บุหงาซ่อนกลิ่น (ช่องสามซื้อลิขสิทธิ์แล้ว)
ด้วยความรู้สึกผิด เขาจึงติดตามชดใช้
จนกลับกลาย...มาเป็นความรัก

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สิมิลัน มายาวี เจ้าของฉายาสาวฮอตทะเลร้อนไม่เข้าใจเล้ย! ว่าทำไมในละครถึงชอบให้พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วตอนท้ายนางเอกก็ดันไปหลงรักผู้ชายเฮงซวยจำพวกนั้นเสียด้วย

เพราะวันที่ฝันร้ายเกิดขึ้นกับเธอ หญิงสาวเกลียดปัณณ์ รัชนาถ จนแทบไม่อยากเห็นหน้า ถ้าฆ่าเขาให้ตายคามือได้โดยไม่ติดคุก เธอก็คงทำไปแล้วแน่ๆ

แต่แล้วเมื่อข่าวหลุดลอดออกไป แทนที่ผู้คนจะเห็นใจว่าเธอถูกกระทำ กลับหาว่าเธอจงใจยั่วซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของวงการ ทั้งยังวางแผนแบล็คเมล์กะจับเขาให้อยู่มือเสียอีก

โอ๊ย! โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้วนี่!

ครั้นจะลุกขึ้นมาทวงศักดิ์ศรี ใครล่ะจะเชื่อ ในเมื่อเธอเป็นแค่ตัวอิจฉาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่นางเอกที่จะเรียกร้องความเห็นใจจากใครได้เลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ค่าตัวแพงไม่เบานะ” เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังหยุดย่างก้าวของเธอได้ชะงัดนัก

หญิงสาวตัวชาวาบ หันขวับมาตวัดมองเจ้าของเสียงทันควัน ปัณณ์ในเครื่องแต่งกายชุดใหม่เดินลงบันไดโค้งมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถึงฉันจะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันขายตัว”

“แต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงกลางเมือง ยังจะปฏิเสธอีก เธอนี่โชคดีเหลือเกินนะ ยายเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คืนเดียวเรียกได้ตั้งยี่สิบล้าน!”

ดวงตาสิมิลันวาวจ้าราวแม่เสือ กระนั้นกลับมีหยาดน้ำวาวๆ คลอเต็มหน่วย หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น รวบรวมทุกกำลังใจที่เหลืออยู่น้อยนิด ย้ำกับตัวเองว่าให้เข้มแข็งเข้าไว้ หากจะตายก็ขอไปตายที่อื่น อย่าให้ผู้ชายคนนี้เห็นความอ่อนแอของเธอเด็ดขาด อย่าให้เขาหัวเราะเยาะ เย้ยหยันเธอได้อีก

หญิงสาวเชิดหน้า แต้มยิ้มเหยียด “ก็คงไม่โชคดีเหมือนไอ้เฒ่าตัณหากลับอย่างคุณหรอก แก่ขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างฉันน่ะ”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑๗

สิมิลันขยับตัวด้วยความยากเย็น ไม่รู้เป็นเพราะอากาศในห้องค่อนข้างร้อน หรือเพราะอะไรกันแน่ เธอจึงเหงื่อออกจนรู้สึกเหนอะหนะตัวไปหมด หญิงสาวพยายามจะยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อ แต่แขนขวาก็ปวดหนึบทั้งยังถูกพันธนาการด้วยยางรัดข้อมือ ขณะแขนซ้ายกลับถูกจองจำไว้ด้วยอะไรบางสิ่ง

ดวงตาคู่งามปรือขึ้นอย่างยากเย็น แล้วก็ต้องแปลกใจหนักเมื่อเห็นศีรษะดำๆ ซุกซบอยู่ที่มือเธอ

“พี่งามเหรอ” สิมิลันไล่สายตาไปมองชุดสีฟ้าครามอันเป็นเครื่องแต่งกายของคนไข้ในโรงพยาบาลแล้วขมวดคิ้ว

คนที่กำลังหลับอยู่ขยับตัวยุกยิก ท่าทางคงนอนไม่สบายนัก และเพียงเขาเปลี่ยนอิริยาบถพอให้เห็นหน้าได้ชัดๆ สิมิลันก็อุทานด้วยความประหลาดใจ

“เอ๊ะ! อีตาพระเอกมาเฟียนี่” หญิงสาวพยายามดึงมือที่เขากุมไว้แน่นหนาออกอย่างยากเย็น แต่เมื่อไม่สำเร็จจึงทิ้งมือลงอย่างหงุดหงิด

“อีตาบ้า กินยาผิดหรือไงถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้น่ะ” สิมิลันขยับตัวแรงๆ พยายามหยิกอุ้งมือแข็งแกร่งที่ยึดข้อมือเธอไว้ “นี่ลุง! ตื่นเดี๋ยวนี้นะ” สิมิลันออกฤทธิ์เท่าที่ร่างกายอันพิกลพิการชั่วคราวจะเอื้ออำนวย

คนเจ็บอีกคนหนึ่งจึงยืดตัวลุกขึ้นนั่ง ท่าทางงัวเงียเห็นชัดว่าเขาบิดตัวขับไล่ความเมื่อยขบ สีหน้าบอกความไม่พอใจ “นี่มันเพิ่งกี่โมง จะรีบปลุกไปถึงไหน ฉัน...” คำพูดต่อไปถูกกลืนลงในคอ เมื่อเห็นว่าสิ่งแวดล้อมมิใช่ห้องนอนที่คุ้นเคย และเพียงเห็นคนที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่ไม่ห่างชัดๆ ปัณณ์ก็สะบัดศีรษะ

“อรุณสวัสดิ์สิมิลัน”

“มาทำอะไรในห้องฉันไม่ทราบคะคุณลุง”

“ตื่นมาก็ปากเสียเลยนะ” ชายหนุ่มบ่นพลางปิดปากหาวหวอด แล้วฝืนยิ้ม “เจ็บแผลไหม”

นอกจากจะไม่โวยวายที่เธอเรียกเขาด้วยสรรพนามแสลงหูแล้ว ผู้ชายคนนี้ยังทำให้เธอแปลกใจด้วยการทักทายเสียงอ่อนอย่างที่ไม่เคยกระทำต่อกันมาก่อนอีกด้วย

สิมิลันกระเถิบหนีไปอีกฟากหนึ่งของเตียงอย่างหวาดระแวง เมื่อเขาทำท่าจะเอื้อมมาแตะดวงตาข้างซ้ายของเธอ “หัวฟาดตอนเกิดอุบัติเหตุหรือไง ถึงพูดจาประหลาดกับฉันอย่างนี้น่ะ”

“ฉัน...ทำให้เธอเจ็บตัวนี่ ก็...ต้องถามไถ่กันบ้างตามมารยาท” คนพูดฟอร์มจัด

หญิงสาวใช้แขนข้างดียันตัวลุกขึ้นนั่ง และคนเจ็บอีกคนก็กุลีกุจอไปไขเตียงให้ตั้งขึ้น ทั้งยังหยิบหมอนมาวางให้เธออิงหลังหนุนได้สะดวกอีกด้วย

“งั้นฉันตอบตามมารยาทนะ ฉันสบายดี ออกไปจากห้องฉันได้แล้ว” หญิงสาวตวัดเสียงมะนาวไม่มีน้ำ รู้หรอกว่าเป็นกิริยาที่ไม่น่ารัก แต่มันเป็นระดับเสียงปกติที่เธอใช้กับผู้ชายคนนี้

ปัณณ์หน้าบึ้ง ท่าทางเหมือนพร้อมจะอาละวาดอย่างทุกครั้ง สิมิลันเอียงหน้าหลบรอฟังเสียงโวยวาย หรือกิริยามุทะลุปึงปึงที่คุ้นตา

แล้วก็ต้องแปลกใจอีกคำรบ เมื่อปัณณ์กระแทกตัวพิงพนักอย่างแรง

“เราคุยกันดีๆ ได้ไหม ฉันเป็นห่วงเธอกับลูกนะ”

“ฉันไม่ได้ท้อง จะต้องให้พูดอีกกี่รอบนะ” สิมิลันหายใจกระชั้น หัวใจเต้นผิดจังหวะเมื่อได้ยินเขารื้อฟื้นเรื่องเก่าอีกครั้ง

“ฉันรู้ว่ามันออกจะ...ช้าไปหน่อยที่มาพูดเอาป่านนี้ แต่...” ปัณณ์กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะโพล่งออกมา “ฉันขอโทษ”

คนฟังอึ้ง น้ำตารื้นมาขังเอ่อที่ขอบตาทันควันราวกับเปิดสวิตช์ เธอนึกว่าตลอดทั้งชีวิตจะไม่ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ถ้อยคำ...ที่แสดงถึงความเสียใจของคนเอาแต่ใจอย่างปัณณ์ รัชนาถ ผู้ชาย...ที่มั่นใจว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกเสมอ

“ขอโทษ...ที่ทำให้ฉันเป็นอย่างนี้ใช่ไหม” สิมิลันยกแขนขวาขึ้น อยากได้ยินให้ชัดๆ ว่าเขารู้สึกผิดกับความผิดพลาด ‘นั้น’ หรือหมายถึงเหตุการณ์อุบัติเหตุนี่กันแน่

“นั่นก็ด้วย ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เธอเจ็บตัวเลย ฉันประมาทเองถึงได้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนที่ฉันตั้งใจขอโทษเธอ ก็คือ...เรื่อง...คืนนั้น”

สิมิลันสบตาเขาด้วยความประหลาดใจ

นักแสดงซูเปอร์สตาร์ถอนใจ “ฉันรู้ว่า...คำขอโทษมันกลับไปเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่...ฉันอยากให้เธอรู้นะ ว่าฉันเองก็ไม่ได้มีความสุขนักหรอก ฉันกลับไปที่คอนโดสาทรไม่ได้อีกเลย แล้ว...ตั้งแต่วันนั้นฉันก็...นอนไม่หลับเท่าไหร่เลย”

“สมน้ำหน้า มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบกับสิ่งที่ฉันต้องเจอน่ะ” สิมิลันสะบัดเสียง

“นี่เธอ! ตามหลักแล้ว ถ้าพระเอกมาขอโทษ สารภาพผิด นางเอกก็ควรจะต้องซาบซึ้งแล้วก็ยกโทษให้ฉันไม่ใช่เหรอ” ปัณณ์นิ่วหน้า

“เล่นละครมากไปหรือเปล่าหาลุง! นี่มันชีวิตจริงนะ แล้วฉัน...ก็ไม่เคยเล่นบทนางเอกแบบนั้นด้วย เสียใจด้วยนะ” สิมิลันโต้ นับหนึ่งถึงสิบในใจช้าๆ มั่นใจว่าไม่เกินครึ่งนาทีหรอก อีตาผู้ชายอัตตาสูงส่ง มั่นใจว่าโลกหมุนรอบตัวเองจะต้องอาละวาดเป็นพายุ แล้วก็ปึงปังออกจากห้องเธอแน่นอน

หญิงสาวคร้านจะนับเสียแล้วว่าเช้าวันนี้เธอพบเรื่องประหลาดใจเป็นคำรบที่เท่าใด เพราะปัณณ์ยิ้มกว้าง ทั้งที่เขาควรจะต้องโกรธนี่นา

“ที่ฉันพูดจาไม่ดี ทำไม่ดีกับเธออย่างที่ผ่านมา ความจริงส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเธอด้วยนะ รู้หรือเปล่า...ว่าเธอน่ะชอบยอกย้อน แล้วก็ไม่เคยตามใจฉันเลยสักครั้ง ดูสิ...ขนาดฉันกำลังขอโทษเธออยู่นี่ เธอก็ยังหาเรื่องแขวะฉันจนได้”

“ฉันว่าคุณน่าจะไปเช็กสมองหน่อยนะ ดูท่าจะกระทบกระเทือนไม่น้อย” สิมิลันหันรีหันขวาง ปัณณ์ รัชนาถ เวอร์ชั่นสุภาพบุรุษแสนดี ใจเย็นอย่างนี้ เป็นอะไรที่เธอไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร

แปลกไหมเล่าคนเคยโทสะพุ่งปรี๊ดรวดเร็วแค่ถูกแหย่นิดหน่อย จู่ๆ มาวันนี้ขนาดเธอปล่อยไม้ตายไปตั้งหลายดอกหลายมุก แต่เขาก็นิ่งผิดตา แถมยังตอบโต้กับเธอปนหัวเราะหน้าตาเฉยอีกด้วย

สิมิลันเสหันไปกดกริ่งเรียกพยาบาลเพื่อลดความรู้สึกอึดอัดวางตัวไม่ถูก

“เธอจะเอาอะไร” ปัณณ์เด้งตัวขยับมาประชิดเตียงทันที

หญิงสาวสะดุ้งโหยง กระถดตัวแนบกับที่นอนแน่น บอกด้วยกิริยาชัดเจนว่าไม่พร้อมให้ผู้ชายคนนี้เข้าใกล้อยู่ดี

“เธอเรียกพยาบาล จะเอาอะไรก็บอกสิ ฉันหยิบให้ก็ได้”

“ฉันเหนียวตัว อยากอาบน้ำ” สิมิลันงึมงำ

“อ้อ...อันนั้นฉันก็ช่วยได้นะ” ปัณณ์เสนออย่างมีน้ำใจ

“ไม่ต้อง! ขอบคุณ!” สิมิลันยิ้มได้บ้างเมื่อมีเสียงเคาะเบาๆ ก่อนบานประตูห้องพักฟื้นจะเปิดออก นางฟ้าชุดขาวก้าวเข้ามาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ฟื้นแล้วหรือคะ อ้าว! พี่ปัณณ์มาอยู่ห้องนี้เอง พยาบาลห้องโน้นเขาหาตัวกันให้ควั่กเลย เป็นยังไงบ้างคะ มีอาการเจ็บหรือปวดตรงไหนหรือเปล่า”

แทนที่จะเข้ามาสอบถามเธอดังคาด พยาบาลสาวกลับให้ความสนใจแก่ชายหนุ่มมากกว่า ไม่เพียงเรียกหากันอย่างสนิทสนมตามประสาแฟนละครเท่านั้น แต่ยังขยับเข้าไปถือวิสาสะใช้หลังมืออังหน้าผากนักแสดงหนุ่มอีกด้วย

ปัณณ์เบือนหน้าหลบ สีหน้าบึ้งตึง “คนไข้ของคุณนั่งอยู่บนเตียงนั่นต่างหาก”

“ค่ะ แต่พี่ปัณณ์ก็เป็นคนเจ็บเหมือนกันนี่คะ” พยาบาลสาวชี้แจงตาใส แต่ท่าทางนั้นบอกให้รู้ว่าแสดงต่อคนเจ็บบางคนเป็นพิเศษด้วยเหตุผลอื่นมากกว่า

“แต่แฟนผมเขาเหนียวตัว อยากจะอาบน้ำ คุณพยาบาลช่วยจัดการเช็ดตัวให้เขาก่อนได้ไหม” คำพูดประโยคนั้น ทำคนฟังทั้งคู่อ้าปากค้าง

“นี่! ลุง! ฉันไปเป็นแฟนคุณตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ” สิมิลันเสียงเขียว เมื่อถูกโมเมต่อหน้าต่อตาดื้อๆ

“อะไรนะคะ พี่ปัณณ์กับสิมิลัน มายาวี เป็นแฟนกันเหรอ” พยาบาลสาวตาโต แม้จะมีสีหน้าผิดหวังนิดๆ แต่ท่าทางตื่นเต้นที่ได้ข่าวเด็ดใหม่เอี่ยมจากปากเจ้าของข่าวโดยตรงก็ยังมีมากกว่า

“เราเพิ่งคบกันได้ไม่นาน คุณพยาบาลอย่าเพิ่งบอกใครล่ะ เรายังไม่อยากเป็นข่าวหรือถูกจับตามอง”

“มิน่า...คุณถึงประสบอุบัติเหตุพร้อมกัน” คนนอกยิ้มรู้ทัน หมดความพยายามจะเรียกร้องความสนใจจากนักแสดงในดวงใจได้อย่างรวดเร็ว “เดี๋ยวดิฉันไปรองน้ำมาเช็ดตัวให้นะคะ คอยสักครู่” หญิงสาวในชุดขาวลับกายเข้าไปในห้องน้ำ มีเสียงน้ำดังมาให้ได้ยินแผ่วๆ

“คุณจะบ้าเหรอ ทำไมไปบอกคุณพยาบาลแบบนั้น” สิมิลันเอ่ยลอดไรฟัน กลัวเสียงจะเล็ดลอดไปให้คนนอกได้ยินไปด้วย

ปัณณ์ยื่นหน้ามาใกล้ๆ คนบนเตียง เขาเกือบจะแตะหน้าท้องเธอแทนการล้อเลียนแล้ว แต่เมื่อเห็นสีหน้าตระหนกของสิมิลันจึงเปลี่ยนใจ เหลือเพียงชี้ไปตรงนั้นแทน “เธอต้องเป็นแฟนฉัน...ก็ถูกต้องแล้วนี่”

“ฉันบอกแล้วไงว่ามันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”

“ฉันไม่เชื่อ” ปัณณ์โต้ทันควันเช่นกัน สงครามยังไม่ทันปะทุ โชคดีที่กรรมการในชุดขาวถือกาละมังใส่น้ำออกจากห้องน้ำแทนการห้ามมวยเสียก่อน

พยาบาลสาวรูดม่านสีขาวรอบเตียงตามหน้าที่
ปัณณ์ลุกขึ้นยืนอย่างว่าง่าย “ระหว่างที่เธอเช็ดตัว ฉันจะกลับไปล้างหน้าที่ห้องโน้น เดี๋ยวมากินข้าวเช้าด้วยกันนะ” ปัณณ์โปรยเสน่ห์ใส่สตรีชุดขาว “ฝากแฟนผมด้วยนะครับ”

เสียงผิวปากที่หายลับไปจากหลังม่าน ตามด้วยเสียงประตูงับเบาๆ ทำให้สิมิลันเป่าปากอย่างโล่งอก แต่เมื่อหันมาเห็นสีหน้าของคนที่มองอยู่จึงได้รู้...ปัณณ์ออกจากห้องไปแล้วก็จริง แต่ระเบิดที่เขาวางไว้ให้...กลับกำลังรอเวลาระเบิดอยู่ตรงนี้

“ตัวจริงพี่ปัณณ์น่ารักจังเลยนะคะ” สีหน้าของคนพูดแสดงความชื่นชมเต็มเปี่ยม

“เขาเล่นละครเก่งจะตาย คุณดูไม่ออกหรือคะ”

“อุ๊ย! น้องแซมนี่ขี้เล่นนะคะ สงสัยจะแซวกับพี่ปัณณ์แบบนี้บ่อยๆ” มือบอบบางบิดผ้าขนหนูแล้วเช็ดตามเนื้อตัวให้คนไข้อย่างคล่องแคล่ว

สิมิลันเบ้หน้า แต่คู่สนทนาไม่สังเกตเห็นและชวนคุยต่ออย่างเป็นกันเอง

“พวกเราที่โรงพยาบาลเป็นแฟนละครของพี่ปัณณ์กันทั้งนั้นเลยนะคะ เห็นข่าวเขากับสาวไฮโซ กับนางเอกคนโน้นคนนี้ตั้งเยอะแยะ ไม่คิดเลยนะคะเนี่ยว่าเซอร์ไพรส์แอบซุ่มคบกับสิมิลัน มายาวี แบบนี้ นี่ถ้าเพื่อนพี่รู้ คงต้องอกหักกันหมดแน่ๆ”

“จริงๆ แล้วเขาล้อเล่นเองค่ะ พี่อย่าไปเชื่ออะไรเขามากนักเลย” สิมิลันมองตามมือที่ผูกเชือกเสื้อของเธอหลังเช็ดตัวเสร็จ

ดวงตาที่มีแววปรานีตามวิชาชีพเงยขึ้นสบตาเธออย่างเอ็นดู “พี่เห็นน้องเล่นละครร๊ายร้าย คิดไม่ถึงนะคะว่าตัวจริงจะขี้อาย แหม...พูดเรื่องแฟนนิดหน่อย หน้าแดงแจ๋เลย”

“หนูเขินพี่ที่กำลังเช็ดตัวให้ต่างหากล่ะคะ” สิมิลันสาบานได้ว่าเธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ ไม่ได้แก้ตัวสักหน่อย

แต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์เพราะคนที่เธออยากให้ฟัง...ไม่สนใจสักนิด

ขณะที่คนที่เธอไม่อยากให้ได้ยิน...กลับหูดีกว่าที่คิด

“ทำไมเวลาคุยกับพี่ ไม่เห็นเรียกตัวเองว่าหนูแบบนี้บ้างเลย น้อยใจนะเนี่ย” เสียงห้าวที่แทรกขึ้นจากนอกม่านทำให้สิมิลันผวาเฮือก ชักผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวทันควันโดยอัตโนมัติ ทั้งที่เสื้อที่สวมอยู่ยังปกปิดเนื้อตัวได้ครบถ้วนทุกประการ

“เอ๊ะ! ใครให้คุณเข้ามาเนี่ย” เสียงแหวตะโกนแหวกอากาศโดยไม่ลดเดซิเบลสักนิด ประหลาดใจหนักข้อขึ้นเมื่อได้ยินสรรพนามประหลาดที่เขาแทนตัวเองกับเธอ พี่งั้นเหรอ...แหวะ! สร้างภาพ!

“ใจเย็นค่ะน้องแซม ยังมีม่านกั้นอยู่ ไม่โป๊หรอกค่ะ” พยาบาลสาวยิ้มขัน

คนไข้ที่นั่งนิ่งให้อีกฝ่ายเช็ดตัวค้อนตาคว่ำ อีตาพระเอกมาเฟียโผล่กลับเข้ามาในห้องเธอโดยไม่รู้ตัวอย่างนี้ ไม่เห็นจะมีอะไรน่าขำเลยสักนิด

“เสร็จหรือยังคะ” สิมิลันหน้ามุ่ย ทำท่าจะกระตุกแขนคืนมา ทั้งที่เฝ้าเอ็ดอึงปัณณ์อยู่ในใจตลอดเวลาว่าเขาเอาแต่ใจ ทว่าหญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าเธอเอง...ก็เอาแต่ใจไม่เบาเช่นกัน

นางฟ้าชุดขาวไม่ถือสา ใช้ผ้าขนหนูเช็ดแขนขวาที่พันข้อมือไว้ไล่ลงมาจนถึงปลายนิ้วจนเสร็จเรียบร้อยเป็นลำดับสุดท้าย

“แหม...น้องแซมนี่ใจร้อนสมกับที่เป็นวัยรุ่นจริงๆ เลยนะคะ”

หญิงสาวหย่อนผ้าใส่กาละมังแล้วรูดม่านไปรวมกันที่ด้านหนึ่ง

“ฉันนึกว่าคุณจะไปแล้วไปเลยซะอีก กลับมาทำไม” สิมิลันตวัดตาค้อนคนที่มานั่งยิ้มเผล่อยู่บนโซฟาอีกครั้งด้วยความไม่เข้าใจ

“พูดกับพี่เพราะๆ หน่อยสิจ๊ะ” ใช่แต่สำนวนชวนขนลุก ปัณณ์ยังยิ้มกริ่มใจดีราวกับว่ากำลังเล่นละครฉากพระเอกผู้แสนดีอยู่กระนั้น

“เดี๋ยวอาหารเช้าจะมาส่ง ดิฉันจะแจ้งให้เขาเอาอาหารของพี่ปัณณ์ส่งให้ที่ห้องนี้ดีไหมคะ” เสียงหวานใสของคุณพยาบาลเสนออย่างมีน้ำใจ

สิมิลันละอยากจะย้อนเวลากลับไปดูป้ายชื่อที่อกเสื้อคนสวยจอมยุ่งเอาไว้เหลือเกิน รับรองได้เลยว่าเธอจะทำจดหมายร้องเรียนไปถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาล ให้ตัดเงินเดือนคุณพยาบาลคนนี้ด้วยข้อหาทำงานเกินหน้าที่ ทั้งยังส่งเสริมและช่วยเปิดโอกาสให้พระเอกมาเฟียนั่นจนออกนอกหน้า

“ขอบคุณมากครับ คุณใจดีจัง”

“แต่ฉันไม่อนุญาตนะคะ” สิมิลันขัดขึ้น แล้วก็ทำได้แค่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ที่เดิม เพราะสองคนนั้นส่งยิ้มให้กันอย่างแจ่มใสราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเธออย่างนั้นแหละ

ปัณณ์บุ้ยใบ้มาทางเธอ ทำสีหน้าเอ็นดู “นี่ล่ะครับ ฤทธิ์เยอะ สงสัยคงยังไม่หายโกรธที่ผมขับรถไปเกิดอุบัติเหตุจนความลับเรื่องที่เราแอบคบกันแตกดังโพละ คุณพยาบาลอย่าถือสาเลยนะครับ”

“ไม่หรอกค่ะ ดิฉันเข้าใจ เด็กสาวๆ ก็อย่างนี้แหละ เห็นมาเยอะแล้ว ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ ต้องไปตั้งวงเมาท์กับเพื่อนหน่อยแล้ว”

“เพลาๆ กันหน่อยก็ดีนะครับ เดี๋ยวคนนี้เขาจะยิ่งโกรธผมหนักเข้าไปใหญ่”

สิมิลันฟิวส์ขาด ใช้มือข้างดีคว้าหมอนขว้างใส่คนยิ้มหน้าเป็นที่กำลังโกหกหน้าตายอยู่ตรงหน้าอย่างอดไม่อยู่

“เฮ้ย!” ปัณณ์หันขวับมาด้วยสีหน้าถมึงทึง “มันจะมากไปแล้วนะสิมิลัน ได้ทีล่ะเอาใหญ่เลยนะ”

เสียงตะคอกแบบนี้สิ ค่อยเป็นปัณณ์ รัชนาถ ตัวจริงหน่อย

คุณพยาบาลรีบเดินตัวลีบออกจากห้อง เสียงงับประตูดังแผ่วๆ ให้ได้ยิน ขณะในห้องเงียบกริบ

สิมิลันยิ้มหยัน เห็นไหมล่ะ...เขาเล่นละครเป็นพระเอกผู้แสนดีหลอกคุณพยาบาลเท่านั้นแหละ โดนแหย่นิดเดียว นิสัยเดิมออกเลย

แต่ยังไม่ทันได้เย้ยเยาะ ก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะนักแสดงหนุ่ม...กลับเล่นตามบทเดิมได้อย่างเคร่งครัดเหลือเชื่อ

“ฉันขอโทษที่ขึ้นเสียงกับเธอเมื่อกี้นี้ แต่เธอก็ไม่ควรยั่วโมโหฉันนี่นา”

“ฉันไม่ได้ยั่วโมโห ฉันแค่รู้ทันคุณ ไม่ปล่อยให้คุณปั่นหัวได้ง่ายๆ ก็เท่านั้นเอง”

“เธอไม่เชื่อจริงๆ เหรอว่าฉันรู้สึกผิด แล้วก็กำลังพยายามจะแก้ตัวกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนั่นน่ะ”

“จ้างฉันไหมล่ะ” สิมิลันลอยหน้าถาม เจตนากวนอารมณ์เขา

“เท่าไหร่”

“ไอ้ลุงบ้า ฉันประชด!” คนพูดหันรีหันขวางหาอาวุธใกล้มือ พลางก็นึกเสียดายที่ไม่น่าเหวี่ยงหมอนใส่เขาเมื่อครู่เลย ตอนนี้รอบตัวเธอไม่มีอะไรให้ซัดใส่คนปากเสียสักชิ้น

“ฉันนึกว่าเธอพูดจริงนี่” ปัณณ์เสียงอ่อย

“บอกมาตรงๆ ดีกว่า ว่าคุณต้องการอะไรกันแน่ ถึงมาแกล้งทำดีกับฉันอย่างนี้”

ปัณณ์ยักไหล่ “ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร ฉันจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะเชื่อก็แล้วกัน”

คนเพิ่งตื่นใหม่ๆ เลื่อนตัวลงไปนอนอีกครั้ง ปัณณ์รีบลุกขึ้นมาไขเตียงให้อย่างเอาใจ

“จะนอนอีกแล้วเหรอ”

“ใช่ เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่ฉันจะได้ไม่ต้องเห็นหน้าคุณอีก”

“ตามใจนะ เพราะเดี๋ยวตื่นขึ้นมา เธอก็ต้องเจอฉันอีกอยู่ดี”

“คุณก็ไม่ได้เจ็บอะไรนักหนาไม่ใช่เหรอ แล้วยังอยู่โรงพยาบาลอีกทำไมให้เปลืองตังค์ กลับๆ ไปเสียทีสิ”

“เปลืองก็ไม่เป็นไร พี่สาวฉันรวย”

สิมิลันทำปากขมุบขมิบ จนด้วยคำโต้เถียง เสหันมาค้อนขวับให้ชายหนุ่ม ชี้มือไปที่โซฟา

“เอาหมอนให้หน่อย” รู้หรอกว่ากิริยาและเสียงวางอำนาจแบบนั้นแลหยาบคาย ทั้งเธอก็ไม่เคยทำกับใครเลยด้วย แต่หญิงสาวอยากลองของนี่นา

ปัณณ์เดินไปหยิบหมอนมาส่งให้เธออย่างว่าง่าย

“จริงๆ แล้วฉันไม่ใช่คนขี้โมโหหรอกนะ ออกจะน่ารักเสียด้วยซ้ำ ถ้าเธอรู้จักนิสัยจริงๆ ของฉัน เธออาจจะเกลียดฉันน้อยลงก็ได้”

“ไปหลอกสาวๆ ข้างนอกนั่นเถอะไป๊ ยังไงฉันก็ไม่เชื่อเด็ดขาด” สิมิลันตบหมอนแล้วขยับตัวนอนหันหลังให้พระเอกหนุ่ม ตั้งใจเงี่ยหูฟังว่าเมื่อไรเขาจะหมดความอดทนและออกจากห้องไปเอง

หลังจากนอนเกร็งอยู่นาน ในที่สุดสิมิลันก็ผล็อยหลับไปอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว






“แปรงฟันแล้วมากินข้าวกันเถอะ ฉันหิว” ปัณณ์ส่งเสียงพร้อมกับสะกิดบ่าคนหลับยิกๆ

สิมิลันบิดไหล่ ปัดมืออีกฝ่ายออก แล้วเบี่ยงตัวหลบปลายนิ้วนั้น ทำเสียงจิ๊จ๊ะในคออย่างหงุดหงิด

“ขอหนูนอนอีกหน่อยเถอะค่ะแม่ขา...” เสียงงึมงำดังแทบไม่พ้นริมฝีปากบาง

“นี่มันจะสิบโมงแล้วนะ ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลย” ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้ “กินข้าวๆๆ” จอมป่วนทำเสียงงอแงเอ่ยซ้ำๆ เหมือนเด็กเอาแต่ใจ

สิมิลันปรือตาขึ้นอย่างยากเย็น ดวงตากลมโตหยีสู้แสงไฟ และมันแปรไปเป็นกะพริบปริบเมื่อเห็นหน้าเจ้าของเสียงปลุกชัดๆ

ปัณณ์ยิ้มกว้าง ลุกขึ้นไปไขเตียงให้ปรับเอนขึ้นอีกครั้งโดยไม่ต้องร้องขอ เป็นการบังคับกลายๆ เสียมากกว่า “ไปแปรงฟันเถอะ ฉันรอเธอจนหิวไส้จะขาดแล้วนะ ทีแรกนึกว่าเธอแค่จะแกล้งนอนนะเนี่ย ที่ไหนได้ดันหลับจริงซะนี่”

ไม่พูดเปล่าเขายังขยับเข้ามาทำท่าจะประคองเธอลงจากเตียงอีกด้วย

“ไม่ต้อง! ฉันลงเองได้” สิมิลันแหวเสียงเขียว จำใจต้องก้าวลงมายืนบนพื้นด้วยตัวเองอย่างไม่เต็มใจนัก

คนเฝ้าไข้ส่ายหน้า “ดุอีกละ นี่ถ้าเป็นคนอื่นฉันจะบอกว่าไม่มีสัมมาคารวะแล้วนะ เธอควรจะพูดเพราะๆ กับฉัน อย่างน้อย...ก็ในฐานะที่ฉันอายุมากกว่าเธอนะ”

“ได้ค่ะ...คุณลุง!” สิมิลันประชดเสียงหวาน แล้วมือแบบบางก็คว้าเสาน้ำเกลือเดินเข้าห้องน้ำไปช้าๆ โดยมีร่างสูงยืนเท้าเอวหมั่นไส้ แต่ก็ยอมลากเสาน้ำเกลือของตัวเองตามประกบไม่ห่างในท้ายที่สุด

มือขวาที่พันผ้ายึดข้อมือไว้และดวงตาข้างซ้ายที่ปิดผ้ากอซอยู่ข้างหนึ่งทำให้สิมิลันถอนหายใจให้กระจก เธอเหลียวมามองคนที่หน้าประตูห้องน้ำซึ่งเปิดอ้ากว้าง ก็เห็นฝ่ายนั้นยิ้มประจบ

“ฉันทำให้” ปัณณ์กุลีกุจอหยิบยาสีฟันมาเปิดฝาบีบใส่แปรงให้หญิงสาว ทั้งยังหาแก้วมารองน้ำวางบริการอีกด้วย

สิมิลันสีฟันเรียบร้อยแล้วจึงใช้น้ำเย็นแปะตามใบหน้าเพื่อเรียกความสดชื่น โดยระวังมิให้โดนผ้ากอซที่ปิดแผลเย็บอยู่ จากนั้นจึงหันมาคว้าลูกบิดทำท่าจะปิดประตู

“เดี๋ยว! เธอจะทำอะไรน่ะ”

“ฉันปวดฉี่”

“งับประตูไว้เฉยๆ ก็พอนะ เผื่อเธอเป็นลมเป็นแล้ง ฉันไม่มีแรงพังประตูเข้าไปช่วยเธออย่างพระเอกในละครหรอก”

สิมิลันเบ้หน้า คนมองเดาได้หรอกว่าเธอคงกะจะขัดคำสั่งเขาให้ถึงที่สุด ปัณณ์จึงเอื้อมมือไปจับลูกบิดแล้วหมุนไว้จากด้านนอก เป็นการบังคับคนข้างในมิให้กดปุ่มล็อกได้ เขาดึงประตูงับไว้เฉยๆ และเพื่อความมั่นใจว่ามันจะไม่เลื่อนเปิดโดยไม่ตั้งใจ จึงออกแรงยึดเข้าหาตัวให้มั่น

เสียงทุบประตูปังบอกอารมณ์หงุดหงิดของคนเจ็บขี้โมโหได้ดี เขาจึงตะโกนปลอบ “รับรองน่าว่าฉันไม่บุกเข้าไปหาตอนเธอกำลังปลดทุกข์หรอก”

“บ้า!” สิมิลันโวยสวนทันควัน

ปัณณ์หัวเราะหึๆ เพิ่งรู้...ว่าถ้าเขาไม่เอาคำพูดใดของสิมิลันมาเก็บเป็นอารมณ์โกรธเกรี้ยว การเฝ้าดูอีกฝ่ายอาละวาดงอแงก็...สนุกดี

ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งสีหน้าสีตาแคลงใจ ท่าทางระแวดระวังพวกนั้น ถ้าตัดอคติทิ้ง และมองด้วยใจที่ไม่ลำเอียงก็...น่ารักดีออก

ปัณณ์ใจลอยยืนยิ้มกับตัวเอง มาสะดุ้งได้สติตอนที่เสียงทุบประตูดังปังๆ จากในห้องน้ำ เขาผลักประตูอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ ห่วงคนในห้องน้ำเป็นพิเศษ

“เป็นอะไร” เขาร้องถามเมื่อเห็นคนสิมิลันยืนหน้าบึ้งอยู่ตรงหน้า

“ฉันเปิดประตูไม่ออก”

คนฟังทำท่าโล่งอก “แล้วไป ฉันตกใจหมดเลย นึกว่าเธอหกล้ม”

“อ้อ...ฉันรู้แล้ว ที่คุณมาแกล้งทำดีกับฉันเนี่ย เพราะคุณคิดว่าฉันท้องใช่ไหม” ท้ายประโยคเธอกัดฟันงึมงำแทบไม่พ้นลำคอ ราวกับเกรงว่าจะมีใครแอบซ่อนไมโครโฟนไว้ดักฟังอยู่ในห้องกระนั้น

ปัณณ์ไม่แก้ข้อกล่าวหา แต่ใช้วิธีเสเปลี่ยนเรื่องแทน “ที่เธอเปิดประตูไม่ได้ เพราะฉันดึงไว้น่ะ ฉันกลัวประตูถูกลมพัดแล้วเปิดออก เดี๋ยวเธอหาว่าฉันฉวยโอกาส”

“จะต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าฉันไม่ได้ท้อง” ต่างคนต่างพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากบอก โดยไม่สนใจเลยว่ามันไม่ได้ต่อเนื่องกับบทสนทนาก่อนหน้าสักนิด

“ไปกินข้าวกันเหอะ ฉันหิวมากๆ แล้วเนี่ย เมื่อกี้แอบเปิดดูถาดอาหาร ไข่ตุ๋นกับไก่ผัดเปรี้ยวหวานน่ากินชะมัด” ปัณณ์เล่าอย่างออกรส ไม่ทันสังเกตสีหน้าพะอืดพะอมของคนฟัง

แล้วเขาก็สะดุ้งอีกคำรบ เมื่อสิมิลันหันไปคว้าเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า โก่งคออาเจียน แต่มีเพียงน้ำลายเหนียวๆ ออกมาเท่านั้น

มือใหญ่รีบลูบหลังให้ พร้อมกับใช้แก้วรองน้ำส่งให้เธอบ้วนปาก

“เห็นไหม...อาการฟ้องขนาดนี้แล้ว เธอยังจะปากแข็งว่าไม่ได้ท้องอีก เธอหลอกฉันไม่ได้หรอกน่า”

“ไม่เชื่อก็ตามใจ” สิมิลันปัดมือที่แตะอยู่บนบ่าตนเองออก ดึงทิชชูเช็ดปากแล้ว ลากเสาน้ำเกลือออกจากห้องน้ำมายืนเกาะโต๊ะที่วางอาหารสองถาดไว้

ปัณณ์ตามมารุนหลังหญิงสาว “เธอไปนั่งที่เตียงสิ เดี๋ยวฉันเข็นโต๊ะไปให้”

ถ้าไม่ใช่เพราะขี้เกียจขัดใจ ก็อาจเป็นเพราะเธอเริ่มเหนื่อยกับการต่อปากต่อคำ สิมิลันจึงยอมทำตามคำสั่งนั้นโดยไม่อิดเอื้อน

“น่ากินเนอะ” เขาเปิดฝาอาหารทีละจานแล้วชวนคุย แม้แต่ปัณณ์ก็ยังแปลกใจตัวเองที่เขาบริการใครสักคน...ขนาดนี้

สิมิลันคว้าช้อนไปตักกับข้าวชิมด้วยท่าทีหิวโหย “ตั้งแต่เมื่อวานกลางวัน นอกจากน้ำเกลือพวกนี้แล้ว ฉันไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย”

ปัณณ์ถือช้อนค้าง “เพราะฉันอีกแล้วสิ ที่ทำให้เธอสองแม่ลูกอดข้าว”

“ขอร้องล่ะ เลิกน้ำเน่าแล้วฟังฉันบ้างได้ไหม ฉันไม่ได้ท้อง ที่คุณเห็นอยู่นี่ ฉันก็แค่เป็นโรคกระเพาะเท่านั้นเอง”

“มุกนี้เก่าแล้วน่าสิมิลัน ใครๆ เขาก็เล่นกัน เธอน่าจะหามุกใหม่มาโกหกฉันแทนนะ”

“เคยมีคนบอกไหมว่าคุณน่ะมันหัวดื้อยังกับลาแน่ะ”

“ไม่มีใครกล้าหรอก แต่...ฉันดีใจนะที่คนแรกที่พูดแบบนี้เป็นเธอน่ะ เห็นไหม...เธอเป็นปรากฏการณ์ใหม่ๆ ในชีวิตฉันเยอะแยะเลย”

“ตาลุงโรคจิต” เธอจงใจเปรยดังๆ แอบเหลือบตามองปฏิกิริยาของคู่สนทนา ก็เห็นเขาเงียบ สีหน้ามีแววผิดหวังไม่น้อย “นี่คุณด้านชากับการถูกเรียกว่าลุงแล้วเหรอ”

“ถามจริง...ทำไมเธอถึงจงใจทำให้ฉันโกรธ” ปัณณ์เพิ่งสังเกตเห็นว่าเธอเจตนายั่วอารมณ์เขา มิน่า...เขาถึงอารมณ์เสียทุกครั้งที่อยู่ใกล้ผู้หญิงคนนี้

“เรื่องแค่นี้ก็ไม่รู้เหรอ มันสะใจดีไง เวลาเห็นพระเอกมาเฟียอย่างคุณถูกคนขัดใจน่ะ”

“ความคิดเชิงลบแบบนี้ไม่ดีกับลูกในท้องนะ”

สิมิลันกระแทกช้อนลงกับจานทันที “ฉันบอกว่า...”

“โอเคๆ เธอไม่ท้อง ฉันเชื่อก็ได้” ปัณณ์หยวนให้ แล้วชวนดื้อๆ ”เดี๋ยวอิ่มแล้วเราหนีออกจากโรงพยาบาลกันไหม”

“ทำไมต้องหนี”

“ถ้าไม่หนี เธอจะรอนักข่าวมารุมสัมภาษณ์เราเหรอ ตอนที่เธอหลับฉันออกไปผูกมิตรกับพยาบาลที่เคาน์เตอร์ข้างหน้ามา สาวๆ บอกว่าข้างล่างยังมีนักข่าวบางคนดักคอยอยู่นะ”

“เขาคอยคุณ ไม่ใช่ฉัน”

“ผิดละ เขาคอย ‘เรา’ ต่างหาก” ปัณณ์หันไปคว้าหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโซฟามาส่งให้เพื่อนร่วมห้อง “พาดหัวใหญ่ซะขนาดนั้น เธอคิดเหรอว่าใครจะเชื่อที่พี่หนุ่มอ้างว่าเราออกไปซื้อยาทำแผลน่ะ ลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อวานเราไปร้านอาหารด้วยกันก่อนจะออกมารถชนนั่นน่ะ”

สิมิลันกุมขมับ “แม่ต้องเห็นข่าวนี่แล้วแน่ๆ”

“แม่เธอดุเหรอ”

“เปล่า แต่ฉันไม่อยากให้แม่เป็นห่วง เป็นข่าวแบบนี้มันทำให้แม่ไม่สบายใจ”

“แล้วไอ้ที่ถ่ายชุดว่ายน้ำพวกนั้น แม่เธอสบายใจดีงั้นเหรอ” ทั้งที่ตั้งปณิธานไว้ว่าจะทำตัวใหม่กับผู้หญิงคนนี้ แต่ปัณณ์ก็อดแขวะไม่ได้อยู่ดี

หญิงสาวถอนใจ “แม่เข้าใจดีว่ามันเป็นงาน”

“มีแม่ที่ไหนจะพอใจที่ลูกสาวตัวเองไปใส่ชุดวับๆ แวมๆ ให้ผู้ชายดูทั้งประเทศบ้าง”

“ก็แค่ดูไง ไม่ใช่ข่าวที่ออกมาในเชิงที่ว่าฉันหนีกองถ่ายไปมั่วกับคุณแบบนี้” สิมิลันค้อน

“งั้นเราไปอธิบายให้แม่เธอฟังด้วยกันสิ”

“อธิบายอะไร ไม่มีอะไรต้องพูดถึงทั้งนั้นแหละ” คนฟังระแวง ปฏิเสธเสียงสั่น กลัวใจผู้ชายเอาแต่ใจคนนี้ไม่น้อย เกิดเขาพาดพิงถึงเหตุการณ์คืนนั้นให้มารดาเธอทราบ สิชลคงต้องหัวใจสลายแน่นอน

“ก็บอกเหมือนที่บอกพยาบาลไปเมื่อเช้าแหละ ว่าเราคบกันอยู่”

“ไร้สาระ!”

“นี่! พูดจากับผู้ใหญ่ ให้มันมีสัมมาคารวะหน่อยได้ไหม” ปัณณ์ทำเสียงไม่พอใจ

“ตกลงค่ะ...คุณลุง!”

ปัณณ์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ยายเด็กบ้า”

บ่นอย่างนั้นแต่เขาก็ควักโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าเสื้อกดเรียกไปยังเลขหมายหนึ่ง เสียงที่กรอกลงไปแม้ไม่กรรโชก ทว่าประโยคคำสั่งแบบนั้นก็บอกความเอาแต่ใจได้เป็นอย่างดี

“พี่ปริมครับ ส่งเลขาฯมาจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลให้หน่อยสิฮะ ผมจะกลับละ”

สิมิลันเงี่ยหูฟังด้วยความสนใจ เพราะผู้ชายที่ทำหน้าคว่ำเป็นภควัมแทบทั้งวี่วัน รู้จักแต่ทำเสียงแข็งห้วนขู่เธอตลอดเวลาที่รู้จักกัน ตอนนี้กลับกำลังออดอ้อนคนปลายสายเสียงอ่อนเสียงหวานทีเดียว

หญิงสาวจำต้องยอมรับว่าเธอสัมผัสได้ว่าเขามิได้เสแสร้ง แต่...กิริยานั้นเป็นไปด้วยความเคยชินเหมือนว่าประเหลาะกันแบบนี้เสมอๆ มากกว่า

“ใช่ครับ ผมกับสิมิลันจะแอบหลบออกจากโรงพยาบาลไม่ให้นักข่าวรู้ ผมว่า...จะไปส่งเขาที่บ้านก่อน จะไปอธิบายเรื่องข่าวให้แม่ของตองฟังด้วย พี่ปริมส่งรถมาให้ผมคันหนึ่งด้วยน้า ขอบคุณครับ”

เขาวางสายแล้วหันมาส่งยิ้มกว้างให้เธอ

“ฉันจะไปเปลี่ยนชุดก่อนเดี๋ยวมา ส่วนเธอเลิกคิดเลยนะที่จะใส่ไอ้เสื้อตัวเท่าผ้าเช็ดหน้ากับกางเกงสั้นกุดจุนจู๋ที่ใส่มานั้นน่ะ แต่งชุดคนไข้ไปนี่แหละ ไม่โป๊!”




* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ฝากผลงานเล่มอื่นๆ ของสิริณไว้ด้วยนะคะ

ทั้ง ภาพรักในฝัน - รอยตะวัน - แผนก่อการรัก

ตีพิมพ์กับ สำนักพิมพ์อรุณ ค่ะ



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.ย. 2555, 16:13:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.ย. 2555, 16:16:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 2934





<< ตอนที่ ๑๖   ตอนที่ ๑๘ >>
Siang 25 ก.ย. 2555, 16:16:06 น.
นึกว่าฝันไป ที่เห็นนายปัณณ์โหมดนี้


สิริณ 25 ก.ย. 2555, 16:24:53 น.
กรี๊ซซซซซซซซ คุณ Siang มาไว้ไว ^^
แน๊ะ มีคนไล้ค์หนึ่งคนแล้วด้วย
โมเมว่าเป็นผลงานของคุณ Siang นะคะ
ขอบคุณค่ะ

ขอความเมตตากดไล้ค์ คนละทีด้วยน้า (พลีสสสสสสส)
ถ้าจะช่วยกัน ติ ชม กรี๊ด และหมั่นไส้ตาลุงหื่น
ก็ยินดีค่ะ อิอิ


sai 25 ก.ย. 2555, 16:46:49 น.
อ๊ายยย ลุงเปลี่ยนไป๋ปปปปปปปปปปปปปปป


supayalak 25 ก.ย. 2555, 16:49:00 น.
มาโหมดนี้ มึนไปเล้ยใช่ม้า ว่าแต่นางเอกไม่ท้องจริงๆ เหรอ เสียดายจัง


violette 25 ก.ย. 2555, 16:57:34 น.
นายปัณอ่อนข้อให้หนูตอง โอ้....
สรุปหนูตองเป็นอะไรหนอ ไม่ท้องก็ป่วยหนักล่ะมั้ง


mhengjhy 25 ก.ย. 2555, 17:26:44 น.
เอ้ จะอยู่แบบนี้ได้นานแค่ไหนน้อ เดี๋ยวก็ปรี๊ดอีก
บอกแล้วว่าไม่ได้ท้อง (ป่าวหว่า...ไม่กล้าปักใจเชื่อ) อิอิ


phakarat 25 ก.ย. 2555, 17:35:39 น.
หนูตองปรับตัวแทบไม่ทันเลย


เด็กหญิงม่อน 25 ก.ย. 2555, 17:54:21 น.
ตอนนี้ลุงน่ารักมากเลยค่ะ
ครั้งก่อนแอบเห็นเรื่องนี้ขึ้นกระทู้แนะนำที่พันทิพย์ด้วย ดีใจด้วยนะคะ
ว่าแต่ตกลงหนูตองท้องจริงรึเปล่าคะเนี่ย


แล่นแต๊ 25 ก.ย. 2555, 18:01:54 น.
นายปัณณ์ ตอนนี้ให้คะแนน +1 เริ่มทำตัวน่ารักขึ้นละ ^^


bsirirata 25 ก.ย. 2555, 18:21:31 น.
ใส่ชุดคนไข้หนีออกจากโรงพยาบาลเนี่ยนะคะคุณ แหม พระเอกเรา เก๋นะฮะ


nunoi 25 ก.ย. 2555, 19:24:59 น.
คุณลุง โหมดนี้น่ารักดีอ่ะ ว่าแต่หนูตองไม่ท้องจริงๆ เหรอเนี๊ยะ
ไม่ท้องไม่เป็นไร แต่อย่าถึงขนาดเป็นโรคร้ายแรงน๊า


รอให้เป็นเล่ม 25 ก.ย. 2555, 20:04:03 น.
สรุปว่าท้อง... หรือว่าเป็นโรคร้ายอ่ะ
คนอ่านลุ้น!!!


minafiba 25 ก.ย. 2555, 20:08:30 น.
^____^


SaturnStar 25 ก.ย. 2555, 21:45:29 น.
คุณสิริณ ทำเอาคนอ่านอย่างเราๆสับสนกับความคิดจริงๆเลยค่ะ
ตอนนี้ชักไม่แน่ใจว่าหนูตองจะืท้้องหรือไม่ท้องกันแน่น๊า
ก็ตั้งหน้าตั้งตารออ่านตอนต่อไปค่ะ
ปล.เคยได้อ่านประโยคนี้ "หน้าคว่ำเป็นภควัม" ผ่านตาก็ตั้งหลายครั้ง
แต่เพิ่งคิดจะไปหาความหมายเอาเมื่อผ่านตาครั้งนี้นี่แหล่ะค่ะ


ree 25 ก.ย. 2555, 21:49:37 น.
พระเอกกำลังจะเข้าโหมดจีบสาวแล้วใช่ป่าว


หมวยจ้า 25 ก.ย. 2555, 22:01:31 น.
^^


chocoholic 26 ก.ย. 2555, 01:04:22 น.
อุ่ยตาย!!! คุณลุงมีมุมน่ารักอย่างงิด้วย (o^^o)


winbkin 26 ก.ย. 2555, 05:27:39 น.
คุณลุงหมวดออดอ้อน น่ารักมั่กๆ


agentaja 26 ก.ย. 2555, 09:59:29 น.
ลุงเค้าหัวกระแทกจริงๆ ใช่ป่ะ


หมูอ้วน 26 ก.ย. 2555, 14:35:34 น.
คุณลุงรู้ใจตัวเองแล้วใช่อ่ะป่าวว หุหุ


Okuriumi 26 ก.ย. 2555, 14:55:26 น.
ตามมาให้กำลังใจแล้วนะค่ะ ติดตามอ่านถุกตอนนะค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account