กรงรักมายาหัวใจ
ความรักที่เย็นฉ่ำดุจละอองเกล็ดหิมะ หัวใจที่รุ่มร้อนดังเพลิงเพราะรัก
ฟ้าได้ลิขิตให้ทั้งสองมาเจอกัน ก่อนจะพลัดพราก เมื่อหญิงคนรักทิ้งเขาไปอย่างเลือดเย็น เขามีแต่ความเจ็บปวด เจ็บแค้น อันแน่นในหัวใจ เมื่อต้องกลับมาเจอเธออีกครั้ง เขาจะจัดการกับเธออย่างไร ในเมื่อไม่เคยลืมรักครั้งแรก
ปารีส (พระเอก) ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-แคนาดา เขารักปาริสาอย่างหมดหัวใจ ทว่าหล่อนกลับทิ้งเขาไป เมื่อต้องกลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งที่ยังรัก และไม่เคยลืมจากหัวใจ อยากจะคว้าตัวหล่อนมากอด แต่ทำเพียงแค่แสดงความโกรธ และเย็นชาเท่านั้น โดยเก็บรักขังไว้ในกรงหัวใจ
ปาริสา (นางเอก) หรือที่ใครๆ หลายคนมักเรียกว่า ริสา เพียงแค่ไม่กี่เสี้ยววินาทีได้ตัดสินใจ เดินออกมาจากชีวิตของเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง ทว่าหล่อนกลับใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อลืมเขา การต้องกลับมาเจอกับเขาอีกครั้งสร้างความไหวหวั่น หัวใจเหมือนโดนเศษแก้วบาดลึก ต่อความเย็นชา และอารมณ์โกรธของเขา หญิงสาวเก็บกักความรู้สึกซ่อนลึกในกรงหัวใจ ทำตัวเองประหนึ่งเป็นกระจกสะท้อนเงา เมื่อเขาร้ายหล่อนร้ายตอบ เจอความเย็นชา หล่อนก็พร้อมจะเป็นน้ำแข็งขั้วโลกใต้ ทว่าสิ่งที่ทำให้กลัวจับใจ คือความลับที่ปกปิดไว้ไม่ให้เขารู้
ฟ้าได้ลิขิตให้ทั้งสองมาเจอกัน ก่อนจะพลัดพราก เมื่อหญิงคนรักทิ้งเขาไปอย่างเลือดเย็น เขามีแต่ความเจ็บปวด เจ็บแค้น อันแน่นในหัวใจ เมื่อต้องกลับมาเจอเธออีกครั้ง เขาจะจัดการกับเธออย่างไร ในเมื่อไม่เคยลืมรักครั้งแรก
ปารีส (พระเอก) ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-แคนาดา เขารักปาริสาอย่างหมดหัวใจ ทว่าหล่อนกลับทิ้งเขาไป เมื่อต้องกลับมาเจอกันอีกครั้ง ทั้งที่ยังรัก และไม่เคยลืมจากหัวใจ อยากจะคว้าตัวหล่อนมากอด แต่ทำเพียงแค่แสดงความโกรธ และเย็นชาเท่านั้น โดยเก็บรักขังไว้ในกรงหัวใจ
ปาริสา (นางเอก) หรือที่ใครๆ หลายคนมักเรียกว่า ริสา เพียงแค่ไม่กี่เสี้ยววินาทีได้ตัดสินใจ เดินออกมาจากชีวิตของเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง ทว่าหล่อนกลับใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อลืมเขา การต้องกลับมาเจอกับเขาอีกครั้งสร้างความไหวหวั่น หัวใจเหมือนโดนเศษแก้วบาดลึก ต่อความเย็นชา และอารมณ์โกรธของเขา หญิงสาวเก็บกักความรู้สึกซ่อนลึกในกรงหัวใจ ทำตัวเองประหนึ่งเป็นกระจกสะท้อนเงา เมื่อเขาร้ายหล่อนร้ายตอบ เจอความเย็นชา หล่อนก็พร้อมจะเป็นน้ำแข็งขั้วโลกใต้ ทว่าสิ่งที่ทำให้กลัวจับใจ คือความลับที่ปกปิดไว้ไม่ให้เขารู้
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 14 ท่วงทำนองแห่งรัก
“พี่จะพาริสาไปไหนกันแน่?” หญิงสาวโวยวายจะเอาคำตอบ “บอกริสาเดี๋ยวนี่นะคะ ริสาไม่อยากไปในที่ไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะเจอกับอะไร...แล้วทำไม”
“ริสากลัวอะไรครับ” ปารีสถาม “อย่าบอกนะว่ากลัวพี่”
ร่างบางชะงัก เรียวปากบางเผยอค้างเพราะยังพูดไม่จบหุบลง หล่อนกัดริมฝีปากล่างแน่น พลางคิดว่า ‘นั่นสิ ทำไมหล่อนต้องกลัวเขาด้วย ในเมื่อสถานการณ์มันเลยพ้นขีดอันตราย จะมานั่งทำตัวเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา กลัวชายคนนี้ลักพาตัวไปทำมิดีมิร้าย’ หญิงสาวรีบหันไปบอก
“ริสาเปล่ากลัวสักหน่อย ก็แค่อยากรู้ มันก็แค่คำถามที่ต้องการคำตอบเท่านั้น” ดวงตาคู่หวานมีประกายเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ “วันนี้ริสามีสิทธิ์ถามด้วยความอยากรู้ถึงผู้ชายคนนั้นได้วันละ 1 คำถาม ขอใช้สิทธิ์ของวันนี้ค่ะ”
“จะถามอะไรครับ”
“ผู้ชายคนนั้นจะพาริสาไปไหน”
“บังเอิญบุรุษไปรษณีย์หัวใจวันนี้ลาพักร้อนพี่เลยถามไม่ได้” เขาจ้องใบหน้างอง้ำของหล่อนไม่กะพริบ “และคนที่กำลังพาริสาไปไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น แต่เป็นผู้ชายคนนี้” ชายหนุ่มชี้มาที่ตัวเอง
เขาหันมายิ้มกริ่ม ทว่าทั้งสีหน้าและคำพูดที่หลุดออกมากลับถูกจุดอย่างจัง...จุดเดือด ของผู้หญิงที่ชื่อปาริสา
“คนขี้โกง!” หญิงสาวเสียงดังอย่างหงุดหงิด “ทำไมต้องเจ้าเล่ห์กับริสาด้วย” หล่อนหันไปคว้าพวงมาลัย “จอดรถเดี๋ยวนี้นะ ริสาจะลง”
“ริสากำลังจะทำอะไรอยากรถพลิกคว่ำตายหรือไง” ร่างสูงเอ็ดก่อนจะหมุนหักพวงมาลัยจอดข้างทาง แต่ไม่ยอมปลดล็อกประตู เพราะหล่อนเขย่าออกแรงอย่างไรก็ไม่ขยับ
บัดนี้ปาริสากลับรู้สึกว่ารถยนต์คันหรูไม่ต่างจากกรงขัง เมื่อหล่อนไม่สามารถบินหนีไปไหนได้ จึงสะบัดหน้าหันไปมอง แววตากล่าวโทษ
“ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม เห็นอยู่สภาพถนนลื่นขนาดไหน ไม่กลัวตายหรือไง” ใครบ้างไม่กลัวตาย...หล่อนตอบเขาแค่เพียงในใจ ทว่าอารมณ์ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงด้วยซ้ำว่าอาจพาตัวเองไปใกล้ดินแดนแห่งลมหายใจเฮือกสุดท้าย
“ก็พี่ปารีสกวนประสาทยั่วโมโหริสาก่อนทำไม”
“น้องริสาเนี่ยเวลาโมโหก็เอาเรื่องน่าดูเหมือนกันแฮะ” เขาบอกหล่อน
“ผิดหวังเหรอคะ”
“ทำไมต้องผิดหวัง” ร่างสูงตอบ “ในเมื่อพี่ไม่เคยตั้งความหวังว่าน้องริสาต้องเป็นแบบไหน ที่สำคัญพี่ไม่เคยคิดจะให้น้องริสา สงบเสงี่ยมเรียบร้อยอยู่แต่ในโอวาทสักหน่อย ”
“อ๋อ...ที่แท้ผู้หญิงแบบนั้นเองเหรอคะ ที่พี่บอกว่าต้องไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา” ปาริสายังคงหน้าง้ำ อะไรหลายๆ อย่างในใจก็เริ่มเปิดเผยออกมา
“อ๋อ ที่แท้อารมณ์เสีย เพราะเก็บคำพูดของพี่มาคิด” ปารีสสรุป คนถามถึงกับคอแข็งเมื่อโดนจี้ถูกจุด
“ปะ...เปล่าสักหน่อย” หล่อนยังคงปากแข็ง
“ถ้าไม่คิดอะไรก็แล้วไป” ปารีสพูด “ถ้ากำลังคิดไร้สาระอยู่ล่ะก็ขอบอกเลยว่าน้องริสาเองที่บอกให้พี่ห้ามเปิดเผยความสัมพันธ์ก่อนถึงเวลา พอคราวนี้พี่ให้ความร่วมมือจะมางอแงใส่พี่ทำไม”
หญิงสาวเม้มปากจ้องตอบไม่ยอมแม้แต่จะกะพริบตา ‘งอแง’ คำนี้ฟังแล้วให้ความรู้สึกราวกับกำลังโดนเขาดุ เมื่อเห็นว่าหล่อนทำตัวเป็นเด็กๆ และดูเหมือนหล่อนจะซ่อนความคิดอ่านจากแววตาไม่ได้
“กำลังหงุดหงิดอีกล่ะสิ” เขาว่า ถอนหายใจ “ยังไม่ทันพ้นระยะข้าวใหม่ปลามัน ก้นหม้อยังไม่ทันดำ ก็จะชวนทะเลาะกันเสียแล้ว”
ท่ามกลางความหงุดหงิดกึ่งเสียหน้าเมื่อโดนจับได้ ว่าตนกำลังคิดหรือรู้สึกอะไร ปาริสาอยากจะหลุดหัวเราะ แต่ต้องกลั้นไว้ เมื่อสำนวนไทยแบบชัดถ้อยชัดคำที่เขาเปรียบเปรยขึ้นมาจากปากชายหนุ่มลูกครึ่งซึ่งกระเดียดไปทางตะวันตกฝ่ายบิดามากกว่าไทยทางฝั่งมารดาเสียอีก เขาคงได้รับการเอาใจใส่ให้ฝึกฝนเรียนรู้ภาษาไทยมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก
“ริสาเปล่าชวนทะเลาะเสียหน่อย”
“แถมยังเป็นผู้หญิงปากแข็งอย่างเหลือเชื่อ” ปารีสรีบเสริม
“พี่ปารีส!”
“ครับ”
“ก็เพราะคำพูดแบบนี้ไง กับท่าทางแบบนี้ พี่จึงเป็นฝ่ายยั่วโมโหริสาก่อน ไม่ใช่ริสาชวนทะเลาะด้วย”
“พูดแบบไหน ท่าทางยังไงกัน” ร่างสูงถาม ปาริสาย่นจมูก ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมองตัวเองไม่ออก ว่าเป็นคนประเภทไหน
“ก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนไม่มีอะไร แต่สีหน้าสายตาท่าทางหยิ่งทะนง แล้วก็ถือตัวอย่างร้ายกาจ กลับทำให้สิ่งที่พูดออกมากระทบคนฟังบาดจิต มากกว่าต่อว่ากันตรงๆ เสียอีก” หญิงสาวหยุดเว้นจังหวะมองสีหน้าแสดงอาการคาดไม่ถึงของคนตัวสูง ปารีสคงไม่คิดว่าหล่อนจะรู้สึกแบบนั้น “พี่คงไปเรียนรู้วิธีพูดแบบนี้มาจากสังคมชั้นสูงล่ะสิ”
ชายหนุ่มปรับสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาให้เห็นเมื่อเจอคำถามต่อเนื่องทิ้งท้าย
“ว่าแต่ที่พี่ทวีปพูดว่า พี่ปารีสไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นพวกสังคมชั้นสูง คืออะไรคะ?”
“พี่ว่าเราเสียเวลามามากพอแล้ว เดินทางกันต่อดีกว่า”
ปารีสรีบเปลี่ยนเรื่องพลางจัดการเคลื่อนรถออกจากตำแหน่งเดิม จุดหมายยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ชายหนุ่มไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ โดยการเลี้ยวรถกลับไปส่งยังที่พักของหญิงสาว ถึงเขาไม่หันไปมองสีหน้าหล่อน ก็รู้ได้อัตโนมัติว่าตอนนี้คงกำลังของขึ้นไม่ใช่น้อย เมื่อโดนชายถือตัวร้ายกาจอย่างเขาเมินไม่สนใจ เหมือนไม่ได้ยินคำถาม แต่การคาดเดาว่าเจ้าหล่อนต้องโวยวายยกใหญ่กลับไม่เป็นอย่างที่ปารีสกำลังตั้งหลักรอรับสถานการณ์เฉพาะหน้า
ร่างสูงเบือนหน้าหันไปมอง เห็นหญิงสาวข้างกายนั่งกอดอกทำปากยื่น ปลายจมูกเล็กได้รูปเชิดสูง สะบัดหน้าหนีมองออกไปแต่ด้านนอกกระจกรถ ปารีสกระแอมในลำคอ ก่อนจะถามอย่างเอาใจ เมื่อเทียบกับการไม่ต้องบอกบางอย่างกับปาริสา การตอบคำถามก่อนนั้นดูเหมือนจะดีกว่า
“ตกลงน้องริสา อยากรู้ไหมครับ ว่าพี่ปารีสกำลังจะเดินทางไปไหน”
“ไม่อยากรู้แล้วค่ะ พี่จะพาไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็ตามสบายเลยค่ะ” คือคำตอบของปาริสา ชายหนุ่มหัวเราะกลั้วในลำคอ เมื่อคิดว่าเขาคงไม่มีทางเลือกเส้นทางที่จะพาหล่อนลงนรกแน่นอน
“มันตลกมากหรือไงคะ”
หญิงสาวหันไปถาม จิตใจเริ่มปรับลงสู่ระดับปกติ เรียกได้ว่าหล่อนเริ่มจะปลงตก เมื่อเขาไม่ตอบคำถาม แสดงว่าสิ่งนั้นคืออะไรบางอย่างที่ปารีสไม่อยากให้แฟนสาวต้องรับรู้ หล่อนจึงได้แต่ทิ้งปริศนาดำมืดค้างไว้ในหัวใจอย่างนั้น ต่อให้เอาเหล็กกล้ามางัดง้างปากพ่อตัวดี ก็ไม่มีทางหลุดออกมาให้ได้ยิน
“เปล่าพี่ไม่ได้หัวเราะเยาะน้องริสาสักหน่อย” ชายหนุ่มรีบอธิบาย “แค่นึกขำความคิดตัวเองเท่านั้น” ถึงจะปลงตกแต่อารมณ์เรียกว่า ‘งอน’ ยังอยู่คู่กับผู้หญิงวันยังค่ำ หล่อนจึงทำเมินไม่อยากสนใจสิ่งที่เขาจะกล่าว
“แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าพี่กำลังคิดอะไร”
“ริสาว่าพี่ตั้งใจขับรถเถอะค่ะ เราเสียเวลามามากพอแล้ว ริสาไม่อยากคุย อยากถาม หรือมองหน้าให้พี่ต้องเสียสมาธิ” ปาริสารวบยอดย้อนรอยเขาก่อนนั้นรวดเดียว “ริสาเองก็ง่วง คราวนี้ของจริง ไม่ได้แกล้งหลับด้วย”
พูดทิ้งไว้เท่านั้นหล่อนก็ขยับตัวหันหลังเอียงคอหลับกับพนักพิงเบาะรถ ร่างสูงโคลงศีรษะ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสาวคนรัก กำลังออกอาการขัดใจเพราะไม่ได้ยินในสิ่งที่เจ้าตัวอยากรู้ เพียงแค่ปารีสมีเหตุผลของตัวเองเท่านั้น จึงคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่หญิงสาวจะรู้เรื่องราวเหล่านั้น
“น้องริสาจะฟังเพลงไหม พี่จะเปิดให้ฟัง” เขาเสนอแบบต้องการชวนคุย เพราะรู้ว่าหล่อนคงยังไม่หลับจริงอย่างว่า และความคิดของเขาก็ได้รับการยืนยันด้วยเสียงที่ลอยออกมาให้ได้ยิน
“ไม่ค่ะ จะฟังอย่างอื่นทำไม ในเมื่อสิ่งที่ริสาอยากฟัง กลับไม่ได้ยิน ต่อไปริสาจะทำตัวเป็นคนหูหนวก ตาบอด” ท้ายประโยคบอกชัดว่าเจ้าหล่อนกำลังประชดประชัน เขาก็เลยทำมึนแกล้งไม่เข้าใจเสียอย่างนั้น เพราะไม่อยากให้บรรยากาศมาคุไปกว่านี้
“อ๋อ น้องริสาอยากฟังเสียงพี่” ปารีสรีบสรุปเข้าข้างตัวเอง “ได้สิครับ เดี๋ยวระหว่างขับรถ น้องริสาหลับให้สบาย พี่ปารีสจะร้องเพลงกล่อมเอง”
ปาริสาลอบถอนหายใจเฮือก เมื่อเห็นว่าสารถีที่ไม่รู้จะพาหล่อนไปสู่จุดหมายไหน กำลังแกล้งหยอกล้อหล่อนเล่นอีกเช่นเดิม แปลกนักความขุ่นมัวค่อยๆ เลือนจางหายเมื่อได้ยินเสียงทุ่มกังวานขับขานท่วงทำนองเพลงสากลจากชายหนุ่มคนรัก ยิ่งความหมายของเนื้อเพลงเริ่มกัดกร่อนกินหัวใจ จนรู้สึกไหวหวั่นและอ่อนยวบลงกะทันหัน และไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมีรสนิยมชื่นชอบเพลงสมัยเก่าสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ยังหนุ่มยังสาว หญิงสาวเริ่มรู้สึกเปลือกตาหนักอึ้ง พร้อมกับซึมซับความอ่อนหวานสู่นิทราด้วยรอยยิ้ม
เธอคือคำตอบของหัวใจที่อ้างว้าง เธอคือนางฟ้าจากเบื้องบน
ฉันเปล่าเปลี่ยวมานานจนได้มาพบเธอ พร้อมกับความหัศจรรย์ ของความรักของเธอ
ฉัน ไม่รู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่มาได้อย่างไร เธอคือชีวิต คือพรหมลิขิตของฉัน
โอ้ที่รัก ฉันรักเธอเหลือเกิน เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน
หากวันใดเธอจากฉันไป ฉันคงเหลือเพียงน้ำตาแห่งความเหงาหงอย
ดวงอาทิตย์เบื้องบนคงจะไม่ฉายแสงอีก และคงจะมีหยดน้ำตาหล่นจากฟากฟ้า
ฉะนั้นโปรดกอดฉันไว้และอย่าปล่อยฉันไป และโปรดบอกว่ารักเราจะอยู่ตลอดไป
โอ้ที่รัก ฉันรักเธอเหลือเกิน เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน
เครดิต song : you mean everything to me โดย neil sedaka
“ริสากลัวอะไรครับ” ปารีสถาม “อย่าบอกนะว่ากลัวพี่”
ร่างบางชะงัก เรียวปากบางเผยอค้างเพราะยังพูดไม่จบหุบลง หล่อนกัดริมฝีปากล่างแน่น พลางคิดว่า ‘นั่นสิ ทำไมหล่อนต้องกลัวเขาด้วย ในเมื่อสถานการณ์มันเลยพ้นขีดอันตราย จะมานั่งทำตัวเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา กลัวชายคนนี้ลักพาตัวไปทำมิดีมิร้าย’ หญิงสาวรีบหันไปบอก
“ริสาเปล่ากลัวสักหน่อย ก็แค่อยากรู้ มันก็แค่คำถามที่ต้องการคำตอบเท่านั้น” ดวงตาคู่หวานมีประกายเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้ “วันนี้ริสามีสิทธิ์ถามด้วยความอยากรู้ถึงผู้ชายคนนั้นได้วันละ 1 คำถาม ขอใช้สิทธิ์ของวันนี้ค่ะ”
“จะถามอะไรครับ”
“ผู้ชายคนนั้นจะพาริสาไปไหน”
“บังเอิญบุรุษไปรษณีย์หัวใจวันนี้ลาพักร้อนพี่เลยถามไม่ได้” เขาจ้องใบหน้างอง้ำของหล่อนไม่กะพริบ “และคนที่กำลังพาริสาไปไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น แต่เป็นผู้ชายคนนี้” ชายหนุ่มชี้มาที่ตัวเอง
เขาหันมายิ้มกริ่ม ทว่าทั้งสีหน้าและคำพูดที่หลุดออกมากลับถูกจุดอย่างจัง...จุดเดือด ของผู้หญิงที่ชื่อปาริสา
“คนขี้โกง!” หญิงสาวเสียงดังอย่างหงุดหงิด “ทำไมต้องเจ้าเล่ห์กับริสาด้วย” หล่อนหันไปคว้าพวงมาลัย “จอดรถเดี๋ยวนี้นะ ริสาจะลง”
“ริสากำลังจะทำอะไรอยากรถพลิกคว่ำตายหรือไง” ร่างสูงเอ็ดก่อนจะหมุนหักพวงมาลัยจอดข้างทาง แต่ไม่ยอมปลดล็อกประตู เพราะหล่อนเขย่าออกแรงอย่างไรก็ไม่ขยับ
บัดนี้ปาริสากลับรู้สึกว่ารถยนต์คันหรูไม่ต่างจากกรงขัง เมื่อหล่อนไม่สามารถบินหนีไปไหนได้ จึงสะบัดหน้าหันไปมอง แววตากล่าวโทษ
“ทำอะไรลงไปรู้ตัวบ้างไหม เห็นอยู่สภาพถนนลื่นขนาดไหน ไม่กลัวตายหรือไง” ใครบ้างไม่กลัวตาย...หล่อนตอบเขาแค่เพียงในใจ ทว่าอารมณ์ตอนนั้นไม่ได้คิดถึงด้วยซ้ำว่าอาจพาตัวเองไปใกล้ดินแดนแห่งลมหายใจเฮือกสุดท้าย
“ก็พี่ปารีสกวนประสาทยั่วโมโหริสาก่อนทำไม”
“น้องริสาเนี่ยเวลาโมโหก็เอาเรื่องน่าดูเหมือนกันแฮะ” เขาบอกหล่อน
“ผิดหวังเหรอคะ”
“ทำไมต้องผิดหวัง” ร่างสูงตอบ “ในเมื่อพี่ไม่เคยตั้งความหวังว่าน้องริสาต้องเป็นแบบไหน ที่สำคัญพี่ไม่เคยคิดจะให้น้องริสา สงบเสงี่ยมเรียบร้อยอยู่แต่ในโอวาทสักหน่อย ”
“อ๋อ...ที่แท้ผู้หญิงแบบนั้นเองเหรอคะ ที่พี่บอกว่าต้องไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา” ปาริสายังคงหน้าง้ำ อะไรหลายๆ อย่างในใจก็เริ่มเปิดเผยออกมา
“อ๋อ ที่แท้อารมณ์เสีย เพราะเก็บคำพูดของพี่มาคิด” ปารีสสรุป คนถามถึงกับคอแข็งเมื่อโดนจี้ถูกจุด
“ปะ...เปล่าสักหน่อย” หล่อนยังคงปากแข็ง
“ถ้าไม่คิดอะไรก็แล้วไป” ปารีสพูด “ถ้ากำลังคิดไร้สาระอยู่ล่ะก็ขอบอกเลยว่าน้องริสาเองที่บอกให้พี่ห้ามเปิดเผยความสัมพันธ์ก่อนถึงเวลา พอคราวนี้พี่ให้ความร่วมมือจะมางอแงใส่พี่ทำไม”
หญิงสาวเม้มปากจ้องตอบไม่ยอมแม้แต่จะกะพริบตา ‘งอแง’ คำนี้ฟังแล้วให้ความรู้สึกราวกับกำลังโดนเขาดุ เมื่อเห็นว่าหล่อนทำตัวเป็นเด็กๆ และดูเหมือนหล่อนจะซ่อนความคิดอ่านจากแววตาไม่ได้
“กำลังหงุดหงิดอีกล่ะสิ” เขาว่า ถอนหายใจ “ยังไม่ทันพ้นระยะข้าวใหม่ปลามัน ก้นหม้อยังไม่ทันดำ ก็จะชวนทะเลาะกันเสียแล้ว”
ท่ามกลางความหงุดหงิดกึ่งเสียหน้าเมื่อโดนจับได้ ว่าตนกำลังคิดหรือรู้สึกอะไร ปาริสาอยากจะหลุดหัวเราะ แต่ต้องกลั้นไว้ เมื่อสำนวนไทยแบบชัดถ้อยชัดคำที่เขาเปรียบเปรยขึ้นมาจากปากชายหนุ่มลูกครึ่งซึ่งกระเดียดไปทางตะวันตกฝ่ายบิดามากกว่าไทยทางฝั่งมารดาเสียอีก เขาคงได้รับการเอาใจใส่ให้ฝึกฝนเรียนรู้ภาษาไทยมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก
“ริสาเปล่าชวนทะเลาะเสียหน่อย”
“แถมยังเป็นผู้หญิงปากแข็งอย่างเหลือเชื่อ” ปารีสรีบเสริม
“พี่ปารีส!”
“ครับ”
“ก็เพราะคำพูดแบบนี้ไง กับท่าทางแบบนี้ พี่จึงเป็นฝ่ายยั่วโมโหริสาก่อน ไม่ใช่ริสาชวนทะเลาะด้วย”
“พูดแบบไหน ท่าทางยังไงกัน” ร่างสูงถาม ปาริสาย่นจมูก ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมองตัวเองไม่ออก ว่าเป็นคนประเภทไหน
“ก็พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เหมือนไม่มีอะไร แต่สีหน้าสายตาท่าทางหยิ่งทะนง แล้วก็ถือตัวอย่างร้ายกาจ กลับทำให้สิ่งที่พูดออกมากระทบคนฟังบาดจิต มากกว่าต่อว่ากันตรงๆ เสียอีก” หญิงสาวหยุดเว้นจังหวะมองสีหน้าแสดงอาการคาดไม่ถึงของคนตัวสูง ปารีสคงไม่คิดว่าหล่อนจะรู้สึกแบบนั้น “พี่คงไปเรียนรู้วิธีพูดแบบนี้มาจากสังคมชั้นสูงล่ะสิ”
ชายหนุ่มปรับสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาให้เห็นเมื่อเจอคำถามต่อเนื่องทิ้งท้าย
“ว่าแต่ที่พี่ทวีปพูดว่า พี่ปารีสไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นพวกสังคมชั้นสูง คืออะไรคะ?”
“พี่ว่าเราเสียเวลามามากพอแล้ว เดินทางกันต่อดีกว่า”
ปารีสรีบเปลี่ยนเรื่องพลางจัดการเคลื่อนรถออกจากตำแหน่งเดิม จุดหมายยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ชายหนุ่มไม่เปลี่ยนใจง่ายๆ โดยการเลี้ยวรถกลับไปส่งยังที่พักของหญิงสาว ถึงเขาไม่หันไปมองสีหน้าหล่อน ก็รู้ได้อัตโนมัติว่าตอนนี้คงกำลังของขึ้นไม่ใช่น้อย เมื่อโดนชายถือตัวร้ายกาจอย่างเขาเมินไม่สนใจ เหมือนไม่ได้ยินคำถาม แต่การคาดเดาว่าเจ้าหล่อนต้องโวยวายยกใหญ่กลับไม่เป็นอย่างที่ปารีสกำลังตั้งหลักรอรับสถานการณ์เฉพาะหน้า
ร่างสูงเบือนหน้าหันไปมอง เห็นหญิงสาวข้างกายนั่งกอดอกทำปากยื่น ปลายจมูกเล็กได้รูปเชิดสูง สะบัดหน้าหนีมองออกไปแต่ด้านนอกกระจกรถ ปารีสกระแอมในลำคอ ก่อนจะถามอย่างเอาใจ เมื่อเทียบกับการไม่ต้องบอกบางอย่างกับปาริสา การตอบคำถามก่อนนั้นดูเหมือนจะดีกว่า
“ตกลงน้องริสา อยากรู้ไหมครับ ว่าพี่ปารีสกำลังจะเดินทางไปไหน”
“ไม่อยากรู้แล้วค่ะ พี่จะพาไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกก็ตามสบายเลยค่ะ” คือคำตอบของปาริสา ชายหนุ่มหัวเราะกลั้วในลำคอ เมื่อคิดว่าเขาคงไม่มีทางเลือกเส้นทางที่จะพาหล่อนลงนรกแน่นอน
“มันตลกมากหรือไงคะ”
หญิงสาวหันไปถาม จิตใจเริ่มปรับลงสู่ระดับปกติ เรียกได้ว่าหล่อนเริ่มจะปลงตก เมื่อเขาไม่ตอบคำถาม แสดงว่าสิ่งนั้นคืออะไรบางอย่างที่ปารีสไม่อยากให้แฟนสาวต้องรับรู้ หล่อนจึงได้แต่ทิ้งปริศนาดำมืดค้างไว้ในหัวใจอย่างนั้น ต่อให้เอาเหล็กกล้ามางัดง้างปากพ่อตัวดี ก็ไม่มีทางหลุดออกมาให้ได้ยิน
“เปล่าพี่ไม่ได้หัวเราะเยาะน้องริสาสักหน่อย” ชายหนุ่มรีบอธิบาย “แค่นึกขำความคิดตัวเองเท่านั้น” ถึงจะปลงตกแต่อารมณ์เรียกว่า ‘งอน’ ยังอยู่คู่กับผู้หญิงวันยังค่ำ หล่อนจึงทำเมินไม่อยากสนใจสิ่งที่เขาจะกล่าว
“แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าพี่กำลังคิดอะไร”
“ริสาว่าพี่ตั้งใจขับรถเถอะค่ะ เราเสียเวลามามากพอแล้ว ริสาไม่อยากคุย อยากถาม หรือมองหน้าให้พี่ต้องเสียสมาธิ” ปาริสารวบยอดย้อนรอยเขาก่อนนั้นรวดเดียว “ริสาเองก็ง่วง คราวนี้ของจริง ไม่ได้แกล้งหลับด้วย”
พูดทิ้งไว้เท่านั้นหล่อนก็ขยับตัวหันหลังเอียงคอหลับกับพนักพิงเบาะรถ ร่างสูงโคลงศีรษะ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสาวคนรัก กำลังออกอาการขัดใจเพราะไม่ได้ยินในสิ่งที่เจ้าตัวอยากรู้ เพียงแค่ปารีสมีเหตุผลของตัวเองเท่านั้น จึงคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่หญิงสาวจะรู้เรื่องราวเหล่านั้น
“น้องริสาจะฟังเพลงไหม พี่จะเปิดให้ฟัง” เขาเสนอแบบต้องการชวนคุย เพราะรู้ว่าหล่อนคงยังไม่หลับจริงอย่างว่า และความคิดของเขาก็ได้รับการยืนยันด้วยเสียงที่ลอยออกมาให้ได้ยิน
“ไม่ค่ะ จะฟังอย่างอื่นทำไม ในเมื่อสิ่งที่ริสาอยากฟัง กลับไม่ได้ยิน ต่อไปริสาจะทำตัวเป็นคนหูหนวก ตาบอด” ท้ายประโยคบอกชัดว่าเจ้าหล่อนกำลังประชดประชัน เขาก็เลยทำมึนแกล้งไม่เข้าใจเสียอย่างนั้น เพราะไม่อยากให้บรรยากาศมาคุไปกว่านี้
“อ๋อ น้องริสาอยากฟังเสียงพี่” ปารีสรีบสรุปเข้าข้างตัวเอง “ได้สิครับ เดี๋ยวระหว่างขับรถ น้องริสาหลับให้สบาย พี่ปารีสจะร้องเพลงกล่อมเอง”
ปาริสาลอบถอนหายใจเฮือก เมื่อเห็นว่าสารถีที่ไม่รู้จะพาหล่อนไปสู่จุดหมายไหน กำลังแกล้งหยอกล้อหล่อนเล่นอีกเช่นเดิม แปลกนักความขุ่นมัวค่อยๆ เลือนจางหายเมื่อได้ยินเสียงทุ่มกังวานขับขานท่วงทำนองเพลงสากลจากชายหนุ่มคนรัก ยิ่งความหมายของเนื้อเพลงเริ่มกัดกร่อนกินหัวใจ จนรู้สึกไหวหวั่นและอ่อนยวบลงกะทันหัน และไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะมีรสนิยมชื่นชอบเพลงสมัยเก่าสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ยังหนุ่มยังสาว หญิงสาวเริ่มรู้สึกเปลือกตาหนักอึ้ง พร้อมกับซึมซับความอ่อนหวานสู่นิทราด้วยรอยยิ้ม
เธอคือคำตอบของหัวใจที่อ้างว้าง เธอคือนางฟ้าจากเบื้องบน
ฉันเปล่าเปลี่ยวมานานจนได้มาพบเธอ พร้อมกับความหัศจรรย์ ของความรักของเธอ
ฉัน ไม่รู้ว่าตัวเองมีชีวิตอยู่มาได้อย่างไร เธอคือชีวิต คือพรหมลิขิตของฉัน
โอ้ที่รัก ฉันรักเธอเหลือเกิน เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างของฉัน
หากวันใดเธอจากฉันไป ฉันคงเหลือเพียงน้ำตาแห่งความเหงาหงอย
ดวงอาทิตย์เบื้องบนคงจะไม่ฉายแสงอีก และคงจะมีหยดน้ำตาหล่นจากฟากฟ้า
ฉะนั้นโปรดกอดฉันไว้และอย่าปล่อยฉันไป และโปรดบอกว่ารักเราจะอยู่ตลอดไป
โอ้ที่รัก ฉันรักเธอเหลือเกิน เธอคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน
เครดิต song : you mean everything to me โดย neil sedaka

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ย. 2555, 11:59:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ย. 2555, 12:06:10 น.
จำนวนการเข้าชม : 1819
<< ตอนที่ 13 สิ่งที่ค้างคาใจและข้อสงสัย | กรงรักมายาหัวใจ 15-18 ลงยาวรวดเดียวเนื้อหา 4 ตอนจ้ะ ^^ >> |

มุกมาดา 17 ก.ย. 2555, 12:11:52 น.
คุณ pat : ค่ะ พระเอกบุคลิกเป็นอย่างนี้ ด้วยอะไรหลายอย่างๆ โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปค่ะ เบื้องหลังว่าพระเอกเป็นใคร มาจากไหน แบ็คกราว พื้นเพ ทางสังคมเป็นเช่นไร จะค่อยๆ เปิดเผย
คุณ pat : ค่ะ พระเอกบุคลิกเป็นอย่างนี้ ด้วยอะไรหลายอย่างๆ โปรดติดตามอ่านตอนต่อไปค่ะ เบื้องหลังว่าพระเอกเป็นใคร มาจากไหน แบ็คกราว พื้นเพ ทางสังคมเป็นเช่นไร จะค่อยๆ เปิดเผย