บุหงาซ่อนกลิ่น (ช่องสามซื้อลิขสิทธิ์แล้ว)
ด้วยความรู้สึกผิด เขาจึงติดตามชดใช้
จนกลับกลาย...มาเป็นความรัก

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สิมิลัน มายาวี เจ้าของฉายาสาวฮอตทะเลร้อนไม่เข้าใจเล้ย! ว่าทำไมในละครถึงชอบให้พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วตอนท้ายนางเอกก็ดันไปหลงรักผู้ชายเฮงซวยจำพวกนั้นเสียด้วย

เพราะวันที่ฝันร้ายเกิดขึ้นกับเธอ หญิงสาวเกลียดปัณณ์ รัชนาถ จนแทบไม่อยากเห็นหน้า ถ้าฆ่าเขาให้ตายคามือได้โดยไม่ติดคุก เธอก็คงทำไปแล้วแน่ๆ

แต่แล้วเมื่อข่าวหลุดลอดออกไป แทนที่ผู้คนจะเห็นใจว่าเธอถูกกระทำ กลับหาว่าเธอจงใจยั่วซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของวงการ ทั้งยังวางแผนแบล็คเมล์กะจับเขาให้อยู่มือเสียอีก

โอ๊ย! โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้วนี่!

ครั้นจะลุกขึ้นมาทวงศักดิ์ศรี ใครล่ะจะเชื่อ ในเมื่อเธอเป็นแค่ตัวอิจฉาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่นางเอกที่จะเรียกร้องความเห็นใจจากใครได้เลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ค่าตัวแพงไม่เบานะ” เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังหยุดย่างก้าวของเธอได้ชะงัดนัก

หญิงสาวตัวชาวาบ หันขวับมาตวัดมองเจ้าของเสียงทันควัน ปัณณ์ในเครื่องแต่งกายชุดใหม่เดินลงบันไดโค้งมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถึงฉันจะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันขายตัว”

“แต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงกลางเมือง ยังจะปฏิเสธอีก เธอนี่โชคดีเหลือเกินนะ ยายเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คืนเดียวเรียกได้ตั้งยี่สิบล้าน!”

ดวงตาสิมิลันวาวจ้าราวแม่เสือ กระนั้นกลับมีหยาดน้ำวาวๆ คลอเต็มหน่วย หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น รวบรวมทุกกำลังใจที่เหลืออยู่น้อยนิด ย้ำกับตัวเองว่าให้เข้มแข็งเข้าไว้ หากจะตายก็ขอไปตายที่อื่น อย่าให้ผู้ชายคนนี้เห็นความอ่อนแอของเธอเด็ดขาด อย่าให้เขาหัวเราะเยาะ เย้ยหยันเธอได้อีก

หญิงสาวเชิดหน้า แต้มยิ้มเหยียด “ก็คงไม่โชคดีเหมือนไอ้เฒ่าตัณหากลับอย่างคุณหรอก แก่ขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างฉันน่ะ”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑๖

หญิงสาวเบือนหน้าหลบเงามืดที่ขวางอยู่ตรงหน้า กะพริบตาซ้ำๆ เพื่อไล่อาการตาพร่า แต่ไม่ว่าจะลืมตาขึ้นกี่ครั้ง เงาดำนั้นก็ยังขวางดวงตาข้างหนึ่งอยู่ดังเดิม

“โอย...” สิมิลันครางเสียงแผ่ว รู้สึกถึงอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตัวราวกับเพิ่งถูกทุบมาจนน่วม แรงปวดหนึบๆ ตรงแนวไหปลาร้าและอาการจุกที่หน้าอกเบื้องซ้ายทำให้หวั่นใจนิดๆ

“ฟื้นแล้วหรือยายตอง” น้ำเสียงตื่นเต้นคุ้นหูดังขึ้นข้างตัว

สิมิบันเบือนหน้าไปทางเจ้าของเสียง ท่อนแขนซ้ายที่หนักอึ้งราวกับถูกทาบทับไว้ด้วยหินผาฝืนยกขึ้นแตะดวงตาข้างซ้ายเจ้าปัญหา “พี่งาม...ทำไม...ตาข้างนี้ของตองมองไม่เห็นล่ะ”

งามตาแตะแขนเธอเบาๆ ”ไม่ต้องตกใจนะตอง เธอแค่มีแผลแตกที่เหนือเปลือกตาน่ะ คุณหมอเย็บแผลให้แล้วก็เลยต้องปิดตาไว้ชั่วคราว ไม่งั้นเดี๋ยวแผลจะปริ ดวงตาเธอยังปกติดีทุกอย่างจ้ะ”

สิมิลันเป่าปากอย่างโล่งอก “แล้วนี่...ตองเป็นอะไรมากไหมคะ ทำไมปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวเลย”

งามตายู่หน้า “มากย่ะ! นอกจากหัวแตก ฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัวแล้ว เธอยัง...ข้อมือซ้นอีกด้วย”

“โธ่...พี่งามน่ะ ตองตกใจหมดเลย”

“แล้วพี่ไม่ตกใจหรือไง ทีมงานโทร.ไปบอกว่าเธอคว้าแจกันฟาดปัณณ์หัวแตก แล้วเขาก็ลากเธอขึ้นรถไป โทร.ติดต่อไม่ได้ทั้งคู่ มารู้อีกทีก็ตอนที่เธอเป็นข่าวว่อนอินเทอร์เน็ตว่าแอบหนีกองถ่ายไปจู๋จี๋กับปัณณ์ รัชนาถ จนประสบอุบัติเหตุ คนที่เห็นเหตุการณ์เอาคลิปไปโพสต์ พี่ คุณดา แล้วก็นักข่าวถึงตามกลิ่นมาถึงนี่ได้น่ะ”

“บ้าใหญ่แล้ว” สิมิลันพึมพำอ่อนใจ

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกตอง พี่หนุ่มเขาแถลงข่าวแล้วเมื่อกี้นี้เอง บอกว่าปัณณ์หัวแตกเพราะเกิดผิดคิวระหว่างถ่ายทำนิดหน่อย เธอสองคนก็เลยออกไปซื้อยาทำแผล แล้วก็ประสบอุบัติเหตุอย่างที่เป็นข่าวนี่ล่ะ”

“แล้วนักข่าวเชื่อไหมคะ”

“ถุงใส่ยาที่ตกอยู่ในรถ กับเภสัชกรที่ร้านยืนยันว่าพี่หนุ่มพูดจริงจ้ะ”

“แค่นั้นเหรอคะ” สิมิลันยังไม่เชื่อง่ายๆ

“จ้า เดี๋ยวพี่ไปบอกคุณหมอก่อนว่าเธอฟื้นแล้ว จะได้มาตรวจดูให้เรียบร้อยว่าเธอปลอดภัยแล้วจริงๆ” งามตาแตะบ่าหญิงสาวอย่างให้กำลังใจแล้วเดินลับกายออกจากห้องไป

คนเจ็บหลับตาลงอย่างสิ้นแรง จากที่ฟังงามตาพูด เธอรู้ว่ากระแสข่าวในโลกข้างนอกนั่นน่าจะไปไกลและรุนแรงกว่าที่งามตาเอ่ยแน่นอน

“ฟื้นตัวไวมากเลยนะครับ ถ้าดูจากสภาพร่างกายของคุณ” เสียงนุ่ม ใจดีดังขึ้น

สิมิลันลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างยากเย็น เธอฝืนยิ้มเมื่อเห็นผู้ชายสูงวัยในเสื้อกาวน์สีขาวก้าวเข้ามายืนชิดเตียงคนเจ็บ ในมือเขามีกระดานเหน็บกระดาษปึกใหญ่อยู่ด้วย

มือเหี่ยวย่นเลื่อนมาแตะแอ่งชีพจรที่คอเธอพร้อมกับดูเวลาที่นาฬิกา

“หัวใจเต้นเร็วไปนิด” เขาบ่น “คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าสภาพตัวเองไม่เหมาะจะอยู่ในรถสปอร์ตแบบนั้นเลย”

สิมิลันกำผ้าห่มแน่น ดวงตาที่มองเห็นเพียงข้างเดียวชั่วคราวเขม้นมองคู่สนทนาด้วยอาการตื่นกลัว สีหน้าของนายแพทย์ชราทำให้สิมิลันรู้ทันที่ว่าเขารู้...

“ผมอยากให้คุณตรวจร่างกายอย่างละเอียด”

เธอเหลือบไปทางงามตาที่ยืนอยู่เบื้องหลัง แล้วโพล่งคำถามออกไประรัวเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน

“ด้วยจรรยาแพทย์ คุณหมอไม่มีสิทธิ์เปิดเผยข้อมูลของคนไข้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาตใช่ไหมคะ”

“ก็ใช่ครับ แต่ว่า...”

“นั่นล่ะค่ะ ดิฉันไม่อนุญาตให้คุณหมอเปิดเผยอาการป่วยของฉันให้บุคคลที่สามทราบโดยเด็ดขาด ถ้ามีใครสักคนรู้เรื่องนี้ ฉันจะฟ้องคุณหมอค่ะ” สิมิลันฝืนใจเอ่ยรวดเดียว โดยไม่หยุดหายใจ

คนผ่านโลกมามากกว่าส่ายหน้า พยายามประโลมด้วยน้ำเสียงปลอบโยน “ผมรู้นะว่าคุณเป็นคนดัง และอาการป่วยที่คุณเป็นอยู่มันไม่ส่งผลดีกับชื่อเสียง แต่...คุณควรต้องได้รับการตรวจ และได้รับการดูแลเป็นพิเศษ มันอันตรายมากที่คุณจะ...”

สิมิลันไม่ยอมให้เขาพูดจนจบ แต่จงใจเปลี่ยนเรื่องด้วยการถาม “คนที่ประสบอุบัติเหตุพร้อมดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ”

“ปลอดภัยครับ” นายแพทย์สูงวัยตอบ ดวงตาที่เพ่งมองมาอย่างปรานีทำให้สิมิลันเบือนหน้าหลบสายตาคู่นั้นทันควัน

“ถ้าคุณยืนยันว่าจะไม่ตรวจร่างกาย หมอก็จนใจนะ เอาอย่างนี้ ร่างกายคุณอ่อนแอมาก งั้น...หมอจะสั่งยานอนหลับให้คุณพักผ่อนมากๆ ก็แล้วกัน แต่ถ้าวันไหนที่เปลี่ยนใจ มาหาหมอได้ทุกเมื่อนะ”

สิมิลันยกมือขึ้นพนมแสดงความขอบคุณอย่างยากเย็น ดวงตาบอกความซาบซึ้ง “ขอบคุณค่ะคุณหมอ ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องมีคนไข้ดื้ออย่างหนู”

นายแพทย์สูงวัยถอนหายใจด้วยความเวทนาเมื่อได้ยินสรรพนามที่เปลี่ยนไปในตอนท้าย เขาหันกลับไปสบตาคนเฝ้าไข้ แล้วส่ายหน้า ไม่เอ่ยอะไร

งามตาคอยจนคนนอกลับตาไปจากห้องแล้ว จึงมาเกาะขอบเตียง เค้นจะเอาคำตอบให้ได้

“ที่เธอคุยกับหมออย่างนั้น ตกลงว่าตองรู้อยู่แล้วหรือว่าเธอท้องน่ะ”

“ตองไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย” สิมิลันบ่ายเบี่ยงแล้วเปลี่ยนเรื่อง “แม่กับเตยรู้เรื่องหรือยังคะพี่งาม”

“พี่โทร.บอกแล้วจ้ะ ทีแรกก็จะมาเยี่ยมกันให้ได้เลย แต่พี่ห้ามไว้เพราะเห็นว่านี่ดึกมากแล้ว แม่ตองเดินทางไม่สะดวกหรอก แต่พรุ่งนี้คงต้องรบเร้าให้พี่พามาเยี่ยมเธอแน่ๆ”

“นักข่าวเยอะแยะค่ะ แม่มาแล้วอาจจะอึดอัด”

“เธอโทร.คุยกับแม่สิ” งามตาดึงโทรศัพท์มากดเรียกไปที่บ้านของสิมิลันแล้วส่งให้หญิงสาวพูดสาย เด็กสาวค่อยๆ รายงานอาการตัวเองให้มารดาฟังอย่างใจเย็น แล้วลงท้ายว่า

“ตองปลอดภัยแล้วค่ะแม่ คิดว่าหมอคงให้กลับบ้านได้เลย แม่ไม่ต้องลำบากมาเยี่ยมตองนะคะ พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้ว ราตรีสวัสดิ์ค่ะแม่”
สิมิลันส่งโทรศัพท์คืนให้งามตาแล้วเปรยลอยๆ “หนูชักปวดหัวยังไงไม่รู้ ขอนอนอีกหน่อยนะคะ”

คนเจ็บเอาเหตุผลเช่นนั้นมาอ้าง แล้วก็ขยับนอนหันหลังให้กับผู้จัดการส่วนตัว ราวกับจะกีดกันอีกฝ่ายไว้จากโลกแห่งความลับที่เธอเก็บซ่อนเอาไว้กับตัวเองตามลำพัง






ปริมเป่าปากอย่างโล่งอก เมื่อเห็นคนบนเตียงขยับตัวหลังจากหมดสติไปเกือบสามชั่วโมง ทว่าคำถามแรกของเขาหลังจากลืมตาขึ้น กลับเป็น…

“สิมิลันเป็นยังไงบ้างครับ”

“ใจคอจะไม่ถามถึงตัวเองก่อนหรือ” ปริมยิ้มล้อๆ ”แน่ใจหรือว่าเธอเกลียดเขาอย่างปากว่าจริงๆ น่ะ”

ปัณณ์ยันตัวขึ้นนั่ง โผเผทำท่าจะลงจากเตียงทั้งที่ยืนแทบไม่มั่นคงด้วยซ้ำ

“นั่นเธอจะไปไหนน่ะปัณณ์” หญิงสาวปราดเข้ามาคว้าไหล่คนเจ็บรั้งเขาให้นั่งอยู่บนเตียง

“ยายนั่นเจ็บเพราะผม”

ปริมลูบศีรษะเขาเบาๆ อย่างเอ็นดู “ปัณณ์ ปีนี้เธออายุเท่าไหร่แล้ว หัดโตซะทีสิ ยอมรับได้แล้วว่าเธอห่วงผู้หญิงคนนั้น”

“ผมเนี่ยนะห่วงยายนั่น ไม่เลย ผมก็แค่รับผิดชอบสิ่งที่ทำลงไปเท่านั้นเอง”

“เรื่องไหนล่ะ เรื่องคราวก่อนนั้น หรือว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น” ชะรอยคำถามของเธอจะจี้โดนใจดำเข้าพอดี

“พี่ปริมจะซักผมให้ได้อะไรขึ้นมานะ” เขากระชากเสียงไม่พอใจเหมือนทุกครั้งที่ถูกต้อนเข้ามุม

“ปัณณ์ ฟังพี่นะ...เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว เธอแก้ไขไม่ได้ แต่...สิ่งที่รออยู่ข้างหน้า เธอเลือกได้นะว่าอยากให้มันเป็นแบบไหน ที่ทำปากแข็งใจแข็งอย่างทุกวันนี้น่ะ เธอโกหกได้แต่คนอื่นเท่านั้นแหละ ผู้ชายอย่างเธอไม่จำเป็นต้องตามตอแยใครเลย แต่เธอก็ทำไปแล้ว เธอไม่เคยสนใจสักนิดว่าใครจะรู้สึกยังไงกับตัวเอง แต่เธอแคร์เหลือเกินกับการที่สิมิลันมองผ่านเธอไปเหมือนอากาศธาตุ เธอหงุดหงิดที่ถูกผู้หญิงคนนั้นปฏิบัติด้วยอย่างคนไม่มีตัวตน ปัณณ์...รู้ตัวบ้างหรือเปล่าว่าเธอห่วงแล้วก็สนใจสิ่งที่เด็กคนนั้นคิดกับเธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วไอ้ที่เหน็บแนมปราชญ์อยู่ทุกวี่ทุกวันก็เพราะความหึงหวงทั้งนั้น เลิกหลอกตัวเองเสียทีเถอะ เธอชอบเขา”

“บ้าไปแล้วพี่ปริม ยายนั่นเป็นสิบแปดมงกุฎ ผมไม่มีวันชอบผู้หญิงแบบนั้นเด็ดขาด”

มือแบบบางโอบบ่าหนั่นแน่นดึงตัวเขามากอด แล้วเอ่ยประโยคถัดไปราวกับไม่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของอีกฝ่าย “ปัณณ์ ผู้หญิงน่ะชอบผู้ชายอ่อนโยนนะ ยิ่งเธอไปแสดงความรังเกียจ วางท่าข่มเขาตลอดเวลาอย่างนั้น เธอจะรอปาฏิหาริย์ที่ไหนมาเสกให้สิมิลันรักเธอหรือ ไอ้พระเอกโหดๆ ประเภทตบจูบน่ะ ทำให้นางเอกรักได้แต่ในละครเท่านั้นแหละ ผู้หญิงที่มีเลือดเนื้อจริงๆ ไม่ทนกับคนหยาบคายหรอก เชื่อพี่สิ พี่เป็นผู้หญิงพี่รู้ใจผู้หญิงด้วยกันดี” ปริมตบบ่าน้องชาย

“เห็นเธอปลอดภัยพี่ก็เบาใจ เธอพักเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว” พูดจบสาวใหญ่ก็หันไปคว้ากระเป๋าออกจากห้องพักฟื้นคนไข้ไปดื้อๆ ปล่อยให้คนเจ็บนั่งห้อยขาอยู่ที่เดิม

ปริมเหลือบมองประตูที่ค่อยๆ งับลงจนสนิทแล้วใบหน้าก็แต้มด้วยรอยยิ้ม

แน่ล่ะว่าทั้งหมดที่พูดไป เป็นไปเพราะอยากให้ปัณณ์รู้ใจตัวเอง แล้วก็เลิกโกหกตัวเอง

เธอคงดีใจที่สุด ถ้าปัณณ์จะเลิกเร่รอนเสเพลเป็นนกไร้รังอย่างนี้ แล้วก็รู้จักกับความรักที่แท้จริง มีใครสักคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจเสียที

ในฐานะของรัชนาถคนหนึ่ง ปริมรู้...ว่าวันที่เธอรอคอย กำลังใกล้เข้ามาถึงทุกที!






ร่างสูงเพรียวในชุดเสื้อผ้าฝ้ายสีฟ้าครามของโรงพยาบาลยืนเกาะเสาน้ำเกลืออยู่หน้าประตูบานหนึ่ง ดวงตาคมกริบมองป้ายชื่อหน้าห้องเป็นนานสองนาน ปัณณ์ถอนหายใจ ยึดเสาน้ำเกลือกระย่องกระแย่งกำลังจะเดินกลับห้องอยู่แล้ว แต่เสียงเรียกจากเบื้องหลังก็ดังขึ้นเสียก่อน

“คุณคะ จะมาเยี่ยมคุณสิมิลันหรือ”

ปัณณ์เบือนหน้ากลับมาช้าๆ ”เอ้อ...ไม่ดีกว่าครับ เกรงใจ เธออาจจะไม่สะดวก”

“เธอหลับอยู่น่ะค่ะ คุณหมอให้ยานอนหลับไว้”

ปัณณ์ขมวดคิ้ว สีหน้าเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัว “เธอเป็นอะไรมากหรือครับ”

พยาบาลสาวใหญ่ยิ้มบางๆ “เข้าไปดูอาการเธอด้วยกันสิคะ เด็กๆ ที่ห้องฉุกเฉินมาเมาท์กันให้แซดเลยว่าคุณประสบอุบัติเหตุด้วยกัน”

“ครับ...แล้วนี่นอกจากผมกับสิมิลันแล้ว มีคนอื่นบาดเจ็บอีกหรือเปล่าครับ”

“โชคดีค่ะที่คุณหักหลบรถเครื่องนั่นทัน ก็เลยไม่มีใครเป็นอะไร แต่คุณสองคนสิคะแย่หน่อย ข้างล่างนักข่าวเต็มไปหมดเลย คุณหมอก็เลยต้องสั่งห้ามเยี่ยม ถึงได้ไม่มีใครกล้าขึ้นมากวนคุณนี่ล่ะ”

สตรีชุดขาวกอดกล่องอุปกรณ์ที่ถือมาด้วยไว้ในอ้อมแขนข้างหนึ่ง แล้วจึงเข้ามาช่วยประคองเขาอีกด้าน เธอเปิดประตูห้องคนเจ็บแล้วพยุงเขาเข้าไปในห้อง

ปัณณ์ยืนอ้าปากค้างเมื่อเห็นสภาพคนเจ็บอีกคน

สิมิลันหลับสนิทก็จริง แต่เห็นชัดว่าร่างกายเธอบอบช้ำไม่น้อย ดวงตาข้างซ้ายมีผ้ากอซขาวปิดเอาไว้ ขณะข้อมือขวาพันผ้ายางยืดสีหวานไว้จนคล้ายพอกด้วยก้อนปูนสีชมพูอ่อน ตามเนื้อตัวไม่มีริ้วรอยอื่นใดให้กังวล

“ตาเธอ...” ปัณณ์โขยกเขยกลากเสาน้ำเกลือแทบจะพุ่งเข้าไปหาคนที่หลับสนิทอยู่

“ไม่เลวร้ายอย่างที่เห็นหรือน่ากลัวอย่างที่คิดหรอกค่ะ แค่แผลเย็บเหนือเปลือกตาเท่านั้นเอง โดนกระจกบาดน่ะค่ะ คุณหมอกลัวแผลปริเลยปิดตาไว้ชั่วคราว สองสามวันก็เอาออกได้ค่ะ ส่วนข้อมือนี้...เข้าใจว่าตอนชนเธอคงเอามือยันคอนโซลด้านหน้า กระดูกเคลื่อนนิดหน่อย พันไว้สักอาทิตย์หนึ่งก็น่าจะดีขึ้น”

“แล้ว...” ปัณณ์กลืนน้ำลายยากเย็น “อาการอื่นๆ ล่ะครับ”

พยาบาลสาวใหญ่ส่ายหน้า “ถ้าภายนอกก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะ”

“แล้วภายในล่ะครับ”

“คนไข้ไม่อนุญาตให้เปิดเผยข้อมูลทางการรักษาใดๆ กับใครทั้งสิ้นค่ะ ดิฉันต้องขอโทษด้วย” คนพูดใช้อุปกรณ์ที่ถือติดมาด้วยลงมือวัดความดันของหญิงสาว จากนั้นตรวจถุงน้ำเกลือ หลอดหยดยา แล้วจดบันทึกรายละเอียดลงในชาร์ตคนไข้ตามหน้าที่เงียบๆ เมื่อเสร็จภารกิจแล้วจึงหันมาบอกเขา

“คุณจะให้ดิฉันพากลับไปที่ห้องไหมคะ”

“ขอผมอยู่ที่นี่สักพักก่อนได้ไหมครับ”

“ได้ค่ะ แต่ดิฉันแนะนำว่าไม่ควรนานเกินไปนะคะ คุณเองก็ควรพักผ่อนมากๆ เหมือนกัน”

“ครับ” ปัณณ์รับคำพอแค่พ้นๆ ตัว แลตามจนร่างท้วมลับกายออกไปแล้ว จึงลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงคนเจ็บ เขามองคนที่หลับไม่ได้สติเพราะฤทธิ์ยาด้วยความสับสน

เขามั่นใจว่าตัวเองเกลียดผู้หญิงคนนี้ เธอผยอง อวดดี ปากร้ายอย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าปฏิบัติกับเขามาก่อน นิสัยก็ไม่น่ารัก พูดจาก้าวร้าวตลอดเวลา ยิ่งการแต่งเนื้อแต่งตัวเปิดโน่นนี่วับแวม ดูยังไงก็ไม่มีทางเป็นผู้หญิงดีๆ ได้เลย

ปัณณ์ถอนใจ จำต้องยอมรับความจริงว่าผู้หญิงที่เขาคิดว่าไม่ดีกลับเป็นสาวบริสุทธิ์จนมาถึงมือเขา แถมเธอผู้นี้ก็กำลังอุ้มท้องลูกของเขาอยู่ด้วย

เป็นอีกครั้งที่ถ้อยคำนั้นปักลงกลางใจ

ลูก...ลูกอย่างนั้นเหรอ ปัณณ์ รัชนาถ กำลังจะมีลูก!

ชายหนุ่มเลื่อนมือไปแตะหน้าท้องที่แบนราบของคนเจ็บบนเตียงแผ่วเบา รอยยิ้มแต้มขึ้นบนใบหน้านิดๆ โดยไม่รู้ตัว

ความคิดเรื่องนี้ไม่เคยผ่านเข้ามาในสมองเขามาก่อนเลยก็จริง แต่เพียงครั้งแรกที่นึกถึง ปัณณ์ก็กลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก จะดีแค่ไหนถ้าจะมีเด็กเล็กๆ ที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขามาเป็นสมาชิกอีกคนในบ้าน จะมีคนมาเรียกเขาว่าพ่อ…

แม่บ้านคงต้องเก็บแจกันกังใสจากเมืองจีนเข้าตู้ใส่กุญแจ ปริมอาจต้องเนรมิตปราสาทเทพนิยายไว้ให้หลานเก็บของเล่น ห้องนอนสมัยเขายังเด็กก็ยังสวยอยู่ เขาน่าจะเรียกช่างมาตกแต่งห้องใหม่ด้วยนะ เอ...จะสั่งรื้อสวนญี่ปุ่นเปลี่ยนเป็นสนามเด็กเล่นดีไหม

ปัณณ์เริ่มใช้จินตนาการอย่างเพลิดเพลิน เขาจะสอนลูกอ่านหนังสือ จะเล่านิทานให้ลูกฟัง ถ้าลูกเป็นผู้ชาย หวังว่าจะหล่อเหมือนเขานะ ความคิดต่างๆ พร่างพรูเข้ามาในสมองไม่ขาดสาย

ทุกสิ่งอันล้วนแล้วแต่ทำให้หัวใจพองโตอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ความอิ่มเอิบซ่านไปทั้งใจ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ปัณณ์หยุดถามตัวเองว่าเขาต้องการอะไรในชีวิตกันแน่ ชื่อเสียง เงินทอง เกียรติยศ เขามีแล้วทุกอย่าง ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องเรียกร้องความสนใจ อยากอยู่กลางแสงไฟอย่างนี้

ปัณณ์นึกภาพตัวเองเลี้ยงลูก มีครอบครัวเล็กๆ เรียบง่าย และมีความสุข

ไม่แน่นะ...เขาอาจจะเลิกอาชีพนักแสดง และกลับไปบริหารงานที่แอบโซลูตเจมส์เสียที การทำงานเป็นหลักแหล่งมีเวลาชัดเจน เลิกงานก็จะได้กลับบ้านไปหาลูกเมีย...

เมีย...ผู้หญิงคนนี้น่ะหรือจะเป็นภรรยาของเขา...เป็นรัชนาถอีกคน!

ปัณณ์เลื่อนสายตาไปมองสิมิลันด้วยความสับสน ดวงหน้าเผือดซีดที่จมอยู่กลางกลุ่มผมสีน้ำตาลทองนุ่มดุจแพรไหม และเสื้อผ้าหลวมๆ ของโรงพยาบาลทำให้เธอแลคล้ายตุ๊กตาแก้วเจียระไนที่น่าทนุถนอม จนไม่เหลือเค้านางอิจฉาสุดเซ็กซี่แห่งยุคสักนิด

ปัณณ์นึกย้อนไปถึงค่ำคืนแสนหวานนั้น แล้วยอมรับกับตัวเองว่าเขาไม่เคยจำจดสตรีใดไว้ในหัวใจมากเท่านี้มาก่อนเลย ที่เที่ยวตามแขวะ ตามหาเรื่องอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นไปจากความต้องการที่เขาไม่เคยหยุดหาเหตุผลเลยสักครั้ง

เขาหลอกตัวเองซ้ำๆ ว่าเกลียดสิมิลัน แต่...เพิ่งตระหนักชัดในวินาทีนี้เอง ว่าเกลียดอย่างที่สุดกับรักที่สุด บางครั้งก็ห่างกันเพียงแค่เส้นกั้นบางๆ เท่านั้น

เขาหรือจะเกลียดผู้หญิงที่เคย ‘แนบซบเนาว์เคล้าคลอพ้อพรอดภิรมย์’ ในราตรีนั้นได้ลง นับจากเกิดเรื่อง ปัณณ์ก็ไม่เคยเรียกหาสตรีใดอีกเลย ลึกที่สุดในใจแล้ว...เขารู้ดีว่าสิมิลันติดตรึงอยู่ในหัวใจตลอดมา

ทั้งความรู้สึกผิด ทั้งฤทธิ์เสน่หา ทั้งกรุ่นกลิ่นรสชาติหวานละมุนจากเนื้อตัวเธอ เขาเพิ่งรู้ก็คราวนั้นแหละว่าการได้เป็น ‘คนแรก’ ของผู้หญิงสักคน มันให้ความภาคภูมิเช่นนี้เอง

เธอเป็นผู้หญิง ‘ของ’ เขา!

ทุกสิ่ง...หลอมรวมเป็นความรู้สึกลึกซึ้งที่มีต่อสตรีผู้นี้อย่างมิมีผู้ใดเสมอเหมือน

เหตุผลแท้จริงของเรื่องทั้งหมด เกิดจากความตื้นเขินที่เขามองคนแค่เปลือกนอก ตัดสินผู้หญิงคนนี้จากการแต่งกาย จากงานที่ทำ แล้วก็เลือกเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น

ชายหนุ่มเพิ่งกล้ายอมรับว่าแท้จริงแล้วเขาผิด...ที่เชื่อมั่นในตัวเองจนเกินไป ภาคภูมิในรูปโฉม เสน่ห์ของตน และอำนาจของน้ำเงินจนคิดว่าซื้อได้ทุกอย่าง และคนที่ถูกกล่าวขานกันว่า ‘เงินมาผ้าหลุด’ ก็ต้องยินดีที่จะขาย

ปัณณ์ไล้ปลายนิ้วไปตามกรอบใบหน้าของหญิงสาวอย่างอ่อนโยนตามความรู้สึกในใจ ไม่ต้องโกหกหรือหลอกตัวเองอีกต่อไป

จากเหตุการณ์ใน ‘คืนนั้น’ สิมิลันมีเหตุผลสมควรที่จะผลักไส และรังเกียจเขา

ขณะที่เขาเองก็มีคำอธิบายอันชอบธรรมที่จะเข้าใกล้เพื่อรับผิดชอบเธอเช่นกัน

ไม่ว่าจะมีอะไรคอยอยู่ข้างหน้า

จากนี้ไป...เขาจะปกป้องลูกและเมียด้วยสองมือของเขาเอง!








* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

หากท่านไหนอ่านแล้วชอบใจ หมั่นไส้ตาลุง สงสารน้องตอง
ก็ช่วยเมตตาอุดหนุนผลงานของสิริณกันด้วยนะค้า

ฝากนิยายเรื่อง แผนก่อการรัก ของสำนักพิมพ์อรุณ ไว้ในอ้อมใจด้วย
ท่านใดที่มีแผนก่อการรักไว้ในอ้อมกอดแล้ว
ฝาก รอยตะวัน และ ภาพรักในฝัน (สำนักพิมพ์อรุณ) ไว้แทนค่ะ
(ฮ่าๆๆ โหมดอยากขายของสุดฤทธิ์)



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ย. 2555, 15:57:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ย. 2555, 15:57:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 2995





<< ตอนที่ ๑๕   ตอนที่ ๑๗ >>
สิริณ 21 ก.ย. 2555, 16:10:17 น.
อ่านจบแล้ว ขอไล้ค์คนละที
และส่งเสียงบอกคนเขียนกันคนละนิด
ว่าชอบหรือไม่ชอบตรงไหนอย่างไรนะคะ
สิริณอยากได้กำลังใจหอบโตๆ ค่า
อ้อนวอนนนนนนน <-- คนอ่านรอยตะวันจะรู้เลยว่าตอนพูด สิริณทำท่าประสานมือไว้ที่อก ทำตาวิ๊งๆ แบบขอร้องด้วย อิอิ

ขออนุญาตนิดนึงค่ะ
คุณ SaturnStar ขา
จริงๆ สิริณไม่ได้ซีเรียสกับคำว่า ติติง ที่สิริณใช้นะคะ
เพราะสิ่งที่คุณ SaturnStar และเพื่อนๆ ในนี้เมตตา
ช่วยกันดูตรงจุดที่สิริณอาจจะพลาดไป
การใช้คำนี้เหมาะสมที่สุดค่ะ
และสิริณก็รู้สึกขอบคุณมากๆ เลย
เพราะเขียนเอง อ่านเอง บางทีมีหลุดรอดตาไปบ้าง
บางทีใช้คำผิดบ้าง สะกดหลุดบ้าง
(และบางหนเหตุผลอิฉันก็อ่อนเกินกว่าจะทำให้คนอ่านเชื่อถือได้ ไรเงี้ย)

มีเพื่อนๆ ช่วยกันดู ช่วยกันให้ความเห็น
ติ ชม ถามไถ่
แหม...อุ่นใจกว่าการที่เพื่อนๆ อ่านแล้วเงียบหายไปเยอะเลยค่ะ

เหนือสิ่งอื่นใด ที่สิริณดีใจที่สุด
คือการที่เพื่อนๆ "อ่านทุกคำ" ที่สิริณเลือกมาใส่ในนิยาย
อย่างน้อยก็แอบดีใจกับตัวเองค่ะ
เข้าข้างตัวเองไปแล้ว ว่าเขียนดี๊ดี แฮ่... ^^


แล่นแต๊ 21 ก.ย. 2555, 16:22:47 น.
นายปัณณ์ เพิ่งสำนึกนะ ต้องรอให้เค้าเจ็บตัวก่อนถึงจะคิดได้


ปิศาจสัญจร 21 ก.ย. 2555, 16:24:18 น.
ตั้งใจมาอ่านมากค่า


NB 21 ก.ย. 2555, 16:37:49 น.
ได้เวลาที่ปัณณ์จะตามง้อแล้ว เย้ๆๆๆๆๆ


sai 21 ก.ย. 2555, 16:43:43 น.
โว้ววว จะรอดูนายปัณณ์ เป็นพระเอกจริงๆซะที 555


pattisa 21 ก.ย. 2555, 16:57:00 น.
นางเอกจะยกโทษให้ไหมน๊าาา?


พันธุ์แตงกวา 21 ก.ย. 2555, 16:58:00 น.
ก็คิดได้นี่หน่า ตาปรัณ แล้วจะทำได้มั้ยล่ะน้อ


nunoi 21 ก.ย. 2555, 17:14:56 น.
จะรอดูนายปัณณ์ตามง้อหนูตอง


violette 21 ก.ย. 2555, 17:20:50 น.
แอร๊ยยยย รักเค้าไปแล้วน่ะซี๊


minafiba 21 ก.ย. 2555, 18:12:19 น.
^_____^


supayalak 21 ก.ย. 2555, 18:15:20 น.
ดีนะที่ไม่เป็นอะไรทั้งแม่ทั้งลูก ไม่งั้นมีสวย


nateetip 21 ก.ย. 2555, 18:40:49 น.
แล้วจะไปหาซื้อนะคะ..ขอบคุณค่ะ


ฮอบบิท 21 ก.ย. 2555, 19:47:08 น.
แวะมาให้กำลังใจค่ะ ชอบชื่อเรื่อง บุหงาซ่อนกลิ่น (สิริณซ่อนรัก แอบเติมให้เพราะเห็นว่าคล้องจองกันดี)


เด็กหญิงม่อน 21 ก.ย. 2555, 20:27:09 น.
พระเอกน่ารักขึ้นแล้ว อิอิ


mhengjhy 21 ก.ย. 2555, 21:16:52 น.
แล้วตองจะยอมรับไหมหนอออ


กาซะลองพลัดถิ่น 21 ก.ย. 2555, 22:00:20 น.
แต่ที่คุณหมอพูดมันน่าจะมีนัยยะอะไรที่มากกว่าตองท้องด้วยหรือปล่าวน่ะ..พระเอกสำนึกได้แล้ว คนอ่านก็ต้องเอาใจช่วยซิเนอะ


chocoholic 22 ก.ย. 2555, 00:17:48 น.
ว๊าว รู้ใจตัวเองแล้ว


wane 22 ก.ย. 2555, 02:22:58 น.
กว่าจะรู้ใจตัวเอง คนอ่านลุ้นซะเหนื่อยเลยอ่ะ


หมูอ้วน 22 ก.ย. 2555, 06:03:45 น.
รู้ใจตัวเองซะที ลุ้นตามจนเหนื่อย หุหุ


รอให้เป็นเล่ม 22 ก.ย. 2555, 10:05:16 น.
ต้อง "อ้อนวอนนะค้าาาาา" ด้วยค่ะ


Pat 22 ก.ย. 2555, 21:29:23 น.
เพิ่งจะรู้ใจตัวเอง ไม่ใช่พอเค้าตื่นขึ้นมาก็ปากร้ายใจร้ายกะเค้าอีกล่ะ


agentaja 22 ก.ย. 2555, 23:32:01 น.
ไลค์แล้วนะคะ ลุ้นๆ ว่าตองตื่นแล้วจะเจอโหมดไหน แล้วจะตอบกลับด้วยโหมดไหนน้อ


สีน้ำ 23 ก.ย. 2555, 00:25:02 น.
ตกลงนี่ ตองท้องเหรอเนี่ยยย


porpla 23 ก.ย. 2555, 13:52:03 น.
จะเข้าโหมดหวานแล้วใช่ไหมค่ะ เริ่มสงสารหนูตองแล้วววว


phakarat 23 ก.ย. 2555, 14:10:23 น.
ตาลุงจะทำยังงัยให้หนูตองรักน๊า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account