อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 40

ตอนที่ 40

ตะวันฉายยืนมองโทรศัพท์ในมืองงๆ ไม่ได้รู้เลยว่าอาริตาที่เตรียมเปิดประตูรอส่งอยู่นานได้ย้ายมายืนโบกไม้โบกมือตรงหน้าของเธอแทน รู้เพียงแค่หัวใจดวงน้อยพองฟูอย่างประหลาดจากบทสนทนาระว่างตนเองกับตฤณ...ชายหนุ่มที่เธอเฝ้าปรารถนาอยากได้มาครอบครอง

‘แต่ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะครับ วันอื่นก็ได้’ เสียงทุ้มแฝงแววน้อยใจ ส่งผลให้ร่างเพรียวรีบตอบรับอย่างรวดเร็วด้วยกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ

‘ว่างค่ะว่าง จะให้ตะวันไปเจอที่ไหนดีคะ’

‘ที่ร้าน....’ ชายหนุ่มบอกชื่อร้านอาหารไทยในห้างดังที่เธอรู้จักดี เพราะไปทานกับอาริตาบ่อย ‘ผมจองโต๊ะไว้แล้ว’

‘ได้ค่ะ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกันนะคะ’

หลังจากนั้นเขาก็วางสายไปและเธอก็ยืนนิ่งอยู่อย่างนี้ ริมฝีปากอวบอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงชั้นดีเหยียดกว้าง แววตาสวยเฉี่ยวทอประกายแห่งความสุขจ้า อาริตาเท้าสะเอว เลิกคิ้วมองรอยยิ้มกว้างราวกับคนบ้าของเพื่อนอย่างงงๆ สุดท้ายตัดสินใจก้าวเข้าไปเขย่าตัวเรียกสติอีกฝ่ายอย่างแรง

“ยายตะวัน ยายตะวัน เป็นอะไรไปยะ ได้ยินฉันไหมเนี่ย...” ยื่นหน้าเข้าไปใกล้หูเพื่อนสาว แล้วตะโกน “ยายตะวัน!”

“โอ๊ย! แกจะตะโกนทำไมริตา เรียกดีๆก็ได้” ตะวันฉายที่หลุดอกจากภวังค์เพราะเสียงแปดหลอดของเพื่อน หันขวับไปมองทันที อาริตาร้องเฮอะ “ฉันเรียกแกตั้งหลายรอบแล้ว แต่แกมัวแต่ยืนยิ้มอย่างกับบ้าอยู่ ไม่สนใจฉันเลย ทำไมดีใจที่รอดคุกจนบ้าแล้วเหรอ”

ร่างเพรียวยิ้มกริ่ม บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “เรื่องนั้นฉันไม่สนแล้ว ที่ดีใจเนี่ยก็เพราะเมื่อกี้ ตฤณโทรมานัดให้ฉันไปกินข้าวกลางวันด้วยต่างหาก”

อาริตาทำหน้าไม่เชื่อถือ “ฝันไปหรือปล่าตะวัน แกนี่ชักอาการหนัก หลงผู้ชายจนเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ”

“เรื่องจริงย่ะ แกไม่เชื่อก็ตามใจ แต่ตอนนี้ฉันไปก่อนล่ะ เดี๋ยวจะไม่ทันนัด” ว่าแล้วก็เก็บมือถือลงกระเป๋าเดินออกไปทางประตูที่เพื่อนสาวเปิดทิ้งไว้ให้อย่างมีความสุข ไม่สนใจเสียงร้องเรียกของอาริตารีบวิ่งกลับเข้าห้องนอนเพื่อหยิบกระเป๋าแล้ววิ่งตามหลังไปอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวแก ฉันไปด้วย! ตะวันรอด้วย!”


เฮ้อ!

ตฤณถอนหายใจอย่างแรง ใบหน้าคมคายติดจะเซ็ง ขณะยืนมองป้าร้านอาหารไทยที่เป็นที่นัดหมายกับตะวันฉาย ชายหนุ่มก้มลงมองนาฬิกาเห็นว่ายังเหลือเวลานัดอีกนานเลยตัดสินใจเดินเข้าร้านหนังสือฝั่งตรงข้ามเพื่อหาอะไรอ่านฆ่าเวลาในการรอเป้าหมายของแผนการในวันนี้

ชายหนุ่มพลิกหน้าหนังสือไปมา ไม่ได้ใส่ใจจะอ่านเนื้อหาเท่าใดนัก ด้วยอารมณ์ยามนี้ไม่ใคร่จะดีนัก ก็แหงล่ะ...โดนบังคับมานี่ แทนที่บ่ายนี้จะได้นอนพักผ่อนอยู่บ้านกับคนรักสาว หรือไม่ก็ชวนกันออกมาดูหนัง ฟังเพลง กลับต้องมาติดแหง็กอยู่กับคนที่ไม่ได้อยากจะโคจรมาเจออย่างตะวันฉายแทน ทั้งหมดนี้ต้องโทษพัดยศและร้อยตำรวจเอกนพนธ์!

เรื่องของเรื่องมันเริ่มจากตอนที่เขาและดาวเหนือกำลังบอกลาทุกคนเพื่อกลับไปยังบ้านหลังจากเสร็จเรื่องสอบปากคำแล้วนั้น อยู่ๆพัดยศก็เข้ามาหาพร้อมกับบอกว่าอยากจะให้ไปธุระด้วยกันหน่อย อยากจะปรึกษาเรื่องซื้อลูกหมาเป็นของขวัญให้พรายจันทร์ นาทีนั้นเขาคิดว่ามันแปลก ทำไมอีกฝ่ายไม่พูดตั้งแต่ตอนที่ไปคุยกันเมื่อครู่ แต่พอมองอีกมุมก็คิดว่าคงเพราะมัวคุยเรื่องเครียดกันอยู่เลยอาจจะลืมๆไป จึงบอกขอตัวกับดาวเหนือ

แต่พัดยศกลับบอกว่าอาจจะไปนานจะพาไปดูฟาร์มที่ติดต่อเอาไว้แล้ว พอเขาแย้งว่าต้องไปส่งดาวเหนือ ผู้กองหนุ่มที่ยังไม่ไปไหนก็เข้ามาต่อว่าจะให้ลูกน้องไปส่งไปไม่ต้องเป็นห่วง จากนั้นก็ช่วยกันกับพัดยศลากเขาขึ้นรถแล้วขับตรงมายังห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ทันที

หลังจากนั้นก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงยื่นโทรศัพท์มือถือที่ต่อสายไว้แล้วเรียบร้อยส่งให้พร้อมบอกว่า ‘ชวนยายแม่มดชุดแดงออกมากินข้าวกลางวันซะ’ เล่นเอาเขาอ้าปากค้าง แต่ก็ไม่ได้นานเพราะหน้าจอแสดงให้เห็นว่าปลายสายรับสายแล้ว เขารับมานบหูยังไม่ทันจะกรอกเสียงลงไป เสียงแหลมปรี๊ดก็ดังกระแทกเข้ามาจนต้องดึงออกห่าง รอจนตะวันฉายเงียบแล้วเขาจึงอ่านตามโพยที่สองหนุ่มต่างอาชีพแต่คิดว่าคงมีงานอดิเรก (สร้างความลำบากใจให้คนอื่น) เดียวกันชูให้ตรงหน้า

ไม่นานนักบทสนทนาที่เขาไม่เต็มใจก็จบลง ตฤณส่งมือถือคืนให้พร้อมขยุ้มคอเสื้อพัดยศ ถามเสียงห้วน ‘นี่มันเรื่องอะไรกัน ไหนบอกให้ผมทำใจก่อนวันนึง แล้วนี่มันอะไร ยังไม่ถึงวันเลย ลากผมออกมาทรมานแล้ว!’

‘เอาน่าคุณ ช้าเร็วสุดท้ายคุณก็ต้องเริ่ม เริ่มมันไปเลยดีกว่า’ พัดยศพูดพลางยักไหล่ ไม่นำพาต่อมือที่กำลังจะหักคอของตน ส่วนผู้กองหนุ่มก็หันไปจับๆปรับอะไรในมือ เสร็จแล้วก็ยื่นมาให้

‘คุณตฤณติดนี่เอาไว้นะครับ มันเป็นไมค์แบบพิเศษที่ผมทำขึ้นมาเอง หน้าตาอาจจะไม่สวย แต่คุณภาพนี่สุดยอด’

‘ผมยังไม่ตกลงเลยนะว่าจะทำ!’

‘ช้าไปแล้วครับ ผมโทรไปจองโต๊ะแล้ว หากยกเลิกตอนนี้คงต้องเสียค่าปรับ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นคุณต้องจ่ายเต็มนะ ก็ราวๆ ห้าพันกว่า’

‘โธ่โว้ย! ทำก็ได้ แต่ถ้าดาวรู้แล้วโกรธผม พวกคุณต้องรับผิดชอบ’ เขาตะโกนก้อง ไม่ได้งกหรอกนะ แต่อยากเก็บเงินเอาไว้ไปเที่ยวกับคนรักมากกว่า ชายหนุ่มกระแทกหลังไปกับพนักเก้าอี้รถ พร้อมหันหน้าออกนอกหน้าต่างไม่อยากจะมองสองหนุ่มที่หันไปตีมือกันอย่างพอใจ พัดยศหันมามอง ส่งยิ้มกว้างพร้อมประโยคชวนประเคนหมัดให้

‘เดี๋ยวจะช่วยพูดให้ ถ้าคุณไม่โดนน้องดาวซัดก้านคอซะก่อนนะ’


แรงสั่นสะเทือนในกระเป๋ากางเกงดึงให้คนที่กำลังคิดเรื่องราวทั้งหมดหลุดจากภวังค์ ตฤณหยิบขึ้นมาดูก่อนจะกลอกตา เขากรอกเสียงขุ่นลงไป

“อะไรอีกล่ะคุณพัด”

“จะอะไรล่ะ อยู่ที่ไหนของคุณ ยายแม่มดมาถึงแล้วนะ ที่สำคัญพายายริตามาด้วย อย่าหลุดเด็ดขาดเชียวนะคุณตฤณ ต้องแสดงให้เต็มที่ เอาให้เชื่อสนิทใจไปเลยว่าคุณตกหลุมรักยายตะวันฉายเข้าแล้ว ถ้าพลาดล่ะก็คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

“ครับ ครับ รู้แล้ว แค่นี้นะ ผมจะได้ไปทำตามที่สั่ง”

“อ้อ...ผู้กองบอกว่าก่อนเข้าร้านอย่าลืมเปิดไมค์นะ” เสร็จแล้วก็ตัดสายไป ตฤณเก็บโทรศัพท์ วางหนังสือในมือเข้าที่ก่อนจะแต่หัวปากกาด้ามที่เสียบอยู่ในกระเป๋าเสื้อเบาๆเพื่อเปิดไมค์ที่ซ่อนอยู่ในนั้น

สองขายาวก้าวตรงไปยังร้านอาหารที่เป็นที่นัดหมายและแทบจะไม่ต้องมองหาหญิงสาวเพราะเจ้าหล่อนใส่ชุดแดงเด่นสะดุดตาอยู่แล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกรวบรวมสมาธิก่อนจะเดินตรงเข้าทักทายและส่งยิ้มบางๆให้กับอาริตาที่หันมามองอย่างจับผิด

“สวัสดีครับคุณตะวัน รอนานไหมครับ เผอิญรถติดนิดหน่อย”

ตะวันฉายไม่ตอบได้แต่จับจ้องใบหน้าหล่อเหลาที่ติดตามาตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้พบกัน หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวแล้วหันไปมองเพื่อนตาขวางที่บังอาจมาขัดจังหวะการมองหน้าคนหล่อ แต่อาริตาไม่สนใจ เอียงหน้าเข้ากระซิบ

“ก็แกมัวแต่เหม่อ ไม่ยอมตอบคำถามเขาน่ะสิ” หญิงสาวจึงได้สติหันกลับไปมองชายหนุ่มอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มหวานแบบที่ตฤณรู้สึกสยองในใจ

“ไม่นานหรอกคะ ตะวันกับริตาเพิ่งมาถึงเอง ยังไม่ทันนั่งคุณก็เข้ามาพอดี”

“เหรอครับ ดีจัง งั้นเชิญนั่งกันเถอะครับ น้องครับขอเมนูหน่อย”


“เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถให้บริการได้ในขณะนี้งั้นเหรอ ไปถึงไหนกันนะ” ร่างโปร่งพึมพำขณะกดโทรออกอีกครั้ง และก็ได้รับคำตอบเดิมๆกลับมา เธอเองก็ไม่อยากจะโทรไปรบกวนเขาเท่าไหร่หรอกเพราะไม่รู้ว่ากำลังเลือกลูกสุนัขกันอยู่หรือเปล่า

แต่ตอนนี้มีลูกค้าเข้ามาเพื่อจะให้ฉีดวัคซีกันโรคพิษสุนัขบ้าให้เจ้าลูกสุนัขพันธ์ไซบีเรียนฮัสกี้ เธอบอกไปแล้วว่าคุณหมอไม่อยู่แต่ทางลูกค้าขอรอเพราะจะต้องไปต่างจังหวัดหลายวัน อยากจะจัดการให้เรียบร้อย เธอเลยต้องโทรไปหาคนรักและก็ไม่มีใครรับสายรวมทั้งพัดยศเองที่โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณเช่นเดียวกัน ดาวเหนือยอมแพ้หันกลับไปหาเด็กก้อยที่ยืนรออยู่ด้านหลัง

“เอาไงดีค่ะพี่ดาว”

“แล้วปกติเวลาที่พี่เขาไม่อยู่แล้วมีเคสด่วนเข้ามาเราโทรหาใคร”

“ก้อยโทรเรียกหมอชิน ซอยห้ามาตรวจอาการให้ ถ้าหนักมากก็ให้หมอเขารับไปจัดการแทน แต่ถ้าแค่ฉีดยาไม่รู้หมอเขาจะมาให้หรือเปล่า” เด็กสาวขยายความ หญิงสาวฟังก่อนจะออกคำสั่ง

“ลองโทรไปก่อน ถ้าให้รอคงอีกนาน ไม่รู้ไปถึงชานเมืองกันรึเปล่าเถอะ”

“ค่ะ” เด็กสาวรับคำก่อนจะไปจัดการตามที่สั่ง ส่วนเธอก็เข้าไปนั่งคุยกับลูกค้าสาวเจ้าของลูกสนุขตามประสาคนรักสัตว์เหมือนกัน เจ้าตัวน้อยก็ไม่มีอาการตื่นกลัวคนแปลกหน้าเข้ามาเล่นด้วยแต่โดยดี แถมยังเล่นกับลูกบอลยางบนพื้นอย่างสนุกสนาน ทำให้เจ้าถิ่นอย่างเทอร์โบและเจ้าตัวเล็กอดหวงของเล่นไม่ได้ ตรงเข้ามานั่งคุมเชิงไม่ให้ผู้มาเยือนออกอาการดี๊ด๊ามากเกินไป

ทั้งผู้มาเยือนตัวน้อยที่อยู่ในวัยช่างเล่น ก็ใช้จมูกรุนลูกบอลไปตรงหน้าเทอร์โบที่นั่งตัวตรงเชิดหน้า แต่เหลือบตามอง ลูกสุนัขหมอบตัวลงต่ำ หางเล็กๆกระดิกไปมาดูสิว่าเจ้าพี่สีทองจะยอมเล่นด้วยไหม ไม่นานเจ้าสีทองตัวใหญ่ที่ขี้เล่นอยู่แล้วก็ทนไม่ไหวกระโจนเข้าเล่นด้วยทันทีด้วยการกลิ้งลูกบอลไปมาแล้วผลัดกันคาบวิ่งหนี ทิ้งให้เจ้าถิ่นตัวเล็กต่างสายพันธุ์หน้างอกระโจนขึ้นไปนอนที่ที่นอนของตัวเอง หันหลังใส่ด้วยอีกต่างหาก ยังให้คนที่มองอยู่ต้องพากันหัวเราะออกมา

ไม่นานนักก้อยก็เดินเข้ามา “พี่ดาว เดี๋ยวหมอชินจะมาฉีดให้ก่อนค่ะ”

ดาวเหนือพยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปอธิบายให้ลูกค้าสาวฟังพร้อมขอโทษที่ต้องให้หมออีกคนมาแทน ซึ่งลูกค้าสาวก็เข้าใจ ห้านาทีต่อมาคุณหมอวัยไล่เลี่ยกับตฤณที่พอคุยกันแล้วถึงรู้ว่าเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของเขาก็เดินทางมาถึง ชายหนุ่มจัดการฉีดวัคซีนให้เจ้าตัวน้อยที่หน้างอเพราะกำลังเล่นอย่างสนุกอยู่ก่อนจะบอกให้พวกเธอเป็นคนเก็บค่ายาไป เขายินดีมาช่วยเพราะเวลาที่เขาไม่อยู่ตฤณก็เป็นคนไปคอยช่วยเหลือทางโน้นเหมือนกัน

“ขอบคุณคุณหมออีกครั้งนะคะ”

ทั้งคู่ออกมายืนส่งลูกค้าตัวน้อยสี่ขาที่ดูท่าจะติดใจเจ้าถิ่นตัวโตเข้าเสียแล้วดูจากพอโดนฉีดยาเสร็จก็พากันวิ่งเล่นรอบร้าน ไม่ยอมฟังเสียงเรียกของเจ้าของสาวที่มายืนเท้าสะเอวนิ่วหน้าใส่ เดือดร้อนให้คนทั้งหมดต้องวิ่งไล่จับ หลังจากโดนจับได้ก็ทำหน้าจ๋อยมองตาละห้อยปล่อยให้เจ้าของพาขึ้นรถกลับบ้านไปอย่างไม่เต็มใจ ส่วนเจ้าตัวโตของตฤณก็กลับไปง้อเพื่อนต่างสายพันธุ์ตามเดิม

“ไม่เป็นไรครับ นายตฤณก็เคยไปทำงานแทนผมอยู่หลายครั้งเหมือนกัน ว่าแต่ยินดีที่ได้พบนะครับคุณดาว เห็นมันพูดถึงคุณให้ผมฟังหลายครั้งแล้วตั้งแต่สมัยเรียน แต่ไม่เคยเจอตัวจริงซักที ถ้ายังผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้คราวหลังที่นายตฤณอยู่ผมจะมาแซวอีกที” ชินกรบอกยิ้มๆ เขาต้องคอยฟังเพื่อนพูดถึงความรักฝังใจมาตั้งนานนม บอกให้มันตัดใจไปก็หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จได้แต่หวังให้เวลาคอยช่วยเหลือ แล้วราวกับปาฏิหาริย์ที่ตฤณได้สมหวังกับความรักที่เขาเคยคิดว่าเพื่อนคงไม่มีทางสมหวัง

ดาวเหนืออมยิ้ม รู้สึกตื้นตันทุกครั้งที่ได้ยินคนรู้จักของเขาเล่าเรื่องความรักที่เขามีต่อเธอ แล้วก็รู้สึกว่าช่างโชคดีที่เธอได้รักและได้รับความรักจากคนที่จิตใจมั่นคงอย่างตฤณ ตอนนี้ก็ได้แต่รอให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายแล้วเขากับเธอก็จะได้อยู่กันอย่างมีความสุขซะที หญิงสาวไหว้ลาคุณหมอรุ่นพี่อีกครั้งก่อนจะกลับเข้าร้านไปช่วยก้อยเก็บของต่อ

ขณะที่กำลังจัดยาให้เข้าที่อยู่นั้น โทรศัพท์ของเธอที่วางทิ้งไว้บนเคาน์เตอร์ก็กรีดร้อง มือเรียวยื่นไปกดรับตามด้วยกรอกเสียงลงไป

“ว่าไงพี่เมือง”

“เออไอ้ดาว แกอยู่บ้านไอ้ตาลใช่ไหม เดี๋ยวพี่จะเข้าเอางานไปให้ งานนี้ด่วนมากถึงมากที่สุด แกต้องไปเพชรบุรีพรุ่งนี้เช้าเลย ลูกค้าเขากำหนดมาว่างานนี้ต้องเสร็จก่อนสิ้นเดือน” หญิงสาวขมวดคิ้วมองปฏิทินที่แขวนอยู่ด้านข้าง ‘ก่อนสิ้นเดือนก็อีกสองอาทิตย์เองนะ’

“งานด่วนแบบนี้ทำไมพี่เมืองเพิ่งมาบอกดาว”

“เฮ้ย แกไม่ต้องมาเสียงขุ่นใส่ ไม่ใช่ความผิดฉัน” เมืองแมนรีบโวยเพราะรู้จากประสบการณ์ว่าหากน้องรหัสสาวเริ่มเสียงขุ่นแสดงว่าหงุดหงิดมากและอาจจะโดนด่าได้ ก่อนจะแก้ความเข้าใจเพื่อเอาตัวรอด

“ตอนแรกงานนี้เป็นของไอ้เป้ แต่แกก็รู้ว่าไอ้เวรนั่นมันโกงเงินบริษัทแล้วก็หนีหายไป แถมทิ้งงานเร่งไว้เป็นกอง นี่ฉันก็กระจายออกไปให้คนอื่นๆบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่พอเพราะขาดไอ้ตาลที่ยังป่วยอยู่ แล้วก็แกที่เพิ่งว่าง อีกอย่างงานนี้ก็ของถนัดแก ช่วยเฮียหน่อยเถอะว่ะ ประสาทจะกินอยู่แล้วเนี่ย” พี่รหัสที่ควบตำแหน่งนายจ้างบอกเสียงอ่อน รู้สึกตามที่พูดไม่ใช่แค่เพราะได้รับโทรศัพท์ขอร้องจากพัดยศเมื่อครู่ ที่ขอให้เขาส่งดาวเหนือไปทำงานที่ต่างจังหวัดเพื่อจะได้ทำตามแผนที่วางเอาไว้ได้ พอดีกับที่บริษัทเขางานกำลังล้นมือได้มือดีอย่างดาวเหนือที่หยุดงานไปนานมาช่วยทำไมเขาจะไม่รีบคว้าไว้

ดาวเหนือถอนหายใจ อารมณ์โกรธเมื่อครู่ลดลงเมื่อได้ยินเสียงอ่อยของเขา ทำไงได้ยังไงๆก็พี่

“ก็ได้ ดาวรับก็ได้ แต่พี่เมืองต้องเอารายละเอียดมาให้ดาวแบบละเอียดที่สุดนะ ก็รู้อยู่ว่าพี่เป้ทำงานชุ่ยแค่ไหน ถ้าไม่เคลียร์ดาวต่อไม่ถูกหรอก เดี๋ยวจะพาลให้รื้อทำใหม่หมด”

“ได้เลย อีกชั่วโมงเจอกัน ขอบใจมากน้องรัก”

“ถ้ารักจริง ขอโบนัสปลายปีด้วย”
“ไอ้งก!” เมืองแมนแยกเขี้ยวใส่ปลายสายก่อนจะวางหู ขืนคุยต่อจากขอโบนัสจะกลายเป็นขอขึ้นเงินเดือนแทน

“แล้วนี่คุณตฤณคิดยังไงคะ ถึงได้นัดยายตะวันออกมากินข้าวกลางวัน แล้วแม่ดาวเหนือตัวดีล่ะ เอาไปทิ้งไว้ไหน” พอจานเปล่าไร้ซึ่งอาหารจานสุดท้ายถูกยกออกไป แทนที่ด้วยไอศกรีมเย็นฉ่ำของหวานของทางร้าน อาริตาก็จัดการ ‘ซัก’ ชายหนุ่มทันที ตฤณชะงักไปเล็กน้อย หันไปทางตะวันฉายก็เห็นว่าเจ้าหล่อนจ้องตาเป๋ง รอฟังคำตอบของเขาเหมือนกัน

ตฤณขยับแว่น โปรยยิ้มหล่อนำร่องก่อนจะตอบเสียงนุ่มที่ทำเอาคนฟังเคลิ้ม “ก็ไม่นึกยังไงหรอก แค่ทำตามที่หัวใจเรียกร้องน่ะครับ”

อาริตาเหวอ ไปต่อไม่ถูก มองหน้าชายหนุ่มที่หันไปสบตาหวานซึ้งกับตะวันฉายที่แสร้งทำเอียงอายทั้งที่ใจจริงอยากจะลุกขึ้นมาเต้นด้วยความดีใจไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง หญิงสาวกระแอมไอแก้เลี่ยนก่อนจะแขวะ

“แหม....ถ้าไม่ได้ยินกับหู ริตาคงคิดว่ายายตะวันโกหกนะคะเนี่ย แต่มันก็ยังแปลกอยู่ดี” แต่ก็ยังไม่ยอมเชื่อง่ายๆ

“นั่นสิคะ เมื่อเช้าตะวันยังเห็นคุณอี๋อ๋อกับมันอยู่เลย ไม่มองมาทางตะวันสักนิด” ตะวันฉายเสริมตามที่อาริตาบอกให้ทำก่อนที่จะเดินทางมาที่ห้าง แต่เพราะโดนอีกฝ่ายหยิกเข้าให้เมื่อครู่เลยต้องกลั้นใจถามทั้งที่เชื่อไปแล้วเต็มหัวใจ

ชายหนุ่มกำหมัดแน่น รู้สึกโกรธที่หญิงสาวกล้าเรียกคนรักของเขาว่ามัน แต่ก็ยังคงยิ้มอยู่เนื่องจากจะให้แผนเปิดโปงคนร้ายที่ทุกคนช่วยกันคิดมาพังเพราะอารมณ์ของเขาไม่ได้ ชายหนุ่มก้มหน้าซ่อนสายตาไม่พอใจเอาไว้ ปากก็แก้ต่างให้ตัวเอง “ผมแอบมองคุณต่างหาก...”

สองสาวเลิกคิ้ว มองคนที่เอาแต่ก้มหน้างงๆ “...เพราะคำพูดของคุณวันนั้นที่บอกให้ผมไปทบทวนว่าใครที่เหมาะกับผมมากที่สุด แล้วตอนนี้ผมก็ได้คำตอบนั้นแล้ว”

“แปลว่าคุณเปลี่ยนใจแล้วงั้นเหรอ” เป้าหมายของเขาย้อนเสียงแผ่ว ใบหน้าตกตะลึงหากนัยน์ตาเปล่งประกายซ่อนความดีใจเอาไว้ไม่มิด ตฤณยิ้มอย่างเดียวไม่พูดอะไรปล่อยให้อีกฝ่ายตีความเอาเอง อาริตาเบ้ปากที่ตัวเองกลายเป็นส่วนเกินไปแล้วก่อนถามประชด

“ว่าแต่ไปหัดพูดจาหวานๆมาจากไหนคะ คราวก่อนกัดซะฉันกับยายตะวันเหวอะหวะ”

“มันเป็นมานานแล้วครับ แต่ไม่มีใครยอมฟังเท่านั้นเอง”

“แล้วยายดาวล่ะคะ คุณตฤณพูดให้ฟังบ้างหรือเปล่า” ตะวันฉายที่เงียบไปเมื่อครู่ถามขึ้นอีกครั้งเสียงขุ่น รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาดื้อเมื่อนึกได้ว่าเขาอาจจะเคยพูดให้อีกฝ่ายฟังจนเบื่อมาก่อนแล้ว และหากเขาเคยพูดให้ดาวเหนือฟังเธอจะสั่งห้ามไม่ให้พูดอีก สำหรับเธอทุกอย่างและทุกสิ่งที่จะได้จากเขาจะต้องไม่ซ้ำกับใคร!

“ดาวเขาไม่ค่อยชอบหรอกครับ เขาบอกเลี่ยน”

“อย่างว่านะคะ คนอย่างนั้นไม่ค่อยละเอียดอ่อน ไม่สมควรจะคว้ามาเป็นคนรักหรอกค่ะ ถ้าคุณนัดตะวันมาแบบนี้ก็แสดงว่ารู้แล้วสินะคะว่าใครกันแน่ที่คู่ควรกับคุณ” เธออารมณ์ดีขึ้นทันทีที่ได้ยินว่าเขาไม่เคยพูดให้น้องสาวต่างมารดาของหล่อนฟัง หญิงสาวเอื้อมมือไปไล้มือหนา บีบเบาๆอย่างสื่อความหมายพร้อมส่งสายตาเชิญชวน
ตฤณกลืนน้ำลายสัมผัสได้ถึงอันตรายต่อสวัสดิภาพของตน เขาค่อยๆดึงมือออกไม่ให้เร็วจนเกินไป เดี๋ยวจะผิดสังเกต

“ประมาณนั้นล่ะครับ ก็อย่างที่บอกผมรู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร อ้อ...แต่ว่าเราอย่าเพิ่งให้ใครรู้นะครับ เดี๋ยวคนเขาจะคุณไม่ดี” เขาพูดน้ำเสียงจริงจัง ตะวันฉายจ้องตา เม้มปากแน่น ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่ต้องหลบๆซ่อนๆ แต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะยังไงซะตอนนี้เขาก็หันมาหาเธอแล้ว

รอให้เธอได้ครอบครองเขาเต็มที่ซะก่อนจะควงไปเย้ยให้น้องสาวนอกคอกกระอักเลือดตายให้ดู ตะวันฉายยิ้มสมใจที่โชคชะตาเข้าข้างเธอ ส่วนตฤณแกล้งทำเป็นมองคนที่เดินไปมาด้านนอกแต่ก็แอบโล่งใจที่อีกฝ่ายยอมเชื่อในที่สุด ในขณะที่อาริตามองชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อเต็มร้อยเท่าไหร่ ความรู้บางอย่างบอกกับเธอว่าต้องมีอะไรซ่อนอยู่ หวังว่าคงจะไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ตะวันฉายไปฆ่าคนตายก็แล้วกัน เห็นทีเธอต้องคอยระวังแทนเพื่อนแล้วล่ะมั้งงานนี้

“ขอบคุณมากนะคะสำหรับอาหารมื้อนี้ ตะวันมีความสุขม๊าก มาก” หญิงสาวเกี่ยวแขนเขาพร้อมซบหน้าลงบนไหล่หนา ตฤณพยายามแกะมือกาวนั้นออกแต่ไม่สำเร็จเลยต้องปล่อยไป

“ยินดีครับ สำหรับคุณตะวัน”

“งั้นตะวันกับริตากลับก่อนนะคะ ไว้เย็นนี้ตะวันจะโทรหา”

“เอ่อ เย็นนี้คงไม่สะดวก ผมมีผ่าตัดด่วนเลิกดึกมาก เอาไว้ผมโทรหาคุณเองดีกว่า” เขารีบปด แน่ล่ะ ขืนโทรวันนี้ก็งานเข้าสิ ดาวเหนือยังอยู่ แผนแตกกันพอดี อีกฝ่ายทำหน้างอแต่ก็ยอม

“ก็ได้ค่ะ โทรมาได้ตลอดเวลาเลยสำหรับตฤณ” แล้วก็พาร่างเพรียวเข้ามาเบียดอกกว้าง ไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่พากันมองมา แขนเรียวโอบรอบคอเขาไว้แล้วยืดตัวขึ้นกดจมูกลงบนแก้มสากที่ผ่านการโกนมาหมาดๆของอีกฝ่าย ถอยห่างมามองริมฝีปากหยักตาละห้อย อยากจะจูบปากที่ปากตามที่ปรารถนามากกว่าแต่ก็เกรงใจ

”ตะวันจะรอนะคะ”

ตฤณยิ้มเจื่อนมองส่งสองสาว พอพ้นจากสายตาชายหนุ่มก็รีบเดินกลับเข้าไปขอกระดาษทิชชู่จำนวนหนึ่งก่อนจะใช่มันเช็ดแก้มข้างที่โดนฉวยโอกาสอย่างแรงตามแรงอารมณ์ที่เก็บมานาน ผู้หญิงอะไรมายืนหอมแก้มผู้ชายกลางห้างไร้ความเป็นกุลสตรีจริงๆ เป็นน้องเป็นนุ่ง พ่อจะตีให้ก้นลาย มืออีกข้างก็กดโทรหาเพื่อนร่วมแผนการทั้งสอง

“คุณพัดมารับผมภายในห้านาที ไม่งั้นผมจะอาละวาดให้รถพังเลย แล้วก็เตรีมแอลกอฮอล์ไว้ให้ด้วย ฮึ้ย!”


“ไปถึงไหนกันมาพี่ตฤณ ดาวโทรไปก็ไม่รับ”

ทันที่เดินเข้าบ้านร่างโปร่งที่กำลังดูวีกิจเล่นเกมอยู่กับตรีทิพย์ก็ลุกขึ้นเดินมาหา ใบหน้าฉายความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ตฤณมองคนรักสาวนิ่ง ก่อนจะดึงหญิงสาวเข้ามากอดแนบอก ซุกหน้าคมลงบนกลุ่มผมนุ่ม ทำเอาคนโดนกอดหน้าแดงพยายามดันตัวออกเป็นพัลวัน

“พี่ตฤณปล่อย น่าเกลียดมากอดทำไหมตัวมีแต่เหงื่อ เหม็น”

“ไม่ปล่อย พี่โดนทำร้ายจิตใจมา ขอกอดฟื้นฟูจิตใจหน่อย”

“ไม่เอา คุณวีกับตาลมองอยู่เห็นไหม” หญิงสาวยังคงไม่ละความพยายาม คราวนี้เอาหัวหลักหัวตอทั้งสองที่เลิกเล่นเกมแต่หันมาจ้องฉากโรแมนซ์แทนเป็นข้ออ้าง ตฤณยอมผละออกแต่ไม่ยอมปล่อยมือทำหน้าหงิก เหล่มองว่าที่น้องเขยตาเขียวถามเสียงห้วน

“มองอะไรนายวี”

“อุ๊ย! เปล่าครับพี่ เปล่า ใครมองกัน ไม่มี๊...” รีบปฏิเสธแล้วหันไปดึงคนรักให้ลุกขึ้น

“...ไปดูคุณแม่ทำอาหารกันเถอะตาล อยู่ตรงนี้ต่อไปเดี๋ยวระดับน้ำตาลในเส้นเลือดจะพุ่งสูง”

ตรีทิพย์ยิ้มขำแต่ก็ยอมให้เขาลากไปแต่โดยดี หญิงสาวหันกลับมามองเห็นเพื่อโดนพี่ชายของตนไล่ต้อนจนลงนั่งเบียดชิดกันบนโซฟาเรียบร้อย รอยยิ้มน้อยแต้มบนริมฝีปากบางรู้สึกดีใจที่ทั้งคู่มีความสุข

ตฤณต้อนคนรักสาวไปจนสุดโซฟาอีกด้าน แขนแกร่งกอดเอวหมับรั้งให้อีกฝ่ายขึ้นมานั่งบนตัก ทำเป็นไม่ใส่ใจกับน้ำหนักมือที่ตีลงมา ชายหนุ่มกดจมูกลงบนแก้มแดงหลายๆทีอย่างหมั่นเขี้ยว สุดท้ายหญิงสาวยอมแพ้ปล่อยให้หนุ่มแว่นที่ทำตัวเอาแต่ใจทั้งกอดทั้งหอมต่อไป

“ชื่นใจ ไม่งั้นจิตใจพี่คงบอบช้ำหนัก”

“ทำไม...พี่พัดลวนลามเอาเหรอ” ดาวเหนือแกล้งแหย่ และเขาก็เล่นต่อ

“อืม โดนคุณพัดกอดมาก พอใจยัง”

“ว้า...แค่กอดนึกว่ามีอย่างอื่นอย่างในนิยายชายรักชายที่เพื่อนชอบอ่าน”

“ไม่เอาหรอก พี่ยอมให้ดาวปู้ยี่ปู้ยำพี่คนเดียวเท่านั้นแหละ”

“พูดจาน่าเกลียด” หญิงสาวย่นจมูก ก่อนจะเอนหลังไปกับอกกว้างของเขา “ตกลงไปไหนกันมา”

“ก็ไปแถวนครปฐมน่ะ ฟาร์มเพื่อนพี่เอง ที่ไปได้เจ้าแสบข้างนอกมาไง”

“ไปไกลเหมือนกันนะคะ แล้วได้พันธุ์ไหนมา” เขาส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ ดาวเหนือเอียงคอมองแปลกใจไปกันตั้งค่อนวันทำไมไม่ได้อะไรมาเลย

“ดูเหมือนจะอยากได้หมาพันธุ์เล็กมากกว่า ฟาร์มนี้มีแต่โกลเด้น”

“งั้นเหรอ” แล้วทั้งคู่ก็เงียบจมอยู่กับความคิดของแต่ละคน ไม่นานนักต่างก็แย่งกันพูดขึ้นมา

“ดาว/พี่ตฤณ” ตฤณชะงักเช่นเดียวกับดาวเหนือ ก่อนที่เขาจะเป็นฝ่ายถอยให้หญิงสาวพูดก่อน

“ดาวพูดก่อนเถอะ”

ดาวเหนือขยับตัวให้มองหน้าเขาถนัดๆ “พรุ่งนี้ดาวต้องไปทำงานที่เพชรบุรี งานด่วนน่ะ ทำแทนพี่เป้ อาจจะกินเวลาสองอาทิตย์ ดาวขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับพี่ตฤณช่วงนี้”

“ขอโทษทำไม ดาวไปทำงานนี่ อีกอย่างพี่เห็นว่าดีแล้วดาวออกไปทำงานบ้างจะได้ไม่เครียดเรื่องคดีความทางนี้เดี๋ยวพวกพี่จะช่วยดูให้” เขาบอกเสียงอ่อนโยน โล่งใจที่ระหว่างดำเนินแผนคนรักไม่อยู่จะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องราวน่าปวดหัว ทุกอย่างจะได้ราบรื่น ก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง

“ดาวไม่อยู่พี่ตฤณต้องพักผ่อนบ้างนะ อย่าทำงานหนักเข้าใจไหม” หญิงสาวสั่ง เพราะรู้ว่าบางครั้งเขาชอบเปิดคลินิกยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่บ่อยครั้ง ตฤณเอียงคอไปวางบนไหล่บาง

“ครับผม น้อมปฏิบัติ ดาวพี่เองก็มีอะไรบางอย่างจะบอกดาวนะ”

“หือ อะไรเหรอ” ตฤณยืดตัวอีกครั้ง หมุนให้เธอมาเผชิญหน้า สบตากลมโต พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่ทำทุกอย่างเพื่อความรักของเราสองคน ดาวต้องเชื่อมั่นในตัวพี่ เชื่อในความรักของเรา สัญญานะครับ”

แม้จะยังงงๆอยู่ แต่หญิงสาวก็ยิ้มออกมา สองแขนอ้าออกโอบเอวของเขาแน่น พึมพำเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงสองคน “ดาวสัญญา เพื่อรักของเรา”

---------------------------------------------------------------------------------------
ขอโทษค่ะที่มาสายไปหนึ่งวัน เมื่อวานพายุเข้าบ้านข้าพเจ้า อินเตอร์เนตใช้การไม่ได้

สำหรับตอนนี้เป็นตอนที่เขียนยากมากในความรู้สึก เพราะต้องพยายามนึกอยู่ตลอดเวลาว่าตะวันฉายไม่ใช่นางเอก จะแต่งให้อ่อนหวานไม่ได้

กว่าจะได้มาแต่งแล้วลบ แต่งแล้วลบอยู่หลายรอบกันทีเดียว ฟู่!

แม่ยกดาวกับพี่ตฤณอาจจะอยากฆาตกรรมนักเขียนกันทีเดียว แต่มีหวานให้ท้ายตอนเล็กน้อยคงพอทดแทนได้ (มั้ง)

เจอกันตอนหน้าค่ะ(วันศุกร์แล้วกัน) ติชมได้ค่ะ



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ต.ค. 2555, 15:24:30 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ต.ค. 2555, 15:24:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1797





<< ตอนที่ 39   ตอนที่ 41 >>
aom 9 ต.ค. 2555, 16:09:02 น.
หมั่นไส้ยัยตะวันฉายจริงๆเลย น่าสงสารพี่ตฤนจริงๆเลย
รอตอนต่อไปนะคะ


anOO 10 ต.ค. 2555, 18:27:18 น.
รอตอนต่อไปค่ะ ยัยตะวันเนี้ยคิดว่าตัวเองมีดีกว่าคนอื่นตลอดๆๆๆๆ


Pat 10 ต.ค. 2555, 21:57:50 น.
เอาใจช่วยให้ได้หลักฐานมัดตัวตะวันฉายเร็วๆ. ตฤนจะได้ไม่ถูกทำร้ายจิตใจ(นาน)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account