รังรัก (จบแล้วค่ะ)
เมื่อวันนึงต้องตื่นมาพบว่า
ไม่มีอะไรเป็นของเรา แม้กระทั่งตัวของเราเอง
คุณจะทำอย่างไร เมื่อรู้ว่า
ทุกอย่างยังคงอยู่ที่เดิม อยู่ตรงหน้า
แต่ไม่สามารถเอื้อมคว้าหรือสัมผัสได้...


Tags: ดราม่า อากิโกะ เหยี่ยว ฑยาวีย์ นายรัก

ตอน: บทที่ 41 ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่

ตอนแรกตั้งใจว่าจะตั้งชื่อตอนว่า

"ส่งท้ายเรื่องเก่า ตอนรับเรื่องใหม่" นะเนี่ย...อิอิอิ...

หรือว่าจะเป็น

"ส่งท้ายแฟนเก่า ต้อนรับแฟนใหม่..."ดี 5555





ขอตอบความเห็นก่อนนะคะ

ตอบคุณ pookza...เมื่อคืนโยกลับถึงบ้านดึกค่ะ...กว่าจะกินข้าวอะไรเสร็จ
ก็จะห้าทุ่มเข้าไปแล้ว...กะจะเข้านอนเลย แต่นึกได้ว่า เรายังไม่ได้โพสต์รังรักนิ...
ก็เลยโผล่หัวออกจากกระดองมาเคาะแป้นค่ะ...คืนนี้ตามเคย ฝนตกรถติด
กว่าจะกลับมาถึงก็เกือบไม่รอด...เหอๆ...ขอบคุณนะคะที่เข้ามาเติมกำลังใจให้เต่าโย
และอย่าลืมมาเชียร์เป็ดวานาโนกันต่อในเรื่องหัวใจไร้ที่อยู่นะจ๊ะ...อิอิ

ตอบคุณblackcoffee...ตอนนี้ไม่เศร้าแล้วนะตัวเอง...โยทำร้ายนักอ่านมาตลอดทั้งเรื่อง
ก็อยากจะให้นักอ่านมีความสุขตอนจบน่ะค่ะ...อิอิ...อย่าลืมมาเชียร์และเป็นกำลังใจ
ให้เป็ดวานาโนกันในเรื่องต่อมาของเต่าโยนะคะ...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม
โยขอให้มีความสุขในการอ่านนะคะ...

ตอบน้องหนอน...พี่ไม่ได้ใจร้ายนะน้องหนอน ลุงของอากิโน่นใจร้ายยยยยย...เฮะๆ
รีบมาต่อให้แล้วนะจ๊ะ...ว่าแต่ไม่มีอะไรพิเศษๆให้พี่บ้างเลยเหรอ...อิอิ
ขอบคุณน้องหนอนมากนะจ๊ะที่มาส่งแรงใจให้พี่...จุ๊บๆ

ตอบคุณMDDC....โยทำให้นักอ่านเศร้ามาเยอะแล้ว...ขอจบแบบหวานๆบ้างนะคะ...
นักอ่านจะได้ยิ้มได้ และก็นอนหลับฝันดี...อิอิอิ...ไม่ต้องสยอง...เฮะๆ
ขอบคุณนะคะที่เป็นกำลังใจให้เต่าโย....

ตอบคุณmallow...มาให้แล้วนะตัวเอง...ตอนนี้เป็นตอนพิเศษจริงๆ...
เพราะตั้งใจทำพิเศษขึ้นมาให้นักอ่านได้ยิ้มได้ในที่สุด หลังจากคร่ำเครียด
และเสียน้ำตามาหลายๆตอน...เฮะๆ...ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจที่มีให้เต่าโย...
แล้วเจอกันที่เรื่องหัวใจไร้ที่อยู่นะตัวเอง...อย่าเพิ่งทิ้งเค้าไปนะ...อิอิ

ตอบคุณPat...ช่ายค่ะ...นี่เป็นการเอาคืน...แต่โยว่าไม่ใช่การเอาคืนเล็กๆน้อยๆแล้วล่ะค่ะ
เพราะทำเอาพระเอกเราแก่ขึ้นตั้งหลายปีเลยนะ...แถมเจอกันอีกทีมีเซอร์ไพร้อีก...
หวังว่าตอนพิเศษจะทำให้นักอ่านมีความสุขเป็นพิเศษนะคะ...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจ

ตอบคุณตามหาฝัน...กว่าตานน้อยจะกลับคืนสู่เว็บเลิฟ ก็คงต้องวางเสาให้เป็ดวาเค้าก่อนค่ะ
เพราะว่า ยังมีเรื่องราวของเป็ดวานาโนตอนที่ยังละอ่อนอยู่...
มาดูกันค่ะว่าเป็ดวาจะสร้างวีรกรรมอะไรให้สองหนุ่มนั้นได้จดจำกันบ้าง....
ปล.ตอนนี้โยเขียนคานน้อยมาจนถึงตอนที่เป็ดวาท้องแล้วนะตัวเอง...
แต่จะท้องกับใคร...อันนี้ยังเปิดเผยไม่ได้...อิอิอิ...ต้องรออ่านกันค่ะ...
(แต่ต้องขอบอกเอาไว้ก่อนนะตัวเอง ว่าคานน้อยน่ะเรื่องยาวจริงๆ ยาว ย้าว ยาว...)

ตอบคุณบัวขาว...แสดงว่าโกรธแค้นนายรักน่าดูเลยใช่มั้ยคะ...
อย่างว่าล่ะค่ะ...นายรักเค้าไม่ชอบกินข้าว...เพราะเห็นกินหญ้ามาทั้งเรื่องเลยเนอะ...อิอิอิ...
นี่ถ้าพี่ชายไม่เอาเขาออกจากหัวให้ล่ะก็...ไม่มีทางสมหวังนะนั่่น...เฮอะๆๆ(หัวเราะแบบสะใจ)
ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...

ตอบคุณsai...ได้เลยค่ะ...เดี๋ยวโยจัดให้...เอาเป็นคืนพรุ่งนี้เลยนะคะ(ถ้าไม่มีอะไรติดขัด)
โยคงเอาเรื่องของเป็ดวามาลงคืนวันพรุ่งนี้ค่ะ...อิอิ...
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...

ตอบคุณgoldensun...คนเขียนก็เขียนด้วยความสมน้ำหน้านายรักเค้าเหมือนกันค่ะ...อิอิ...
แบบว่าเหมือนจะรอตอนนี้มานาน...จริงๆแล้วเต่าโยปลื้มหมอรังเค้าค่ะ...
และแอบชอบพี่ลมด้วย...เพราะสองหนุ่มนี้เค้าน่ารักอ่ะ...ส่วนนายรักจะมีคาแรคเตอร์
ไปทางเจ้าชู้และเจ้าอารมณ์ไปนิดนึง เลยทำให้น่าหมั่นไส้อ่ะเนอะ...อิอิอิ...
แต่เรื่องหน้า นายรักเค้าน่ารักนะตัวเอง...เพราะได้เป็นคุณพ่อลูกแฝด...เฮะๆๆ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...อย่าเพิ่งทิ้งเต่าโยไปไหนนะคะ
มาส่งกำลังใจเชียร์เป็ดวานาโนกันต่อในเรื่องหน้านะคะ...


สุดท้ายไม่ท้ายสุด ขอบคุณทุกไลค์ ทุกกำลังใจ ทุกๆคนที่เข้ามาคลิกอ่านค่ะ
และโยก็หวังว่าจะทำให้นักอ่านมีความสุขเมื่ออ่านเรื่องนี้จบนะคะ...

มาติดตามกันต่อเลยค่ะว่าเรื่องนี้...มันหักมุมอย่างไร...และหักมุมตรงไหน...








บทที่41 ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่


2ปีผ่านไป

แม้ว่าชีวิตของเขาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน
แม้ว่าตอนนี้การงานของเขาจะรุดหน้าจนเขาได้กลายเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจอย่างเต็มตัว
เลิกงานแสดงและหันมาสร้างงานเพลงซึ่งเป็นงานที่เขารัก
จนกลายเป็นนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงดังก้องโลกในชื่อ ‘Eventide’ ซึ่งแปลว่ายามพลบค่ำ

ไม่ใช้ชีวิตหวือหวาไปตามสังคมอย่างแต่ก่อน
หากกลับมีสติในการใช้ชีวิตมากขึ้น เพราะเขายังมีคนที่รักอยู่ อย่างมารดาและพี่ชาย

แม้้ว่าก่อนหน้านั้นเขาจะฟูมฟายให้กับอดีตมามากมายแค่ไหน
แต่สุดท้ายเขาก็นึกได้ว่าชีวิตมันต้องเดินต่อไป เขายังมีคนให้รักอีกมากมาย

ความรักที่ร่วงหล่นไปในครั้งก่อนสอนให้เขารู้ว่า รักมันยังไม่หมด
ในเมื่อเขายังมีคนอื่นๆในชีวิตอีกมากมาย และเพราะเธอ
ถึงทำให้เขาได้เรียนรู้ที่จะอยู่เพื่อจะรักคนอื่นมากขึ้น

เธอทำให้เขามองเห็นคุณค่าแห่งความรัก
แม้วันนี้จะไม่มีเธอ แต่เธอยังอยู่กับเขาเสมอ แม้ความรักในครั้งนั้นจะร่วงหล่นไป
แต่ไม่เคยหล่นหายไปจากหัวใจของเขาได้เลย

ดังนั้นทุกวันนี้ที่เขาอยู่ก็เพื่ออุทิศชีวิตให้กับคนที่เขารัก
เขาจะไม่ยอมปล่อยเวลาที่มีอยู่ให้หายไปโดยไม่ทำอะไร
เพื่อคนอื่นอีกอย่างเมื่อครั้งนั้น เขาจะไม่มานั่งประชดชีวิต
เพื่อทำร้ายตัวเองและทำร้ายคนที่รักเขาอีกต่อไป

ทุกวันนี้เขาทำงานเพื่อส่วนรวมด้วยหัวใจรัก
เขารู้ซึ้งแล้วว่าการจากเป็นมันดีกว่าการจากตายก็ตรงที่
อย่างน้อยการจากกันทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ มันก็ยังมีความหวัง
ว่าสักวันเราอาจจะมีโอกาสได้เจอกันอีก…

เขาก็เลยประมาทไปในครั้งนั้น จนทำให้ความหวังที่ว่่ากลายเป็นไม่มี
เมื่อเขาไม่มีความหวังว่าจะได้เจอเธออีก…

และสิ่งหนึ่งที่เขาได้จากเธอนั่นคือการให้…เขาเรียนรู้ที่จะให้มากขึ้น…
มีความสุขและภูมิใจที่ได้เห็นรอยยิ้มจากคนที่รับ
และนี่คือความสุขเดียวที่เธอทิ้งเอาไว้ให้เขา


ฑยาวีย์นั่งมองทะเลในยามบ่ายของวัน เขาจะแวะมาหาเธอที่บ้านรังรักนี้เสมอ
นั่งมองภาพเขียนของเธอที่เขาเคยประมูลมาได้ในครั้งนั้น
ภาพเขียนที่บอกรายละเอียดและความรู้สึกทั้งหมดของเธอได้ดี

วันนี้เขาเข้าใจแล้วว่า เธอต้องการจะสื่ออะไรออกมา

ภาพเขียนที่เหมือนมีชีวิตและจิตใจนั้นมันบอกเขาได้อย่างชัดเจน
ภาพนกเหยี่ยวที่บินโฉบเฉี่ยวอย่างเดียวดายอยู่บนก้อนเมฆในยามที่ตะวันกำลังจะลาลับขอบฟ้า
กับภาพหงส์ทองที่ร่ายรำอยู่เหนือภูผาที่อุดมไปด้วยพันธุ์ไม้ในยามที่ตะวันกำลังจะโผล่พ้นขอบฟ้า
เพื่อทักทายวันใหม่นั้นมันสื่ออะไรออกมาได้มากมาย หลากหลายความรู้สึกนัก
เวลาที่ได้มองมัน

แม้จะต่างเวลาต่่างบรรยากาศแต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
นั่นคือความเป็นหนึ่งเหมือนชื่อภาพ ‘The One’ที่เธอเป็นคนตั้งเอง

ซึ่งคำว่่าหนึ่งมันสื่ออะไรออกมาได้หลายความรู้สึกนัก
และมันไม่ต่างจากความรู้สึกของเขาในตอนนี้เลย…

เขารู้ซึ้งถึงคำว่า ‘ยิ่งสูงยิ่งหนาว’ได้ดีก็วันนี้เอง…


เขารู้แล้วว่าหญิงสาวที่เขารักทั้งสองคนต้องเหงาและเดียวดายแค่ไหน
ที่ต้องโบยบินอยู่บนนั้น…


ชายหนุ่มหยิบอมยิ้มออกมาดู จนทุกวันนี้เขาก็ยังเลิกมันไม่ได้สักที
ก่อนจะเงยหน้ามองไปยังผืนทรายสีขาวแล้วยิ้มออกมากับมโนภาพที่ผุดขึ้นมา
จากความทรงจำตอนที่เขายื่นอมยิ้มให้กับนางเงือกน้อยของเขา
ซึ่งมันทำให้เขาได้เห็นรอยยิ้มของเธอ รอยยิ้มที่เขาไม่เคยลืมเลือนไปจากความทรงจำได้เลย

เขาไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองจะสามารถจำอะไรที่เกี่ยวกับเธอได้มากมายขนาดนี้


ก่อนจะยิ้มบางๆให้กับภาพเด็กน้อยสองคนที่ตอนนี้กำลังจูงมือเดินเล่น
อยู่ตรงหาดทรายเบื้องหน้าของเขาพร้อมกับมองไปรอบๆ
ก็ไม่เจอพ่อกับแม่ของเด็กน้อยสองคนนั้น

เขาจึงค่อยๆเดินเข้าไปหาแล้วก็ให้ประหลาดใจเมื่อเห็นหน้ากลมแก้มแดงของเด็กน้อยทั้งสอง
ที่แม้จะต่่างเพศกันแต่เขามั่นใจว่าเด็กทั้งสองต้องเป็นฝาแฝดกันแน่ๆ

เพราะหน้าตาที่ราวกับถอดออกมาจากเบ้าเดียวกัน

แล้วต้องชะงักเมื่อสบแววตาวาวใสไร้เดียงสาคู่นั้นของเด็กชายตัวน้อย
แววตาที่ทำให้เขานึกไปถึงใครบางคน คนที่ยังอยู่ในใจเขามาตลอด

เด็กทั้งสองมองหน้าเขานิ่งด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้


ชายหนุ่มส่งยิ้มไปให้เด็กน้อยทั้งสองพร้อมกับยื่นอมยิ้มที่ถืออยู่ไปให้
แต่เจ้าเด็กน้อยทั้งสองกลับยิ้มร่าก่อนจะหันมามองหน้ากัน
แล้วก็ส่ายหน้าพร้อมกับล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อด้านหน้าของตัวเอง
ชูเจ้าอมยิ้มออกมาพร้อมเสียงแจ้วเจรจาว่า

“ของป๋มก็มีคับ”เด็กชายตัวน้อยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส
พร้อมรอยยิ้มใสซื่อไร้เดียงสา น่ามองยิ่งนักในความรู้สึกของเขา

“ของปายก็มีด้วยค่ะ”เสียงใสๆน่ารักๆดังมาจากเด็กสาวตัวน้อยๆด้วยอีกคน
ทำเอาชายหนุ่มอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเจ้าอมยิ้มนั่น
ก่อนจะนั่งคุกเข่าลงใกล้ๆแล้วถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มว่า

“เราสองชื่ออะไรกันบ้างเอ่ย”เด็กน้อยยิ้มออกมาก่อนจะตอบ
ด้วยความไร้เดียงสา ไม่มีแววเขินอาย จนชายหนุ่มทึ่ง

“หนูชื่อปายฝนค่ะ”เสียงใสแจ้วดังขึ้นก่อน

“ป๋มชื่อต้นหนาวคับ”สิ้นเสียงของเด็กน้อยทั้งสอง
ทำเอาชายหนุ่มแทบอยากจะเข้าไปกอดเด็กทั้งสองทันทีด้วยซ้ำ
หลังจากที่ได้เห็นหน้าตาน่ารักพร้อมกับเสียงแจ้วเจรจา
ทั้งที่เขาคิดว่าทั้งสองน่าจะแค่สองขวบได้แต่กลับพูดจาฉะฉาน
และดูจะมีความมั่นใจในตัวเองจนอดคิดไปถึงพ่อแม่ของเด็กทั้งสองไม่ได้

…ลูกใครกัน ทำไมถึงได้ปล่อยให้ออกมาเดินเล่นตามลำพังสองคนพี่น้องอย่างนี้

คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มเลยถามขึ้นว่า

“พ่อกับแม่ของเราสองคนไปไหนซะล่ะครับ”เด็กน้อยหันมามองหน้ากันอีกครั้ง
ก่อนจะหันมายิ้มแล้วตอบอย่่างฉะฉานว่า

“มี่กำลังคุยอยู่กับคุณย่าคับ”เสียงนั้นดังมาจากเด็กชายตัวน้อย

“ส่วนป้อ มี่บอกว่าตอนนี้ป้อกำลังอยู่ในช่วงเข้าคอร์สอบรมอยู่ค่ะ
แต่ทำไมมันน้านนานก็ไม่รู้ค่ะ เพาะปายยังไม่เคยเห็นหน้าป้อเลยค่ะ
แต่มี่บอกว่าเดี๋ยวป้อก็กลับมาแล้วล่ะค่ะ”เด็กสาวตัวน้อยตอบเสียงแจ้วๆ
พร้อมกับคำอธิบายด้วยประโยคยาวๆ ทำให้คนฟังรู้สึกภูมิใจแทนพ่อแม่ของเด็กทั้งสอง
ที่มีลูกที่ทั้งน่ารักและฉลาดเกินวัย
จนชายหนุ่มอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้เลยดึงสาวน้อยเข้ามากอด
ซึ่งเด็กน้อยก็หาได้รังเกียจอ้อมกอดนั้นไม่ แถมยังยกมือโอบรอบคอเขา
ด้วยรอยยิ้มน่ารักจับตาจับใจ อีกคนเองก็ยกแขนป้อมๆชูขึ้นพร้อมรอยยิ้มดีใจ
ชายหนุ่มเลยคว้าเข้ามากอดด้วยอีกคน
จนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอุ่นซ่านในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

เขาจึงยิ้มออกมาด้วยความสุขใจอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน
เขาเองก็อยากมีลูกอยากมีครอบครัวเล็กๆบ้าง มันคงอบอุ่นน่าดู
ถ้ามีเจ้าตัวเล็กมาอยู่ในอ้อมกอดจริงๆ

รู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนแค่มีเด็กน้อยสองคนมาอยู่ในอ้อมกอด
มันทำให้หัวใจที่เคยเหน็บหนาวอุ่นขึ้นได้ขนาดนี้เลยหรือ

แล้วชายหนุ่มก็เดินจูงเด็กน้อยทั้งสองเดินเล่นบนหาดทรายไปเรื่อยๆ
จนเด็กน้อยทั้งสองขอนั่งลงแล้วช่วยกันก่อกองทรายอย่างสนุกสนาน
เขาเลยได้แต่นั่งมองอยู่ข้างๆด้วยความเอ็นดู

ผ่านไปสักครู่เขาก็เห็นเด็กทั้งสองผุดลุกขึ้นพร้อมกัน
ก่อนจะโผวิ่งไปทางด้านหลังของเขาแล้วตะโกนด้วยสีหน้าดีใจ

“มี่/มี่”ชายหนุ่มหันไปมองตามเสียงนั้นก่อนจะตกใจกับภาพที่เห็น
แล้วจึงค่อยๆลุกขึ้นเดินไปยังหญิงสาวผมยาวสลวยปล่อยสยายไปตามลม
ที่ตอนนี้กำลังนั่งกอดเด็กทั้งสองโดยที่มือก็ปัดเศษทรายให้เด็กน้อยสองคนอยู่ด้วยรอยยิ้มบางๆ
เหมือนรอยยิ้มของใครบางคนที่เขาไม่เคยลืม ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่น


แล้วเหมือนโลกหมุนกลับ ราวกับฝันไป เมื่อเธอคนนั้นหันมาทางเขา
แววตาคมคู่นั้นทำเอาเขาใจสั่น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ก่อนจะค่อยๆย่างเข้าไปหาเธอทีละนิดราวกับตกอยู่ในภวังค์
และเมื่อมายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ภาพหญิงสาวหน้าหวานที่อยู่ในสีขาวโปร่งบาง
กับผ้าลายสวยที่ผูกเอาไว้ที่เอวบางพริ้วไหวไปตามสายลม
ราวกับสาวชาวเกาะตรงหน้าที่ทำเอาเขาหัวใจกระตุก
ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับครางชื่อหญิงสาวที่อยู่ในใจของเขามาตลอดว่่า

“อากิ”

เขาเห็นเธอยิ้ม ใช่ เธอยิ้ม ยิ้มที่เหมือนของนางเงือกน้อย

ชายหนุ่มจึงโผเข้าหาแล้วกอดเธอเอาไว้แน่นด้วยความคิดถึง

เขาแน่ใจว่านี่คือเธอ แม้ว่าคนตรงหน้าจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน
ทว่าเขาก็มั่นใจว่านี่คือเธอ…

หญิงสาวเองก็กอดเขาแน่นเช่นกันและนั่นทำให้เขารู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป

แต่ต้องชะงักกึกเมื่อเจ้าเด็กน้อยสองคนเริ่มกระตุกขากางเกงของเขาเบาๆทั้งสองข้าง
ชายหนุ่มก้มลงมองก่อนจะหัวเราะออกมา

“คุณทำไรแม่ป๋ม ป๋มไม่ยอม”เสียงเล็กๆที่แฝงแววดุๆดังขึ้น
พร้อมแววตาเอาเรื่องของนายต้นหนาวทำเอาชายหนุ่มยิ่งงง

“ช่ายๆ ปายก็ไม่ยอม”ชายหนุ่มนิ่งงันกับคำพูดนั้น เด็กสองคนนี้เรียกเธอว่าแม่เหรอ
เมื่อกี้ที่เด็กคนนั้นเรียกว่ามี่ นั่นหมายถึง แม่อย่างนั้นน่ะเหรอ…

ชายหนุ่มหันมามองหน้าหญิงสาว ก็เห็นแต่รอยยิ้มบางๆเท่านั้น เขาจึงค่อยๆผละออก

“ผมขอโทษครับ ผมคงเข้าใจผิดไป ขอโทษจริงๆครับ”

เขาเอ่ยขอโทษออกไปทันที สงสัยเขาคงคิดถึงเธอมากเกินไปจนเพ้อ
หากก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเขาตอนนี้เหมือนเธอมาก
มากจนเขาคิดว่าเป็นคนๆเดียวกัน

“ขอโทษทำไมคะ”ชายหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อได้ฟังน้ำเสียงนั่น
น้ำเสียงที่เขาจำได้ไม่เคยลืมเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น
หรือว่าโลกกำลังหมุนกลับ ทว่าคำพูดต่อมาของเธอกลับทำเอาเขามึนไปชั่วขณะ

“ปลายฝน ต้นหนาว สัมผัสมือกับพ่อสิลูก”เด็กทั้งสองมองหน้ากัน
ก่อนจะมองหน้ามารดาทีมองหน้าชายหนุ่มข้างๆทีแล้วร้องตะโกนออกมา
เมื่อเห็นมารดาพยักหน้าให้ก่อนจะโผเข้าหาชายหนุ่ม
พร้อมเสียงใสที่ตะโกนเรียกชื่อ
“ป้อรัก/ป้อรัก”ชาวหนุ่มชะงักงันกับสิ่งที่ได้ยิน

ก่อนจะคุกเข่าลงแล้วอ้าแขนรับทั้งสองเอาไว้ในอ้อมกอด
ในขณะที่สมองยังคงเบลอๆ และงงว่านี่มันคืออะไร
เขากำลังอยู่ในความฝันใช่มั้ย หรือว่าเขาได้ตายไปแล้วกันแน่

“ป้อรักกลับมาหาปายแล้วใช่มั้ยคะ”เสียงใสถามด้วยความดีใจ
ยิ้มให้คนที่ตนเรียกว่าพ่อก่อนจะก้มลงหอมแก้มสากๆนั่น
แล้วฉีกยิ้มโชว์ฟันขาวสะอาดจนคนที่เพิ่งได้เป็นพ่อมาหมาดๆอดใจไม่ไหว
หอมแก้มกลมๆสีชมพูนั่นซะฟอดใหญ่ เด็กชายตัวน้อยก็ไม่ยอมแพ้ หอมแก้มคนเป็นพ่อบ้าง

หญิงสาวมองภาพพ่อลูกหอมแก้มกันด้วยความสุข
สุขที่เธอเฝ้ารอมานานแสนนาน ก่อนจะค่อยๆนั่งลงข้างๆเขา
ชายหนุ่มหันมามองเธอแล้วยิ้มกว้าง

“ผมไม่รู้ว่่านี่คือความฝันหรือความจริงกันแน่ แต่ถ้ามันเป็นความฝัน
ผมก็จะไม่ขอตื่นขึ้นมาอีกเลย”หญิงสาวยิ้มบางก่อนจะหอมแก้มเขาเข้าให้หนึ่งที
ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริงว่า

“คุณยังคิดว่่านี่คือความฝันอีกรึเปล่าล่ะคะ”
ชายหนุ่มรับรู้ถึงการเต้นของหัวใจ และเข้าใจในทันทีว่่านี่ไม่ใช่ความฝัน
แต่มันคือความจริง เธอกลับมาหาเขาแล้วจริงๆ แต่ก็ไม่วายถามย้ำ
ด้วยความไม่แน่ใจ…ใช่…เขาไม่แน่ใจ…

“นี่ฉันไม่ได้ฝันไปจริงๆใช่มั้ยอากิ นี่คือเธอจริงๆใช่มั้ย”

“คุณก็ลองถามลูกแฝดของคุณดูสิคะว่านี่ใช่ความฝันรึเปล่า”
ชายหนุ่มหันมามองหน้าเด็กทั้งสองคนที่ตอนนี้ยังคงฉีกยิ้ม
พร้อมกับพยักหน้าแล้วยังหอมแก้มเขาพร้อมกันอีกหนึ่งฟอด
ดวงตาสดใสไร้เดียงสา ทำเอาหัวใจของเขาเต้นโครมคราม

นี่เขามีลูกกับเธอ เด็กแฝดสองคนนี้คือลูกของเขาใช่มั้ย แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร

“ปลายฝน ต้นหนาว ไหนบอกมี่ซิว่าพ่อแม่ของหนูชื่ออะไร”

หญิงสาวหันไปถามลูกทั้งสองเสียงใสแววตาเอื้อเอ็นดู

“ป้อของป๋มชื่อรักคับ”เด็กชายตัวน้อยพูดก่อนจะตามมาด้วยเสียงใสๆ
จากเด็กสาวตัวน้อย

“ส่วนแม่ของปายชื่ออากิโกะจังค่ะ”ชายหนุ่มมองหน้าเด็กน้อยทั้งสอง
ในอ้อมแขนก่อนจะมองหน้าหญิงสาวที่ตอนนี้ชูนิ้วโป้งให้เด็กน้อยทั้งสอง
ด้วยรอยยิ้มกว้างพร้อมกับคำชม

“เก่งมากลูกแม่”

“คราวนี้เชื่อรึยังคะว่านี่ไม่ใช่ความฝัน”ชายหนุ่มพยักหน้า
หากก็ยังคงไม่คลายความสงสัยอยู่ดี
ก็เมื่อสองปีก่อนเธอได้ตายจากเขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม…นี่เขา…

“ปลายฝนต้นหนาวจ๊ะ มี่ว่าเราไปก่อกองทรายกันต่อดีกว่านะ”

ว่าแล้วเด็กน้อยทั้งสองก็รีบลงจากอ้อมกอดของบิดาทันที
ก่อนจะเขย่งเพื่อเอื้อมไปคว้ามือมารดากับบิดาเอาไว้
แล้วพากันเดินไปยังที่เก่าที่จากมาโดยมีลูกทั้งสองจูงมือกันอยู่ตรงกลาง
ขนาบด้วยเธอและชายหนุ่ม

แล้วทั้งสี่ก็นั่งลงบนผืนทรายขาวช่วยลูกก่อกองทรายเล่นกันจนเพลิน
เมื่อเห็นว่าลูกๆกำลังเพลิดเพลิน ชายหนุ่มเลยถือโอกาสตวัดเอวบางของหญิงสาว
ให้มานั่งเกยอยู่บนตักของเขาก่อนจะกอดเอาไว้แนบกาย
นั่งมองลูกๆเล่นก่อกองทรายแล้วเอาแต่จ้องหน้าหญิงสาวนิ่งนาน
จนหญิงสาวอดหน้าแดงไม่ได้

ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะหอมแก้มแดงๆนั่นเข้าให้เต็มรัก
พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มข้างๆหูว่า

“ไม่ใช่ฝันจริงๆด้วย เพราะฉันจำกลิ่นแก้มหอมๆนี่ได้ แต่ถ้าจะให้ชัวร์
มันต้องลองอย่างอื่นด้วย”ชายหนุ่มมองหน้าหวานนั้นนิ่ง
จนหญิงสาวรู้สึกหน้าร้อนผ่่าว เพราะรู้ความนัยนั่นดี

“แต่เอาไว้ก่อนก็ได้ เพราะตอนนี้ฉันอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
สองปีที่ผ่านมาเธอหายไปไหน”หญิงสาวยิ้มบางก่อนจะเอ่ยออกมา

“คุณจะเอาเรื่องไหนก่อนดีล่ะคะ เพราะสองปีที่ผ่านมามันมีตั้งหลายเรื่องที่เกิดขึ้น”

“เอาเรื่องลูกก่อนแล้วกัน ทำไมเธอต้องโกหกฉันเรื่องลูกด้วย ทำไมฮ่ะอากิ”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ

“ฉันไม่อยากผูกมัดคุณด้วยลูก และตอนนั้นฉันก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจทั้งคุณและหงส์
เพราะ…เอ่อ”หญิงสาวอ้ำอึ้งๆจนชายหนุ่มต้องพูดขัดขึ้นมาเสียเอง

“เพราะเธอคิดว่าฉันไม่ได้รักเธอใช่มั้ย”หญิงสาวพยักหน้าเบาๆก่อนจะก้มมองผืนทราย
ชายหนุ่มจึงจับคางมนให้หันมาทางเขาก่อนจะจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคมของเธอนิ่ง

“ตอนนี้เธอยังคิดอย่างนั้นอยู่อีกรึเปล่าอากิ”หญิงสาวส่ายหน้า

“ฉันรู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วค่ะว่าคุณรักฉัน แต่ก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี
เพราะคุณทิ้งฉันเอาไว้นานจนฉัน…เอ่อ”

“จนเธอไม่แน่ใจว่าระหว่างเธอกับหงส์ฉันจะรักใครมากกว่ากันใช่มั้ย”
หญิงสาวส่ายหน้าพัลวัลก่อนจะตอบเขา

“ไม่ใช่นะคะ ฉันไม่อยากรู้หรอกค่ะว่าคุณจะรักฉันตั้งแต่เมื่อไหร่
หรือจะรักฉันมากกว่าหงส์รึเปล่า แค่คุณรักฉันมันก็มากพอแล้วล่ะค่ะ”

ชายหนุ่มได้ยินแค่นั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะกอดเธอแน่นขึ้นแล้วก็โยกไปมา

“อย่าถามฉันเลยนะอากิ ว่าฉันรักเธอแค่ไหนหรือมากกว่าใครรึเปล่า
เพราะตอนนี้ทั้งหมดของหัวใจฉันยกให้เธอไปหมดแล้ว
หัวใจฉันมันไม่ได้อยู่กับฉันอีกต่อไปแล้ว แต่มันอยู่ที่เธอ ที่เธอคนเดียว”
หญิงสาวยิ้มออกมา มองหน้าชายหนุ่มที่เธอรักนิ่งนาน

“เธอรู้มั้ยว่าสองปีที่ผ่านมาฉันต้องทุกข์ทรมานแค่ไหน”

“รู้สิคะ เพราะฉันเองก็ไม่ต่างกัน เพียงแต่ฉันต้องทำ ต้องทนเพื่อวันนี้ไงคะ
วันที่คุณพร้อมจะร่วมทางไปกับฉันจริงๆ
เพราะฉันไม่อยากสูญเสียอะไรไปอีกแล้ว ฉันถึงต้องทน เพื่อให้คุณได้พิสูจน์หัวใจ
และคุณก็ทำมันสำเร็จ ฉันภูมิใจในตัวคุณที่สุดเลยรู้มั้ยคะ”
หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาด้วยแววตาจริงใจ

“พิสูจน์โดยการหลอกผมว่าคุณตายไปแล้วอย่างนั้นน่ะเหรอ…”

“ใช่ค่ะ เพราะตอนที่ฉันอยู่ คุณไม่เคยคิดจะดูดำดูดีฉันเลยนี่คะ
ฉันเลยไม่มั่นใจว่าคุณรักฉันจริงๆหรือแค่หวั่นไหวกันแน่”

“แต่ตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลมันยังไม่พอที่เธอจะมั่นใจในตัวฉันอีกเหรออากิ…”
หญิงสาวส่ายหน้า

“ฉันยอมรับว่าฉันใจอ่อนลงไปเกือบครึ่งตั้งแต่ได้ยินคุณบอกว่ารักฉัน
แต่ฉันกลัวว่าถ้าเกิดวันหนึ่งวันใดฉันทำคุณให้ผิดหวังแล้วคุณจะกลับไป
ใช้ชีวิตเสเพลอย่างคราวนั้นอีก เพราะตอนนั้นฉันคลอดเจ้าแฝดแล้ว
และฉันก็ไม่อยากให้ลูกมารับรู้ว่าเขาไม่ได้เกิดมาจากความรักของพ่อกับแม่ด้วย”
ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวด้วยแววตาตัดพ้อ

“เธอเลยจัดฉากเพื่อทำร้ายฉัน ปล่อยให้ฉันร้องไห้ฟูมฟายเป็นบ้าเป็นหลังอย่างนั้นใช่มั้ย”
หญิงสาวยิ้มออกมากับท่าทางงอนๆนั่น
นึกว่าจะมีแค่เพื่อนรักอย่างพะพายที่ทำอย่างนี้ได้ นี่ชายหนุ่มตรงหน้า
ยังเอากับเขาด้วยหรือเนี่ย

“โธ่…ฉันไม่ได้จัดฉากสักหน่อย ฉันมันก็แค่นักออกแบบ
ส่วนงานจัดฉากน่ะคุณคงต้องไปถามพี่ชายที่แสนดีของคุณเอาเอง
งานนี้ฉันไม่เกี่ยวนะ เพราะฉันก็แค่นักแสดงเท่านั้น

แต่โชคดีหน่อยตรงที่มีนักแสดงเจ้าบทบาทอย่างคุณมาร่วมด้วย
เรื่องมันเลยออกมาสมบูรณแบบไงคะ ส่วนผู้กำกับฉาก
คุณคงต้องไปถามพี่ๆฉันค่ะ เพราะงานแบบนี้ฉันเองก็ไม่ถนัดสักเท่าไหร่”
ชายหนุ่มตีสีหน้าเข้มมองหญิงสาวตาวาววับ

“นี่พี่รังก็เอากับเขาด้วยเหรอ แสบจริงๆ แสบสันกันทั้งครอบครัว
นี่ฉันโดนต้มจนเปื่อยมาตลอดสองปีเลยเหรออากิ”

“ก็ถ้าคุณสังเกตสักนิด คุณก็จะรู้ว่าคุณหมอเจ้าของไข้ฉันน่ะ เป็นรุ่นพี่ของพี่ชายคุณ
พี่ชายคุณอ้อนวอนตั้งนานกว่าคุณหมอจะร่วมด้วยช่วยกัน”
หญิงสาวยังคงยิ้มหน้าบานกับการได้ยั่วเขา

“ก็ตอนนั้นคนมันกำลังเศร้า เธอจะให้ฉันไปทันสังเกตอะไรได้ล่ะ
ไม่คิดเลยว่าพี่ชายตัวดีจะกล้าทำกับน้องชายในไส้ได้
อย่าให้ถึงคราวเอาคืนบ้างก็แล้วกัน”ชายหนุ่มตีสีหน้าเข้ม
คาดโทษพี่ชายตัวดีที่ปล่อยให้เขาร้องไห้ฟูมฟาย

…นี่คงแอบไปนั่งหัวเราะเขาอยู่ล่ะสิ…คิดแล้วมันน่าเจ็บใจ…

หญิงสาวเห็นหน้ามุ่ยๆของเขาก็หัวเราะชอบใจ
ชายหนุ่มเลยตวัดสายตาดุเข้าให้ก่อนจะกอดเอาไว้แน่น
จนหญิงสาวหายใจแทบไม่ออก

“ปล่อยให้ฉันนอนหนาวมาสองปี คราวนี้จะคิดบัญชีให้หมด
ทั้งพี่ทั้งน้องทั้งตระกูลเลยด้วย โดยเฉพาะเธอ อากิ…
เพราะคราวนี้อย่าหวังว่าจะรอด”หญิงสาวเริ่มหน้าถอดสี
ก็รู้ๆว่าถ้าเขาบ้าดีเดือดขึ้นมา เธอก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน…
คราวนี้เธอไม่แย่เหรอ…

“แล้วสองปีที่ผ่านมาเธอกับลูกหายไปไหนมาอากิ”

แล้วหญิงสาวก็ชี้ไปยังเกาะเบื้องหน้า ทำเอาชายหนุ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน

“ที่โน่นไงคะ…ฉันกับลูกๆอยู่กันที่นั่นมาตลอดสองปี
เพราะตั้งแต่กลับจากญี่ปุ่นในครั้งนั้น ฉันก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดค่ะ
ไม่ได้ไปไหนไกลคุณเลยนะคะ…”ชายหนุ่มตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
เพราะเกาะที่เธอว่าน่ะมันคือเกาะที่เขาเคยแอบหนีมารดาไปเที่ยว
ตอนที่ยังเด็กอยู่และได้เจอกับเธอที่ลอยคออยู่กลางทะเล
แต่ที่แปลกใจคือเกาะนั่นมันเป็นเกาะส่วนตัวนี่ แล้วเธอไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง

“คุณคงสงสัยว่าฉันไปอยู่ที่เกาะนั่นได้ยังไงใช่มั้ยคะ…จริงๆแล้ว
เกาะนั่นเป็นเกาะส่วนตัวที่พี่ลมเขาแอบซื้อเอาไว้ทำรีสอร์ทแนวอนุรักษ์น่ะค่ะ…
แต่พอดีฉันขอเอาไว้ พี่ลมเลยยกให้ บอกว่่าเป็นของขวัญให้หลานๆน่ะค่ะ…”
หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้มบางเมื่อนึกถึงพี่ชายสุดซี้ แต่ชายหนุ่มกลับขมวดคิ้ว
เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

เพราะเขาเห็นมารดาไปที่เกาะนั่นบ่อยมาก แต่ไม่เคยเอะใจ
เพราะคิดว่ามารดาคงอยากได้ที่เพื่อทำรีสอร์ทเท่านั้น

“นี่แสดงว่าคุณนายก็เอากับเขาด้วยเหรอเนี่ย…แอบไปหาหลาน
โดยไม่ยอมบอกพ่อของหลานสักคำ มันน่าเจ็บใจจริงๆ คุณนายนะคุณนาย ทำกันได้ลง”
ชายหนุ่มขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อนึกถึงตอนที่มารดายิ้มหน้าระรื่นกลับมาทุกครั้ง
เวลาไปที่เกาะนั่น เขาก็นึกว่าธุรกิจกำลังไปได้สวย ที่ไหนได้ แอบไปหาหลานๆมา

…แสบจริงๆ…นี่เขาโดนรุมมาตลอดเลยใช่มั้ย…

“แล้วที่เธอบอกว่าป่วยน่ะ เธอป่วยจริงๆรึเปล่าอากิ”ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง
ถามด้วยหญิงสาวในอ้อมกอดเขาด้วยสีหน้ากังวล
หญิงสาวพยักหน้าก่อนตอบ

“ค่ะ…ฉันป่วยจริงๆ…ป่วยเป็นโรค ไตหาหัวจามที่ไหปาย”
ชายหนุ่มตีสีหน้างงกับชื่อโรคที่แสนจะยาวแถมเขาไม่เคยได้ยินชื่อโรคนี้มาก่อนอีก

แต่ก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินเสียงแจ้วๆที่ประสานขึ้นมาพร้อมกันของลูกแฝดของเขา
ที่ตอนนี้กำลังเล่นก่อกองทรายกันอยู่แต่ไม่วายหันมาแปลสารให้ด้วยใบหน้าสดใส

“ตามหาหัวใจที่หายไป”

“เก่งจริงๆลูกแม่”หญิงสาวหันไปยกนิ้วโป้งให้กับลูกแฝดด้วยสีหน้าร่าเริง
ต่างจากอากิโกะคนเก่าที่เขาเคยเจอ

แล้วก็ได้เห็นรอยยิ้มสดใสจากลูกน้อยวัยสองขวบของเขา
ทำเอาชายหนุ่มอดหมั่นเขี้ยวทั้งแม่ทั้งลูกไม่ได
เลยเข้าไปเล่นด้วยกันกับลูกๆอีกครั้ง หญิงสาวเองเลยเข้ามานั่งอีกฝั่ง
ก่อนจะพูดกับเขาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงสดใสว่า

“แต่ตอนนี้ฉันหายป่วยแล้วนะคะ เพราะฉันรู้แล้วว่า มันหายไปอยู่ที่ไหน”
ชายหนุ่มจ้องหญิงสาวตาวาวแล้วยิ้มที่มุมปากกับคำพูดนั้น

“เมื่อก่อนฉันให้คนบางคนไปแต่เขาไม่รับแถมยังเหยียบย่ำมัน
จนฉันคิดว่ามันคงไม่เหลืออีกแล้วแน่ๆ แต่วันนี้ฉันกลับรู้สึกว่่า มันยังคงเต้นอยู่
เหมือนมีใครบางคนที่หยิบมันขึ้นมา แล้วรักษามันเอาไว้
แม้มันจะไม่เหมือนเดิมแต่เพราะมันมีคำว่ารักสลักเอาไว้ ฉันเลยหามันเจอไงคะ”

ชายหนุ่มได้แค่ยิ้มไม่พูดอะไรกับเธอก่อนจะหันไปถามลูกน้อยเสียงจ้า

“ปลายฝน กับต้นหนาวอยากมีน้องมั้ยครับ”

“อยากคับ/อยากค่ะ”ทั้งสองเอ่ยออกมาพร้อมกันเรียกเสียงหัวเราะจากคนเป็นพ่อ
แต่คนเป็นแม่กลับหน้าแดงเมื่อเจอคำถามต่อมาจากเจ้าลูกชายตัวแสบของเธอ

“แล้วต้องทำไงคับ”คนเป็นพ่อหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
ก่อนจะตอบลูกน้อยด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม มองหญิงสาวด้วยดวงตาแวววาวอย่างมีความหมาย

“มันคือหน้าที่ของพ่อกับแม่ที่ต้องทำครับ...เอาไว้เราโตขึ้นแล้วพ่อจะบอกวิธี”
หญิงสาวได้ฟังก็ขนลุกซู่ แล้วก็ต้องหน้าแดงเข้าไปอีกเมื่อได้ยินคนเป็นพ่อของลูกพูดว่า

“อยากได้น้องกี่คนบอกพ่อ เดี๋ยวพ่อจัดให้”ชายหนุ่มหันไปยักคิ้วหลิ่วตาให้หญิงสาว
ที่ตอนนี้นั่งหน้าแดง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรือเป็นเพราะเขินกันแน่
แต่ตาเขียวๆเรืองแสงได้นั้น มันก็น่ากลัวใช่หยอกเหมือนกัน
แต่มีหรือที่เขาจะกลัว เล่นทิ้งให้เขานอนหนาว อ้างว้างมาเป็นแรมปี
คราวนี้จะจับมาปั้มลูกซะให้เข็ด อยากรู้นักว่ายังจะซ่าได้อีกรึเปล่า…

“จริงๆนะคับป้อรัก…”เจ้าลูกชายตัวแสบยังไม่เลิก

“งั้นเดี๋ยวปายจะต่อห้องเพิ่มให้น้องๆนะคะป้อรัก เอาตรงนี้เลย
ใกล้ๆกับห้องของปายและห้องของปี้ต้น”

คนพี่ส่งคนน้องรับจนคนเป็นแม่นั่งนิ่งเพราะพูดไม่ออก ทำอะไรไม่ได้
ได้แต่มองชายหนุ่มด้วยสีหน้างอง่ำ นั่งมองมือป้อมๆของลูกน้อยทั้งสอง
ที่พยายามต่อห้องให้น้องด้วยความกระตือรือร้น คนเป็นพ่อก็เอากับเขาด้วย
จนตอนนี้ห้องยาวไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้

ชายหนุ่มหันมาส่งยิ้มให้หญิงสาว เลยได้รับค้อนงามๆที่ไม่เคยได้มาก่อนจากหญิงสาวไปแทน
แล้วทั้งสองก็อุ้มลูกแฝดกลับมานั่งยังร่มไม้ชายหาด ที่มีกระเป๋าปิกนิกวางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
โดยที่ชายหนุ่มเป็นคนอุ้มลูกสาว
เพราะดูลูกสาวแสนสวยน่ารักน่่าหยิกของเขาจะติดเขาแจไม่ยอมห่าง
ส่วนเจ้าลูกชายก็ดจะูหวงคนเป็นแม่ยังไงๆอยู่ จนคนเป็นพ่ออดถอนใจไม่ได้
ท่าจะเจอศึกหนักเข้าให้แล้วสิเรา…

หญิงสาวจัดการล้างมือให้ลูกๆก่อนจะยื่นขวดนมให้ทั้งสอง
โดยที่ลูกสาวของเธอนอนถือขวดนมอยู่บนตักคนเป็นพ่อ

ส่วนเจ้าลูกชายตัวแสบก็ยังไม่ยอมห่างคนเป็นแม่เลยตั้งแต่ขึ้นมาจากทะเล


ลมเย็นๆในยามบ่ายคล้อยของวันพัดพริ้วอ่อน
ทำให้ทั้งสองคนหันมามองหน้ากันด้วยความรู้สึกสดชื่นใจ
ราวกับสายลมได้พัดพามรสุมของชีวิตให้ผ่านพ้นไป

ชายหนุ่มขยับเข้าไปหาหญิงสาวที่รักช้าๆเพราะไม่อยากให้ลูกน้อยในตักตกใจตื่นขึ้นมา
แล้วรั้งเอวบางเข้าหาก่อนจะกอดเอาไว้แน่น

หญิงสาวมองหน้าเขาแล้วยิ้มก่อนจะเอนศีรษะอิงบ่าหนาของชายหนุ่ม
ที่เธอรักและเฝ้าคอยมานานแสนนาน
ชายหนุ่มเลยถือโอกาสอิงศีรษะเข้ากับหัวทุยๆนั่น
ได้กลิ่นหอมจากกลุ่มผมนุ่มของเธอโชยเข้าหาจมูก
กลิ่นนี้ที่ตรึงหัวใจเขามาตลอด เขาแน่ใจแล้วว่า
วันนี้เขารักเธอมากแค่ไหนและคิดว่าชีวิตนี้คงรักใครไม่ได้อีกแล้ว

“ขอบใจเธอมากเลยนะอากิ ที่บอกลูกว่าฉันเป็นพ่อมาตลอด”
หญิงสาวยิ้มกว้างก่อนตอบว่า

“ก็คุณเป็นพ่อของพวกแกนี่ จะให้ฉันอุปโลกน์ใครขึ้นมาแทนพ่อของพวกแกได้ล่ะคะ
ในเมื่อพ่อของพวกแกดีแสนดีออกอย่างนี้”

คนฟังยิ้มกว้างก่อนจะหอมแก้มนุ่มๆของคนที่แอบอ้อนเขา
ทั้งที่ก่อนหน้านี้คำหวานๆยังไม่เคยพูด แต่นี่ยังมีหยอดคำอ้อนมาให้เห็น

เพราะคำว่าแม่หรือเปล่านะ ถึงทำให้ผู้หญิงแข็งๆคนนึง
สามารถเปลี่ยนเป็นผู้หญิงที่อ่อนหวาน ยิ้มเก่งขึ้นมาได้
แล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ คำถามที่เขาอยากจะถามเธอมานานแล้วว่่า

“คำว่าอากิโกะ หมายความว่ายังไงเหรออากิ”
หญิงสาวยิ้มให้กับคำถามนั้นก่อนตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า

“อากิโกะ แปลว่่า สาวน้อยแห่งฤดูใบไม้ร่วงค่ะ…เพราะคำว่า
อากิ ในภาษาญี่ปุ่น หมายถึงฤดูใบไม้ร่วงค่ะ…ส่วนคำว่าโกะนั้น
เป็นคำลงท้ายชื่อของผู้หญิงที่นั่นน่ะค่ะ แปลตรงตัวว่าเด็กสาว”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะถามต่อว่า

“แล้วทำไมเธอถึงใช้ชื่อนี้ล่ะ แทนที่จะเป็นชื่อที่มีความหมายตามชื่อเดิมของเธอ”
คนฟังจึงเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า

“มันเป็นชื่อที่ย่าของฉันเป็นคนตั้งให้ค่ะ ท่านเรียกฉันว่าอย่างนั้น
ตั้งแต่ฉันฟื้นขึ้นมาแล้วค่ะ เพราะท่านไม่เคยรู้จักฉันมาก่อน
และฉันเองก็พูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ ฟังไม่ออกเลยด้วยซ้ำ
ท่านเลยเรียกฉันว่าอากิ ฉันเคยถามท่านว่าทำไม ท่านก็บอกฉันว่า

ชีวิตฉันก็เหมือนต้นไม้ที่ได้เวลาผลัดใบ เพื่อเอาตัวรอด
เพื่อจะได้โตขึ้นและเพื่อดำรงชีวิตต่อไป

ต้นไม้ที่ยอมสลัดใบเพื่อปรับตัวให้เข้ากับความหนาวที่กำลังจะมาเยือน
ต้องทนอยู่อย่างไร้ใบที่เป็นสีสันให้กับชีวิต ทนเหงา ทนเดียวดาย
เพื่อรอคอยเวลาที่จะผลิใบอีกครั้งในฤดูถัดไป”

หญิงสาวหยุดแล้วมองไปยังท้องทะเลอันกว้างใหญ่
ก่อนจะเล่าต่อว่าด้วยน้ำเสียงเบาหวิวว่า

“ท่านบอกว่าใบไม้ก็เหมือนคนที่เรารัก สักวันเขาก็ต้องจากเราไป ไม่มีอะไรยั่งยืนนาน
และใบไม้ก็ไม่ได้ร่วงพร้อมกันทั้งหมดในเวลาเดียวกัน
แต่มันจะค่อยๆร่วงลงสู่พื้นทีละนิดๆจนหมดต้น

ท่านบอกว่าเวลาที่เราต้องสูญเสียใบไม้สักใบไป
ก็ให้เรานึกถึงใบไม้ที่ยังเหลืออยู่ เรายังมีใบไม้ ยังมีคนให้รักอีกมากมาย

แต่ถ้าวันใดที่เราไม่เหลือใครก็ให้ตั้งมั่นและอดทนเพื่อต้อนรับกับวันหนาวที่กำลังจะมาเยือน
และเราต้องผ่านมันไปให้ได้ แล้วเราจะได้ชีวิตใหม่อีกครั้งเมื่อฤดูหนาวผ่านไป

ท่านบอกว่าไม่มีอะไรจะอยู่กับเราได้นานหรือตลอดไป
วันหนึ่งมันจะต้องผ่านไป และมันจะกลายเป็นร่องรอยของความทรงจำ

ดังนั้น ต้นไม้ที่แข็งแรงและยิ่งใหญ่ให้ร่มเงาแก่ทุกชีวิตได้นั้น
มันก็ล้วนผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านการสูญเสียมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ถ้ามันอดทนแล้วผ่านไปได้ มันก็จะเป็นต้นไม้ที่สามารถผงาดยั่งยืนยง
ให้คนชื่นชมและเป็นร่มเงาให้คนอื่นๆต่อไปอีกนานแสนนาน”

ชายหนุ่มยิ้มออกมาก่อนจะก้มลงจูบกลุ่มผมนุ่มที่เกยแนบอิงบ่าของเขาอยู่

“นั่นแหล่ะค่ะคือที่มาของชื่อฉัน ชื่อที่โอบ้าซังตั้งให้ เพื่อให้ฉันอดทน
และยอมรับให้ได้กับการสูญเสีย เพราะก่อนที่ใบไม้จะลาต้นร่วงลงสู่พื้นดินไปนั้น
อย่างน้อยมันก็ยังทิ้งภาพความสวยงามแห่งฤดูใบไม้ร่วงเอาไว้ให้เรา
ทิ้งสีสันสวยงามเอาไว้ในความทรงจำ แม้จะแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็สวยงามในใจฉันเสมอ…”

ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าหญิงสาวรู้สึกเช่นไร และต้องการจะบอกอะไรเขา

“เธอรู้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้ฉันหลงรักฤดูใบไม้ร่วง”หญิงสาวไม่ตอบ
ชายหนุ่มเลยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มว่า

“เพราะอากิคือฤดูที่มีความหลากหลาย อากาศแปรปรวน เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว
เดี๋ยวก็ฝนตกเดี๋ยวก็แดดออก เอาแน่เอานอนไม่ได้

แต่มันกลับทำให้ฉันเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างมากขึ้นกว่าเดิม
และสิ่งหนึ่งที่ฉันได้ในฤดูนี้คือความอบอุ่นในหัวใจ

ใบไม้สีแดงสวยงามในยามเปลี่ยนสีมันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ฉันก็เลยตกหลุมรักฤดูใบไม้ร่วงเข้าอย่างจัง
และไม่ว่าฝนจะตกแดดจะออกฉันก็ยังจะบอกว่าฉันรักเธอ”

หญิงสาวยิ้มกว้างออกมาทันทีกับคำพูดนั้น
เธอคิดไม่ผิดจริงๆที่รักผู้ชายคนนี้ แม้ที่ผ่านมาเขาจะเคยทำร้ายเธอแค่ไหน
แต่มันไม่สำคัญเท่ากับว่าเธอรักเขาและยอมได้เพื่อเขา
ต่อให้เขาจะร้ายกับเธออีกสักแค่ไหน เธอรู้ว่าเธอทนได้
ในเมื่อหัวใจมันสั่งให้รัก เธอเต็มใจที่จะทน

“ฉันก็รักคุณค่ะ”

ชายหนุ่มจูบหน้าผากมนของหญิงสาวแผ่วเบา
มองเธอด้วยแววตาอ่อนโยน แววตาที่เต็มไปด้วยความรัก

“แล้วทำไมเจ้าลูกแฝดของฉันถึงชื่อว่าปลายฝนต้นหนาวล่ะฮึ”

หญิงสาวก้มลงมองลูกชายในตักของตนก่อนจะลูบหัวลูกน้อยทั้งสองคนเบาๆ
พร้อมรอยยิ้มบางๆด้วยความสุขใจ เมื่อนึกถึงชื่อของลูกน้อยทั้งสอง
เพราะกว่าเธอจะผ่านคืนวันอันเหน็บหนาวนั้นมาได้
เธอก็ได้ลูกน้อยทั้งสองที่คอยเป็นแรงหนุนและกำลัังใจให้เธอมาตลอด ท
ำให้เธอผ่านอุปสรรคและมรสุมมาได้จนมีวันนี้

“ปลายฝนต้นหนาวก็ไม่ต่างจากฤดูใบไม้ร่วงหรอกค่ะ เพราะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน
และเจ้าแฝดสองคนก็ดันเกิดในช่วงเวลานั้นซะด้วยสิคะ เขาเกิดในช่วงปลายฝน
ฝนครั้งสุดท้ายในค่ำคืนที่กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวไงคะ
ฉันเลยตั้งชื่อให้คล้องจองกันซะเลยน่ะค่ะ
เพราะลูกทั้งสองก็เหมือนกับหยาดฝนที่คอยให้ความชุ่มฉ่ำกับฉันมาตลอด
ทำให้ฉันผ่านพ้นคืนวันเหน็บหนาว
วันที่ไม่มีคุณมาได้ตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาไงคะ

ตอนที่ฉันรู้ว่าจะมีเขา มันทำให้ฉันเห็นคุณค่าของการมีชีวิต
ฉันอยากมีชีวิตต่อเพื่อวันที่จะได้เห็นเขาลืมตาขึ้นมา

แม้ว่่าตอนนั้นฉันจะสูญเสียคนที่รักไปหลายต่อหลายครั้ง
จนท้อแท้ไม่อยากจะมีชีวิตต่อไปแล้ว แต่เพราะลูกฉันจึงต้องอยู่
แม้ว่าตอนนั้นคุณจะไม่เหลียวแลฉันแล้วก็ตาม

แต่ฉันก็ตั้งใจว่ายังไงๆฉันก็จะเลี้ยงเขา จะมีชีวิตอยู่เพื่อเขา
แต่พี่ๆน้องๆของฉันเขาอยากเห็นฉันมีความสุข และคุณหมอเอง
ก็อยากให้หลานได้มีโอกาสอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก
พวกเขาก็เลยสร้างสถานการณ์นั้นขึ้นมา เพื่อให้คุณได้เรียนรู้
ที่จะเปลี่ยนแปลงและต้องการพิสูจน์หัวใจคุณว่า
คุณพร้อมแค่ไหนกับการเป็นพ่อคน กับการเป็นหัวหน้าครอบครัว

จนวันนี้พวกเราเห็นพ้องต้องกันว่าคุณสามารถเป็นพ่อที่น่ารักของลูกแฝดของฉันได้แล้ว
ฉันจึงกลับมาหาคุณ ทั้งๆที่ฉันเองก็อยากกลับมาหาคุณตั้งนานแล้ว
เพราะทนคิดถึงคุณไม่ไหว แต่ก็ต้องอดทนเอาไว้ เลยได้แค่มองคุณอยู่ห่างๆ
มาตลอดสองปีโดยที่คุณไม่เคยรู้เลย”

ชายหนุ่มกระชับเอวบางเข้าหาอีกครั้งก่อนจะจ้องมองหญิงสาวด้วยแววตาจริงจัง

“ฉันขอโทษที่ปล่อยให้เธอต้องทนทุกข์เพราะฉันมาตลอด
ใช่ว่าฉันจะไม่เหลียวแลเธอนะอากิ แต่เป็นเพราะฉันรู้สึกผิดจนไม่กล้าสู้หน้าเธอหรือใครๆ

ฉันขอโทษถ้ามันจะทำให้เธอเจ็บปวด ฉันไม่ได้ตั้งใจ และฉันก็ยังยืนยันว่าฉันรักเธอ
รักตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แค่ว่ารักมาก คิดถึงมาก อยากกอดเธอ
อยากมีเธอในอ้อมแขนอย่างนี้ไปตลอด เธออย่่าทิ้งฉันไปอีกเลยนะอากิ”

หญิงสาวซบลงตรงอกกว้างนั้น เธอจะไม่มีวันทิ้งเขาไปไหนอีกแล้ว
และก็จะไม่ยอมสูญเสียเขาไปเด็ดขาด

“ฉันรักคุณจัง”

“งั้นคืนนี้ฉันขอนอนกอดเธอได้มั้ย”

หญิงสาวขนลุกซู่ขึ้นมาทันทีส่ายหน้าพัลวัล

“ทำไมล่ะ”

“จะบ้ารึไง เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน แล้วจะมานอนห้องเดียวกันได้ไง”
หญิงสาวค้านเสียงแข็ง ชายหนุ่มหัวเราะนัยน์ตาเป็นประกาย

“มีลูกด้วยกันตั้งสองคน ยังจะบอกว่าไม่เป็นอะไรกันอีกได้ไงฮ่ะ
ดูสิเนี่ย หลักฐานคาตักซะขนาดนี้”ชายหนุ่มก้มลงมองลูกน้อยในตัก
แล้วยักคิ้วหลิ่วตาให้หญิงสาวที่ตอนนี้นั่งหน้าแดง อ้าปากค้าง

“ก็เนี่ยมันลูกฉัน ใช่ลูกคุณที่ไหนล่ะ”หญิงสาวแหวออกมาอย่างไม่ยอมง่ายๆ
เรื่องอะไรจะยอม…เจ้าเล่ห์ออกอย่่างนั้น

“เฮ้อ…สงสัยคงต้องขยันหน่อยแล้วเรา คุณเธอดันไม่เชื่อว่าเนี่ยน่ะของเรา
รึว่าต้องมีอีกสักคนเธอถึงจะยอมรับฉันเป็นสามีฮ่ะอากิ”หญิงสาวหน้าแดงอีกครั้งกับคำพูดนั้น

“ใครสามี ฉันยังโสด ยังมีคำนำหน้าว่านางสาวอยู่เลย”

“พูดอย่างนี้แสดงว่าจะขอฉันแต่งงานล่ะสิ”
ชายหนุ่มยิ้มขันกับหน้าเหวอๆของเธอ

“ว่ามาเลย พรุ่งนี้หรือจะวันนี้เลยก็ได้ ขอแค่เธอยอมให้ฉันนอนกอดไปตลอด
ฉันยอมหมดตัวเลยอากิ”หญิงสาวเงียบกริบเมื่อเจอเข้ากับคำพูดนั้น

“เงียบอย่างนี่แสดงว่ายอม งั้นดีเลย ฉันจะให้คุณนายจัดงานแต่งให้ฉันกับเธอซะคืนนี้เลยเป็นไง
แขกเหรื่อไม่ต้องชงไม่ต้องเชิญมันแล้ว
แค่ในงานมีเธอกับฉันเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว มีโต๊ะอีหม่ามทำพิธีให้ และพยานอีกสี่ห้าคน
ก็ถือว่าสมบูรณ์” หญิงสาวบ่นในใจ คนอะไรพูดเองเออเองก็ได้ ใครจะยอม

“บ้ารึไง ให้เวลาฉันได้หายใจหายคอบ้างสิคุณ”

“ฉันปล่อยให้เธอหายใจโล่งๆมาตลอดสองปีแล้วนะ คราวนี้ฉันจะ
ไม่ยอมให้เธอได้หยุดพักหายใจหายคอแน่ๆอากิ”

“บ้า ฉันไม่ยอมหรอก เรื่องอะไร งานแต่งนะคุณ ไม่ใช่งานศพที่ต้องรีบจัดทันทีทันใด”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วกับคำพูดนั้นทันที หญิงสาวเลยได้โอกาสชิ่งหนี

“คุณลืมไปแล้วรึไงว่าวันนี้น่ะมันวันสิ้นปี และทุกคนก็
เตรียมงานเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ปีนี้เลยพิเศษที่สุดตรงที่เราจะจัดงานเลี้ยง
ให้กับเจ้าแฝดไปพร้อมๆกับงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
และตอนนี้ทุกคนเขาก็คงกำลังเตรียมงานกันให้วุ่นแล้วมั้ง
พี่น้ำเองไม่รู้ว่าจะลุกไหวรึเปล่า เพราะใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มทีแล้วด้วย
ฉันคงต้องรีบกลับไปช่วยพี่น้ำทำอาหารและก็ห่อของขวัญ
คุณเองก็เหมือนกัน ต้องไปช่วยฉัน ส่วนเรื่องงานแต่งคงต้องพับเก็บเอาไว้ก่อนนะคะ”
หญิงสาวยิ้มร่า หลังจากพูดซะยืดยาวจนไม่มีช่องว่างให้ชายหนุ่มได้แทรก

“ได้ไง ฉันว่าเราก็เพิ่มเข้าไปอีกงานจะเป็นไรไป ดีซะอีกจะได้เป็นแบบ3อิน1ไง คุ้มสุดคุ้ม”
นั่นไงพ่อนักธุรกิจกำลังจะยื่นข้อเสนอเพื่อเก็งกำไร
แต่มีหรือที่นักออกแบบอย่างเธอจะไม่รู้เท่าทัน อย่าหวังว่าฉันจะยอม…

“แต่ฉันขาดทุน ฉันไม่ยอม…”

“โธ่ อากิ อย่าหาเรื่องสิ ความรักมันไม่มีขาดทุนหรือกำไรหรอกนะ
มีแต่ได้กับได้ หรือเธอว่าไง”นัยน์ตากรุ้มกริ่มนั่น
มันไม่ได้ฟ้องเลยว่าเธอจะได้ เธอว่าเธอมีแต่เสียกับเสียแน่ๆ

“นะๆ แต่งเลยดีกว่านะ ฉันเองก็อยากโดนตีตราอย่างเป็นทางการ
ว่ามีเมียเป็นของตัวเองแล้ว”หญิงสาวฟาดเข้าให้หนึ่งทีกับคำพูดเอาแต่ใจนั่น
แล้วส่งสายตาพิฆาตไปให้

ชายหนุ่มเห็นท่าจะไม่ดีเลยถอดแหวนจากนิ้วก้อยข้างซ้ายของตัวเอง
ก่อนจะจับมือบางข้างซ้ายจ้องตาหญิงสาวนิ่ง

“เธอรู้มั้ยว่าแหวนวงนี้ฉันทำขึ้นเพื่อเธอ เพื่อเป็นตัวแทนของเธอ
แต่ฉันไม่รู้ขนาดของนิ้วเธอ เลยทำเท่าขนาดนิ้วก้อยของฉัน
ฉันเลยใส่มันเอาไว้ตลอดเพื่อระลึกถึงนางเงือกน้อยของฉัน

แต่วันนี้เมื่อเจ้าของที่แท้จริงกลับมา เธอจะว่าอะไรมั้ยถ้าฉันจะขอสวมมันให้กับเธอ”

หญิงสาวยิ้มก่อนจะพยักหน้า แล้วชายหนุ่ม
ก็สวมแหวนรูปนางเงือกสาวที่ทำจากทองคำขาวฝังเพชรระยิบระยับสวยงาม
โดยตัวแหวนจะเป็นส่วนของลำตัวนางเงือกที่เกี่ยวพันกัน
และมีรูปใบหน้าของนางเงือกเป็นหัวของแหวน
ซึ่งมีเพชรเม็ดงามตรงส่วนของผมคล้ายยอดมงกุฎ
มีหางของนางเงือกพันเกี่ยวรัดแล้วมาหยุดที่ใต้ศีรษะของนางเงือก
มันสวยงามจนหญิงสาวเผลอยิ้มออกมา

เธอไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะกล้าสวมแหวนวงนี้ซึ่งมันเป็นแหวนของผู้หญิง

แต่ที่แปลกใจยิ่งกว่าคือมันกลับใส่ได้พอดิบพอดีกับนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
ชายหนุ่มยิ้มกว้างก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่เขาคิดว่ามันเคยเป็นเรื่องไร้สาระ

“มีคนเคยบอกว่า ถ้าคนๆนั้นคือคู่แท้ของเรา เธอจะใส่แหวน
วงที่เราใส่ในนิ้วก้อยข้างซ้ายได้พอดิบพอดีในนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
ดูท่่าคราวนี้เธอจะหนีฉันไม่พ้นซะแล้วล่ะอากิ”ชายหนุ่มหัวเราะลั่น
เมื่อเห็นหน้าเหวอๆของหญิงสาวก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด

“คราวนี้ยังจะปฏิเสธฉันอีกรึเปล่าฮ่ะ”

“ฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธสักหน่อย เพียงแต่ยังไม่พร้อมถ้าคุณจะให้แต่งคืนนี้เลย
เป็นวันหลังไม่ได้เหรอคะ”

“ไม่ได้ ฉันไม่อยากนอนคนเดียวแล้ว”

“ทีเมื่อก่อนเห็นนอนได้”

“นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้นอนไม่ได้แล้ว ไม่ทนแล้วด้วย”
ดู ดูคำพูดเอาแต่ใจของพ่อเจ้าแฝดสิ…

“คิดอะไรบ้าๆ”หญิงสาวสะบัดหน้าก่อนจะหันมาแหวใส่

“ทนมาได้ตั้งนาน จะทนอีกสักนิดก็ไม่ได้”

“ก็เธอปล่อยให้ฉันนอนอ้างว้างมานานเกินไป”หญิงสาวหน้ามุ่ย หันหน้าไปอีกทาง
จนชายหนุ่มเริ่มหนักใจ หรือเขารุกเธอมากไป

“ก็ได้ๆ คืนนี้ฉันยอมให้ก่อนก็ได้ แต่ยังไงๆพรุ่งนี้เธอต้องแต่งงานกับฉัน
เดี๋ยวฉันจะให้เขาประโคมข่าวว่านายรักฑยาวีย์กำลังจะมีเมียเป็นของตัวเองแล้ว
รับรองว่่าพรุ่งนี้งานแต่งของเราก็จะมีแขกเหรื่อมามากมายโดยไม่ต้องเชิญให้เหนื่อย

ส่วนชุดไม่ต้องห่วงเพราะหุ่นอย่างเธอหาได้ไม่ยากหรอก
ส่วนหน้าตาอย่างฉันใส่อะไรก็ดูดีอยู่แล้ว งั้นเอาตามนี้แล้วกันนะ
ฉันให้เวลาเธอเตรียมใจแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้นนะ เพราะหลังจากคืนนี้
เธอคงต้องเหนื่อยหน่อย เพราะฉันสงสารลูก อยากให้ลูกมีน้องไวๆ
รังรักของเราจะได้อบอุ่น และก็อบอวนไปด้วยความรัก”หญิงสาวส่ายหน้า
ให้กับชายหนุ่มตรงหน้าที่พูดเอาๆโดยไม่ถามความเห็นของเธอเลยสักคำ
แล้วก็ต้องถอนใจออกมา นี่เธอต้องอยู่ในอาณัตของผู้ชายชื่อรักคนนี้
ตลอดไปจริงๆหรือนี่

“พอได้มานั่งตากลมเป็นหลับปุ๋ยเชียวค่ะ” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่อง
ก้มมองลูกน้อยในตักของเธอและตักของชายหนุ่มด้วยแววตา
ที่เต็มไปด้วยความรัก

“วันนี้ฉันได้เป็นแม่คนแล้ว มันทำให้ฉันรู้ว่า ความรักที่ลูกมีต่อแม่
มันเทียบไม่ได้เลยกับความรักที่แม่มีให้ลูก…และมันทำให้ฉัน
รักแม่มากขึ้นเป็นกองเลยล่ะค่ะ”ชายหนุ่มกอดหญิงสาวและจูบตรงหน้าผาก

“ไม่ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น ฉันสัญญาว่่าจะเป็นสามีที่ดีของเธอ
และเป็นพ่อที่น่ารักของลูกๆ เราจะไม่จากกันอีกแล้วนะอากิ
เธอคือของขวัญจากฟากฟ้าที่ส่งมาให้ฉัน และฉันก็เชื่อว่า
มันจะเป็นอย่างนั้นตลอดไป”

“ค่ะ ของขวัญสำหรับคนที่อดทน คนที่ไม่สิ้นหวังที่จะรัก
ไม่สิ้นหวังกับการมีชีวิต แม้ฟ้าจะเคยโหดร้ายกับฉันแค่ไหน
แต่มันก็แค่การทดสอบว่าฉันควรค่าสำหรับของขวัญที่ฟ้า
จะส่งมาให้ฉันแค่ไหน และวันนี้ฉันก็ดีใจที่ฟ้าไม่ได้โหดร้ายกับฉัน
แถมยังมอบของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตมาให้ฉัน ฉันรักคุณ
และฉันดีใจที่สุดที่มีคุณเป็นพ่อของลูกๆ”หญิงสาวกอดชายหนุ่มแน่น

“ฉันก็รักเธอนะ นางเงือกน้อยของฉัน”ทั้งสองนั่งกอดกัน
ก่อนจะมองไปยังเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง…


แม้ทะเลจะไม่มีวันไร้คลื่น หากเธอก็ยินดีที่จะร้องไห้ ถ้ามันเป็นน้ำตาที่มาจากหัวใจรัก
เธอก็ยินดีจะรักแม้จะมีน้ำตา
ในเมื่อวันนี้คลื่นยักษ์ได้กลายเป็นคลื่นรักแล้ว…

และเธอก็เชื่อว่าทุกครั้งที่มีน้ำตา เธอจะไม่อ้างว้างนั่งเช็ดน้ำตาอยู่เพียงลำพังอีกต่อไป
ในเมื่อวันนี้หัวใจเธอมีที่ให้พักพิงแล้ว

วันนี้เธอไม่ได้ไร้รัง และยังมีรักให้อิงแอบ ไม่ว่าจะเจอกับอะไรในวันข้างหน้า
เธอก็พร้อมที่จะเผชิญไปด้วยกันกับเขา…


ทั้งสองนั่งมองท้องทะเลกันอยู่พักใหญ่ก่อนหญิงสาวจะเอ่ยขึ้นว่า

“ฉันว่าพาลูกๆกลับเข้าบ้านดีกว่าค่ะ นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว ฉันกลัวว่าแกจะไม่สบายเอาน่ะค่ะ”
หญิงสาวมองลูกน้อยทั้งสองด้วยแววตาห่วงใย
สายตาที่ตรึงตาตรึงใจของเขายิ่งนัก

ทำไมเมื่อก่อนเขาถึงมองข้ามสิ่งดีๆเหล่านี้ไปได้นะ

แล้วทั้งสองก็ช่วยกันอุ้มลูกๆกลับไปยังบ้านรังรัก
ที่ตอนนี้ทุกคนกำลังเตรียมงานกันอย่างสนุกสนาน ครื้นเครง
ไม่เว้นแม้กระทั่งครอบครัวทาเคซาวา

ซึ่งมีเพื่อนของเธอนั่งหน้าบานข้างกายมีหญิงสาวหน้าตาน่ารักอยู่ใกล้ๆ
เธอไม่คิดเลยว่าหลังจากที่เพื่อนรักของเธอฟื้นขึ้นมาในครั้งนั้น
จะทำให้รสนิยมเรื่องเพศเปลี่ยนไป สงสัยคุณลุงกับคุณหญิงป้าของเธอ
จะได้อุ้มหลานก็งานนี้แหล่ะ เพราะเพื่อนของเธอเปรยกับเธอมาตลอด
ว่าอยากมีลูกน่ารักๆอย่างเธอบ้าง


และดูท่าเพื่อนของเธอจะสมหวังกับความรักครั้งนี้
เพราะสาวน้อยน่ารักคนนั้นดูจะดึงดูดใจเพื่อนเธอได้ไม่น้อยเลย

จะมีก็แต่พี่ชายทั้งสองของเธอที่ยังไม่ยอมลงจากคานสักที
อ้างว่ายังรักชีวิตโสดอยู่ ไม่อยากหาโซ่มาคล้องคอให้หนัก…

ส่วนเจ้าน้องชายจอมกะล่อนของเธอตอนนี้ถูกส่งไปคุมงานทางภาคเหนือ
ตั้งแต่เรียนจบกลับมา วันนี้จึงดูเป็นผู้หลักผู้ใหญ่มากขึ้น
แต่ก็ยังเป็นน้าที่น่ารักน่าหยิกของหลานๆได้ทุกงาน…

ส่วนคุณหมอที่แสนดีของเธอ เธอเชื่อว่าอีกไม่นาน
คุณหมออารมณ์ดีคนนี้ก็จะเจอคนที่ฟ้าส่งมาให้เหมือนกับเธอแน่นอน
ซึ่งมันคงต้องใช้เวลาและความอดทนกว่าจะเจอ…

“ขอบใจนะอากิที่ทำให้ฉันมีวันนี้”ชายหนุ่มพูดออกมา
เมื่อเห็นภาพทุกคนที่กำลังหัวเราะออกมาด้วยรอยยิ้มร่าเริงสดใส

“คนที่คุณควรจะขอบคุณคือพี่ชายที่แสนดีของคุณนะคะ”

“เฮ้อ พี่รังอีกแล้ว ทำไมเธอชอบพูดถึงพี่ชายฉันนัก”

“อ้าว…ก็พี่ชายของคุณเขาคือพระเอกในดวงใจของฉันมาตลอดนี่คะ
แต่ฉันมันอาภัพดันมาหลงรักตัวร้ายอย่างคุณเข้า”

“อันนี้มันแน่อยู่แล้ว แม่มดก็ต้องคู่กับซาตานถึงจะถูก…”
ชายหนุ่มพูดเสร็จก็หอมแก้มนวลนั่นเข้าให้อย่างหมั่นไส้
จนลูกชายตัวแสบที่เธออุ้มอยู่ร้องละเมอออกมา…

“ป้อทำไรแม่ป๋ม”ทั้งสองหัวเราะออกมาพร้อมกัน…

ขนาดหลับก็ยังจะหวงไม่เลิกนะเจ้าแสบ…

แล้วชายหนุ่มก็ก้มลงมองลูกสาวในอ้อมกอดแล้วยิ้มออกมา…อย่างน้อยเขาก็ยังมีตัวช่วย…



ภาพที่ทั้งสองเดินคลอเคลียช่วยกันอุ้มลูกน้อยทั้งสองเอาไว้นั้น
ถูกบันทึกเอาไว้เรียบร้อยแล้วโดยที่ทั้งสองไม่รู้ตัว

“พี่ว่าเราควรจะเอาภาพเหล่านี้ไปให้เจ้เขาดูดีมั้ยพี่”ช่อลิลลี่
นักข่าวสาวที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวของอากิโกะมาตลอด
เอ่ยถามเพื่อนรุ่นพี่ที่ซี้ที่สุดด้วยสีหน้าเบิกบาน

“อย่่าเลยไอ้ลี่ เดี๋ยวเจ้เขาจะกระอักออกมาเป็นเลือด
เพราะจะลงข่าวก็คงไม่กล้า คงได้แต่นั่งเสียดาย”ชายหนุ่มหัวเราะ
เมื่อนึกถึงหน้าเจ้านายที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวจอมเข้มงวดของตน

“แล้วเราจะเก็บภาพพวกนี้ไปทำไมล่ะพี่ ลี่ไม่เห็นว่ามันจะได้ประโยชน์ตรงไหน
เพราะจะลงข่าวก็ไม่กล้า”

“ก็เอาไว้ดูเล่นๆไง…รึไม่ก็ส่งไปเป็นของขวัญวันแต่งงานเขาเลยเป็นไง”
หญิงสาวได้ยินก็เกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา

“ใช่แล้วพี่ปุ๊ ลี่ว่าสุดยอดไปเลย เราก็ส่งไปเป็นวิดิโอภาพ
แล้วเอาไปเปิดในงานดีมั้ยพี่ รับรองว่างานนี้ดังแน่ๆ
ไม่ได้ลงก็เหมือนลงเลยล่ะพี่ปุ๊ แล้วอีกอย่างลี่ว่าพวกเขาเองก็คงชอบเหมือนกันแหล่ะ
ก็ดูแต่ละภาพสิ โรแมนติกสุดๆ หรือพี่ปุ๊ว่าไง”

หญิงสาวยิ้มหน้าบานให้กับความคิดของตัวเอง
ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะหัวเราะออกมา

“เอางั้นเลยเหรอ งั้นคงต้องรีบแล้วล่ะ เพราะเขาจะแต่งกันวันพรุ่งนี้แล้วไม่ใช่เหรอ”

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสองคนนี้แอบไปทำอะไรกันมาบ้าง มันน่านักเชียว

“เพิ่งรู้ว่าพี่ปุ๊ก็แอบเชียร์คู่นี้อยู่เหมือนกัน”

“รึแกไม่เชียร์ล่ะ ฉันเห็นแกลุ้นตั้งแต่เขาแสดงละครเวทีด้วยกันแล้วนี่

…เฮ้อ…ว่าไปฉันก็กะว่าจะเก็บภาพที่มีทั้งหมดของเขาสองคน
ทำเป็นอัลบัมส่งให้เป็นของขวัญวันแต่งงานแล้วกัน
เพราะไม่เคยเห็นคู่ไหนจะน่าประทับใจเท่าคู่นี้มาก่อน
บอกตรงๆว่าซึ้งจริงๆ คราวนี้ฉันกับแกก็คงตกงานแน่ๆ เพราะไม่มีข่าวไปฝากเจ้เขา”

แล้วทั้งสองก็เดินไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลกันนัก ก่อนจะขับออกไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย





“เห็นอย่างนี้ค่อยโล่งใจหน่อย”ชายหนุ่มมองภาพน้องชายกับน้องสะใภ้
เดินเคียงกันด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ทำเอาคนเป็นมารดาชักจะเริ่มหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดๆ

“ว่่าแต่เขา แกล่ะเมื่อไหร่จะหาสะใภ้ใหญ่ให้แม่สักทีฮะเจ้ารัง
แม่รอของแกมาจนจะเหี่ยวแล้วนะ”ชายหนุ่มหันมายิ้มให้มารดาที่ตอนนี้นั่งอยู่ใกล้ๆกันกับเขา
ซึ่งที่ๆนั่งอยู่นั้นเป็นเนินสูงสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ดี
แม้ไม่ได้ยินว่าทั้งสองพูดอะไรกันบ้างแต่เขาก็ดีใจที่เห็นน้องชายกับเธอลงเอยกันด้วยดี

“โธ่ คุณหญิงก็พูดไป ว่าแต่คุณหญิงอยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชายดีล่ะครับ กระผมจะได้จัดให้ถูก”
ชายหนุ่มหัวเราะร่าเมื่อมองหน้าแหยๆของมารดา
ก่อนจะโดนฟาดเข้าให้หนึ่งที

“แกนี่มันจริงๆเลยนะ จะหญิงจะชายฉันไม่สนใจหรอก
แต่ถ้ามีหลานให้ฉันได้ก็เป็นอันว่าตกลง”

“เฮ้อ…งั้นมันก็มีทางเดียวน่ะสิคุณหญิง อย่างนี้จะว่าไม่สนก็คงไม่ใช่แล้วล่ะครับ”
ชายหนุ่มยิ้มขัน

“แม่รู้นะว่าแกรู้สึกยังไง ถึงแม่จะไม่ค่อยได้อยู่ใกล้ชิด แต่แม่ก็ดูออกนะเจ้ารัง”
ชายหนุ่มมองหน้ามารดาก่อนจะกอดเอวกลมที่ตอนนี้จะโอบยังไงก็ไม่่ครบรอบสักที

“แม่ภูมิใจในตัวแกนะเจ้ารัง แม้เมื่อก่อนจะไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องงานที่แกทำนัก
แต่พอมาถึงตอนนี้แม่ว่ามันก็โอเคในระดับนึง
เพราะยังไงๆมันก็สามารถช่วยชีวิตน้องชายแกกับคนที่แกรักได้
และแม่ก็ดีใจที่เห็นแกรักน้องขนาดนี้ ถึงแม่ตายไปแม่คงไม่ห่วงอะไรอีกแล้ว”
ชายหนุ่มยิ้มขันให้กับคำชมที่ออกจะแปร่งๆของมารดา
ขนาดจะชมก็ยังไม่วายวางฟอร์ม

“คุณหญิงก็พูดไป อย่างคุณหญิงคงอยู่อุ้มหลานอุ้มเหลนไปอีกนานครับ”
ชายหนุ่มมองหน้ามารดาก่อนจะพูดต่อ

“อันที่จริงคุณหญิงก็รู้ว่าเจ้าน้องชายของผมมันดื้อแค่ไหน แถมยังหัวแข็งอีก
ต้องโดนเข้าอย่างนี้ถึงจะรู้สึกครับ”

ชายหนุ่มเอ่ยกับมารดาด้วยรอยยิ้มขัน ไม่มีใครจะรู้จักน้องชายได้ดีเท่าเขาหรอก
และเพราะรู้จักดีเขาถึงต้องใช้วิธีนี้ แม้มันจะดูโหดร้ายไปบ้างแต่มันก็คุ้ม

“ผมเคยสงสัยมานานแล้วล่ะครับคุณหญิงว่าทำไมคุณหญิงถึงตั้งชื่อลูกรักคนนี้ว่ารัง
แล้วให้น้องชายตัวแสบของผมชื่อรัก

เพราะมันดูคล้องจองยังไงๆก็ไม่รู้นะครับ ว่าจะถามให้ชัดๆตั้งหลายครั้งแล้วล่ะครับ
แต่ทะเลาะกับคุณหญิงซะก่อนทุกที”ผู้เป็นมารดาถอนใจยาว

กี่ปีๆลูกทั้งสองของก็ไม่เคยเรียกเธอว่าแม่ นานๆจะมีมาให้ได้ยินคนโตเรียกคุณหญิง
คนเล็กเรียกคุณนาย…แต่เธอก็รู้ว่าคำว่าแม่มันอยู่ในใจของลูกทั้งสองของเธอเสมอ

“ที่แม่ตั้งชื่อลูกว่ารังสิมันต์เพราะแม่หวังอยากให้ลูกเป็นดังแสงตะวัน
ส่องทางให้กับทุกคน รวมทั้งเป็นดวงตะวันของพ่อกับแม่
และที่เรียกว่ารัง เพราะว่าลูกก็เหมือนรังที่คอยยึดเหนี่ยวผูกใจพ่อกับแม่เอาไว้ตลอดเวลา
เป็นที่พักพิงใจให้กับทุกคน

และพอมีน้อง แม่ก็เลยตั้งชื่อน้องว่ารัก เพราะรังจะสมบูรณ์และอบอุ่นได้นั้นมันต้องมีรัก
ส่วนฑยาวีย์เนี่ย แม่เองก็ไม่รู้ว่่ามันแปลว่ายังไง

เพราะแม่จำมาจากนิยายรักที่แม่เคยอ่านและชอบชื่อนี้ เลยเอามาตั้งให้เจ้าดื้อ
แต่ชื่อเดิมน่ะมันสะกดด้วยท.ทหาร
แต่แม่เอามาประยุกต์ใหม่ให้กลายเป็นทอนางมณโฑ
เพราะเจ้ารักเขาหน้าขาวต่างจากแกมากเลยเจ้ารัง เพราะเราหน้าเข้มเหมือนพ่อของเรา
แล้วลงท้ายด้วยยอยักษ์ เพราะตอนคลอดเจ้าดื้อมานั้นรายนั้นเอาแต่ทำหน้ายักษ์
ไม่ขี้เล่นเหมือนแก แม่ก็เลยเอาทั้งฑ.นางมณโฑไว้ข้างหน้า
แล้วลงท้ายด้วยยอยักษ์ เพื่อเอาไว้ปกป้องลูกแม่ไง
เพราะแม่นึกถึงยักษ์ใหญ่ในตะเกียงแก้วน่ะลูก”

คนเป็นมารดาพูดไปหัวเราะไป
เพราะมันเป็นเรื่องจริงที่เธอเองก็นั่งขำทุกครั้งเมื่อย้อนเวลากลับไป
ไม่เข้าใจว่าอะไรดลใจให้ตั้งชื่อลูกว่าอย่่างนั้น

“แต่เหมือนแม่จะเคยเกริ่นๆกับแกไปแล้วนี่ สงสัยแกจะลืม”คนเป็นลูกยิ้มฝืด
ก่อนจะหันมาหยอกคนเป็นแม่ต่อ

“ว่าไปคุณหญิงก็ช่างปั้นเหมือนกันนะครับ แต่ผมว่าคงหาคนเหมือนยาก”
ชายหนุ่มล้อมารดาเสียงร่า

“แต่พอโตขึ้นคนที่ขี้เล่นจริงๆดันเป็นเจ้าหน้ายักษ์ ส่วนแกก็เก็กท่าขึงขังตลอด”

“โธ่ ผมก็แค่กลัวว่าน้องจะไม่เคารพก็เท่านั้นครับ”

“แต่แม่ก็ดีใจนะที่เราสองคนรักใคร่ปรองดองกันดี เพราะหัวใจของคนเป็นแม่
ก็แค่อยากเห็นลูกรักใคร่กลมเกลียวกัน แม่จึงหวังให้รังกับรักจะไม่ทอดทิ้งกัน
เพราะสำหรับแม่มันขาดสิ่งใดไปไม่ได้เลย ไม่ว่าจะรังหรือรัก

แม่จึงอยากเกี่ยวใจของลูกทั้งสองของแม่เอาไว้ด้วยชื่อนี้ไง…

เพราะว่าลูกทั้งสองเป็นรังรักของพ่อกับแม่…และแม่ก็หวังว่าสักวัน
ลูกทั้งสองของแม่จะมีรังรักเป็นของตัวเอง…”

ชายหนุ่มกอดมารดาแน่น มองออกไปยังท้องทะเลในยามพลบค่ำ

“จะว่าอะไรมั้ยครับคุณหญิง ถ้าคืนนี้ลูกชายสุดที่รักคนนี้จะขอจองตัว
คุณหญิงที่สวยที่สุดเป็นคู่เต้นรำ...”
ผู้เป็นมารดาส่ายหน้าให้กับลูกชายคนโตที่กำลังยิ้มหน้าบานอยู่

“เฮ้อ…มันก็คงต้องอย่างนั้นสิ…เพราะตั้งแต่พ่อแกจากไป
ฉันก็ไม่มีคู่เต้นรำกับเขาอีกเลย…”

รังสิมันต์ลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งมือไปยังมารดา


แล้วทั้งสองแม่ลูกก็เดินจูงมือลงจากเนินไปยังงานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
ที่ปีนี้ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ

ก่อนจะหวนนึกถึงเจ้าเพื่อนเก่าอย่างนายลม
ไม่รู้ว่่างานคืนนี้มันจะมีคู่ไปร่วมวงเต้นรำกับเขารึเปล่า…



.....ความรักที่รวงหล่นหายเหมือนใบไม้หนึ่งใบที่ร่วงหล่น
.....จงยินดีในสิ่งที่โชคชะตาให้มา…แล้วยิ้มให้กับมัน…

……………จบบริบูรณ์………..


จบแล้วจริงๆค่ะ...

แล้วอย่าลืมมาติดตามความรักของ "หมอรัง" กับ "พี่ลม"ของเราได้ใน

นิยายเรื่อง "หัวใจไร้ท่ีอยู่"

มาดูกันว่า...ใครคือเจ้าของหัวใจของสองหนุ่ม...

เรื่องหน้าไม่เศร้าเท่าเรื่องนี้แล้วนะคะ...ออกแนวตลกปนฮา สลับกับดราม่านิดๆ
โยเองก็บอกไม่ถูก บรรยายไม่ไหว คงต้องไปติดตามกันดูนะคะ...
แต่รับประกันความสนุกค่ะ...อิอิอิ...

"ใครยังจำเป็ดวานาโนได้...เธอกำลังจะกลับมาเพื่อเขย่าหัวใจของเทพบุตรสุดหล่อ
เดือนคณะแพทย์กับวิศวฯอย่างพี่รังกับพี่ลม..."

...เป็นไปได้ไหมที่คนหล่อจะคู่กับคนไม่สวย คนสูงจะคู่กับคนสั้น...
การันตีได้ว่าความเป็นไปไม่ได้คือความเป็นไปได้
เมื่ออ่านเรื่อง "หัวใจไร้ที่อยู่" กับ "คานน้อยคอยรัก"ค่ะ...

เฮะๆๆๆ

แล้วอย่าลืมมาเป็นกำลังใจให้เต่าโยอีกนะคะ...


ก่อนไป...อยากเห็นคอมเม้นท์ของนักอ่านของโยเยอะๆบ้างนิ...
พลิสสสสสสสสสสสสสสสส

...คืนนี้...หลับฝันดี...มีความสุข...ราตรีสวัสดิ์ค่ะ...

แล้วเจอกันในค่ำคืนของวันพรุ่งนี้นะคะ....

"yoraya"









yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ย. 2555, 22:34:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ย. 2555, 22:39:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 3614





<< บทที่ 40 ฝนครั้งสุดท้าย   
หนอนฮับ 18 ก.ย. 2555, 23:10:44 น.
ในที่สุด...สองแฝดก็มาแว้วววววววววววว อิอิ รอ...พี่รัง กับ พี่ลมต่อ คริๆๆ


MDDC 18 ก.ย. 2555, 23:38:45 น.
ติดตามต่อค่ะ. ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ


บัวขาว 19 ก.ย. 2555, 00:00:40 น.
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ ที่แฝงไว้ในนิยายเรื่องนี้นะคะ ...
รออ่านเรื่องใหม่ด้วยค่ะ
=^_^=


Pat 19 ก.ย. 2555, 00:16:08 น.


konhin 19 ก.ย. 2555, 04:18:43 น.
วิดวิ้วววววว มีลูกแล้ว ทีเดียวได้สองเลย เจ๋งจริงๆ


mallow 19 ก.ย. 2555, 04:59:12 น.
เป็ดวานาโนกำลังจะมาพร้อมพี่ลมสุดที่รัก และก็หมอรังอีกคน คิดถึงมากๆ


ตามหาฝัน 19 ก.ย. 2555, 07:36:08 น.
รออ่านทุกเรื่องเลยค่ะ เพราะชอบทุกเรื่องค่ะ ว่าแค้เป็ดวานาโนใกล้คลอดหรือยังค่ะ


sai 19 ก.ย. 2555, 09:11:00 น.
ชอบมากๆค่ะ


goldensun 19 ก.ย. 2555, 09:21:17 น.
สลับความรู้สึกกับตอนที่แล้วเลย อ่านไป ยิ้มไป คู่แฝดน่ารักมาก
แสดงว่า ตอนที่เหยี่ยวบู๊นี่ มีแฝดน้อยคู่นี้อยู่ในท้องแล้วสิ เกาะเหนียวแน่นใช่เล่นนะคะ
ขอบคุณค่ะ ตามอ่านเรื่องต่อไปแน่นอนค่ะ


pookza 19 ก.ย. 2555, 11:11:23 น.
เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account