ไร่แห้วไม่จำกัดรัก
น้ำ ลมและดอยต่างก็เป็นเด็กำพร้าที่อาศัยอยู่ในไร่แห้ว พวกเขากำลังจะได้พบกับความรักที่หลากหลาย และอาจได้ค้นพบหัวใจของตัวเอง
Tags: รัก แห้ว

ตอน: 08 แฟน?

ไร่แห้ว...ไม่จำกัดรัก ตอนที่ 8 แฟน?

“ทำหน้าแบบนั้นไม่น่ารักเลย ถ้าไม่เต็มใจไม่ต้องก็ได้ เฮ้อ ผมก็แค่ลำบากหน่อยเท่านั้น แต่คงไม่ห่อข้าวไปกินที่โรงพักหรอกนะ ตำรวจก็ต้องทำงานตลอด ผมไม่อยากรบกวนคุณเลยจริงๆ” เขาพูดตามตรง และไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอีก

เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยกับการหาเรื่องขึ้นมาแล้วจริงๆ การจะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาเพียงอยากเป็นคนใหม่ ที่ไม่ถูกผู้หญิงคนหนึ่งทิ้งไป

“เฮ้อ...เห็นแก่ที่ว่าเป็นตำรวจหรอกนะ ถ้าไม่ใช่อาชีพที่เสียสละก็เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยง อีกอย่าง แค่ไปส่งที่โรงพักก็คงไม่มีปัญหา แต่บอกไว้ก่อนนะคะ ฉันคงไม่ไปทุกวันหรอกนะ เพราะฉันก็มีธุระเหมือนกัน แต่จะให้คนที่บ้านไปส่งให้บ้างก็แล้วกัน” อรรณยอมลงให้ครึ่งทาง

“แค่นั้นก็พอแล้วครับ” ศิขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สดชื่นขึ้น ยิ้มแล้วเริ่มตักอาหารส่งให้เธอ ทันทีที่อาหารลงโต๊ะ แต่ยังไม่ทันได้ทานดี ก็ต้องตกใจ เมื่อเธอพูดขึ้น

“ผู้กองทานนี่หน่อยนะคะ” อรรณรีบตักป้อนเขา เพราะเห็นคนที่มาทีหลัง

“อะไรของคุณ” ศิขาเป็นงง แต่ก็โดนยัดใส่ปาก จึงต้องอ้าปากรับ

“แหม ก็มันน่าทาน ไงคะ พี่หมอ” อรรณทักทายหมออดุลย์ที่พาภรรยามาร้านเดียวกัน “มาทานมื้อค่ำสุดโรแมนติกเหรอคะ”

“ครับ พี่พาโบว์ออกมาเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะ โห ร้านนี้ยังคนเยอะเหมือนเดิมเลยนะครับเนี่ย โต๊ะไม่ว่างเลย” อดุลย์ทักทายอย่างมีมารยาท

อรรณมองหน้าศิขา และเขาก็มองหน้าเธอเหมือนกัน ก่อนมองโบว์ที่มีท่าทีไม่อยากร่วมโต๊ะ หากอรรณก็คุ้นเคยกับหมออดุลย์ดีจึงต้องชวนตามมารยาท “นั่งโต๊ะเดียวกันไหมคะ”

อรรณกับศิขานั่งตรงข้ามกัน เมื่อเธอถามอย่างนั้นแล้ว เขาก็ต้องถอนหายใจแล้วเตรียมย้ายที่

“ถ้าไม่รบกวนนะครับ ใช่ไหม โบว์” อดุลย์หันไปถามภรรยา

“แต่โบว์ว่าไปร้านอื่นดีกว่าค่ะ คนเยอะ อาหารคงช้าแน่เลย” โบว์พยายามบอกปัด ไม่อยากร่วมโต๊ะกับแฟนเก่าที่สามีไม่รู้เรื่อง

“แหม คุณโบว์ครับ อาหารออกล้นโต๊ะ ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะหิว เดี๋ยวนี้ผมก็ชอบสั่งมาล้นๆ แบบนี้เสมอ เพราะแฟนเก่าผมสอนให้รู้จักใช้ชีวิตสิ้นเปลือง แต่ก็มีความสุขดีนะครับ” ศิขาพูดกระแทกๆ ใส่เป็นเชิงประชดนิดๆ

“น้ำว่าพี่หมอกับคุณโบว์ร่วมโต๊ะก็ได้ค่ะ ทนๆ ปากผู้กองหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ น้ำยังทำเป็นไม่ได้ยินอยู่เรื่อย นั่งเถอะค่ะ” อรรณตัดบท ไม่อยากให้ปัญหามาก แม้จะรู้ว่าศิขายังไม่หายเจ็บดีนัก “น้องๆ เอาจานมาเพิ่มหน่อยสิ”

ศิขามองเธอจัดการเสร็จสรรพก็ทำเฉย จากนั้นก็ลุกไปนั่งข้างเธอ โอบไหล่เอาไว้อย่างกวนๆ ก่อนพูดเชิงสั่งนิดๆ “ที่รักป้อนเค้าหน่อยสิ”

อรรณอยากเอาศอกกระทุ้งเอวเขาใจจะขาด รำคาญท่าทีกร่างๆ ของเขาเสียเหลือเกิน แต่ก็ทำตาม

“แหม สวีตหวานกันอย่างนี้ เมื่อไรจะแต่งล่ะ” อดุลย์ถามรุ่นน้องทั้งสองอย่างอารมณ์ดี

“ไว้ผมหาเงินล้านได้ก่อนครับ เอ แต่คิดไปคิดมา ถ้าผมไม่โกงกิน เห็นทีชาตินี้จะหาเงินล้านลำบากนะครับเนี่ย” ศิขาได้ทีพูดประชด เพราะแฟนเก่าเขาเคยยุให้เขารับสินบนแต่ไม่สำเร็จ เขาจึงยังจนอยู่ต่อไป ด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดของตำรวจไทย

“ฉันไม่เคยเรียกสินสอดมากอย่างนั้นเลยนะ อย่าบอกนะว่าแฟนเก่าคุณเรียกสินสอดเยอะแบบนั้น” อรรณถามขึ้นทำเหมือนหึงแต่จริงๆ แค่รับมุขเท่านั้น

“ก็ใช่สิ ว่าแต่ที่รักคงไม่เรียกสินสอดเยอะอย่างนั้นใช่ไหม หรืออยากได้สามีโกงกินล่ะ” ศิขาหันไปถามเธออย่างไม่จริงจังนัก

“ศิก็ว่าไปนั่น น้ำเขาไม่เรียกสินสอดเยอะอย่างนั้นหรอก คนเรารักกันก็ให้เท่าที่ผู้ใหญ่ต้องการนั่นแหละ แต่ถ้าผู้ใหญ่ไม่ว่าอะไรก็อย่าไปคิดมากสิใช่ไหม” อดุลย์พูดตามตรง แต่ไปจี้ใจดำภรรยาเข้าให้

“พี่ตุลย์พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะคะ สินสอดก็บอกได้เหมือนกันว่าผู้ชายจะเลี้ยงดูผู้หญิงรอดหรือเปล่านะคะ” โบว์แย้งขึ้น เพราะหมั่นไส้ที่โดนจิ๊กกัดอยู่นาน

“ฉันไม่คิดจะเรียกสินสอดหรอกค่ะ คนที่นี่อยู่กันอย่างเรียบง่าย ไม่เหมือนคนกรุงหรอกนะคะ ถ้าพอใจให้ผู้ใหญ่มาคุยกันให้รู้จักพอเป็นพิธี ผูกข้อไม้ข้อมือทำบุญเลี้ยงพระก็จบแล้ว อีกอย่างฉันหาเลี้ยงตัวเองได้ แต่ฉันต้องการเพียงคนที่จะดูแลความรู้สึกฉันได้ก็พอ” อรรณแสดงออกชัดว่าไม่ต้องการเงินทอง

โบว์ได้แต่คิดในใจ ว่าคนบ้านนอกแบบนี้ ดีที่สวยหน่อยเท่านั้น ทำพูดดีไปเท่านั้นแหละ เอาเข้าจริงๆ ก็มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวอยู่ดี เธอจึงแอบเบะปาก แต่อรรณก็เห็นจนได้

ศิขาก็เห็น เพราะอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาก็นึกอยากปกป้องแฟนสาวกำมะลอทันที “ไว้แม่ผมสุขภาพแข็งแรงเมื่อไร ผมจะรีบพามาขอเลยล่ะครับ พี่หมอ ไม่ต้องกังวล ผู้หญิงติดดินน้ำใจงามอย่างนี้ ปล่อยให้หลุดมือไปก็โง่แล้ว ตั้งแต่รู้จักน้ำมาเนี่ย ผู้หญิงคนนี้สอนให้ผมรู้ว่าผู้หญิงไม่ได้มีแค่ประเภทเดียว”

“ยังไงเหรอ ศิ” อดุลย์ถามตามประสาซื่อ

“ก็ประเภทที่หวังแต่จะหาเงิน เกาะคนรวยๆ น่ะสิครับ ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ผมอาจจะไม่รวยอย่างที่เขาหวัง ผมถึงถูกทิ้ง แต่พอเป็นน้ำ ผมรู้แล้วว่าต่อให้ผมเอาชีวิตไปเสี่ยงทุกวัน ผมยังไม่ห่วงหน้าพะวงหลังว่าคนที่ผมรักจะรีบไปเสนอตัวให้ชายอื่น” ศิขาพูดตรงเป้าเล่นเอาคนร้อนตัว

“เขาอาจจะไปเพราะทนผู้กองไม่ไหวก็ได้มั้งคะ” โบว์เผลอพูดออกมาตรงๆ ทำให้อดุลย์เหลียวไปมองภรรยาด้วยความแปลกใจ

“โบว์ พูดแบบนั้นได้ยังไง เราไม่รู้ว่าความจริงเป็นยังไง ก็อย่าไปตำหนิผู้กองศิสิ พี่รู้จักผู้กองศิดี เขาไม่มีทางทำอะไรร้ายๆ กับคนรักหรอกนะ ถึงงานจะหนักแต่ก็ยังพยายามหาเวลาลงกรุงเทพอยู่เรื่อย แฟนโทรจิ๊กยิกๆ เขาก็ยังหาเวลาโทรกลับหรือรับสายตลอด ถ้าเป็นคนอื่น คงหาแฟนใหม่ไปแล้วล่ะ” อดุลย์ตำหนิภรรยา โดยไม่รู้ว่าจุดไต้ตำตอเสียแล้ว

“พี่หมอ!” โบว์กระแทกเสียงใส่สามี เพราะคนที่โดนด่าตั้งแต่ต้นจนจบก็คือตัวเอง ก่อนจะหาทางเลี่ยงไปสงบสติอารมณ์ “โบว์ขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ”

อดุลย์เห็นว่าตำหนิภรรยามากเกินไป จึงขอเดินตามไปส่งด้วย ปล่อยให้อีกสองคนนั่งถอนหายใจยาว

“ขอล่ะนะ อย่าพูดหาเรื่องแฟนเก่าคุณอีกได้ไหม ฉันเริ่มสงสารพี่หมอแล้วสิ” อรรณพูดกับเขาตามตรง

“ก็ได้ แล้วแต่คุณก็แล้วกัน แต่จริงๆ ผมว่านะ เราสั่งของกลับไปกินที่บ้านดีกว่าไหม จะอร่อยกว่าเยอะถ้าไม่มียัยนั่นร่วมโต๊ะ” ศิขาพูดถึงแฟนเก่าอย่างไม่ต้องไว้หน้า

“ทำไมคุณไม่ขุดเอาความเป็นสายลับมาใช้เสียบ้าง ต้องแสดงออกตรงๆ ไปทำไมล่ะ หรือตำรวจเขาไม่สอนวิธีการเป็นสายลับสายสืบกับเขาบ้าง” อรรณถอนหายใจอีกรอบ

“ก็เป็นเรื่องของหัวใจ คิดว่าผมไม่อยากทำหรือยังไง ใจคนมันเจ็บแล้วจำ ไม่งั้นก็คงโง่กว่าสัตว์ ยิ่งเห็นผู้หญิงใจดำลอยหน้าลอยตา ผมก็ยิ่งโมโห” ศิขายอมรับตามตรง

“ฉันก็จำได้ไม่ลืม ที่คุณมาแว่ดๆ ใส่ฉันตั้งแต่ครั้งแรกที่รู้จักกัน แต่อดทนหน่อยได้ไหม หรือพี่หมอไม่ดีกับคุณล่ะ” อรรณถามอีกรอบ แม้จะเริ่มเบื่อที่ต้องย้ำกับเขา

“ได้ๆ เห็นแก่คุณกับพี่หมอนะ งั้นเรามาทานอาหารมื้อนี้อย่างสงบสุขกันเถอะ” ศิขาได้ทีก็คว้าข้อมือเธอข้างที่จับช้อนมาใส่ปากเขาแทน

“ตรงไหน?” อรรณส่ายหน้าช้าๆ ถ้าไม่หาเรื่องคนอื่น ผู้กองหนุ่มคนนี้ก็หันมาหาความกับเธออีก ทว่าคราวนี้ไม่จริงจังนัก เธอจึงไม่ว่าอะไรมาก

ศิขาก็ทำหน้ามึนไม่สนใจ แล้วตักป้อนเธอบ้าง “ป้อนน่ะรับด้วยสิ แบบนี้ถึงจะหวานสมจริง”

อรรณต้องยอมลงให้ เมื่อเขานึกครึ้มเปลี่ยนไปมา ก็ต้องทานตามที่เขาป้อน จนกระทั่งหมออดุลย์กับโบว์กลับมาที่โต๊ะ ศิขาก็มีท่าทีรับแขกมากขึ้น

“ผมว่าจะสั่งเครื่องดื่ม แต่ไม่แน่ใจว่าพี่หมอจะเอาด้วยไหมครับ” เขาพูดแล้วก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ผิดกับเมื่อครู่

“อ๋อ พี่กลัวจะขับรถกลับไม่ไหวน่ะสิ แล้วผู้กองดื่มจะขับรถกลับไหวเหรอ” อดุลย์ก็หัวเราะแล้วพูดหยอกรุ่นน้องเล่น

“ไหวสิครับ ก็ให้น้ำขับไปส่ง พรุ่งนี้เช้าก็ค่อยไปเอารถที่บ้านเขา หรือไม่ถ้าดึกมากก็ให้เขาค้างที่บ้านเช่าเลย จะได้ไม่ต้องกลัวโจรที่ไหนมาทำร้ายสุดที่รักของผม” ศิขาพูดพร้อมโอบไหล่เธอ

อรรณยิ้มแห้งๆ ก่อนจะแอบบิดเอวเขาที่กลายเป็นคนขี้โม้

“ระวังนะ โดนจับแต่งงานไม่รู้ตัว” อดุลย์พูดเล่นอย่างสนุกปาก นานๆ ทีจะได้ออกมาสังสรรค์

“แหม สวยและดีอย่างนี้ ผมเต็มใจ แต่กลัวน้ำไม่เต็มใจน่ะสิครับ ถึงเขาจะเคยค้างบ้านผม แต่รับรองผมตายแน่ ถ้าไปทำอะไรเขาเข้า เขาเล่นเอามีดวางข้างตัวตลอดเลยครับ จะกล้าทำอะไรเขาไหมเนี่ย” ศิขาพูดอย่างชื่นชม แม้เกินจริงไปบ้าง เพราะวันนั้นเขาเมาฟุบไปเลย แต่เขาสนุกที่ได้พูด

อดุลย์หัวเราะชอบใจ แต่โบว์เห็นจะไม่ชอบด้วย ได้แต่ทำหน้าหงิก เพราะคิดว่าแฟนเก่ากำลังหาเรื่องพูดกระทบกระเทียบเธออยู่ จึงทานอาหารเงียบๆ เพราะเมื่อครู่คุยกับสามีแล้ว ว่าจะเห็นใจศิขาที่อกหักยังไม่หาย และเธอเองก็เสียใจแทนเขา ถึงอย่างไรก็รักใคร่กันมานาน

“ทานเถอะ อยากดื่มอะไรก็ดื่มไปสิ ฉันขับรถไหวอยู่แล้วน่า” อรรณอยากให้เขาสงบปากคำบ้าง จึงปัดให้เขาทำตามใจตัวเอง

“ถ้าดึก คุณค้างที่บ้านผมเลยนะ อย่ากลับเลย ผู้หญิงหน้าตาสวยๆ เนี่ยมันอันตราย” ศิขาพูดจริงจัง หากอรรณกลับคิดว่าเขาล้อเล่นมากกว่า

“ฉันจะดูอีกที ถ้าไม่ไหวจริงๆ จะให้น้องสองคนมารับ” อรรณบอกตามตรง เพราะถึงอย่างไรอภิรมย์ก็เตือนเธอแต่แรก ไม่อยากให้ค้างคืนที่บ้านพักเขา เกรงพี่สาวจะเสียหายมากกว่า

“งั้นก็โอเค ดีเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วค้างบ้านพักผม แล้วเช้าเราก็ไปทานมื้อเช้าที่บ้านคุณก็ได้นะ ถึงยังไงผมก็ต้องไปทานอาหารเช้าที่บ้านคุณทุกวันอยู่แล้วนี่ อย่าลืมไปส่งมื้อเที่ยงให้ผมด้วย ผมจะเอาปิ่นโตมาส่งให้ตอนแวะไปทานมื้อเย็น” ศิขาเตือนความจำเธออีกรอบ ก่อนจะดื่มเบียร์ให้ชื่นใจ

“จ๊ะ แล้วอย่าดื่มเบียร์มากนะ ลงพุงแล้วฉันจะเลิกกับคุณ” อรรณพูดทำเอาคนดื่มสะอึกทันที

“น้ำนี่ก็พูดตลกได้นะเนี่ย” อดุลย์ชื่นชมหญิงสาวตรงหน้าแล้วยิ้มเอ็นดูเพราเห็นมาตั้งแต่วัยรุ่น

“ก็นะคะ อยู่กับคนอารมณ์ดี ไม่ให้อารมณ์ดีด้วย ก็เห็นจะแย่แล้วล่ะค่ะ” อรรณยิ้มให้พี่หมอใจดี ก่อนจะชวนโบว์ทานอาหาร “คุณโบว์ก็ทานมากๆ นะคะ เป็นพยาบาลก็ต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรง จะได้ดูแลคนไข้ได้อย่างประสิทธิภาพค่ะ”

“ขอบคุณที่หวังดีค่ะ แต่ฉันไม่ค่อยหิว” โบว์บอกปัด และตักอาหารที่อรรณตักให้ ไปทิ้งถังขยะที่ใต้โต๊ะ ก่อนจะทานอาหารที่ตัวเองต้องการเท่านั้น และไม่ลืมพูดแบบไม่ใส่ใจนัก “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ชอบทานไก่เท่าไร”

ศิขาเห็นอย่างนั้นก็อดโมโหไม่ได้ หากอรรณกระตุกชายเสื้อเขาเอาไว้ เขาจึงได้แต่สงบท่าทีและเริ่มลับฝีปากอีกครั้ง “แหม คุณโบว์คงไม่ชอบกินไก่หรอก เพราะไก่มันราคาถูก งั้นน่าจะลองทานพวกหูฉลามนะครับ จะได้บำรุงร่างกายให้หายใจไปได้อีกนานๆ”

“นี่หิน”! โบว์ลืมตัวเรียกชื่อเล่นที่แท้จริงของศิขาออกมา ก่อนจะนึกได้แล้วกลบเกลื่อนท่าที “ถ้าแถวนี้มีให้ทาน ฉันก็จะทานเหมือนกันค่ะ จะได้บำรุงร่างกายให้แข็งแรงอย่างคุณน้ำเสนอ...”

“โบว์เรียกชื่อเล่นผู้กองศิได้ยังไง พี่เคยบอกเหรอ” อดุลย์ถามขึ้นทันที เมื่อมีโอกาส

“ค่ะ พี่หมอเคยพูดอยู่นี่คะ” โบว์แกล้งตามน้ำไป

“อืม ผู้กองทานนี่ดีกว่าค่ะ” อรรณพยายามเปลี่ยนเรื่อง เพื่อดึงความสนใจไปที่อื่น ทั้งยังบริการแฟนกำมะลอเต็มที่ ให้สงบปากสงบคำ

ศิขารู้ดี แต่ก็ทำเฉย ยอมสงบลงแล้วปล่อยให้อรรณเอาใจ เขาดื่มอย่างเงียบๆ ไม่พูดเล่นหัวอีก ทำให้รู้ว่าเขาโกรธมากขึ้นแล้ว แต่ที่ไม่ทำอะไร ก็เพราะอรรณขอไว้

คงต้องมีเรื่องกันอีกสักรอบ เพราะไม่รู้ว่าเขาจะทนได้อีกนานแค่ไหน หวังว่าเขาจะไม่ต้องเจอแฟนเก่าน่ารังเกียจคนนี้อีก และทางที่ดีอย่าเจอทั้งคู่เลยดีกว่า เพราะเขาสงสารพี่หมอใจดีของทุกคนจับจิตจับใจ

เมื่อทานกันจนอิ่มแล้ว ศิขาก็เรียกเช็คบิลทันที ก่อนจะรีบห้ามเมื่อหมออดุลย์ “อย่าเลยครับพี่หมอ ให้ผมจ่ายดีกว่า เดี๋ยวผมจะไม่ได้ทานข้าวฟรีสามมื้อครับ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี เพราะเมาเต็มที่ ทำให้เมินแฟนเก่าได้ง่ายๆ

“อะไร ข้าวฟรีสามมื้อ” อดุลย์ถามอย่างงุนงง แต่ก็มีรอยยิ้มแบบคาดเดาได้

“ก็ถ้าผมจ่ายมื้อนี้ น้ำจะเลี้ยงข้าวผมวันละสามมื้อ ทุกวันจนกว่าเงินเดือนจะออกน่ะสิครับ ผมก็จะได้เห็นหน้าน้ำวันละสามเวลา เช้ากลางวันเย็น แบบนี้ ผมจะไม่ยินดีจ่ายได้ยังไงล่ะครับ” ศิขาเล่าความอย่างอารมณ์ดี

“อ๋อ หวานกันจริงๆ” อดุลย์ได้แต่ยอม

“แหม ถึงขนาดต้องเลี้ยงกันทั้งเดือนแบบนี้ แสดงว่าเงินเดือนตำรวจคงไม่พอเลี้ยงดูลูกเมียหรอกนะคะ น่าจะหางานทำเสริมบ้างนะคะ อีกหน่อยถ้าแต่งงานต้องใช้เงินในการเลี้ยงดู รับคำแนะนำไปพิจารณาหน่อยนะคะ” โบว์ได้ทีกระแหนะกระแหน่เข้าให้

“โบว์ อย่าพูดแบบนั้นสิ คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็ถือโอกาสได้พบผู้หญิงที่ตัวเองรักก็ไม่ใช่ความผิดหรอกนะ” อดุลย์กลับเข้าข้างผู้กองรุ่นน้องมากกว่า ตามประสาผู้ใหญ่ใจดี

“ค่ะ ผู้กองเขาเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ ถือโอกาส...” อรรณพูดแล้วก็หัวเราะอย่างไม่จริงจังนัก

“แหม พอเถอะครับ แค่นี้ผมก็เมาอายจะแย่อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะรักผมคงไม่เมาใจกับน้ำขนาดนี้นะเนี่ย” ศิขาพูดแล้วรับเงินทอน จ่ายทิปแล้วโอบอรรณเอาไว้ “ไว้คราวหน้าพี่หมอเลี้ยงผมบ้างนะฮะ”

อดุลย์รับคำและหัวเราะ ก่อนพาภรรยากลับบ้าน แม้โบว์จะไม่พอใจ แต่ก็ทำตามสามี เธอยังต้องการรักษาการแต่งงานครั้งนี้เอาไว้อีกยาวนาน แม้บางครั้งจะรู้สึกขัดแย้งไปบ้าง เมื่อสายตาไม่อาจละจากแฟนเก่าที่เธอเป็นฝ่ายทิ้งเขามาได้ โดยเฉพาะเมื่อเขามีหญิงสาวคนใหม่ที่สวยกว่าเธอหลายเท่านัก

อรรณถูกโอบมาจนถึงรถ เธอก็รีบสะบัด ก่อนจะเปิดประตูรถฝั่งคนนั่ง แล้วรอเขาทำท่าทางพยายามเรียกสติ จึงพูดเตือนเขาด้วยความหวังดี “ทำไมต้องดื่มมากแบบนี้ เคยคิดจะดูแลตัวเองบ้างไหม”

ศิขาตั้งสติฟังสิ่งที่เธอพูดก่อนตอบ “ก็ถ้าไม่ดื่ม ป่านนี้คงได้ตบผู้หญิงกันบ้างล่ะ หมั่นไส้ยัยโบว์จริงๆ ดัดจริตมารยาต่อหน้าพี่หมอ ไม่ติดว่าเคารพรักพี่หมอ คงได้เปิดโปงกันไปแล้วล่ะ”

“คุณนี่นะ ปกติด่าผู้หญิงเก่งอย่างนี้ตลอดหรือเปล่า ไม่อยากจะสอนหรอกนะ แต่คิดบ้างไหมว่า ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นไม่ดียังไง คุณก็ไม่ควรจะลดเกรดลงไปทำแบบเดียวกันหรอกนะ คนอื่นชั่ว เราต้องชั่วตามหรือยังไง” อรรณพูดก่อนเดินไปนั่งที่คนขับ

ศิขากระแทกลมหายใจ ก่อนนั่งลงที่ด้านข้างคนขับ ก่อนสำนึกได้ “ผมขอโทษที่งี่เง่า บางครั้งผมก็คิดว่า ผมถูกทำร้าย แต่คุณพูดถูก เอาล่ะผมจะเลิกทำตัวแบบนี้สักที”

“ฉันรู้ว่าคุณเจ็บปวด แต่การเหวี่ยงใส่คนอื่นแทนที่จะได้ระบายความเจ็บปวด ฉันว่าคนมีหัวใจทุกคนนั้นต้องยิ่งรู้สึกเจ็บปวดกว่าเดิม แค่นั้นแหละที่ฉันคิดได้นะ” อรรณออกรถแล้วขับออกไปเรื่อยๆ

ศิขาไม่พูดโต้แย้งอีก นอกจากเมาเหล้าแล้ว เขายังเมาคำพูดอีกด้วย อาจบางทีเธอพูดถูก เขายิ่งทำแบบนั้น ยิ่งเจ็บปวดไม่ใช่แค่เพียงวตัวเองแต่ยังมีคนรอบข้างอีกด้วย

**************************************


หญิงสาวนั่งลงที่ศาลาใต้ต้นมะม่วงสูงใหญ่ เธอใช้เวลากับการดูบัญชีความเรียบร้อยของไร่แห่งนี้ ที่มีผลผลิตอยู่หลายอย่าง แยกดูอย่างปวดหัว ทั้งน้องสาวก็ทำบัญชีอย่างลวกๆ เพราะไม่เคยเรียนมาด้านนี้และไม่ค่อยสนใจด้านนี้เท่าไรนัก

เธอใช้เวลาส่วนมากสะสางงานในสวน ขณะงานลงทุนเธอมอบหมายให้เพื่อนที่ต่างประเทศจัดการ และสรุปเอกสารมาให้อ่านเป็นระยะ ยังไม่รวมการเป็นหุ้นส่วนในหลายธุรกิจที่เธอลงทุนไปด้วย

“ไงครับ ผมได้ยินว่าลูกวัวคุณกำลังจะคลอด แต่มีปัญหา ก็เลยแวะเข้ามาดูให้ครับ ผมพาสัตวแพทย์มาด้วย นึกว่าจะได้พบคุณที่คอกวัวเสียอีก” ชัยวัฒน์ทักทายเจ้าของไร่แห่งนี้อย่างเป็นกันเอง

“อ๋อ ลมดูแลอยู่ค่ะ ฉันจึงไม่อยากเข้าไปวุ่นวาย เพราะฉันก็ไม่มีความรู้ด้านนี้เสียด้วย แต่ก็ขอบคุณเกษตรอำเภอนะคะ” อรรณพูดตามมารยาท และหน้าที่ของที่นี่ก็ถูกแบ่งปันอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้อภิรมย์โล่งใจมากที่ได้กำจัดเรื่องบัญชีออกไปเสียได้

“อืม ไม่ทราบว่าผู้กองศิมาที่นี่บ่อยหรือเปล่าครับ ผมน่ะแวะมาที่นี่บ่อยๆ แต่ไม่ค่อยเจอคุณน้ำเลยครับ” ชัยวัฒน์พยายามเลียบเคียง

“ช่วงก่อนก็มาวันละสองเวลาค่ะ ช่วงนี้เห็นว่าต้องไปสืบราชการที่ไหนสักที่ ก็เลยไม่ค่อยได้มา ขอโทษนะคะที่ไม่ได้อยู่ต้อนรับ ช่วงที่เกษตรอำเภอมาที่ไร่ มีเหตุให้ต้องลงไปในไร่ในนาอยู่เรื่อยค่ะ” อรรณยิ้มน้อยๆ ต้องต้อนรับแขกตามมารยาท

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมมาตามหน้าที่ ไม่ได้หนีราชการมา เพียงเสียดายไม่ได้เจอกันก็เท่านั้นแหละครับ” ชัยวัฒน์หาที่นั่งลงคุยเป็นเรื่องเป็นราว ก่อนหันไปเจอหน้าคนที่ไม่ได้มาเสียนาน จึงทักทาย “อ้าว สวัสดีครับ คุณภัทร มาเยี่ยมคุณน้ำเหรอครับ”

“สวัสดีครับ เกษตรชัย พอดีผมผ่านมาก็เลยเอาของมาฝากคุณน้ำครับ” ภัทรวางของลงที่ตั่ง ซึ่งเธอนั่งอยู่ “สวัสดีครับ คุณน้ำ คราวก่อนผมส่งน้ำหอมมาให้ คุณน้ำให้คนเอาไปคืน ผมคิดว่าคงไม่ชอบ ก็เลยเอาผลไม้มาให้แทนครับ”

“งั้นก็ขอรับน้ำใจเอาไว้แล้วกันนะคะ ขอบคุณค่ะ” อรรณยิ้มให้แต่ไม่เอื้อมมือไปรับ เพราะเขาก็ไม่ยอมปล่อยตะกร้าผลไม้ คาดว่าคงคิดจะให้เธอเอื้อมไปจับ

หากพอเธอไม่เอื้อมไปรับ เขาก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แก้เก้อ แล้วก็ถามไถ่ “คุณน้ำสบายดีเหรอครับ ผมมาหลายครั้งไม่ค่อยเจอเลย เห็นคุณที่งานแต่งคุณหมออดุลย์ ทำให้ได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ ครับ ไม่คิดว่าจะได้เห็นดอกไม้ป่างามๆ อย่างคุณ” ภัทรก็หยอดคำหวานขึ้นมา เพื่อหวังพิชิตใจสาวสวย

อรรณเพียงยิ้มเท่านั้น ก่อนมองไปทางผู้กองหนุ่มสีหน้ายุ่งๆ ท่าทางกระเซอะกระเซิง ก่อนกระแทกนั่งอย่างแรงแล้วก็บ่นๆ “หิวจะแย่อยู่แล้ว ที่รัก เสร็จงานก็รีบแจ่นมาหาแฟนเนี่ยแหละ อ๋อ สวัสดี เกษตรชัยกับ อืม คุณเป็นใครล่ะเนี่ย”

“นี่คุณภัทร ลูกชายปลัดขจรไงล่ะ ผู้กองไปราชการเพิ่งกลับเหรอครับ” ชัยวัฒน์แนะนำแล้วถามพร้อม แม้จะออกเจื่อนไปบ้าง เพราะอยู่ๆ แฟนหนุ่มของหญิงสาวก็มาถึง

“ใช่ครับ กลับมาก็คิดถึงข้าวบ้านนี้ทันที รีบมาเลยทีเดียว น้องสาวน้ำเขาทำกับข้าวอร่อย เดือนก่อนฝากท้องอยู่ทุกวัน ก็นะ โชคดีเหลือเกินที่น้ำเขารักผม ถึงได้มีอาหารอร่อยๆ ทนอยู่เรื่อยๆ” ศิขาพูดแล้วก็ทิ้งตัวนอนทับเศษกระดาษบนตัก “เมื่อไรได้แต่ง ผมคงมีความสุขมาก เกษตรว่าจริงไหมครับ”

สองหนุ่มหน้าเจื่อน จากนั้นก็ขอตัวกลับ เพราะนึกอยากตีท้ายครัวเขา แต่เขาก็มาจับได้เสียก่อน จึงต้องกลับไปก่อน แล้วค่อยเตรียมตัวใหม่

เมื่อทั้งสองคนไป อรรณก็ผลักหัวเขาออกจากตักแรงๆ ทำเขาโวยวาย

“โอ๊ย! กำลังสบายๆ รู้ไหมว่าผมเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว จับโจรเสร็จก็รีบมาเลยนะเนี่ย” ศิขาก็แก้ตัวน้ำขุ่นๆ

“มาเพราะหิวไม่ใช่เหรอ ก็จะลุกไปหาอะไรมาให้ทานไง” อรรณยิ้มแล้วส่ายหน้า กับท่าทางกะล่อนๆ ของเขา

“ถามจริง พวกนี้เขาไม่รู้เหรอว่าคุณเป็นแฟนผม” ศิขาเปิดผลไม้แล้วเตรียมจะทาน

“แม้แต่ฉันยังไม่รู้เลยว่าเป็นแฟนคุณตั้งแต่เมื่อไร เอาล่ะ ไหนว่าหิวชวนคุยอยู่ได้” อรรณเดินกลับไปที่ห้องครัว สั่งเด็กในครัวยกอาหารมาให้ผู้กองหนุ่ม

พอกลับมา แทนที่คนหิวจะได้กิน ก็ผล็อยหลับไป คาดว่าคงถ่างตาจับโจรแล้วก็เขียนรายงาน มีแรงมาที่นี่ถูกก็ถือว่าเก่งแล้ว จึงถอนหายใจ เอาฝาชีกันแมลงวันตอม แล้วก็ทำบัญชีต่อ

พอเขานอนจนอิ่มแล้วก็ลืมตาตื่นขึ้น ท่าทางงัวเงีย มองเธอทำบัญชีอย่างงุนงง “ที่นี่ที่ไหนเนี่ย ยังฝันอยู่หรือเปล่าเนี่ย อืม ฝันแน่ๆ”

“ละเมออะไรอีกล่ะ ไหนว่าหิว พอกลับมาก็หลับไปตั้งสี่ชั่วโมง ล่อเอาเกือบเย็นเลย แต่อาหารคงเย็นหมดแล้วนะคะ จะทานไหม” อรรณถามอีกรอบ

ตรงนี้มีต้นไม้ใหญ่ทำให้แดดส่องมาไม่ถึง และถึงจะร้อนบ้าง แต่ก็มีลมพัดอยู่เรื่อย อรรณจึงไม่ได้ปลุก ปล่อยให้หลับไปสบายกว่า

“อยากมากๆ แต่ยังไม่ได้ล้างหน้าล้างตา ล้างมือเลย กินผลไม้ได้ไม่กี่ลูกง่วงแทบตาย ก็เลยหลับ ตื่นมาอีกทีก็เกือบเย็นเลยเหรอเนี่ย” ศิขาเปิดฝาชีมองอาหาร แล้วน้ำลายก็ไหล ทำหน้าอยากกินเต็มที่

“เอานี่ น้ำ ล้างหน้าล้างตาล้างปากเสียสิคะ ผู้กอง” อรรณส่งขวดน้ำให้เขา

ศิขารับมาแล้วก็รีบล้างหน้าล้างตา บ้วนปากเสร็จก็รีบจกข้าวเหนียว ตักกับใส่ปาก เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างมีความสุข

อรรณได้แต่มองแล้วส่ายหน้า จากนั้นก็จัดการสะสางบัญชีต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้องสาวมาถึง

“อ้าว วันนี้มีหนุ่มมาถึงสามคนเลยเหรอ พี่น้ำ ผู้กองอร่อยไหม” อภิรมย์ถาม เพราะคนกินกินไม่สนใคร วันนี้เธอทำตำขนุน แกงผักขี้เหล็กแล้วก็น้ำพริกตาแดง ทำไว้เยอะกินถึงเย็นได้เลย

“อยากกินผัดผักเซียงดาใส่ไข่ แล้วก็แกงฮังเล ไปช่วยราชการคราวนี้ อดกินอาหารเหนือเลยทีเดียว กินแต่แกงทางใต้ มาเผ็ดอย่างเดียว” ศิขาบ่นๆ

“ถึงว่าล่ะ ไปแค่ครึ่งเดือนผอมไปเลยนะ ผู้กอง” อภิรมย์พูดแล้วก็หัวเราะ

“นั่นสิ จะมาฝากท้องบ่อยๆ นะจ๊ะ แม่สายลม” ศิขาก็พูดเล่นไปตามเรื่อง เพราะสนิทสนมกัน

“อยากมาฝากท้องบ่อยๆ ก็จีบพี่สาวลมให้ได้สิ รับรองมีอิ่มท้องไปจนตาย” อภิรมย์พูดแซวไปตามเรื่อง

“พอทั้งคู่เลย พูดกันให้ระวังไว้บ้าง แล้วนี่ไปรับดอยกับพี่พิงค์กลับมาแล้วเหรอ ทำไมเร็วจริง” อรรณถามน้องสาว

“ได้ไปรับที่ไหนล่ะ พี่พิงค์ขับรถไปส่งแล้วก็รับกลับมาเองเลย อ้ายดอยยอมไปเช้ากลับเย็นพร้อมกัน ท่าทางคู่นี้จะไปกันได้นะเนี่ย ตอนแรกยังหวั่นใจ กลัวว่าลมจะต้องดูแลกันไปจนตายซะแล้ว เห็นพี่พิงค์เริ่มเข้าไปจัดการแทน ค่อยโล่งอกหน่อย” อภิรมย์ถอนหายใจโล่งอก หยิบผลไม้มากิน

“ก็ต้องดูๆ กันไป” อรรณมองสองคนกินด้วยกันก็ได้แต่ยิ้ม จากนั้นก็เก็บเอกสารเตรียมขึ้นบ้านแทน

“เอกสารพวกนี้ยุ่งจริงๆ พี่ทำไหวหรือเปล่า” อภิรมย์รู้สึกผิดนิดๆ ที่ไม่ได้สะสาง แค่เก็บรวบรวมให้ก็บุญแล้ว

“ไหวสิ แต่ต้องค่อยๆ ทำไป นี่ก็ใกล้จะต้องเก็บเกี่ยวหัวแห้วแล้ว ยังต้องส่งขายไปนอกอีก ลมคัดดีๆ หน่อยๆ ออร์เดอร์พวกนี้ละเอียดอ่อน อย่าลืมส่งไปตรวจหาสารพิษ อย่าให้มีปะปน เดี๋ยวจะเสียชื่อ ปลานิลก็ด้วย ส่งเข้าโรงงานต้องหมั่นให้คนตรวจสอบน้ำ ระวังเรื่องปนเปื้อนเป็นพิเศษนะ” อรรณเตือนน้องสาว ถึงน้องสาวจะทำงานเก่ง แต่เรื่องความละเอียดอ่อนก็ถือว่ายังน้อยอยู่

“ครับผม จัดให้ตามที่ขอทุกเรื่อง ต้องไม่ลืมไปทำบุญให้ปลาที่เราขายไปด้วยใช่ไหมพี่ ลมจดไว้แล้ว” อภิรมย์ทบทวนให้ตามที่พี่สาวคอยเตือนไว้ตลอด

“ต้องทำบุญด้วย?” ศิขาทวนคำ เรพาะตอนนี้เริ่มอยู่ท้องแล้ว

“ทำสิ เราเลี้ยงเขา ขายเขา เขาตาย ไม่ทำบุญก็เกรงจะบาปล่ะนะ” อรรณอธิบาย ขณะจัดเอกสารลงตะกร้า

ศิขาถึงมองแม่สาวฮาร์วาร์ดใหม่ ตอนแรกนึกว่าฝรั่งจ๋า ที่ไหนได้ก็ออกจะไทยมากๆ อยู่เหมือนกัน เมื่อเขาช่วยเธอเก็บของฝากจากหนุ่มๆ ไปด้วย แค่นี้เขาไม่ถึงกับนึกขวาง เพราะท่าทางเธอก็บอกออกชัดว่าไม่สนใจเท่าไรนัก

เรื่องแบบนี้...ตบมือข้างเดียวไม่ดัง แต่ถ้าสักวันมีชายหนุ่มคนอื่นเข้ามาทำให้เธอหวั่นไหว เขาก็คงรู้สึกสะอึกแน่นอน

**************************************


หญิงสาวดวงหน้าคมคายขมวดคิ้ว มองชายหนุ่มที่ใครๆ ก็คิดว่าเป็นคู่หมั้นเธอกำลังนั่งอยู่ข้างๆ นักศึกษาสาว ที่กำลังทำท่าทางออดอ้อนเขา

ธราตกใจเมื่อเห็นญาติผู้พี่เข้ามาในห้องทำงาน ขณะที่นักศึกษาคนนี้กำลังขอเกรดเขาด้วยท่าทียั่วยวน “พี่พิงค์!”

นงลักษณ์เดินกระแทกเท้าเข้ามา มองท่าทางเลิกลัก ก่อนพูดขึ้น “เป็นถึงนักศึกษาต้องแก้ผ้าให้อาจารย์เพื่อขอเกรดรึไง ทำไมไม่เอาเวลายั่วอาจารย์ไปทำงาน อ่านหนังสือแล้วสอบด้วยสมองของตัวเองบ้างล่ะ”

“โอ๊ย! ป้า เข้ามาขัดจังหวะอยู่ได้ หนูกลับก่อนนะคะ อาจารย์” นักศึกษาคนนั้นจัดเสื้อผ้า ก่อนจะกระแทกเท้าผ่านนงลักษณ์ “ต้องรอให้แก่ตายเหมือนป้ารึไงวะ”

นงลักษณ์ทำท่าจะเอาเรื่อง ธราต้องรีบเข้ามากอดเอาไว้ แต่เธอก็สะบัดอย่างแรง ก่อนหันมาจ้องหน้าญาติ “ทำอย่างนี้บ่อยเหรอ ปล่อยให้พี่ให้น้องคิดว่าไม่ประสีประสา พี่เสียใจจริงๆ ที่หลงไว้ใจ”

“ใจเย็นๆ ครับพี่ นักศึกษาแบบนี้มีเข้ามาทุกปี เมื่อกี้ก็กะว่าจะผลักออกไปเหมือนกัน แต่พี่เข้ามาซะก่อน ปกติผมไม่ค่อยอยู่นอกเวลาราชการหรอกครับ ลมมารับพอดีเวลาเลิกตลอด ถึงไม่ต้องลำบากใจแบบนี้ ผมขอโทษที่ทำให้พี่ต้องมาเห็นอะไรไม่ดีไม่งามนะครับ” ธราพูดตามตรง เขาไม่คิดทิ้งอนาคตกับนักศึกษาแบบนี้ แต่ไม่คิดว่าบังเอิญญาติผู้พี่จะเข้ามา

นงลักษณ์ขมวดคิ้ว แม้อยากทำใจให้เชื่อ แต่ความที่เคยผิดพลาดทำให้เธอระแวง ก่อนงอนมากขึ้น เมื่อนึกว่าเขาตำหนิที่เธอมารับช้า เป็นสาเหตุให้เกิดเรื่อง

“นี่ดอยว่าพี่มารับช้าเหรอ ก็รู้นี่ว่าพี่มีประชุมเรื่องเด็กนักเรียน พี่ก็ไม่อยากมารับช้าหรอกนะ” นงลักษณ์กระเง้ากระงอด ออกงอนเสียมาก

“ผมไม่ได้ว่าพี่พิงค์นะครับ ก็เข้าใจแหละ เพียงแต่พูดตามเรื่องเท่านั้น ก็มันจริงนี่ครับ” ธราก็พูดตามประสาซื่อ

“จริงๆ อะไรก็จริง เห็นนะว่าเมื่อก็เคลิ้มๆ อยู่ ถ้าพี่ไม่เข้ามาแน่เหรอว่าจะแข็งใจผลักได้ ท่าทางแม่คนนั้นก็จับจุดดีไม่ใช่เหรอ” นงลักษณ์ก็โต้แย้ง

ธราก็กลืนน้ำลายเฮือก แม้จะเห็นด้วย แต่เขาก็ไม่เคยพลาดให้เกิดเรื่อง ทำให้เสียชื่อได้ เขาแข็งใจมาตลอด ก็แข็งใจได้ไปอีกนานแน่นอน แต่ตอนนี้เขาไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมญาติผู้พี่ถึงโกรธเขามากอย่างนี้

“ผมขอโทษครับ ตอนแรกผมกะจะเคลียร์งานช่วงรอพี่ แต่อาจารย์คนอื่นกลับไปหมด แล้วนักศึกษาก็เข้ามานั่นแหละครับ ถึงเป็นเรื่อง ต่อไปผมจะเอางานออกไปเคลียร์ที่ใต้ตึกที่คนมากๆ จะได้ไม่เป็นเรื่องอีก” ธราต้องแก้ตัวไปตามเรื่อง เขาหงอๆ เป็นปกติ เมื่อเขาเองก็สำนึกว่าควรจะระวังตัวไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้

“อืม ก็ไม่ถึงอย่างนั้นหรอก พี่ไม่อยากให้ดอยเสียชื่อน่ะ ดอยเป็นอาจารย์ ก็อยากให้เป็นอาจารย์ที่ชื่อเสียงดีล่ะนะ พี่หวังดี” นงลักษณ์อธิบายข้างๆ คูๆ เริ่มรู้สึกตัวว่าตำหนิญาติหนักไปหน่อย

“ผมเข้าใจครับ เรากลับไปกันดีไหม นี่ก็ผิดเวลามากแล้ว ลมบ่นตายเลย” ธราพูดตามจริง เพราะเขากลัวปากน้องสาวมากกว่า

“อ๋อ งั้นเรากลับกันเลย” นงลักษณ์รู้สึกแปลกๆ เหมือนตัวเองกำลังหึงญาติ แต่เมื่อครู่ก็อดคิดไม่ได้ว่า หรือจะเป็นเพราะหึง คิดแล้วก็ขมวดคิ้ว เพราะมองธราที่กำลังเก็บของอย่างเงอะๆ งะๆ ก็ต้องส่ายหน้า คาดว่าจะคิดมากไป

ธราเก็บของไม่ได้คิดมาก บอกให้กลับ เขาก็กลับก็เท่านั้น เรื่องเมื่อครู่ก็เหมือนกับเด็กถูกจับได้ว่าแอบเล่นของเล่นที่ผู้ใหญ่ห้าม ไม่ได้คิดในเชิงชู้สาว

สองคนนี้ยังมีเรื่องให้วุ่นวายอีกมาก...เพราะต่างก็มองข้ามกันและกัน

**************************************

สวัสดีค่ะ
มาโพสต์นิยายแบบมึนๆ
ตอนนี้งานก็ยังยุ่งอยู่นะคะ
แต่เดือนหน้าว่างแล้วคงจะป่วยโรคทรัพย์จางต่อไปค่า ฮ่าๆๆๆ
งานนี้ผู้กองคู่แข่งเริ่มเยอะ แต่ยังไม่สรุปว่าแฟนหรือไม่นะคะ
อิอิ เมื่อไรสรุปก็เจอปัญหาอีกแน่ โฮะๆๆๆ
ขอบคุณที่ติดตามนิยายค่ะ
--------------------------------------------------------
แจ้งข่าวอีกเรื่องนะคะ
นิยายเรื่อง "Love&Rock" กับ "Missing Love"
จะออกในงานหนังสือชื่อไทยว่า
"รักนี้...จังหวะโดนใจ" กับ "รักนี้...ที่ขาดหาย"
ออกกับ สนพ ทวีสาส์น ค่ะ
ดูปกได้ที่เฟสบุคแฟนเพจของเพลิงวารีนะคะ
--------------------------------------------------------
ติดตามข่าวสารต่างๆ ได้ที่
www.facebook.com/plerngwaree เกี่ยวกับคนอยากเขียนค่ะ
www.facebook.com/koseybz เกี่ยวกับหนังสือทำมือของคนอยากเขียนค่ะ
--------------------------------------------------------
Sirinda
คุณ sai --- จ้าาาาาาาาาาาาาา
คุณ หมูบูลิน --- เพื่อนที่แสนดีค่า ฮ่าๆๆ
คุณ ใบบัวน่ารัก --- 555+ ให้โอกาสผู้กองได้พิสูจน์ตัวเองก่อนนะคะ
คุณ konhin --- ตรงสุดขั้ว...กวนสุด...ค่า
คุณ ตุ๊งแช่ --- ประมาณอยากจีบแต่ไม่กล้าค่า อิอิ
คุณ saralun --- ขอบคุณค่า หุหุ
คุณ dee_jung --- ยิ้มแป้นด้วยคนค่ะ
คุณ anOO --- 555+เหมือนจะผู้กองนะคะ



เพลิงวารี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2555, 02:19:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2555, 02:19:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1809





<< 07 ป้าคนสวย   09เพชรในป่า >>
หมูบูลิน 12 ต.ค. 2555, 04:58:27 น.
ผู้กองซู่ๆ เป็นกองเชียร์ กองหนุนให้นะ


เบลินญา 12 ต.ค. 2555, 08:30:11 น.
ไม่รู้ว่าคุณเป็นแฟนผม แหมเนียนจริง ๆ


ใบบัวน่ารัก 12 ต.ค. 2555, 09:27:04 น.
ไม่อยากรู้เรื่องแฟนเก่าผู้กองเลย ไม่ชอบ
มีคนมาจีบน้ำแล้วผู้กองก็กีดกันไม่ให้น้ำลองดู
ว่าน่าสนใจไหม ดอยกะพิ้ง อยากให้รู้ใจกันเร็วนะ


หนอนฮับ 12 ต.ค. 2555, 19:47:45 น.
5555 ขนาดประกาศว่ามีแฟน แต่น้ำก็ยังเสน่ห์แรงนะเนี่ยยยย


konhin 12 ต.ค. 2555, 20:31:14 น.
สรุปว่าผู้กองเอาจริงหรือแค่จะควงเย้ยแฟนเก่าเนี่ย


ตุ๊งแช่ 13 ต.ค. 2555, 09:18:44 น.
ผู้กองเริ่มแระ


dee_jung 13 ต.ค. 2555, 10:50:12 น.
รีบๆจีบนะ ผู้กอง


anOO 13 ต.ค. 2555, 14:19:54 น.
พี่พิงค์เนี้ยเริ่มรู้ตัวแหละ แต่ดอยท่าทางจะต้องลุ้นอีกพัก


หนาวรัก 13 ต.ค. 2555, 21:50:03 น.
น้ำนี่เสน่ห์แรงจริงๆ


Orathai 14 ต.ค. 2555, 20:58:51 น.
หนูน้ำเข้าใจชีวิตดีนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account