คานน้อย คอยรัก (จบแล้วค่ะ)
คานน้อย คอยรัก

ในลักษณ์นั้นว่าประหลาด…………….คนบนคานนั้นว่าน่าประหลาด
เป็นเชื้อชาตินักรบกลั่นกล้า…………...เป็นเชื้อชาตินักรักผู้หาญกล้า
เหตุไฉนย่อท้อรอรา…………………..เหตุไฉนย่อท้อรอเวลา
ฤาจะกล้าแต่เพียงวาที…………………ฤาไม่กล้าบอกรักใครสักที

เห็นแก้วแวววับที่ดับจิต…………………เห็นคานแก้วแวววับสดับจิต
ใยไม่คิดอาจเอื้อมให้ถึงที่……………...ใยไม่คิดปีนไปให้ถึงที่
เมื่อไม่เอื้อมจะได้อย่างไรมี……………อย่ามัวรอจงขึ้นมาเร็วรี่
อันมณีฤาจะโลดไปถึงมือ………………บนคานนี้มีรักให้ฝึกปรือ

อันของสูงแม้ปองต้องจิต………………..คานเราสูงไม่เป็นรองของใครอื่น
ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้ฤา………………..อย่าได้ขืนลงไปให้เสียชื่อ
มิใช่ของตลาดที่อาจซื้อ………………….มิใช่ทองตามตลาดที่อาจซื้อ
ฤาแย่งยื้อถือได้โดยไม่ยอม……………..เพราะเราถือความพอใจจึงลงไป

ไม่คิดสอยมัวคอยดอกไม้ร่วง……………ไม่คิดสอยมัวคอยให้คานทับ
คงชวดดวงบุปผาชาติสะอาดหอม………..รอให้ดับคาคานหรืออย่างไร
ดูแต่ภุมรินเที่ยวบินตอม…………………..ฤาต้องคอยรักแท้จนแก่ใช่ไหม
จึงได้ออมอบกลิ่นสุมาลี…………………..เกาะคานน้อยคอยรักต่อไป
…………………..........จนกว่าจะเจอคนที่ใช่…ใช่ไหมคาน………………
(อ้างอิงกลอนจากบทละครเรื่องท้าวแสนปม)

มาดูเหตุผลของคนที่ยังไม่ลงจากคานกันค่ะ...
อาจจะมีเหตุผลมากมายที่ไม่อยากลงจากคาน
หรืออาจมีเพียงแค่หนึ่งเหตุผลง่ายๆก็คือ...

...ไม่ใช่คนที่ใช่ก็ไม่ใช่...

หรือว่า

...โดนข้อหาหลายใจ เพราะเคยมีแฟนหลายหน...

หรืออาจเป็นเพรา

...เขาบอกให้รอ เราก็รอ...

หรือจริงๆแล้ว

...ขออยู่รอคนสุดท้ายคนนั้นได้ไหม...

หรือลึกลงไป

...กำลังรอเจ้าชายในฝันอยู่อย่างอดทนได้ทุกอย่าง...

หรือกำลังปลอบใจตัวเองว่า

...ครึ่งหนึ่งของฉันยังมาไม่ถึง...ซึ่งสักวันเขาจะมาอยู่ข้างกัน...

หรือกำลังหลอกตัวเองด้วยการปกปิดว่า

...ไม่หวั่นไหว หัวใจไม่ปรารถนา...

ทั้งๆที่จริงๆแล้ว

...อยากรัก อยากฝัน แต่เพราะกลัว ก็เลยไม่กล้ารักใคร...

หรือว่าอาจจะเป็นเหตผลสุดท้ายที่ไม่ค่อยมีใครกล้ายอมรับดังๆว่า

...ไม่เคยมีใครมาจีบ ไม่มีใครสน เรามันคนธรรมดาๆ...

แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใด...

เราก็ยังหวังและยังคงรอคอยปาฏิหาริย์ว่าจะได้เจอคนที่ใช่ในสักวัน...


Tags: ดราม่า หวานซึ้ง อบอุ่น หมอรัง สิ้นรัก วายุ ปองขวัญ

ตอน: ยกที่ 81 สายลมที่แสนดี

ยกที่ 81 สายลมที่แสนดี

ณ เกาะรังรัก…

“มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า…”
แพรวาจับมือทั้งสองข้างของสิ้นรักขึ้นมากุมไว้ด้วยแววตาเป็นห่วง…
เนื่องจากหล่อนรู้สึกเหมือนมีบางอย่างในแววตาของคนตรงหน้า
ที่ซ่อนความเศร้าเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มสดใส

คนอื่นอาจมองไม่ออก แต่หล่อนมองออก

…ใครที่ได้ใกล้ชิดกับลูกชายคนโตของหล่อนทุกซอกทุกมุมแล้วจะรู้…
และหล่อนแน่ใจว่าลูกสะใภ้ใหญ่ของหล่อน
กำลังเผชิญอยู่กับอะไรในตัวของลูกชายคนโตของหล่อน…

“เจ้ารังน่ะ…บทจะดื้อก็ดื้อสุดๆ ไม่ฟังใครหรอก เขาเชื่อตัวเอง…
เชื่อในสิ่งที่ตัวเองพบเห็นและได้ยินมา…แม้เราจะพยายามอธิบายสักแค่ไหน แต่เขาก็ไม่เชื่อ…
เขาต้องได้เห็นความจริงด้วยตัวของเขาเองเขาถึงจะกลับมาเชื่อเรา…
แม่แพรวรู้จักลูกชายคนนี้ดี…และหนูเองก็จะรู้จักเขามากขึ้น…มากกว่าที่เคยรู้จักมา…”
สิ้นรักมองแววตาของแม่สามีที่เคยเลี้ยงดูอุ้มชูเธอมาเมื่อยังเล็กๆด้วยรอยยิ้มบาง…

“แม่แพรวรู้…”แพรวาส่ายหน้า

“แม่แพรวไม่รู้ว่าเราสองคนมีปัญหาเรื่องอะไรกัน
แต่รู้ว่ามันต้องมีสาเหตุมาจากนิสัยดังกล่าวของลูกชายของแม่แพรวเอง…”
สิ้นรักยิ้มก่อนจะพยักหน้า

“เมื่อก่อนรักไม่เคยเข้าใจว่าทำไมคนที่แต่งงานกันในช่วงแรกๆ
จึงมักมีปัญหาโน่นนี่เข้ามาจนถึงขั้นจะเลิกร้างกัน…ตอนนี้…รักว่ารักเข้าใจมันแล้ว…”
แพรวาตบมือลูกสะใภ้คนโตเบาๆก่อนจะกล่าวว่า

“คนที่ไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน…พอมาอยู่ด้วยกัน…มันก็ต้องมีบ้างที่จะไม่เข้ากัน…
แต่ถ้าเราต่างอดทนและผ่านช่วงดังกล่าวไปได้ ต่างพยายามเรียนรู้อีกฝ่าย…
ต่างพยายามทำความเข้าใจกัน…เมื่อผ่านไป…เราก็จะเข้าใจและจะเริ่มคุ้นเคยกัน
รู้ใจกันมากขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น ชีวิตคู่ก็จะเริ่มมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ…
ไม่ผันผวนอย่างในช่วงแรกๆ…แม่แพรวอยากให้หนูอดทน…
และทำหน้าที่ภรรยาที่ดีต่อไป…สิ่งดีๆที่เราทำมันจะส่งผลในไม่ช้าก็เร็ว…”

สิ้นรักพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบาง…แพรวายกมือขึ้นลูบผมลูกสะใภ้อย่างเอ็นดู
…หล่อนรู้ดีว่าการที่หญิงสาวข้างกายหล่อนยอมทิ้งภาระหน้าที่ที่เคยทำก่อนหน้านี้…
ยอมทิ้งเพื่อนผอง ยอมทิ้งชีวิตที่มีผู้คนห้อมล้อมเพื่อมาอยู่ดูแลลูกชายของหล่อน
ดูแลบ้านซึ่งอยู่ในเกาะที่อยู่ห่างไกลผู้คนและแสงสี

ซ้ำบางครั้งลูกชายของหล่อนยังต้องเดินทางไกลไปดูแลกิจการของครอบครัวบ่อยๆเช่นนี้
…หล่อนก็อดเห็นใจไม่ได้…

และก็อดภูมิใจอยู่ลึกๆในตัวของหญิงสาวผู้นี้ไม่ได้เช่นกัน
หล่อนมองแล้วว่า ไม่มีหญิงใดจะใช้ชีวิตคู่อยู่กับลูกชายคนโตของหล่อน
ได้ดีเท่าหญิงสาวข้างกายหล่อนตอนนี้ได้หรอก…

“ผู้หญิงเรา…เมื่อเลือกจะเป็นคู่ชีวิตใครแล้ว เราต้องยอมสูญเสียบางอย่างที่เคยได้
และที่เคยเป็นก่อนหน้านี้ไปบ้าง…เพื่อครอบครัวของเรา…
เพื่อคนที่เรารัก…และเมื่อมีลูก…เราก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเขา…
ลูกจะเป็นโซ่ที่ร้อยรัดพ่อกับแม่ของเขาเอาไว้ให้สายสัมพันธ์แน่นแฟ้นขึ้น…

จากที่เคยทำเพื่อตัวเอง เราก็ได้เรียนรู้ที่จะทำเพื่อสามีของเรามากกว่าทำเพื่อตัวเอง
…เมื่อมีลูก…เราก็จะได้เรียนรู้ที่จะทำเพื่อลูกมากกว่าทำเพื่อสามี…
และคิดถึงความสุขของตัวเองเป็นสิ่งสุดท้าย…

ความรักที่แม่มีต่อลูก…มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์…
แล้วอีกไม่นาน…หนูก็จะเข้าใจความรักนั้น…”
แพรวายกมือลงแตะที่หน้าท้องของสิ้นรักแล้วลูบเบาๆ
แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแววตาขี้เล่นว่า…

“ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิ…หลานย่า…”
สิ้นรักระบายยิ้มกับภาพที่ได้เห็น ขนาดพ่อของลูกยังไม่เคยทำแบบนี้เลย…

“สำหรับผู้หญิงแล้ว…ภาระหน้าที่นี้มันยิ่งใหญ่มากนะรู้มั้ย…
โดยเฉพาะเวลาคลอด…มันเป็นหน้าที่ที่ยากที่สุดในชีวิตของผู้หญิงเรา…”

สิ้นรักพยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอกลัวมาก กลัวว่าจะเผชิญกับหน้าที่ดังกล่าว
อย่างที่แม่ของเธอเคยเผชิญมา

…สิ่งสำคัญคือ…เธอยังไม่อยากตายเหมือนแม่ของเธอ…
เธอยังอยากอยู่กับพี่รัง อยากอยู่ดูแลเลี้ยงลูก…
อยากอยู่ให้ความรักความอบอุ่นกับเขา…

“แต่มันจะผ่านไปได้ด้วยดี…อย่ากลัวไปเลยนะ…
แม่แพรวสัญญาว่าจะอยู่ด้วยเมื่อถึงตอนนั้น…”สิ้นรักน้ำตารื้นกับถ้อยคำที่ได้ยิน…
หญิงสูงวัยตรงหน้าล่วงรู้ถึงความกังวลใจของเธอ…

“มาอยู่ด้วยกันเสียที่นี่สิคะ…นมมาอยู่ด้วยแบบนี้…แม่แพรวคงเหงาแย่…”
แพรวาส่ายหน้านิดๆ

“คงไม่ได้หรอกจ๊ะ…แม่แพรวอยากให้หนูมีเวลาส่วนตัวกับเจ้ารังในช่วงแรกๆของชีวิตคู่…
ที่สำคัญ…อีกไม่กี่วันอากิเขาก็จะมาอยู่ด้วยแล้ว
เจ้ารักเองก็ทำเรื่องย้ายสำนักงานใหญ่มาอยู่ด้วยกันที่กระบี่แล้ว…
แม่แพรวไม่เหงาแล้วล่ะ มีเจ้าแฝดมาอยู่ด้วยจะเหงาได้ยังไง
กลัวก็แต่หนูนั่นแหล่ะจะเหงาก็เลยส่งแม่นมมาดูแลแทน…”

“แล้วคุณอากิเธอไม่ห่วงบ้านที่ทางโน้นแล้วเหรอคะ…”

“เห็นบอกว่า…ตอนนี้หมดห่วงแล้ว…เพราะพี่ชายคนโตที่ยังเป็นโสดอยู่
กำลังจะมีคนคอยดูแลแล้ว…ถ้าหายดีเป็นปกติเมื่อไหร่…เราคงจะได้ยินข่าวดีกันล่ะ…”
สิ้นรักถึงกับฉีกยิ้ม

“พี่เพลิงกับพี่ตามน่ะเหรอคะ…”แพรวาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

“ใช่…”

“ดีจังเลยนะคะ…”

“ว่าแต่วันนี้เจ้ารังจะกลับมากี่โมง…”สิ้นรักแค่นยิ้มขณะส่ายหน้า

“ไม่ได้บอกไว้ค่ะ…”

“อาจจะยังไม่รู้ว่าแม่มาหา…รึจะโทรไปบอกดี…”แพรวาเหมือนจะนึกได้
ก็เลยมองหาโทรศัพท์…ทว่าเสียงกระดิ่งที่ดังมาจากหน้าบ้าน
ทำให้สองสาวต่างวัยหันไปมองเป็นตาเดียวกัน…

“พูดถึงก็มา…อายุยืนจริงๆ…”แพรวากล่าวพร้อมรอยยิ้ม…

หล่อนไม่ได้เจอลูกชายคนโตมาเป็นเดือนๆแล้ว…
ก็เลยอดดีใจไม่ได้เมื่อเห็นร่างที่คุ้นตาเดินเข้าบ้านมา…

สิ้นรักลุกขึ้นรับของในมือของรังสิมันต์กับเสื้อคลุมของเขามาไว้ในมือ
ก่อนจะเดินเข้าครัวส่งของกินให้กับผักหวานแล้วเดินกลับมายังห้องรับแขก…

“ดูซูบไปรึเปล่าเจ้ารัง…”แพรวามองลูกชายอย่างพิจารณา…

“ก็กินข้าวที่อื่นไม่อร่อยเท่ากลับมากินที่บ้านนี่ครับ…”
รังสิมันต์กล่าวด้วยน้ำเสียงสดใสก่อนจะหันมายิ้มให้ภรรยาที่เดินมาพอดี…
ทำเอาสิ้นรักตั้งรับรอยยิ้มนั้นแทบไม่ทัน…ยืนขาตายอยู่ครู่ใหญ่
จนคนยิ้มถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาประคองให้เธอนั่งลงข้างๆเขา
ทำเอาแพรวาที่มองภาพนั้นอยู่ถึงกับอมยิ้ม

…ทว่าสิ้นรักรู้ดีว่านี่คือละคร!!!…

“น้ำค่ะนายหัว…”ผักหวานวางแก้วน้ำเย็นลงพร้อมขนม

“ขอบใจนะผักหวาน…”รังสิมันต์หันไปยิ้มให้เด็กสาว
ทำเอาผักหวานถึงกับทำอะไรไม่ถูก…นายหัวไม่ควรยิ้มให้เธอแบบนี้เลย
มันทำให้เธอควบคุมหัวใจตัวเองไม่ได้ทุกที…

“เรื่องงานเป็นไงบ้าง…”แพรวาถามขึ้น

“ก็เรื่อยๆครับ…ช่วงนี้ดีหน่อย ไม่ค่อยมีใครมาป่วน…”
น้ำเสียงตอนท้ายๆประโยคนั้นฟังดูไม่ค่อยชอบใจนัก

“ดีแล้วล่ะ…จะได้พักอยู่กับบ้านมากขึ้น…เมียเราจะได้ไม่เหงา…”
รังสิมันต์หันไปมองหน้าคนที่นั่งเงียบๆข้างๆเขา…

“เหงาเหรอ…”เสียงนุ่มๆที่ถามออกมานั้น ทำให้สิ้นรักถึงกับเงยหน้าขึ้นมอง
ก็พบกับแววตาคมเข้มของเขา…

“ไม่เท่าไหร่ค่ะ…มีนมกับผักหวานมาอยู่ด้วย…ก็เลยไม่ค่อยเหงา…”

“นี่อะไร…”รังสิมันต์หยิบตะกร้าที่วางอยู่ไม่ไกลนักขึ้นมา

“กำลังถักชุดถุงมือถุงเท้าและชุดเด็กเพื่อเป็นของฝากรับขวัญน้องของเจ้าแฝดอยู่น่ะค่ะ…”
รังสิมันต์เลิกคิ้ว

“แล้วของเจ้าตัวน้อยในท้องของเธอล่ะ…”

“ถักเสร็จแล้วค่ะ…”รังสิมันต์เหมือนจะอึ้งนิดนึง ก่อนจะหันมายิ้มกับมารดา

“สงสัยคงจะเห่อลูกน่ะครับคุณหญิง…”แพรวายิ้มกับถ้อยคำและสีหน้าของลูกชาย

“เป็นใครก็ต้องเห่อน่ะแหล่ะ…ดูอย่างเจ้าแฝดสิ…
เล่นซื้อตุ๊กตากับของเล่นไว้เต็มห้องของน้องสาวแล้ว…”

“ลูกสาวเหรอครับ…”รังสิมันต์ถามด้วยสีหน้าแปลกใจปนดีใจ…

“ใช่…ไปซาวด์มาแล้ว…เจ้ารักดีใจมากเลยนะ…ก็เลยแห่ซื้อข้าวของ
เครื่องใช้มาไว้เต็มห้อง เต็มตู้แล้ว…ทุกอย่างสีชมพูหมด…”

“มิน่า…”รังสิมันต์กล่าวพลางมองไหมพรมในตะกร้าที่มีแต่สีชมพูหวาน

“แต่ที่แม่ลุ้นน่ะลูกเรานะเจ้ารัง…แม่อยากเห็นหน้า อยากรู้ว่าหน้าตาจะเป็นยังไง…
เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย…”

“อีกไม่กี่เดือนแม่ก็จะได้รู้แล้วล่ะครับ…คนนี้ผมกะจะไม่ซาวด์หาเพศ
เอาไว้รอลุ้นวันคลอดดีกว่า…”รังสิมันต์ยิ้มกับมารดา ส่วนสิ้นรักได้แต่ก้มหน้างุด

“ว่าแต่ถุงเท้าของลูกเราเธอใช้ไหมสีอะไรเหรอ…”
สิ้นรักตกใจกับคำถามดังกล่าว ที่เธอไม่อยากให้เขาถามมากที่สุด…

คำตอบจึงเป็นความเงียบ…รังสิมันต์จึงไม่เซ้าซี้…หันไปพูดคุยกับมารดา
ปรึกษาปัญหาเรื่องงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
สิ้นรักจึงขอตัวออกมาก่อนจะเดินขึ้นห้องนอน

…หยิบกล่องที่เก็บชุดที่เธอถักไว้สำหรับลูกของตัวเอง

…พ่อของลูกอาจจะยังไม่รู้ว่าลูกเป็นเพศใด
แต่สำหรับเธอ เธอรู้แล้ว…เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้…

และเมื่อรู้เธอก็เริ่มถักชุดเสื้อผ้าและถุงเท้าถุงมือ
รวมทั้งหมวกไหมพรมให้ลูก ใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในระหว่างที่พ่อของเด็กไม่อยู่
เพียงไม่ถึงเดือน มันก็เสร็จเรียบร้อยอย่างน่าเหลือเชื่อ
ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมุมานะทำได้เร็วขนาดนี้มาก่อน

ตอนที่แอบไปซาวด์ดูลูกคนเดียวที่คลีนิคในเมือง…ตอนนั้นเธอทั้งตื่นเต้น
ดีใจที่ได้เห็นลูกดิ้นอยู่ในท้องของตัวเอง…หากเมื่อรู้เพศ…
ความรู้สึกบางอย่างในส่วนลึกก็ร่ำร้องออกมา…

สิ้นรักค่อยๆวางมือลงบนกล่อง ลูบชุดเสื้อผ้าของลูก
ลูบถุงมือถุงเท้าและหมวกไหมพรมด้วยใบหน้าเศร้าๆ น้ำตาของหญิงสาวก็ค่อยๆหยดลง…





ไม่กี่วันต่อจากนั้น…สิ้นรักก็ได้ยินข่าวดีจากทางโรงพยาบาล
ว่าปองขวัญคลอดลูกแฝด…เป็นทารกเพศหญิงทั้งคู่…

หมอยังงง เพราะว่าเด็กคลอดช้ากว่ากำหนด จากปกติเก้าเดือน
แต่ปองขวัญเพื่อนของเธอกลับตั้งท้องถึงสิบเดือน สองสัปดาห์…

“ยินดีด้วยนะปอง…”สิ้นรักกุมมือเพื่อนรักเอาไว้พร้อมรอยยิ้ม
ก่อนจะหันไปทางคุณพ่อมือใหม่อย่างอดีตพี่รหัสสุดเลิฟของเธอ

“ยินดีด้วยนะคะคุณพ่อมือใหม่ถอดด้าม…”
วายุยิ้มเขินกับคำว่าคุณพ่อที่อดีตน้องรหัสใช้เรียกเขา…

“พี่งี้เหนื่อยแทนเลย…อยู่เชียร์ เหงื่อตกอยู่ข้างๆเตียงนี่แหล่ะ…”

“แล้วก็เป็นลมสลบไปเพราะเมาเลือดอย่างเคย…”
ปองขวัญต่อให้อย่างนึกหมั่นไส้คนพูดนิดๆ…

“ไอ้เรารึพะว้าพะวงกับการคลอดลูก…พ่อคุณเล่นมาเป็นลมต่อหน้า
ทำเอาหายใจหายคอไม่ทัน…ลูกก็ห่วง พ่อของลูกก็ห่วง…ตัวเองรึก็ห่วง…”

“โถๆๆ…ก็ตอนนั้นมันตื่นเต้น อยากเห็นหน้าลูกก่อนใครนี่นา
ก็เลยขอเข้าไปลุ้นส่งกำลังใจตอนลูกออกมาด้วยคน…
ไม่นึกว่าเลือดของเธอจะออกมามากขนาดนั้น…”ปองขวัญถึงกับยิ้มขัน
กับสีหน้าหงอๆของสามี…สิ้นรักเองก็อดอมยิ้มให้กับความน่ารักของคู่สามีภรรยาคู่นี้ไม่ได้
…มันช่างแตกต่างกับสภาพคู่ของเธอในตอนนี้ยิ่งนัก…

“แซงหน้ากันไม่เห็นฝุ่นเลยนะไอ้ลม…ท้องครั้งเดียวได้ถึงสองคน…”
รังสิมันต์แซวเพื่อนรักอย่างนึกหมั่นไส้…

“ใครจะชักช้าเหมือนแก…รอบหน้าจะเอาอีกสองใช่มั้ยจ๊ะที่รักจ๋า…”
วายุหันไปทางภรรยาด้วยแววตาออดอ้อนจนคนฟังถึงกับหมั่นไส้

“งั้นพี่ลมก็คงต้องคลอดเองแล้วล่ะค่ะ…สุดจะบรรยาย…”

“ถ้าพี่คลอดแทนได้เหมือนม้าน้ำ…พี่ทำไปนานแล้ว…จะได้คลอดทีเดียวสี่คนไปเลย…”

“ขี้โม้…แค่สองคน…ปองก็แทบหายใจไม่ทันแล้ว…
แล้วทีนี้…พี่ลมจะช่วยให้นมลูกแทนปองได้รึเปล่า…”
วายุถึงกับก้มหน้า นมเขาไม่เหมือนของเธอนี่…จะให้ลูกดูดได้ยังไง…

“เห็นมั้ย…ทำไม่ได้สักอย่าง…อย่างนี้จะมาขอทีละสอง…ปองก็แย่น่ะสิ…
ถ้าเกิดปองไม่สวยเท่าเดิม…พี่จะว่ายังไง…”วายุเงยหน้าขึ้นมองภรรยา
ที่ดูจะห่วงความสวยขึ้นมา…

“แต่พี่ว่าตอนนี้ความสวยของเธอก็ยังไม่ลดลงเลยนะ…แต่ถึงจะลดลง
รับรองว่าเสน่ห์ของเธอไม่ลดลงหรอก…แม่ปลาทองของพี่…”ปองขวัญถึงกับเขิน
ที่เขินน่ะไม่ใช่เพราะอะไร คนอื่นอยู่กันออกเต็มห้อง
ไอ้สามีบ้าดันมาพูดทำให้หน้าแดงแบบนี้ได้…

“ขนาดมีลูกแล้วยังจะหาเวลาว่างจีบกันได้อีกนะ…”รังสิมันต์แขวะเพื่อน

“ใครจะเหมือนแกล่ะ…เอาแต่ทำงาน…ฉันเนี่ย…เกือบตาย
ตอนแพ้ท้องแทนเมีย…แต่แกสบาย นาโนรับไปคนเดียวเลย…”

รังสิมันต์เขม็งตาใส่เพื่อนเป็นเชิงเล่น หากลึกลงไป เขาอดรู้สึกผิดไม่ได้เหมือนกัน
ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาไม่ได้เอาใจใส่แม่ของลูกของเขาเท่าที่ควร…

“แล้วพวกพี่ๆน้องๆของพี่ลมกับไอ้ปองล่ะคะ…ยังมาไม่ถึงเหรอ…”วายุส่ายหน้า

“อีกสักพักคงมาถึงกันแล้วล่ะ…”

“นายปุ๊กับพี่ตามคงดีใจเนอะปอง…”สิ้นรักหันไปพูดกับเพื่อน…

“เห็นบอกว่าจะรีบๆมาให้ถึง…ยังไม่เห็นหัวเลย…นี่พ่อกับแม่เห่อหลานมาก
จนลืมไปรับลูกที่สนามบินอย่างปกติซะแล้ว”ปองขวัญกล่าวอย่างยิ้มๆ
เพราะบิดามารดาของตนเห่อหลานจนออกไปรอดูในห้องเด็ก…

“ตั้งชื่อเอาไว้รึยังล่ะเนี่ย…”รังสิมันต์ถามเพื่อนรัก

“ตั้งไว้แล้ว…จะให้ชื่อว่า ปานชีวิน กับ ปิ่นชีวา…เพราะและคล้องจองกันมั้ย…”
รังสิมันต์กับสิ้นรักถึงกับเลิกคิ้วสูง

“เพราะดีค่ะ…คล้องจองกันดีด้วย…ชื่อคล้ายๆแม่…”

“ขอบใจจ๊ะ…”ปองขวัญยิ้มหวานกับคำชมของเพื่อน

“ก็แม่เขาบอกว่าถ้าได้ลูกผู้หญิงก็อยากให้ชื่อขึ้นต้นด้วยปอปลา…
เราก็เลยตั้งชื่อเล่นลูกแฝดของเราว่าน้องปานกับน้องปิ่น…”วายุกล่าวเสริม

“ว่าแต่อีกไม่กี่เดือนแล้วสินะไอ้สิ้น…ฉันก็จะได้เห็นลูกของแกกับพี่รังแล้ว”
ปองขวัญยกมือขึ้นวางที่ท้องของเพื่อนรักพร้อมรอยยิ้มบาง

“จะเจ็ดเดือนแล้วล่ะ…”สิ้นรักตอบก่อนจะหันไปทางรังสิมันต์…

“มาแล้วจ๊ะ…มาแล้ว…”เสียงของพยาบาลสาวเพื่อนของปองขวัญดังขึ้น
พร้อมกับลูกแฝดของปองขวัญที่ถูกทำความสะอาดและสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว
โดยมีพ่อกับแม่ของเธอที่เดินตามมาติดๆ…

“น่ารักน่าชังจริงๆลูกพ่อ…”วายุกล่าวขึ้นเมื่อเห็นหน้าลูก…

“ร้องใหญ่เลย…สงสัยคงหิวนมแล้ว…”สิ้นรักเอ่ยขึ้นด้วยแววตาเอ็นดู
เด็กตัวน้อยๆผิวแดงๆทั้งสองคนที่นอนอยู่ข้างๆเพื่อนของเธอ
แต่เพราะคุณแม่มือใหม่ยังเขินอายกับการให้นมลูก จึงดูประหม่าอยู่มาก

“เราคงต้องขอตัวกลับก่อนดีกว่า แม่ลูกเขาจะได้ทำกิจกรรมร่วมกัน…”
สิ้นรักกล่าวขึ้นพร้อมกับหันไปทางรังสิมันต์…

“งั้นฉันกลับก่อนนะไอ้ลม…ลูกแกน่ารักมาก…”รังสิมันต์แตะบ่าเพื่อนพร้อมรอยยิ้มกว้าง

“ขอบใจมากเพื่อน…”

“แล้วจะแวะมาเยี่ยมอีกนะปอง…”สิ้นรักจับมือเพื่อน…ก่อนจะหันไปทางบิดามารดาของเพื่อน

“กลับก่อนนะคะคุณพ่อคุณแม่…”

“ขอบใจมากนะลูก…ว่าแต่ไม่รอเจอเจ้าปุ๊กับพี่ตามก่อนเหรอ”
มารดาของปองขวัญยิ้มบางขณะพูด…

“เดี๋ยวก็คงได้เจอกันล่ะค่ะ…กะจะชวนไปนอนที่เกาะรังรักอยู่เหมือนกัน”สิ้นรักกล่าว

“ดีสิจ๊ะ สองคนนั่นจะได้พักผ่อนหย่อนใจบ้าง…ทำงานหนักกันทั้งคู่…”

“เอาไว้ฉันโอเคแล้ว จะแวะไปหาที่เกาะนะจ๊ะ…”ปองขวัญยิ้มให้เพื่อน

“เดี๋ยวพรุ่งนี้จะแวะมาอีกทีนะปอง…”ปองขวัญพยักหน้า

“ดูแลเมียแกดีๆด้วย…”รังสิมันต์กล่าวกับเพื่อนรัก

“แกก็เหมือนกัน…ดูแลน้องรหัสฉันดีๆด้วย…”วายุย้อนกลับอย่างเอาเรื่อง
เพราะเขาเห็นเงาอะไรบางอย่างระหว่างคู่นี้อยู่…แค่มองแววตาของนาโนน้องรักแค่นิดเดียว
เขาก็รู้แล้วว่า มันมีอะไรบางอย่างอยู่ในแววตาคู่นั้น
เป็ดวานาโนของเขาดูเหงาๆเศร้าๆไปยังไงก็ไม่รู้…



“สิ้นสบายดีค่ะพี่ลม…ไม่ต้องเป็นห่วง…”สิ้นรักหันไปยิ้มให้กับอดีตพี่รหัสที่แสนดี

“แต่ก็ขอบคุณนะคะ…”วายุจึงเดินมาส่งทั้งสอง ระหว่างนั้นเขาก็ลากอดีตน้องรหัสไว้
กระซิบกระซาบเบาๆไม่ให้รังสิมันต์ได้ยินว่า

“มีอะไรบอกพี่ ปรึกษาพี่ได้เสมอนะนาโน หากยังเห็นพี่เป็นพี่ชายอยู่
พี่ยังรักและเป็นห่วงน้องสาวคนนี้ของพี่เสมอ…ไม่ว่าจะที่ผ่านมาหรือว่าวันนี้ หรือว่าในวันหน้า…
พี่ก็จะยังเหมือนเดิม…”สิ้นรักยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจ…อุ่นใจ…

“ขอบคุณค่ะพี่ลม…แต่…”

“สำหรับเราไม่มีคำว่าแต่…เราเคยผ่านเรื่องราวมามากมายด้วยกัน
พี่อยากให้เธอเชื่อใจพี่…ไว้ใจพี่…”สิ้นรักน้ำตารื้นมองอดีตพี่รหัสนิ่ง

“ค่ะ…สิ้นรักและเชื่อใจ ไว้ใจพี่ลมมาตลอด…ตั้งแต่วันแรกที่เราได้รู้จักกันจวบจนวันนี้…
สิ้นก็มีพี่ลมคอยซับน้ำตาให้เสมอ…สิ้นดีใจที่พี่ยังมั่นคงไม่เปลี่ยนไป…”
วายุยกมือขึ้นปาดน้ำตาให้หญิงสาวเบาๆ…

“เธอก็ยังขี้แยไม่เปลี่ยนไปเหมือนกัน…จะเป็นแม่คนอยู่ไม่กี่เดือนแล้วนา…
นี่ผ้าเช็ดหน้า…ซับน้ำตาซะ เดี๋ยวไอ้รังจะชกหน้าพี่เข้า เพราะคิดว่าพี่รังแกเธอ…”
วายุกล่าวพลางหันไปทางเพื่อนรักที่รออยู่ในรถแล้ว…

“เท่าที่สิ้นจำได้…พี่ลมไม่เคยรังแกสิ้นเลยสักครั้ง…”

“ก็นั่นน่ะสิ…แล้วไอ้รังมันถือสิทธิ์อะไรมารังแกเราใช่มั้ย…”
สิ้นรักยิ้มกับถ้อยคำและสีหน้าขี้เล่นนั้น

“ไอ้รังมันรังแกอะไรเราบอกพี่ได้นะ…พี่คนนี้นี่แหล่ะจะไล่เตะมันเอง…”
สิ้นรักยิ้มพลางส่ายหน้า

“อย่าไปกลัวมันนะ…พี่ยังอยู่ตรงนี้…”
แววตาขี้เล่นนั้นดูจะแฝงไปด้วยความจริงจังหนักแน่น…

“ขอบคุณจริงๆค่ะพี่ลม…แค่นี้สิ้นก็อุ่นใจแล้วล่ะค่ะ…
พี่ลมกลับไปดูแลไอ้ปองดีกว่านะคะ…อย่าสนใจสิ้นเลย…สิ้นไม่เป็นไรจริงๆค่ะ…”
วายุโยกหัวสิ้นรักอย่างเอ็นดู…

กี่ปีล่วงเลยผ่าน เขาก็ยังรักและเอ็นดูคนตรงหน้าไม่แปรเปลี่ยน

“ไม่เป็นไรได้ไง…เห็นๆอยู่ว่าเป็นอะไรแน่ๆ…”
สิ้นรักยกผ้าเช็ดหน้าสั่งน้ำมูกฟืดๆ ทำเอาเจ้าของผ้าเช็ดหน้าถึงกับหน้าเหวอ…

“เห็นมั้ยคะว่าตอนนี้ สิ้นสั่งน้ำมูกหมดแล้ว น้ำตาก็ไม่มีแล้ว
ซึ่งแสดงว่าไม่เป็นไรแล้ว…โอเคสุดๆ”สิ้นรักยกสองนิ้วชูขึ้น
พร้อมรอยยิ้มสดใสก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าคืนให้เจ้าของ

“นี่ค่ะ…”วายุส่ายหน้า ทำตาโต

“ไม่กล้าเอาคืนหรอก…”สิ้นรักหัวเราะคิกๆที่แกล้งเอาผ้าเช็ดหน้าของเจ้าของได้สำเร็จอีกครั้ง

“สรุปว่า ผ้าเช็ดหน้านี้พี่ลมยกให้สิ้นแล้วนะคะ…ขอบคุณค่ะ…”
สิ้นรักยิ้มกว้างเหมือนเด็กที่ได้ของถูกใจ…วายุจึงโยกหัวหญิงสาวอย่างนึกหมั่นไส้…

“งั้นสิ้นกลับก่อนนะคะ…แล้วอย่าลืมให้หลานของสิ้นใส่ของรับขวัญ
ที่สิ้นถักให้ก่อนชุดอื่นๆด้วยนะคะ สิ้นถักเองกับมือ และสามารถใช้ได้ทันที
เพราะสิ้นซักให้เรียบร้อยแล้ว…ทั้งนุ่มทั้งหอมค่ะ…”

“ครับผม…”วายุรับคำพร้อมรอยยิ้มขี้เล่น

“ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ เล่าให้พี่ฟังได้นะ…พี่กับปองขวัญก็ไม่ใช่ใครที่ไหน”

“ค่ะ…”สิ้นรักพยักหน้า

“สำหรับพี่…เธอคือน้องสาวที่แสนดี…ไม่มีเปลี่ยนแปลง…”

“สำหรับสิ้นก็เช่นกันค่ะ…พี่ลมคือพี่ชายที่แสนดี…
พี่ชายคนเดียวในชีวิตที่สิ้นมี…ไม่มีเปลี่ยนแปลง…”วายุระบายยิ้มออกมากับถ้อยคำดังกล่าว

“ขอบคุณค่ะสายลมที่แสนดี…”สิ้นรักยิ้มอย่างสดใสทั้งปากทั้งตา…

แปลกที่หลายๆครั้งที่เธอทุกข์ร้อนใจ เมื่อได้พบได้เจอคนตรงหน้า
ความร้อนใจที่มีก็ค่อยๆปลิวหายไปอย่างประหลาด…

พี่ลมของเธอสามารถบั่นทอนความอ้างว้างให้หายไปจากใจเธอได้เพียงไม่กี่นาที…



ทว่าเมื่อเดินมาถึงรถเพียงไม่กี่นาทีเช่นกัน…
รอยยิ้มที่แต้มอยู่บนใบหน้าก็แทบมลายหายวับไป

…เมื่อตอนขากลับบรรยากาศในรถดูจะอึมครึมกว่าขามา…
ความเงียบบางครั้งก็ทำให้รู้สึกถึงความสงบ

ทว่าความเงียบเช่นที่เธอพบอยู่ในตอนนี้มันห่างจากคำว่าสงบยิ่งนัก…

เมื่อใบหน้าของคนขับดูจะถมึงตึง…สิ้นรักมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนขับ
ก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำอะไรไม่ถูก…ใจหนึ่งอยากเอามือขวาไปวางไว้
บนมือซ้ายของเขา…แต่อีกใจหนึ่งกับไม่กล้าพอ…

“เอ่อ…จะไปไหนคะ…”สิ้นรักเริ่มถามเมื่อเห็นทิศทางที่ไปไม่ใช่ทางกลับบ้าน…

“พี่หิว…ก็เลยจะไปหาอะไรกิน…อยากกินที่ไหนล่ะ…”น้ำเสียงที่ได้ยิน
แม้จะฟังดูเรียบตึง หากมันก็ยังดีกว่าการที่เขานิ่งไม่พูดอะไรเลย…

“แล้วแต่พี่รังเถอะค่ะ…”เพียงไม่กี่นาที…รถก็วิ่งเข้าจอดตรงร้านอาหารริมทะเล…
สายลมพัดเย็นสบาย…ทว่ายังไม่ทันย่างก้าวไปในร้าน…
สิ้นรักก็ต้องตกใจปนประหลาดใจเมื่อบังเอิญได้เจอกับคนที่ไม่คิดว่า
ชีวิตนี้จะได้พบเจอกันอีก…

“สิ้นรัก…สิ้นรักใช่มั้ย”เสียงทุ้มนุ่มดังมาจากชายหนุ่มหน้าตาดี ดูภูมิฐาน…
การแต่งตัวดูเนี้ยบ เรียบหรู…

“พี่พิรุณ!…”สิ้นรักเอ่ยชื่อของแฟนเก่าเมื่อครั้งยังเรียนมหาวิทยาลัยอย่างแผ่วเบา

…เขาคือฝนแรกในชีวิตรักของเธอ…

รอยยิ้มที่มุมปากผุดขึ้นด้วยความรู้สึกยินดีมากกว่ายินร้าย…
เรื่องราวในอดีตแม้จะจบลงไม่สวยสักเท่าไหร่
ทว่า ณ ปัจจุบัน เธอกลับไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันแล้ว…

“ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอเธออีก…”รอยยิ้มของเขาดูเปิดเผย
มันบ่งบอกถึงความรู้สึกดีใจอยู่ในแววตาคู่นั้น…

และเมื่อสายตาของเขาหันไปทางรังสิมันต์ที่ยืนนิ่งๆข้างๆเธอ
สิ้นรักจึงหันไปมองคนข้างกายทันทีด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนใจ

…ตอนนี้แฟนเก่ากับสามีมาเจอกัน…

“อย่าบอกนะว่าชายหนุ่มตรงหน้าพี่คือพ่อของลูกในท้องของเธอ…”
สิ้นรักพยักหน้าด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ…ไม่รู้จะทำหน้าอย่างไรดี

“ค่ะ…พี่พิรุณคงจำได้…”

“ทำไมพี่จะจำรังสิมันต์…หรือหมอรังที่ใครๆก็รู้จักกันดีไม่ได้ล่ะ…
สายงานของเราก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่…เพียงแต่แปลกใจ…ที่เธอลงเอยกับหมอรัง…”

สิ้นรักจำได้…พี่พิรุณเรียนทันตแพทย์ศาสตร์…ตอนนี้คงเป็นหมอฟัน…

“ขอบคุณนะครับที่ยังจำกันได้…”รังสิมันต์กล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็น

“แล้วนี่พี่พิรุณมาทานข้าวคนเดียวเหรอคะ…”ชายหนุ่มพยักหน้า…

“พี่ยังหาหวานใจไม่ได้น่ะ…อยากมีใครสักคนมาอยู่ข้างกายเหมือนกัน…”

“เอ่อ…แล้ว…แล้วอาจารย์…”สิ้นรักนึกถึงอาจารย์ม่านรติขึ้นมา
เนื่องจากเมื่อก่อนที่เธอกับคนตรงหน้าเลิกกัน เพราะสาเหตุมาจาก
คนตรงหน้าเห็นเธอเป็นสะพานทอดไปหาพี่ลม ซึ่งเป็นพี่รหัสของเธอ...
ซ้ำยังกิ๊กกับอาจารย์ม่านรติซึ่งเป็นเพศเดียวกันอีก
…ทำให้ความรู้สึกดีๆที่เธอมอบให้เขาตอนนั้นขาดสะบั้นลง…

“อาจารย์ม่านรติเสียชีวิตแล้ว…”สิ้นรักถึงกับยกมือปิดปาก ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ
ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินข่าวร้ายเช่นนี้กับคนที่ครั้งหนึ่งเคยดีกับเธอมาก…

“เมื่อ…เมื่อไหร่คะ…”สิ้นรักปากสั่นขณะถาม…

“เมื่อตอนที่เครื่องบินตก…เธอคงจำเที่ยวบินที่ใครๆต่างก็เชื่อกันว่า
เธอร่วมอยู่ในลำนั้นด้วยได้ใช่มั้ย…”สิ้นรักพยักหน้า…ใครจะลืมได้ลง

เพราะถ้าตอนนั้น เธอขึ้นเครื่องบินลำนั้นไป…เธอคงไม่มีโอกาส
ได้อุ้มท้องอย่างตอนนี้แน่ๆ

“อาจารย์ม่านรติก็อยู่ในเครื่องบินลำนั้น…พี่เองยังคิดเลยว่า
เธอได้เสียชีวิตไปแล้วพร้อมๆกับอาจารย์…ถ้าไม่ได้เจอเธอวันนี้…
พี่คงคิดอย่างนั้นไปตลอดชีวิต…พี่ตกใจและคิดว่าตัวเองคงตาฝาด…
แต่พอมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ จึงรู้ว่าเป็นเธอจริงๆ…ทั้งๆที่เธอดูเปลี่ยนไปมาก
แต่แววตาใสๆและจริงใจของเธอไม่เคยเปลี่ยนไปเลย...
มันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้พี่จำเธอได้...”

สิ้นรักยังตกใจไม่หายกับข่าวที่ได้ยินมา ไม่เห็นพี่ลมและปองขวัญหรือคนข้างๆเธอ
จะบอกเธอในเรื่องนี้เลย…สิ้นรักเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆ…
ทว่าเขากลับทำหน้าตาย…

“สิ้นเสียใจด้วยนะคะ…เสียใจด้วยจริงๆ…อาจารย์ไม่น่าด่วนจากไปเร็วแบบนั้นเลย…”
พิรุณยิ้มฝืดก่อนจะกล่าวว่า

“เราสองคนรู้สึกผิดในสิ่งที่เคยทำกับเธอนะ…”สิ้นรักพยักหน้า

“สิ้นไม่ถือ…ไม่รู้สึกอะไรแล้วค่ะ…สิ้นให้อภัยไปหมดแล้ว…
พี่พิรุณอย่ากังวลใจไปเลยนะคะ…”พิรุณยิ้มบางอย่างนึกเสียดาย

มันน่าเสียดายที่ตอนนั้นเขาสับสนในตัวเอง…จนทิ้งเพชรเม็ดงามที่ยังไม่ผ่านการเจียรไนไป

…ไม่คิดเลยว่าเพชรเม็ดนั้นเมื่อถูกกาลเวลาเจียรไนแล่้วจะกลายเป็นเพชรเม็ดงาม…
สวยงามจับตาอย่่างตอนนี้…ยิ่งได้ดูใกล้ๆ ได้พูดคุยด้วยแบบนี้ เขายิ่งเห็นแสงบางอย่าง
ออกมาจากกายของเธอ...เธออาจจะไม่ใช่คนสวยสะดุดตา แต่เป็นความสวย
ที่เมื่อยามได้อยู่ใกล้และมองใกล้ๆแบบนี้ถึงจะเห็นถึงความงาม...

...ขนาดตั้งท้อง ยังสวยผุดผาดขนาดนี้…
นี่ถ้าเอาผ้าคลุมศีรษะของเธอออกด้วย…เธอคงจะสวยกว่านี้…

“ฮึฮึ้ม…”เสียงกระแอมไอของคนที่ยืนเงียบอยู่ดังขัดขึ้น…
ทำให้สิ้นรักรับรู้สัญญาณ…จึงหันไปยิ้มแหยๆให้กับแฟนเก่า…

“คลีนิคทำฟันของพี่ห่่างจากที่นี่ไปไม่เท่าไหร่…ว่างๆก็แวะไปใช้บริการได้นะครับ…
พี่ดีใจจริงๆที่ได้เจอกับเธออีกครั้ง…ดีใจที่รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่…”
พิรุณกล่าวเชื้อชวนสิ้นรักก่อนจะหันไปมองทางฝั่งของรังสิมันต์…

“คุณโชคดีมากเลยนะครับ ที่ได้เพชรเม็ดงามเม็ดนี้ไปครอง…”
พูดจบก็หันไปทางสิ้นรัก…

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้…พี่จะไม่ยอมทิ้งเพชรเม็ดหนึ่งที่พี่เคยคิดว่าเป็นแค่หินธรรมดาๆไป…
พี่มันตาไม่ดี…ตาไม่ถึงเอง…”
สิ้นรักแทบทำหน้าไม่ถูกเมื่อเจอกับประโยคดังกล่าว…
จนต้องเงยหน้าขึ้นมองคนข้างๆอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี…
กังวลใจว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร…ทว่า…คนข้างกายของเธอกลับนิ่งเฉยได้…

“งั้น…เอ่อ…สิ้นขอให้พี่พิรุณเจอคนที่ใช่ไวๆนะคะ…”พิรุณพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเฝื่อนๆ

“ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้…พี่ยังหาไม่เจอเลย…”พูดพลางสายตาก็เหลือบไปทางรังสิมันต์นิดนึง…

“สักวันค่ะ…สักวันพี่ต้องเจอ…”สิ้นรักปลอบใจไป…เพราะไม่รู้จะแก้ไข
สถานการณ์ที่ล้อมเธอไว้ในตอนนี้อย่างไรดี…

เพราะสำหรับเธอ คิดว่าคนหน้าตาดี มีทุกอย่างเพียบพร้อมแบบพี่พิรุณ
ถ้าสนใจใคร คนๆนั้นก็คงไม่อาจปฏิเสธได้แน่ๆ…

“ขอบใจนะครับที่ยังมีน้ำใจกับพี่…เธอเป็นคนดีเป็นคนน่ารักได้เสมอต้นเสมอปลาย
ไม่มีเปลี่ยนเลย...พี่คงต้องขอตัวก่อน…มีนัดกับคนไข้พอดี”
สิ้นรักจึงส่งยิ้มให้อย่างมีมิตรไมตรีที่ดีต่อกัน


แฟนเก่าขอตัวไปแล้ว…ทว่าสถานการณ์ระหว่างเธอกับสามีดูจะยังไม่ดีขึ้น
บรรยากาศดีๆในร้านอาหาร ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นได้เลย…

“คนที่เท่าไหร่ล่ะ…”

“คะ?”สิ้นรักถามพลางเลิกคิ้วสูงอย่างไม่แน่ใจว่าหูเธอได้ยินผิดไปรึเปล่า

“พี่อยากรู้ว่าพี่เป็นคนที่เท่าไหร่ของเธอ…”อาหารตรงหน้าดูจืดไปเลย

สำหรับสิ้นรักเมื่อเจอกับคำถามดังกล่าว…จะให้เธอตอบได้อย่างไร
เพราะที่ผ่านมา เธอคบใครได้ไม่เคยนาน…และทุกๆครั้ง เธอเองที่เป็นฝ่ายถูกทิ้งไป

…แต่ไม่ว่ารักว่าเลือกคนไหน เธอก็ทุ่มเทให้เขาหมดหน้าตัก…
ทว่าสุดท้ายเมื่อมันต้องจบมันก็จบ และไม่อยากจะนับหรอกว่าที่ผ่านมานั้นกี่คนมาแล้ว…

เพราะเธอรู้ซึ้งถึงเหตุผลของคนที่ทิ้งไปดี…ตอนนั้นเธอมันใจง่ายเอง
เนื่องจากความหวั่นไหวแท้ๆ ที่ทำให้เธอใจง่าย รักใครง่ายๆเพียงเพราะเขาดีด้วย…
ไม่เคยใช้สมองตรองสักนิดเลยว่าสภาพของตัวเองในตอนนั้น จะมีผู้ชายที่ไหนเข้ามาจีบจริงๆ…

เธอรู้ตัวเองว่าหน้าตาไม่ดี…ไม่สวยเหมือนใครๆ…ไม่มีอะไรโดดเด่นหรือน่าชื่นชมเลย…
ขนาดทุ่มเท…เอาความดีไปแลกเขายังทิ้งไปไม่เหลียวแล

…ไม่มีใครเลยสักคนที่จะมองเธอที่หัวใจ…

ไม่มีใครที่จะค้นหาสิ่งดีๆข้างในของเธอ…

ซึ่งผลสรุปสุดท้ายก็คือ…เป็นเธอเองที่เป็นคนผิด…
แล้วพอมาเจอกับคำถามนี้…เธอคงตอบได้แค่ว่า

“ไม่เคยนับค่ะ…”คำตอบสั้นๆทำเอาคนที่ต้องการคำตอบถึงกับหงุดหงิด

“ไม่เคยนับหรือนับไม่ไหวกันแน่…”สิ้นรักกัดปากตัวเองก่อนจะหันไปอีกทางเพื่อตั้งสติ…
แล้วหันมาพูดกับรังสิมันต์อย่างพยายามไม่ให้ลงน้ำเสียงสูงตามแรงโกรธภายในใจ

“เหตุผลที่ไม่เคยนับ เพราะว่ามันไม่มีค่าพอให้นับ…
และเท่าที่จำได้ รักไม่เคยหันหลังให้ใครก่อน…
มีแต่คนอื่นที่ทิ้งไปโดยไม่เคยบอกกันสักคำว่าทิ้งไปเพราะอะไร…
และเมื่อถูกทิ้งหลายๆครั้งเข้า มันจึงได้คำตอบให้กับตัวเองไปโดยปริยาย
…ว่าเรานี่แหล่ะผิดเอง…”

รังสิมันต์นิ่งเงียบไป…สิ้นรักจึงถือโอกาสอธิบายให้เขาได้เข้าใจเธอเสียใหม่

“เคยหวังมาตลอดว่าคนใหม่จะไม่เหมือนคนก่อน…
เพราะทุกครั้งที่ถูกทิ้งก็มักจะมีคนเข้ามาประคอง ทำให้รู้สึกว่าเราได้เจอคนที่มีน้ำใจ
รู้สึกว่าเราได้เจอคนที่ดี จนทุ่มเทให้เขาเท่าที่มี…
กว่าจะรู้อีกทีว่าเขาไม่ได้รักเราจริงๆก็รักเขาหมดไปแล้วทั้งใจ…
เพราะใจอ่อนแค่เจอคนที่ดูเหมือนดีด้วยหน่อย ก็รักแล้ว…
สุดท้ายกลับถูกทิ้งขว้างเหมือนทุกที…ไม่ต่างอะไรกับลูกบอล…”

สิ้นรักกล่าวด้วยแววตาเจ็บปวด

อดีตที่ผ่านมาสอนให้เธอไม่อยากผูกพันกับใครหมดทั้งใจ
แต่เมื่อได้รักและร่วมหมอนกับคนตรงหน้า…เธอกลับรักเขาหมดใจ
รักและทุ่มเทมากกว่าเคยทุ่มเทให้ใครๆมาก่อนหน้านี้
…แม้แต่ความเจ็บปวดยังไม่อาจทำให้เธอเลิกรักเขาได้…

“ส่วนเรื่องพี่พิรุณ พี่รังก็เคยอยู่ด้วยในตอนนั้น พี่รังคงจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ระหว่างรักกับพี่พิรุณ…มันจบไปแล้วค่ะ…”

“ใช่…พี่อยู่ด้วย…อยู่จนรู้ว่าเธอคบหาใครมาแล้วกี่คน…
แต่หลังจากนั้น…พี่ไม่รู้ว่ายังมีต่อท้ายอีกเท่าไหร่…”

สิ้นรักกัดปากเงยหน้ามองคนตรงหน้านิ่งด้วยแววตาตัดพ้อต่อว่า

ทั้งหมดที่เธอพูดไปดูจะไม่ทำให้เขาเข้าใจเธอเพิ่มขึ้นเลย
…เขาแกล้งไม่เข้าใจหรือจริงๆแล้วเขาต้องการหาเรื่องเธอกันแน่

“ผิดด้วยหรือคะ…ที่เคยมีแฟนหลายคน…”รังสิมันต์ถึงกับนิ่งไปอีกรอบ…

“ทุกๆครั้งที่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับใคร รักก็ทบทวนหัวใจอย่างถี่ถ้วนแล้ว…
ซึ่งพี่รังก็รู้ดีว่าพี่รังคือคนแรกของรัก…ถึงรักจะเคยใจง่าย
แต่รักก็ไม่เคยแจกจ่ายของที่มีให้ใครง่ายๆนะคะ…
เท่านี้ยังไม่ทำให้พี่รังเชื่อใจกันอีกเหรอคะ…

หรือว่าลำดับที่มันสำคัญมาก พี่รังถึงอยากรู้ว่าพี่คือคนที่เท่าไหร่…”

สิ้นรักกล่าวพลางลุกขึ้นยืนพร้อมจะเดินออกไปจากร้านอาหาร
ซึ่งโต๊ะของเธออยู่ในมุมที่ลับตาคน…

“กับความรัก มันเคยทำให้รักเจ็บปวดทุกครั้งที่รัก…
จนถึงกับถอดวางหัวใจไม่ยอมคบหาใครอีกเลยหลังจากเดินทางไปญี่ปุ่น…
รักเคยเป็นคนที่พ่ายแพ้และมันยังมีบางแผลที่เจ็บปวดไม่หายเมื่อนึกถึงภาพเก่าๆเหล่านั้น…

แต่พอมาเจอพี่ หัวใจรักกลับเรียกหาแต่พี่…อยากโบยบินไปหาพี่…
พี่คือพระเอกในฝันที่รักเสาะหามานาน…จนอยากวางหัวใจเอาไว้กับพี่คนเดียว…
ไม่ว่าอะไรที่พอจะทำให้พี่เชื่อหัวใจรักได้ รักก็พร้อมจะทำให้พี่เชื่อ
…แม้จะรู้ว่ามันยากขนาดไหน…”สิ้นรักสบตารังสิมันต์ด้วยแววตาแน่วแน่…

“พี่รู้มั้ย…ว่ารักได้แต่ภาวนา…ขอให้พี่ไม่เหมือนใคร…
เพราะรักอยากจะฝากชีวิตที่เหลือไว้กับพี่…แม้จะไม่รู้ว่าจุดสุดท้ายจะลงเอยยังไง…
แต่รักก็อยากให้พี่เป็นคนสุดท้าย…”
สิ้นรักน้ำตาคลอเบ้าแล้วกล่าวก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะไปว่า

“พี่คือคนแรกที่รักมอบกายให้…และจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้หัวใจรักไป…”

รังสิมันต์รีบลุกขึ้นก่อนจะวางเงินจำนวนหนึ่งเอาไว้บนโต๊ะ
แล้วเดินตามสิ้นรักไปจนได้ยินเสียงเบรคลากล้อของรถดังขึ้น
รังสิมันต์ใจหายวาบกับภาพที่เห็น…

“ยัยตัวเล็ก!!!…”เสียงนั้นเรียกหาสิ้นรักที่ยังคงยืนไม่ไหวติง
ห่างจากรถคันดังกล่าวแค่สามคืบ…รังสิมันต์รีบวิ่งไปคว้าร่างนั้นมากอดเอาไว้แน่น…

เจ้าของรถเปิดประตูรถออกมาเพื่อจะกล่าวตำหนิหญิงมีครรภ์
ที่เดินปาดหน้ารถเขาไปโดยไม่ระวัง…ทว่ากลับต้องเก็บปากเก็บเสียงเอาไว้
เมื่อเห็นว่าหญิงคนดังกล่าวคือใคร…

“เป็ดวา!!…”สิ้นรักหันไปมองตามเสียงเหมือนได้สติ หลังจากที่ช็อคไปชั่วขณะ

“กำปั้น!!…”เจ้าของชื่อรีบเข้ามาดูใกล้ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าหญิงสาวไม่เป็นอะไร

เขาพยายามตามหาตัวเธอมาตลอด แต่ไม่มีใครยอมปริปากบอกที่อยู่ของเธอเลย
เขาตามไปที่ร้านก็ไม่เคยเจอเธอ…

จนได้ข่าวว่าเธอแต่งงานไปแล้วกับนายแพทย์รังสิมันต์หรือพี่รังที่เขารู้จักดีเมื่อตอนเรียนมหาวิทยาลัย
…ไม่คิดเลยว่าวันนี้เขาจะได้เจอเธอในสภาพที่กำลังจะเป็นแม่คน…

ตอนนี้เขาคงสุดเอื้อมมือคว้าเธอได้อีกแล้วสินะ…ที่ไขว่คว้ามาตลอดก็คงเป็นเพียงแค่เงาเท่านั้น…
เพราะตอนนี้เธอกำลังอยู่ในอ้อมแขนของชายอื่นที่ไม่ใช่เขา…

“ขอโทษนะกำปั้น…เราไม่ดูตาม้าตาเรือ…จนเกือบทำเธอเดือดร้อน…”

“เธอน่ันแหล่ะจะเดือดร้อน รู้ตัวรึเปล่า…”แววตาของคนพูดดูห่วงใย
จนรังสิมันต์ที่มองอยู่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ…

พร้อมกับบ่นในใจว่าวันนี้มันวันรวมมิตรแฟนเก่าของเมียเขาหรือยังไง
ทำไมถึงได้เดินขบวนเรียงหน้ามาต่อคิวเข้าแถวกันแบบนี้…

ขนาดว่าเมียเขาท้องนะเนี่ย…พวกนั้นยังมองอย่่างอาลัยอาวรณ์…

นางงาม นางสาวไทยและพวกดาราสาวสวยมีตั้งมากมายทำไมไม่ไปตามจีบ…
เมียเขาไม่ได้สวยไปมากกว่าพวกนางเหล่านั้นเลย ทำไมต้องมายุ่งกับเมียของเขาด้วย

…ดูสิ…ท้องก็โย้ออกอย่างนี้…

รังสิมันต์ได้แต่คิดอย่างหงุดหงิด…

“แล้วเธอเป็นอะไรรึเปล่า โดนตรงไหนบ้างไหม…”ชายหนุ่มยังคงถาม
เพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอะไร…พลางเหลือบมองรังสิมันต์อย่างเกรงใจ…

“เราไม่เป็นไร…แค่ตกใจเท่านั้น…”สิ้นรักตอบพร้อมรอยยิ้มกว้างอย่างจริงใจ

“โล่งใจไป…”ชายหนุ่มถอนใจด้วยความโล่งอก…ก่อนจะหันไปยิ้มกับรังสิมันต์

“ยินดีด้วยนะครับที่กำลังจะมีน้อง…”คนที่กำลังหงุดหงิดอยู่ถึงกับแปลกใจ
คนนี้มาแปลกแฮะ ไม่ยักเหมือนคนก่อนหน้านี้…แต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้อยู่ดี…

“ขอบใจนะ…”

“พี่รังจะว่าอะไรมั้ยครับ…ถ้าผมจะขอแวะไปหาบ้างเป็นบางครั้ง…”

นั่นปะไร…ยังไม่ทันไร ขอแวะมาหาเมียเขาต่อหน้าต่อตา ช่างกล้านัก

“จะว่าอะไรได้…”เมื่อกล้าขอเขาก็กล้าให้

“เราสองสามีภรรยายินดีเปิดบ้านต้อนรับอยู่แล้ว…ใช่มั้ยจ๊ะเมียจ๋า…”

ประโยคหลังหันไปยิ้มหวานให้สิ้นรักและโอบเอวเสียแน่น…
สิ้นรักอมยิ้ม เพราะรู้ดีว่าสามีของตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่

“ใช่ค่ะ…เราสองคนยินดีต้อนรับเธอเสมอนะกำปั้น…
อีกไม่กี่เดือน เธอก็จะได้เป็นคุณลุงแล้วนะ
เอ…หรือถ้าไม่อยากเป็นคุณลุงเพราะฟังดูแก่ไป…จะเป็นคุณอาก็ได้ ใช่มั้ยคะพี่รัง…”
สิ้นรักหันไปยิ้มให้ผู้เป็นสามีตาหวานไม่แพ้กัน…
คนที่คิดไม่ซื่อถึงกับหน้าถอดสีเมื่อเห็นสองสามีภรรยาเล่นหยอกล้อกันต่อหน้าเขา…

“เอ่อ…เป็นคุณอาน่าจะดีกว่าเนอะ…งั้นถ้าเธอไม่เป็นไรแล้ว เราคงต้องขอตัวก่อน…พอดีมีนัดน่ะ…”

“นัดสาวๆไว้ล่ะสิ…”สิ้นรักแสร้งหยอกล้อด้วยรอยยิ้ม…

“ก็…ประมาณนั้น…”คนที่เคยแต่ทิ้งสาวๆ จึงรับไม่ค่อยได้กับการโดนทิ้ง…
จึงกล่าวไปแบบนั้นแก้ขัดตาทัพ…เนื่องจากยังไม่อยากเสียหน้าว่ายังหาแฟนใหม่ไม่ได้
เพราะยังอาลัยอาวรณ์ภรรยาของคนอื่นอยู่…

ซ้ำยังหน้าแตกยับที่คอยแต่ตามหาแฟนเก่าเพราะหวังจะเชื่อมสัมพันธ์
เติมไฟให้ถ่านไฟเก่ากลับมาลุกโชนอีกครั้ง
แต่กลับมาเจอเธอตอนที่เธอเป็นของคนอื่นไปแล้วแบบนี้…

สภาพของเขาตอนนี้เหมือนถูกคนสองคนตรงหน้ารุม…จะให้อยู่ต่อ
รักต่อไปเพื่ออะไรกัน…เขาคงต้องหัดตัดใจอย่างจริงๆจังๆให้ได้เสียที…

“เราต้องขอโทษอีกครั้งนะ…”กำปั้นกล่าวทิ้งท้าย

“อย่าเลย เราผิดเองที่เดินไม่ระวัง ไม่ดูตาม้าตาเรือ…”สิ้นรักส่ายหน้า
เพราะความผิดนี้ เธอผิดเต็มประตู…

“ยังไงก็แวะไปหาเราสองคนได้ที่เกาะรังรักนะกำปั้น…”
รังสิมันต์แน่แก่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายคงจะละความพยายามที่จะตามมาขอคืนดี
กับภรรยาของเขาเป็นแน่แท้…จึงเชื้อเชิญออกไปแบบนั้น
เพราะดูจากสีหน้าท่าทาง เขาก็พอจะดูออก…จึงบอกที่อยู่ของเขากับสิ้นรักไป…

อย่างน้อย…กำปั้นก็เป็นคนเคยรู้จักกันและดูท่าคนข้างๆเขา
ก็คงไม่ยินดีรับไมตรีตอบจากอีกฝ่ายแน่ๆ…เขาแน่ใจว่าคนนี้ไม่มีรีเทิร์นแน่
จึงมั่นใจให้อีกฝ่ายไปมาหาสู่กับครอบครัวของเขาได้อย่างไม่นึกรังเกียจ
เพราะเขาไม่นิยมเปิดประตูให้แมวเข้ามากินปลาย่างในบ้าน…

เนื่องจากเรื่องเก่ายังไม่สร่าง เขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนเข้ามา
ย่ำยีศักดิ์ศรีของเขาซ้ำเป็นครั้งที่สองอีกเป็นแน่…

“แล้วจะแวะไปหานะครับ…”กำปั้นยิ้มบาง แล้วหันไปทางสิ้นรัก

“คลอดเมื่อไหร่โทรไปบอกเราด้วยนะ…เบอร์บ้านเราไม่เคยเปลี่ยน…”

สิ้นรักพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มจริงใจ…ก่อนจะโบกมือลาแฟนเก่า
ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทั้งเพื่อนสนิทและคนสนิทในอดีต…แต่ความสัมพันธ์นั้นก็ต้องจบลง…
โดยที่เธอเป็นฝ่ายโดนทิ้งไปเช่นกัน ถูกทิ้งทั้งๆที่ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ…
กว่าจะรู้ตัวก็โดนอีกฝ่ายหลอกให้รักอยู่ตั้งนาน…

แต่เมื่อมองกลับไป ก็อดยอมรับไม่ได้ว่า…ทุกคนที่เธอเคยคบมานั้น
ต่างก็มีหน้าตาเป็นอาวุธ…พวกเขาใช้อาวุธนั้นสังหารใจเธอจนสำเร็จ…

ไม่แปลกหรอกที่คนหน้าตาดีจะเจ้าชู้…เพราะผู้หญิงที่ไหนก็ชอบคนหน้าตาดี

…แต่ก็ยังดีที่สุดท้ายเธอก็ได้รู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นที่เหมือนจะดี แต่แล้วก็มีดีแค่หน้าตา
…ในใจจึงได้แต่ภาวนาให้คนที่หน้าตาดีถึงขั้นดีมากที่ยืนอยู่ข้างๆกายเธอตอนนี้
มีดีมากกว่าหน้าตา

รังสิมันต์จ้องตาคนตัวเล็กในอ้อมแขนอย่างงงๆ…
เพราะพยายามค้นหาว่าแววตาคู่นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงได้มองเขาแปลกๆ
สิ้นรักเห็นแววตาของเขาก็ถึงกับยิ้มขำ…ก่อนจะกอดเอวเขาเอาไว้

“กลับกันเถอะค่ะ…”

“หวังว่าคงไม่เจอกิ๊กเก่าเธออีกนะ…”รังสิมันต์กล่าวเป็นเชิงหยอกเย้า
มากกว่าจะเห็นเป็นจริงเป็นจัง…

“ฮึ…ไม่แน่…บางทีอาจเป็นกิ๊กเก่าพี่รังก็ได้…”สิ้นรักอมยิ้ม

“แต่ถึงจะเจอ…รักก็ไม่สนใจหรอก…”

“แน่เหรอ…”รังสิมันต์เลิกคิ้วสูง แววตายิ้มท้าทาย…

“ไม่แน่หรอกค่ะ…รักมันคนขี้หึงนี่…”สิ้นรักแอบต่อว่ารังสิมันต์เป็นนัยๆ
ทำเอาคนได้ยินถึงกับอมยิ้ม…

“พี่ไม่ได้หึงเธอนะ…แค่ไม่ชอบให้ผู้ชายมาทักเธอ…ก็เท่านั้น…”

“ก็คนเคยรู้จัก เจอกันก็ต้องทักทายกันบ้างอะไรบ้าง…”สิ้นรักยักไหล่
ยิ้มบางอย่างสบายใจขึ้นที่สถานการณ์เปลี่ยนเป็นดีขึ้นกว่าเดิม…

“ก็บอกแล้วว่าหญิงชายคุยกันมันไม่ดี ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันสักหน่อย…
อย่าลืมสิว่าเธอมีสามีแล้ว…แถมยังท้องโย้อีก…ไม่เกรงใจพี่ก็น่าจะเกรงใจลูก…ใช่มั้ย…”

“รับทราบแล้วเจ้าค่ะ…คราวหน้าถ้าเจอผู้ชายคนไหน แม้เขาจะเข้ามาทัก
รักก็จะรีบวิ่งหนีไปให้ไกลสุดล่าฟ้าเขียวเลย…พี่รังจะได้ไม่รู้สึกไม่ดี…”
สิ้นรักเน้นเสียงหนักตรงประโยคสุดท้าย…

“นั่นแหล่ะ…ต้องอย่างนั้น…”สิ้นรักยิ้มอย่างนึกหมั่นไส้คนที่ปากก็บอกว่าไม่ได้หึง ไม่ได้หวง
แต่สิ่งที่สั่งใช้ทั้งหมดทั้งมวล มันฟ้องว่าหึงเต็มๆ…

“แต่เว้นพี่ลมกับพ่อบันเอาไว้สักสองคนจะได้มั้ยเจ้าคะ…”

“ไอ้ลมนั่นแหล่ะตัวดี…”

“ว้า…พี่ลมก็ไม่ได้…นี่อย่าบอกนะว่าพี่รังหึงรักกับพี่ลม…”
สิ้นรักพูดจบก็หัวเราะออกมา…ทำเอารังสิมันต์ถึงกับลมออกหู

“รักกับพี่ลมน่ะ…เราไม่เคยคิดอะไรมากไปกว่าความเป็นพี่เป็นน้อง
เพราะถ้ารักคิดกับพี่ลมมากกว่านั้น…ไอ้ปองคงไม่มีทางตัดหน้าเอาพี่ลมไปได้หรอกค่ะ…
ผู้ชายดีๆน่ารักๆแบบพี่ลมน่ะ ถ้ารักคิดเกินความเป็นพี่เป็นน้อง
เรื่องอะไรรักจะปล่อยให้หลุดมือไป…
ใครเขาจะหาว่ารักโง่น่ะสิ…หรือพี่รังว่าไม่จริง…”

รังสิมันต์หน้างอที่ภรรยาไม่เคยเข้าใจเขาแถมยังมีหน้ามาถามเขาอีก…
ก็รู้ๆอยู่ว่าภาพที่เขาเห็นที่โรงพยาบาลมันบาดตาทิ่มใจเขาแค่ไหน…

สิ้นรักเห็นท่าจะไม่ดีเลยรีบคว้ามือของสามีแล้วพาเขาไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลออกไป…
และรีบขึ้นรถทันที

“พี่ลมน่ะรักไอ้ปอง…ส่วนรักก็รักพ่ีรัง…เราสองคนไม่มีทางคิดไม่ซื่อกับคนที่เรารักแน่ๆ…
ถ้าพี่รังไม่เชื่อใจรัก…พี่รังก็น่าจะเชื่อใจเพื่อนพี่รังบ้าง
อย่างน้อยๆพี่ลมก็ไม่ใช่คนเจ้าชู้…รักใครรักจริง รักเดียวใจเดียว…”
สิ้นรักกล่าวขึ้นขณะลูบมือของรังสิมันต์เบาๆ…

“สายลมที่แสนดีว่างั้น…”รังสิมันต์กล่าวด้วยสีหน้าหมั่นไส้ที่อีกฝ่าย
ดูจะชื่นชมเพื่อนรักของเขาอย่างออกนอกหน้า…เขาไม่ได้อิจฉาเพื่อน
เพียงแต่ไม่ชอบให้คนที่เขารักชื่นชมชายอื่นต่อหน้าเขาแบบนี้…
มันรู้สึกไม่ดีและแสลงหู…

“ค่ะ…พี่ลมคือสายลมที่แสนดี…แต่กับพี่รัง…พี่คือรังที่รักอยากทิ้งกาย
และใจไว้พักพิงตลอดไป…ไม่ว่าเคยผ่านอะไรมามากมายแค่ไหน
แต่รักก็เช่ือมั่นว่าพี่จะเป็นรังที่ให้ความอบอุ่นแก่รักและลูกได้…รักเชื่ออย่างนั้น…”
รังสิมันต์ไม่กล่าวตอบอะไร นอกจากนิ่งเงียบและสตาร์ทรถ
…สิ้นรักกุมมืออีกข้างของเขาเอาไว้แน่นขณะกล่าวว่า

“กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เองว่า…รักจริงใจกับพี่รังแค่ไหน…
แม้รักจะไม่ใช่ผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบ…และยังมีข้อบกพร่องอีกมากมาย
แต่รักจะรักพี่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะรักได้…”




เมื่อขับรถมาถึงบ้านของมารดา รังสิมันต์ก็ถึงกับยิ้มกว้าง
ด้วยความดีใจเมื่อมีเด็กน้อยสองคนวิ่งมาหาเขาด้วยเสียงร้องเรียกเขา

“คุณป๋า…”

“ว่าไง…มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย…”รังสิมันต์นั่งคุกเข่าลงอ้าแขนรับ
หลานแฝดทั้งสองเข้าสู่อ้อมแขนด้วยความเอ็นดูรักใคร่…
อากิโกะยืนข้างๆมารดาของสามีมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้ม

“ในนี้มีน้องอยู่ด้วยใช่มั้ยคะป้ารัก…”เสียงแจ้วๆของเด็กหญิงปลายฝนถามขึ้น
ขณะลูบมือลงบนหน้าท้องของสิ้นรักหลังจากผละออกมาจากรังสิมันต์แล้ว
ส่งผลให้แฝดผู้พี่หันมามองป้ารักของเขาด้วยรอยยิ้มดีใจ

“เหมือนของแม่จังไงปาย…เรากำลังจะมีน้องเพิ่มขึ้นอีกสองคน…”
เด็กชายต้นสนบอกกล่าวกับแฝดผู้น้องด้วยแววตามีความสุข

“แต่…”สิ้นรักเลิกคิ้วเมื่อเห็นเด็กชายตัวน้อยทำหน้าหงอนิดๆ
เธอนั้นก็อยากจะนั่งคุกเข่าลงกอดเด็กทั้งสองเหมือนอย่างที่สามีทำบ้าง
ทว่าสรีระไม่เอื้ออำนวยให้ทำอย่างใจต้องการได้…

“แต่อะไรคับน้องต้น…”สิ้นรักจึงถามออกไปด้วยแววตาเอ็นดู

“ก็น้องในท้องแม่จังเป็นน้องสาว…”

“แล้วต้นไม่ดีใจเหรอ…”

“ดีใจสิคับ…แต่ต้นอยากได้น้องผู้ชายด้วย จะได้เตะบอล ปีนต้นไม้
และก็เล่นหุ่นยนต์ด้วยกัน…”เด็กชายต้นสนคิดอย่างเด็กที่รักสนุก
เพราะน้องสาวของเขานั้นชอบเล่นแต่งตัวให้ตุ๊กตา พอเขาชวนเล่นบอล
ก็ไม่ยอมเล่นด้วย…บอกว่าให้เขาไปเล่นขายของกับตัวเอง…

พอเขาไม่ยอม ก็ร้องไห้ฟ้องแม่ว่าเขารังแก…ผู้หญิงน่ะเอาแต่ใจจะตาย…
แถมยังขี้แยอีกด้วย…แม้จะดูน่ารักแต่เขาก็อยากได้น้องชายเพิ่มอีกสักคน
จะได้เป็นเพื่อนเล่นในสิ่งที่ผู้หญิงไม่ชอบเล่น…

“ป้ารักต้องมีน้องผู้ชายให้ต้นนะคับ…น้าา…”
เสียงอ้อนๆนั้นทำเอาสิ้นรักหันไปมองรังสิมันต์แล้วก้มลงมองเด็กน้อย
ก่อนจะลูบหัวน้อยๆนั้นเบาๆอย่างเอ็นดู…

“ก็ดีเหมือนกันนะคะป้ารัก ถ้าน้องในท้องป้ารักเป็นผู้ชาย
พี่ต้นจะได้ไม่ต้องมาแย่งน้องสาวในท้องของแม่จังกับปาย…
ปายจะได้เล่นกับน้องเต็มที่ไปเลย…”ทุกคนที่ได้ยินเด็กน้อยทั้งสองพูด
ถึงกับอมยิ้มกับความคิดนั้น…รังสิมันต์จึงกล่าวกับหลานๆว่า

“ยังไงก็ต้องได้น้องชายอยู่แล้ว…ถึงน้องในท้องจะไม่ใช่ผู้ชาย
แต่คุณป๋าจะพยายามเอาน้องชายมาเป็นเพื่อนเล่นกับต้นให้ได้เลย…
โอเคมั้ย…”เด็กชายตัวน้อยได้ฟังถึงกับร้องเต้นดีใจ

“จริงๆนะคับ…”รังสิมันต์พยักหน้าอย่างนึกเอ็นดูหลาน
ก่อนจะเงยหน้ามองสิ้นรัก เห็นแววตาวาบไหววูบนึงในแววตาคู่นั้น
ก็ถึงกับกระตุกคิ้วนิดนึง…รังสิมันต์พยายามปัดภาพนั้นออกไป
แล้วลุกขึ้นจูงมือหลานทั้งสองพาไปหาอากิโกะกับมารดาของเขา
ที่หยุดยืนอยู่หน้าบาน สิ้นรักเดินตามมาติดๆ…

“ไม่รีบไปดูหลานแฝดที่โรงพยาบาลรึไง…”รังสิมันต์เริ่มบทสนทนา
กับอากิโกะด้วยรอยยิ้มขี้เล่น…

“เพิ่งมาถึงนี่แหล่ะค่ะ…ว่าจะไปอยู่…แต่พ่อของเจ้าแฝดท้องเสีย
วิ่งเข้าวิ่งออกห้องน้ำอยู่น่ะค่ะ…ป่านนี้พี่น้ำ พี่เพลิงกับพี่ตาม
และเจ้าดินกับแมงมุมคงล่วงหน้าไปถึงโรงพยาบาลกันหมดแล้วแน่ๆ…”
อากิโกะกล่าวด้วยสีหน้าสดใส เนื่องจากรู้ว่าพี่ชายคนสนิทได้ลูกแฝดอย่างที่ต้องการ…

“ว่าแต่หน้าตาเป็นไงบ้างคะ…”อากิโกะเลิกคิ้วถาม…

“โตขึ้นคงจะสวยน่ารักเหมือนแม่แน่ๆ…”รังสิมันต์ตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง

“แม่ก็กะว่าจะไปพร้อมๆกับเจ้ารักนี่แหล่ะ…ฝากดูแลบ้านด้วยนะรัง…หนูรัก”
แพรวากล่าวกับลูกชายก่อนจะหันไปทางลูกสะใภ้ใหญ่

“ค่ะ…”

“คืนนี้พักด้วยกันนะจ๊ะ จะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน…”

“ค่ะ…”สิ้นรักพยักหน้้าอย่างเต็มใจ เพราะเธอยังอยากแวะไปหาเพื่อนรัก
อย่างปองขวัญอีกในวันพรุ่งนี้…

“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อนะคะ เราสามคนตั้งท้องไล่เลี่ยกัน ลูกๆก็มาเกิดไล่เลี่ยกัน
เหมือนมาเป็นชุดๆ…”อากิโกะกล่าวกับสิ้นรักพร้อมรอยยิ้ม…

“ค่ะ…ของแมงมุมดูจะล้ำหน้ากว่าใคร…”
สิ้นรักอดนึกถึงหลานสาวตัวน้อยของตัวเองไม่ได้…

“ไม่รู้ว่าจะคลานได้แล้วรึยัง…เห็นแมงมุมโทรมาบอกว่าท่าทางจะซนน่าดู”

“ค่ะ…คลานได้แล้ว…คราวนี้คงต้องวิ่งไล่จับกันล่ะ…เพราะคลานเร็วมากค่ะ
เจ้าดินเนี่ย เห่อลูกจนไปไหนก็พาไปด้วยตลอด…ชอบพาลูกไปโชว์ค่ะ…”

อากิโกะอดนึกถึงน้องชายของตัวเองไม่ได้ ที่พักหลังๆมานี้ดูเป็นผู้เป็นคน
รับผิดชอบครอบครัวได้ดีไม่มีที่ติ เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

และที่ยิ่งไปกว่านั้น…ทำงานเสร็จก็รีบกลับบ้าน ไม่เที่ยวเถลไถลท่ีไหน
อย่างแต่ก่อนอีกเลย…กลายเป็นคนรักครอบครัว…พลิกจากหลังมือเป็นหน้ามือ…
ซึ่งเธอเองก็อดยินดีด้วยไม่ได้…และก็อดชื่นชมน้องสะใภ้ไม่ได้เช่นกัน
ที่สามารถทำให้น้องชายของเธอดีขี้นเรื่อยๆแบบนี้…

“จะไปกันรึยังครับ…”ฑยาวีย์ส่งเสียงดังออกมาจากตัวบ้าน
ก่อนที่ตัวจะโผล่ออกมาเสียอีก…ก็เลยแปลกใจที่เห็นสมาชิกเพิ่ม

“อ้าวพี่รัง พี่รัก…”

“ก็ใช่น่ะสิ…ว่าแต่กินอะไรผิด เห็นอากิบอกว่าท้องเสีย…”รังสิมันต์
ถามน้องชายอย่างนึกเป็นห่วง

“กินส้มมากไปหน่อยน่ะพี่ ไม่รู้เป็นไง เห็นผลไม้เปรี้ยวๆเป็นไม่ได้…”
อากิโกะยืนอมยิ้มกับถ้อยคำของสามี ส่วนรังสิมันต์นั้นหัวเราะออกมาอย่างเปิดเผย…

“เป็นมานานรึยังล่ะ…”

“ก็หลายเดือนแล้วนะพี่…เป็นๆหายๆ…เดี๋ยวก็อยากเดี๋ยวก็ไม่อยาก…
กินเป็นพักๆ…แต่กินทีเป็นกะละมัง”ฑยาวีย์ตอบออกไปตรงๆ
เพราะรู้ว่าพี่ชายเป็นหมอคงหาทางช่วยเขาให้หายท้องเสียได้…

“มิน่าล่ะถึงได้ท้องเสีย ก็เล่นกินเป็นกะละมัง…ว่าแต่แกไม่รู้จริงๆ
หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่ว่าทำไม…แกต้องชอบกินของเปรี้ยว…
กินได้เป็นกะละมังแบบนี้…”คนฟังถึงกับเลิกคิ้วอย่างใคร่ครวญ
ก่อนจะหันไปทางภรรยาที่กำลังยืนอมยิ้มอยู่

“อย่าบอกนะ…”ฑยาวีย์มองภรรยาแล้วส่ายหน้ายิ้มหวาน…

“ค่ะ…อาการแบบนี้น่ะ เขาเรียกว่าอาการแพ้ท้อง…”อากิโกะเฉลยอย่างนึกขำ
ที่ก่อนหน้านี้อุตส่าห์ไม่บอกออกไปปล่อยให้คิดได้เองอยู่นาน
ไม่นึกเลยว่าสามีของเธอจะช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยเช่นนี้…

“ผมแพ้ท้องเหรอพี่…”ฑยาวีย์หันไปถามพี่ชาย สิ้นรักที่มองใบหน้าตกใจของน้องชายสามี
ที่เคยคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กๆก็ถึงกับอมยิ้มแทบไม่ไหว

“ก็เออน่ะสิ…”

“มีแบบนี้ด้วยเหรอ…”รังสิมันต์พยักหน้า

“ไอ้ลมมันก็เป็น…แกไม่รู้รึไง…”ฑยาวีย์ส่ายหน้า เขาจะรู้อะไร
วันๆก็เอาแต่ทำงาน แถมยังต้องเดินทางไกลระหว่างประเทศบ่อยๆอีก

“ไม่เห็นพี่จะเป็น…รึว่าเป็น”รังสิมันต์แสร้งส่ายหน้า

“พอดีว่าเมียพี่รับไปคนเดียวเต็มๆ…”

“แต่ก็โชคดีที่แพ้ไม่มาก…”สิ้นรักกล่าวเสริม…

“ถึงว่า…เมียผมไม่มีอาการแพ้ท้องเลย…หน้าผ่องเชียว…”
ฑยาวีย์หันหน้าไปทางภรรยาที่ยืนหัวเราะเขาอยู่…

“อะไรคะ…แพ้ๆ…”เสียงเด็กสาวดังขึ้นเมื่อกำลังรออยู่ว่าเมื่อไหร่
เธอจะได้ไปหาน้องแฝดของลุงลมกับป้าปองที่โรงพยาบาล

“เฮอะๆๆ…สงสัยเจ้าแฝดสองหน่อของผมคงอยากจะเจอน้องแฝดอีกคู่แล้วล่ะพี่รัง…”
ฑยาวีย์หัวเราะฮึๆขณะมองหน้าลูกแฝดของเขา…

“รีบพาไปสิ…ยัยปายจะได้เจอน้องๆเอาไว้ตั้งวงเล่นตุ๊กตากัน…”
รังสิมันต์ยักคิ้วให้น้องชายก่อนจะลูบหัวเด็กหญิงตัวน้อยเบาๆ

“ใช่แล้วๆ…ลุงลมมีน้องผู้หญิงให้ปายเพิ่มอีกคู่แล้ว…มีปาย มีพี่ฝน
มีน้องชีตาร์และก็ยังมีน้องแฝด…คราวนี้มีกันหลายคน…สนุกแน่ๆ…ไชโย้…”
เด็กหญิงตัวน้อยนึกได้ก็ถึงกับกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ…
โดยไม่ได้มองหน้าพี่ชายฝาแฝดของตัวเองเลยว่าตอนนี้หน้าหงอขนาดไหน

เพราะที่ผ่านมาเจ้าตัวเอาแต่รอน้องชายก็ไม่เห็นจะได้เจอเสียที…
มีแต่ผู้หญิงกันทั้งนั้น…ทั้งบ้านมีแต่เขาที่เป็นเด็กผู้ชายอยู่คนเดียว…

“งั้นเราไปกัน…”ฑยาวีย์จึงเริ่มกรีฑาทัพออกจากบ้านโดยมีจุดหมายคือโรงพยาบาล…
ทิ้งให้สิ้นรักกับพี่ชายอยู่เฝ้าบ้านแทน…



...โปรดติดตามตอนต่อไป....


นักอ่านคิดว่า...ลูกหมอรังกับเป็ดวานาโนจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายคะ...อิอิ

แต่ที่รู้ๆ...พี่รังคงไล่พี่ลมไม่ทันแล้ว
เพราะพี่ลมเขาสามารถปั๊มที่เดียวได้ถึงสองคน...อิอิอิ...



คุยกับนักอ่านค่ะ


1.คุณหมีสีชมพู...ความรักทำให้คนอ่อนแอค่ะ...
ที่เห็นว่านางเอกเราอดทนนั้น บางทีมันไม่ได้หมายความว่าอดทนแบบฝืนๆกันไปนะคะ
แต่เป็นเพราะเราอดทนทำได้ทุกอย่างเพื่อคนที่เรารัก...
ความรัก มันมักสอนให้เรารู้จักคำว่า "ให้" กับ คำว่า "อดทน"
อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนได้ค่ะ...เราอดทนได้มากกว่าปกติ
เราจะรู้ว่าหัวใจเรามีที่ว่างที่เอาไว้รองรับความเสียใจได้มากกว่าปกติที่เคยเป็นมา...
ผู้หญิง...สามารถทนต่อความเจ็บปวดโดยตรงได้ดีกว่าผู้ชายหลายเท่าค่ะ...
ลองสังเกตดูได้ค่ะ เช่นตัวอย่างของแม่ที่คลอดลูก ทั้งๆที่เจ็บปวดแสนสาหัส
เจ็บอย่างมากมาย แทนที่จะเกลียดลูกที่เป็นสาเหตุที่ทำให้แม่เจ็บ
เกลียดสามีที่ทำให้เธอต้องแบกอุ้มท้อและคลอดลูก
แต่กลับไม่เลย เธอกลับรักลูก รักสามี ซ้ำยังสงสารและมีเมตตาอีก...
นี่คือ ผู้หญิง เพศที่มีความอ่อนโยนและมีเมตตา ขี้สงสาร....
ซึ่งตรงข้ามกับผู้ชายที่มักจะแข็งๆ ใช้สติปัญญามากกว่าอารมณ์
ทำให้ดูแข็ง ไม่อ่อนโยนเท่าผู้หญิงน่ะค่ะ...

2.คุณsupayalak...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...
ยังมีอีกหลายมุมให้หักอีกค่ะ...เฮะๆ...
คู่หมอรังเป็นคู่เอก เลยออกแนวดราม่าหนักที่สุด มีแผนการซ้อนทับกันหลายชั้น
ที่สำคัญ กุญแจสำคัญที่จะไขปัญหาทุกอย่างจะอยู่กับใคร ต้องมาลุ้นกันต่อนะคะ...

3.คุณแว่นใส...นายขุนศึกเขาเป็นศัตรูเก่าของหมอรังค่ะ...
แถมดันมาตกหลุมรักเป็ดวานาโนอีก...เลยต่างจากคู่พี่ลม
เพราะคู่นั้น ไม่ค่อยมีมารมาผจญ...เนื่องจากขุนพลที่ชอบปองขวัญ
เขาไม่ได้มีลักษณะนิสัยเหมือนขุนศึกน่ะค่ะ...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม

4.คุณviolette...เราต้องลองไปนั่งในใจหมอรังดูนะคะ เพราะหมอรังคิดว่า
เมียตัวเองนอกใจไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่น เป็นผู้ชายที่ไหนก็ปวดใจกันทั้งนั้นค่ะ
และอาจรับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่นี่หมอรังยังรัก แม้จะระแวงสักแค่ไหน...
เนื่องจากตัวเองก็ไม่ค่อยมีเวลาให้กับเมียเนื่องจากต้องออกไปทำงานไกลหลายๆวันบ่อยๆ
ก็ย่อมกลัวว่าเมียจะเหงา...และนางเอกเราก็เคยมีประวัติมีแฟนมาแล้วหลายคน...
...ขุนศึกจับจุดถูก เลยยิงตรงเป้าหมาย...ตัดขั้วหัวใจหมอรังไปเลยน่ะค่ะ...

5.คุณkonhin...จุดอ่อนหมอรังเขาอยู่ตรงนั้นน่ะค่ะ...แต่ว่าจะจบแบบไหนนั้น
เต่าโยขอเก็บเอาไว้ก่อนนะคะ...บอกใบ้ได้แค่ว่า...เรื่องนี้มีแผนซ้อนกันหลายชั้น...
แต่แผนใครจะมาเหนือเมฆต้องมาดูกันต่อค่ะ...ขอบคุณนะคะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...

6.คุณwii...บางทีระยะเวลามันไม่สำคัญสำหรับบางคู่...เพราะหลายๆคู่ปล่อยให้วันเวลา
ผ่านๆพ้นไปโดยไม่ได้มอบสิ่งดีๆต่อกัน บางคู่เอาแต่ทะเลาะกัน ไม่ค่อยพูดหวานใส่กัน
เพราะคิดว่ายังมีเวลาอีกมากมาย...และมองข้ามสิ่งดีๆที่เคยมีต่อกัน...
จนกว่าจะหันมาพูดจาดีๆต่อกัน ก็เกือบสาย หรือบางคู่ก็สายเกินไปเสียแล้ว...

7.คุณpattisa...รับรองได้ว่างานนี้...นางเอกเราก็ไม่ธรรมดาค่ะ...อิอิ...
ต้องมาลุ้นกันต่อค่ะสำหรับมวยคู่เอก ที่มีคานน้อยเป็นเป็นสังเวียน
และมีหัวใจของคนคอยเป็นเดิมพัน...

8.คุณgoldensun...จิตแพทย์ก็ใช่ว่าจะไม่เสี่ยงต่อสภาวะจิตตกนะคะ...อิอิ
เพราะจิตแพทย์ก็เป็นมนุษย์เหมือนเราๆนี่แหล่ะค่ะ มี รัก โลภ โกรธ หลง
ไม่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าจะควบคุมมันได้มากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้นน่ะค่ะ
และปกติ คนที่อยู่ใกล้ที่สุด และเป็นคนที่ต้องรองรับอารมณ์มากที่สุด...
บางอารมณ์พี่รังก็เหมือนแม่ของตัวเองนะคะ...อิอิอิ...
ส่วนขุนศึกนั้น ถ้านักอ่านจะสังเกตดีๆ เขาก็มีดีอยู่ในตัวเองอยู่เหมือนกัน
อย่างน้อยก็ไม่ได้ดำสนิท และการถูกเลี้ยงดู อบรมมาก็มีส่วนสำคัญ
และที่สำคัญกว่านั้น ขุนศึกมีแม่อย่างคุณหญิงมณี ที่เคยทำลายชีวิตตามตะวัน
ได้อย่างเลือดเย็นมาก่อนนะคะ...ต่างจากขุนพลค่ะ เพราะเขามีแม่ที่มีจิตใจดี
มีเมตตา...สายเลือดทางแม่และคำสอนของแม่ของขุนพลจึงมีอิทธิพล
ต่อความคิดและความรู้สึกของขุนพล ต่างจากขุนศึก เขาถูกอบรมมาจากคุณหญิงมณี
และอาของตัวเองที่เขาคิดมาตลอดว่าเป็นพ่อ เขาเอาแบบอย่างมาจากสองคนนั้นเต็มๆ...
ส่วนดุจมณนั้นถูกเลี้ยงมาไม่เห็นสัมผัสกับโลกสีดำ...เธอเลยมองโลกสวยงาม
เป็นสีชมพู...หัวใจเธอเลยไม่กร้านโลกมากนัก...มันยังอ่อนโยนอยู่...
ปล.ความจริงจะปรากฏเมื่อตอนอวสานใกล้จะมาถึงค่ะ...อิอิอิ...

9.คุณใบบัวน่ารัก...พี่รังแกเป็นหมอ แกคงรู้เรื่องแบบนั้นน่ะค่ะว่าควรประมาณไหน...
ที่สำคัญคู่นี้แยกห้องกันนอนไปพักใหญ่เสียด้วย...
ส่วนจะกี่เดือนนั้น...โยว่าคงจะใกล้คลอดแล้วล่ะค่ะ เพราะปองขวัญคลอดแล้ว...อิอิ
ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจและการติดตาม...

10.คุณตุ๊งแช่...คู่นี้ยังไม่จบค่ะ...เพราะเป็นคู่เอก...
แน่นอนว่า...หลังพายุ ฟ้าย่อมสดใสค่ะ...แต่พายุที่พัดเข้ามาจะสร้างความเสียหาย
และพัดพาสิ่งใดหรือนำสิ่งใดมาบ้าง ต้องมาลุ้นกันนะคะ...
เต่าโยเองก็กำลังจะปีนถึงยอดตาลแล้วนะคะ...เพียงแค่ช่วงนี้เหนื่อยๆกับงานที่ทำ
เลยไม่ค่อยมีแรงปีนต้นตาล...กว่าจะถึงเส้นชัย...นักอ่านคงต้องคอยกันหน่อยนะคะ...
แต่ว่าเต่าโยตั้งใจอย่างยิ่งยวดว่าจะต้องปีนไปให้ถึงยอดตาลให้ได้ค่ะ...อิอิ

11.คุณแม่มดน้อย...ขอให้เที่ยวรับลมอย่างมีความสุขนะคะ...
กลับมาเมื่อไหร่ก็อย่าลืมส่งเสียงมาให้ได้ยินกันบ้างนะคะ...
ปล.แสดงว่าคุณแม่มดไม่ได้นอนอยู่บนคานน้อยแล้วใช่มั้ยคะ...ฮิฮิฮิ...
โยก็หลงคิดว่า จะยังนอนรับลมอยู่บนนั้นซะอีก...ฮ่าๆๆๆ



สุดท้ายไม่ท้ายสุด

ขอบคุณทุกไลค์ ทุกกำลังใจ และทุกคนที่เข้ามาอ่านมาติดตามกันนะคะ

...แล้วเจอกันยกหน้านะคะ...

...รักษาสุขภาพนะคะ...

"เต่าโย"









yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ม.ค. 2556, 21:54:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2556, 22:08:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 2670





<< ยกที่ 80 เสรีภาพ   ยกที่ 82 นิทานหิ่งห้อย >>
supayalak 10 ม.ค. 2556, 22:18:12 น.
เต่าโยค่ะ เดี๊ยนเกือบจะไปแจ้งความคนหายแล้วนะคะ พอดีไรเตอร์กลับมาอัพซะก่อนคดีคนหายเลยตกไป แต่ว่าช่วงนี้อ่านคู่พี่รังกะน้องรักไปก็เศร้าเคล้าน้ำตาไป เมื่อไหร่ไรทเตอร์จะเลิกใจร้ายกะคนอ่านกะพี่รังและน้องรักซะที เดี๊ยวไม่ใครก็ใครสักคนจะชีวาวายไปซะก่อนน้า เฮ้ออออเศร้า กระซิก กระซิก กระซิก


sai 10 ม.ค. 2556, 22:31:08 น.
อ่านเรื่องนี้สงสารเป็ดวาตลอดเรื่องเลย มีความสุขไม่นาน ความทุกข์ก็มาทักทายเรื่อยๆ

ปล.เดาว่าลูกเป็ดว่ากะหมอรังเป็นผู้ชายค่ะ


ตุ๊งแช่ 10 ม.ค. 2556, 22:37:12 น.
รอมาหลายคืน จากจิงเกอร์เบล ยัน นิวเยียร์ กำลังเอีะ หรือคนเขียนไลั้นลา งานวันเด็กเสาร์นี้ต่อหว่า 555

หมอรังอะไรจะหึงหน้ามืดขนาดนี้ อย่างนี้ต้องให้สิ้นแก้เกมส์เอาให้อยู่หมัดสักที เอ๊ะหรือเป็นช่วงเอาคืนละนี่


goldensun 10 ม.ค. 2556, 22:42:04 น.
สงสารรักจัง สงสัยได้ลูกชายแน่เลย แล้วหมอรังก็ยังผีเข้าผีออกอยู่อย่างนี้ ถ้าลูกออกมาดี ก็ต้องมาจากแม่อย่างเดียวแล้ว หนุ่มๆของคู่อื่นดีเป็นแถวแล้ว หมอรังกลับร้ายจัง ทั้งที่ตอนก่อนแต่ง ออกจะเชื่อใจสิ้นรักมากกว่านี้ เจอขุนศึกป่วนจนเสียเซลฟ์ไปแล้ว


konhin 10 ม.ค. 2556, 23:01:50 น.
หมอรังยังคะแนนติดลบไม่กระเตื้องเลยย หึงได้แต่ต้องเชื่อใจ


violette 11 ม.ค. 2556, 01:37:39 น.
เฮ้อ ยังโมโหหมอรังไม่หายค่ะ ไม่ชอบเลย
แล้วนี่ผักหวานแอบชอบนายรังอีกเหรอ จะมีเมียสองมั้ยเนี่ย กลุ้มแทนรักจัง


พัชรี 11 ม.ค. 2556, 03:54:33 น.
หนูโยไม่เหนื่อยเหรอ ผูกแต่ปมน่ะ อ่านจนเหนื่อยแล้วน้า จนไม่กล้าอ่านเลยต้องรอ ให้มีหลายๆตอนก่อน ค่อยอ่านทีเดียว เพราะกลัวทำใจไม่ได้


แว่นใส 11 ม.ค. 2556, 09:14:37 น.
อยากให้หมอรังเข้าใจนาโนเร็ว ๆ จังเลย น่าสงสารนางเอกเราที่สุดเลย


หมีสีชมพู 11 ม.ค. 2556, 10:57:42 น.
เดาว่าลูกชายเหมือนกันค่ะ
พี่รังจะโกรธอีกมั้ยเนี่ย ถ้ารู้ว่าสิ้นแอบไปดูเพศลูกมาแล้ว


Littlewitch 11 ม.ค. 2556, 23:42:02 น.
แวะมาทักทายคะ ช่วงนี่เที่ยวท่ามกลางอุณหภูมิต่ำกว่า10คะ เดินจนสลบทุกวัน แต่บ้านเมืองที่นี่สะอาดมาก สำหรับเรื่องคาน มันอยู่คู่กันมาจนแยกไม่ออกต่างหากละคะ


nasa 12 ม.ค. 2556, 10:04:02 น.
ทำไมสถานการณ์ผู้ชายถึงจับจังหวะกลับเข้ามาในชีวิตพร้อมกันซะขนาดนี้

เห็นใจสิ้นรักค่ะ คนเป็นสามี แต่ไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ยังงี้ก็เป็นจุดอ่อนให้คนชั่วมายุยงง่ายขึ้น


mhengjhy 12 ม.ค. 2556, 13:31:43 น.
ปวดใจที่พี่รังเป็ยอย่างนี้


Littlewitch 12 ม.ค. 2556, 15:29:35 น.
ชื่อนิยายตอนนี้คือสายลมที่แสนดี แต่ลมที่ gora ไม่ดีนะคะขนาดแม่มดยังเกือบปลิว ลมแรงมาก มือถือกล้องที่หนักพอสมควรยังปลิว ช่วงนี้นิยายยังไม่ได้อ่านเลยคะ วันๆมีแต่เดินๆๆ วันนี้ผิดแผนไปหมด เสียเวลามาก เลยทำให้แผนการเที่ยวฮาโกเน่ 1 วันไม่เป้นไปตามแผน เวลานี่สำคัญนะคะ ถ้าไม่รักษาเวลาก็จะไม่ประสบความสำเร็จ วันนี้แอบเซ็งเล็กน้อย ขอบ่นนะคะ


pookza 12 ม.ค. 2556, 20:08:15 น.
อ่านตั้งแต่ช่วงแรก ไม่ได้สังเกตุเลยว่า สิ้นรัก ปองขวัญ เป็นอิสลาม เพิ่งจะมีช่วงหลังจากที่อ่านอะรูซะตี ที่เพิ่งรู้สึกว่าเป็นอิสลามกันหมดเลยค่ะ พี่รังดูใจร้ายจังนะคะ หรือเราอ่อนไหวก็ไม่รู้ ไม่ค่อยได้มาเม้นท์ แต่ยังติืดตามเหมือนเดิมนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account