ไร่แห้วไม่จำกัดรัก
น้ำ ลมและดอยต่างก็เป็นเด็กำพร้าที่อาศัยอยู่ในไร่แห้ว พวกเขากำลังจะได้พบกับความรักที่หลากหลาย และอาจได้ค้นพบหัวใจของตัวเอง
Tags: รัก แห้ว

ตอน: 07 ป้าคนสวย

ไร่แห้ว...ไม่จำกัดรัก ตอนที่ 7 ป้าคนสวย

ขณะที่รถเคลื่อนเข้าใกล้บ้าน อภิรมย์รู้สึกอึดอัดมากขึ้น เพราะเวลามองกระจกหลัง ก็ได้ยินญาติผู้พี่กำลังซบหน้าที่อกพี่ชาย ร้องไห้เบาๆ และคงไม่สบายใจขึ้นได้ง่ายๆ

เธอรู้สึกถึงภาระหนัก ถ้าคนคู่นี้จะแต่งงานกัน เพราะทุกวันนี้เธอยังต้องดูแลพี่ชายอยู่เลย แล้วนี่ยังมีพี่สาวอีกคนให้ต้องดูแลอีก สงสัย...เธอคงไม่มีเวลาไปสร้างครอบครัวให้ตัวเองอย่างแน่นอน

แม้ประหลาดใจมาก เมื่ออยู่ๆ พี่ชายก็ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเดินตรงไปยังญาติผู้พี่ ที่กำลังขวัญเสีย และถึงญาติผู้พี่จะพูดคล้ายกับเข้มแข็งขึ้นมาก แต่เธอก็รู้ว่าการจะเข้มแข็งได้จริงๆ ต้องอาศัยเวลามากกว่าคำพูด

ธราต้องพยุงนงลักษณ์ลงจากรถ เขาแน่ใจว่าเธอไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่ตัวเองคิด และเป็นผู้หญิงบอบบางที่ต้องการคนดูแล หากเขาไม่แน่ใจว่าจะดูแลเธอได้ไหม

เมื่อถึงเตียงนอน เขาก็ออกมาจากห้อง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่สาวและน้องสาว ขณะที่ยายกับป้าก็แยกไปต่างหาก คาดว่าคงจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเข้านอน

อรรณช่วยน้องสาวจัดการกับญาติ ก่อนจะแยกย้ายกันไปจัดการกับตัวเอง เช่นเดียวกับน้องสาว

***********************************


ค่ำคืนที่นี่ช่างเงียบงัน เธอหลับเพียงชั่วครู่ก็ตื่นขึ้นในความมืด ห้องนอนเก่าของญาติผู้น้องดูสงบเสียจนน่าเบื่อ เธอเปิดไฟในห้อง นั่งมองชีวิตที่แตกต่าง และรู้สึกว่าเอาตัวรอดมาได้แต่ยังคงรึ้กเศร้าใจกับทุกสิ่งที่เสียไป เพราะความคิดชั่ววูบของตัวเอง

เขาเป็นคนดี แต่คนดีไม่เคยเพียงพอต่อชีวิต เพราะชีวิตไม่ได้มีเพียงคนสองคน แต่มีคนหลายคนอยู่ในชีวิต คงหลงอยู่ในความฝันมาก ถ้าจะบอกว่าการแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคน และคงเป็นเรื่องโกหกในวัฒธรรมไทย และเพราะแม่เขาไม่ชอบเธอ ทำให้เขากับเธอทะเลาะกัน แล้วถึงจุดสิ้นสุด ด้วยการเขาหนีไปคบกับผู้หญิงอื่น และเอางานแต่งงานที่เธอเตรียมไว้มาใช้ในการแต่งงานครั้งนี้

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

เสียงบางอย่างกระทบฝาไม้ดังขึ้นเป็นระยะ จนเธอต้องชะเง้อดู แล้วเห็นหนุ่มหมดหล่อกำลังกระโดดโบกมือไปมาอยู่ข้างล่าง เธอจึงเปิดมุ้งลวดออกไปแล้วชะโงกคุยกับเขา

“มีอะไรเหรอ ดอย” นงลักษณ์พยายามกระซิบ เพราะกลัวว่าจะทำให้คนทั้งบ้านตื่น

“ผมมีอะไรอยากให้พี่ดู” ธราบอกแล้วพาดบันไดกับฝาผนังตรงบันได

เขากลับไปนึกทบทวนแล้วขึ้นไปดูดาวบนฟ้า เขารอให้ฟ้าใสกระจ่างอย่างตคืนนี้มาหลายวัน และก็ได้สิ่งที่ต้องการ พอคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเย็น เขาก็คิดว่าบางทีอาจช่วยปลอบใจญาติได้บ้าง

“ให้พี่ลงไปเหรอ ลงยังไงล่ะ” นงลักษณ์มองบันไดที่พาดอยู่อย่างงุนงง

“ก็ระวังๆ หน่อยครับ ผมรอรับอยู่ข้างล่าง ไม่ต้องกลัว” ธราบอก แม้ไม่แน่ใจว่าจะรับไหวไหม แต่เธอก็ดูผอมบางไม่เหมือนน้องสาวเขา ก็คิดว่าน่าจะรับไหว

“งั้นรอเดี๋ยวนะ” นงลักษณ์เปลี่ยนจากชุดนอนเป็นกางเกงแล้วก็เสื้อยืด เพื่อความสะดวก และไม่คิดว่าน้องคนนี้จะหลอกเธอไปทำอะไร และเธอไม่อยากอยู่เงียบๆ ตามลำพัง ในเวลาที่คนอื่นๆ หลับกันหมดแล้ว

เธอค่อยๆ ปีนลงมา และก็ทำสำเร็จ เพราะญาติก็ช่วยจับบันไดเอาไว้หมั่นคง จากนั้นเธอก็ถาม “จะให้พี่ดูอะไร”

“ตามมาครับ” ธราเอาบันไดลง แล้วยกไปด้วย จากนั้นก็เดินไปยังที่ทำงานของเขา

“จะเอาบันไดไปไหนน่ะ” นงลักษณ์ถามอย่างงุนงง

“เอาไปเก็บครับ คงไม่อยากให้ขโมยขึ้นบ้านเท่าไรหรอกครับ” ธราเก็บบันไดในห้องเก็บของแล้วล็อคไว้อย่างดี จากนั้นก็พาเธอขึ้นไปชั้นบน ผ่านที่นอน ที่ทำงานของเขาในเวลานี้

นงลักษณ์มองห้องรกๆ ของเขาด้วยความประหลาดใจ เพราะมีเตียงนอนอยู่ในกองข้าวของ จากนั้นเขาก็พาเธอขึ้นไปที่ดาดฟ้า เธอก็มองกล้องดูดาวอย่างงุนงง และมีเตียงนอนปิ๊กนิกสองตัวใต้ศาลาร่มๆ

“ผมชวนมาดูดาวน่ะ พี่ ผมว่าคืนนี้ดาวสวยดี อาจจะทำให้ครูวิทยาศาสตร์ได้ดูอะไรสนุกๆ ก็ได้ครับ” ธราไม่รู้จะพูดยังไง ก็พูดไปตามซื่อ

นงลักษณ์ยิ้มออก เพราะเห็นความพยายามของเขา ที่จะปลอบใจเธอ

“ดับไฟกันก่อนดีกว่านะฮะ จะได้เห็นอะไรชัดเจนขึ้น” ธราปิดตะเกียงไฟฟ้า แล้วก็ขยับไปนั่งที่กล้อง ส่องหาดวงดาวสวยๆ เผื่อจะช่วยให้เธอสบายใจขึ้น

นงลักษณ์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นเขาจ้องมองดวงดาวอย่างมีชีวิตชีวา ผิดกับเวลาปกติ ที่มักจะก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเวลาไหน และหนังสือก็เป็นหนังสือแนววิทยาศาสตร์ หรือไม่ก็เรื่องดาราศาสตร์ แม้จะอยู่ในเงามืด แต่น้ำเสียงของเขาก็ช่างดูมีชีวิตมากกว่าปกติ

“มีอะไรเหรอครับ” ธราถามขึ้น เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะในเวลาที่ทุกอย่างสงบเงียบ

“เปล่า แค่คิดว่า ดอยก็น่ารักเป็นเหมือนกันนะเนี่ย” นงลักษณ์ชมอย่างเอ็นดู

ธรากลับทำท่าทางเขินอายในความมืด และนงลักษณ์ก็สังเกตไม่เห็น เพราะเขาดึงเธอมาแทนที่แล้วดูดาวที่สวยงามที่เขาปรับตั้งไว้ได้อย่างชัดเจน

เมื่อได้เห็นดวงดาวจากกล้อง ได้เห็นแสงสว่างเล็กๆ ที่สวยงาม ก็ทำให้เกิดความสุขได้อย่างประหลาด

“พี่น้ำบอกว่านี่คือแสงสว่างในความมืด ก็เหมือนกับความหวังในความทุกข์ เมื่อก่อนตอนผมกับลมร้องไห้ พี่น้ำจะพาผมกับลมออกไปนอกบ้าน ไปที่กองฟางที่นาข้าวของยาย เราก็จะนอนดูดาวกัน ผมไม่รู้ว่าแสงสว่างเล็กๆ จะช่วยให้พี่สบายใจได้ไหม แต่คิดว่าน่าจะดีกว่านอนมองเพดานนะครับ” ธรามองเธอในความมืด

เพราะบ้านเขาไม่นิยมเปิดไฟสว่างรอบบ้านเท่าไรนัก มักจะใช้แสงเหลืองประดับไว้ต่ำๆ จะได้ไม่ทำให้การมองดูดาวของเขาเสียหาย ในช่วงที่ฝนตกฟ้าคะนอง เขาก็จะไม่เอากล้องส่องทางไกลออกมา

“ดอย น้ำแล้วก็ลมสนิทกันมากเลยนะเนี่ย” นงลักษณ์หันมามองเขา แต่ก็รู้ว่ามองเห็นไม่ถนัดนัก

“ก็พอสมควรครับ เวลาที่ผมมีปัญหา พี่น้ำช่วยแก้เสมอ เวลาที่ผมทำอะไรไม่ได้ ลมคอยช่วยผมทำเสมอ มีช่วงหนึ่งผมกับลมเคยไปเรียนภาษาที่อเมริกาด้วย ผมเห็นพี่น้ำยุ่งไม่อยู่นิ่งเลย” ธรานึกถึงเรื่องเก่าก่อน

“ดอยไม่อยากไปเรียนเมืองนอกบ้างเหรอ” นงลักษณ์ถามขึ้นอย่างงุนงง เพราะดูเหมือนทุกคนจะชื่นชมอรรณไว้มาก “ไม่อิจฉาบ้างเหรอ ที่น้ำได้ไปเรียนเมืองนอกน่ะ”

“ไม่ฮะ เพราะผมไม่อยากลำบาก แค่เป็นเด็กกำพร้าก็ลำบากมากพอแล้ว ไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัวอีก พี่น้ำบอกเสมอ ไม่จำเป็นต้องไปเรียนเมืองนอกหรอก แค่เรียนที่นี่แล้วเรียนให้ดีก็พอ” ธราตอบพาซื่อก่อนหาดวงดาวที่ตัวเองชอบต่อ

“น้ำพูดแบบนั้น แต่ตัวเองก็ไปอยู่เมืองนอกตั้งเกือบสิบปี ไม่คิดว่าเห็นแก่ตัวเหรอ” นงลักษณ์ถามอย่างงุนงง

“ไม่ฮะ พี่น้ำใช้เงินยายแค่ปีแรกๆ เท่านั้นเอง แล้วก็พยายามด้วยตัวเองตลอด ตอนผมไปเรียน ตอนนั้นพี่น้ำเพิ่งอยู่ปีสองได้มั้งฮะ พี่น้ำทำงานสามกะหาเงินมาเรียน ช่วงที่ผมกับลมเรียนแทบไม่เห็นหน้าพี่น้ำ แถมที่ที่พี่น้ำอยู่ก็ไม่ดีมาก เห็นว่าแชร์ห้องอยู่กับอีกสามคน พี่น้ำทำงานแล้วกลับตอนเช้าเลยจะได้ไม่อันตราย ส่วนผมกับลมอยู่พักที่โรงเรียนภาษาจัดให้ ไม่เคยเจอหน้าพี่น้ำ ถ้าไม่ได้ไปหาพี่น้ำที่หอพักนะครับ” ธราเล่าความไป แล้วถอนหายใจยาว

“ทำไมล่ะ ยายมีเงินเยอะจะตาย ทำไมต้องไปทำอะไรลำบากแบบนั้น” นงลักษณ์ยิ่งงงหนัก

“พี่น้ำบอกว่าการที่ยายเลี้ยงดูเรามา ก็ถือว่ามีบุญคุณใหญ่หลวง แล้วค่าเรียนที่นั่นก็แพงมากจริงๆ เรียกว่ายายอาจต้องหมดตัว ถึงจะส่งพี่เขาเรียนจนจบได้ พี่เขาไม่อยากเอาเปรียบน้องๆ ขณะเดียวกันไม่อยากให้น้องๆ ทำให้ยายลำบาก เมื่อพี่น้ำอยากไปเรียนเอง ก็ต้องหาทางส่งตัวเองเรียนให้ได้ฮะ” ธราบอกอย่างไม่ใส่ใจนัก

เขารักพี่สาวคนนี้และชื่นชมในความพยายามของพี่สาวอย่างมาก ในช่วงที่เรียนที่นั่น พี่สาวหาเงินซื้อหนังสือฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ดีๆ ส่งมาให้เสมอ ทั้งที่ค่าเรียนก็หนักเอาการอยู่มาก

“ถามจริงๆ เงินค่าเรียนทั้งหมด น้ำหามาเองหมดเลยเหรอ” นงลักษณ์ถามอย่างทึ่ง

“ครับ แล้วก็คืนทุกบาททุกสตางค์ที่ยายส่งไปให้กลับมาด้วย เห็นว่าปริญญาตรีปีสุดท้ายพี่น้ำทำให้อาจารย์ประทับใจ ก็เลยฝากไปฝึกงานในบริษัทของเพื่อนอาจารย์ แล้วก็เลยได้เข้าไปเรียนรู้เรื่องการลงทุนที่นั่น เก็บประสบการณ์มากขึ้นแล้ว ก็รุ่งทั้งเรื่องการเรียนแล้วก็การทำงานนะฮะ พี่น้ำได้ดี ทั้งหมดเพราะความพยายาม” ธรามองหาดวงดาว ก่อนชวนเธอมาดู “ดาวดวงนี้สว่างมากเลยนะฮะ”

นงลักษณ์จึงขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วดูตาม “นั่นสิ สวยจังเลยนะ ถ้ามีดาวสักดวงไว้ก็คงดีนะ”

ธราหัวเราะนิดๆ ก่อนอธิบาย “โธ่ พี่พิงค์ ขืนเอามาไว้ใกล้ๆ โลกอาจจะพังทลายได้เลยนะพี่ ไหนจะแรงที่ทั้งดูดทั้งผลักกันอีก แล้วก็...”

นงลักษณ์รีบปิดปากเขา ก่อนจะเริ่มบรรยายบทเรียนให้เธอฟัง “เงียบไปเลยนะ เสียบรรยากาศหมด พี่ไม่ได้อยากจะได้ดาวมาจริงๆ สักหน่อย พี่หมายถึงสิ่งสมมติ หรือรูปจำลองอะไรแบบนั้น”

ธราพยักหน้าช้าๆ ก่อนเอามือเธอออก “ขอโทษครับ ผมก็ลืมตัวตลอด”

“ไม่เป็นไร ยังไงเราสองคนก็ครูเหมือนกันนี่นะ” นงลักษณ์พูดอย่างผ่อนคลาย ก่อนจะพูดขึ้น “แต่พี่ชอบดูดาวนอกกล้องมากกว่านะ พอนอนมองแล้วรู้สึกว่าโลกเล็กนิดเดียวเอง”

ธราพยักหน้าช้าๆ ในความมืด ก่อนเดินไปหยิบหมอนมายื่นให้ “งั้นก็นอนกัน พี่ จุดยากันยุงไว้ด้วย เอากลิ่นไว้ไล่ยุงไล่แมลง”

“แล้วไม่กลัวว่า ถ้าน้ำค้างลงหัวจะไม่สบายเหรอ” นงลักษณ์เอนตัวลงนอน

“ก็ดูไปเรื่อยๆ เดี๋ยวถ้าพี่หลับ ผมจะพยุงไปนอนเอง” ธราพูดขึ้น

“ตายล่ะ ทำไมไม่อุ้มเอาล่ะ ดอยนี่ไม่โรแมนติกเลย” นงลักษณ์ก็พูดกระเซ้าเย้าแหย่

หากธราก็พาซื่อ ตอบไปตามตรง “ผมกลัวจะอุ้มพี่ไม่ไหว ก็จะทำตกซะอย่างนั้นล่ะครับ อันตรายกว่าแยะ”

นงลักษณ์ก็หัวเราะเบาๆ ก่อนพูดอีก “แล้วดอยจะอยู่ดูดาวอีกนานไหมล่ะ”

“อีกพักแหละ พี่ พักสายตาไปก่อนก็ได้ฮะ สักวันผมจะไปที่หอดูดาว ไปถ่ายภาพดาวสวยๆ บนฟ้ามาเก็บไว้บ้าง” ธราบอกอย่างภูมิใจ

“ชวนพี่ไปด้วยแล้วกันนะ” นงลักษณ์บอก ก่อนดึงผ้ามาห่ม แล้วมองดูดาวบนฟ้า

เธอแทบลืมเรื่องอับอายเมื่อหัวค่ำไปแล้ว เพราะความสวยงามของดวงดาวในคืนนี้ทำให้ใจเธอสงบลงอย่างน่าประหลาด และไม่ว่าพรุ่งนี้จะเจออะไร เธอก็หวังว่าจะไม่ลืมความรู้สึกที่ได้ดูดาวคืนนี้

***********************************


วัยใกล้หกสิบนี้ยังมีอะไรทำให้ประหลาดใจได้อีก เมื่อกองของขวัญวางอยู่ที่ศาลาด้านล่าง และมีหนุ่มๆ แวะเวียนมาอยู่เป็นประจำ แต่ยังไม่มีโอกาสได้พบหน้าแม่สาวในฝันของหนุ่มๆ

“ของขวัญอีกแล้วเหรอ แม่” ขันเงินถามแจ่มจันทร์ที่นอนเล่นอยู่ โดยมีของขวัญอยู่ตรงหน้า

“อันที่สี่แล้ว เพิ่งกลับไปนั่นแหละ ลูกชายปลัดพงษ์” แจ่มจันทร์มองของขวัญที่พวกหนุ่มๆ ไม่ยอมเอากลับไปด้วย

“ของน้องน้ำอีกแล้วล่ะสิ ขนาดคนเข้าใจผิดคิดว่าน้องน้ำเป็นแฟนกับผู้กองแล้วเน้อ ยังตามมาแจกขนมจีบอีกเหรอเนี่ย เฮ้อ คนสมัยนี้” ขันเงินพูดอย่างปลงๆ

“แม่ เขาเรียกว่า ยังไม่แต่งงานก็ยังมีหวังเจ้า” อภิรมย์นั่งลงแล้วก็ยิ้มขำ

“ยังจะมาหัวเราะอีก ดูสิ ถ้าเป็นสมัยก่อน เขาเรียกว่าหัวกระไดไม่แห้งแล้วเน้อ พี่สาวแกน่ะ เนื้อหอมใหญ่แล้ว” ขันเงินพลิกๆ ของขวัญดู

“โอ๊ย! พี่น้ำไม่สนใจหรอก ไม่งั้นคงอยู่ดูขบวนหนุ่มๆ แทนที่จะหนีไปในไร่ในสวนอ่ะนะ” อภิรมย์หยิบขนมออกมาจากโถใกล้ๆ แล้วยัดใส่ปาก

“แกนี่มันกินจุจริงๆ เลย ไอ้ลม ดูสิๆ มูมมามจริงๆ ไม่ทำตัวเรียบร้อยให้เหมือนพี่เขามั่งล่ะ” ขันเงินเตือนหลานาวอย่างขำขัน

“อ้าว แม่ ก็ฉันก็มีสไตล์ของฉัน พี่น้ำก็มีสไตล์ของพี่น้ำ คนละคนกัน ห้ามเอามาเทียบกัน” อภิรมย์ยังยัดอาหารใส่ปากต่อไป

“ก็ได้ๆ ว่าแต่ไอ้ลม คืนวันแต่งงานของหมอตุลย์น่ะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างอ้ายดอยกับพี่พิงค์ใช่ไหมวะ” ขันเงินก็เขาเรื่องที่สงสัยมานาน

อภิรมย์แทบหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนหัวเราะออกมาดังๆ “ไม่มีๆ จะมีอะไรได้ อ้ายดอยทำเป็นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ตลกล่ะแม่”

“ค่อยโล่งใจ กลัวท่านสุชาติจะมาด่าให้ เขาอุตส่าห์ไว้ใจให้ลูกสาวเขามาอยู่ที่นี่ ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่งามในบ้าน” ขันเงินก็พูดไปตามเนื้อผ้า ก่อนจะช่วยพยุงป้าขึ้นนั่ง

“ใช่แล้วล่ะ จะยังไงก็ขอให้แต่งงานกันก่อน ถึงเด็กสมัยนี้จะไม่ถือเรื่องพวกนี้ แต่ยังไงประเพณีที่ดีงามก็รักษาไว้เถอะ ชีวิตจะได้เจริญ” แจ่มจันทร์สอนหลานสาว

“จ๊ะ อุ๊ย ไม่ต้องกังวลไปนะ ยังไงซะ อ้ายดอยก็ไม่ทำเรื่องอย่างนั้นหรอก พี่พิงค์ ชีวิตรักอาภัพพอแล้ว จะให้ข่มเหงหรือถือโอกาส อ้ายดอยคงไม่ทำหรอก ถ้าจะทำ ป่านนี้อุ๊ยกับแม่คงมีหลานอยู่เต็มบ้านแล้ว ไม่ต้องกังวลไปหรอก” อภิรมย์ปลอบผู้ใหญ่ไม่ให้กังวลกับญาติผู้พี่และพี่ชาย

“ดีๆ อุ๊ยน่ะ รักพวกแกทุกคน อยากให้ได้ดี แล้วก็รู้จักรักษาประเพณีเก่าๆ เหล่านี้ไว้ และที่สำคัญ สัจจะใดๆ ให้กับคนอื่น ต้องรักษาไว้ ถ้าทำไม่ได้ก็ให้รีบบอกกล่าวกัน อย่าได้ผิดคำพูดด้วยการนิ่งเฉย” แจ่มจันทร์ให้สติกับหลานอีกรอบ ก่อนมองหลานสาวอีกคนเดินกลับมาจากงานในไร่ในสวน สวมชุดมิดชิดป้องกันแสงแดดที่ร้อนแรง

“นั่งกันเต็มเลยเจ้า มีอะไรหรือเปล่า แล้วนั่นของขวัญอะไรเป็นกล่องเต็มไปหมดเลยเจ้า” อรรณถอดเสื้อผ้าชั้นนอกออก แล้วเทน้ำดื่ม ก่อนจะมองทุกคนยิ้ม จึงคาดเดาได้ว่า “ของน้ำหมดเลยเหรอเจ้า”

“ใช่แล้วล่ะ พี่น้ำ เนื้อหอมสุดๆ เลยนะเนี่ย” อภิรมย์มองของขวัญที่หนุ่มๆ ต่างมากำนัลให้พี่สาว

“ขอแกะดูก่อนนะ” อรรณแกะของออกแล้วมองของที่สาวๆ ชอบ อย่างน้ำหอม เครื่องประดับ เธอก็ส่ายหน้าช้าๆ “ของคนไหนก็คืนไปให้หมดเลยนะ ลม พี่ไม่เอาสักอย่างแหละ ถ้าเป็นของกิน จะให้ลมนะ”

“ว่าแล้ว พี่น้ำไม่รักไม่ชอบใครสักคน สงสัยจะชอบก็แต่พี่ผู้กอง” อภิรมย์ได้ทีก็เย้าพี่สาวเล่น เป็นเพราะพักหลังผู้กองหนุ่มมาอาศัยฝากท้องอยู่ทุกเย็น

“โอ๊ย! นั่นก็พอกันเลย ได้ทีล่ะ ขอกินข้าวฟรี เฮ้อ พี่คงชอบไม่ลงหรอกนะ เพราะไม่เห็นเคยพูดดีสักที” อรรณส่ายหน้าแล้วหัวเราะขำกับความคิดน้องสาว

“เขาอาจจะพูดไม่ถูกก็ได้นะพี่ เจอหน้ากันทีแรก เขาก็จ้องจะจับพี่เข้าคุกแล้วนี่ แถมต่อมายังเรื่องแฟนเก่าเขาอีก คงมีเรื่องกันไปอีกนาน ท่าทางจะจีบไม่ค่อยเป็น” อภิรมย์พยายามแก้ตัวแทนผู้กองหนุ่ม

“เฮอะ ไม่ได้มาจีบหรอก สงสัยคงเหงา เพราะไม่ค่อยมีเพื่อนล่ะมั้ง เอาล่ะ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปเช็คอีเมลก่อนนะ ยายกับแม่ล่ะจ๊ะ จะขึ้นบ้านไหม” อรรณถามเพราะเห็นแดดลงจัดแล้ว ดีที่บ้านเธอปลูกต้นไม้ไว้รอบ ทำให้ร่มรื่น

“ยังหรอก ยังไม่ค่อยร้อน ดีที่ต้นไม้เยอะ ไม่งั้นคงร้อนมาก ไอแดดสมัยนี้มันแรงผิดกับสมัยก่อนมากนะเนี่ย” แจ่มจันทร์พูดภาษาท้องถิ่นกับหลานสาวเสมอ

อรรณจึงขอตัวขึ้นบ้าน เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็เช็ครายการที่เธอสั่งซื้อหุ้นจากเพื่อนสมัยเรียนที่โน้น แล้วก็เปิดแอร์เย็นนอนหลับพักผ่อนในช่วงบ่ายๆ ก่อนมีคนมาเคาะประตู

“พี่น้ำๆ ผู้กองมาหาน่ะ” อภิรมย์ขึ้นมาเรียกพี่สาว

อรรณบิดตัวหันไปอีกด้าน ก่อนตอบออกไป “ก็หาข้าวหาปลาให้เขาทานเสียสิ จะได้กลับไปเสียที”

อภิรมย์หัวเราะ เพราะรู้ว่าพี่สาวคงนอนหลับได้สักพักแล้ว “เขาไม่ได้มาทานข้าวเย็น แต่เขามาชวนพี่ออกไปทานข้าวเย็นข้างนอก เขาบอกว่าจะพาแฟนไปโชว์ตัวหน่อย ฮ่าๆ”

“ลม! อย่ามากวนใจพี่น่า พี่จะนอน” อรรณรู้ว่าน้องสาวจงใจพูดล้อเธอมากกว่า แต่ก็ไม่ถือสา หากเธอก็อยากจะพักผ่อนมากกว่า และโล่งใจที่เสียงฝีเท้าจากไป

อภิรมย์เดินยิ้มลงมาด้านล่างก่อนบอกตามที่พี่สาวต้องการ “พี่น้ำคงง่วงนอนล่ะค่ะ วันนี้ออกไปที่สวนแต่เช้า ทีหลังจะชวนออกไปไหนก็บอกก่อนสิ พี่น้ำจะได้แต่งตัวรอไงล่ะ ผู้กอง”

“ก็เพิ่งรู้ว่าแฟนกำมะลอ จะมีหนุ่มมาขายขนมจีบเพียบอย่างนี้นี่นะ” ศิขายิ้มและส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่ถือสานัก ก่อนจะพูดตบท้าย “งั้นขอฝากท้องที่นี่อีกสักมื้อแล้วกันนะครับ”

“ได้สิ ผู้กอง ไอ้ลมก็เตรียมเพิ่มอีกนิดก็คงไม่เป็นไรใช่ไหม” แจ่มจันทร์ถามแล้วก็หัวเราะ

แกมีความหวังเล็กๆ อยากได้ผู้กองมาเป็นหลานเขย ถึงแม้เวลาอยู่กับหลานสาวจะปากเสียไปบ้าง แต่เข้าตามตรอกออกตามประตู ดูแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร กลัวก็แต่เจ้าหลานสาวคนสวยมากกว่า ท่าทางจะเลือกมากเสียนี่กระไร บางทีเขามาก็นิ่ง เดินหนีเสียบ้าง ออกจะรำคาญฝีปากผู้กองอยู่ไม่น้อย

“ได้อยู่แล้วล่ะ อุ๊ย พี่พิงค์มาพอดีเลย ตรวจการบ้านเด็กเสร็จยังอ่ะ อ้ายดอยยังไม่กลับบ้านเลย จะฝากพี่ไปรับหน่อยได้ไหม” อภิรมย์หันไปขอความช่วยเหลือแทน

“อ๋อ ได้สิ” นงลักษณ์จึงเดินกลับไปหยิบกุญแจรถยนต์ในห้อง แล้วไปที่รถ ก่อนขับออกไป

ศิขารู้ว่าธราขับรถไม่เป็น แต่ก็ออกจะสงสัยว่าทำไมจึงถามขึ้น “ทำไมดอยถึงขับรถไม่เป็นล่ะ ลม”

“พี่ดอยไม่ค่อยมีสมาธิกับพวกนี้เท่าไรฮะ พอขับไปได้พักก็มัวนึกเรื่องอื่นขึ้นมา แล้วก็ลืมขับรถไปเลย หัดอยู่ทีสองที ลมว่าเลิกไปเลยดีกว่า ขืนเป็นงี้ต่อไป ได้ขับรถชนคนเข้าสักวัน ก็เหมือนกับเวลาอยู่กับคนแปลกหน้านั่นแหละค่ะ อ้ายดอยจะไม่คุยกับใคร ออกจะประหม่าๆ ถ้าไม่ใช่คนสนิทๆ กัน ยกเว้นเวลาไปสอน เขาจะไม่มองหน้าคนเรียนเท่าไรหรอก เขาก็จะพูดๆๆ ไป เวลามีนักศึกษาถาม เขาก็จะตอบแต่จะตอบแบบไม่มองหน้าอีกนั่นแหละ ประจำอ่ะ อ้ายดอย” อภิรมย์อธิบายอย่างไม่จริงจังนัก

“แล้วถ้าต้องออกไปพูดกลางสาธารณชนจะทำยังไง” ศิขาพอรู้อยุ่ว่าบางทีพวกอาจารย์ก็ต้องออกไปพูดเวทีสดบ้าง

“หมอแนะนำว่า ให้มองแต่เอกสารที่ถือมาเท่านั้น โดยมากไม่แนะนำให้ไป ไม่งั้นอ้ายดอยจะก้าวขาไม่ค่อยออก” อภิรมย์ยักไหล่แบบไม่ใส่ใจนัก

“มีปัญหากับการเข้าสังคมเหรอ แต่ดีนะที่เป็นอาจารย์ได้” ศิขาก็ยอมรับความสามารถของคนที่มีปัญหากับการเข้าสังคม

“ก็ต้องบำบัดกันน่าดู คือถ้าไม่ต้องพูดคุย เขาก็ไม่เป็นไรนะ ไม่ได้กลัวการออกไปเดิน หรือยืน แต่พอต้องพูดด้วย เขาจะเกิดอาการกลัวขึ้นมาทันที แล้วเขาจะมีสมาธิมากกับสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบก็จะเรียกว่าไม่สนใจมากๆ เลยเชียว อย่างขับรถเนี่ย เขาจะเหม่อบ่อยๆ ทำให้ต้องเลิกเรียนไปเลยทีเดียวล่ะ” อภิรมย์อธิบายไปเรื่อยๆ ก่อนจะขอตัวเข้าครัวไปเตรียมอาหารเย็น

“เด็กบ้านนี้ก็มีอะไรขาดๆ เกินๆ แบบนี้แหละ ผู้กอง แต่ยังไงป้ากับยายก็ไม่ยอมให้เขาขาดหรอกนะ จะเติมให้ตลอด แค่พ่อแม่เอามาทิ้งก็ลำบากพออยู่แล้ว แต่เด็กๆ พวกนี้ก็นิสัยดีอยู่ รู้จักช่วยเหลือเท่าที่ตัวเองจะทำได้” ขันเงินพูดเสริมในตอนท้าย และเดาๆ ว่าป้าคงอยากได้มาเป็นหลานเขยอีกด้วย

“ผมว่าหลานของป้าทุกคนเป็นคนดีนะครับ ไม่มีใครสมบูรณ์พร้อมไปหมดหรอกครับ พวกเขาใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น และช่วยเหลือกันและกันด้วย น่านับถือจะตายไปครับ” ศิขาพูดตรงตามใจคิด เพราะตั้งแต่มาที่นี่ ก็สังเกตเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างชัดเจน

“แล้วเมื่อไรผู้กองจะพูดจาดีๆ กับน้องน้ำบ้างล่ะ อุ๊ยเห็นชอบพูดหยอกประจำ” แจ่มจันทร์ก็พูดล้อผู้กองหนุ่มด้วยความเอ็นดู

ศิขาได้แต่ยิ้มแห้งๆ เพราะเขาเองยังแปลกใจ แต่ปากมันพาไป อะไรที่ออกมาเลยทำให้สาวเจ้าหงุดหงิดอยู่เรื่อย

“โธ่ แม่ อย่าไปล้อผู้กองเลย คนหนุ่มก็ตื่นเต้นอย่างนี้แหละ ไม่ได้แต่งงานกันไปสักสิบปี จะได้พูดตามปกติแบบไม่เขินน่ะ แม่ ใช่ไหม ผู้กอง” ขันเงินก็แอบแซวด้วยอีกคน

“แหม พอป้ากับยายพูดแบบนี้ ผมก็ไปไม่ถูกเลยสิครับ” ศิขาก็พูดไม่ออก ได้แต่ตอบไปอย่างนั้น

พอเริ่มมืด เธอก็ยังไม่ออกมาเสียที เขาช่วยคนสูงวัยย้ายกันขึ้นมานั่งเล่นด้านบนบ้าน พร้อมอาหารที่มาเตรียมรอไว้

“ไปเรียกพี่มากินข้าวเถอะ นอนนานเหลือเกิน” แจ่มจันทร์บอกหลานสาวอีกคน

“ตื่นสักพักแล้วจ๊ะ คิดว่าคงทำอะไรหน้าคอมฯ อีกแน่เลย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ๊ะ” อภิรมย์บอกก่อนไปเรียกพี่สาว

อรรณออกมาจากห้องแล้วเดินเข้าห้องน้ำ เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อย ก็มานั่งด้วย “สวัสดีค่ะ ผู้กอง”

“สวัสดีครับ นึกว่าคุณน้ำจะไม่ทักทายกันซะแล้ว พรุ่งนี้ไปทานอาหารร้านในเมืองกันนะครับ เงินเดือนตำรวจคงพอเลี้ยงไหว” ศิขาก็เผลอพูดหาเรื่องเธออีกจนได้

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ทานที่บ้านก็ดีแล้ว ไม่สิ้นเปลืองดี อีกอย่างทานข้าวพร้อมหน้าครอบครัวก็อบอุ่นดีกว่านะคะ” อรรณปฏิเสธอ้อมๆ

ศิขากำลังจะต่อปากต่อคำ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันผู้ใหญ่ที่กำลังรำคาญ

“ออกไปทานนอกบ้านมื้อสองมื้อก็คงไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้น้องว่างก็ไปเป็นเพื่อนผู้กองหน่อย ถือว่าเป็นน้ำใจคนท้องที่ ถึงผู้กองจะย้ายมาอยู่ท้องที่นี่ได้สามปีแล้ว” ขันเงินออกปากแทนป้า เพราะรู้ว่าหลานสาวคงไม่ขัด ดีกว่าหนุ่มๆ รายชื่อยาวเหยียดมาตามจีบกันให้ทั่วแบบนี้

“ค่ะ” อรรณรับคำแม้จะไม่ค่อยอยากวุ่นวายเท่าไร หากก็ไม่เสียหายอะไร ที่ไม่รับปากแต่แรก เพราะคนชวนไม่ได้ชวน แล้วจะมัดมือชกลากออกไป นั่นคงไม่ใช่วิสัยเธอที่จะยอมทำตามง่ายๆ แบบนั้น

“งั้นถ้าพรุ่งนี้ไม่มีราชการด่วน คุณก็แต่งตัวสวยๆ รอผมเลยแล้วกันนะครับ” ศิขาพูดอย่างร่าเริง ไม่รู้เพราะป่วนเธอได้หรือเพราะจะได้ออกไปกับเธอตามลำพังกันแน่

“ทำไมต้องแต่งตัวสวยๆ ด้วย ฉันก็จะแต่งตัวธรรมดาแบบของฉันนั่นแหละค่ะ” อรรณส่ายหน้าช้าๆ กับคำพูดเกินพอดีของเขา

ศิขาได้แต่ยอม เพราะขืนไม่ยอมก็ไม่อาจบังคับเธอได้แน่ จากนั้นเขาก็ทานอาหารพร้อมชวนทุกคนร่วมทาน และพูดคุยไปเรื่อยๆ ตามประสาคนอารมณ์ดี จนกระทั่งมีโทรศัพท์เข้า เขาก็ต้องบอกลา เพื่อไปทำงานของเขาต่อ

อรรณมองส่งเขา ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจนัก ทว่าเรื่องของเขาก็ใช่เรื่องของเธอ เธอจึงเฉยเสียแล้วคอยดูแลและพาป้ากับยายเข้าห้อง ก่อนตัวเองจะมองยาติผู้พี่ตรวจการบ้านอ่านทบทวนหนังสือ ขณะที่น้องชายก็อ่านหนังสือและขีดเขียนเพื่อทำงานวิจัยของตัวเองต่อ ขณะที่น้องสาวก็นอนผึ่งพุงอย่างสบายอกสบายใจไปตามเรื่อง

เธอก็เดินกลับเข้าห้องเพื่อดูหุ้น ตรวจสอบข่าววงนอกวงใน ก่อนจะเทขายหุ้นของตัวเองทำกำไรแต่พองาม เธออาจไม่เชี่ยวชาญได้เหมือนเดิม เพราะไม่ได้ไปอยู่ที่จุดนั้น แต่เธอก็ยังคงเล่นหุ้นกับเพื่อนที่สนิทกันสมัยอยู่อเมริกา และเพื่อนคนนี้ต้องไว้ใจได้ เพราะไม่ใช่เพื่อนทุกคนจะหวังดีกับเพื่อนเสมอ

***********************************


เมื่อเขามาถึง ก็ต้องประหลาดใจ เพราะเธอยังอยู่ในชุดทำงานออกท้องนาอยู่เลย อีกครั้งที่เขาอาจต้องพาป้าไปร้านอาหาร เขามองแล้วมองอีก ก่อนตัดสินใจถาม

“คุณจะไปชุดนี้เหรอ” ศิขามองแล้วอมยิ้ม

“รังเกียจรึไง งั้นก็ไม่ไป” อรรณแกล้งตีรวน

“เปล๊า! แต่จะดีเหรอ” ศิขาถามให้แน่ใจอีกรอบ

“งั้นไม่ไป” อรรณแกล้งกระแทกเสียงแรงๆ ทำเอาคนในบ้านฟังด้วยความประหลาดใจ เมื่อเธอไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้มาก่อน ไม่ว่ากับใครในบ้าน แต่พอเป็นกับผู้กองหนุ่มปากกล้า กลับมีท่าทีที่เปลี่ยนไป

“งั้นไปขึ้นรถ” ศิขาได้แต่ยอมจำนน เอาเถอะ หวังว่าจะไม่มีข่าวลือเรื่องที่เขาหันไปมีกิ๊กเป็นป้าแทน

“งั้นไปปลี่ยนชุดก่อน” อรรณเดินขึ้นบ้านทันที ทำเอาเขาเสียเส้น

“อะไรของคุณเนี่ย” ศิขาเป็นงง ชักรู้สึกว่าถูกปั่นหัวอีกแล้ว

“วันนี้น้องน้ำอารมณ์ดีนะ แม่” ขันเงินหันไปคุยกับป้าแทน

“นั่นสิ อารมณ์ดีน่าดู ตีรวนผู้กองเสียอย่างนั้น” แจ่มจันทร์พูดแล้วก็หัวเราะ แล้วยกน้ำดื่มและยังคงรอยยิ้มเอาไว้

ศิขารู้สึกเขินขึ้นมาทันที ทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียวที่โดนผู้ใหญ่มองแบบนั้น เขารออยู่พักใหญ่ ก่อนเธอเดินลงมาด้วยเสื้อผ้ารัดกุมทันสมัยและใส่สบาย แต่ไม่เป็นอันตรายต่อความสวยเท่าไรนัก

“ไปกันค่ะ ยายกับแม่ไม่ต้องรอนะจ๊ะ ไม่รู้จะดึกไหม ถ้าคนขับขับกลับไม่ไหว น้ำจะพามาค้างที่บ้านค่ะ” อรรณบอกสรุปให้เสร็จ คนฟังก็พยักหน้าช้าๆ แล้วย้ายไปขึ้นบ้านแทน

อรรณรีบเดินไปขึ้นรถ โดยไม่ปล่อยให้เขาต่อปากต่อคำ ก่อนที่น้องสาวจะเข้ามาร่วมผสมโรงฮากันไปใหญ่ เพราะตอนนี้ดูน้องสาวจะญาติดีกับผู้กองหนุ่มมากขึ้น

***********************************


เมื่อถึงร้านอาหาร เขาก็ได้แต่เท้าคางมองเธออย่างสงสัย ก่อนถามตามตรง เพราะขี้เกียจอ้อมค้อม กับเธอ..เขาสบายใจที่จะทำแบบนี้มากกว่า

“ถามจริง ทำไมคุณถึงยอมออกมาข้างนอกกับผม ไม่กลัวเหรอว่าจะเป็นการปิดตัวเองน่ะ” ศิขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเพื่อสำรวจคำตอบ

“คุณก็ไม่เสียหายอะไรนี่ หรือว่าคุณมีใครที่แอบเล็งเอาไว้แล้ว ฉันจะได้ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับคุณ” อรรณถามขึ้นแล้วมองเขา แต่กลับไม่สงสัยด้วยความมั่นใจว่าเขาคงไม่มี เพราะถ้ามี คงไม่มาเสียเวลากับเธอ

“ก็สาวสวยๆ แถวนี้ นอกจากคุณก็ยังไม่เห็นมีใครสู้ได้เลยน่ะสิ เห็นของสูงแล้วจะลดเสปกทำไมล่ะ” ศิขาตอบไปอย่างนั้น เหมือนจะปากไม่ตรงกับใจ แต่รู้สึกแปลกๆ ยังไงๆ อยู่ เพราะรู้สึกว่าปากตรงกับใจ เพียงแต่น้ำเสียงเขากลบเกลื่อนความจริงมากกว่า

“เฮ้อ...เอาเถอะ สั่งอาหารกันดีกว่า” อรรณหันไปกวักมือเรียกบริกรแล้วสั่งอาหารที่อยากจะทาน ก่อนจะมองผู้กองหนุ่มจ้องตาค้าง มองราคาตามที่เธอสั่ง จ้องเธอตาไม่กระพริบ เธอจึงถามยิ้มๆ “เป็นอะไรเหรอคะ นานๆ ออกจากบ้านที ฉันก็จะสั่งที่อยากจะทานน่ะแหละค่ะ”

“คุณกะว่าจะให้ผมทานอะไรดีล่ะ สิ้นเดือนนี้” ศิขาถามตามตรง

“คุณก็ขยันๆ หน่อย เช้าไปทานบ้านฉัน เที่ยงก็ห่อจากบ้านฉันไป แล้วเย็นก็แวะไปทานที่บ้านฉันสิ ไม่เห็นจะยากเลย ลมน่ะทำกับข้าวเยอะอยู่แล้ว ยังไงก็คงพอมีให้คุณทานบ้างแหละค่ะ” อรรณพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก แล้วเห็นเขาทำหน้าเขม่นใส่เธอ ก็ยิ้มเล็กน้อย

“ก็ได้ แต่แทนที่จะให้ผมห่อข้าว คุณต้องไปส่งข้าวให้ผมที่โรงพัก ตกลงไหมล่ะ” ศิขาต่อรองให้ตัวเองเป็นต่อ อย่างน้อยถ้าใครเห็นเธอมาหาเขา ก็ยังดีกว่าเห็นเขาไปหาเธออยู่ฝ่ายเดียว

“งั้นฉันจ่ายค่าอาหารมื้อนี้เอง จบไหม” อรรณถามอย่างกวนประสาท

“ไม่ได้ มากับผม ผมต้องเป็นคนจ่ายสิ เพราะงั้นคุณต้องไปส่งมื้อเที่ยงให้ผมทุกวัน จนกว่าจะสิ้นเดือน” ศิขายิ้มแล้วยักคิ้วกวนๆ

อรรณทำหน้าเซ็งก่อนจะพูดตัดรำคาญ “นอกจากฉันต้องให้คนทำกับข้าวให้คุณ แล้วยังต้องไปส่งอีกเหรอคะ จะไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ”

“ทีคุณยังสั่งอาหารแพงๆ แกล้งผมได้เลย” ศิขาแย้งอย่างมีเหตุผลที่สุด

“ใครบอก ฉันสั่งเพราะฉันอยากทานจริงๆ ต่างหาก แล้วฉันก็ไม่คิดว่าจะให้คุณเลี้ยงด้วย คุณคิดไปเองต่างหาก” อรรณแก้ตัวไปเรื่อยๆ จริงๆ ก็คิดแกล้งเขาอยู่เหมือนกัน แต่จะลงท้ายด้วยการจ่ายเองมากกว่า

“ไม่รู้ล่ะ จะแกล้งจริง แกล้งหลอก ผมไม่สนแล้ว คุณต้องให้ผมเลี้ยง แล้วก็ส่งข้าวส่งน้ำให้ผมทุกเที่ยงจนกว่าเงินเดือนจะออก ผมจะไปทานข้าวที่บ้านคุณทุกเช้าทุกเย็นเลยเชียว” ศิขาถูมือไปมาอย่างเข้าทาง

อรรณทำหน้าเซ็งจัด ก่อนถูกเขาเชยคาง จึงสะบัดหน้าหนีแล้วขมวดคิ้ว

***********************************
สวัสดีค่ะ
อาทิตย์นี้ยุ่งมากจริงๆ ค่ะ
ของดตอบเม้นแต่มาโพสต์นิยายนะคะ
แล้วป้าสุดสวยก็ออกไปเฉิดฉายกับโจรป่าของเราค่า อิอิ
สรุปวันอาทิตย์จะมีเพื่อนพ้องไปมีตติ้งกันรวม 7 คนนะคะ
ของที่ระลึกก็ดูได้ที่เฟสบุ๊คนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายค่ะ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ต.ค. 2555, 20:28:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ต.ค. 2555, 20:28:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 2048





<< 06 อลวนคนคู่   08 แฟน? >>
sai 5 ต.ค. 2555, 21:41:27 น.
เค้าไม่ได้ไปแต่เค้าก็ติดตามอยู่น้าา


หมูบูลิน 5 ต.ค. 2555, 22:06:55 น.
ส่งข้าวส่งน้ำกันขนาดที่จะเรียกว่าไรดีเนี่ย


ใบบัวน่ารัก 5 ต.ค. 2555, 23:05:26 น.
ลืมไปเลย ก็ว่างอยู่ อยากเจอนะ
มีแฟนอย่างศิขาไม่มีดีเลย จน เหนียว เถื่อน
ไม่สุภาพ เป็นโจรป่าอีกไม่อยากให้น้องน้ำมีแฟนอย่างนี้เลย
หาคนอื่นมาแทนได้ไหม
รับไม่ได้ จะปรับปรุงตัวทันไหมเนี้ย
น้ำเซ็งมาก


ใบบัวน่ารัก 5 ต.ค. 2555, 23:05:37 น.
ลืมไปเลย ก็ว่างอยู่ อยากเจอนะ
มีแฟนอย่างศิขาไม่มีดีเลย จน เหนียว เถื่อน
ไม่สุภาพ เป็นโจรป่าอีกไม่อยากให้น้องน้ำมีแฟนอย่างนี้เลย
หาคนอื่นมาแทนได้ไหม
รับไม่ได้ จะปรับปรุงตัวทันไหมเนี้ย
น้ำเซ็งมาก


konhin 5 ต.ค. 2555, 23:44:54 น.
ฮ่าๆๆ ตรงดี


ตุ๊งแช่ 6 ต.ค. 2555, 08:23:51 น.
ไม่ชัดเจนเลย ผู้กองงงง


saralun 6 ต.ค. 2555, 08:58:28 น.
เป็นกำลังใจให้ค่า ^^


dee_jung 6 ต.ค. 2555, 13:26:43 น.
ได้แต่ยังคงรี้ก (รู้สึก) เศร้าใจ
ช่วยจับบันไดเอาไว้หมั่น (มั่น) คง
อ่านไป ยิ้มไปเลยคะ


anOO 6 ต.ค. 2555, 15:08:54 น.
ตกลงเดือนนี้ ใครได้กำไรกันแน่นะ รหว่างยัยน้ำกับผู้กอง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account