บุหงาซ่อนกลิ่น (ช่องสามซื้อลิขสิทธิ์แล้ว)
ด้วยความรู้สึกผิด เขาจึงติดตามชดใช้
จนกลับกลาย...มาเป็นความรัก

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

สิมิลัน มายาวี เจ้าของฉายาสาวฮอตทะเลร้อนไม่เข้าใจเล้ย! ว่าทำไมในละครถึงชอบให้พระเอกข่มขืนนางเอก แล้วตอนท้ายนางเอกก็ดันไปหลงรักผู้ชายเฮงซวยจำพวกนั้นเสียด้วย

เพราะวันที่ฝันร้ายเกิดขึ้นกับเธอ หญิงสาวเกลียดปัณณ์ รัชนาถ จนแทบไม่อยากเห็นหน้า ถ้าฆ่าเขาให้ตายคามือได้โดยไม่ติดคุก เธอก็คงทำไปแล้วแน่ๆ

แต่แล้วเมื่อข่าวหลุดลอดออกไป แทนที่ผู้คนจะเห็นใจว่าเธอถูกกระทำ กลับหาว่าเธอจงใจยั่วซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของวงการ ทั้งยังวางแผนแบล็คเมล์กะจับเขาให้อยู่มือเสียอีก

โอ๊ย! โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดแล้วนี่!

ครั้นจะลุกขึ้นมาทวงศักดิ์ศรี ใครล่ะจะเชื่อ ในเมื่อเธอเป็นแค่ตัวอิจฉาคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่นางเอกที่จะเรียกร้องความเห็นใจจากใครได้เลย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

“ค่าตัวแพงไม่เบานะ” เสียงห้าวที่ดังมาจากด้านหลังหยุดย่างก้าวของเธอได้ชะงัดนัก

หญิงสาวตัวชาวาบ หันขวับมาตวัดมองเจ้าของเสียงทันควัน ปัณณ์ในเครื่องแต่งกายชุดใหม่เดินลงบันไดโค้งมายืนอยู่ตรงหน้า

“ถึงฉันจะถ่ายแบบชุดว่ายน้ำมันก็ไม่ได้หมายความว่าฉันขายตัว”

“แต่งตัวยิ่งกว่าผู้หญิงกลางเมือง ยังจะปฏิเสธอีก เธอนี่โชคดีเหลือเกินนะ ยายเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม คืนเดียวเรียกได้ตั้งยี่สิบล้าน!”

ดวงตาสิมิลันวาวจ้าราวแม่เสือ กระนั้นกลับมีหยาดน้ำวาวๆ คลอเต็มหน่วย หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่น รวบรวมทุกกำลังใจที่เหลืออยู่น้อยนิด ย้ำกับตัวเองว่าให้เข้มแข็งเข้าไว้ หากจะตายก็ขอไปตายที่อื่น อย่าให้ผู้ชายคนนี้เห็นความอ่อนแอของเธอเด็ดขาด อย่าให้เขาหัวเราะเยาะ เย้ยหยันเธอได้อีก

หญิงสาวเชิดหน้า แต้มยิ้มเหยียด “ก็คงไม่โชคดีเหมือนไอ้เฒ่าตัณหากลับอย่างคุณหรอก แก่ขนาดนี้แล้วยังอุตส่าห์ได้เคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างฉันน่ะ”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ ๑๙

สิมิลันสะบัดศีรษะด้วยอาการไม่เชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นรถยุโรปสีดำสนิทมาจอดขวางหน้าประตูบ้านตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสว่าง

แถมเมื่อลงมาข้างล่างก็ยิ่งหมดแรงเมื่อเห็นแขกไม่ได้รับเชิญนั่งประจำอยู่ที่โต๊ะอาหาร กินข้าวเช้าและพูดคุยกับมารดาเธออยู่อย่างออกรส ขณะสิตางศุ์ง่วนอยู่ในครัว

ปัณณ์เงยขึ้นมาส่งยิ้มให้เธอ “อรุณสวัสดิ์จ้ะน้องตอง”

หญิงสาวชักสีหน้า “คุณมาทำไมแต่เช้าเนี่ย”

“มาขอชิมอาหารเช้าฝีมือน้องเตยไง” เขาลุกขึ้นมา ขยับเก้าอี้ให้เธออย่างเอาใจ

สิมิลันปรายตามองคนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เห็นเขาทำสีหน้าประจบประแจง ปะเหลาะกันเต็มที่ ความที่รู้ว่าแม่กำลังมองอยู่ จึงยอมกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างประชดประชันทั้งที่ไม่เต็มใจสักนิด

“เบาๆ สิคะคนเก่ง เดี๋ยวก็เจ็บเนื้อเจ็บตัวไปอีกหรอก” ปัณณ์บ่นด้วยสำเนียงอ่อนหวาน...จนน่าขนลุก

แม้จะบอกตัวเองว่าหงุดหงิดที่ต้องเห็นหน้าเขา เห็นเขามาเสแสร้งแกล้งทำดีเพื่อปั่นหัวเธอ แต่กึ่งหนึ่งสิมิลันก็อดปรายตามองพระเอกหนุ่มด้วยความขอบคุณมิได้ ที่เขารู้กาละเทศะมากพอ และไม่แตะเนื้อต้องตัวเธอต่อหน้ามารดาเลยสักนิด อย่างน้อยการให้เกียรติของเขาก็ทำให้แม่ไม่ต้องกลัดกลุ้มกังวลกลัวว่าเธอจะเสียทีให้เขาง่ายๆ หรือ...อาจถึงขั้นระแคะระคายถึงเหตุการณ์ในค่ำคืนนั้น

ปัณณ์อ้อมโต๊ะกลับไปนั่งประจำที่เดิมอีกครั้ง ท่าทางเขาสุภาพผิดตา ทั้งยังไม่หลุดมาดหนุ่มแสนดีเลยแม้แต่น้อย จนเธออดสงสัยไม่ได้ ว่าภาคไหนกันแน่ที่เป็นตัวจริงของปัณณ์ รัชนาถ

ตอนที่เขาแสดงท่าทีนอบน้อมนักแสดงอาวุโสในกองถ่าย

ยามเขากระแนะกระแหนจงใจแกล้งเธอในแทบทุกฉาก ปากร้ายกล่าวหาเธอทุกครั้งที่พบกัน

ขณะที่เขาทำเสียงอ่อนเสียงหวานกับพี่สาวทางโทรศัพท์

หรือ ณ ช่วงเวลานี้ที่เขาทำสีหน้าสีตาเอื้อเอ็นดูเธอ ราวกับว่าตนเองเป็นพี่ชายที่กำลังมองน้องสาวจอมแก่นออกฤทธิ์ด้วยความระอา

ตั้งแต่เมื่อวานที่เขากลับบ้านไป สิตางศุ์ดูจะตื่นเต้นมากกว่าใครกับข่าวมั่วๆ ที่ปัณณ์โมเมเอาว่าเขากำลังคบหาดูใจกับเธอในฐานะแฟนอยู่

สาวน้อยทั้งซักทั้งถามจนเธอต้องอ้างว่าง่วงนอนเพราะกินยาเข้าไป นั่นละ...น้องสาวจึงยอมให้เธอได้นอนเงียบๆ อยู่กับความคิดของตัวเองบ้าง

สิมิลันรู้...อีกไม่ช้าเธอจะต้องตอบคำถามนี้กับสื่อด้วยเช่นกัน ตอนนี้พวกนักข่าวเข้าใจว่าเธอยังพักฟื้นรักษาตัวอยู่ เธอจะยังมีเวลาหายใจไปอีกสองสามวันกว่าความจะแตกว่าเธอหนีออกจากโรงพยาบาลแล้ว

ถึงตอนนั้นสิมิลันต้องมีเหตุผลที่ดีพอสำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น และคำอธิบายที่ว่าไฉนตัวอิจฉากับพระเอกที่มีท่าทางไม่ถูกกันตลอดเวลาที่อยู่ในกองถ่าย จึงเกิดห่วงใยกันถึงขนาดออกไปซื้อยาและอยู่ในรถด้วยกันสองต่อสองในเครื่องแต่งกายที่ล่อแหลมเช่นนั้น

ทว่าสองวันที่เธอคิดว่าพอจะซื้อเวลาได้ กลับกลายเป็นว่า...

“พี่ดากับพี่งามคุยกันแล้วนะ ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันว่าเราควรจะจัดแถลงข่าวเล็กๆ ประกาศให้ทุกคนรู้ไปเลยว่าเรากำลังคบกันอยู่ ดีกว่าปล่อยให้นักข่าวเขียนกันไปเองตามใจชอบ เราคงต้องเปิดเผยความลับนี้เสียทีนะคะน้องตอง” ปัณณ์อธิบายกลางโต๊ะอาหาร ทำเสียงเล็กเสียงน้อยได้อย่างน่ารัก แต่เธอกลับรู้สึกขัดหูเป็นบ้า

“ชื่อตองมีไว้ให้คนในบ้าน กับคนที่ชอบพอกันเรียกเท่านั้นค่ะ”

“ไม่เอาน่าตอง รวนคุณเขาแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะจ๊ะลูก” สิชลปราม

“หนูไม่ได้รวนนะคะแม่ ตองพูดจริง หนูไม่ได้เป็นแฟนคุณปัณณ์เขาจริงๆ นะคะ”

“อันที่จริงถ้าหนูจะมีแฟน แม่ก็ไม่ได้ห้ามสักหน่อย ไม่ต้องปิดแม่หรอกจ้ะ ที่เมื่อก่อนปรามไว้ก็เพราะห่วงว่าลูกจะไขว้เขว แม่อยากให้ตองสนใจกับการเรียนและการทำงานมากกว่า แต่ตอนนี้ตองโตแล้ว ถ้าจะคบหากับใครบ้างแม่ก็ไม่ว่า แต่ต้องดูให้เหมาะสม ให้เป็นคนดี ชวนกันทำเรื่องดีๆ ไม่ใช่พากันไปเสียคนก็เท่านั้นเอง”

ดูเถิด...แม่กลับเข้าใจว่าเธอไม่กล้ายอมรับเพราะเกรงถูกเอ็ดเสียอย่างนั้น

“คุณน้าครับ ผมตั้งใจว่าจะแถลงข่าววันนี้ คุณน้าไปร่วมงานด้วยกันไหมครับ”

“อย่าเลยจ้ะ สภาพน้าเป็นอย่างนี้ น้าไม่อยากทำให้ยายตองขายหน้าคนอื่น”

“หนูไม่เคยอายที่แม่เป็นแบบนี้นะคะ” สิมิลันรีบแก้

“แต่แม่อาย ไม่อยากให้คนมองจ้ะ” สิชลอธิบายเสียงอ่อน

ปัณณ์พยักหน้ารับรู้ “ผมรับปากกับคุณน้าได้ตรงนี้เลย ว่าผมจะให้ข่าวในแบบที่ให้เกียรติน้องตองที่สุด ไม่ให้เธอด่างพร้อยแม้แต่น้อยครับ”

สิชลยิ้มพึงใจ ไม่วายสำทับ “ไม่ใช่แค่ให้ข่าวค่ะ แต่น้าอยากขอให้คุณให้เกียรติน้องทั้งด้วยคำพูดและการกระทำไปพร้อมๆ กัน คงเข้าใจใช่ไหมคะว่าน้าหมายถึงอะไร”

ปัณณ์รู้สึกเหมือนน้ำลายจะฝืดคอขึ้นมาดื้อๆ คำขอนั้นคงไม่ยากหรอก ถ้าไม่ใช่เพราะเขาดันข้ามขั้นไปทำความรู้จักกับสิมิลัน ‘ลึกซึ้ง’ เสียตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกันแล้ว!

แม้มันออกจะเป็นกระบวนการการทำความคุ้นเคยกับใครคนหนึ่งที่ผิดขั้นตอนไปชนิดฟ้ากับเหว แต่จะทำอย่างไรได้ เขาย้อนเวลากลับไปแก้ไขมันไม่ได้นี่นา

ทั้งที่มีพิรุธในใจ แต่ด้วยความเป็นนักแสดงมือหนึ่ง ชายหนุ่มจึงปรับอิริยาบถได้ทันท่วงที “ครับ ผมเข้าใจดี คุณน้าไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่ทำให้น้องตองชื่อเสียงด่างพร้อยเลยแม้แต่นิดเดียว”

“ได้ยินแบบนั้นน้าก็ค่อยสบายใจหน่อย เอาเป็นว่าน้ารับรู้แล้วว่าสองคนคบกัน ถ้ายังไงก็อย่าทำให้น้าผิดหวังก็แล้วกันนะจ๊ะ” สิชลยิ้มบางๆ ขณะผู้ร่วมโต๊ะอีกสองคนก้มหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันถ้วนหน้า






ดาลัดนั่งกอดอกทำสีหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด พลางตะโกนถามเป็นคำรบที่ไม่ได้นับ

“เสร็จหรือยังจ๊ะแม่คู้ณ จะต้องให้รออีกนานไหม” ไม่แขวะเปล่า เจ้าของคำพูดยังตวัดค้อนคนที่นั่งทิ้งกายพิงเก้าอี้โซฟาสบายอารมณ์อยู่ข้างๆ ด้วยความหมั่นไส้อีกด้วย

“แฟนเธอเขาเปลี่ยนชุดเป็นรอบที่สี่แล้วนะ ไม่รู้ละ ต่อให้คราวนี้แต่งลิเกออกมา ฉันก็ไม่ให้เปลี่ยนใหม่แล้ว นักข่าวมาคอยกันเพียบ แต่ฉันกลับต้องมานั่งรอเด็กนั่นเปลี่ยนชุดเพื่อให้ถูกพระอารมณ์เธอเนี่ยนะ!”

“นี่มันเป็นการเปิดตัวผมกับตองในฐานะแฟนนะ ผมก็อยากให้ตองเขาดูดีหน่อยสิ”

“หมั่นไส้! ตองอย่างโน้นตองอย่างนี้ ไหนตอนอยู่ในกองละครเธอเกลียดขี้หน้าเขายังกับอะไรดี”

“ผมคบกับเขาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแหละ แต่จะทำตัวเป็นปกติ หรือทำท่าเป็นเพื่อนร่วมงานกันเหมือนคนอื่น ก็กลัวว่าจะเผลอแสดงพิรุธออกมา เลยต้องแกล้งทำเป็นว่าไม่ชอบขี้หน้ากันยังไงล่ะ”

“ถามจริงนะปัณณ์ เพิ่งถ่ายละครกันมาได้แค่สองสามเดือนเอง เธอเอาเวลาที่ไหนไปรู้จักมักจี่กับเขามากมายนัก” สมแล้วที่ดาลัดเป็นผู้จัดการส่วนตัวของซูเปอร์สตาร์หนุ่มหล่อ เพราะเธอตั้งข้อสังเกตได้ตรงกับความเป็นจริงที่สุด

“ก็...เอ้อ...วันบวงสรวงไง ผมเอาเบอร์น้องตองมาจากผู้จัดการกองถ่าย แล้วก็โทร.ไปตื๊อ ทำคะแนนอยู่บ่อยๆ พอวันไหนตองว่างหรือผมว่าง เราก็แวบไปกินข้าวกันสองต่อสองไงล่ะ”

“แต่ทำไมไม่เคยมีปาปารัซซี่เก็บภาพได้เลยล่ะ”

“ก็...ผมไปบ้านเขาไง ตองเองช่วงนั้นก็มีนายศิวัชตามจีบอยู่ด้วย คนก็เลยไม่สงสัยกัน ที่จริงศิวัชเป็นตัวหลอกเท่านั้นเอง” ปัณณ์ด้นสดไปได้อย่างแนบเนียน ยิ่งถูกดาลัดซักเท่าไร เขาก็ยิ่งกุเรื่องเป็นฉากๆ ได้สมจริงมากขึ้นเท่านั้น ดีเสียอีก...นี่ถือเป็นการซ้อมใหญ่ก่อนลงสนามโดนนักข่าวซักฟอกจริงๆ อย่างไรล่ะ

ในที่สุดสิมิลันก็ออกจากห้องแต่งตัวมาด้วยชุดเสื้อกระโปรงติดกันตัวหลวมๆ ตัดเย็บจากผ้าชีฟองสีน้ำตาลเข้มพิมพ์ลายจุดสีขาวเล็กๆ ตลอดทั้งตัว แขนเสื้อพองรัดที่ใต้ข้อศอก ขณะความยาวของกระโปรงอยู่เหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย ที่เอวคาดเข็มขัดเส้นเล็กสีขาว แลสวย น่ารัก และกระจุ๋มกระจิ๋ม ไม่เหลือภาพของนักแสดงสุดเซ็กซี่ไว้เลย ผมสีน้ำตาลถูกเป่าจนตรงสลวย ติดกิ๊บประดับโบสีขาวอันโตส่งให้ใบหน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางแบบอ่อนๆ แลเด่นกระจ่างขึ้น น่าทนุถนอมเป็นที่สุด

แผลเย็บที่เปลือกตาเริ่มแห้งแล้วจึงเอาผ้ากอซออกได้ แม้จะมีริ้วรอยบาดแผลบ้างแต่ก็เล็กน้อยมากแทบมองไม่เห็น

ปัณณ์ลุกขึ้นมองผู้ที่ก้าวออกจากห้องแต่งตัวด้วยสายตาชื่นชม
“แบบนี้สิ ถึงจะสวยน่ารักสมวัยหน่อย ไอ้เสื้อรัดๆ แนบๆ อย่างที่ใส่เมื่อกี้นี้ขอทีนะ อย่าใส่อีกเลย พวกคนชีกอมันก็ได้กำไรมองเพลินไปเสียเท่านั้น”

สิมิลันชักสีหน้า “ฉันก็แต่งของฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”

ปัณณ์ยกนิ้วชี้ขึ้นโบกไปมาอย่างล้อเลียน “ไม่เอาค่ะ ต่อไปนี้หนูต้องเรียกตัวเองว่าตอง แล้วเรียกพี่ว่าพี่ ฝึกไว้ให้ชินล่ะ อย่าไปหลุดต่อหน้านักข่าวเชียว”

“ฉันจะเล่าความจริงให้นักข่าวฟัง”

ชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนผู้ใหญ่กำลังมองดูเด็กหญิงตัวน้อยอาละวาด แล้วเปรย “ตามใจตองนะ ให้นักข่าวงงเล่นบ้างก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้อยากรู้แล้วก็ขุดคุ้ยว่าตกลงพี่กับตองใครกันแน่ที่พูดจริง คราวนี้ล่ะ...เรื่องอะไรต่อมิอะไรที่เคยเป็น ‘ความลับ’ ของเรา ก็อาจจะถูกหยิบยกขึ้นมาแฉก็ได้นา...” เขาย้ำบางคำในประโยคอย่างมีเลศนัย หมายจะปรามคู่กรณีกลายๆ ให้ระแวงเล่นๆ

อาจเพราะคำขู่ของเขา สิมิลันจึงนั่งยิ้มเป็นไม้ประดับตลอดการแถลงข่าว ปล่อยให้ปัณณ์ปรับเสริมเพิ่มแต่งเรื่องราวการคบหากันแบบหลบๆ ซ่อนๆ นั้นตามใจชอบ

ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี จนกระทั่งมาถึงคำถามที่ว่า...

“ชื่อเสียงคุณปัณณ์ใครก็รู้ว่าค่อนข้างเจ้าชู้ เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยๆ เราคงไม่เสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้กันหรอกว่าคุณปัณณ์คบหากับผู้หญิงเหล่านั้นลึกซึ้งแค่ไหน ไม่ทราบว่าการประกาศว่ากำลังคบหากับสิมิลัน มายาวีในครั้งนี้ จะเปลี่ยนพฤติกรรมของคุณปัณณ์ด้วยหรือเปล่าคะ”

“แน่นอนครับว่าต้องเปลี่ยน เมื่อก่อนผมคบกับใคร ผมคิดแค่ว่าเราเจอกันแล้วก็...แยกกันไป แต่กับแซมผมพร้อมจะให้เกียรติน้อง อยากจะใช้เวลาศึกษากันให้มากกว่านี้ เพราะน้องก็ยังเรียนไม่จบ ผมเองในฐานะที่อายุมากกว่าก็ต้องใจเย็น อดทน คอยให้น้องพร้อมกว่านี้ก่อนสิครับ”

“คุณปัณณ์จะบอกว่าคุณจะคอยให้หญ้าโตแล้วค่อยลงมือเคี้ยวหรือคะ คาสโนวาพูดแบบนี้ใครจะเชื่อคะ” นักข่าวคนเดิมซอกแซก เป็นผลให้ทุกคนรอบด้านหัวเราะครืน

สิมิลันก้มหน้างุด แม้คำถามจะฟังดูสุภาพ แต่ใครก็เดาได้ว่าเจตนากลับเป็นคนละเรื่องกันเลยก็ว่าได้

ปัณณ์หน้าบึ้งทันควัน “ผมเคยบอกไว้แล้วว่าวันไหนพร้อมจะคบใคร ผมจะมาแถลงข่าวบอกให้รู้ วันนี้ผมให้เกียรติสื่อมวลชนด้วยการทำตามคำพูดของตัวเอง แต่บอกตามตรงนะว่าผมผิดหวังมาก ที่พวกคุณถามคำถามแบบนี้ นอกจากจะไม่ให้เกียรติผม ไม่ให้เกียรติน้องแซมแล้ว พวกคุณยังไม่ให้เกียรติตัวเองอีกด้วย

“ถามหน่อยเถอะ การที่คนสองคนจะคบกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่มีเรื่องเซ็กซ์มาเกี่ยวข้องนี่มันเป็นไปไม่ได้เลยเหรอ โอเค! ผมมันพวกประวัติไม่ดี ผมเคยสำมะเลเทเมามาเยอะแยะ แต่พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอ...ว่าคนทุกคนก็ต้องมีวันที่อยากจะหยุดตัวเองอยู่ที่ใครสักคนบ้างน่ะ แปลกมากหรือที่วันนี้ผมอยากจะหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนนี้ และหวังให้เธอเป็นความรักครั้งสุดท้ายของผมน่ะ”

ทั่วทั้งห้องแถลงข่าวเงียบกริบ บอกยากว่าเป็นเพราะน้ำเสียงใส่อารมณ์ของปัณณ์ หรือเป็นเพราะนักข่าวกำลังจุกกับการโดนเหวี่ยงด้วยถ้อยคำที่ปักเข้าตรงกลางใจกันแน่

“ขอโทษค่ะ” สาวห้าวที่ปากเปราะละล่ำละลักออกปาก “ถ้าทำให้คุณปัณณ์ไม่พอใจกับคำถามของพี่ ก็ขอโทษด้วยนะคะ”

ปัณณ์ส่ายหน้า “ผมไม่ได้ไม่พอใจกับคำถาม แต่ผมไม่ชอบใจปฏิกิริยาที่พวกพี่ปฏิบัติต่อผมและน้องแซม ผมน่ะมันผู้ชายห่วยๆ คนหนึ่ง ทำตัวแย่ๆ มาตลอด ผมไม่มีปัญหาถ้าจะมีคนด่าผมเพิ่มขึ้นอีกสักเรื่องน่ะ แต่แซมเป็นผู้หญิง จะพูดจาล้อเล่นหรือแซวอะไรก็ให้เกียรติเธอบ้าง คิดถึงหัวอกพ่อแม่พี่น้องญาติสนิทเพื่อนฝูงของเธอบ้าง พวกคุณๆ ก็เป็นผู้หญิง ทำไมถึงดูถูกผู้หญิงด้วยกันแบบนี้ ถ้าพวกคุณไม่ให้เกียรติคนเพศเดียวกัน จะหวังให้ใครที่ไหนมาปฏิบัติต่อสตรีเพศอย่างให้เกียรติล่ะครับ คิดว่าการดูถูกผู้หญิงด้วยกัน กดคนอื่นให้ต่ำลง แล้วมันจะทำให้คุณสูงส่งขึ้นหรือไง”

ยิ่งพูดเสียงเขาก็ดังขึ้นไปตามแรงอารมณ์โดยไม่รู้ตัว

“ปัณณ์...ใจเย็น” ดาลัดเอนตัวมากระซิบ

ปัณณ์หน้าบึ้ง เอนพิงพนักพลางกอดอก ไม่พูดอะไรอีก

ดาลัดรีบแก้สถานการณ์ด้วยการเสยิ้ม จีบปากจีบคออธิบาย “ปัณณ์เขาห่วงความรู้สึกของคุณแม่น้องแซม ไม่อยากให้ท่านตำหนิได้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้น้องเสียชื่อ คงกลัวจะถูกคุณแม่โหวตไม่ไว้วางใจน่ะค่า เมื่อกี้ก็เลย...ซีเรียสไปหน่อย ถ้ายังไงทุกคนก็อย่าถือสาเลยนะค้า”

ปัณณ์หันไปมองผู้หญิงที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ โดยไม่มีปากเสียงด้วยความเป็นห่วง ก่อนตัดสินใจบอกทุกคนแค่...

“ผมกับแซมต้องขอตัวก่อนนะครับ น้องยังไม่หายดีเลย ผมอยากให้น้องได้พักมากๆ”

ร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนค้ำอยู่ข้างๆ พร้อมกับยื่นแขนตั้งฉากส่งให้อย่างสุภาพ

สิมิลันเพิ่งจะสังเกตเห็นตอนนี้เอง ว่าปัณณ์ไม่เคยพยายามแตะต้องโดนเธอเลย เขามักจะเป็นฝ่ายเสนอเนื้อตัวมาให้เธอเกาะแขนเกาะมือเป็นหลักเดินมากกว่า

น่าแปลก...สิมิลันขมวดคิ้ว เค้นสมองนึกไม่ออกเลยว่าเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร

และมันน่าประหลาดยิ่งขึ้นก็ตรงที่...บางทีเธอก็ไม่ได้นึกรังเกียจเขาอย่างที่เคยเป็นเลยด้วยซ้ำ!






‘ปัณณ์ รัชนาถ รับ...หวังให้เป็นความรักครั้งสุดท้าย’

ปราชญ์หย่อนหนังสือพิมพ์ลงบนตักแฟนสาวที่นั่งชมภาพยนตร์อยู่ในห้องโฮมเธียร์เตอร์ พร้อมกับประกาศด้วยสีหน้ามีชัย

“เห็นไหมผมบอกแล้วว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเด็กนั่น ทีนี้อรเชื่อผมแล้วหรือยัง”

อรอุมาละสายตาจากหน้าจอ หยิบปึกกระดาษขึ้นมาคลี่อ่านด้วยความสนใจ หากยังไม่วายเย้า “รายนี้เคลียร์ได้แล้ว จะมีรายใหม่อีกไหมคะ”

“แหม...เห็นผมเป็นผู้ชายยังไงน่ะอร ดูสิขนาดเจ้าปัณณ์ยังกลับตัวกลับใจได้เวลาเจอตัวจริง แล้วคนรักเดียวใจเดียวอย่างผม มีหรือจู่ๆ จะเปลี่ยนไปเป็นคนแบบนั้นได้น่ะ” ปราชญ์ขยับลงมานั่งข้างๆ กันบนโซฟา พร้อมกับเอนศีรษะพิงบ่าหญิงสาวอย่างออดอ้อน

อรอุมายักไหล่ ที่ไม่ตอบโต้มิใช่จนด้วยคำพูด แต่เป็นเพราะผู้ชายข้างกายได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขา ‘มั่นคง’ จริงดังปากว่าเพียงใด

เธอเคยคบหากับปราชญ์สมัยเรียนระดับปริญญาตรีอยู่ที่สหรัฐอเมริกาด้วยกัน เขาเป็นรุ่นน้องมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่เมื่อเธอสำเร็จการศึกษาและกลับมาเมืองไทยก่อน ความสัมพันธ์ทางไกลก็มีอันจืดจางตามระยะทางไปด้วย

อรอุมาตกลงใจเข้าพิธีวิวาห์กับนายแพทย์ที่เป็นเพื่อนร่วมงานในโรงพยาบาลเดียวกันเพียงเพื่อจะพบว่าคนที่เหมือนกันจนเกินไป เมื่อต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันก็กลับกลายเป็นความทรมานได้อย่างเหลือเชื่อ แล้วชีวิตสมรสที่มีอายุขัยเพียงปีเศษก็ถึงคราวอับปางลงในที่สุด

หลังการหย่าร้างอรอุมากลับไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านโรคหัวใจที่สหรัฐอเมริกาอีกครั้ง แม้จะย้ายรัฐย้ายมหาวิทยาลัย แต่คงเป็นพรหมลิขิต ที่ทำให้เธอได้พบกับปราชญ์โดยไม่ตั้งใจ คราวนี้เขาเข้าเรียนก่อนเธอหนึ่งเทอมจึงกลับกลายเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยไปโดยอัตโนมัติแทน

สองหนุ่มสาวกลับมาคบหากันอีกครั้ง และตัดสินใจย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตามประสาคนรุ่นใหม่ตลอดเวลาสี่ปี จวบกระทั่งปราชญ์สำเร็จการศึกษาในระดับดุษฎีบัณฑิตเป็นดร.ปราชญ์ รัชนาถ และเธอเรียนจบหลักสูตร ทั้งคู่จึงเดินทางกลับประเทศไทยพร้อมกัน

แม้มิได้เลิกรากัน แต่ก็ไม่ได้ผูกมัดกันไปมากกว่านั้น ไม่มีใครเอ่ยถึงการแต่งงาน ปราชญ์ซื้อคอนโดมิเนียมไม่ไกลจากโรงพยาบาลไว้เป็นสถานที่พิเศษสำหรับทั้งคู่ เผื่อวันไหนที่เธอขับรถกลับบ้านไม่ไหวจะได้มาค้างที่นี่ ส่วนตัวเขาเองเป็นห่วงพี่สาวจึงมิได้ย้ายออกจากบ้านเป็นการถาวร เพียงแต่นัดหมายแวะมาค้างกับเธอบ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น

ความสัมพันธ์ที่ตั้งอยู่บนรากฐานของความผูกพัน ความเข้าอกเข้าใจ จึงทำให้ทั้งคู่ไม่เดือดร้อนที่จะต้องแต่งงานตามกระแสการกดดันของสังคม อายุที่มากขึ้นรวมถึงวุฒิภาวะและความฉลาดทางอารมณ์ที่เท่าเทียมช่วยให้ความการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเป็นเรื่องที่มีความสุขมากกว่าการนำความทุกข์มาให้

อรอุมาเพิ่งมารู้จากเพื่อนรุ่นน้องที่เรียนร่วมคณะกับปราชญ์ในภายหลังว่าตลอดเวลาที่ห่างหายกันไป ชายหนุ่มมิได้คบหากับสตรีใดอย่างจริงจังอีกเลย และทั้งที่เธอผ่านการสมรสมาแล้ว ทว่าปราชญ์ก็มิได้มีท่าทีรังเกียจแต่ประการใด เขาปฏิบัติต่อเธอเสมอต้นเสมอปลายเหมือนครั้งคบหากันในครั้งแรกไม่เปลี่ยน ไม่เคยเอ่ยถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาดเลยแม้แต่ครึ่งคำ

เช่นนี้แล้วจะมิให้เชื่อมั่นในความ ‘มั่นคง’ ของเขาได้อย่างไร

“ผมเคลียร์ตัวเองแล้วนะ ทีนี้อรว่าเราแต่งงานกันได้หรือยัง” จู่ๆ เขาก็ยกเรื่องเดิมกลับมาถามซ้ำ

“ทำไมพูดเรื่องนี้อีกแล้วคะ” อรอุมาเอียงคอถามด้วยความฉงน

“ผมอยากมีลูก” คนตอบโพล่งออกมาลอยๆ

“พูดจริงเหรอคะเนี่ย”

“จริงสิ ขืนรอนานไปกว่านี้ น้ำยาผมก็ไร้ประสิทธิภาพกันพอดี”

อรอุมากัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิด “แต่อรเคยบอกคุณแล้วนี่คะ ว่าอรไม่เคยนึกภาพตัวเองเลี้ยงลูกได้เลย อรว่าสังคมปัจจุบันมันแย่ออก ไม่อยากให้เด็กเกิดมาแล้วต้องเจอสิ่งแวดล้อมแบบนี้ สงสารเขาน่ะค่ะ”

“อรน่ะมองโลกในแง่ร้ายเกินไป”

“อรมองโลกตามความเป็นจริงต่างหาก คิดดูนะคะถ้าเรามีลูกตอนนี้ เกิดอีกสิบปีเราตายเสีย แล้วลูกจะอยู่ยังไง อรว่ามันเป็นชีวิตที่โหดร้ายเกินไปถ้าจะให้กำเนิดเด็กคนหนึ่งโดยที่เราไม่อาจมั่นใจได้เลยว่าจะอยู่กับเขาได้ตลอดเวลาในยามที่เขาต้องการน่ะ”

“เราต้องอยู่จนกว่าลูกโตแน่นอน ผมมั่นใจนะอร”

“แต่ทางพระท่านว่าความแน่นอนก็คือความไม่แน่นอนนะคะ คุณบังคับตัวเองไม่ให้ตายไม่ได้สักหน่อย”

คนฟังถอนหายใจ “สรุปว่า...”

“ถ้าคุณจะแต่งงานเพียงเพราะว่าอยากมีลูก อรว่าอย่าเพิ่งเลยดีกว่าค่ะ อรบอกแล้วไงว่ายังไม่พร้อม”

ปราชญ์ยักไหล่ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงฟังออกว่าน้อยใจ “ในเมื่อคุณยืนยันอย่างนี้ ผมจะทำอะไรได้ล่ะ”

“ไม่เอาน่าคนดี...อรรักคุณนะคะ เพียงแต่ว่า...”

“ช่างมันเถอะ ถือเสียว่าผมไม่ได้พูดก็แล้วกัน” ปราชญ์ตัดบท

“คุณโกรธอรนี่นา”

“ผมไม่ได้งี่เง่าขนาดนั้นหรอก”

“ไม่โกรธก็ดีแล้วค่ะ อรจะได้...” คนพูดยิ้มมีเลศนัย พร้อมกับหมุนตัวพลิกขึ้นไปนั่งคร่อมท่อนขาของชายหนุ่ม ชุดนอนที่ตัดเย็บจากผ้าฝ้ายเนื้อบางร่นขึ้นอวดต้นขาเนียนละมุน ดวงตาวาววับด้วยประกายปรารถนาสบสานกับเขาอย่างมีความหมาย

“อยู่ๆ อรก็นึกถึงตอนเราอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน ห้องแคบๆ กับโซฟานุ่มๆ ไม่ต้องมีตำแหน่งท่านเลขาฯไม่ต้องมีหัวโขนหมออร มีแต่...เราสองคน” คนพูดหัวเราะคิก ริมฝีปากงามแย้มเยื้อนเชิญชวน พร้อมกับป่ายมือไปตามส่วนที่ไวต่อสัมผัสของคนใต้ร่างอย่างช่ำชอง

“วันนี้เรามาระลึกความหลังกันหน่อยนะคะ” เสียงแหบพร่างึมงำในคอด้วยความพอใจเมื่อปราชญ์ตอบสนองในเชิงที่เร่าร้อนไม่แพ้กัน

อรอุมาปล่อยกายใจไปกับการปรนเปรอของชายหนุ่มเหมือนเช่นทุกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ระหว่างกันกำลังจะเปลี่ยนแปรโฉมหน้าไป...โดยสิ้นเชิง!



สิริณ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ต.ค. 2555, 16:21:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ต.ค. 2555, 16:21:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 2644





<< ตอนที่ ๑๘   ตอนที่ ๒๐ >>
Siang 2 ต.ค. 2555, 16:28:34 น.
ตอนนี้นายปัณณ์น่ารักมากมาย^_^ แต่แอบหวั่นใจกับคู่พี่ปราชญ์ หวังว่าคงไม่มีรายการพลิกล็อคนะึคะ


สิริณ 2 ต.ค. 2555, 16:30:31 น.
ขอบคุณทุกท่านที่กดไล้ค์ และให้ฟีดแบ็กดีๆกับสิริณนะคะ
ได้รับเสียงสะท้อนทางบวกกับพฤติกรรมของตาลุงแบบนี้
สิริณค่อยเบาใจหน่อยว่าคนอ่านจะให้อภัยความ "กวน" ก่อนหน้าของตาลุงได้ ;D

สำหรับที่หลายคนถามไถ่มาถึงความหวาน
รับประกันว่ามีแน่นอนค่ะ แต่โปรดอดใจคอยสักนิดนะคะ
การที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกล่วงละเมิดจะทำใจยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้น
มันค่อนข้างจะยาก และใช้เวลาพอสมควร
เพราะงั้นพัฒนาการทางความคิดของสิมิลันจะอิงกับหลายสถานการณ์เนอะ ^^
ใจเย็นๆ นะค้า...

ระหว่างนี้ก็ดูลีลาจีบเด็กของตาลุงไปพลางๆ อิอิ


sai 2 ต.ค. 2555, 16:39:37 น.
อ้าวววว คู่อรกะปราชญ์จะมีอะไรหนอ??? ติดตามตามติดๆๆๆ


bloomberg 2 ต.ค. 2555, 17:27:18 น.
หมออรอยากระลึกถึงความหลังที่มีกันสองคน อีก 2 เดือนได้นึกถึงความหน้ากัน 3 คนแหงม


กาซะลองพลัดถิ่น 2 ต.ค. 2555, 19:02:48 น.
้เดี๋ยวนี้หลาย ๆ คู่ไม่ค่อยคิดที่อยากจะมีลูกเพราะสังคมแย่ ๆ เฮ้อ...น่าเศร้าอ่ะ.
คู่ลุงหวานเกือบเลี่ยนไปเแล้ว ตอนนี้ลุ้นคู่ปราชญ์มั๊งว่าจะเกิดเรื่องอะไรขี้น แต่อยากให้เป็นเรื่องดี ๆ อ่ะ


mhengjhy 2 ต.ค. 2555, 19:21:28 น.
อ๊ะ คู่คุณปราชญ์ ดูน่ากลัว

ปล. แต่คิดเหมือนอรนะคะ โลกนี้มันอันตรายเกินไปแล้ว


เด็กหญิงม่อน 2 ต.ค. 2555, 19:38:39 น.
ลุงน่ารักมากกกกก เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว 555
สงสารปราชญ์อ่ะ กลัวใจหมออรจริงๆ


nateetip 2 ต.ค. 2555, 20:26:55 น.
น่ารักค่ะ


รอให้เป็นเล่ม 2 ต.ค. 2555, 20:50:39 น.
อ้าววววว เปลี่ยนคู่ลุ้น! กลายมาเป็นลุ้นคู่พี่ปราชญ์แทน


Niceday 2 ต.ค. 2555, 21:31:13 น.
รอตอนต่อไปจ้า


แล่นแต๊ 2 ต.ค. 2555, 21:33:41 น.
ไปไหนไม่รอดแล้วหนูตอง เสร็จลุงแน่ๆ


violette 2 ต.ค. 2555, 21:46:23 น.
กรี๊ด ลุ้นคู่พี่ปราชญ์ ฮืออ ไม่เอาเครียดนะคะ
ขอแบบเปลี่ยนไปเพราะมีเด็กน้อยโผล่มาในท้องหมออรแทน อิอิ


หมูอ้วน 2 ต.ค. 2555, 23:25:16 น.
ตามลุ้นตอนต่อไปค่ะ


nunoi 3 ต.ค. 2555, 09:58:26 น.
ลุ้นคู่ของพี่ปราชญ์ เหมือนกันค่ะ อย่าให้สถานการณ์ที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่นะคะ
อยากให้หมออร ท้องจังเลย


Okuriumi 3 ต.ค. 2555, 15:44:36 น.
ติดตามอ่านให้ทุกตอนนะค่ะ Like ให้แล้วด้วย


Thananya 4 ต.ค. 2555, 01:26:02 น.
สนุกมากค่ะ ชอบนางเอกมากมาย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account