หัวใจหลงเงา(จบแล้วค่ะ)
เมื่อสาวน้อยสุดเชยราวกับหลงมาจากยุคโบราณพบจุดเปลี่ยนจนต้องลุกขึ้นมาปรับภาพลักษณ์ใหม่หมด จากยายสุดเฉิ่มเป็นสาวน้อยสวยใสสไตล์วินเทจ

เพียงเธอเริ่มเปลี่ยนลุคใหม่ก็ไปเข้าตานักร้องหนุ่มวงบอยแบนด์แสนเจ้าชู้ ที่ตามจีบเป็นว่าเล่น เรื่องคงไม่ชุลมุนขนาดนี้เพราะแต่ละคนที่มาจีบล้วนมีเบื้องหลังไม่น่าไว้วางใจจนพี่ชายต่างสายเลือดชื่อ 'ต้นสัก' ที่แอบรักเธอมานานต้องคอยตามดูแล กันท่าสารพัด จนเธอรอดเงื้อมมือนักร้องมาได้

แต่เธอหลงรักพี่ชายคนนี้ เข้าอย่างจัง ทั้งที่ความจริงในตอนหลังเปิดเผยว่าเขาเป็นลูกพ่อเดียวกันกับเธอ!

แล้วบัวบูชาต้องทำเช่นไร ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนสุดแสนหักมุมเช่นนี้

Tags: อดีตสาวน้อยสุดเชยกับวงบอยแบนด์และพี่ชายสุดที่รัก

ตอน: ตอนที่ 1

สวัสดีค่ะ นักอ่านที่รักทุกท่าน

"ดาริยา" กลับมาพร้อมนิยายเรื่องใหม่ ที่ขอฝากไว้ให้เพื่อนนักอ่านได้อ่านกันนะคะ เป็นแนวรักโรแมนติกค่ะ ซึ่งนิยายเรื่องนี้ "ดาริยา" ใช้นำลงแข่งในโครงการ Street Writers : เกมกลคนบ้าเขียน ซึ่งเป็นโครงการเล็กๆ ช่วยกระตุ้นนักเขียนในกลุ่มทั้ง 11 คนให้เขียนงานส่งตามวันที่กำหนด ถ้าพลาดก็ถูกปรับกันไป (สามารถติดตามการแข่งขันที่ยังไม่เสร็จสิ้นได้ในเฟซบุ๊ค Street Writers : เกมกลคนบ้าเขียน) ... ขออนุญาตให้เครดิตโครงการไว้ตรงนี้นิดนะคะ

แต่ "ดาริยา" ผูกพันกับเว็บสิรินดานี้มาก จนต้องขอนำมาลงที่นี่อีกที่หนึ่ง ไล่หลังไปเรื่อยๆ

หวังว่านิยายรักเรื่องนี้จะสร้างความสุขในหัวใจให้นักอ่านบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ

จาก "ดาริยา"



_________________________________________________________


หัวใจหลงเงา



บทที่ 1


แสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านกระจกใสหน้าร้านเข้ามากระทบร่างบอบบางซึ่งยืนคุยจ้ออยู่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงิน ทำเอาต้นสักถึงกับตะลึง สิ่งที่สะดุดตาเขาจนแทบไม่อาจละสายตาได้คือผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มของสาวน้อยสะท้อนกับเปลวแดดเป็นประกายงดงาม ทันทีที่หญิงสาวคนนั้นหันมาสบตา ชายหนุ่มก็หลบวูบ สาวเท้าออกไปทางประตูด้านหลังร้าน ก้มหน้าก้มตาเดินดุ่มๆ ไม่เหลียวกลับไปมองอีกเลย

“บัวเห็นแว้บๆ ใช่พี่ต้นหรือเปล่าคะน้าเตือน”

บัวบูชาชี้นิ้วไปทางประตูหลังร้าน เธอไม่ได้ตาฝาดแน่ แผ่นหลังกว้างนั้นเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากต้นสัก ชายที่เธอพยายามจะขอพบ พูดคุยด้วย แต่เขากลับหนีหน้า อ้างโน่นอ้างนี่จนไม่ได้เจอกันเสียที

นางเตือนใจเห็นใบหน้าซีดๆ และแววตาเศร้าของหญิงสาวแล้วต้องรีบปลอบ

“หนูบัวอย่าไปถือสาพี่ต้นเลยนะ ตอนนี้เขากำลังวุ่นๆ เพิ่งเรียนจบ ทำงานใหม่ๆ มีเรื่องต้องคิดเยอะแยะ พี่ต้นต้องออกไปทำงานแต่เช้า กลับเอาจวนค่ำโน่น วันเสาร์แบบนี้ก็ไม่เว้น เลยไม่ได้มีโอกาสเจอกันสักทีเนอะ”

ผู้เป็นแม่แก้ตัวให้ลูกชายพร้อมรอยยิ้มเจื่อนๆ ทำไมบัวบูชาจะไม่รู้ ต้นสักไม่อยากเจอเธอนักหรอก ไม่น่าเชื่อว่าช่วงเวลาสี่ปีที่เคยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันสมัยยังเด็กจะไม่ทำให้เขาเกิดความผูกพันกับน้องสาวต่างสายเลือดคนนี้เลย ในขณะที่เธอกลับรักและผูกพันกับ ‘พี่ต้น’ ใฝ่ฝันที่จะได้เจอกันอีก แต่พอมาอยู่ใกล้แค่เอื้อม เขากลับทำเหมือนคนไม่รู้จัก ไม่อยากทักทายเสียอย่างนั้น

“บัวชักน้อยใจแล้วค่ะน้าเตือน พี่ต้นรังเกียจอะไรบัวนักหนา ดูสิ ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งนาน จนเปิดร้านขายของนี่ให้น้าเตือนได้ตั้งเดือนกว่า บัวมาส่งไข่ทุกวันเสาร์ก็ไม่เคยเจอเลย ไม่อยากเชื่อว่าคนอะไรจะยุ่งขนาดนี้”

สาวน้อยทำหน้าง้ำ ริมฝีปากบางเชิดขึ้น สายตายังไม่ละไปจากแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เธอกำลังต่อว่าอยู่

“อย่าคิดมากเลยจ้ะ หนูบัว พี่ต้นก็เป็นคนแบบนี้แหละ หนูบัวไม่ได้เจอเขามาตั้งสิบกว่าปี คงยังไม่รู้ว่าลูกชายน้าเอาการเอางานขึ้นเยอะนะ เป็นคนจริงจังกับทุกเรื่อง นี่ที่เพิ่งจบจากมหาวิทยาลัยมาก็ด้วยเกียรตินิยมเชียวน้า” เจ้าของร้านมินิมาร์ตบอกด้วยน้ำเสียงภูมิใจ

“เรียนเก่งแล้วต้องหยิ่งด้วยเหรอคะ น้าเตือน” หญิงสาวยังไม่เลิกค่อนขอด ยกมือเรียวขึ้นปัดผมที่ตกลงมาปรกข้างแก้มขึ้นไปทัดใบหู

“เดี๋ยวนี้พี่ต้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะให้มาวิ่งเล่นไล่จับกัน หรือนั่งเล่นหม้อข้าวหม้อแกงด้วยอย่างสมัยก่อนได้ยังไง เอาเถอะนะ แล้วน้าจะบอกพี่เค้าให้ ว่าหนูบัวอยากเจอ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ น้าเตือน บัวเปลี่ยนใจแล้ว คอยดูสิ! ในเมื่อไม่อยากเจอนะ ก็ไม่ต้องมาเจอกันอีกเลย คนใจร้าย” บัวบูชาส่งค้อนไปยังทิศทางที่แผ่นหลังกว้างเพิ่งลับสายตาไป

“โอ๋ๆ ไม่เอาน่า โกรธแล้วไม่สวยนะ ว่าแต่นี่วันไหนประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยจ๊ะเนี่ย”

นางเตือนใจชวนคุยนอกเรื่องเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหญิงสาว ซึ่งดูจะได้ผล รอยยิ้มจางๆ ปรากฏบนใบหน้า บัวบูชารวบกระโปรงยาวกรอมเท้าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เคาน์เตอร์คิดเงิน บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“อีกอาทิตย์เดียวค่ะ น้าเตือนต้องช่วยลุ้นด้วยนะคะ บัวตื่นเต้นจะแย่แล้ว”

เมื่อหลุดพ้นจากอารมณ์หงุดหงิด บัวบูชาก็เพิ่งสังเกตว่าผ้าถุงพื้นเมืองผ้าฝ้ายสีเปลือกไม้ของนางเตือนใจช่างเข้ากันดีกับร้านค้าที่ตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติ สร้างบรรยากาศภายในอันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายชนบททางเหนือทั้งที่ตั้งอยู่กลางเมืองกรุง

“ต้องเข้าได้แน่ๆ หนูบัวอยากได้คณะอะไรมากที่สุดจ๊ะ” คนชวนคุยใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กในมือเช็ดบนเคาน์เตอร์แล้วจัดของจุกจิกที่วางอยู่ให้เข้าที่เข้าทาง

“ที่ลุ้นอยู่ก็คณะดุริยางคศาสตร์ ศิลปากรค่ะ บัวเลือกสาขาการแสดงดนตรี บัวชอบเรื่องดนตรีมาแต่ไหนแต่ไร น้าเตือนคงรู้ดี” ดวงตาคมหวานมีแววฝัน

“ได้อยู่แล้วล่ะ หนูบัวเก่งออก เรียนเปียโน เรียนร้องเพลงมาตั้งแต่เล็ก น้าจำได้ว่าจ้างครูมาสอนที่บ้าน ทั้งเล่นดนตรีสารพัดชนิด แล้วยังฝึกร้องเพลงอีก ครูเดินสวนสนามเข้าออกบ้านกันเป็นว่าเล่น หนูบัวพื้นฐานดีขนาดนี้ ต้องเข้าได้สิคะ”

“คุณพ่อกับคุณแม่ก็ให้กำลังใจอย่างนี้แหละค่ะ แต่บัวยังกลัวๆ อยู่”

พอพูดถึง ‘คุณพ่อกับคุณแม่’ ดูเหมือนนางเตือนใจจะมีสีหน้าเศร้าลง แต่พักเดียวก็จางหายไป บัวบูชาเข้าใจได้ไม่ยากหรอก ถึงเธอจะเพิ่งอายุสิบแปด แต่ก็เดาได้ว่าความรักคงทำให้นางเจ็บปวดมาก เพราะไม่ได้ครองคู่กับคนที่ตนรัก ไม่มีสิทธิ์แม้จะอยู่ร่วมชายคา ไม่ว่าในฐานะใดก็ตาม

หญิงสาวเอื้อมมือไปกุมมือนางไว้ ดวงตาคมจ้องตาอีกฝ่ายแทบไม่กะพริบ

“ถึงบัวจะยังเด็ก แต่ก็รู้ค่ะ ว่าน้าเตือนคงเจ็บปวดไม่น้อย จริงๆ คุณพ่อก็ถามถึงน้าเตือนบ่อยๆ นะคะ ถึงท่านจะไม่ได้มาที่นี่เลยก็เถอะ”

บัวบูชาเคยนึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเธอไม่เคยหวงพ่อกับนางเตือนใจคนนี้สักนิด น่าจะเป็นเพราะหญิงสูงวัยตรงหน้ามีความเจียมเนื้อเจียมตัวมาแต่ไหนแต่ไร แทบไม่อยากใช้คำว่า ‘เมียน้อย’ ที่คุณย่าดวงทิพย์ชอบใช้กับนางเลยด้วยซ้ำ

...ตั้งแต่สมัยที่นางเตือนใจจูงมือลูกชายเข้ามาอยู่ใน ‘บ้านอัครบดีศักดิ์’ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว สิ่งแรกที่บัวบูชาจำได้คือรอยยิ้มเอ็นดูจากนาง แล้วต่อจากนั้นผู้หญิงใจดีคนนี้ก็กลายเป็นคนสอนเธอประดิษฐ์ดอกไม้ ทำโน่นทำนี่ สร้างความสนุกสนานตื่นเต้นให้ชีวิตแสนราบเรียบของเธอขึ้นมาได้มากมาย เมื่อเป็นอย่างนี้บัวบูชาจึงกล้าพูดได้เต็มปากว่าเธอรักเมียน้อยของพ่อ ไม่เคยนึกรังเกียจเลย

“ดีแล้วล่ะค่ะ ที่คุณดำเกิงท่านไม่มา น้าไม่อยากให้ท่านต้องมาวุ่นวายด้วย ที่ช่วยจัดการเรื่องร้านค้านี่ให้ น้าว่ามันก็มากเกินไปแล้ว เกรงใจท่านกับคุณหญิงนลินนาถ”

นางเตือนใจเอ่ยถึงคุณดำเกิงและภรรยาหลวงของเขาด้วยน้ำเสียงเคารพ ยำเกรง ต้องยอมรับว่าร้านค้าเล็กๆ น่ารัก ทาสีขาวทั้งหลังนี้เป็นสิ่งที่นางใฝ่ฝันอยากทำ และทั้งสองท่านก็กรุณามอบให้ ท่านบังคับให้รับไว้ ถือเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่จะมอบให้นางในฐานะที่เคยเป็นภรรยาคนหนึ่ง ร้านค้าด้านข้างของคอนโดฯ หรูถูกปรับปรุงให้ดูอบอุ่นน่ารัก มองแล้วเหมือนบ้านสองชั้นหลังเล็กๆ มากกว่าจะเป็นร้านขายของกินของใช้ปกติทั่วไป

“อย่าคิดมากเลยค่ะ น้าเตือน คุณแม่เองนั่นแหละ ที่ออกหัวคิดจะให้ช่วยทำร้านมินิมาร์ตข้างคอนโดฯ นี่ให้น้าเตือน ท่านใจดีจะตายไป ไม่เคยโกรธเกลียดน้าเตือนเลยนะคะ น้าเตือนก็รู้ ดีเสียอีก ท่านจะได้มีที่ระบายของ คุณแม่ชอบเลี้ยงไก่เอง ปลูกผักปลอดสารพิษเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทีนี้ล่ะ จะมีที่วางจำหน่ายของแล้ว เริ่มจากขายไข่ไก่ เดี๋ยวก็ลามไปที่ผักแหละค่ะ บัวเดาได้เลย”

หญิงสาวส่งเสียงคุยแจ้วๆ เสื้อคอบัวสีครีมกับกระโปรงยาวกรอมเท้าลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มนั้นทำให้เธอไม่เหมือนวัยรุ่นคนใด จะว่าเชยก็ไม่ถึงกับเชย แค่ดูย้อนยุค แตกต่างจากเด็กสาวคนอื่นเท่านั้น

“ฝากกราบขอบพระคุณทั้งสองท่านด้วยนะคะหนูบัว ฝากเรียนคุณหญิงว่าจะเอาสินค้าอะไรมาวางก็เชิญ น้าตั้งใจเน้นให้เป็นร้านเพื่อสุขภาพอยู่แล้ว สินค้าแต่ละชนิดก็พยายามคัดสรรอย่างดี ตอนนี้เท่าที่ดู กลายเป็นว่าลูกค้าของร้านจะออกแนวรักสุขภาพกันมาก นี่เจ้าต้นเขาก็ช่วยคิดโน่นคิดนี่ ออกแบบตกแต่งภายในร้านเองทั้งหมดเลยนะ”

หญิงสูงวัยกวาดสายตาไปทั่วร้านที่ชื่อเดียวกับชื่อของนาง การตกแต่งภายในที่เน้นวัสดุทำจากไม้ สีเอิร์ทโทนทั้งร้านทำให้มองแล้วสบายตา สบายใจเหมือนได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น

“พี่ต้นเก่งจัง”

บัวบูชารำพึงออกไปได้แค่นั้น เธอยังนึกภาพเขาไม่ออกนัก เห็นหน้าต้นสักครั้งสุดท้ายในวันที่เขากับนางเตือนใจถูกคุณย่าดวงทิพย์ของเธอขอร้องให้ขนข้าวของออกไปจากบ้าน ตอนนั้นบัวบูชาอายุแค่เจ็ดขวบ ส่วนต้นสักน่าจะสักสิบเอ็ดขวบ เขาต้องเปลี่ยนไปมากแน่ๆ แค่เห็นแผ่นหลังกว้างๆ เมื่อครู่ก็รู้แล้วว่าเขาเปลี่ยน...อาจจะมากกว่าที่คิดเป็นร้อยๆ เท่าก็ได้

ที่สำคัญ เขาคงไม่สนใจน้องสาวคนนี้ หรือบางทีอาจจะลืมเธอไปแล้วด้วยซ้ำ

_____________________________________________________________


คฤหาสน์อัครบดีศักดิ์อันโอ่โถงแสนสง่างามนี้ บัวบูชาเห็นมาจนชินตาชินใจทำให้ไม่เกิดความรู้สึก ‘ราวกับวัง’ อย่างที่เพื่อนๆ ชอบเปรียบเปรยเมื่อมาทำรายงานกันที่นี่
จะว่าไปบัวบูชาคุ้นเคยกับทุกสิ่งในชีวิตเธอที่คนทั่วไปพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันช่างสุดโต่ง แต่หญิงสาวอยู่และชินกับมันเสียแล้ว คนรอบตัวชอบเปรียบเธอกับ ‘นกน้อยในกรงทอง’ แต่เธอก็ไม่อาจแข็งขืน ลุกขึ้นมาต่อต้านได้เลย เป็นเพราะเข้าใจความรู้สึกของคุณพ่อกับคุณหญิงแม่ดี ท่านมีลูกเมื่ออายุเยอะมาก เป็นธรรมดาที่ท่านต้องห่วงใย ประคบประหงมเป็นพิเศษ และบัวบูชาก็เคยชิน แถมยังมีความสุขดี

มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่รู้สึกอยู่เสมอก็คือความเหงาซึ่งดูจะทวีคูณขึ้นทุกที ทั้งๆ ที่รอบตัวมีทุกอย่างพร้อมสรรพ แต่เธอขาดเพื่อน บัวบูชาถูกจำกัดเรื่องการคบเพื่อน คบคนรอบข้าง ความเป็นอยู่ของเธอเหมือนย้อนไปในอดีต ไม่อยากบอกเลยว่าบางครั้งเธอถึงขั้นเผลอคิดว่าตัวเองหลงมาจากยุคอื่น...ยุคที่คุณพ่อ คุณแม่ยังสาวอยู่ ทั้งสองท่านยังคงเลี้ยงและปลูกฝังเธออย่างนั้น

“ต๊าย! คุณหนูบัว ทำไมกลับซะเกือบเที่ยงแบบนี้ นมเป็ดเป็นห่วงนะคะเนี่ย มือถือก็ลืมเปิดอีกละซี”

นมเป็ดตะโกนทักดังลั่นเมื่อบัวบูชาลงจากรถตรงเฉลียงหน้าบ้าน นางวิ่งออกมาจับแขนเรียวเขย่า มองสำรวจตั้งแต่หัวจดเท้าเพื่อให้มั่นใจว่าเธอปลอดภัยดี

นมเป็ดดูจะเป็น ‘คนสนิท’ ที่สุดของเธอ แม้อายุจะต่างกันตั้งสามสิบกว่าปีแต่สาวใหญ่ก็เป็นคนเดียวที่อยู่กับบัวบูชาตลอดเวลา คอยดูแลเธอมาตั้งแต่เพิ่งแรกเกิด อยู่มานานจนเกิดตำนานน่าขัน ที่เล่าต่อกันมา เกี่ยวกับเรื่องชื่อของนมเป็ด ซึ่งมีที่มาจากบัวบูชานี่เอง สมัยยังสาวแม่นมของเธอชื่อไพเราะเพราะพริ้งว่า ‘เพชร’ คุณหญิงแม่พยายามสอนให้เธอเรียกแม่นมคนนี้ว่า ‘นมเพชร’ แต่เด็กน้อยเพิ่งหัดพูดก็ถนัดเรียกจนติดปากว่า ‘นมเป็ด’ ตั้งแต่นั้น นางก็กลายเป็นนมเป็ดของบัวบูชาไปโดยปริยาย
หญิงสาวโผเข้าไปโอบกอดร่างอวบๆ ของแม่นมไว้ ก่อนจะบ่นออดๆ

“ก็รถมันติดนี่คะนมเป็ด ลุงหวินแกก็ไม่กล้าขับเร็วด้วย เลยยิ่งช้าไปใหญ่”

“รู้ว่าแถวนั้นรถติดแล้วทำไมไม่รีบไปรีบกลับ ไปส่งไข่นานเป็นชาติแบบนี้ นมจะบอกคุณหญิงท่าน ไม่ให้คุณหนูบัวเป็นคนส่งไข่แล้วนะคะ ให้บ่าวไพร่ไปทำก็ได้ มีอยู่เต็มบ้าน แล้วอีกอย่างคุณหนูบัวก็รู้ว่านมไม่อยากให้ไปสุงสิงกับยายเตือนใจอะไรนั่นนักหรอกนะ รู้ๆ อยู่ว่าเป็นเมียน้อยคุณพ่อ แต่ทำมั้ย ทำไมท่านจะต้องไปเมตตาปรานีขนาดทำร้านให้ขายของ แถมยังเอาไข่ไก่ไปวางขายที่นั่นอีก นมละไม่เข้าใจคุณหญิงท่านเลยนะคะ เป็นเมียหลวงประสาอะไร ใจดีขนาดนี้” นมเป็ดบ่นยืดยาวขณะจูงมือบัวบูชามานั่งลงบนเก้าอี้ในห้องอาหาร รินนมสดจากตู้เย็นมาวางตรงหน้า

“แหม! นมเป็ดทำเป็นลืมนะ ว่าน้าเตือนน่ะ น่ารักขนาดไหน ตอนที่พาลูกชายเข้ามาอยู่ในบ้านก็เจียมเนื้อเจียมตัวสุดๆ ช่วยทำงานในบ้านสารพัด ขนาดตอนนั้นบัวยังเด็กก็ยังจำความรู้สึกได้เลยว่าน้าเตือนงี้หงอเชียว ยอมทุกคนในบ้าน ยอมกระทั่งให้คนใช้โขกสับกันเป็นว่าเล่น”

“ไม่รวมนมเป็ดนะคะ นมไม่เคยโขกสับใคร แค่หมั่นไส้อยู่ห่างๆ แล้วก็ยังหมั่นไส้มาถึงทุกวันนี้ด้วย ขอให้รู้ไว้ เพราะฉะนั้นนมถึงไม่ไปส่งไข่ด้วยสักครั้งเดียวไง”

จะว่าไป การที่ได้ไปส่งไข่คนเดียวก็ทำให้บัวบูชาโล่งใจไปได้ไม่น้อย ที่มีช่วงไม่ต้องอยู่ในสายตาของนมเป็ด ช่วยให้เธอมีเวลาเป็นตัวของตัวเองบ้าง การไปส่งไข่ตอนเช้าวันเสาร์จึงเป็นกิจกรรมที่หญิงสาวชอบและปลอดโปร่งหัวใจเป็นที่สุด เถลไถลนั่งคุยกับนางเตือนใจได้ทุกครั้ง แต่ไม่ว่าจะถ่วงเวลานั่งนานเท่าไรก็ไม่เคยได้พบได้คุยกับพี่ชายต่างสายเลือดเสียที มันน่าเจ็บใจนัก ไม่รู้จะเล่นตัวไปถึงไหน

“นี่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่เหรอคะ” คนถามกวาดสายตาไปทั่วบ้านแสนโอ่โถงอันเงียบสงบ

“ออกไปทำธุระข้างนอกค่ะ ท่านสั่งไว้ว่าบ่ายๆ คุณภูวดลจะมาหาคุณหนูบัวนะคะ ให้แต่งตัวสวยๆ ไว้รอด้วย เห็นว่าวันนี้เขาจะพาไปดูโรงงานทำแผ่นเสียงเก่าของบรรพบุรุษ แล้วพรุ่งนี้ค่อยพาไปขี่ม้า”

“โรงงานทำแผ่นเสียง! โอย...บัวอยากไปมากเลย อยากไปเห็นว่าเค้าทำกันยังไง”

ดวงตาของคนพูดมีแววฝัน สองมือประกบกันไว้ตรงกลางอก

“ที่จริงนมเป็ดว่าไม่เห็นมันน่าสนใจตรงไหนเลยนะคะคุณหนูบัว แถมไอ้โรงงานนั่นก็ปิดตัวไปแล้วด้วย มีแต่เครื่องไม้เครื่องมือตั้งวางให้ชม ไม่ได้เดินเครื่องอยู่สักหน่อย”

นมเป็ดออกความเห็น

“ไม่รู้ล่ะ บัวอยากไปเห็นนี่นา ดีจัง พี่ภูอุตส่าห์ตามใจบัว จะได้เห็นซะทีว่าแผ่นเสียงที่มีอยู่เต็มห้องทำงานคุณพ่อ มีที่มายังไง”

บัวบูชากำลังนึกถึงแผ่นเสียงเก่านับร้อยแผ่นที่วางเรียงกันในตู้ รวมทั้งเครื่องเล่นแผ่นเสียงสมัยโบราณที่คุณดำเกิงผู้เป็นบิดาดูแลอย่างดี ยังใช้งานได้ราวกับของใหม่ เธอหลงใหลการฟังเพลงจากแผ่นเสียง แอบเข้าไปนั่งฟังเพลงในห้องนั้นเป็นประจำ ดูเหมือนรสนิยมการฟังเพลงจากแผ่นเสียงไวนิลนี้เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ของเธอกับคุณพ่อที่อายุต่างกันมากเข้าด้วยกันได้อย่างดี

“นมไม่คัดค้านหรอกนะคะ ที่จะให้คุณหนูบัวไปดูโรงงานเก่าอะไรนั่นน่ะ แต่ที่ไม่ชอบใจคือท่านสั่งให้นมคอยอยู่ที่บ้าน ไม่ยอมให้ตามไปด้วยน่ะสิ นมเป็นห่วงจัง หนุ่มสาวไปด้วยกันสองต่อสอง มันจะไม่งาม” ท่าทางตัดพ้อ ออดๆ เหมือนเด็กขอตามผู้ใหญ่ไปเที่ยวทำเอาบัวบูชานึกเอ็นดูปนขบขันจนต้องกอดร่างอวบไว้ พร้อมส่งเสียงหัวเราะสดใส

“นมเป็ดคะ บัวโตแล้วนะคะ ไม่ใช่เด็กๆ” หญิงสาวเตือนสติแม่นมด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่ใบหน้ายังคงแย้มยิ้มเมื่อนึกถึงโรงงานทำแผ่นเสียงที่เธอใฝ่ฝันอยากไปเห็นมานานแล้ว

“ก็เพราะไม่ใช่เด็กๆ เนี่ยแหละ นมถึงได้เป็นห่วง คุณหนูบัวของนมเป็นสาวแล้ว แถมสวยมากอีกต่างหาก” มืออวบลูบลงบนศีรษะของบัวบูชาอย่างเอ็นดู

“ไปกันใหญ่แล้ว สวยเสยอะไร ถ้าสวยจริงบัวคงมีแฟนเหมือนเพื่อนๆ ไปหมดแล้วล่ะ”

“ต๊าย! นี่เพื่อนๆ คุณหนูบัวมีแฟนกันแล้วเหรอ เพิ่งจบมอปลายเอง เด็กสมัยนี้ช่างไวไฟเสียจริง” คนพูดทำตาโต โบกไม้โบกมือพัลวัน

บัวบูชาหัวเราะในความหัวโบราณของแม่นม หญิงสาวกอดแขนอวบๆ ไว้แน่น โยกร่างท้วมไปมาด้วยความเอ็นดู

“นมเป็ดนี่ไม่ทันสมัยเล้ย บัวว่าบัวเชยแล้วนะ นมเป็ดยิ่งเชยกว่า วัยรุ่นสมัยนี้เค้ามีแฟนกันไวออก แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ บัวยังไม่คิดจะมีหรอก”

ถึงคิดจะมี บัวบูชาก็รู้ตัวว่าไม่มีทางเป็นไปได้ วันๆ หนึ่งเธอเจอมนุษย์เพศชายแทบนับคนได้ แถมยังเรียนในโรงเรียนคาทอลิกหญิงล้วนอีก เรียนเสร็จก็ตรงกลับบ้านทันที ทุกวันในชีวิตซ้ำๆ อยู่อย่างนั้น ไม่ได้เจอะเจอชายวัยใกล้เคียงกันบ้างเลย จะไปมีแฟนได้อย่างไร

จะว่าไปก็น่าแปลกไม่น้อย ที่ระยะหลังนี้คุณพ่อกับคุณหญิงแม่เริ่มอนุญาตให้เธอมีโอกาสใกล้ชิดกับภูวดลมากขึ้น คงเป็นเพราะท่านไว้ใจที่ชายหนุ่มเป็นลูกของเพื่อนรัก อายุก็เยอะกว่าบัวบูชาตั้งเกือบสิบปี คงไม่ทำอะไรชั่วร้ายแน่

“ไม่คิดจะมีแฟนน่ะ ดีแล้วล่ะคุณหนูบัว รอให้คุณพ่อกับคุณหญิงแม่หาให้ดีกว่า ปลอดภัยดีนะคะ ใครๆ ก็รู้ว่าครอบครัวคุณหนูบัวเป็นตระกูลเก่า ร่ำรวยมหาศาลอีกต่างหาก ผู้ชายที่เข้ามาแต่ละคนก็หวังสมบัติทั้งนั้นแหละ นมกลัวคุณหนูบัวจะต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่าเพราะโดนหลอก”

“ดราม่ามากไปแล้วค่ะคุณนมเป็ดที่รัก ไม่เอาละ บัวไปอาบน้ำ แต่งตัวรอดีกว่า พี่ภูบอกจะมากี่โมงคะ” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่อง เพราะรู้ดีว่าถ้าเริ่มเทศนาแล้ว นมเป็ดยังพูดได้อีกยาว

“บ่ายโมงค่ะ คุณหนูบัวไปเตรียมแต่งตัวสวยๆ แล้วลงมารับประทานอาหาร คงเสร็จพอดีๆ กับที่คุณภูจะมารับละ ว่าแต่...ให้นมไปด้วยไม่ดีเหรอคะ” เสียงนมเป็ดยังออดๆ เหมือนเด็ก ทำเอาบัวบูชาหัวเราะลั่นห้องอาหารจนนมเป็ดเริ่มส่งสายตาปรามให้เธอเก็บอาการ ทำตัวเป็นผ้าพับไว้อย่างที่นางเคยสอน

“นมเป็ดบอกเองนี่นาว่าคุณพ่อกับคุณแม่สั่งให้บัวไปกับพี่ภู แต่ถ้านมอยากไปด้วยก็ได้ค่ะ บัวไม่ว่าอะไรสักหน่อย”

“ไม่เอาดีกว่า ไม่อยากขัดคำสั่งท่าน อีกอย่าง นมเกรงใจคุณภูด้วย ดูเหมือนจะเป็นคนเงียบๆ คงไม่ชอบให้ใครไปวุ่นวายมาก แค่พาคุณหนูบัวไปดูโรงงานแล้วต่อด้วยทานข้าวเย็น คงไม่มีอันตรายอะไรหรอกเนอะ”

นมเป็ดรำพึงเหมือนปลอบใจตัวเองไปด้วย บัวบูชาลุกจากเก้าอี้ ตรงสู่บันไดวนกลางบ้าน หันกลับไปบอกแม่นมของเธอ

“บัวใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงค่ะนมเป็ด สั่งป้าสายเตรียมอาหารกลางวันเลยนะคะ”

“ได้ค่ะคุณหนูบัว แต่งตัวสวยๆ หน่อยล่ะคะ อย่าลืมว่าควรรวบผมให้เรียบร้อยด้วย สยายยาวแบบนี้จะดูเซ็กซี่เกินไป” คำพูดของแม่นมทำเอาบัวบูชาต้องยกมือขึ้นลูบผมตัวเอง ไม่เคยคิดเคยฝันว่าผมนุ่มสีน้ำตาลนี่จะไปเตะตาใครได้

“โหย! นมเป็ด แบบนี้เค้าไม่เรียกเซ็กซี่นะคะ เพื่อนๆ ค่อนขอดจะตายว่าบัวเชยที่ไว้ผมยาวตรงๆ แบบเนี้ย สมัยนี้เค้าต้องดัดอ่อนๆ ช่วงปลายแบบเกาหลีน่ะ”

“ไม่ได้นะคะคุณหนูบัว คุณหนูเพิ่งจะจบมอปลาย อย่าไปเสริมแต่งอะไรมาก ยังไม่ถึงเวลา”

บัวบูชาเดินจากมาด้วยรอยยิ้ม...เธอยังยิ้มออกทั้งที่ถ้าเป็นเพื่อนๆ คนอื่นมาเจอแบบนี้คงบ่นอุบ หญิงสาวรู้ตัวว่าเป็นเพราะเธออยู่กับความเชยมานานจนเห็นเป็นเรื่องปกติ...ความเคยชินอีกนั่นแหละที่ทำให้เธอไม่เคยรู้สึกอึดอัดหรือผิดปกติแต่อย่างใด บัวบูชายังเป็นตัวของตัวเองได้โดยไม่รู้สึกแปลกแยกจากวัยรุ่นคนอื่นเลยสักนิด

จบบทที่ 1

__________________________________________________________

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^





ดาริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ย. 2555, 06:13:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ย. 2555, 06:18:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 4919





   ตอนที่ 2 >>
Pat 19 ก.ย. 2555, 06:28:07 น.
เรื่องใหม่


หมีสีชมพู 19 ก.ย. 2555, 06:52:38 น.


Oleang 19 ก.ย. 2555, 07:21:31 น.
มาแล้วคร่า


goldensun 19 ก.ย. 2555, 11:55:02 น.
ติดตามค่ะ ท่าทางพี่ชายจะแอบคิดอะไรอยู่ ถึงไม่ยอมพบ
นิสัยของบัวที่ยอมรับอะไรง่ายๆ แล้วก็ไม่ไหลตามกระแส เลยทำให้ไม่อึดอัดที่ต่างจากเพื่อน


nunoi 19 ก.ย. 2555, 12:43:14 น.
ติดตามๆ


kaze 25 ต.ค. 2555, 16:36:32 น.
น่าติดตามจังค่ะ :)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account