กรงรักมายาหัวใจ
ความรักที่เย็นฉ่ำดุจละอองเกล็ดหิมะ หัวใจที่รุ่มร้อนดังเพลิงเพราะรัก

ฟ้าได้ลิขิตให้ทั้งสองมาเจอกัน ก่อนจะพลัดพราก เมื่อหญิงคนรักทิ้งเขาไปอย่างเลือดเย็น เขามีแต่ความเจ็บปวด เจ็บแค้น อันแน่นในหัวใจ เมื่อต้องกลับมาเจอเธออีกครั้ง เขาจะจัดการกับเธออย่างไร ในเมื่อไม่เคยลืมรักครั้งแรก

ปารีส (พระเอก) ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-แคนาดา เขารักปาริสาอย่างหมดหัวใจ ทว่าหล่อนกลับทิ้งเขาไป เมื่อต้องกลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งที่ยังรัก และไม่เคยลืมจากหัวใจ อยากจะคว้าตัวหล่อนมากอด แต่ทำเพียงแค่แสดงความโกรธ และเย็นชาเท่านั้น โดยเก็บรักขังไว้ในกรงหัวใจ
ปาริสา (นางเอก) หรือที่ใครๆ หลายคนมักเรียกว่า ริสา เพียงแค่ไม่กี่เสี้ยววินาทีได้ตัดสินใจ เดินออกมาจากชีวิตของเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง ทว่าหล่อนกลับใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อลืมเขา การต้องกลับมาเจอกับเขาอีกครั้งสร้างความไหวหวั่น หัวใจเหมือนโดนเศษแก้วบาดลึก ต่อความเย็นชา และอารมณ์โกรธของเขา หญิงสาวเก็บกักความรู้สึกซ่อนลึกในกรงหัวใจ ทำตัวเองประหนึ่งเป็นกระจกสะท้อนเงา เมื่อเขาร้ายหล่อนร้ายตอบ เจอความเย็นชา หล่อนก็พร้อมจะเป็นน้ำแข็งขั้วโลกใต้ ทว่าสิ่งที่ทำให้กลัวจับใจ คือความลับที่ปกปิดไว้ไม่ให้เขารู้
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 14 ท่วงทำนองแห่งรัก

“พี่จะพาริสาไปไหนกันแน่?” หญิงสาวโวยวายจะเอาคำตอบ “บอกริสาเดี๋ยวนี่นะคะ ริสาไม่อยากไปในที่ไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะเจอกับอะไร...แล้วทำไม”

“ริสากลัวอะไรครับ” ปารีสถาม “อย่าบอกนะว่ากลัวพี่”

ร่างบางชะงัก เรียวปากบางเผยอค้างเพราะยังพูดไม่จบหุบลง หล่อนกัดริมฝีปากล่างแน่น พลางคิดว่า ‘นั่นสิ ทำไมหล่อนต้องกลัวเขาด้วย ในเมื่อสถานการณ์มันเลยพ้นขีดอันตราย จะมานั่งทำตัวเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา กลัวชายคนนี้ลักพาตัวไปทำมิดีมิร้าย’ หญิงสาวรีบหันไปบอก

“ริสาเปล่ากลัวสักหน่อย ก็แค่อยากรู้ มันก็แค่คำถามที่ต้องการคำตอบเท่านั้น” ดวงตาคู่หวานมีประกายเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ “วันนี้ริสามีสิทธิ์ถามด้วยความอยากรู้ถึงผู้ชายคนนั้นได้วันละ 1 คำถาม ขอใช้สิทธิ์ของวันนี้ค่ะ”

“จะถามอะไรครับ”

“ผู้ชายคนนั้นจะพาริสาไปไหน”

“บังเอิญบุรุษไปรษณีย์หัวใจวันนี้ลาพักร้อนพี่เลยถามไม่ได้” เขาจ้องใบหน้างอง้ำของหล่อนไม่กะพริบ “และคนที่กำลังพาริสาไปไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น แต่เป็นผู้ชายคนนี้” ชายหนุ่มชี้มาที่ตัวเอง

เขาหันมายิ้มกริ่ม ทว่าทั้งสีหน้าและคำพูดที่หลุดออกมากลับถูกจุดอย่างจัง...จุดเดือด ของผู้หญิงที่ชื่อปาริสา

“คนขี้โกง!” หญิงสาวเสียงดังอย่างหงุดหงิด “ทำไมต้องเจ้าเล่ห์กับริสาด้วย” หล่อนหันไปคว้าพวงมาลัย “จอดรถเดี๋ยวนี้นะ ริสาจะลง”

“ริสากำลังจะทำอะไรอยากรถพลิกคว่ำตายหรือไง” ร่างสูงเอ็ดก่อนจะหมุนหักพวงมาลัยจอดข้างทาง แต่ไม่ยอมปลดล็อกประตู เพราะหล่อนเขย่าออกแรงอย่างไรก็ไม่ขยับ

บัดนี้ปาริสากลับรู้สึกว่ารถยนต์คันหรูไม่ต่างจากกรงขัง เมื่อหล่อนไม่สามารถบินหนีไปไหนได้ จึงสะบัดหน้าหันไปมอง แววตากล่าวโทษ

“ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม เห็นอยู่สภาพถนนลื่นขนาดไหน ไม่กลัวตายหรือไง” ใครบ้างไม่กลัวตาย...หล่อนตอบเขาแค่เพียงในใจ ทว่าอารมณ์ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงด้วยซ้ำว่าอาจพาตัวเองไปใกล้ดินแดนแห่งลมหายใจเฮือกสุดท้าย

“ก็พี่ปารีสกวนประสาทยั่วโมโหริสาก่อนทำไม”

“น้องริสาเนี่ยเวลาโมโหก็เอาเรื่องน่าดูเหมือนกันแฮะ” เขาบอกหล่อน

“ผิดหวังเหรอคะ”

“ทำไมต้องผิดหวัง” ร่างสูงตอบ “ในเมื่อพี่ไม่เคยตั้งความหวังว่าน้องริสาต้องเป็นแบบไหน ที่สำคัญพี่ไม่เคยคิดจะให้น้องริสา สงบเสงี่ยมเรียบร้อยอยู่แต่ในโอวาทสักหน่อย ”

“อ๋อ...ที่แท้ผู้หญิงแบบนั้นเองเหรอคะ ที่พี่บอกว่าต้องไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา” ปาริสายังคงหน้าง้ำ อะไรหลายๆ อย่างในใจก็เริ่มเปิดเผยออกมา

“อ๋อ ที่แท้อารมณ์เสีย เพราะเก็บคำพูดของพี่มาคิด” ปารีสสรุป คนถามถึงกับคอแข็งเมื่อโดนจี้ถูกจุด

“ปะ...เปล่าสักหน่อย” หล่อนยังคงปากแข็ง

“ถ้าไม่คิดอะไรก็แล้วไป” ปารีสพูด “ถ้ากำลังคิดไร้สาระอยู่ล่ะก็ขอบอกเลยว่าน้องริสาเองที่บอกให้พี่ห้ามเปิดเผยความสัมพันธ์ก่อนถึงเวลา พอคราวนี้พี่ให้ความร่วมมือจะมางอแงใส่พี่ทำไม”

หญิงสาวเม้มปากจ้องตอบไม่ยอมแม้แต่จะกะพริบตา ‘งอแง’ คำนี้ฟังแล้วให้ความรู้สึกราวกับกำลังโดนเขาดุ เมื่อเห็นว่าหล่อนทำตัวเป็นเด็กๆ และดูเหมือนหล่อนจะซ่อนความคิดอ่านจากแววตาไม่ได้

“กำลังหงุดหงิดอีกล่ะสิ” เขาว่า ถอนหายใจ “ยังไม่ทันพ้นระยะข้าวใหม่ปลามัน ก้นหม้อยังไม่ทันดำ ก็จะชวนทะเลาะกันเสียแล้ว”
ท่ามกลางความหงุดหงิดกึ่งเสียหน้าเมื่อโดนจับได้ ว่าตนกำลังคิดหรือรู้สึกอะไร ปาริสาอยากจะหลุดหัวเราะ แต่ต้องกลั้นไว้ เมื่อสำนวนไทยแบบชัดถ้อยชัดคำที่เขาเปรียบเปรยขึ้นมาจากปากชายหนุ่มลูกครึ่งซึ่งกระเดียดไปทางตะวันตกฝ่ายบิดามากกว่าไทยทางฝั่งมารดาเสียอีก เขาคงได้รับการเอาใจใส่ให้ฝึกฝนเรียนรู้ภาษาไทยมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก

“ริสาเปล่าชวนทะเลาะเสียหน่อย”

“แถมยังเป็นผู้หญิงปากแข็งอย่างเหลือเชื่อ” ปารีสรีบเสริม

“พี่ปารีส!”

“ครับ”

“ก็เพราะคำพูดแบบนี้ไง กับท่าทางแบบนี้ พี่จึงเป็นฝ่ายยั่วโมโหริสาก่อน ไม่ใช่ริสาชวนทะเลาะด้วย”

“พูดแบบไหน ท่าทางยังไงกัน” ร่างสูงถาม ปาริสาย่นจมูก ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมองตัวเองไม่ออก ว่าเป็นคนประเภทไหน

“ก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนไม่มีอะไร แต่สีหน้าสายตาท่าทางหยิ่งทะนง แล้วก็ถือตัวอย่างร้ายกาจ กลับทำให้สิ่งที่พูดออกมากระทบคนฟังบาดจิต มากกว่าต่อว่ากันตรงๆ เสียอีก” หญิงสาวหยุดเว้นจังหวะมองสีหน้าแสดงอาการคาดไม่ถึงของคนตัวสูง ปารีสคงไม่คิดว่าหล่อนจะรู้สึกแบบนั้น “พี่คงไปเรียนรู้วิธีพูดแบบนี้มาจากสังคมชั้นสูงล่ะสิ”

ชายหนุ่มปรับสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาให้เห็นเมื่อเจอคำถามต่อเนื่องทิ้งท้าย

“ว่าแต่ที่พี่ทวีปพูดว่า พี่ปารีสไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นพวกสังคมชั้นสูง คืออะไรคะ?”

“พี่ว่าเราเสียเวลามามากพอแล้ว เดินทางกันต่อดีกว่า”
ปารีสรีบเปลี่ยนเรื่องพลางจัดการเคลื่อนรถออกจากตำแหน่งเดิม จุดหมายยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ชายหนุ่มไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ โดยการเลี้ยวรถกลับไปส่งยังที่พักของหญิงสาว ถึงเขาไม่หันไปมองสีหน้าหล่อน ก็รู้ได้อัตโนมัติว่าตอนนี้คงกำลังของขึ้นไม่ใช่น้อย เมื่อโดนชายถือตัวร้ายกาจอย่างเขาเมินไม่สนใจ เหมือนไม่ได้ยินคำถาม แต่การคาดเดาว่าเจ้าหล่อนต้องโวยวายยกใหญ่กลับไม่เป็นอย่างที่ปารีสกำลังตั้งหลักรอรับสถานการณ์เฉพาะหน้า

ร่างสูงเบือนหน้าหันไปมอง เห็นหญิงสาวข้างกายนั่งกอดอกทำปากยื่น ปลายจมูกเล็กได้รูปเชิดสูง สะบัดหน้าหนีมองออกไปแต่ด้านนอกกระจกรถ ปารีสกระแอมในลำคอ ก่อนจะถามอย่างเอาใจ เมื่อเทียบกับการไม่ต้องบอกบางอย่างกับปาริสา การตอบคำถามก่อนนั้นดูเหมือนจะดีกว่า

“ตกลงน้องริสา อยากรู้ไหมครับ ว่าพี่ปารีสกำลังจะเดินทางไปไหน”

“ไม่อยากรู้แล้วค่ะ พี่จะพาไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็ตามสบายเลยค่ะ” คือคำตอบของปาริสา ชายหนุ่มหัวเราะกลั้วในลำคอ เมื่อคิดว่าเขาคงไม่มีทางเลือกเส้นทางที่จะพาหล่อนลงนรกแน่นอน

“มันตลกมากหรือไงคะ”
หญิงสาวหันไปถาม จิตใจเริ่มปรับลงสู่ระดับปกติ เรียกได้ว่าหล่อนเริ่มจะปลงตก เมื่อเขาไม่ตอบคำถาม แสดงว่าสิ่งนั้นคืออะไรบางอย่างที่ปารีสไม่อยากให้แฟนสาวต้องรับรู้ หล่อนจึงได้แต่ทิ้งปริศนาดำมืดค้างไว้ในหัวใจอย่างนั้น ต่อให้เอาเหล็กกล้ามางัดง้างปากพ่อตัวดี ก็ไม่มีทางหลุดออกมาให้ได้ยิน

“เปล่าพี่ไม่ได้หัวเราะเยาะน้องริสาสักหน่อย” ชายหนุ่มรีบอธิบาย “แค่นึกขำความคิดตัวเองเท่านั้น” ถึงจะปลงตกแต่อารมณ์เรียกว่า ‘งอน’ ยังอยู่คู่กับผู้หญิงวันยังค่ำ หล่อนจึงทำเมินไม่อยากสนใจสิ่งที่เขาจะกล่าว

“แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าพี่กำลังคิดอะไร”

“ริสาว่าพี่ตั้งใจขับรถเถอะค่ะ เราเสียเวลามามากพอแล้ว ริสาไม่อยากคุย อยากถาม หรือมองหน้าให้พี่ต้องเสียสมาธิ” ปาริสารวบยอดย้อนรอยเขาก่อนนั้นรวดเดียว “ริสาเองก็ง่วง คราวนี้ของจริง ไม่ได้แกล้งหลับด้วย”

พูดทิ้งไว้เท่านั้นหล่อนก็ขยับตัวหันหลังเอียงคอหลับกับพนักพิงเบาะรถ ร่างสูงโคลงศีรษะ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสาวคนรัก กำลังออกอาการขัดใจเพราะไม่ได้ยินในสิ่งที่เจ้าตัวอยากรู้ เพียงแค่ปารีสมีเหตุผลของตัวเองเท่านั้น จึงคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่หญิงสาวจะรู้เรื่องราวเหล่านั้น

“น้องริสาจะฟังเพลงไหม พี่จะเปิดให้ฟัง” เขาเสนอแบบต้องการชวนคุย เพราะรู้ว่าหล่อนคงยังไม่หลับจริงอย่างว่า และความคิดของเขาก็ได้รับการยืนยันด้วยเสียงที่ลอยออกมาให้ได้ยิน

“ไม่ค่ะ จะฟังอย่างอื่นทำไม ในเมื่อสิ่งที่ริสาอยากฟัง กลับไม่ได้ยิน ต่อไปริสาจะทำตัวเป็นคนหูหนวก ตาบอด” ท้ายประโยคบอกชัดว่าเจ้าหล่อนกำลังประชดประชัน เขาก็เลยทำมึนแกล้งไม่เข้าใจเสียอย่างนั้น เพราะไม่อยากให้บรรยากาศมาคุไปกว่านี้

“อ๋อ น้องริสาอยากฟังเสียงพี่” ปารีสรีบสรุปเข้าข้างตัวเอง “ได้สิครับ เดี๋ยวระหว่างขับรถ น้องริสาหลับให้สบาย พี่ปารีสจะร้องเพลงกล่อมเอง”

ปาริสาลอบถอนหายใจเฮือก เมื่อเห็นว่าสารถีที่ไม่รู้จะพาหล่อนไปสู่จุดหมายไหน กำลังแกล้งหยอกล้อหล่อนเล่นอีกเช่นเดิม แปลกนักความขุ่นมัวค่อยๆ เลือนจางหายเมื่อได้ยินเสียงทุ่มกังวานขับขานท่วงทำนองเพลงสากลจากชายหนุ่มคนรัก ยิ่งความหมายของเนื้อเพลงเริ่มกัดกร่อนกินหัวใจ จนรู้สึกไหวหวั่นและอ่อนยวบลงกะทันหัน และไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมีรสนิยมชื่นชอบเพลงสมัยเก่าสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ยังหนุ่มยังสาว หญิงสาวเริ่มรู้สึกเปลือกตาหนักอึ้ง พร้อมกับซึมซับความอ่อนหวานสู่นิทราด้วยรอยยิ้ม

เธอคือคำตอบของหัวใจที่อ้างว้าง เธอคือนางฟ้าจากเบื้องบน
ฉันเปล่าเปลี่ยวมานานจนได้มาพบเธอ พร้อมกับความหัศจรรย์ ของความรักของเธอ
ฉัน ไม่รู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่มาได้อย่างไร เธอคือชีวิต คือพรหมลิขิตของฉัน
โอ้ที่รัก ฉันรักเธอเหลือเกิน เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน
หากวันใดเธอจากฉันไป ฉันคงเหลือเพียงน้ำตาแห่งความเหงาหงอย
ดวงอาทิตย์เบื้องบนคงจะไม่ฉายแสงอีก และคงจะมีหยดน้ำตาหล่นจากฟากฟ้า
ฉะนั้นโปรดกอดฉันไว้และอย่าปล่อยฉันไป และโปรดบอกว่ารักเราจะอยู่ตลอดไป
โอ้ที่รัก ฉันรักเธอเหลือเกิน เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน

เครดิต song : you mean everything to me โดย neil sedaka



มุกมาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ย. 2555, 11:59:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ย. 2555, 12:06:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1731





<< ตอนที่ 13 สิ่งที่ค้างคาใจและข้อสงสัย   กรงรักมายาหัวใจ 15-18 ลงยาวรวดเดียวเนื้อหา 4 ตอนจ้ะ ^^ >>
มุกมาดา 17 ก.ย. 2555, 12:11:52 น.
คุณ pat : ค่ะ พระเอกบุคลิกเป็นอย่างนี้ ด้วยอะไรหลายอย่างๆ โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปค่ะ เบื้องหลังว่าพระเอกเป็นใคร มาจากไหน แบ็คกราว พื้นเพ ทางสังคมเป็นเช่นไร จะค่อยๆ เปิดเผย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account