อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 41

ตอนที่ 41

“ตะวันอยากดูหนังเรื่องนี้จังเลยค่ะ ตฤณดูเป็นเพื่อนตะวันนะ นะ นะ นะ” หญิงสาวที่เดินเกี่ยวแขนซบไหล่นายสัตวแพทย์หนุ่มอ้อนเสียงหวาน แล้วช้อนตาขึ้นมองรอคำตอบของเขา ตฤณพยายามข่มความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นเป็นรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวัน ส่งยิ้มกลับไปให้ บอกอย่างเอาใจแม้ความจริงนั้นอยากกลับบ้านใจจะขาด

“ตามใจตะวันสิครับ ผมยินดีเสมอ”

ตะวันฉายแกล้งส่งค้อนไปให้อย่างมีจริต แต่รอยยิ้มพราวอย่างสมใจ “ตฤณน่ะ...ตามใจตะวันแบบนี้เดี๋ยวตะวันก็เคยตัวหรอก”

“แล้วคุณไม่ชอบที่ผมเอาใจเหรอครับ”

“ใครบอกคะ ตะวันน่ะชอบมาก ตะวันชอบให้คนมาเอาใจ เพราะมันจะทำให้เห็นว่าคนคนนั้นเห็นตะวันสำคัญที่สุด อุ๊ย! แถวไม่ยาว เราไปซื้อตั๋วกันดีกว่าค่ะ” เธอหันไปเห็นว่าจำนวนคนที่กำลังต่อแถวอยู่นั้นมีน้อย จึงลากแขนเขาไปต่อแถวทันที ตฤณกรอกตา ลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย แต่สุดท้ายพอนึกถึงใบหน้าของคนรักสิ่งเดียวที่ทำได้ก็แค่...

‘โอ๊ย! อยากได้นาฬิกาเร่งเวลา’

นับจากวันนั้นก็ผ่านมาสามวัน...สามวันที่ทำให้เขาได้รู้ซึ้งแล้วว่าไอ้ตกนรกทั้งเป็นมันเป็นยังไง มันคงเป็นเหมือนที่เขากำลังรู้สึกตอนนี้ไง หญิงสาวมาหาเขาที่คลินิกทุกวัน บางวันก็มาตั้งแต่เช้ากลับไปอีกทีก็คือลากเขาไปทานอาหารเย็นเป็นเพื่อนก่อนจะยอมกลับ

ไม่ก็มาเที่ยงจากนั้นก็เอาเหตุผลนู่นนี่นั่นมาบังคับให้เขาออกไปเที่ยวด้วยจนได้ ไม่สนใจว่าตอนนั้นเขาจะมีลูกค้ามากน้อยแค่ไหนและไม่คิดจะหยิบจับอะไรทั้งนั้นแม้ว่าเขาจะยุ่งจนหัวหมุนแค่ไหนก็ตาม เนื่องด้วยตอนนี้เด็กสาวผู้ช่วยของเขาลาหยุดเพราะติดสอบ ตะวันฉายก็เอาแต่นั่งที่โซฟาอ่านนิตยสารไม่ก็เล่นโทรศัพท์ของตนไปพลาง แต่ก็นะ...เขาก็ไม่ได้หวังความช่วยเหลือจากเธอเท่าไหร่หรอก

ที่ร้ายที่สุดก็คือ...ตะวันฉายไม่ถูกโรคกับสัตว์ ต้องบอกว่าไม่รักสัตว์แล้วกัน โดยเฉพาะสองแสบเจ้าถิ่น เพราะแค่เจ้าหล่อนก้าวเข้าร้านก็โดนเทอร์โบกระโดดใส่จนล้ม ทำให้แว่นกันแดดราคาแพงหูฉี่หัก เห็นมาร้องห่มร้องไห้บอกว่าเป็นรุ่มลิมิเต็ดที่อุตส่าห์บินไปซื้อไกลถึงอิตาลี ก่อนจะซวยซ้ำสองเจอเจ้าตัวเล็กข่วนกระโปรงที่ดีไซน์ดังของประเทศเป็นคนออกแบบให้เป็นรอย เขาเลยจำเป็นต้องเอาเจ้าสองแสบเข้ากรงเพื่อไม่ให้บรรดาลูกค้าทั้งสี่ขาสองขาตกใจเพราะเสียงร้องแหลงปรี๊ดของเจ้าหล่อน

มีอยู่ครั้งที่เจ้าเทอร์โบแกล้งงับข้อเท้าเล่นๆ หญิงสาวก็ร้องกรี๊ดลั่นร้านทำเอาลูกค้าประจำที่มาซื้อยาให้สุนัขต้องกระซิบถามเขาอย่างเกรงใจว่า

‘หมอ...หมอไปคว้าไส้เดือนมาเป็นแฟนทำไม’

‘ห๊ะ! ไส้เดือนเหรอครับคุณนนท์ ผมยังไม่เพี้ยนถึงขั้นนั้น’

‘เอ้า!..ก็ที่ยืนดิ้นเหมือนโดนขี้เถ้าสาดใส่อยู่นั่นไงหมอ อื้อหือ...ตัวสีแดงน่าเกลียดเสียด้วย’ ลูกค้าวัยกลางคนตบเข่าฉาด ชี้นิ้วโป้งไปด้านหลัง พอเขามองตามเพื่อมองหาไส้เดือนที่ว่าแล้วก็ต้องกลั้นยิ้มเมื่อเห็น ‘ไส้เดือน’ ที่ว่ากำลังเต้าเร่าๆ เพื่อหนีจากคมปากของเทอร์โบ เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้คนถามบอกเบาๆ

‘วางใจเถอะครับ ผมยังปกติที่เห็นเนี่ยแค่คนรู้จัก แต่อย่าพูดดังไปนะครับ เธอค่อนข้างจะไม่เหมือนคนปกติเท่าไหร่’

‘อ่อ...’ลูกค้าของเขาทำท่ารับรู้ หันไปมองตะวันฉายอีกครั้งแล้วส่ายหน้า ‘...บ้านี่เอง ถึงว่าคนปกติอะไร้จะมาร้องกรี๊ดๆอย่างนี้ ดีแล้วที่หมอยังไม่เพี้ยนไปด้วยไม่งั้นผมเลิกมาเลยนา กลัวจะติดเชื้อเพี้ยน!’

ตฤณสะดุ้งเฮือก หันกลับมาหาคนข้างตัวหน้าตื่นเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อเขาดังลั่น ตะวันฉายหน้างอมองคนที่ยืนเหม่ออย่างไม่รู้สาเหตุ ก่อนจะถามเสียงแข็ง

“คิดถึงใครอยู่คะถึงไม่ได้ยินที่ตะวันเรียก หรือว่านังดาว”

“เปล่าครับ ผมกำลังคิดว่าวันหยุดนี้จะชวนคุณไปเที่ยวที่ไหนดีต่างหาก”

หญิงสาวคลายหัวคิ้วที่ขมวดมุ่น ยิ้มกว้าง มืบางยึดไหล่เขาไว้ก่อนจะเขย่งตัวขึ้นฝากรอยลิปสติกไว้ที่ข้างแก้ม แล้วถอยฉากออกมาบอกอย่างคาดโทษ

“แล้วไปค่ะ แต่คราวหลังอย่าเหม่ออีกนะคะ ไม่งั้นตะวันจะงอนให้ง้อเสียให้เข็ด ฮึ!”

“ครับผม ผมว่าเราไปนั่งตรงโน้นกันดีกว่า” เขาหมายถึงเก้าอี้นวมหน้าโรงภาพยนตร์ที่ตั้งไว้เพื่อให้ลูกค้าได้นั่งพักรอเวลาเข้าชมภาพยนตร์ ตะวันฉายเห็นด้วยเพราะเธอเองก็เริ่มเมื่อย ทั้งคู่พากันเดินตรงไปยังที่หมายก่อนที่ชายหนุ่มจะเลี่ยงเดินไปยังเคาน์เตอร์ขายอาหารเพื่อซื้อของกินเล่นระหว่างอยู่ในโรงภาพยนตร์


วีกิจต้องขยี้ตาตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อเพ่งมองชายหนุ่มร่างสูง สวมแว่นที่ดูคุ้นตาเพื่อให้มั่นใจว่าใช้คนที่เขารู้จักหรือเปล่า รอจนแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายคือตฤณ...พี่ชายของคนรักไม่ใช่คนหน้าเหมือนแต่อย่างใด ชายหนุ่มจึงตรงรี่เข้าไปหาใบหน้าหล่อใสสไตล์อาตี๋บึ้งตึงขณะก้าวไปยืนขวางอีกฝ่ายไว้

ตฤณชะงัก มองงคนที่ยืนขวางอย่างงงๆปนอึ้ง ไม่นึกว่าจะมาเจอคนรู้จักที่ห้างนี้ อุตส่าห์เลือกห้างที่ไกลจากบ้านเพราะคิดว่าจะไม่มีใครมาเห็นแล้วเชียว แถมคนที่มาเห็นยังใกล้ตัวจนน่ากลัวอีกด้วย เขาถอนหายใจเมื่อเห็นสายตาคาดคั้นจากคนตรงหน้า พึมพำเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน

“เดี๋ยวพี่กลับมาเล่าให้ฟังนะ”

“งั้นผมไปรออยู่ที่โซนอาหารนะพี่”

“อืม”

แล้วเขาก็เดินถือแก้วน้ำและกล่องใส่ป๊อบคอร์นตรงไปหาร่างเพรียวที่นั่งเมียงมองมาเพราะเห็นว่าเขาหายไปนานแล้ว พอบอกกับเธอว่าขอไปคุยกับเพื่อนเก่าหน่อยตะวันฉายก็หน้างอแต่ก็ยอมให้ไปแต่ไม่วายกำชับให้กลับมาเร็วๆเพราะอีกสี่สิบนาทีหนังก็จะฉายแล้ว

วีกิจมองคนทิ้งกำลังเลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วไม่รอให้อีกฝ่ายได้นั่งให้เรียบร้อย หนุ่มรุ่นน้องก็ยิงคำถามทันที

“พี่กำลังทำอะไรอยู่พี่ตฤณ ทำไมมากับยายแม่มดแดงนี่ได้ แล้วคุณดาวไปไหน”

“จะให้ตอบอันไหนก่อนล่ะ” ชายหนุ่มย้อนเสียงเรียบ มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าจนคนมองต้องส่งจิ๊จ๊ะขัดใจ

“เอาอันนี้ก่อนเลย มากับยายตะวันดับได้ไง”

“ก็ขับรถมาไง แค่มาเดินเล่น กินข้าว ดูหนังเท่านั้นเอง”ตอบพร้อมกับคว้ากระดาษแถวนั้นมาเขียนขยุกขยิกลงไป

“พี่กวนผมอยู่ใช่ไหมเนี่ย”

“ไม่ได้กวน ก็นายถามพี่เอง” ตฤณเงยขึ้นมาทำหน้าซื่อ เล่นเอาวีกิจไปไม่ถูก หนุ่มตี๋เอามือขยี้ผมตัวเองจนยุ่ง อย่างจะร้องออกมาดังๆ รู้แล้วว่าก่อนความจำเสื่อมตรีทิพย์ไปเอานิสัยยียวนกวนโมโหมาจากใคร ชายหนุ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจไม่ให้บีบคอพี่ชายคนรัก ถามอีกครั้ง

“เอาดีๆพี่ ทำไมถึงมาด้วยกัน”

“ตอบจริงเหมือนกัน มาเที่ยวไง”

“หมายความว่าพี่นอกใจคุณดาวเหรอ” ชายหนุ่มร้องเสียงหลงจนตฤณต้องถลึงตามองเพื่อให้เขาลดเสียง วีกิจขบกรามแน่น ทั้งโกรธทั้งผิดหวังกับรุ่นพี่หนุ่มที่เขาเคารพ

“ผมผิดหวังกับพี่ที่สุด...ผมนับถือในความรักที่มั่นคงของพี่ที่มีต่อคุณดาว แต่พี่ก็ทำให้ผมรู้แล้วว่าพี่ก็ไม่ต่างจากคนอื่นที่พอแฟนตัวเองไม่อยู่ก็ไปคั่วกับสาวอีกคน แถมคนคนนั้นยังเป็นพี่สาวแฟนตัวเองแล้วก็พยายามที่ทำร้ายจิตใจคุณดาวมานับครั้งไม่ถ้วน เฮงซวยที่สุด! พี่ทำลงไปได้ยังไงฮะ...พี่ตฤณ!” สิ้นคำสุดท้ายชายหนุ่มก็ทุบโต๊ะพร้อมทะลึ่งพรวดขึ้นจากเก้าอี้ จ้องตาคนที่ยังนั่งสงบเขม็ง เหล่าลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านพากันหันมามองเพราะนึกว่าทะเลาะกัน

ตฤณกอดอกพิงพนักเก้าอี้ มองว่าที่น้องเขยแน่วแน่ไม่ยอมหลบตา นัยน์ตาดำขลับภายใต้แว่นใสไร้กรอบนั้นบ่งบอกได้ถึงความหงุดหงิดของเจ้าตัว ก่อนจะถอนหายใจลุกขึ้นยืนแล้วยื่นกระดาษแผ่นบางใส่มือเขา พร้อมบอก

“ไปอ่านเอาเอง” แล้วก็เดินจากไป

วีกิจก้มมองกระดาษในมือ เป็นแผ่นเดียวกับที่อีกฝ่ายนั่งเขียนอยู่ตลอดเวลาที่คุยกัน ความสงสัยในพฤติกรรมอันแปลกประหลาดของเขา ทำให้วีกิจตัดสินเปิดออกอ่านตัวหนังสือด้านในที่เรียงกันเป็นประโยคด้วยลายมืออันเป็นระเบียบสวยงามของตฤณ แล้วสิ่งที่อีกฝ่ายเขียนบอกก็ทำให้เขาอ้าปากค้าง นึกสงสารรุ่นพี่ที่ต้องทำในสิ่งที่ฝืนใจและสงสารตัวเองที่ดันไปต่อว่าโดยไม่ฟังเหตุผล

ร่างสูงหน้าซีด กลืนน้ำลายลงขออย่างยากลำบาก สายตายังจับจ้องอยู่ที่ประโยคสุดท้ายที่ตฤณเจาะจงเขียนถึงตนแน่ ‘กล้าว่าฉันเฮงซวย กลับไปเมื่อไหร่นายโดนดีแน่!’

“ซวยแล้วไอ้วี ด่าเขาไปซะเยอะเชียว พี่ตฤณฆ่าทิ้งแหง แต่...” ชายหนุ่มมองไปทางที่พี่ชายคนรักกำลังยืนอยู่ ส่ายหน้า แววตาขี้เล่นขรึมลง ไม่สบายใจกับแผนการของอีก
ฝ่าย

“...มันจะง่ายอย่างที่บอกจริงๆเหรอพี่ตฤณ พวกพี่กำลังเล่นอยู่กับความรู้สึกของคนนะ”


ตะวันฉายเดินกอดแขนชายหนุ่มออกมาจากโรงภาพยนตร์ หญิงสาวมีความสุขมากนึกอยากให้ดาวเหนือมาเห็นภาพที่เขาเอาใจเธอเหลือเกิน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมชายหนุ่มถึงไม่บอกกับทุกคนไปเรื่องที่เขาเปลี่ยนใจจากนังน้องนอกคอกนั่นแล้ว เธอเคยพูดกับเขาอีกครั้ง แต่เขาก็บอกแค่ว่าให้รออีกหน่อย รอให้ดาวเหนือหายเศร้าจากเรื่องของมารดาเสียก่อนแล้วค่อยบอก แต่เธอไม่รอถึงวันนั้นหรอก มันนานเกินไป รอให้มันกลับมาจากต่างจังหวัดก่อนเถอะ เธอจะป่าวประกาศให้ทุกคนได้รู้ แล้วทีนี้นังดาวเหนือก็จำไม่มีใครอยู่เคียงข้างอีกแล้ว

มันจะตายตกตามแม่มันไป ส่วนเธอก็จะมีความสุขกับชีวิตที่สมบูรณ์แบบตามเดิมเสียที!
“เราจะไปไหนต่อกันดีคะตฤณ...” หญิงสาวถาม แต่ก่อนที่เขาจะได้บอกให้แยกย้ายกันกลับ เธอก็แทรกขึ้นมาเสียก่อน

“...เอ๊ะ ตะวันว่าเราไปหามื้อเย็นทานกันก่อนกลับเถอะค่ะ ตะวันหิวจนจะกินตฤณได้อยู่แล้ว หรือว่าคุณอยากจะให้ตะวันกินคุณแทนข้าวดีคะ” ท้ายประโยคตะวันฉายกระซิบที่ข้างหูเสียงแผ่ว จ้องมองริมฝีปากของเขาราวกับจะสื่อถึงความต้องการของตน ชายหนุ่มหัวเราะแหะๆก่อนจะค่อยๆดันเธอออกอย่างสุภาพ ไม่สนใจต่อกิริยาเชิญชวนนั้นจนอีกฝ่ายแอบขัดใจ

“ทานข้าวดีกว่าครับ ให้คุณเลือกแล้วกันว่าจะกินอะไร เชิญครับ”

ตะวันฉายมองคนที่ทำเนียนไม่รู้ไม่ชี้อย่างหงุดหงิด เธออุตส่าห์ยั่วขนาดนี้แล้วนะ ถ้าเป็นคนอื่นคงจะกระโดดเข้าตะครุบตัวเธอแล้วพากันไปต่อที่ไหนๆ ไม่มาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษอยู่อย่างนี้หรอก หญิงสาวเดินกระแทกเท้านำหน้าเขาไปยังร้านอาหารอิตาเลี่ยน ทำให้มองไม่เห็นว่าตฤณนั้นกำลังปาดเหงื่อ

บ้าชิบ! เห็นทีเขาต้องรีบจัดการให้เรื่องบ้าๆนี่จบลงเสียที ก่อนที่จะเสียท่าโดนตะวันฉายเคลม!

“แล้วตกลงตฤณจะพาตะวันไปเที่ยวที่ไหนคะ วันหยุดนี้” หลังจากที่ได้จิบไวน์ชั้นดี อารมณ์ขุ่นมัวของเธอก็หายไป ตะวันฉายถามคนที่คิดจะชวนเธอไปเที่ยว ตฤณนิ่งไปเริ่มคิดหนักไม่คิดว่าเจ้าหล่อนจะคิดเป็นจริงเรื่องไปเที่ยวเพราะที่พูดไปก็แค่จะให้อีกฝ่ายเลิกสงสัยว่าเขาเหม่อถึงใครเท่านั้น

“เอ่อ ผมยังคิดไม่ออกเลยครับ เอาเป็นว่าถ้าคิดออกแล้วผมจะบอกแล้วกัน”

“งั้นตะวันของเสนอนะคะ ไปหัวหินกันเถอะค่ะ ตะวันซื้อคอนโดไว้ที่นั่นห้องนึง เราไปค้างสักคืนก็ได้ค่ะ ตกลงไปวันศุกร์นี้นะคะ ตะวันจะได้โทรไปบอกให้คนมาทำความสะอาดห้องไว้ให้” หญิงสาวมัดชกด้วยการโทรศัพท์ไปหาคนทำสะอาดที่ว่าทันที ไม่สนใจเขาที่นั่งอึ้ง ไม่พอใจอยู่คนเดียว

ตฤณพยายามข่มอารมณ์โกรธ ไม่สานต่อเรื่องที่ตะวันฉายกำลังพูดถึง ถามเข้าเรื่องที่เป็นเป้าหมายทันที “แววทำงานให้คุณมากี่ปีแล้วครับ”

ตะวันฉายหุบยิ้มฉับ ดวงตายาวรีแสดงความตกใจ หวาดหวั่นชั่วแวบเดียวแล้วหายไป หากไม่ใช่เพราะเขามองท่าทางของเธออยู่ตลอดคงไม่มีทางได้เห็นแน่ หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆยิ้มเศร้าที่ดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ พร้อมกับที่น้ำใสๆเอ่อคลอนัยน์ตา ตอบคำถามของเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ประ...ประ...ประมาณสิบกว่าปีแล้วค่ะ ฮึก..” สะอื้นพร้อมกับหยิบทิชชู่มาซับน้ำตาตรงหัวตา “...น่าใจหายนะคะ แววรู้ใจตะวันมากเลยค่ะ ไม่ว่าตะวันจะทำอะไรแววก็เข้ามาช่วยตลอด พอวันนี้ไม่มีแววแล้วตะวันก็เลยรู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรบางอย่างไป ฮือ ฮือ”

ตฤณมองคนที่กำลังเล่นละครโศกอยู่เงียบๆ พยายามจะไม่แสดงสีหน้าไม่เชื่อถือใดๆออกมา หน้าที่ของเขาตอนนี้คือต้องเล่นละครต่อไป ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกุมเธอไว้ ปลอบเสียงอ่อนโยน แต่แววตาเฉยเมย

“ใจเย็นนะครับ คิดซะว่าแววไปดีแล้ว พ้นจากความเลวร้ายทั้งปวงแล้ว”

ตะวันฉายมองตอบอย่างซาบซึ้ง ก่อนจะแสร้งเบือนหน้าไปอีกทาง ทำทีเป็นซับน้ำตา แต่แอบผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหันกลับมาส่งยิ้มบางๆให้กับชายหนุ่ม ย้ำกับเขาอีกครั้ง

“ตะวันเสียใจมากๆเลยนะคะ ไม่คิดว่าแววจะโชคร้ายอย่างนี้ เฮ้อ!” ตะวันฉายแสร้งถอนหายใจ ดวงตายังคงเศร้าหมองขณะกล่าวต่อไปว่า

“กับน้าบุษบาก็เหมือนกัน ถึงใครๆจะเห็นว่าเราไม่ถูกกัน แต่ตะวันก็ไม่เคยต้องการให้เขาตายแบบนี้ ตอนที่คุณแม่โทรไปบอกว่าเขาโดนฆ่าตายอย่างทารุณ ตะวันยังช็อกไปตั้งนานแน่ะ ถามริตาดูก็ได้นะคะตอนนั้นริตาอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าทำไมไอ้โจรชั่วพวกนั้นถึงได้มีจิตใจหยาบช้านัก ฆ่าได้กระทั่งคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เลวจริงๆ” ใส่อารมณ์นิดๆกับประโยคท้าย เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้คนฟัง

ตฤณหลุบตามองแก้วน้ำใสที่มีหยดน้ำเกาะพราว นิ้วยาวเกลี่ยหยดน้ำเล่น มีรอยยิ้มหยันประดับมุมปากขณะพูด

“นั่นสินะครับ ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวของคนรู้จัก โดยเฉพาะกับแม่บุษ ผู้หญิงธรรมดาที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรเท่าไหร่ วันวันอยู่แต่กับบ้านออกไปไกลอย่างมากก็แค่ตลาดสด แต่กลับต้องมาโดนโจรฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด ของที่ขโมยไปขายต่อก็ได้เงินไม่มากไม่คุ้มกับที่ต้องฆ่าคนบริสุทธิ์ถึงสองคนเลย ผมว่าไอ้โจรพวกเนี้ยถ้าไม่ชั่วเข้าเส้นเลือดก็คงชิงสุนัขมาเกิด คุณตะวันว่าไหมครับ”

“อะ...อะ...เอ่อ...คงจะเป็นแบบนั้นแหละค่ะ”

ตะวันฉายสะอึกกับคำพูดนั้น จะรับคำเต็มที่ก็ไม่กล้าเพราะจะเข้าตัวเสียเปล่า เลยได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้ สมองก็พยายามคิดหาหัวข้อสนทนาใหม่ที่ไปให้ห่างจากเรื่องอันตรายต่ออิสรภาพนี่ แล้วก็เป็นโชคของเธอที่บริกรหนุ่มสองคนยกจานอาหารที่สั่งมาเสิร์ฟพอดี หญิงสาวเลยฉวยโอกาสนี้หันไปกำกับตำแหน่งของจานอาหารแทน

“อุ้ย อาหารมาแล้ว ว่าตรงนี้เลยจ๊ะ ส่วนอันนั้นของคุณผู้ชายนะ”

ตฤณเอนตัวไปพิงพนัก พึมพำขอบคุณกับบริกรหนุ่ม รอจนอีกฝ่ายถอยออกไปแล้วจึงกลับเข้าเรื่องเดิม

“อันที่จริงยังมีอีกเรื่องที่ผมสงสัยเกี่ยวกับคดีนี้นะครับ”

ตะวันฉายชะงักมือที่กำลังตักน้ำต้มยำกุ้งขึ้นซด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน นึกหงุดหงิดเขาไม่ใช่น้อย ไม่รู้จะสงสัยอะไรนักหนา แต่เพื่อไม่ให้เสียคะแนน เธอจึงเลือกวางช้อนลงแล้วถามเสียงหวาน

“เรื่องอะไรเหรอคะ”

“ก็...ทำไมโจรพวกนั้นถึงไม่ขึ้นไปขโมยของที่บ้านใหญ่แทนบ้านของแม่บุษ ทั้งที่โอกาสที่จะได้เงินมันมีมากกว่า แถมไม่มีใครอยู่ด้วย มันน่าแปลกนะครับ เหมือนกับว่ามีเจตนาจะฆ่าคนมากกว่าไปขโมยของ คุณตะวันคิดเหมือนผมไหมครับ”

ตะวันฉายเม้มปากแน่น เหงื่อชื้นเต็มฝ่ามือที่บิดกันไปมาอยู่ใต้โต๊ะ รู้สึกหายใจติดขัด ดวงตาหลุกหลิกพยายามจะหาคำพูด แต่ก็ไม่มีอะไรหลุดออกมาจากริมฝีปากแห้งผากนั้น ตฤณมองท่าทางผิดปกติของคนตรงหน้าอย่างใจเย็น มีความพอใจอยู่ในนัยน์ตาคมกล้า อาการของตะวันฉายบอกให้เขารู้ว่ามาถูกทางแล้ว ทีนี้ก็รอให้ความเครียดของเธอถึงขีดสุด อาจจะมีอะไรหลุดรอดออกมาก็เป็นได้

แต่แล้วเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ทำให้ความเงียบที่ก่อตัวขึ้นจางหาย ตะวันฉายรีบเปิดกระเป๋าหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู พอเห็นว่าเป็นใครก็แทบจะระงับความดีใจไม่อยู่ ตะวันฉายเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ตฤณ หันหน้าจอให้เห็นรูปบนของคนโทร

“ยายริตาน่ะค่ะ สงสัยจะโทรมาถามรายชื่อของที่ตะวันจะฝากซื้อที่ปารีส เดี๋ยวตะวันมานะคะ ตฤณทานไปก่อนได้เลยค่ะ”

ตฤณยิ้มตอบ มองตามหลังร่างเพรียวที่เดินออกไปอย่างรีบเร่ง ราวกับว่าหากอยู่ต่อแม้เพียงเสี้ยววินาที ‘อะไร’ ที่ปกปิดเอาไว้จะรั่วไหลออกมา ตฤณถอนหายใจอย่างแรง หงุดหงิดที่มีคนมาขัดจังหวะอีกแค่นิดเดียวเองที่ตะวันฉายกำลังจะถึงขีดจำกัด แล้วหลุดข้อมูลสำคัญออกมา ทำไมไม่โทรมาให้ช้ากว่านี้หน่อยนะ

ตะวันฉายเดินเลี้ยวเข้าซอยเล็กที่เป็นทางไปห้องน้ำ นิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอรับสาย

“ช้าจริงนะหล่อน ปล่อยให้ฉันรอตั้งนาน ทำไมยะ เข้าด้ายเข้าเข็มอยู่รึไง” แม้จะหงุดหงิดที่ต้องรอสายนาน แต่อาริตาก็ยังไม่วายแซวเพื่อนรักเล่น ตะวันฉายแอบค้อนคนปลายสาย

“เข้าด้ายเข้าเข็มบ้าอะไร งานกำลังจะเข้าต่างหากย่ะ ดีนะที่แกโทรมาก่อนเลยฉวยโอกาสปลีกตัวออกมาได้”

“พูดเรื่องอะไรของแกเนี่ย ฉันละงงๆ”

“ก็ก่อนหน้าที่หล่อนจะโทรมา ตฤณเขามาจี้ถามฉันเรื่องนังแวว ก่อนจะพาลไปถามเรื่องอีนังเมียน้อยน่ะสิ ฉันล่ะโอ๊ย! อยากจะบ้า” ตะวันฉายเล่าเป็นชุด อาริตาที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนเล่นอยู่บนเตียง ผุดลุกขึ้นทันที

“เฮ้ย! แล้วแกหลุดอะไรออกไปบ้างเนี่ยตะวัน ตาย ตาย ตาย! งานนี้ ต่อให้ป๊าฉันเส้นก๋วยจั๊บขนาดไหนก็ช่วยแกไม่ได้หรอกนะ”

“ใจเย็นสิยะ...ฉันยังไม่ได้แพลมอะไรออกไปทั้งนั้นแหละ แค่เกือบๆ”

“มันชักจะยังไง ยังไงแล้วนะตะวัน แน่ใจนะว่านายตฤณอะไรเนี่ย เขาเลิกกับนังดาวแล้ว ไม่ใช่ว่าสมรู้ร่วมคิดกันหาทางโยนแกเข้าคุกอยู่นะ” อาริตากังวล เนื่องจากสัญชาตญาณของลูกสาวเจ้าพ่อบอกกับเธอว่า ตฤณไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนใจอะไรง่าย ไม่งั้นเขาคงหันมาตะครุบเพื่อนเธอตั้งนานแล้ว ไม่รอให้เวลาผ่านมาขนาดนี้หรอก เรื่องนี้มันต้องมีเบื้องหลัง ขอเอาหัวเป็นประกัน!

“จริงสิริตา ตั้งแต่คบกันฉันไม่เห็นเขาจะแอบไปโทรหานังนั่นเลยนะ”

“เขาอาจจะแอบโทรหากันตอนแกไม่รู้ก็ได้”

“เพ้อเจ้อน่ะริตา ต่อให้เขายังมีเยื่อใยกับมันอยู่ ฉันก็ตัดมันให้ขาด ตอนนี้ก็แค่รอให้นังดาวมันกลับมา แล้วมันจะได้ลิ้มรสของความพ่ายแพ้”

“แกอย่าประมาทตะวัน เชื่อฉัน อย่าถลำตัวไปมากกว่านี้ ไม่งั้นถ้าความจริงเปิดเผยคนที่ไม่เหลืออะไรเลยจะเป็นแก ไม่ใช่นังดาว เขาอาจะร่วมมือกับตำรวจก็ได้” อาริตาพยายามเตือนสติ แต่ตะวันฉายกลับเห็นเป็นเรื่องตลก

“หล่อนกังวลมากไปแล้วริตา ฉันไม่ใช่ลูกสาวเจ้าพ่ออย่างหล่อนนะ ถึงต้องมานั่งระแวงว่าตำรวจจะปลอมตัวเข้ามาตีสนิทหรือเปล่าน่ะ”

“แต่แกเพิ่งจะฆ่าคนตายมาสองศพนะ”

“เอ๊ะ!” ตะวันฉายเริ่มอารมณ์เสีย วันนี้อาริตาเป็นอะไร ใส่ร้ายคนรักของเธอยังไม่พอ ยังจะมาตอกย้ำเรื่องที่เธออยากลืมอยู่

“แกเป็นบ้าอะไรริตา! จะพูดขึ้นมาอีกทำไม ฉันกำลังจะลืมอยู่แล้ว ฟังนะ ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วง แต่ตอนนี้มันไม่มีอะไรแล้ว ตำรวจเขาก็ไม่มายุ่งกับฉัน ตอนนี้ฉันมีความสุขอยู่กับคนที่ฉันรักและรักฉัน แกอย่ามาสร้างความร้าวฉานให้กับเรา ไม่งั้นฉันจะไม่คิดว่าแกเป็นเพื่อนอีก!...” ตะวันฉายตะคอกใส่เพื่อนรัก “... ส่วนรายการของที่จะฝากซื้อเดี๋ยวส่งไปให้ทางเมล์แล้วกัน แค่นี้นะ!”

โดยไม่รอให้เพื่อนได้แย้งอะไรกลับมา ตะวันฉายจัดการกดตัดสาย เดินฉับๆกลับเข้าอาหารไป

ด้านอาริตาก็กำลังโมโหไม่แพ้กัน หญิงสาวเขวี้ยงโทรศัพท์บ้านไร้สายไปกระแทกผนังอย่างแรง จนชิ้นส่วนกระจัดกระจาย อาริตาทิ้งตัวนั่งบนเตียงอย่างขัดใจ ดวงตากราดเกรี้ยว

“เตือนแล้วไม่ฟัง ก็เชิญเตรียมตัวรอวันเข้าคุกไปเลยแล้วกัน นังหน้าโง่!”


“วันนี้เป็นไงบ้างครับ ได้อะไรเพิ่มเติมมาไหม?” เสียงห้าวปลายสายถามมาทำให้คนที่กำลังเซ็งต้องถอนหายใจยาวเหยียด มือหนารูดเนกไทออกจากคอเสื้อเชิ้ต ตอบกลับอีกฝ่าย

“ไม่เลยผู้กอง ตอนแรกก็เกือบจะได้อะบ้างแล้วเชียว แต่อาริตาโทรมาขัดจังหวะซะก่อน ตะวันฉายเลยรอดไปได้”

“ช่างมันเถอะ เรายังมีเวลาถมเถ” ร้อยตำรวจเอกนพนธ์ปลอบปลายสายอย่างใจเย็น ตฤณร้องฮึ เถียงกลับ

“คุณสิมีเวลาเหลือเฟือ ผมน่ะแทบจะไม่มีแล้ว อีกแค่ไม่กี่น้องดาวก็จะกลับมา ถ้าเรื่องยังไม่คืบหน้า งานก็เข้าผมสิผู้กอง”

“คุณจะกลัวอะไร คุณพัดบอกจะช่วยคุณเรื่องคุณดาวไม่ใช่เหรอ”

“รายนั้นก็อีกคน ตอนนี้อยู่ช่วยผมที่ไหน โน้น...ไปลั้นล้ากับน้องจันทร์ที่ชะอำ กลับมะรืนนี้”

“เอาเถอะๆ เรื่องมันยังมาไม่ถึงก็อย่าเพิ่งไปเครียดกับมันเลย ว่าแต่คุณได้ชวนคุยเรื่องบ้างล่ะ” นายตำรวจหนุ่มวกกลับเข้าเรื่อง ตฤณทรุดตัวนั่งบนโซฟาสีดำในห้อง

“ผมลองถามเขาเรื่องของคนสนิทที่ชื่อแวว แต่เขาก็แค่เล่าว่าแววภักดีกับเขามาก เขารู้สึกเสียใจที่แววตายก็เท่านั้น ส่วนเรื่องของแม่บุษผมก็ถามไป แต่เขาก็เฉไปพูดเรื่องอื่นแทน จนสุดท้ายที่ผมหย่อนระเบิดไปว่ามันแปลกนะที่พวกโจรเลือกจะขึ้นบ้านแม่บุษแทนบ้านใหญ่ที่ไม่มีคนอยู่”

“หือ...คุณนี่ใช้ได้กว่าที่คิด ยิงเข้ากลางประตูเลยนะเนี่ย แล้วเขาว่าไงบ้าง” ผู้กองหนุ่มหัวเราะร่า

“ก็ออกอาการเครียดจนเห็นได้ชัด มือสั่น เหงื่อซึม ตาหลุกหลิก อาการปกติของคนที่ทำความผิดมาแล้วปกปิดเอาไว้ แต่ตะวันฉายยังไม่ได้ตอบอะไรผมหรอก เขาก็ขอตัวไปคุยโทรศัพท์ กลับมาอีกทีก็ทำท่าจำไม่ได้ว่าก่อนหน้านั้นพูดเรื่องอะไรกันอยู่ เปิดเรื่องใหม่ขึ้นมาเฉย” ตฤณบ่นพึม เสียเวลาจริงๆวันนี้ ร้อยตำรวจเอกนพนธ์มองท้องฟ้ายามราตรีผ่านกระจกคอนโดของตน มือหนาลูบคางอย่างใช้ความคิด

“เท่านี้ก็มากพอแล้วครับ เป้าหมายของเราทำความผิดบางอย่างจริงแน่นอน ติดแค่ว่าจะใช่เรื่องเดียวกับที่เราอยากรู้หรือเปล่า เอาเป็นว่าต่อจากนี้ผมอยากให้คุณมุ่งไปที่หลักฐานที่จะบ่งบอกว่าเป้าหมายเป็นคนฆ่าเหยื่อทั้งสองดีกว่า อาจจะยากหน่อย แต่ผมรู้ว่าคุณทำได้”

“ต่อให้ผมทำไม่ได้ พวกคุณก็ต้องหาทางยัดเยียดให้ผมทำอยู่ดี สู้บอกว่า ‘ผมทำได้แน่นอนครับ’ ไปเลยดีกว่า” ตฤณตอบกระแทกเสียงขุ่น นพนธ์หัวเราะ ทั้งคู่พูดคุยกันอีกสองสามประโยคก่อนจะวางสายไป

ตฤณเดินกลับไปนั่งที่เตียง มองโทรศัพท์ในมืออย่างชั่งใจ สุดท้ายแล้วความคิดถึง ห่วงหาก็ครอบงำ เขากดโทรออก รอเพียงไม่นานเสียงหวานของคนรักก็ดังเข้าโสตประสาท เรียกเอาความทรมานจิตใจที่มีมาหลายวันมลายหายไปทันที ตฤณคลี่ยิ้มละมุน ดวงตาคมอ่อนแสงยามเอ่ยคำหวาน

“คิดถึงที่สุดเลยครับ ดาวดวงน้อยของพี่”

----------------------------------------------------------------------------------------
หายไปเข้าโรงพยาบาลมาค่ะ ไม่มีอะไรจะพูดนอกจาก เรื่องงวดเข้ามาทุกทีแล้ว เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ

ติชมได้ค่ะ



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ย. 2555, 14:41:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ย. 2555, 14:41:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1756





<< ตอนที่ 40   ตอนที่ 42 >>
ใบบัวน่ารัก 17 พ.ย. 2555, 16:00:42 น.
รอนานแล้วนะ ยัยตะวันยังไม่ไปอีกหรือ
ดาวกลับมาโดนโกรธแน่ๆ



Setia 17 พ.ย. 2555, 17:46:33 น.
คุณตฤณสู้ๆค่า หลอกถามยัยตะวันเดือดให้หน้าหงายเลยยยยย


anOO 18 พ.ย. 2555, 16:20:05 น.
ยัยตะวันได้เป็นบ้าจริงๆ แน่งานนี้
ถ้าได้รู้ว่าที่คุณตฤณทำไปทั้งหมดเพื่อใคร


aom 19 พ.ย. 2555, 07:40:19 น.
เอาใจช่วยพี่ตฤนค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account