The Royal Wedding : รักนี้ที่วังหลวง
เมื่อเจ้าชายหนุ่มรูปงามแห่งศตวรรษที่ 21 ผู้ที่สตรีทั่วราชอาณาจักรต่่างเฝ้าฝันจะได้ควงคู่ กลับถูกสี่สาวพี่น้องตระกูลหนึ่งไม่เห็นว่าสำคัญ พระองค์จะทำอย่างไร เมื่อปัญหายิ่งหนักขึ้นด้วยสมเด็จพระราชินีมีพระดำรัสต้องการได้สะใภ้หลวงเป็น 1 ใน 4 สาวนั้น

เรื่องราวของซินเดอเรลล่ายุคใหม่เริ่มต้นขึ้น ไม่แปลกและไม่แตกต่าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ใครๆอยากสัมผัสเสมอมา
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: นุ่ม

The Royal Wedding 14

ห้องสมุดฝรั่งเริ่มคึกคักเมื่อเหล่าบรรณารักษ์สาวสวยต่างสนุกสนานในการวางแผนและจัดงานครบรอบ 120 ปีของห้องสมุดแห่งนี้ บรรดาหนังสือเก่าๆถูกนำมาปัดฝุ่นและวางเรียงรายอย่างสวยงามสำหรับขายผู้ที่สนใจหนังสือฝรั่งมือสอง ซุ้มจิ๊กซอว์ อักษรไขว้ และเกมภาษาอังกฤษต่างๆถูกจัดขึ้นอย่างน่ารักสำหรับเด็กๆ เลยเข้าไปข้างใน ห้องแกลเลอรี่เติมเต็มไปด้วยรูปวาดสีน้ำแนว impressionist ของศิลปินผู้หนึ่งถึงแม้ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก แต่ผลงานของเขาก็เป็นนับได้ว่า ‘งดงาม’ ดูแล้วเพลินตาอย่างที่สุด
แสนดี ทิพมาศ และสิปราง สามสาวเพื่อนรักแห่งห้องสมุดฝรั่ง กำลังง่วนกับการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ของห้องสมุดและเปลี่ยนมุมตู้หนังสือทรงเก่า ที่พิเศษกว่านั้นพวกหล่อนออกจะพลิดเพลินไม่น้อยที่มีเสียงบรรเลงเพลงคลาสสิคจาก เบเบี้แกรนด์เปียโน ให้ได้ฟังกันอย่างเพลิดเพลิน

“ความคิดใครกันน้า ที่ขอร้องให้พี่ด้วยรักมาบรรเลงเพลงเพราะๆให้ฟังเนี่ย” ทิพมาศเอ่ยขึ้นลอยๆ

แสนดีอมยิ้ม ก็ความคิดหล่อนเองนั่นแหละ ห้องสมุดดูมีชีวิตชีวาขึ้นอีกเป็นกองเมื่อพี่สาวคนโตมาซ้อมการแสดงก่อนจะโชว์จริงในวันครบรอบ 120 ปีของห้องสมุดพรุ่งนี้ หล่อนหวังว่าคุณหญิงจรินทร์ผู้เป็นประทานในงานจะต้องประทับใจมากเป็นแน่ในความคิดนี้ของหล่อน

ด้วยรักดีดเพลงท่อนสุดท้ายจบก่อนจะหันมาหาสามสาว “แต่พี่ไม่เล่นคนเดียวทั้งวันหรอกนะจ๊ะ เมื่อยนิ้วแย่ จะให้ลูกศิษย์ตัวเล็กๆมาแสดงฝีมือด้วย”

“แหมแสนดีนี่ก็ความคิดดีจริงล่ะค่ะ มีเด็กเล็กมาเพิ่มงานจะได้ไม่กร่อย เพราะตอนแรกพวกเราก็ออกจะกลัวว่า จะมีพ่อแม่พาเด็กมาไหมหนอ เออแต่ว่านะ…” สิปรางทำท่าครุ่นคิดขณะพูดไม่จบประโยค “ คุณหญิงจรินทร์ท่านบอกว่า ท่านไม่เป็นประธานเปิดงานแล้วล่ะ”

แสนดีได้ฟังดังนั้นก็ออกจะเสียใจ “อ้าว ทำไมล่ะ เรารึอุตส่าห์ดีใจ แล้วใครจะมาเปิดล่ะนี่ ท่านติดธุระเหรอ”

สิปรางยิ้มกริ่ม “ไม่หรอก ฉันลืมบอกทุกคนเองล่ะ ได้รับแจ้งมาสองสามวันแล้ว คุณหญิงท่านก็มาด้วย แต่ทีนี้ประทานของงานคือสมเด็จพระราชินี”

สิ้นประโยคยาวๆของสิปรางทำเอาสามสาวที่เหลือตาโตกันทันที “นี่ดีกว่าที่คิดไว้เลยนะเนี่ย งานใหญ่ในรอบเกือบร้อยปีของห้องสมุดเราเลยสิเนี่ย” ทิพมาศพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

แต่สองสาวพี่น้องจ้องหน้ากันด้วยความรู้สึกที่สามารถสื่อสารกันได้ด้วยสายตาว่า ‘แค่นั้นจริงๆเหรอ’

สิปรางหันมามองแสนดี “นี่ไม่ตื่นเต้นกันเลยเหรอ”

แสนดียิ้มบางๆ แล้วมองหน้าพี่สาว “ตื่นเต้นสิจ๊ะ ว่าแต่สมเด็จจะเสด็จเพียงองค์เดียวหรือเปล่า” เพราะตอนนี้ความนึกคิดของหล่อนเลยไกลถึงหน้าหล่อเหลาของชายคนหนึ่ง ไม่ใช่ด้วยความพิศวาส แต่ด้วยความ กลัว เสียมากกว่า

สิปรางตอบเรื่อยๆ “ก็เสด็จองค์เดียวแหละจ้ะ แหมถึงแม้เราจะหวังลึกๆว่าเจ้าชายจะเสด็จด้วยก็ตามทีเถอะ ตอนนั้นเสด็จมาสถานทูตอังกฤษหลังตึกเรานี่เอง ฉันยังพลาดไปชมเลย” ทิพมาศพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย

แสนดีทำปากบ่นขมุบขมิบประมาณว่า ไม่เห็นจะน่าชมตรงไหน

ทิพมาศได้ยินไม่ถนัดเลยถามว่า “พูดว่าอะไรนะจ๊ะแสน”

แสนดีถอนหายใจเฮือกเมื่อนึกถึงเรื่องราวในหลายวันก่อนแล้วลุกขึ้นจัดการเก็บของตรงหน้า “เย็นแล้ว กลับกันเถอะค่ะพี่รัก แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาแต่เช้านะจ๊ะ” สีหน้ายิ้มแย้มของหล่อนจางลง จนเพื่อนๆสังเกตได้ไม่ยาก แม้จะไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดก็ตาม หล่อนหยิบกระเป๋าสะพายแล้วจงมือพี่สาวคนโตที่ร่ำลาทิพมาศและสิปรางออกจากห้องสมุดไป มีสิปรางตะโกนตามหลังว่า “พรุ่งนี้เธอเป็นคนถือพานเปิดงาน แต่งสวยๆมาล่ะ”
เดินออกมาหน้าห้องสมุดแล้ว สองสาวพี่น้องมองหารถแท็กซี่ที่ว่างแต่ก็ไม่พบสักคัน วันนี้รถที่บ้านไม่ว่างเพราะทั้งยาใจและคุณพ่อเอารถไปใช้เสียหมด

“ทำไมทำหน้าบูดอย่างนั้นล่ะจ๊ะแสน ไม่พอใจอะไรหรือ” ด้วยรักทักน้องสาว

แสนดีเบ้ปาก “พี่รักก็น่าจะรู้นี่คะ เดี๋ยวก็ต้องเจอกันอีก พอกลับไปเนี่ย”

“แต่เจ้าชายไม่ได้เสด็จด้วยสักหน่อยนี่นาพรุ่งนี้น่ะ” พี่สาวคนเข้าใจว่าน้องสาวไม่ชอบเจ้าชายเท่าใดนัก แต่ไม่คิดว่าจะมากมายถึงเพียงนี้ “เอ…แต่เห็นหลายวันก่อนน้องก็พูดคุยกับพระองค์ดีนี่นา”

ก็นั่นมันเมื่อหลายวันก่อนนี่คะ แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมาเนี่ย…..หล่อนคิดแล้วก็โกรธทั้งเจ้าชายและตัวเอง ทำไมพระองค์ถึงร้ายกับหล่อนนัก หรือเพราะหล่อนเองก็ล่วงเกินพระองค์มากอยู่

“เอาเถอะค่ะ จะมีทางไหนบ้างที่แสนจะไม่ต้องเจอกับพระองค์อีก นี่เล่นเสด็จบ้านเราแทบทุกวัน”

ด้วยรักสงสัยในอารมณ์ของน้องสาว แต่แล้วหล่อนกลับต้องเลิกคิ้วสูงเมื่อซีดานสำดำปลาบคันใหญ่มาจอดเทียบหน้าหล่อน กระจกรถด้านคนขับถูกลดลงอย่างกระตือรือร้น แล้วหนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่น คิ้วดำหน้าได้รูป ก็ส่งยิ้มพิมพ์ใจมาให้ “สวัสดีครับคุณด้วยรัก…” เขาส่งสายตาหวานเยิ้มเป็นพิเศษไปให้สาวน้อยอีกคนหนึ่ง “…คุณแสนดี”

ด้วยรักออกจะไม่แน่ใจว่ารู้จักชายคนนี้หรือไม่ แต่รู้สึกว่าหน้าคุ้นเหลือเกิน แต่แล้วหล่อนก็ร้องอ๋อ เมื่อมีอีกหนุ่มหนึ่งยื่นหน้าออกมาทักทายด้วย นายดนัยนั่นเอง! หล่อนจำเขาแม่นแน่นอน ไม่ใช่เพราะเป็นคู่เต้นรำของหล่อนที่วังหลวงหรอก แต่เพราะแฟนของเขาต่างหากล่ะ!! ส่วนคนขับก็พระสหายสนิทอีกคนหนึ่งของเจ้าชาย

แสนดีเห็นเขามองหล่อนอย่างยินดี เธอก็ยิ้มตอบให้ เรื่องเก่าๆที่เปี่ยมสุขเคยทำไว้ ทำให้หล่อนเกรงใจเขาขึ้นมาทันที “สวัสดีค่ะคุณชินาคม มาทำอะไรคะ”
ราวกับว่าชายหนุ่มได้เตรียมตัวมาแล้ว เขาหยิบหนังสือที่เคยยืมจากห้องสมุดฝรั่งแล้วชูให้สาวสวยดูอย่างตั้งใจ The brother Karamazov
“ผมเอาหนังสือมาคืนครับ แหมบังเอิญจริง ถ้าไม่รังเกียจ ขอผมเลี้ยงข้าวเย็นคุณสองคนได้ไหมครับ”

แสนดีเห็นว่าไม่สะดวกเพราะต้องรีบกลับไปทานข้าวที่บ้านจึงบอกปฏิเสธ “วันนี้คงไม่สะดวกหรอกค่ะคุณชินาคม คุณต้องเขาไปคืนหนังสือไม่ใช่หรือ”

ชินาคมหน้าเสียเล็กน้อย มีดนัยแอบหัวเราะอยู่ข้างๆ สงสารเพื่อนก็สงสารถึงยอมมาเป็นเพื่อน แต่พอมาเจอแม่สาวบ้านนี้ ท่ามากกันจริง ยิ่งพี่สาวคนโตเขาเห็นแล้วก็แอบกลัวไปด้วยทีเดียว

‘จะไปยากอะไร ไอกับยูก็ทำทีไปคืนหนังสือ นี่ไอเร่งคุณพ่อให้อ่านจบไวไวเลยนะ แล้วพอเจอคุณแสนดี ก็ทำทีชวนหล่อนและเพื่อนๆบรรณารักษ์คนอื่นไปทานข้าวเย็นและแวะส่งกลับบ้าน ไร้เงาคุณเปี่ยมสุขเห็นๆ’ ดนัยนึกถึงความคิดบรรเจิดของเพื่อนหนุ่มแล้วอยากจะหัวเราะดังๆ เพราะแม้ตอนนี้จะไร้เงาเปี่ยมสุข แต่เงาเขื่องๆอย่างคุณด้วยรักก็ยืนขวางอยู่เห็นๆ

เสียงบีบแตรจากรถข้างหลังชินาคมดังลั่นอย่างไม่พอใจ เขาคงจะจอดรถขวางทางนานพอสมควร ได้ทีชายหนุ่ม เขาจึงทำสีหน้าอ้อนวอน “รถไล่หลังมาแล้ว ขึ้นรถมาเถอะครับ แค่ทานข้าวเย็นเท่านั้นเอง”

แสนดีมองเขาและรถที่ไล่ตามหลังด้วยความเกรงใจ

“ตัดสินใจเอาเถอะแสน พี่ยังไงก็ได้ รีบๆเถอะจ้ะ” ด้วยรักกระตุ้นน้องสาว

ว่าแล้วแสนดีก็จูงมือด้วยรักขึ้นนั่งเบาะหลังของชินาคม โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าเจ้าของรถยิ้มแก้มแทบปริ




ดนัยแทบจะหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อแสนดีพูดว่า “ไปทานข้าวบ้านฉันแล้วกันนะคะ คุณสะดวกหรือเปล่า”
ชินาคมตกใจเล็กน้อยก่อนจะแอบชายตามองเพื่อนหนุ่ม ดนัยมองกลับแล้วพยักหน้า “ยินดีมากครับคุณแสนดี เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

แล้วไม่นานนักรถซีดานคันใหญ่ก็มาจอดที่หน้าบ้านของหลวงสีหนาถ หนุ่มๆในรถออกจะแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นทหารองครักษ์ของเจ้าชายมายืนเรียงหน้าต้อนรับพวกเขา

“เจ้าชายอิศเรศร์เสด็จทรงงานที่นี่ทุกวันค่ะ ดีออก พระองค์จะได้พบพระสหาย” แสนดีพูดแล้วยิ้มกริ่ม ทุกอย่างออกจะลงตัว นั่นคือหล่อนไม่ต้องไปทานข้าวกับชายอื่นให้ผิดนัดกับทางบ้าน และที่สำคัญหล่อนไม่ได้คิดอะไรกับชินาคมมากกว่าเพื่อนเลย แม้จะเข้าใจบ้างว่าเขาออกจะพอใจหล่อนไม่น้อย การพามาที่บ้านให้อยู่ในสายตาผู้ใหญ่และพี่น้องนับว่าโปร่งใสดี อีกอย่าง…เจ้าชายจะได้ยุ่งกับพวกหล่อนน้อยๆ

“เชิญตามสบายนะคะ” ด้วยรักพูดอย่างมีมารยาทแล้วเดินนำชายหนุ่มทั้งสองเข้าบ้านไป มีแสนดีเดินตามหลังไปติดๆ

ดนัยพยักพเยิดทักทายองครักษ์ที่พอจะรู้จักกันแล้วตบไหล่ชินาคมเบาๆ “เอาน่า รักเขาจริง ก็ต้องรักครอบครัวเขาด้วย ไปเถอะ”

เมื่อสองหนุ่มก้าวเข้าบ้านก็ได้พบกับเจ้าชายอิศเรศร์ที่กำลังมีปฏิสันถารอยู่กับยาใจที่ห้องนั่งเล่นอย่างสนิทสนม พระขนงเลิกสูงก่อนจะตรัสอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นทั้งแสนดี และ ชินาคมอยู่พร้อมกัน

“พวกนาย…” ยังไม่ทันจะตรัสเสร็จ ด้วยรักก็ถอนสายบัวอย่างงดงาม

“วันนี้มีสมาชิกมาร่วมโต๊ะเสวยเพิ่มเพคะ” แม่พี่สาวคนโตพูดอย่างไพเราะ “เชิญทางนี้ค่ะฉันจะพาพวกคุณไปพบคุณแม่” แล้วหล่อนก็เดินนำตัวปลิว จะเหลือก็แต่แสนดีที่พระองค์จ้องไม่วางตา ส่วนหล่อนนั้นกลับมีทีท่าเรียบเฉยแล้วถอนสายบัวอย่างแกนๆก่อนจะเดินตามด้วยรักไปบ้าง

ชินาคมยิ้มกว้างเมื่อได้ยกมือไหว้ ‘คุณแม่’ ที่เขากล้าเรียกเต็มปากแม้เจอกันครั้งแรก ส่วนคุณหญิงวิสาที่ปกติเป็นคนใจดีอยู่เป็นทุนเดิมนั้น กลับไม่รังเกียจเลยที่จะต้อนรับพระสหายของเจ้าชาย แม้จะมีความสงสัยบ้างว่า พวกหนุ่มๆคนใดคนหนึ่งคงจะสนใจลูกสาวของตนไม่มากก็น้อย

“คุณพ่อกับพี่เปี่ยมหายไปไหนคะคุณแม่” แสนดีถามขึ้นเมื่อลงมือช่วยทำอาหาร มีชินาคมยืนประกบไม่ห่าง

“นั่นสิจ๊ะ ทำให้เจ้าชายทรงงานอยู่องค์เดียว ดีนะที่ยาใจไปคุยเป็นเพื่อน พระองค์คงเหงาแย่” คุณหญิงตอบเรื่อยๆพลางหันผัก

แสนดีฉุนในใจ อะไรกันคุณแม่ แทนที่จะห่วงว่าพี่เปี่ยมและคุณพ่อหายไปไหน กลับมาห่วงไอ้เจ้าชายบ้า

“มาครับคุณแสนดี ให้ผมช่วยล้างผักนะ” ชินาคมพูดอย่างสุภาพแล้วสบตาหล่อนเบาๆ พอจะให้หล่อนหวั่นไหว แสนดียิ้มตอบบางๆ แล้วเลิกคิดถึงเรื่องเจ้าชาย กลับมาคุยกระจุ๊งกระจิ๊งกับเขาต่อไป

อีกมุมหนึ่งของห้องครัว ดนัยนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเฉยๆอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี แต่แล้วสาวสวยที่เคยก่อเรื่องให้เขาก็เดินนำน้ำเย็นดูชื่นใจมาวางไว้ตรงหน้า คุณด้วยรักดูจะเป็นผู้ใหญ่ สงบนิ่ง และมีเหตุมีผลมากที่สุด แต่บุคลิกนิ่งๆของหล่อนก็ทำให้เขาอดเปรียบเทียบกับภาพที่หล่อนเอาชนะ ดีว่า เสียไม่ได้

“เชิญดื่มน้ำค่ะ” หล่อนพูดสั้นๆ แล้วร่างระหงที่บัดนี้มีผ้ากันเปื้อนสีหวานมัดรอบเอวอยู่ก็นั่งลงตรงหน้าเขา มีชามเล็กๆสำหรับใส่กระเทียมตั้งลงบนโต๊ะ แล้วเธอก็เริ่มปอกเปลือกกระเทียมทีละชิ้น ดนัยมองหล่อนอย่างกล้าๆกลัวๆและไม่เข้าใจว่าเธอจะทำอะไร แต่ดูด้วยรักจะยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรแบบที่ไม่มีอะไรค้างคาใจจริงๆ

หรือ หล่อนจะลืมเหตุการณ์วันนั้นเสียแล้ว???

“หิวหรือยังคะ คุณแม่ทำกับข้าวอร่อย หวังว่าคุณจะชอบ” ด้วยรักพยายามหาเรื่องคุย แม้ไม่รู้จริงๆว่าจะคุยอะไรกับเขา ที่หล่อนมานั่งต่อหน้าเขาอย่างนี้ เพราะกลัวว่าเขาจะเหงาและไม่มีอะไรทำหรอกนะ อีกอย่าง บางทีชินาคมและเจ้าชายอาจจะกำลังสานสัมพันธ์กับน้องสาวหล่อน ดนัยจะได้ไม่ต้องเข้าไปให้เสียบรรยากาศ หล่อนหวงน้องสาวอยู่ แต่ก็คิดว่าพวกเธอโตพอแล้วที่จะมีเพื่อนผู้ชายบ้าง

หนุ่มร่างกำยำเลือดทหารยิ้มตอบหล่อนอย่างสุภาพ คุณด้วยรักนี่อ่อนหวานดีเหมือนกัน “หิวไม่มากหรอกครับ ให้ผมช่วยไหม ปอกกระเทียมน่ะ”

ด้วยรักยิ้มล้อ “คุณจะทำเป็นเหรอคะ”

ดนัยแอบเผลอส่งยิ้มบาดใจและดวงตาหวานไปให้หล่อน เขาไม่ได้อยาก ‘อ่อย’ แม่สาวคนนี้หรอกนะ แต่มันอดไม่ไหวจริงๆ

“เป็นสิครับถ้าคุณสอน” แล้วชายหนุ่มก็เปลี่ยนที่นั่งไปนั่งข้างๆหล่อน ก่อนจะเริ่มปอกกระเทียมอย่างทุลักทุเลเต็มทน

ยาใจผละออกมาจาการสนทนากับเจ้าชาย วันนี้ออกจะคุยกับพระองค์ถูกคอด้วยเรื่องเรียนต่อ เพราะเจ้าชายถือว่าเป็น ศิษย์เก่านักเรียนอังกฤษ จึงมีพระดำรัสแนะนำหล่อนมากมาย จริงๆแล้วพระองค์เป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ ฉลาด และเก่งมากทีเดียว แต่หล่อนก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้นเลย ยาใจเดินเข้ามาในครัวอย่างยิ้มแย้ม และพยายามหาว่าหล่อนสามารถช่วยอะไรในครัวได้บ้าง แต่ก็ดูจะไม่เหลือที่เลยทีเดียว คุณแม่ง่วนกับการคนซุบและปรุงรสอยู่กับแม่ครัวเก่าแก่ แสนดีก็หั่นผักสนุกสนานกับชินาคม พี่สาวคนโตก็สอนคุณดนัยปอกกระเทียมอย่างแข็งขัน แล้วหล่อนก็อมยิ้ม….

จริงๆแล้วบ้านที่มีผู้ชายมาเยี่ยมเยียนบ้าง ก็มีสีสันดีเหมือนกัน

แสนดีวางมือจากการหั่นผัก แล้วหันไปบอกชินาคม “ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ คุณหั่นไปก่อนนะ” แล้วหล่อนก็ลุกขึ้นรีบเดินจากไป พอเจอหน้ายาใจก็บอกพี่สาวเรียบๆ “พี่ยาไปช่วยคุณชินาคมแทนแสนทีนะคะ” หล่อนเอียงคอมองพี่สาวอย่างน่ารัก แล้วกระซิบเบาๆ“แสนปวดชิ้งฉ่องไม่ไหวแล้ว” ยาใจหัวเราะกับความทะเล้นของน้องสาว ก่อนจะเดินมาช่วยชินาคม แล้วสองหนุ่มสาวก็ได้เริ่มรู้จักกัน

แสนดีกำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ พลางสายตาก็สาดส่องหาว่าชายที่เธอไม่ถูกชะตาด้วยอยู่ที่ไหน หล่อนจะได้ไม่เดินเข้าไปใกล้ และเมื่อเห็นได้ว่าปลอดภัยจากเขาแล้วหล่อนก็รีบเดินตรงไปเข้าห้องน้ำ แต่ขาขวาที่ก้าวไปเหยียบพรมเช็ดเท้ากลับลื่นอย่างไม่ทันตั้งตัว แสนดีร้องว้ายเบาๆ ก่อนจะถลาล้มลงกระแทกกับพื้น แต่แล้วมือแข็งแรงที่ไหนไม่รู้มาโอบรับเอวหล่อนเอาไว้ได้ทันเวลา

ราวกับโลกจะหยุดนิ่งชั่วขณะ เมื่อร่างบอบบางของเธออยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นของเจ้าชายอิศเรศร์ ใบหน้าของพระองค์กับหล่อนห่างกันเพียงปลายจมูก ลมหายใจของทั้งสองสัมผัสได้ถึงกันและกัน

ดวงตาสองคู่สบกันแน่วแน่ แววตาเขินอายของหล่อนแสดงออกมาอย่างไม่เก็บงำ แต่เมื่อตั้งสติได้ แสนดีก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา แต่ถูกพระหัตถ์หนาใหญ่ปิดปากบางไว้ทัน

พระองค์ตรัสอย่างหงุดหงิด “คุณจะกรี๊ดทำไมเนี่ย” แสนดีเบิกตากว้างแววตาหวานนั้นเปลี่ยนเป็นไม่พอใจ “ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณสักหน่อย” ยิ่งพระองค์ดุหล่อน หล่อนก็ยิ่งดิ้น

“นี่คุณ…” สองพระหัตถ์แข็งแรงชักจะเอาหล่อนไม่อยู่ เมื่อหล่อนดิ้นแรงขึ้นอีก นี่ถ้าหล่อนเกิดกรี๊ดออกมา ทั้งบ้านคงมาดูและพระองค์จะต้องถูกเข้าใจผิดแน่ “คุณสัญญาก่อนว่าจะไม่ร้อง แล้วผมจะปล่อย” แม้พระองค์จะอธิบายดีดี แต่สาวน้อยกลับดิ้นต่อไป

เจ้าชายจึงหันซ้ายหันขวา คิดว่าจะเป็นการดีกว่าถ้าพาแม่ตัวดีไปสงบสติอารมณ์ที่ไหนสักแห่ง ว่าแล้วจึงพยายามอุ้มหล่อนไปที่ห้องทำงานของหลวงสีหนาถซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก “ผมจะพาคุณไปสงบอารมณ์ก่อนที่บ้านจะแตก ผมว่าคุณควรจะหยุดนิ่งได้แล้ว” ไม่พูดเปล่าพระองค์ทรงอุ้มหล่อนจริงๆ แล้วพาไปถึงห้องทำงานก่อนจะ พยายามวางหล่อนเบาๆบนโซฟาใหญ่ แต่แม่แสนดีกลับดิ้นสู้ไม่หยุด จนพระองค์เกือบปล่อยตัวเธอลงโดยแรงแล้วล้มลงไปพร้อมกัน

ณ วินาทีนั้น แสนดีรู้สึกหายใจไม่ออก คำพูดบางอย่างจุกอยู่ที่คอ สมองของเธอตื้อราวกับจะหมดสติไป เมื่อริมฝีปากหนาอ่อนโยนประทับลงเบาๆอย่างไม่ตั้งใจกับริมฝีปากบางของเธอ

เจ้าชายออกจะตกพระทัยไม่น้อยเหมือนกัน แต่กลับกลายว่าพระองค์ทรงค้างจุมพิศนั้นเนิ่นนานอย่างไม่รู้องค์เอง ถ้าจะถามว่าพระองค์ทรงคิดอะไรอยู่ พระองค์ก็ตรัสบอกไม่ได้เช่นกัน

ไม่นานนัก สองร่างจึงผละออกจากกัน แววตาสองคู่สบกันนิ่งอย่างอธิบายไม่ได้ แสนดีปิดปากเงียบไม่กรีดร้อง ส่วนเจ้าชายนั้นทรงมีสติกว่า จึงประทับนั่งข้างๆหล่อนแล้วตรัสอย่างหนักแน่น

“ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ตรัสเสร็จก็สังเกตอาการหล่อน แสนดีได้แต่มองพระองค์นิ่งๆ นัยตามีแววตกใจเป็นอันมาก พระองค์เข้าใจดีว่าสาวบริสุทธ์อย่างหล่อนคงจะทำใจกับเรื่องนี้ได้ยาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าริมฝีปากของเธอ ‘นุ่ม’ ดีเหมือนกัน

“คุณแสนดี…เอ่อ…” เจ้าชายค่อยๆตรัสเรียกสติหล่อนกลับมา และแล้วแสนดีก็ขยับตัว หล่อนหลบพระเนตรคมเข้ม แล้วลุกขึ้นอย่างโงนเงนเต็มที่ ก่อนจะค่อยๆเดินออกจากห้องนั้นไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เจ้าชายทรงยอมรับไม่ได้ พระองค์ต้องการให้เธอเข้าใจและรับคำขอโทษ จึงเสด็จตามหล่อนไปไม่ห่างแล้วคว้าแขนหล่อนไว้ ตรัสเรียกหล่อนอีกครั้ง “คุณแสนดี…คือผม…”

“พอเถอะเพคะ” หล่อนพูดเสียงแข็ง อีกมือพยายามปลดพระหัตถ์เจ้าชายออก “หม่อมฉันเข้าใจเพคะ มันเป็นอุบัติเหตุ” แล้วสะบัดแขนของเธอออกมาจนได้ หล่อนก้าวออกมาจากห้องทำงาน พร้อมๆกับที่คุณพ่อ และแขกคนใหม่ คือ ทรงพล เดินประคองเปี่ยมสุขในสภาพที่มีผ้าพันข้อเท้าขวา เข้ามาในบ้าน…




ลายเส้น
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ค. 2554, 13:02:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ค. 2554, 13:02:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1866





<< อุบัติเหตุ   
ใจใส 16 พ.ค. 2554, 08:12:16 น.
มาหลายตอนมาก ขอบคุณค่ะคนเขียน
เจ้าชายโลเลได้อีกอ่ะ


ม่านฟ้า 16 พ.ค. 2554, 10:18:34 น.
มาให้กำลังใจจ้า ได้อ่านตอนใหม่แล้ว เย้!!!


Furzan 16 พ.ค. 2554, 11:15:38 น.
รอ อย่างกระหายว่าจะเกิดอะไรต่อไป


sa 23 พ.ค. 2554, 17:36:49 น.
ยังไม่รู้ใจตัวเองกันเล้ยยยยยยยยยยยยย


kaze 11 ก.ค. 2555, 06:30:36 น.
อยากได้ตอนต่อไปง่ะ T___T


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account