เสน่ห์ร้าย นายมาเฟีย
ซานโตรใช้ปลายนิ้วเขี่ยเส้นผมที่ยาวระใบหน้า เส้นผมสีน้ำตาลราวกับเส้นไหมหยักศกน้อย ๆ ใบหน้าคมคายใส่แว่น สวมชุดยาวจนถึงกลางหลัง รองเท้าบูทไขว่ห้างราวกับกำลังนั่งอยู่ภายในห้องพักในบ้านของตัวเอง คิ้วหนารับกับจมูกโด่งเป็นสัน กับเรียวปากได้รูปราวกับรูปสลัก...
Tags: นิยาย,ความรัก,หวานละมุน,มาเฟีย
ตอน: คุณหมอจอมป่วน
“ตัดซะดีไหมเนี่ย”
ซานโตรใช้ปลายนิ้วเขี่ยเส้นผมที่ยาวระใบหน้า เส้นผมสีน้ำตาลราวกับเส้นไหมหยักศกน้อย ๆ เวลานี้มันถูกมัดรวบไว้ที่กลางหลังยาวเสียจนซานโตรอยากจะตัดเสียให้รู้รอดไป แพทย์หนุ่มชำเลืองมองน้อย ๆ บนโต๊ะในห้องรับแขก ใบหน้าคมคายใส่แว่น สวมชุดยาวจนถึงกลางหลัง รองเท้าบูทไขว่ห้างราวกับกำลังนั่งอยู่ภายในห้องพักในบ้านของตัวเอง คิ้วหนารับกับจมูกโด่งเป็นสัน กับเรียวปากได้รูปราวกับรูปสลัก ทำให้ร่างสูงดูไม่ค่อยเหมาะกับชุดนายแพทย์มากนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ค่อยมีใครกล้าบ่น
“คุณหมอคะคนไข้มาขอยาเพิ่มค่ะ” พยาบาลสาวสวยในชุดพยาบาลเปิดประตูเข้ามาหา
“เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า” เขาตอบโดยไม่ยอมปล่อยมือกับเส้นผมสีน้ำตาล
“ไม่เป็นไรค่ะ เพียงแต่มาขอยาเพิ่มในส่วนที่มันใกล้หมดเท่านั้น”
“งั้นก็ไม่เป็นไร ดูใบสั่งยาเดิมแล้วจัดให้เขาไปชุดหนึ่ง”
“เอ่อ...ค่ะ” พยาบาลชำเลืองมองท่าทางของคุณหมอ กับท่าทางแปลก ๆ ที่ดูเหมือนจะรำคาญเส้นผมสีน้ำตาลนั่นเต็มที “คุณน่าจะออกไปดูเขาหน่อยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวบ่ายนี้ผมจะออกไปข้างนอกน่ะ”
“ไปไหนเหรอคะ”
“กินกาแฟรสชมสักแก้ว” ซานโตรเอ่ยเบา ๆ “จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ผมมันเริ่มยาวเกะกะ ผมว่าจะตัดทิ้งเสียดีไหม”
พยาบาลเลิกคิ้วเหมือนไม่อยากเชื่อ
“ตัดทิ้งเนี่ยนะคะ” เธอถามเสียงสูง
“คุณถามทำไม”
“เปล่าค่ะ ก็แค่...ไม่อยากจะเชื่อเท่านั้น ว่าคนอย่างคุณหมอจะหั่นไอ้ผมยาว ๆ นั่นแล้วก็โกนหนวดเครา จนกลายเป็นผู้ชายดูดีที่แลดูเหมือนนายแพทย์หนุ่มขึ้นมาได้” นางพยาบาลที่มีแค่เรื่องสวยแต่ปากร้ายเหลือยิ้มหวาน
ซานโตรขมวดคิ้วมุ่น ชำเลืองมองมายังพยาบาลสาว
“หน้าผมไม่เหมือนแพทย์หนุ่มตรงไหน” น้ำเสียงเริ่มไม่พอใจนิด ๆ
“ถ้าไม่รวมเส้นผมยาว ๆ กับหนาวเครานั่นก็เหมือนแหละค่ะ”
“เส้นยาว ๆ กับหนาดเครามันเกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวสิคะ ก็ถ้าคนไข้ป่วยหนักมาหาหมอ แทนที่จะหายกลับกำเริบหนักเสียอีก”
ซานโตรยกมือขึ้นลูบหนวด ๆ เบา ไอ้เรื่องตื่นขึ้นมาจัดการกับหนวดของตัวเองตอนเช้าเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกเอาเสียเลย แต่เส้นผมยาว ๆ กับหนวดเคราของตัวเองนี่ มันก็ไม่เห็นเกี่ยวกับการรักษาที่ได้มาตรฐานเสียหน่อย ใบหน้าคมคายเลิกคิ้วพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย การที่คนไข้หนักจะป่วยตายจนเสียชีวิตเพราะเห็นหน้าเขา มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ไม่เห็นจะเป็นความผิดของหมอซะหน่อย
“พูดไปเรื่อย”
“เรื่องจริงค่ะ มีแต่คนพูดว่าทำไมคุณหมอถึงไม่ทำตัวให้สมกับเป็นหมอมากกว่านี้ จะได้ดูโดดเด่นและงามสง่ากว่านี้บ้าง”
“คนที่จะป่วยตายน่ะน่าจะเป็นคุณมากกว่านะ ไม่ใช่คนไข้เสียหน่อย” ซานโตรชำเลืองมองพยาบาลที่กำลังทำหน้าเง้า
“ก็จริงนี่คะ”
นางพยาบาลบ่นเบา ๆ ซานโตรได้แต่ส่ายหน้าไปมาลุกขึ้นดันแว่นตาเต็มความสูงแล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้นางพยาบาลสาวหันไปมองตาม และเมื่อจะเห็นนายแพทย์หนุ่มเดินออกไปยังรถคันสีดำที่จอดรถอยู่ที่ด้านหลังก็ตะโกนถามว่า
“คุณหมอจะไปไหนคะ”
“ผมจะออกไปข้างนอก” ซานโตรก้มมองดูนาฬิกาหน้าปัดสีเรือนทองบนข้อมือ “ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว ผมจะออกไปหาอะไรกินแล้วเดินเล่นแถวนี้หน่อย”
“แต่ตอนบ่ายมีคิวนัดไว้นะคะ จะออกไปอย่างนี้เหรอ”
“แป้บเดียวเดี๋ยวก็มา”
“หมอซานโตร”
แต่ซานโตรไม่ฟังเสียง เขาเดินไปขึ้นรถทั้งที่ยังสวมชุดคลุมสีขาว เข้าไปนั่งแล้วเสียบกุญแจรถแล้วเหยียบออกไปทันที ความที่ชายหนุ่มไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวและเป็นคนใจร้อนมากกว่าการพูด ทำให้ซานโตรถือเป็นคนใจร้อนกว่าที่เห็นภายนอก แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเรื่องการรักษาที่ไม่ค่อยคิดเงิน และการเอาใจใส่ต่อคนไข้มากกว่าที่คิด ทำให้บุคลิกของชายหนุ่มเลยไม่เอาใจใส่เลยแม้แต่น้อย
สะพานริอัลเป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในเวนิส แรกเริ่มเดิมทีสะพานแห่งนี้ใช้ไม้สร้างแต่ก็สร้างขึ้นใหม่ด้วยหิน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันสะพานแห่งนี้เหมาะแก่การนั่งพักผ่อน มีร้านรวงมากมายบนสะพานบนฝั่งมีตลาดริอัลโต เช่นเดียวกับที่เคยเป็นมาเมื่อครั้งเก่าก่อน
ซานโตรเลือกที่นี่เป็นที่ว่างยามพักผ่อน เลือกขนมอบครัวซองต์หรือแซนด์วิสไส้แฮมกับชีสที่เรียกว่าปานินี่ กับกาแฟหนึ่งถ้วยนั่งกินบนโต๊ะอาหาร ชายหนุ่มเลือกที่นั่งติดกับริมแม่น้ำจะได้ดูทิวทัศน์กันเพลิน ๆ ใบหน้าหล่อเหลาสวมชุดสีขาวสะอาดรองเท้าหนังนั่งจิบกาแฟครัวซองต์
“นั่นหมอซานโตรไม่ใช่เหรอคะ” เสียงหวาน ๆ ของหญิงสาวผมบรอนซ์สวมเสื้อสูทสีเทาเข้มเดินเข้ามาทักทายจากด้านหลัง ซานโตรจึงหันไปมองพร้อมกับรอยยิ้ม
“คุณจีนา”
“ทีนาค่ะ” สุภาพสตรียิ้มรับ
“อ้อ ใช่คุณทีนาไม่ทราบว่าอาการปวดหัวเป็นยังไงบ้างครับ” ซานโตรรีบทวนคำพร้อมกับส่งยิ้มทักทายทันที
“ก็ดีขึ้นค่ะ ตั้งแต่ไปหาคุณหมอที่คลินิกก็ได้รับยามากินประจำนะค่ะ”
“ดีครับ”
“คุณซานโตรจะไม่เชิญทีนานั่งหน่อยหรือคะ”
ซานโตรเชื้อเชิญนั่ง อีกฝ่ายยิ้มหวานพลางขยับตัวนั่งลงทันทีเข้าไปใกล้
“เชิญครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ทีนาเข้าไปใกล้ที่ด้านหน้าโต๊ะกินข้าวของซานโตร ก่อนที่เธอจะนั่งลงตามคำเชิญของเขา เธอก็ชำเลืองดวงตาคู่หวานสบกับสายตาเชื้อเชิญเข้าพอดี ซานโตรยิ้มให้เธอเล็กน้อยพลางอดคิดไม่ได้ว่าไปไหนมาไหนก็มักจะเจอพวกผู้หญิงสาวและสวยอยู่เต็มไปหมด
“ทานอะไรมาหรือยังครับ จะให้ผมสั่งเผื่อด้วยหรือเปล่า”
“กาแฟถ้วยเดียวก็พอค่ะ”
ซานโตรจึงเรียกพนักงานเสริฟที่เดินผ่านไปมา
“ขอกาแฟถ้วยหนึ่ง”
“บังเอิญจังนะคะ ไม่คิดว่าจะเจอคุณแถวนี้...ว่าแต่วันนี้ไม่ต้องทำงานหรือคะ”
“บังเอิญที่ร้านผมฝากเอสตาไว้ แล้วออกมาเดินเล่นแถวนี้หน่อย”
ทั้งคู่นั่งดื่มกาแฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีนาก็นั่งท้าวคางส่งสายตามองหน้าซานโตร จะว่าไปแล้วแพทย์หนุ่มคนนี้ก็ดูดีเป็นพิเศษอยู่ พูดตรง ๆ ไปบ้างแต่นิสัยก็ไม่ได้มากมายอะไร ชุดก็สวมสีขาว ผิดก็แต่จะโกนหนวดเคราหรือไม่ก็ตัดเส้นผมให้แลดูสั้นลง จะว่าไปแล้วเธอเองก็เป็นลูกไข้ประจำของคลินิกนี้มานานจนเห็นเขาเมื่อตอนจบใหม่ ๆ
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ว่าคุณซานโตรจะมาเปิดคลินิกตัวเองได้”
“ใคร ๆ ก็พูดเหมือนอย่างคุณนั่นแหละ” เขาเหยียดยิ้ม
“พูดอย่างฉัน..” เธอเอ่ยเหมือนคำถาม “ทำไมคะ”
“ก็รูปร่างหน้าตาอย่างผม จะไปเป็นยามรักษาความปลอดภัยใคร ๆ ก็ได้วิ่งหนีกันพอดี” ซานโตรเหยียดยิ้ม ทำเอาทีนาหัวเราะแผ่ว
“ช่างใจร้ายกันจัง”
“เยอะแยะเสียจนผมจำไม่หมดซะด้วยสิ”
“ความจริง...ฉันว่าคุณน่าจะมีอาชีพนักธุรกิจหรือไม่ก็พวกนายแบบ” ทีนาชำเลืองสายตามองซานโตร “คุณออกจะหล่อมากด้วยซ้ำ”
“เพิ่งมีคุณเป็นคนแรกที่พูดอย่างนี้”
“ฉันพูดความจริงนะคะ”
ซานโตรยิ้มบาง ๆ ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
“ขอบคุณมาก” เขายิ้ม
ทีนาโน้มตัวไปข้างหน้า เส้นผมสลวยจรดไหล่ ทำให้ดวงหน้างามและมีรอยยิ้มคลี่หวาน
“แล้วคุณละคะ คิดว่าตัวเองเหมาะจะเป็นหมอหรือเปล่า” เอสตามองตาเขาอย่างค้นหา
“ผมว่าการที่เราจะทำอะไรแล้วมันเป็นสิ่งที่ดีพอสำหรับเขาหรือเปล่า” ซานโตรเอ่ยเบา ๆ “แต่ถ้าถามผม ผมก็ไม่รู้ว่าในโลกนี้จะมีอาชีพอะไรที่เป็นอิสระและมีค่ามากพอสำหรับผมอีกแล้วล่ะ”
“ฟังดูดีจัง แล้วอย่างนี้เด็ก ๆ ที่เลือกอาชีพตามความฝันของพ่อและแม่ละคะ คุณจะว่ายังไง”
“อันนี้มันก็แล้วแต่ใจเขา แต่หากเขาเลือกทำในสิ่งที่พ่อต้องการแล้วเป็นสิ่งผิด หรือเป็นสิ่งที่ไม่ดีพอสำหรับเขาละก็ อันนั้นมันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเหมือนกัน” ซานโตรล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าทั้งสองข้าง
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ”
ทีนามองตาเขาหวานเชื่อม พลางขยับตัวเข้าใกล้อีกนิด
“ว่าความคิดแบบนี้ จะเป็นของหมอไปได้”
“แล้วแต่ใจใครจะเลือกครับ แต่สำหรับผมอย่างนี้ดีที่สุด”
“งั้นเหรอคะ”
ซานโตรชำเลืองมองเห็นสายตาที่เฝ้ามองหนวดเคราของเขาตลอดเวลาจึงเอ่ยปากถามขึ้น
“คุณทีนามีอะไรกับหน้าผมหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ” เอสตารีบปฏิเสธทันที “แค่มองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีความหมายอะไรหรอก”
ใบหน้าหล่อเหลายกมือขึ้นลูบคางไปมา พร้อมทั้งคิดว่าตนเองไม่ได้ตื่นแต่เช้าขึ้นมาโกนหนวดออกตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
“ช่วงนี้ผมไม่ได้โกนหนวดไว้ผมยาว มันทำให้คุณหนักใจหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ” เธอยิ้ม
เห็นทีคงต้องโกนเสียหน่อยกระมัง...
ซานโตรมองไปยังขอบสะพาน มองเห็นหญิงสาวที่สวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนผมสีดำผิวขาวคนหนึ่งเดินไปขอบเรือที่ใช้ตกปลา มองยังไงเธอก็ไม่เหมือนเจ้าของเรือเอาเสียเลย ขณะที่มองอยู่ว่าเธอกำลังจะเดินไปที่ไหนนั้น จังหวะเดียวกับที่เขากำลังลืมตามองเธอก็เข้าไปมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน” เขาเอ่ยถาม
“ใครหรือคะ”
“ผู้หญิงที่อยู่บนขอบเรือนั่นไง เธอยืนอยู่ตรงนั้น”
ซานโตรใจหายวาบ เพราะจู่ ๆ หญิงสาวก็ยืนอยู่ตรงนั้น ก็หลับตาลงช้า ๆ ก่อนที่ร่างของเธอจะร่วงหล่นลงน้ำซ่าใหญ่ ซานโตรลุกขึ้นจากเก้าอี้มองดูภาพนั้นตาไม่กระพริบ
“แย่แล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
ซานโตรเขม้นตามองภาพเบื้องหน้า หวังให้หญิงสาวคนนั้นผุดขึ้นมาจากใต้น้ำแต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีอะไรขึ้นมานอกจากฟองที่ผุดขึ้นมาจากน้ำ
“ผู้หญิงคนนั้นตกลงไปในน้ำ”
“เดี๋ยวค่ะ”
ทีนาตะโกนตามออกไปไม่ทัน ซานโตรก็วิ่งออกไปจากร้านนั้นตรงไปยังบริเวณที่หญิงสาวผุดพรายลงไปใต้น้ำ ชายหนุ่มสวมชุดสีขาวพยายามมองดูเผื่อว่าเธอจะไปโผล่ที่อื่นแต่ก็ไม่มีเลย ซานโตรจึงเลยขึ้นไปบนเรือวิ่งสวนกับชายร่างใหญ่ท้วมที่กำลังหอบกระเช้าปลามาก่อนกระชากคอเสื้อชายวัยกลางคนมาถามเสียงรัว
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้ คนที่ยืนอยู่บนหัวเรือของนายน่ะกระโดดลงไปแล้วรู้บ้างหรือเปล่า”
“ผู้หญิง ? บนเรือลำนี้ไม่มีผู้หญิงหรอกนะ”
ซานโตรเบิกตาโตก่อนหรี่ตาลงมองไปที่ฟองน้ำ
“บ้าจริง เอ้าถือไว้นะ”
“คุณจะทำอะไร”
“ก็ลงไปช่วยน่ะสิ”
ซานโตรถอดแว่นกรอบหนาออกพร้อมทั้งถอดเสื้อสีขาวนอกลำตัวส่งให้ชายร่างท้วมที่คว้าจับเอาไว้ไม่ทัน เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาหรี่ตามองไปยังม่านน้ำพร้อมทั้งกลั้นใจข่มความหนาว กระโดดลงไปช่วยหญิงสาวที่มองไม่เห็นว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง เสียงน้ำตูมใหญ่พัดพาเอาร่างของเขาจมหายลงไปในน้ำ ดวงตาสีน้ำตาลพยายามเหลียวมองร่างหญิงสาว ก่อนที่ร่างหนาจะว่ายลงไปในใต้ผืนน้ำ...
....หนาวเย็นเหลือเกิน
ร่างของหญิงสาวค่อย ๆ จมดิ่งลงสู่ใต้ผืนน้ำแผ่นน้ำผืนสีฟ้าเคลื่อนผ่านลำตัวคล้ายกับแสงเงาที่เธอเคยเห็น ใบหน้าหวานรู้สึกได้ถึงน้ำที่ไหลผ่านดวงตาและริมฝีปาก ไหลระริกผ่านลำคอและช่วงอกจนมันคล้ายจะกลืนกินเธอทุกสิ่งทุกอย่าง ดวงตาสีดำสนิทค่อย ๆ คลี่ออกมองฝ่ามือและช่วงแขน ความตาย..คือสิ่งเธอปรารถนามาตลอด อากาศค่อย ๆ หายใจออกจากช่วงลำคอและริมฝีปากที่เริ่มเม้มไม่อยู่ ผ่านดวงหน้าและบีบรัดร่างกายจนเธอหายใจไม่ออกและเริ่มหมดสติในที่สุด
ต่อให้เธอต้องตาย มันก็ยังดีกว่าที่เธอต้องแบกรับเอาชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้กำหนด
เธอหลับตาลงช้า ๆ ริมฝีปากและลำคอของเธอบีบรัดไปหมด ช่วงเวลาก่อนที่สายตาของเธอจะหมองหม่นจนเริ่มเห็นภาพไม่ชัด เธอมองเห็นเงาร่างของใครบางคนพุ่งผ่านผืนน้ำสีฟ้าสดลงมาหาเธอช้า ๆ ชั่วขณะที่เธอกำลังจะหมดสติลง..
เธอมองเห็นมือข้างนั้น จับกระชับมั่นมือของเธอ...
อบอุ่น...และมั่นคง
“ฮ่าห์ !?”
อีกไม่กี่นาทีต่อมา ซานโตรก็โผล่พรวดขึ้นมาบนผิวน้ำพร้อมทั้งอ้าปากหายใจเฮือกใหญ่ เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลหลับตามองสภาพปกติพร้อมทั้งใช้มือปาดน้ำทิ้งแล้วเสยเส้นผมขึ้นไปที่ด้านหลัง ดวงตาสีน้ำตาลมีริ้วรอยโกรธและไม่พอใจที่หญิงสาวในอ้อมแขนตัดสินใจที่จะยอมตายอย่างนั้น จึงตะโกนลั่น
“นี่คุณ คราวหลังจะไปหาที่ตายที่อื่น อย่ามาตายต่อหน้าผม”
ซานโตรขมวดคิ้วเมื่อเห็นดวงหน้างามหลับตานิ่งสนิทอยู่ในอ้อมแขน
“ให้ตายเถอะ เชื่อเขาเลย”
ใบหน้าหล่อเหลาจึงประคองร่างน้อยในอ้อมแขนว่ายน้ำเข้ามาใกล้ฝั่ง ก่อนจะวางสาวน้อยผมยาวไว้ข้างบนก่อนที่ตัวเองจะประคองร่างเข้ามาใกล้หายใจหอบด้วยความเหนื่อย หลังขึ้นมาบนฝั่งแล้วซานโตรก็จับเสื้อโค้ดเธอถอดออกเพื่อให้มีอากาศหายใจ ดวงหน้าหวานหมดสติปล่อยให้ซานโตรตบเรียกสติ
“นี่คุณ คุณได้ยินผมมั้ย”
“เรารีบเอาเขาส่งให้โรงพยาบาลเถอะค่ะ ฉันโทรไปเรียกให้เขามารับแล้ว” ดอนนาร้องบอกเขา
“ไม่ทันหรอก”
ซานโตรรีบประคองหลังต้นคอให้เขาเปิดปาก จากนั้นก็ก้มต่ำลงไปประกบริมฝีปากกับเรียวปากนุ่มละมุน ลมหายใจของเขาถูกถ่ายทอดเข้าสู่ปอดอย่างสม่ำเสมอ เอสตายกมือขึ้นปิดปากมองดูเขาปฐมพยาบาลให้หญิงสาว ไม่ช้าหญิงสาวก็สำลักเอาน้ำออกจากคอ แล้วหายใจได้เอง
“แค่ก..แค่ก”
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
หญิงสาวมองผ่านม่านน้ำที่ไหลผ่านตา มองเห็นใบหน้าของซานโตรไม่ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่เธอจำได้ดีก็คือ...มือที่อบอุ่นของชายผู้นี้ นี่เขามาปรากฏอยู่ต่อหน้าเธออีกครั้ง
นี่เธอยังไม่ตายอีกหรือ ภาพแรกที่เธอเห็นเหมือนกับหน้าตาของใครบางคน
“...คาเมโอ” เธอกระซิบแผ่ว ทำเอาซานโตรขมวดคิ้วเข้าหากันทันที
ร่างบอบบางหลับตาลง พลางขยับตัวจะลุกขึ้นแต่ถูกซานโตรกดไว้แน่น
“อย่าเพิ่งลุกเลย นอนเฉย ๆ เถอะ”
“นี่ฉัน...ยังไม่ตายอีกหรือ”
“ยัง” ซานโตรขมวดคิ้วมุ่น “คนที่อยากตาย คือคนโง่ที่หลงคิดอวดฉลาดว่าตนจะไปจากโลกนี้แล้วนั่นแหละ”
ซานโตรประชดด้วยคำพูดแรง ๆ หญิงสาวหลับตาลงก่อนที่เธอจะกระซิบแผ่ว
“ทำไม..”
“ถามใจคุณก่อนเถอะ ว่าทำแบบนี้แล้วต้องการหนีปัญหาจริง ๆ หรือ”
หญิงสาวหลับตาลงก่อนที่จะปล่อยให้น้ำตาเอ่อล้นก่อนที่เธอจะหมดสติไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลเพราะเธอหายใจได้เองแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาพ่นลมหายใจทางปากเบา ๆ หลุบตาลงต่ำจ้องมองใบหน้าหวาน ที่มีแพขนตากลมโตและหนากว่าปกติ เส้นผมของเธอล้อมกรอบดวงหน้าหวานเป็นลอนคลื่นบางเบา จมูกโด่งและเรียวปากหวานคลี่สวยท่ามกลางผิวขาว ๆ แล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนอกจากสิ่งที่อยู่ในใจประการเดียว
“ยังไม่ตายเหรอคะ” ทีนาใจคอไม่ดี
“ผมเป็นหมอ จะปล่อยให้คนไข้ตายได้ยังไง”
พูดจบซานโตรก็เดินไปหยิบเสื้อคลุมในมือชายวัยกลางคนออก แล้วห่มให้สาวน้อยในอ้อมแขนแล้วอุ้มไว้แนบอกพาเดินกลับรถยนต์ของตัวเอง ทีนาวิ่งตามไปแล้วก็เอื้อมมือคว้าแขนไว้ก่อนพร้อมกับเอ่ยถามว่า
“คุณจะไปไหนคะ รถพยาบาลยังไม่ทันได้มาเลย”
“ผมจะพาเขาไปยังคลินิกของผม”
ทีนากระพริบตาถี่ ๆ อย่างไม่เข้าใจความหมาย
“อะไรนะคะ”
“คนไข้คนนี้คือคนไข้ของผม ผมจะพาไปรักษาที่คลินิก ขอตัวก่อนนะครับคุณทีนา”
ซานโตรเปิดประตูรถยนต์ออกก่อนค่อย ๆ ประคองร่างบางเข้าไปนั่งที่ด้านในโดยห่อเสื้อไว้ให้เกิดความอบอุ่น ก่อนเข้าไปนั่งที่ด้านหลังพวงมาลัยในสภาพเสื้อผ้าเปียกปอนทั้งชุด ก่อนจะหักพวงมาลัยขับรถตรงไปยังคลินิกที่เปิดทิ้งเอาไว้ โดยมีเอสตากระพริบตามองอย่างอดคิดไม่ได้ว่า
...นี่เธอเป็นคนไข้ของเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..
****
เป็นอย่างไรบ้างคะ ยังสนุกอยู่หรือเปล่า
หลังจากหายหน้าไปนานเพราะสังขารไม่ให้ ^_^’’
คิดถึงเว็บสิรินดามากๆ คิดถึงนักอ่านทุกคนด้วยค่ะ
ซานโตรใช้ปลายนิ้วเขี่ยเส้นผมที่ยาวระใบหน้า เส้นผมสีน้ำตาลราวกับเส้นไหมหยักศกน้อย ๆ เวลานี้มันถูกมัดรวบไว้ที่กลางหลังยาวเสียจนซานโตรอยากจะตัดเสียให้รู้รอดไป แพทย์หนุ่มชำเลืองมองน้อย ๆ บนโต๊ะในห้องรับแขก ใบหน้าคมคายใส่แว่น สวมชุดยาวจนถึงกลางหลัง รองเท้าบูทไขว่ห้างราวกับกำลังนั่งอยู่ภายในห้องพักในบ้านของตัวเอง คิ้วหนารับกับจมูกโด่งเป็นสัน กับเรียวปากได้รูปราวกับรูปสลัก ทำให้ร่างสูงดูไม่ค่อยเหมาะกับชุดนายแพทย์มากนัก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ค่อยมีใครกล้าบ่น
“คุณหมอคะคนไข้มาขอยาเพิ่มค่ะ” พยาบาลสาวสวยในชุดพยาบาลเปิดประตูเข้ามาหา
“เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า” เขาตอบโดยไม่ยอมปล่อยมือกับเส้นผมสีน้ำตาล
“ไม่เป็นไรค่ะ เพียงแต่มาขอยาเพิ่มในส่วนที่มันใกล้หมดเท่านั้น”
“งั้นก็ไม่เป็นไร ดูใบสั่งยาเดิมแล้วจัดให้เขาไปชุดหนึ่ง”
“เอ่อ...ค่ะ” พยาบาลชำเลืองมองท่าทางของคุณหมอ กับท่าทางแปลก ๆ ที่ดูเหมือนจะรำคาญเส้นผมสีน้ำตาลนั่นเต็มที “คุณน่าจะออกไปดูเขาหน่อยนะคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวบ่ายนี้ผมจะออกไปข้างนอกน่ะ”
“ไปไหนเหรอคะ”
“กินกาแฟรสชมสักแก้ว” ซานโตรเอ่ยเบา ๆ “จะว่าไปแล้ว ตอนนี้ผมมันเริ่มยาวเกะกะ ผมว่าจะตัดทิ้งเสียดีไหม”
พยาบาลเลิกคิ้วเหมือนไม่อยากเชื่อ
“ตัดทิ้งเนี่ยนะคะ” เธอถามเสียงสูง
“คุณถามทำไม”
“เปล่าค่ะ ก็แค่...ไม่อยากจะเชื่อเท่านั้น ว่าคนอย่างคุณหมอจะหั่นไอ้ผมยาว ๆ นั่นแล้วก็โกนหนวดเครา จนกลายเป็นผู้ชายดูดีที่แลดูเหมือนนายแพทย์หนุ่มขึ้นมาได้” นางพยาบาลที่มีแค่เรื่องสวยแต่ปากร้ายเหลือยิ้มหวาน
ซานโตรขมวดคิ้วมุ่น ชำเลืองมองมายังพยาบาลสาว
“หน้าผมไม่เหมือนแพทย์หนุ่มตรงไหน” น้ำเสียงเริ่มไม่พอใจนิด ๆ
“ถ้าไม่รวมเส้นผมยาว ๆ กับหนาวเครานั่นก็เหมือนแหละค่ะ”
“เส้นยาว ๆ กับหนาดเครามันเกี่ยวอะไรด้วย”
“เกี่ยวสิคะ ก็ถ้าคนไข้ป่วยหนักมาหาหมอ แทนที่จะหายกลับกำเริบหนักเสียอีก”
ซานโตรยกมือขึ้นลูบหนวด ๆ เบา ไอ้เรื่องตื่นขึ้นมาจัดการกับหนวดของตัวเองตอนเช้าเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกเอาเสียเลย แต่เส้นผมยาว ๆ กับหนวดเคราของตัวเองนี่ มันก็ไม่เห็นเกี่ยวกับการรักษาที่ได้มาตรฐานเสียหน่อย ใบหน้าคมคายเลิกคิ้วพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย การที่คนไข้หนักจะป่วยตายจนเสียชีวิตเพราะเห็นหน้าเขา มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ไม่เห็นจะเป็นความผิดของหมอซะหน่อย
“พูดไปเรื่อย”
“เรื่องจริงค่ะ มีแต่คนพูดว่าทำไมคุณหมอถึงไม่ทำตัวให้สมกับเป็นหมอมากกว่านี้ จะได้ดูโดดเด่นและงามสง่ากว่านี้บ้าง”
“คนที่จะป่วยตายน่ะน่าจะเป็นคุณมากกว่านะ ไม่ใช่คนไข้เสียหน่อย” ซานโตรชำเลืองมองพยาบาลที่กำลังทำหน้าเง้า
“ก็จริงนี่คะ”
นางพยาบาลบ่นเบา ๆ ซานโตรได้แต่ส่ายหน้าไปมาลุกขึ้นดันแว่นตาเต็มความสูงแล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้นางพยาบาลสาวหันไปมองตาม และเมื่อจะเห็นนายแพทย์หนุ่มเดินออกไปยังรถคันสีดำที่จอดรถอยู่ที่ด้านหลังก็ตะโกนถามว่า
“คุณหมอจะไปไหนคะ”
“ผมจะออกไปข้างนอก” ซานโตรก้มมองดูนาฬิกาหน้าปัดสีเรือนทองบนข้อมือ “ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว ผมจะออกไปหาอะไรกินแล้วเดินเล่นแถวนี้หน่อย”
“แต่ตอนบ่ายมีคิวนัดไว้นะคะ จะออกไปอย่างนี้เหรอ”
“แป้บเดียวเดี๋ยวก็มา”
“หมอซานโตร”
แต่ซานโตรไม่ฟังเสียง เขาเดินไปขึ้นรถทั้งที่ยังสวมชุดคลุมสีขาว เข้าไปนั่งแล้วเสียบกุญแจรถแล้วเหยียบออกไปทันที ความที่ชายหนุ่มไม่สนใจเรื่องการแต่งตัวและเป็นคนใจร้อนมากกว่าการพูด ทำให้ซานโตรถือเป็นคนใจร้อนกว่าที่เห็นภายนอก แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเรื่องการรักษาที่ไม่ค่อยคิดเงิน และการเอาใจใส่ต่อคนไข้มากกว่าที่คิด ทำให้บุคลิกของชายหนุ่มเลยไม่เอาใจใส่เลยแม้แต่น้อย
สะพานริอัลเป็นสะพานที่เก่าแก่ที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดในเวนิส แรกเริ่มเดิมทีสะพานแห่งนี้ใช้ไม้สร้างแต่ก็สร้างขึ้นใหม่ด้วยหิน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันสะพานแห่งนี้เหมาะแก่การนั่งพักผ่อน มีร้านรวงมากมายบนสะพานบนฝั่งมีตลาดริอัลโต เช่นเดียวกับที่เคยเป็นมาเมื่อครั้งเก่าก่อน
ซานโตรเลือกที่นี่เป็นที่ว่างยามพักผ่อน เลือกขนมอบครัวซองต์หรือแซนด์วิสไส้แฮมกับชีสที่เรียกว่าปานินี่ กับกาแฟหนึ่งถ้วยนั่งกินบนโต๊ะอาหาร ชายหนุ่มเลือกที่นั่งติดกับริมแม่น้ำจะได้ดูทิวทัศน์กันเพลิน ๆ ใบหน้าหล่อเหลาสวมชุดสีขาวสะอาดรองเท้าหนังนั่งจิบกาแฟครัวซองต์
“นั่นหมอซานโตรไม่ใช่เหรอคะ” เสียงหวาน ๆ ของหญิงสาวผมบรอนซ์สวมเสื้อสูทสีเทาเข้มเดินเข้ามาทักทายจากด้านหลัง ซานโตรจึงหันไปมองพร้อมกับรอยยิ้ม
“คุณจีนา”
“ทีนาค่ะ” สุภาพสตรียิ้มรับ
“อ้อ ใช่คุณทีนาไม่ทราบว่าอาการปวดหัวเป็นยังไงบ้างครับ” ซานโตรรีบทวนคำพร้อมกับส่งยิ้มทักทายทันที
“ก็ดีขึ้นค่ะ ตั้งแต่ไปหาคุณหมอที่คลินิกก็ได้รับยามากินประจำนะค่ะ”
“ดีครับ”
“คุณซานโตรจะไม่เชิญทีนานั่งหน่อยหรือคะ”
ซานโตรเชื้อเชิญนั่ง อีกฝ่ายยิ้มหวานพลางขยับตัวนั่งลงทันทีเข้าไปใกล้
“เชิญครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ทีนาเข้าไปใกล้ที่ด้านหน้าโต๊ะกินข้าวของซานโตร ก่อนที่เธอจะนั่งลงตามคำเชิญของเขา เธอก็ชำเลืองดวงตาคู่หวานสบกับสายตาเชื้อเชิญเข้าพอดี ซานโตรยิ้มให้เธอเล็กน้อยพลางอดคิดไม่ได้ว่าไปไหนมาไหนก็มักจะเจอพวกผู้หญิงสาวและสวยอยู่เต็มไปหมด
“ทานอะไรมาหรือยังครับ จะให้ผมสั่งเผื่อด้วยหรือเปล่า”
“กาแฟถ้วยเดียวก็พอค่ะ”
ซานโตรจึงเรียกพนักงานเสริฟที่เดินผ่านไปมา
“ขอกาแฟถ้วยหนึ่ง”
“บังเอิญจังนะคะ ไม่คิดว่าจะเจอคุณแถวนี้...ว่าแต่วันนี้ไม่ต้องทำงานหรือคะ”
“บังเอิญที่ร้านผมฝากเอสตาไว้ แล้วออกมาเดินเล่นแถวนี้หน่อย”
ทั้งคู่นั่งดื่มกาแฟเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทีนาก็นั่งท้าวคางส่งสายตามองหน้าซานโตร จะว่าไปแล้วแพทย์หนุ่มคนนี้ก็ดูดีเป็นพิเศษอยู่ พูดตรง ๆ ไปบ้างแต่นิสัยก็ไม่ได้มากมายอะไร ชุดก็สวมสีขาว ผิดก็แต่จะโกนหนวดเคราหรือไม่ก็ตัดเส้นผมให้แลดูสั้นลง จะว่าไปแล้วเธอเองก็เป็นลูกไข้ประจำของคลินิกนี้มานานจนเห็นเขาเมื่อตอนจบใหม่ ๆ
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ ว่าคุณซานโตรจะมาเปิดคลินิกตัวเองได้”
“ใคร ๆ ก็พูดเหมือนอย่างคุณนั่นแหละ” เขาเหยียดยิ้ม
“พูดอย่างฉัน..” เธอเอ่ยเหมือนคำถาม “ทำไมคะ”
“ก็รูปร่างหน้าตาอย่างผม จะไปเป็นยามรักษาความปลอดภัยใคร ๆ ก็ได้วิ่งหนีกันพอดี” ซานโตรเหยียดยิ้ม ทำเอาทีนาหัวเราะแผ่ว
“ช่างใจร้ายกันจัง”
“เยอะแยะเสียจนผมจำไม่หมดซะด้วยสิ”
“ความจริง...ฉันว่าคุณน่าจะมีอาชีพนักธุรกิจหรือไม่ก็พวกนายแบบ” ทีนาชำเลืองสายตามองซานโตร “คุณออกจะหล่อมากด้วยซ้ำ”
“เพิ่งมีคุณเป็นคนแรกที่พูดอย่างนี้”
“ฉันพูดความจริงนะคะ”
ซานโตรยิ้มบาง ๆ ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม
“ขอบคุณมาก” เขายิ้ม
ทีนาโน้มตัวไปข้างหน้า เส้นผมสลวยจรดไหล่ ทำให้ดวงหน้างามและมีรอยยิ้มคลี่หวาน
“แล้วคุณละคะ คิดว่าตัวเองเหมาะจะเป็นหมอหรือเปล่า” เอสตามองตาเขาอย่างค้นหา
“ผมว่าการที่เราจะทำอะไรแล้วมันเป็นสิ่งที่ดีพอสำหรับเขาหรือเปล่า” ซานโตรเอ่ยเบา ๆ “แต่ถ้าถามผม ผมก็ไม่รู้ว่าในโลกนี้จะมีอาชีพอะไรที่เป็นอิสระและมีค่ามากพอสำหรับผมอีกแล้วล่ะ”
“ฟังดูดีจัง แล้วอย่างนี้เด็ก ๆ ที่เลือกอาชีพตามความฝันของพ่อและแม่ละคะ คุณจะว่ายังไง”
“อันนี้มันก็แล้วแต่ใจเขา แต่หากเขาเลือกทำในสิ่งที่พ่อต้องการแล้วเป็นสิ่งผิด หรือเป็นสิ่งที่ไม่ดีพอสำหรับเขาละก็ อันนั้นมันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเหมือนกัน” ซานโตรล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าทั้งสองข้าง
“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ”
ทีนามองตาเขาหวานเชื่อม พลางขยับตัวเข้าใกล้อีกนิด
“ว่าความคิดแบบนี้ จะเป็นของหมอไปได้”
“แล้วแต่ใจใครจะเลือกครับ แต่สำหรับผมอย่างนี้ดีที่สุด”
“งั้นเหรอคะ”
ซานโตรชำเลืองมองเห็นสายตาที่เฝ้ามองหนวดเคราของเขาตลอดเวลาจึงเอ่ยปากถามขึ้น
“คุณทีนามีอะไรกับหน้าผมหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ” เอสตารีบปฏิเสธทันที “แค่มองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีความหมายอะไรหรอก”
ใบหน้าหล่อเหลายกมือขึ้นลูบคางไปมา พร้อมทั้งคิดว่าตนเองไม่ได้ตื่นแต่เช้าขึ้นมาโกนหนวดออกตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
“ช่วงนี้ผมไม่ได้โกนหนวดไว้ผมยาว มันทำให้คุณหนักใจหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ” เธอยิ้ม
เห็นทีคงต้องโกนเสียหน่อยกระมัง...
ซานโตรมองไปยังขอบสะพาน มองเห็นหญิงสาวที่สวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนผมสีดำผิวขาวคนหนึ่งเดินไปขอบเรือที่ใช้ตกปลา มองยังไงเธอก็ไม่เหมือนเจ้าของเรือเอาเสียเลย ขณะที่มองอยู่ว่าเธอกำลังจะเดินไปที่ไหนนั้น จังหวะเดียวกับที่เขากำลังลืมตามองเธอก็เข้าไปมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน” เขาเอ่ยถาม
“ใครหรือคะ”
“ผู้หญิงที่อยู่บนขอบเรือนั่นไง เธอยืนอยู่ตรงนั้น”
ซานโตรใจหายวาบ เพราะจู่ ๆ หญิงสาวก็ยืนอยู่ตรงนั้น ก็หลับตาลงช้า ๆ ก่อนที่ร่างของเธอจะร่วงหล่นลงน้ำซ่าใหญ่ ซานโตรลุกขึ้นจากเก้าอี้มองดูภาพนั้นตาไม่กระพริบ
“แย่แล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”
ซานโตรเขม้นตามองภาพเบื้องหน้า หวังให้หญิงสาวคนนั้นผุดขึ้นมาจากใต้น้ำแต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีอะไรขึ้นมานอกจากฟองที่ผุดขึ้นมาจากน้ำ
“ผู้หญิงคนนั้นตกลงไปในน้ำ”
“เดี๋ยวค่ะ”
ทีนาตะโกนตามออกไปไม่ทัน ซานโตรก็วิ่งออกไปจากร้านนั้นตรงไปยังบริเวณที่หญิงสาวผุดพรายลงไปใต้น้ำ ชายหนุ่มสวมชุดสีขาวพยายามมองดูเผื่อว่าเธอจะไปโผล่ที่อื่นแต่ก็ไม่มีเลย ซานโตรจึงเลยขึ้นไปบนเรือวิ่งสวนกับชายร่างใหญ่ท้วมที่กำลังหอบกระเช้าปลามาก่อนกระชากคอเสื้อชายวัยกลางคนมาถามเสียงรัว
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้ คนที่ยืนอยู่บนหัวเรือของนายน่ะกระโดดลงไปแล้วรู้บ้างหรือเปล่า”
“ผู้หญิง ? บนเรือลำนี้ไม่มีผู้หญิงหรอกนะ”
ซานโตรเบิกตาโตก่อนหรี่ตาลงมองไปที่ฟองน้ำ
“บ้าจริง เอ้าถือไว้นะ”
“คุณจะทำอะไร”
“ก็ลงไปช่วยน่ะสิ”
ซานโตรถอดแว่นกรอบหนาออกพร้อมทั้งถอดเสื้อสีขาวนอกลำตัวส่งให้ชายร่างท้วมที่คว้าจับเอาไว้ไม่ทัน เผยให้เห็นเสื้อเชิ้ตสีเทาเข้ม ใบหน้าหล่อเหลาหรี่ตามองไปยังม่านน้ำพร้อมทั้งกลั้นใจข่มความหนาว กระโดดลงไปช่วยหญิงสาวที่มองไม่เห็นว่าจะเป็นตายร้ายดียังไง เสียงน้ำตูมใหญ่พัดพาเอาร่างของเขาจมหายลงไปในน้ำ ดวงตาสีน้ำตาลพยายามเหลียวมองร่างหญิงสาว ก่อนที่ร่างหนาจะว่ายลงไปในใต้ผืนน้ำ...
....หนาวเย็นเหลือเกิน
ร่างของหญิงสาวค่อย ๆ จมดิ่งลงสู่ใต้ผืนน้ำแผ่นน้ำผืนสีฟ้าเคลื่อนผ่านลำตัวคล้ายกับแสงเงาที่เธอเคยเห็น ใบหน้าหวานรู้สึกได้ถึงน้ำที่ไหลผ่านดวงตาและริมฝีปาก ไหลระริกผ่านลำคอและช่วงอกจนมันคล้ายจะกลืนกินเธอทุกสิ่งทุกอย่าง ดวงตาสีดำสนิทค่อย ๆ คลี่ออกมองฝ่ามือและช่วงแขน ความตาย..คือสิ่งเธอปรารถนามาตลอด อากาศค่อย ๆ หายใจออกจากช่วงลำคอและริมฝีปากที่เริ่มเม้มไม่อยู่ ผ่านดวงหน้าและบีบรัดร่างกายจนเธอหายใจไม่ออกและเริ่มหมดสติในที่สุด
ต่อให้เธอต้องตาย มันก็ยังดีกว่าที่เธอต้องแบกรับเอาชะตากรรมที่ตัวเองไม่ได้กำหนด
เธอหลับตาลงช้า ๆ ริมฝีปากและลำคอของเธอบีบรัดไปหมด ช่วงเวลาก่อนที่สายตาของเธอจะหมองหม่นจนเริ่มเห็นภาพไม่ชัด เธอมองเห็นเงาร่างของใครบางคนพุ่งผ่านผืนน้ำสีฟ้าสดลงมาหาเธอช้า ๆ ชั่วขณะที่เธอกำลังจะหมดสติลง..
เธอมองเห็นมือข้างนั้น จับกระชับมั่นมือของเธอ...
อบอุ่น...และมั่นคง
“ฮ่าห์ !?”
อีกไม่กี่นาทีต่อมา ซานโตรก็โผล่พรวดขึ้นมาบนผิวน้ำพร้อมทั้งอ้าปากหายใจเฮือกใหญ่ เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลหลับตามองสภาพปกติพร้อมทั้งใช้มือปาดน้ำทิ้งแล้วเสยเส้นผมขึ้นไปที่ด้านหลัง ดวงตาสีน้ำตาลมีริ้วรอยโกรธและไม่พอใจที่หญิงสาวในอ้อมแขนตัดสินใจที่จะยอมตายอย่างนั้น จึงตะโกนลั่น
“นี่คุณ คราวหลังจะไปหาที่ตายที่อื่น อย่ามาตายต่อหน้าผม”
ซานโตรขมวดคิ้วเมื่อเห็นดวงหน้างามหลับตานิ่งสนิทอยู่ในอ้อมแขน
“ให้ตายเถอะ เชื่อเขาเลย”
ใบหน้าหล่อเหลาจึงประคองร่างน้อยในอ้อมแขนว่ายน้ำเข้ามาใกล้ฝั่ง ก่อนจะวางสาวน้อยผมยาวไว้ข้างบนก่อนที่ตัวเองจะประคองร่างเข้ามาใกล้หายใจหอบด้วยความเหนื่อย หลังขึ้นมาบนฝั่งแล้วซานโตรก็จับเสื้อโค้ดเธอถอดออกเพื่อให้มีอากาศหายใจ ดวงหน้าหวานหมดสติปล่อยให้ซานโตรตบเรียกสติ
“นี่คุณ คุณได้ยินผมมั้ย”
“เรารีบเอาเขาส่งให้โรงพยาบาลเถอะค่ะ ฉันโทรไปเรียกให้เขามารับแล้ว” ดอนนาร้องบอกเขา
“ไม่ทันหรอก”
ซานโตรรีบประคองหลังต้นคอให้เขาเปิดปาก จากนั้นก็ก้มต่ำลงไปประกบริมฝีปากกับเรียวปากนุ่มละมุน ลมหายใจของเขาถูกถ่ายทอดเข้าสู่ปอดอย่างสม่ำเสมอ เอสตายกมือขึ้นปิดปากมองดูเขาปฐมพยาบาลให้หญิงสาว ไม่ช้าหญิงสาวก็สำลักเอาน้ำออกจากคอ แล้วหายใจได้เอง
“แค่ก..แค่ก”
“คุณเป็นยังไงบ้าง”
หญิงสาวมองผ่านม่านน้ำที่ไหลผ่านตา มองเห็นใบหน้าของซานโตรไม่ชัด แต่สิ่งหนึ่งที่เธอจำได้ดีก็คือ...มือที่อบอุ่นของชายผู้นี้ นี่เขามาปรากฏอยู่ต่อหน้าเธออีกครั้ง
นี่เธอยังไม่ตายอีกหรือ ภาพแรกที่เธอเห็นเหมือนกับหน้าตาของใครบางคน
“...คาเมโอ” เธอกระซิบแผ่ว ทำเอาซานโตรขมวดคิ้วเข้าหากันทันที
ร่างบอบบางหลับตาลง พลางขยับตัวจะลุกขึ้นแต่ถูกซานโตรกดไว้แน่น
“อย่าเพิ่งลุกเลย นอนเฉย ๆ เถอะ”
“นี่ฉัน...ยังไม่ตายอีกหรือ”
“ยัง” ซานโตรขมวดคิ้วมุ่น “คนที่อยากตาย คือคนโง่ที่หลงคิดอวดฉลาดว่าตนจะไปจากโลกนี้แล้วนั่นแหละ”
ซานโตรประชดด้วยคำพูดแรง ๆ หญิงสาวหลับตาลงก่อนที่เธอจะกระซิบแผ่ว
“ทำไม..”
“ถามใจคุณก่อนเถอะ ว่าทำแบบนี้แล้วต้องการหนีปัญหาจริง ๆ หรือ”
หญิงสาวหลับตาลงก่อนที่จะปล่อยให้น้ำตาเอ่อล้นก่อนที่เธอจะหมดสติไปอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลเพราะเธอหายใจได้เองแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาพ่นลมหายใจทางปากเบา ๆ หลุบตาลงต่ำจ้องมองใบหน้าหวาน ที่มีแพขนตากลมโตและหนากว่าปกติ เส้นผมของเธอล้อมกรอบดวงหน้าหวานเป็นลอนคลื่นบางเบา จมูกโด่งและเรียวปากหวานคลี่สวยท่ามกลางผิวขาว ๆ แล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนอกจากสิ่งที่อยู่ในใจประการเดียว
“ยังไม่ตายเหรอคะ” ทีนาใจคอไม่ดี
“ผมเป็นหมอ จะปล่อยให้คนไข้ตายได้ยังไง”
พูดจบซานโตรก็เดินไปหยิบเสื้อคลุมในมือชายวัยกลางคนออก แล้วห่มให้สาวน้อยในอ้อมแขนแล้วอุ้มไว้แนบอกพาเดินกลับรถยนต์ของตัวเอง ทีนาวิ่งตามไปแล้วก็เอื้อมมือคว้าแขนไว้ก่อนพร้อมกับเอ่ยถามว่า
“คุณจะไปไหนคะ รถพยาบาลยังไม่ทันได้มาเลย”
“ผมจะพาเขาไปยังคลินิกของผม”
ทีนากระพริบตาถี่ ๆ อย่างไม่เข้าใจความหมาย
“อะไรนะคะ”
“คนไข้คนนี้คือคนไข้ของผม ผมจะพาไปรักษาที่คลินิก ขอตัวก่อนนะครับคุณทีนา”
ซานโตรเปิดประตูรถยนต์ออกก่อนค่อย ๆ ประคองร่างบางเข้าไปนั่งที่ด้านในโดยห่อเสื้อไว้ให้เกิดความอบอุ่น ก่อนเข้าไปนั่งที่ด้านหลังพวงมาลัยในสภาพเสื้อผ้าเปียกปอนทั้งชุด ก่อนจะหักพวงมาลัยขับรถตรงไปยังคลินิกที่เปิดทิ้งเอาไว้ โดยมีเอสตากระพริบตามองอย่างอดคิดไม่ได้ว่า
...นี่เธอเป็นคนไข้ของเขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน..
****
เป็นอย่างไรบ้างคะ ยังสนุกอยู่หรือเปล่า
หลังจากหายหน้าไปนานเพราะสังขารไม่ให้ ^_^’’
คิดถึงเว็บสิรินดามากๆ คิดถึงนักอ่านทุกคนด้วยค่ะ

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ต.ค. 2555, 09:47:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ต.ค. 2555, 09:47:57 น.
จำนวนการเข้าชม : 2374
ตอนที่ 2 นายแพทย์หนุ่มดีกรีความร้อนแรง >> |


Zephyr 17 ต.ค. 2555, 12:57:37 น.
เพิ่งเข้ามาอ่านแต่งง ชื่อตัวละครค่ะ เอสตา ทีนา ดอนนา คนเดียวกันป่ะคะ
เพิ่งเข้ามาอ่านแต่งง ชื่อตัวละครค่ะ เอสตา ทีนา ดอนนา คนเดียวกันป่ะคะ

น้องแสตมป์ 17 ต.ค. 2555, 18:38:46 น.
ชื่อตัวละคร ผิดไปผิดมา หลายหนอยู่นะคะ จากทีนา เป็นเอสเต หลายครั้งเลย
ชื่อตัวละคร ผิดไปผิดมา หลายหนอยู่นะคะ จากทีนา เป็นเอสเต หลายครั้งเลย