึกอยากแกล้ง จึงอมยิ้มแป้นเดินไปหา “...วันนี้ฉันอนุญาตให้เธอทำงานถึงแค่บ่ายโมง หลังจากนั้นเธอต้องให้เวลาฉันกับลูก” แม้จะตั้งใจไว้แล้วว่าจะไปเฝ้ารอเธอทำงานจนกว่าจะเลิกงานแล้วค่อยพาไปเที่ยว แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียด ห่วงงานของเธอแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะแกล้งให้เธอขุ่นเคืองเล่นๆ

แล้วก็ได้ผล คาร่าเหลือบตาค้อนทันทีอย่างขัดเคือง แต่ไม่ถึงกับโกรธ เพราะตัวเธอเองก็อยากให้เวลาเขากับลูกเหมือนกัน แต่งานก็ใช่จะสำคัญน้อย เธอจึงไม่อาจทิ้งไปได้เช่นกัน เลยต้องค้างๆ คาๆ ให้หนักใจอย่างในตอนนี้

“เป็นบ่ายสี่ไม่ได้เหรอคะ ให้คาร่าเลิกงานก่อนแล้วเราค่อยไปไม่ได้เหรอคะ” นิ่งคิดอยู่อึดใจ กว่าที่จะตัดสินใจเอ่ยมาวิงวอนเขา ทำให้คริษฐ์อมยิ้มพึงพอใจ รีบประชิดมาใกล้แล้วอุ้มลูกไปนั่งประจำที่ของแกที่โต๊ะอาหาร ก่อนจะหันมาคุยกับคุณแม่ของแกต่อ

“อือ...คิดก่อน” เขาแกล้งทำเป็นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วค่อยตอบเธอ “...เอางั้นก็ได้ แต่ฉันขอคิดค่าเสียเวลานะ” เขาอมยิ้มกริ่ม พูดออกมาอย่างไม่เดือดร้อนอะไร แต่ต่างจากคาร่าที่มองค้อนมาให้ด้วยความหมั่นไส้

“คาร่าไม่มีเงินจ่ายคุณหรอกค่ะ เงินเดือนคาร่าไม่ได้สูงอะไร แค่พอประทังชีวิตคาร่ากับลูกไปวันๆ” เธอย้อนเขาด้วยความขุ่นเคือง แล้วเดินตรงมาที่โต๊ะอาหาร ตั้งใจจะมานั่งข้างๆ ลูก แต่มือเรียวกลับถูกสามีเกี่ยวรั้งเอาไว้ แล้วลากให้ไปนั่งกับเขา บนตักของเขา

“ใครว่าฉันจะคิดเป็นเงิน เป็นอย่างอื่นต่างหาก...เนอะนึงนึกเนอะ” รอยยิ้มหล่อเหลาปริกว้างอีก แล้วรีบหาแรงหนุนทันควัน เด็กน้อยก็ไม่ประสาอะไร รีบพยักหน้าให้คุณพ่ออย่างเห็นด้วย ทำให้คุณแม่ยิ่งนึกหมั่นไส้คุณพ่อ รวมไปถึงเริ่มเคืองคุณลูกจึงรีบสะบัดลุกหนีออกจากตักคุณพ่อไปนั่งที่เก้าอี้อีกตัวข้างๆ

“นึงนึก เรารีบกินกันดีกว่าค่ะ คุณแม่สายมากแล้ว” เธองอนเขา และรู้ว่ายังไงก็เถียงไม่ชนะจึงไม่คิดที่จะโต้กับเขาต่อ แต่เปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ ทำเป็นไม่สนใจ หันไปตัดแซนด์วิชเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้ลูกทาน

คริษฐ์มองแล้วก็อดขำเบาๆ ในลำคออย่างชอบใจไม่ได้ เมื่อเห็นคุณภรรเมียของตัวเองทำปฏิกิริยาแบบนั้น แต่เขาเองก็ไม่อยากแหย่เธอต่อ เพราะมันสายมากแล้วอย่างที่เธอพูดกับลูก จึงเห็นด้วยกับความคิดของเธอ แล้วหันไปหยิบขนมปังมายัดใส่ไส้ไข่ เป็นแซนด์วิชให้คุณแม่และคุณลูกทานแทนที่จะแกล้งคุณแม่ของลูกต่อ...

และหลังจากที่กินกันอิ่มแล้ว เขาก็ดำเนินตามโครงการในวันนี้ของตัวเองที่ได้วางไว้ทันที พาคุณแม่ไปส่งที่ทำงาน พาคุณลูกออกไปซื้อขนม แล้วค่อยกลับมานั่งเฝ้าคุณแม่ทำงานต่อ หากกลับคุยกันเสียงดังจนรบกวนคุณแม่อ่านงานไม่ได้ ดวงหน้างามจึงหงิกงอด้วยความหงุดหงิดใจ

“คุณริดคะ คาร่าอยากกินขนมบัวลอยค่ะ คุณริดออกไปซื้อให้คาร่าได้ไหมคะ” แม้จะไม่พอใจที่เขากับลูกเสียงดังรบกวน แต่ก็ไม่อยากบอกไปตรงๆ จึงต้องข่มความหงุดหงิดใจ แล้วเอ่ยกับเขาไปด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานอย่างออดอ้อน ทำให้คุณสามีของเธอหยุดพูดกับลูก แล้วรีบลุกมารับออร์เดอร์ของเธออย่างไว

“แล้วจะเอาอะไรอีกไหม ฉันจะได้ออกไปซื้อให้ทีเดียวเลย ไม่อยากออกไปหลายๆ ครั้ง” ร่างสูงมายืนอยู่ตรงหน้า สีหน้าท่าทางดูสดชื่นสดใส และมีความสุข ทำให้ความขุ่นมัวที่เธอไม่พอใจที่เขากับลูกเสียงดังเหือดหายไปในพริบตา เพราะน้อยครั้งนักที่จะเห็นเขาเป็นแบบนี้ และถ้าเธอจำไม่ผิด เขาเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เธอกับเขาฉลองวันเกิดของกันและกัน และ...ครั้งสุดท้าย...เมื่อสามปีที่แล้วคือตอนที่ลูกดิ้นเป็น ตอนนั้นเขาตื่นเต้นมาก แนบหูฟังลูกดิ้นก่อนนอนทุกคืน...

คาร่าอมยิ้ม เงยหน้าขึ้นมองสามี เมื่อหวนนึกถึงช่วงเวลาดีๆ สมัยก่อนที่ตัวเองมีกับเขา ช่วงเวลานิดๆ ที่ทำให้เธอคลั่งรักเขามากมาย ผู้ชายเพียงคนเดียวที่สามารถทำเช่นนั้นให้เธอได้ ทุ่มเทเวลาทำไดอารี่คนท้องให้เธอ ทั้งที่เธอไม่ต้องลำบากทำเอง หุ้งข้าว ทำกับข้าว ซักเสื้อผ้าให้ เพราะไม่ต้องการให้เธอเหนื่อย...เขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำเช่นนั้นได้ สามีสุดที่รักของเธอ

“แล้วถ้าคาร่าอยากให้คุณริดออกไปหลายๆ ครั้ง คุณริดจะไปให้คาร่าไหมคะ” เธอนึกคิดแล้วฉีกยิ้มกว้างด้วยความปลื้มใจ ก่อนที่จะช้อนตาขึ้นมองเขาจะๆ แล้วปริปากเอ่ยหยอกเย้าเขาอย่างอยากจะลองเชิงดูว่า เขาจะทำเพื่อเธอได้เหมือนเมื่อก่อนนี้ไหม

“ฉันแก่แล้วคาร่า เธอไม่สงสารฉันเหรอ...หือ” คริษฐ์อมยิ้ม รู้ว่าแม่ยอดรักของตัวเองแค่อยากจะแหย่เล่นๆ เขาจึงย้อนเธอกลับ ทำหน้าซบเซา แล้วเดินอ้อมไปทางด้านหลังของเธอ ก่อนจะก้มลงมากอดคนที่นั่งทำงานอยู่ให้ได้อายสายตาลูก

“คุณริดคะ ลูกมองมาแล้วค่ะ” คาร่าเหลือบตาไปมองลูกสาวตัวน้อยที่นั่งกินขนมอยู่ที่โซฟา ยิ้มแหยๆ ให้ลูกอย่างขวยเขิน ก่อนจะเตือนสามีเบาๆ ให้เขาหยุด แต่คนถูกเตือนกลับยิ่งได้ใจ เขาซุกหน้ากับซอกคอของเธอทันที พร้อมกับแกล้งทำเป็นถอนหายใจแรงๆ

“เฮ้อ...ฉันเหนื่อยมากเลย ไม่มีแรงพยุงตัวแล้วสิ ทำไงดี” ท่าทางและวาจาอุทานออกมาคล้ายจะเหนื่อยจริงๆ แต่วงแขนกลับกระชับรัดเธอแน่นจนคาร่าต้องปริยิ้มกริ่มด้วยความดีใจ

“งั้นคาร่าเรียกรถพยาบาลให้ ดีไหมคะ จะได้ไปตรวจไงว่าเหนื่อยๆ เพลียๆ ไม่มีแรงน่ะ เป็นอะไร” เธอเอ่ยเย้าเขาต่อ แต่กลับลุกขึ้นยืนจนสามีต้องยืนขึ้นเช่นกัน ก่อนจะผละห่างจากเขา แล้วแกล้งรีบเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดตัวเลขโทรหารถพยาบาล ทำให้เขาต้องรีบเอื้อมมือมาแย่งโทรศัพท์จากมือเธอ

“ไม่อยากกินบัวลอยแล้วเหรอ ฉันจะไปซื้อให้แล้วไง” เขายึดโทรศัพท์มาได้ ก็เอามันกลับไปวางที่ของมัน พร้อมกับเอ่ยบอกเธอไปทันควันอย่างขลาดเกรงว่าเธอจะโทรเรียกรถพยาบาลมาจริงๆ ก่อนที่จะรีบเดินกลับไปหาลูก “เราไปซื้อบัวลอยให้คุณแม่กันค่ะ ถ้าช้า อาจจะเสี่ยงได้ไปนอนโรงบาลหลายๆ คืน” เขาบอกลูกคล้ายแอบเหน็บแนมคุณแม่ของแก ทว่าสายตาคมกลับหลิ่วมองคุณแม่ยิ้มๆ บอกความในใจที่เป็นอีกความหมาย ก่อนที่พาลูกออกไปซื้อขนมบัวลอยมาให้คุณแม่

คาร่ายืนยิ้มจ้องมองจนสามีกับลูกคล้อยหลังแล้ว เธอค่อยนั่งลงทำงานอีกครั้ง รู้สึกสบายใจขึ้นที่พวกเขาไปแล้ว และห้องก็กำลังเงียบ เธอจึงรีบอ่านงานส่วนที่เหลือให้เสร็จ ก่อนที่สองพ่อลูกจะกลับมา

ทว่าผ่านไปครู่ใหญ่ กลับได้ยินเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ ที่ประตูห้องทำงานของตัวเอง คล้ายกับว่ามีคนจะเข้ามา แต่ก็ไม่เข้ามาสักทีจนเธอนึกแคลงใจ จึงต้องลุกขึ้นไปดู เพราะคิดว่าอาจจะเป็นเลขาของตัวเองเอางานมาให้ดู แต่หญิงสาวอาจจะกลัวว่าจะมากวนเวลาของเธอกับครอบครัวก็เลยไม่กล้าเข้ามา

คาร่าคิดเช่นนั้นจึงเดินไปเปิดประตูให้ พร้อมตั้งใจจะซักถามว่าเอางานมาให้เธอดูเพิ่มใช่ไหม แต่แล้วเธอกลับต้องเปลี่ยนคำถามทันควัน เมื่อเปิดประตูออกมาแล้วเจอเลขายืนเคร่งเครียด สีหน้ากังวลจัด “เป็นอะไรณี มีอะไรหรือเปล่า”

“เอ่อ...คือ...คือมีคนอ้างว่าเป็นภรรยาของคุณคริษฐ์ค่ะ โทรมาเมื่อกี้นี้ และก็ขอนัดให้คุณไปพบที่ร้านกาแฟ ตรงข้ามกับบริษัทค่ะ เขาบอกว่า ให้ไปหาเขาเดี๋ยวนี้เลย แต่ณีกลัวว่า...”

“ภรรยา...” คาร่ารีบเอ่ยแทรกขึ้นมา แทบไม่รอให้เลขาจบประโยค เพราะเธอข้องใจ สงสัย และแปลกใจเป็นอย่างมากที่มีคนมาอ้างแบบนั้น ทั้งที่เธอ...คือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณคริษฐ์ หิรัญยศเจริญกุล ภรรยาตัวจริงของเขา แล้วผู้หญิงที่มาอ้างนั้น...เป็นใคร...

“ค่ะ เขาอ้างว่าเขาคือภรรยาของคุณคริษฐ์” อุษณีย์รีบยืนยัน เมื่อได้ยินเจ้านายสาวของตัวเองอุทานออกมาแบบนั้น แต่เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะเห็นสีหน้าของเจ้านายสาวเริ่มเคร่ง และดูสาวเจ้าจะขรึมกว่าเมื่อตะกี้นี้

“เขาให้ฉันไปหาที่ไหนนะ” แม้ว่าตอนนี้จะสับสนเล็กน้อย และไม่เข้าใจว่ามันเรื่องอะไร แต่เธอก็อยากรู้ และหลังจากนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก็เอ่ยขึ้นถามซ้ำกับเลขาอีกครั้งเพื่อย้ำความแน่ใจให้ตัวเอง

“ร้านกาแฟตรงข้ามบริษัทค่ะ แต่ณีว่าคุณคาร่าไม่ต้องไปหรอกนะคะ เขาอาจจะ...” อุษณีย์นึกห่วง จึงไม่อยากให้เจ้านายสาวไป หากแต่เธอก็ถูกขัดอีกครั้งจนต้องสะดุดหยุดพูดอีกหน

“กลับไปทำงานของเธอณี และถ้าเห็นคุณคริษฐ์กับนึงนึกกลับมา บอกคุณคริษฐ์ว่าฉันออกไปคุยงานข้างนอก ไม่นานก็จะกลับมา ให้เขารอฉันอยู่ที่นี่ อย่าบอกเขาเรื่องที่เธอบอกฉันนะ ฉันไม่อยากให้เขากังวล”

น้ำเสียงเคร่งขรึมเอ่ยออกมาเรียบเฉย พร้อมกับสีหน้าเรียบตึง ทำให้อุษณีย์ไม่กล้าปฏิเสธ นอกจากจะรีบขานรับอย่างเชื่อฟัง

“ค่ะ”



คาร่าเดินจากเลขาไปทันที เมื่อสั่งงานเสร็จ ออกไปทั้งทั้งที่ไม่พกอะไรไปด้วย เพราะเธอร้อนใจ อยากรู้ว่าคนคนนั้นเป็นใครจนลืมเรื่องอื่นๆ รีบเร่งอย่างเดียว แล้วเพียงแค่ครู่ใหญ่ๆ เธอก็มาถึงที่ร้านกาแฟดั่งกล่าวที่เลขาบอก จึงไม่รอช้าที่จะรีบเข้าไปข้างในร้าน ทว่าต้องตกใจ เมื่อมาถึงปุบ น้องสามีก็เดินเข้ามาทัก

“มาเร็วดีนี่ แต่ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” คคนางค์เดินเข้ามาทัก พร้อมกับยื่นซองสีส้มๆ หนึ่งซองให้พี่สะใภ้ “รับไปสิ ของขวัญจากคุณแม่ เพิ่งส่งมาเมื่อเช้านี้”

“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” คาร่ายิ่งงงหนักขึ้น เมื่อนี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอคาด แต่มันกลับด้าน เพราะเธอมา เพื่อมาพบคนที่อ้างตัวเองว่าเป็นภรรยาของสามีของเธอ ไม่ใช่มาเพื่อพบน้องสามีแบบนี้ แล้วคนคนนั้นล่ะไปไหน น้องสามีมาได้ยังไง หรือ...น้องสามีเองเป็นคนโทรหา แต่เลขาของเธอฟังผิด...

คาร่าครุ่นคิด ขณะที่รีบรับของสิ่งนั้นจากมือน้องสามี แต่เธอกลับยิ่งข้องใจหนักกว่าเก่ากับประโยคที่น้องสามีกล่าวมาเพิ่ม

“ดูให้เพลินนะ คุณแม่อุตส่าห์สงสาร เลยส่งมาให้ โชคดีล่ะ” คคนางค์อมยิ้ม พูดเสียงเรียบเฉย ก่อนที่จะเดินออกจากร้านไป แล้วปล่อยให้คาร่างงกับสิ่งที่เธอพูดและกิริยาของเธอ

คาร่าขบปากแน่น จ้องตามหลังที่คล้อยไปแล้วของน้องสามีอย่างสงสัยมากกว่าเก่า สลับกับก้มลงมองซองสีส้มๆ ในมือตัวเอง ก็ยิ่งทำให้เธออยากรู้ จึงต้องรีบกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง แล้วเปิดสิ่งที่อยู่ในนั้นออกมาดู

“นี่มัน...” มือน้อยๆ สั่นคลอนทันที พร้อมกับดวงตากลมโตเบิกกว้างกับสิ่งที่เห็น เธอไม่อยากเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อว่าบุคคลที่นอนยิ้มกริ่ม กอดผู้หญิงคนอื่นซบอกในรูปจะเป็น...สามีสุดที่รักของเธอ

“ไม่จริง...คุณเพิ่งบอกรักคาร่า นี่มันไม่จริง...” คาร่าเปล่งเสียงแผ่วออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่เมื่อดูรูปถัดๆ ไปอีกสิบกว่ารูป กลับทำให้น้ำตาเธอไหล เพราะทุกรูป และทุกสัดส่วนของบุรุษในรูปคือสามีของเธอ ปีศาจที่รักของเธอ...นี่เขาทำอีกแล้วใช่ไหม เขาแอบไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นอีกแล้วใช่ไหม ทำไมเขาไม่พอ ทำไม! แล้วที่เขาบอกว่ารักเธอล่ะ รักเธอที่สุดในโลกล่ะ มันเป็นเรื่องโกหกใช่ไหม เขาโกหกใช่ไหม!

หัวใจดวงน้อยร้องไห้ แต่เธอกลับรีบปาดน้ำตาไม่ยอมให้มันไหล เพราะเธอจะไม่ยอมอ่อนแออีก เธอไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอคนนั้นอีก เธอในวันนี้มีหน้าที่การงานที่ดีทำ เป็นผู้บริหาร หนำซ้ำเธอยังมีลูก ความรักของเธอ ที่คอยช่วยหนุนเธอ ไม่ให้เธอแพ้ต่อสิ่งใดๆ ฉะนั้นเธอจะไม่อ่อนแอ ไม่แยแสว่าเขาจะไม่รัก ไม่อยากหยุดที่เธอ เพราะเธอจะทำให้เขารักและหยุด...อยู่ที่เธอเอง ด้วยเหตุผลเพียงหนึ่งเดียว...

“...เพราะคาร่ารักคุณเหลือเกินค่ะ...” คาร่าอมยิ้มทั้งน้ำตา พร้อมกับสะอื้นหนักๆ ขณะที่ค่อยๆ ฉีกแต่ละรูปในมือให้เป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนที่จะเอามันกลับไปยัดใส่ซองของมันเพื่อที่จะเอากลับไปเผาทิ้งที่บ้าน แต่เธอจะไม่ให้เขาเห็น เขาจะไม่มีทางรู้ว่าเธอรู้แล้ว ในเมื่อเขาอยากให้เธอโง่ เธอก็จะทำตัวโง่ให้สมใจเขา แต่อย่าหวังว่าเธอจะปล่อยเขาไป เขาไม่มีทางไปจากเธอได้อีก เธอจะไม่ยอมอีก เขาจะต้องอยู่กับเธอ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เพราะ... “คุณคือของคาร่า ของคาร่าคนเดียว”

เสียงหวานเน้นชัด สะอื้นไปพลางด้วย แต่ก็ต้องชะงัก รีบเอาเศษรูปพวกนั้นไปซ่อน เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของสองพ่อลูกแว่วๆ มา และคาดว่าอีกแค่ไม่กี่วินาทีพวกเขาคงเปิดประตูห้องเข้ามาหา คาร่าจึงต้องรีบเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา ก่อนจะออกมาเจอพวกเขา

“คุณแม่ นึงนึกได้บัวลอย” เสียงน้อยๆ เรียกหาทันทีที่เธอผลักประตูห้องน้ำเปิดออก พร้อมกับร่างเล็กๆ วิ่งมาหาเร็วๆ “คุณพ่อบอกให้คุณแม่ป้อน คุณพ่อเจ็บแขน แบกนึงนึกนานแล้วเจ็บแขน กินเองไม่ได้” แกออดอ้อนมาให้ตามคำสั่งของคุณพ่อ พร้อมทำตาแป๋วๆ น่ารักน่าเอ็นดูจนคุณแม่ต้องยิ้มให้แก แม้จะยังเศร้าใจกับเรื่องที่เพิ่งได้รู้

“ป้อนใครคะ นึงนึกหรือคุณพ่อ” คาร่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ความหมายของลูก จึงทวนถามไปให้แกบอกมาอีก

“คุณพ่อ ป้อนคุณพ่อ นึงนึกโตแล้ว นึงนึกกินเองได้” ดวงหน้าน้อยแหงนขึ้นมองคุณแม่ พร้อมพยักให้เบาๆ เพื่อยืนยันว่าแกกินเองได้ แต่คุณพ่อต่างหากที่ต้องการความช่วยเหลือ

“งั้นคุณพ่อก็คงยังไม่โต” คาร่าเอ่ยเย้ากับลูก แต่พอเหลือบตาไปมองสามี ก็ทำให้หัวใจของเธอโหวงๆ มันเจ็บแปลบอีกอย่างอธิบายไม่ถูก ใบหน้าหล่อๆ ยิ้มมีเสน่ห์น่าหลงใหลนั้นเหรอ ที่โกหกเธอ เขาโกหกเธอด้วยใบหน้าแบบนั้นเหรอ...

คาร่าถามตัวเองอีก แต่ไม่ต้องการคำตอบอีกแล้ว เพราะเธอจะทำทุกอย่าง...ให้สิ่งที่เขาโกหกเธอเป็นจริง แม้ตอนนี้มันจะเป็นเพียงแค่การแสแสร้างทำของเขาเท่านั้น แต่ต่อไป...เธอจะทำให้มันเป็นจริงขึ้นมา เขาต้องยิ้มให้เธอ ยิ้มออกมาจากหัวใจของเขา!

เธอปฏิญาณกับตัวเอง ก่อนที่จะจูงมือลูกแล้วเดินไปหาสามีที่นั่งหน้าเศร้าที่โซฟารับรองแขกภายในห้องทำงานของเธอ พร้อมกับฝืนปั้นยิ้มแป้นให้เขา เพื่อกลบเกลื่อนทุกอย่าง ไม่ให้เขารู้ว่า...ตอนนี้ เธอรู้แล้วว่าเขาแอบไปทำอะไรกับผู้หญิงคนอื่นมา

“เจ็บแขนเหรอคะ” คาร่าอมยิ้มกริ่มซักถาม พาลูกมาทรุดลงนั่งข้างๆ สามีที่ตอนนี้แกล้งทำหน้าสลด เพราะอ้างว่าเจ็บแขน

“อืม” คริษฐ์ทำหน้าซบเซา ครางรับเสียงเบาในลำคอ พยายามทำให้ดูคล้ายว่าเจ็บแขนจริงๆ

“งั้นเดี๋ยวคาร่านวดแขนให้นะคะ แต่ขอคาร่าแกะขนมให้ลูกก่อนค่ะ แล้วจะกลับมานวดแขนให้” เธอมองสำรวจแขนเขานิดหน่อย ยิ้มแป้นพูดกับเขา ก่อนที่จะหันไปอะไรมาใส่ขนมให้ลูก

ลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปสักพัก ก็กลับเข้ามาพร้อมกับถ้วยพลาสติกเล็กๆ สองใบ แล้วรีบแกะขนมบัวลอยที่คุณพ่อกับคุณลูกเพิ่งไปซื้อมา มาเทใส่ถ้วยให้ลูกกิน

“นึงนึกทานไปก่อนนะคะ คุณแม่ไปนวดแขนให้คุณพ่อเสร็จจะมาทานด้วย” คาร่าหยิบช้อนมาให้ลูก แล้วให้แกกินเอง พูดกับแกพลางรีบกลับมาหาคุณพ่อของแก แล้วเริ่มนวดแขนให้เขา

“ดีไหมคะ...เจ็บมากไหม...ตรงนี้ไม่เจ็บเหรอคะ” เธอถามซ้ำๆ เรื่อยๆ กับสามประโยคนี้ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้คริษฐ์อมยิ้มระรื่นอย่างสุขใจ

“อืม...ดี ไม่เจ็บมาก ตรงนั้นไม่เจ็บ” เขาขานคำเธอ พิงหลังกับโซฟาอย่างสบายตัว อมยิ้มกริ่ม ขณะที่หลับตารับรู้สัมผัสนุ่มๆ จากมือบาง

คาร่าเห็นแบบนั้นก็อยากจะบีบแขนเขาแรงๆ ให้เขาเจ็บมากๆ ให้มันเท่ากับความเจ็บที่ตอนนี้เธอพยายามฝืน อยากให้เขาทุกข์และทรมานไปด้วยกับเธอ แต่แล้วก็ไม่ทำ ไม่กล้าที่จะทำ เพราะสิ่งที่เธออยากได้มากกว่าให้เขาเจ็บปวด คือความรักของเขา สิ่งเดียวที่เธออยากได้มากที่สุดในโลกใบนี้ ฉะนั้นเธอจึงต้องฝืน ต้องกลั้น และต้องอดทนไว้ พยายามกลั่นยิ้มออกมาเพื่อปกปิดความเจ็บช้ำของใจ เพื่อมีเขาต่อไป...

“บ่ายแล้วเรากลับบ้านเลยดีไหมคะ ไม่ต้องไปเที่ยวไหน ไว้แขนคุณหายก่อนเราค่อยไปนะคะ” คาร่าเตือนใจตัวเอง จึงต้องฝืนปริยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง แล้วอ้อนสามีเสียงอ่อนเสียงหวาน ขณะที่นวดแขนเขาไปด้วย เพราะเธอไม่ต้องการไปเที่ยวไหน ไม่ต้องการให้เขาพาไปไหน แต่เธอ...ต้องการเผด็จศึกกับเขา!

“แต่ฉันอยากไปนี่นา อยากรู้ว่าผ่านไปหลายปี มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง” ร่างสูงที่นั่งอิงหลังอย่างสบายอารมณ์ ปรือตาพร้อมกับพูดขึ้นมาตอบภรรยา เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนั้น โดยรู้ไม่ทันว่า เจ้าหล่อนไม่อยากไปเที่ยวไหน เพราะอยากทำอะไรอย่างอื่นที่พิสดารกว่า

“คุณอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของสิ่งรอบข้าง มากกว่าอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงของคาร่าเหรอคะ” คาร่าเคืองที่สามีปฏิเสธ แต่อีกครั้งที่เธอต้องเก็บความเคืองใจไว้ เพราะเธอต้องการไปให้ถึงเป้าหมายของเธอ สาวเจ้าจึงไม่แสดงออกมาว่าไม่พอใจที่เขาปฏิเสธ ตรงข้ามหยุดนวดแขน แล้วทำท่าก้มหน้าลงกระซิบเสียงเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่เธอกับเขา

แต่นั่นกลับทำให้คริษฐ์ตาโต หยัดกายนั่งตัวตรง หน้าตาอึ้งงง คล้ายได้ฟังที่เธอพูดไม่ชัด อั้นนิ่งอยู่จนเธอต้องเงยหน้าหันกลับมามอง “เหรอคะ” เสียงหวานกระเส่าทวนมาอีก คริษฐ์จึงต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“ความเปลี่ยนแปลงของเธอน่าเห็นมากกว่า” คริษฐ์ค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา แล้วตอบเธอไปเสียงค่อยเบาๆ ทั้งอึ้งทั้งแปลกใจ ไม่เคยคิดว่าคาร่าคนดี แม่ยอดชีวีคนขี้อายของเขา จะกล้าเอ่ยชวนเช่นนี้ แต่ยังไงเขาก็ดีใจ ดีใจสุดๆ ที่ไม่ต้องหาเรื่องทะเลาะกับเธอ เพื่อให้ได้นอนกับเธอเหมือนเมื่อก่อนนี้อีกแล้ว ไม่ต้องอีกแล้ว...

“งั้นคาร่าไปเก็บของนะคะ เราจะได้กลับกันเลย” สายตาเรียวช้อนมองเขายิ้มๆ และเมื่อกล่าวจบก็ลุกไปเก็บงานของตัวเองเข้าแฟ้มทันที พร้อมกับเก็บขนมที่ลูกยังกินไม่เสร็จด้วย เพราะเธอต้องการที่จะกลับตอนนี้เลย







เทียมทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ย. 2555, 03:34:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ม.ค. 2556, 05:36:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1529





<< ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๘ ความเจ็บที่ไร้เงา   ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๑๐ มารมันผจญ >>
Zephyr 7 ก.ย. 2555, 13:42:04 น.
คุณแม่พระเอกต้องมีแผนชั่วแน่เลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account