พายุรักซาตานร้าย
Tags: ซาตาน
ตอน: ตอนที่1
ตอนที่ 1
13 เมษายน 2554 ณ.จังหวัด กาญจนบุรี
ยามเช้าตรู่ในวันมหาสงกรานต์ร่างระหงในชุดเรียบง่าย เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลตัวโคร่งแบบทันสมัยเข้ากับกางเกงยีนส์ขายาวรัดรูปโชว์เรียวขาสวยราวกับนางแบบกำลังเดินทอดน่องอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำแคว แม้นใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวรับกับนัยน์ตากลมโต จมูกโด่งรั้นและริมฝีปากสีชมพูอิ่มเอิบของพลอยญาวีจะปราศจากเครื่องสำอางใดๆ แต่ไม่ได้ทำให้ความสวยสดใสในตัวของเธอลดน้อยลงเลย
“ยัยกระท้อน เป็นไงล่ะสมน้ำหน้ามีแต่คนมองเราเต็มไปหมดอายเขาไหมล่ะ ยี้…ใส่ชุดนอนมาเดินบนสะพานข้ามแม่น้ำแคว”
“หนูไม่อายหรอก แม่บอกว่าคนสวยทำอะไรก็ถูกเสมอ” สาวน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังวัยสี่ขวบเศษดึงมือน้อยๆป้อมๆออกจากมือเรียวของพี่สาวแล้วกอดอกแน่นอย่างไม่แคร์สายตาใคร
ที่สาวน้อยกระท้อนจอมแสบต้องมาเที่ยวทั้งชุดนอนสีชมพูลายกาตูนย์แบบนี้ เพราะหนูน้อยนอนขี้เซาเนื่องจากพลอยญาวีต้องการมาเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานข้ามแม่น้ำแควจึงต้องเดินทางออกจากรุงเทพฯ ตั้งแต่ช่วงตีสามทำให้คนขี้เซาไม่ยอมตื่นคนเป็นพี่จึงต้องอุ้มจากเตียงมาทั้งที่ยังหลับอยู่แบบนั้น แต่เมื่อยัยตัวน้อยตื่นขึ้นในรถพลอยญาวีจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ น้องสาวจอมแสบก็ไม่ยอมโวยวายท่าเดียวบอกว่าจะเที่ยวมันทั้งชุดนอนนี่แหละ
“เป็นอะไรไปอีกล่ะเรา เอามือมานี่เดี๋ยวก็ตกสะพานไปหรอกไม่กลัวหรือไง เห็นไหมข้างล่างมีแต่น้ำเต็มไปหมดเชี่ยวด้วยสิ ถ้าตกลงไปนะจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อหน้าแม่แล้วก็พี่พลอยด้วย”
“จริงเหรอคะพี่พลอย”
“จริงสิ”
“ก็ได้ จูงมือหนูทีจูงดีๆนะถ้าหนูตกสะพานไปแม่เล่นงานพี่แน่”
“แม่จะเล่นงานพี่ทำไมล่ะยัยกระท้อน ก็เธอเองที่ร้องตามพี่มาบอกให้รออยู่กับพ่อกับแม่แต่แรกก็ไม่เชื่อ”
“ก็หนูอยากเห็นปลาโลมานี่คะ”
“เออ….ใช่กระท้อนตามพี่มาดูปลาโลมาพี่ก็ลืมไปเลย” เชื่อด้วยเด็กหนอเด็ก
เมื่อมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควในทีแรกคนตัวเล็กร้องโยเยไม่ยอมลงจากรถท่าเดียว ทั้งพ่อและแม่จะพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่เป็นผล จนพลอยญาวีใช้ไม้เด็ดบอกว่าที่นี่มีโลมาอิระวดีด้วย กระท้อนถึงหยุดร้องและยอมลงจากรถและตามพี่สาวมาและขอติดตามมาถึงกลางสะพาน
“หรือว่าพี่พลอยหลอกกระท้อนไหนล่ะคะปลาโลมา” กระท้อนจอมวีนเริ่มโมโห มองหน้าพี่สาวคนสวยอย่างจับพิรุธ
เสียงหัวเราะเบาๆ จากด้านหลังทำให้พลอยญาวีต้องเหลียวหลังไปมอง
“หัวเราะอะไรไม่ทราบคะ”
“ขอโทษทีครับที่ผมเสียมารยาทหัวเราะคุณทั้งที่พยายามจะกั้นเอาไว้แล้วเชียว ก็ผมเพิ่งทราบนะสิครับว่าใต้สะพานแม่น้ำแควมันมีปลาโลมาอิระวดีมาอาศัยอยู่ด้วย แหม….สงสัยมันจะโบกรถไฟมานะครับ”
“บ้า ! โลมาบ้านคุณนะสิโบกรถไฟได้” พลอยญาวีกระแทกเสียงและย่นจมูกใส่ชายแปลกหน้า
ใบหน้าขาวแต่เข้มของวาโยยังส่งยิ้มให้อย่างกวนอารมณ์
“พี่พลอยโกหกกระท้อนใช่ไหม พี่พลอยใจร้าย” เสียงโวยวายทำให้พลอยญาวีต้องหันมาหาน้องสาวอีกด้านหนึ่ง
“พี่เปล่านะกระท้อนก็พี่....”
“โกหก ถึงกระท้อนจะเป็นเด็กก็ฟังเข้าใจนะคะ ไม่อย่างนั้นพี่สุดหล่อเขาจะหัวเราะทำไมกัน” กระท้อนมองหน้าชายหนุ่มอย่างเขินๆ
“เบาๆหน่อย ยัยกระท้อนชักจะแก่แดดมากไปแล้วนะเรา”
วาโยค้อมศีรษะมาใกล้ๆ หน้าสาวน้อยจิ้มลิ้ม “วันนี้ปลาโลมามันหยุดวันนักขัตฤกษ์หนูคงไม่เห็นมันหรอกนะ แต่ว่าสุดปลายสะพานฝั่งโน้นและเดินลงไปด้านล่างตรงที่มีร้านค้าขายพวกเครื่องประดับ” วาโยชี้ให้สาวน้อยดูระยะทางอีกไม่ไกลนักกระท้อนก็มองตาม “มีไก่ฟ้าสีสวยอยู่ในกรงหลายตัวสวยๆทั้งนั้น ลองบอกให้พี่สาวหนูพาไปดูสิ”
“จริงเหรอคะพี่สุดหล่อ”
“จริงสิครับสาวน้อยสุดสวย” วาโยส่งยิ้มให้กับคนตัวเล็กก่อนที่เขาจะเดินต่อไปโดยไม่ได้หันกลับมามองพลอยญาวีอีกเลย
“ตาจอมจุ้น ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย” พลอยญาวีมองตามร่างสูงโปร่งไปอย่างไม่พอใจนัก
“พี่พลอย ๆ” กระท้อนกระตุกมือพี่สาว “ตกลงพี่พลอยโกหกหนูเรื่องปลาโลมาใช่ไหมบอกมาเดี๋ยวนี้”
“ถ้าพี่โกหกเราแล้วจะทำไม” พลอยญาวีมองหน้าน้องสาวสุดที่รักด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“หนูจะโกรธและจะกรี๊ด ” กระท้อนตอบก่อนจะทำหน้าปลาทอง คืออาการแก้มป่องปากจู๋และถลึงตาให้โตกว่าเดิม ซึ่งนั่นเป็นการบอกว่าเธอกำลังโกรธ
“อย่ากรี๊ดเชียวนะ อายเขา พี่มองไม่เห็นปลาโลมาสงสัยมันจะหยุดนักขัตฤกษ์แบบตานั่นว่าจริงๆด้วย แต่ที่แน่ๆพี่พลอยเห็นปลาทองกระโดดขึ้นมาอยู่บนสะพานแล้วหนึ่งตัว”
ปลาทองน้อยไม่ยอมตอบแต่ประท้วงที่พี่สาวที่โกหกเรื่องปลาโลมาด้วยการไม่ยอมไปไหนยืนกอดอกงอนมันอยู่อย่างนั้น
“เอาแล้วสิ งอนอีกแล้ว”
ประจวบเหมาะกับเวลานั้นเสียงสัญญาณแจ้งให้รู้ว่ารถไฟกำลังจะมา ต้องหลบเข้าข้างสะพานซึ่งจะมีแท่นยื่นจากรางให้ยืนหลบรถไฟได้
“กระท้อนหลบก่อนเร็วเข้า เดี๋ยวรถไฟวิ่งมาชนนะ มันกำลังมาแล้ว” พลอยญาวีพยายามดึงมือน้องสาวให้หลบเข้าริมทาง
“ไม่ หนูไม่ไปไหนทั้งนั้น” คนตัวเล็กเกิดดื้อมากในนาทีฉุกเฉินระหว่างความเป็นความตาย
“เฮ้ย! ตายแล้ว” พลอยญาวีเห็นรถไฟวิ่งข้ามสะพานเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที จึงตัดสินใจอุ้มน้องสาวตัวกลมก่อนที่รถไฟจะมาทับร่างน้องสาวกับเธอ
“จะฆ่าตัวตายประท้วงพี่เหรอยัยกระท้อน” พลอยญาวีอุ้มน้องสาวสี่ขวบที่หนักเกือบสามสิบกิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักน้อยกว่าเธอเพียงสิบห้ากิโลทำให้อุ้มได้อย่างยากลำบาก และรีบวิ่งหลบเข้าข้างทาง
“คุณพระช่วย!” พลอยญาวีต้องตกใจสุดขีดเมื่อเท้าสะดุดเข้ากับหัวน็อตขนาดใหญ่ที่ใช้ยึดแผ่นเหล็กเอาไว้
จากนั้นกระท้อนก็ร้องไห้จ้า ท่ามกลางความตื่นตะลึงสายตาที่อยู่บนสะพานทุกคู่จ้องมองสองพี่น้องด้วยความหวาดเสียวแทนเมื่อรถไฟห่างจากร่างสองสาวอีกไม่กี่เมตร
ปู้นๆๆ……….
รถไฟขบวนท่องเที่ยววิ่งผ่านสะพานรถไฟสายมรณะไปแล้วแต่กระท้อนยังไม่หยุดร้องไห้เพราะอาการตกใจ ส่วนพลอยญาวียังคงหอบแฮก ๆ “เห็นไหมกระท้อนความดื้อของเธอเกือบทำให้เราสองคนเอาชีวิตมาสังเวยบนสะพานนี้แล้วไหมล่ะ
“หนูกลัว ฮือๆๆๆหนูขอโทษ ฮือฮือ”
“โอ๋ๆๆ อย่างร้องไห้นะกระท้อนเราปลอดภัยแล้ว” พลอยญาวีกอดร่างอวบอ้วนเอาไว้จากนั้นลูบหลังเธอเบาๆ สาวน้อยตัวกลมยังคงสะอื้นจนตัวโยน
“ขอบคุณมากนะคะ คุณเอ่อ..คุณ.”
“ผมวาโยครับ ตาจอมจุ้นที่คุณว่าตามหลังไป”
พลอยญาวีหัวเราะแหะๆ “ได้ยินด้วยเหรอคะ”
“ได้ยินชัดด้วยครับ” เขายิ้มกวนนิดหน่อย ก่อนจะหันไปสนใจสาวน้อยที่ยังร้องไม่เลิกพร้อมกับอุ้มร่างน้อยจ้ำม่ำขึ้นมา
ในนาทีชีวิตนั้นที่พลอยญาวีและน้องสาวล้มลงกลางสะพานขณะที่รถไฟใกล้เข้ามาทุกทีชายหนุ่มวิ่งมาช่วยอุ้มกระท้อนและดึงพลอยญาวีขึ้นและหลบเข้าข้างทางได้อย่างทันเวลาชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด
“อย่าร้องไห้เลยนะสาวน้อย ร้องไห้แล้วไม่สวยนะ” วาโยพยายามปลอบโยนสาวน้อย
“กระท้อนกลัว รถไฟเกือบทับหนู”
“ใช่มันน่ากลัวมาก วันหลังหนูอย่าทำแบบนี้อีกนะครับมันอันตรายมาก”
“ค่ะ” แต่ก็ยังไม่วายครางฮือ สะอื้นน้อยๆก่อนจะซบใบหน้าลงไปที่ไหล่กว้างของชายหนุ่ม
“ถ้าเลิกร้องไห้จะพาไปดูไก่ฟ้าตกลงไหม”
“จริงนะคะ” กระท้อนหยุดร้องไห้ทันทีและเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม
“จริงสิแต่ต้องถามพี่สาวดูก่อนว่าเขายอมให้พี่พาไปไหม”
พลอยญาวี อยากจะพาน้องกลับไปที่รถมากกว่าเพราะกลัวพ่อกับแม่จะคอยนาน แต่ทว่าเขาก็มีบุญคนเรียกว่าช่วยชีวิตเธอกับน้องเอาไว้จึงพยักหน้าตอบตกลง ดังนั้นวาโยจึงอุ้มน้องสาวของเธอนำหน้าไปโดยมีพลอยญาวีเดินตาม
“ก็ได้ค่ะเรายังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย”
“คุณกับน้องสาวมาเที่ยวเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ เราตั้งใจจะมาพักผ่อนกัน”
“แล้วคุณล่ะคะ”
“ผมก็มาพักผ่อนเหมือนกันครับแล้วก็ตั้งใจมาเยี่ยมญาติด้วย ว่าจะเลยไปเที่ยวแถวสะพานมอญอยู่เหมือนกันแต่มาแวะถ่ายรูปกับเก็บบรรยากาศยามเช้าที่นี่ก่อน”
ที่เดียวกันเลยแหะ แต่พลอยญาวีไม่ได้บอกว่าเธอกับเขามีจุดหมายเดียวกัน
“จะให้ผมเรียกชื่อคุณว่าอะไรครับ”
“พลอยญาวีค่ะ ส่วนน้องสาวจอมแสบของพลอยชื่อ”
“น้องกระท้อนหวานค่ะ” สาวน้อยชิงตอบแถมเติมชื่อต่อท้ายให้ตัวเองอีกนิด
“ชื่อน่ารักมากครับ พูดเก่งเชียว โตขึ้นคงจะสวยไม่ต่างจากพี่สาว”ตาคมหันมาสบตากับพลอยญาวี
“แสบมากค่ะ ดื้อมากด้วย เอาแต่ใจที่หนึ่ง แล้วใครเปลี่ยนชื่อให้เธอเป็นกระท้อนหวานยะ ยัยกระท้อนเปรี้ยว”
“ตัวเองนั่นแหละดื้อ อย่ามาว่าเขานะ เกือบทำเขาถูกรถไฟทับตาบ” กระท้อนเถียงพี่สาวฉอดและแอบยิ้มแก้มไม่หุบที่ไม่ต้องเดินเองมีหนุ่มหล่ออุ้มเธอเที่ยว
“แล้วพวกคุณพักกันที่ไหนกันครับ”
“ยังเลยค่ะ คือทริปนี้ฉุกเฉินค่ะ พลอยกับครอบครัวตอนแรกตั้งใจว่าจะอยู่กรุงเทพฯ ไม่ไปไหนแต่เกิดเปลี่ยนใจกะทันหันก็เลยมากันอย่างไม่ได้เตรียมตัว กะว่าจะหาที่พักเอาข้างหน้าคิดว่ากาญจนบุรีเป็นจังหวัดใหญ่ยังไงก็คงหาที่พักได้บ้าง”
“ถ้ายังไม่มีที่พัก หรือหาไม่ได้ลองไปตามนามบัตรนี้นะครับ”
พลอยญาวีรับนามบัตรจากมือขาวสะอาดของวาโยมาถือเอาไว้ “ดีเหมือนกันค่ะ เผื่อไม่มีที่พักพลอยจะแวะไป”
หลังจากชายหนุ่มพาสาวน้อยวัยกะเตาะ และสาวสวยวัยสะคราญไปชมไก่ฟ้าตามที่บอกไว้แล้วเขาก็เดินมาส่งสองพี่น้องจนถึงต้นสะพาน
“ขอบคุณมากค่ะ คุณวาโย ที่คุณช่วยเราสองคนเอาไว้แถมยังพาไปชมไก่ฟ้าอีก หวังว่าเราจะได้พบกันอีกนะคะ” พลอยญาวียิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ครับ เราจะได้พบกันอีกแน่ๆ” ดูเหมือนวาโยจะมั่นใจมาก แน่นอนเขากับเธอต้องผมกันอีกอย่างแน่นอนเพราะเธอคือส่วนสำคัญของแผนการ
“พลอย กระท้อน” สองสาวหันไปตามน้ำเสียงที่คุ้นเคย
“แม่คะ พ่อคะทางนี้คะ” พลอยญาวีโบกไม้โบกมือให้พ่อกับแม่ส่วนกระท้อนรีบวิ่งไปหาแม่อย่างเร็ว
“ไปถึงไหนกันมาลูกหายไปนานสองนาน พ่อกับแม่หาข้าวทานกันจนอิ่มก็ยังไม่เห็นหนูกลับกันมา”
“ข้ามไปที่สะพานฝั่นโน้นมาค่ะ พายัยกระท้อนไปดูไก่ฟ้า”
“ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะลูก เดี๋ยวถึงโรงถ่ายละครจะสายแดดจะร้อนเอา”
ทริปในวันนี้ครอบครัวของพลอยญาวีต้องการเข้าไปชมโรงถ่ายพระนเรศวรอีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดของกาญจนบุรีหนังประวัติศาสต์ที่คนไทยทุกคนอยากดู
“แม่คะเมื่อตะกี้ รถไฟเกือบ”
“เกือบอะไรจ้ะลูก”
“ยัยกระท้อน”พลอยญาวีเรียกชื่อน้องสาวเอาไว้เป็นการเตือนว่าอย่าเล่าเรื่องที่เกือบจะถูกรถไฟทับ เธอไม่ได้กลัวจะโดนพ่อกับแม่ตำหนิแต่กลัวท่านจะเป็นห่วงและจะหมดสนุก
“มีอะไรกันหรือลูก” คนเป็นพ่อถามขึ้นเมื่อเห็นสองสาวมีลับลมคมใน
“เปล่าค่ะ แค่ยัยกระท้อนจอมแสบร้องไห้อยากจะขึ้นรถไฟให้ได้”
กระท้อนย่นจมูกใส่พี่สาวแต่ก็ปิดปากสนิท
“โธ่ ! นึกว่าอะไรกัน”
“ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะลูก” คนเป็นพ่อชวนขึ้นรถ
พลอยญาวีหันหลังกลับไปเพื่อจะล่ำลาวาโยอีกครั้งแต่ปรากฏว่าไม่มีแม้แต่เงาของเขา
“ไปไหนแล้วนึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไปคนอะไรแปลกพิลึก”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
13 เมษายน 2554 ณ.จังหวัด กาญจนบุรี
ยามเช้าตรู่ในวันมหาสงกรานต์ร่างระหงในชุดเรียบง่าย เสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลตัวโคร่งแบบทันสมัยเข้ากับกางเกงยีนส์ขายาวรัดรูปโชว์เรียวขาสวยราวกับนางแบบกำลังเดินทอดน่องอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำแคว แม้นใบหน้ารูปไข่ คิ้วเรียวรับกับนัยน์ตากลมโต จมูกโด่งรั้นและริมฝีปากสีชมพูอิ่มเอิบของพลอยญาวีจะปราศจากเครื่องสำอางใดๆ แต่ไม่ได้ทำให้ความสวยสดใสในตัวของเธอลดน้อยลงเลย
“ยัยกระท้อน เป็นไงล่ะสมน้ำหน้ามีแต่คนมองเราเต็มไปหมดอายเขาไหมล่ะ ยี้…ใส่ชุดนอนมาเดินบนสะพานข้ามแม่น้ำแคว”
“หนูไม่อายหรอก แม่บอกว่าคนสวยทำอะไรก็ถูกเสมอ” สาวน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังวัยสี่ขวบเศษดึงมือน้อยๆป้อมๆออกจากมือเรียวของพี่สาวแล้วกอดอกแน่นอย่างไม่แคร์สายตาใคร
ที่สาวน้อยกระท้อนจอมแสบต้องมาเที่ยวทั้งชุดนอนสีชมพูลายกาตูนย์แบบนี้ เพราะหนูน้อยนอนขี้เซาเนื่องจากพลอยญาวีต้องการมาเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานข้ามแม่น้ำแควจึงต้องเดินทางออกจากรุงเทพฯ ตั้งแต่ช่วงตีสามทำให้คนขี้เซาไม่ยอมตื่นคนเป็นพี่จึงต้องอุ้มจากเตียงมาทั้งที่ยังหลับอยู่แบบนั้น แต่เมื่อยัยตัวน้อยตื่นขึ้นในรถพลอยญาวีจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ น้องสาวจอมแสบก็ไม่ยอมโวยวายท่าเดียวบอกว่าจะเที่ยวมันทั้งชุดนอนนี่แหละ
“เป็นอะไรไปอีกล่ะเรา เอามือมานี่เดี๋ยวก็ตกสะพานไปหรอกไม่กลัวหรือไง เห็นไหมข้างล่างมีแต่น้ำเต็มไปหมดเชี่ยวด้วยสิ ถ้าตกลงไปนะจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อหน้าแม่แล้วก็พี่พลอยด้วย”
“จริงเหรอคะพี่พลอย”
“จริงสิ”
“ก็ได้ จูงมือหนูทีจูงดีๆนะถ้าหนูตกสะพานไปแม่เล่นงานพี่แน่”
“แม่จะเล่นงานพี่ทำไมล่ะยัยกระท้อน ก็เธอเองที่ร้องตามพี่มาบอกให้รออยู่กับพ่อกับแม่แต่แรกก็ไม่เชื่อ”
“ก็หนูอยากเห็นปลาโลมานี่คะ”
“เออ….ใช่กระท้อนตามพี่มาดูปลาโลมาพี่ก็ลืมไปเลย” เชื่อด้วยเด็กหนอเด็ก
เมื่อมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแควในทีแรกคนตัวเล็กร้องโยเยไม่ยอมลงจากรถท่าเดียว ทั้งพ่อและแม่จะพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่เป็นผล จนพลอยญาวีใช้ไม้เด็ดบอกว่าที่นี่มีโลมาอิระวดีด้วย กระท้อนถึงหยุดร้องและยอมลงจากรถและตามพี่สาวมาและขอติดตามมาถึงกลางสะพาน
“หรือว่าพี่พลอยหลอกกระท้อนไหนล่ะคะปลาโลมา” กระท้อนจอมวีนเริ่มโมโห มองหน้าพี่สาวคนสวยอย่างจับพิรุธ
เสียงหัวเราะเบาๆ จากด้านหลังทำให้พลอยญาวีต้องเหลียวหลังไปมอง
“หัวเราะอะไรไม่ทราบคะ”
“ขอโทษทีครับที่ผมเสียมารยาทหัวเราะคุณทั้งที่พยายามจะกั้นเอาไว้แล้วเชียว ก็ผมเพิ่งทราบนะสิครับว่าใต้สะพานแม่น้ำแควมันมีปลาโลมาอิระวดีมาอาศัยอยู่ด้วย แหม….สงสัยมันจะโบกรถไฟมานะครับ”
“บ้า ! โลมาบ้านคุณนะสิโบกรถไฟได้” พลอยญาวีกระแทกเสียงและย่นจมูกใส่ชายแปลกหน้า
ใบหน้าขาวแต่เข้มของวาโยยังส่งยิ้มให้อย่างกวนอารมณ์
“พี่พลอยโกหกกระท้อนใช่ไหม พี่พลอยใจร้าย” เสียงโวยวายทำให้พลอยญาวีต้องหันมาหาน้องสาวอีกด้านหนึ่ง
“พี่เปล่านะกระท้อนก็พี่....”
“โกหก ถึงกระท้อนจะเป็นเด็กก็ฟังเข้าใจนะคะ ไม่อย่างนั้นพี่สุดหล่อเขาจะหัวเราะทำไมกัน” กระท้อนมองหน้าชายหนุ่มอย่างเขินๆ
“เบาๆหน่อย ยัยกระท้อนชักจะแก่แดดมากไปแล้วนะเรา”
วาโยค้อมศีรษะมาใกล้ๆ หน้าสาวน้อยจิ้มลิ้ม “วันนี้ปลาโลมามันหยุดวันนักขัตฤกษ์หนูคงไม่เห็นมันหรอกนะ แต่ว่าสุดปลายสะพานฝั่งโน้นและเดินลงไปด้านล่างตรงที่มีร้านค้าขายพวกเครื่องประดับ” วาโยชี้ให้สาวน้อยดูระยะทางอีกไม่ไกลนักกระท้อนก็มองตาม “มีไก่ฟ้าสีสวยอยู่ในกรงหลายตัวสวยๆทั้งนั้น ลองบอกให้พี่สาวหนูพาไปดูสิ”
“จริงเหรอคะพี่สุดหล่อ”
“จริงสิครับสาวน้อยสุดสวย” วาโยส่งยิ้มให้กับคนตัวเล็กก่อนที่เขาจะเดินต่อไปโดยไม่ได้หันกลับมามองพลอยญาวีอีกเลย
“ตาจอมจุ้น ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย” พลอยญาวีมองตามร่างสูงโปร่งไปอย่างไม่พอใจนัก
“พี่พลอย ๆ” กระท้อนกระตุกมือพี่สาว “ตกลงพี่พลอยโกหกหนูเรื่องปลาโลมาใช่ไหมบอกมาเดี๋ยวนี้”
“ถ้าพี่โกหกเราแล้วจะทำไม” พลอยญาวีมองหน้าน้องสาวสุดที่รักด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“หนูจะโกรธและจะกรี๊ด ” กระท้อนตอบก่อนจะทำหน้าปลาทอง คืออาการแก้มป่องปากจู๋และถลึงตาให้โตกว่าเดิม ซึ่งนั่นเป็นการบอกว่าเธอกำลังโกรธ
“อย่ากรี๊ดเชียวนะ อายเขา พี่มองไม่เห็นปลาโลมาสงสัยมันจะหยุดนักขัตฤกษ์แบบตานั่นว่าจริงๆด้วย แต่ที่แน่ๆพี่พลอยเห็นปลาทองกระโดดขึ้นมาอยู่บนสะพานแล้วหนึ่งตัว”
ปลาทองน้อยไม่ยอมตอบแต่ประท้วงที่พี่สาวที่โกหกเรื่องปลาโลมาด้วยการไม่ยอมไปไหนยืนกอดอกงอนมันอยู่อย่างนั้น
“เอาแล้วสิ งอนอีกแล้ว”
ประจวบเหมาะกับเวลานั้นเสียงสัญญาณแจ้งให้รู้ว่ารถไฟกำลังจะมา ต้องหลบเข้าข้างสะพานซึ่งจะมีแท่นยื่นจากรางให้ยืนหลบรถไฟได้
“กระท้อนหลบก่อนเร็วเข้า เดี๋ยวรถไฟวิ่งมาชนนะ มันกำลังมาแล้ว” พลอยญาวีพยายามดึงมือน้องสาวให้หลบเข้าริมทาง
“ไม่ หนูไม่ไปไหนทั้งนั้น” คนตัวเล็กเกิดดื้อมากในนาทีฉุกเฉินระหว่างความเป็นความตาย
“เฮ้ย! ตายแล้ว” พลอยญาวีเห็นรถไฟวิ่งข้ามสะพานเข้ามาใกล้ขึ้นทุกที จึงตัดสินใจอุ้มน้องสาวตัวกลมก่อนที่รถไฟจะมาทับร่างน้องสาวกับเธอ
“จะฆ่าตัวตายประท้วงพี่เหรอยัยกระท้อน” พลอยญาวีอุ้มน้องสาวสี่ขวบที่หนักเกือบสามสิบกิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักน้อยกว่าเธอเพียงสิบห้ากิโลทำให้อุ้มได้อย่างยากลำบาก และรีบวิ่งหลบเข้าข้างทาง
“คุณพระช่วย!” พลอยญาวีต้องตกใจสุดขีดเมื่อเท้าสะดุดเข้ากับหัวน็อตขนาดใหญ่ที่ใช้ยึดแผ่นเหล็กเอาไว้
จากนั้นกระท้อนก็ร้องไห้จ้า ท่ามกลางความตื่นตะลึงสายตาที่อยู่บนสะพานทุกคู่จ้องมองสองพี่น้องด้วยความหวาดเสียวแทนเมื่อรถไฟห่างจากร่างสองสาวอีกไม่กี่เมตร
ปู้นๆๆ……….
รถไฟขบวนท่องเที่ยววิ่งผ่านสะพานรถไฟสายมรณะไปแล้วแต่กระท้อนยังไม่หยุดร้องไห้เพราะอาการตกใจ ส่วนพลอยญาวียังคงหอบแฮก ๆ “เห็นไหมกระท้อนความดื้อของเธอเกือบทำให้เราสองคนเอาชีวิตมาสังเวยบนสะพานนี้แล้วไหมล่ะ
“หนูกลัว ฮือๆๆๆหนูขอโทษ ฮือฮือ”
“โอ๋ๆๆ อย่างร้องไห้นะกระท้อนเราปลอดภัยแล้ว” พลอยญาวีกอดร่างอวบอ้วนเอาไว้จากนั้นลูบหลังเธอเบาๆ สาวน้อยตัวกลมยังคงสะอื้นจนตัวโยน
“ขอบคุณมากนะคะ คุณเอ่อ..คุณ.”
“ผมวาโยครับ ตาจอมจุ้นที่คุณว่าตามหลังไป”
พลอยญาวีหัวเราะแหะๆ “ได้ยินด้วยเหรอคะ”
“ได้ยินชัดด้วยครับ” เขายิ้มกวนนิดหน่อย ก่อนจะหันไปสนใจสาวน้อยที่ยังร้องไม่เลิกพร้อมกับอุ้มร่างน้อยจ้ำม่ำขึ้นมา
ในนาทีชีวิตนั้นที่พลอยญาวีและน้องสาวล้มลงกลางสะพานขณะที่รถไฟใกล้เข้ามาทุกทีชายหนุ่มวิ่งมาช่วยอุ้มกระท้อนและดึงพลอยญาวีขึ้นและหลบเข้าข้างทางได้อย่างทันเวลาชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด
“อย่าร้องไห้เลยนะสาวน้อย ร้องไห้แล้วไม่สวยนะ” วาโยพยายามปลอบโยนสาวน้อย
“กระท้อนกลัว รถไฟเกือบทับหนู”
“ใช่มันน่ากลัวมาก วันหลังหนูอย่าทำแบบนี้อีกนะครับมันอันตรายมาก”
“ค่ะ” แต่ก็ยังไม่วายครางฮือ สะอื้นน้อยๆก่อนจะซบใบหน้าลงไปที่ไหล่กว้างของชายหนุ่ม
“ถ้าเลิกร้องไห้จะพาไปดูไก่ฟ้าตกลงไหม”
“จริงนะคะ” กระท้อนหยุดร้องไห้ทันทีและเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม
“จริงสิแต่ต้องถามพี่สาวดูก่อนว่าเขายอมให้พี่พาไปไหม”
พลอยญาวี อยากจะพาน้องกลับไปที่รถมากกว่าเพราะกลัวพ่อกับแม่จะคอยนาน แต่ทว่าเขาก็มีบุญคนเรียกว่าช่วยชีวิตเธอกับน้องเอาไว้จึงพยักหน้าตอบตกลง ดังนั้นวาโยจึงอุ้มน้องสาวของเธอนำหน้าไปโดยมีพลอยญาวีเดินตาม
“ก็ได้ค่ะเรายังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อย”
“คุณกับน้องสาวมาเที่ยวเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ เราตั้งใจจะมาพักผ่อนกัน”
“แล้วคุณล่ะคะ”
“ผมก็มาพักผ่อนเหมือนกันครับแล้วก็ตั้งใจมาเยี่ยมญาติด้วย ว่าจะเลยไปเที่ยวแถวสะพานมอญอยู่เหมือนกันแต่มาแวะถ่ายรูปกับเก็บบรรยากาศยามเช้าที่นี่ก่อน”
ที่เดียวกันเลยแหะ แต่พลอยญาวีไม่ได้บอกว่าเธอกับเขามีจุดหมายเดียวกัน
“จะให้ผมเรียกชื่อคุณว่าอะไรครับ”
“พลอยญาวีค่ะ ส่วนน้องสาวจอมแสบของพลอยชื่อ”
“น้องกระท้อนหวานค่ะ” สาวน้อยชิงตอบแถมเติมชื่อต่อท้ายให้ตัวเองอีกนิด
“ชื่อน่ารักมากครับ พูดเก่งเชียว โตขึ้นคงจะสวยไม่ต่างจากพี่สาว”ตาคมหันมาสบตากับพลอยญาวี
“แสบมากค่ะ ดื้อมากด้วย เอาแต่ใจที่หนึ่ง แล้วใครเปลี่ยนชื่อให้เธอเป็นกระท้อนหวานยะ ยัยกระท้อนเปรี้ยว”
“ตัวเองนั่นแหละดื้อ อย่ามาว่าเขานะ เกือบทำเขาถูกรถไฟทับตาบ” กระท้อนเถียงพี่สาวฉอดและแอบยิ้มแก้มไม่หุบที่ไม่ต้องเดินเองมีหนุ่มหล่ออุ้มเธอเที่ยว
“แล้วพวกคุณพักกันที่ไหนกันครับ”
“ยังเลยค่ะ คือทริปนี้ฉุกเฉินค่ะ พลอยกับครอบครัวตอนแรกตั้งใจว่าจะอยู่กรุงเทพฯ ไม่ไปไหนแต่เกิดเปลี่ยนใจกะทันหันก็เลยมากันอย่างไม่ได้เตรียมตัว กะว่าจะหาที่พักเอาข้างหน้าคิดว่ากาญจนบุรีเป็นจังหวัดใหญ่ยังไงก็คงหาที่พักได้บ้าง”
“ถ้ายังไม่มีที่พัก หรือหาไม่ได้ลองไปตามนามบัตรนี้นะครับ”
พลอยญาวีรับนามบัตรจากมือขาวสะอาดของวาโยมาถือเอาไว้ “ดีเหมือนกันค่ะ เผื่อไม่มีที่พักพลอยจะแวะไป”
หลังจากชายหนุ่มพาสาวน้อยวัยกะเตาะ และสาวสวยวัยสะคราญไปชมไก่ฟ้าตามที่บอกไว้แล้วเขาก็เดินมาส่งสองพี่น้องจนถึงต้นสะพาน
“ขอบคุณมากค่ะ คุณวาโย ที่คุณช่วยเราสองคนเอาไว้แถมยังพาไปชมไก่ฟ้าอีก หวังว่าเราจะได้พบกันอีกนะคะ” พลอยญาวียิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ครับ เราจะได้พบกันอีกแน่ๆ” ดูเหมือนวาโยจะมั่นใจมาก แน่นอนเขากับเธอต้องผมกันอีกอย่างแน่นอนเพราะเธอคือส่วนสำคัญของแผนการ
“พลอย กระท้อน” สองสาวหันไปตามน้ำเสียงที่คุ้นเคย
“แม่คะ พ่อคะทางนี้คะ” พลอยญาวีโบกไม้โบกมือให้พ่อกับแม่ส่วนกระท้อนรีบวิ่งไปหาแม่อย่างเร็ว
“ไปถึงไหนกันมาลูกหายไปนานสองนาน พ่อกับแม่หาข้าวทานกันจนอิ่มก็ยังไม่เห็นหนูกลับกันมา”
“ข้ามไปที่สะพานฝั่นโน้นมาค่ะ พายัยกระท้อนไปดูไก่ฟ้า”
“ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะลูก เดี๋ยวถึงโรงถ่ายละครจะสายแดดจะร้อนเอา”
ทริปในวันนี้ครอบครัวของพลอยญาวีต้องการเข้าไปชมโรงถ่ายพระนเรศวรอีกหนึ่งไฮไลท์เด็ดของกาญจนบุรีหนังประวัติศาสต์ที่คนไทยทุกคนอยากดู
“แม่คะเมื่อตะกี้ รถไฟเกือบ”
“เกือบอะไรจ้ะลูก”
“ยัยกระท้อน”พลอยญาวีเรียกชื่อน้องสาวเอาไว้เป็นการเตือนว่าอย่าเล่าเรื่องที่เกือบจะถูกรถไฟทับ เธอไม่ได้กลัวจะโดนพ่อกับแม่ตำหนิแต่กลัวท่านจะเป็นห่วงและจะหมดสนุก
“มีอะไรกันหรือลูก” คนเป็นพ่อถามขึ้นเมื่อเห็นสองสาวมีลับลมคมใน
“เปล่าค่ะ แค่ยัยกระท้อนจอมแสบร้องไห้อยากจะขึ้นรถไฟให้ได้”
กระท้อนย่นจมูกใส่พี่สาวแต่ก็ปิดปากสนิท
“โธ่ ! นึกว่าอะไรกัน”
“ถ้าอย่างนั้นไปกันเถอะลูก” คนเป็นพ่อชวนขึ้นรถ
พลอยญาวีหันหลังกลับไปเพื่อจะล่ำลาวาโยอีกครั้งแต่ปรากฏว่าไม่มีแม้แต่เงาของเขา
“ไปไหนแล้วนึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไปคนอะไรแปลกพิลึก”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ค. 2554, 13:51:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ค. 2554, 13:53:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 7765
ตอนที่2 >> |

อัปสรา 16 พ.ค. 2554, 15:22:51 น.
หายหน้าไปเสียนานจำกันได้ไหมเอ่ย
หายหน้าไปเสียนานจำกันได้ไหมเอ่ย

ปูสีน้ำเงิน 16 พ.ค. 2554, 16:49:53 น.
ยังจำคุณอัปสราได้เสมอแหละค่ะ
แต่ถ้าจะให้ขึ้นใจต้องอัพบ่อยๆ นะคะ
ยังจำคุณอัปสราได้เสมอแหละค่ะ
แต่ถ้าจะให้ขึ้นใจต้องอัพบ่อยๆ นะคะ

ann 16 พ.ค. 2554, 18:45:52 น.
เอ พระเอกวางแผนอะไรไว้นะ ว่าแต่วาโยกับพลอยเป็นพระนางรึป่าว เริ่มสงสัย
เอ พระเอกวางแผนอะไรไว้นะ ว่าแต่วาโยกับพลอยเป็นพระนางรึป่าว เริ่มสงสัย

lovemuay 16 พ.ค. 2554, 19:08:26 น.
น่าสนุกดีนะคะ ^^
น่าสนุกดีนะคะ ^^

อัปสรา 16 พ.ค. 2554, 20:48:58 น.
ขอบคุณค่ะคุณปูสีน้ำเงิน คุณann ที่แวะมาเยี่ยมกันตลอด คุณlovemuay ด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะคุณปูสีน้ำเงิน คุณann ที่แวะมาเยี่ยมกันตลอด คุณlovemuay ด้วยนะคะ

ida 16 พ.ค. 2554, 22:01:25 น.
มาแหละ เรื่องใหม่ แล้วไงเนี่ย แผนอะไรค่ะคุณวาโย
มาแหละ เรื่องใหม่ แล้วไงเนี่ย แผนอะไรค่ะคุณวาโย

พรรณราย 16 พ.ค. 2554, 22:39:52 น.
สนุกค่ะ
สนุกค่ะ

อัปสรา 16 พ.ค. 2554, 23:32:23 น.
ขอบคุณทุกท่านนะคะที่เข้ามาอ่าน ตอนนี้นิยายย้อนยุคเรื่องบุพเพอาละวาดข้ามภพของอัปสราผ่านแล้วนะคะ แต่กว่าจะออกเล่มก็เมษายนปีหน้าค่ะ เพราะคิวยาว
ขอบคุณทุกท่านนะคะที่เข้ามาอ่าน ตอนนี้นิยายย้อนยุคเรื่องบุพเพอาละวาดข้ามภพของอัปสราผ่านแล้วนะคะ แต่กว่าจะออกเล่มก็เมษายนปีหน้าค่ะ เพราะคิวยาว

ศศิริษา 19 พ.ค. 2554, 11:18:17 น.
ตอนแรกก็สนุกแล้วค่ะ
ตอนแรกก็สนุกแล้วค่ะ