ลวงสิเน่หา
มันคือเดิมพันรักครั้งสุดท้าย ที่เขาจะต้องไม่แพ้
ทุกกลวิธีจึงถูกงัดมาใช้เพื่อครอบครอง ลวง ก็เพื่อ...รัก แล้วกักตัวเธอไว้ในหัวใจของเขาตลอดกาล
ภาคต่อของ "บ่วงไฟ" ค่ะ
Tags: ลวงสิเน่หา

ตอน: บทนำ (1/1)

บทนำ
เทศกาลความรัก

แดดยามบ่ายคล้อยไม่ถึงกับร้อนอบอ้าวนัก ด้วยยังมีร่มเงาจากต้นไม้ใบบัง ต้นสูง เหนือศีรษะขึ้นไปหลายเมตร ตั้งตระหง่านคุ้มแดดคุ้มฝนปรอยได้ กระนั้นลำแดดลำเล็กๆ สีใสทะลุทลวงลงมาสู่ผิวดินแห้งผากซึ่งคลุมเกลื่อนไปด้วยใบแห้งกรอบของใบเรียวรีสีน้ำตาลเข้ม ร่วงโปรยใบแล้วใบเล่า...เมื่อสิ้นสุดวัฏจักรชีวิตของมัน

ส่วนใบอื่นอยู่คุ้มต้น เป็นสีเขียวจัดสร้างความสดชื่นแก่บริเวณหลังอาคารสีขาวขุ่น สูงเพียงห้าชั้นหลังนี้ ตึกเก่าแก่รูปแบบเชยๆ สร้างขึ้นเกินกว่าสิบปีเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งขนานโรงอาหารเล็กๆ กับอาคารเรียนสร้างใหม่ของนักศึกษาแพทย์ ด้านหลังถัดจากระเบียงสูงระดับเอวลงมาเป็นลานจอดรถจักรยานกับจักรยานยนต์ ในซองจอดทำจากโครงเหล็กทรงกลมดัดเป็นรั้วเตี้ยๆ ล็อคล่ามกับโซ่ที่เจ้าของรถเตรียมไว้ ถัดจากนั้นไปเป็นฟุตบาทสูงประมาณสิบเซนติเมตร ที่เรียงต่อกันเหมือนรถไฟเป็นรถราของบรรดาคณาจารย์

มหาวิทยาลัยส่งเสริมให้สัญจรระหว่างตึกสู่ตึกด้วยจักรยาน มากกว่าใช้พาหนะที่ใช้น้ำมัน อย่างที่ทราบในปัจจุบัน พลังงานสิ้นเปลืองอันเกิดจากธรรมชาติ ใช้แล้วหมดไปอย่าง ปิโตรเลียม มีราคาสูงลิ่วขึ้นทุกวันๆ จึงเป็นนโยบายหนึ่ง ในการปลูกฝังค่านิยมและทัศนคติของนักศึกษาให้รู้จักการประหยัดพลังงานแบบใกล้ตัวเสียก่อน จึงเป็นเหตุผลที่เจนตาเมื่อเห็นผู้คนในมหาวิทยาลัยขับขี่จักรยานกันขวักไขว่

ส่วนเขา...ระหว่างตึกสู่ตึก เลือกที่จะเดินออกกำลัง

เป็นเวลาสิบหกนาฬิกาเศษๆ พลศรุต อมราวัฒน์ หนึ่งในอาจารย์พิเศษของคณะแพทย์ศาสตร์ หนุ่มฉกรรจ์ในวัยยี่สิบเก้าปี เพิ่งเสร็จสิ้นจากชั่วโมงสอนตอนสิบสามนาฬิกาสามสิบนาที ชายหนุ่มกลับมาที่ห้องพักเก็บเอกสารการเรียนการสอนแล้วจึงออกจากตึก ร่างสูงโปร่งสง่างดงามด้วยรูปลักษณ์ที่สมบูรณ์แบบ โครงหน้าเรียวยาวบุ๋มนิดๆ ที่คางคมสัน ผิวขาวจัดอมชมพู เค้าหน้าเกลี้ยงเกลาสะอาดสะอ้านและดวงตาเรียวรี มาดมั่นมั่นคง พลศรุตถือเป็นอาจารย์หนุ่มที่อายุน้อยที่สุดในเวลานี้ อีกทั้งดีกรีความหล่อเหลาและเป็นที่สนใจนั้นมาเป็นที่หนึ่ง

บุคลิกภาพ ท่าทางของเขาเรียกสายตาคนที่เดินสวนกันจนต้องเหลียวหลังบ่อยครั้ง แต่สมาธิของชายหนุ่มค่อนข้างมากจึงก้าวสม่ำเสมอ ไปข้างหน้าอย่างไม่หวั่นไหว ในทุกย่างก้าวกับสายตาที่มองมุ่งไปข้างหน้าทำให้เขาไม่ได้สบสายตาเหล่านั้น หรือถ้าบังเอิญเงยหน้าขึ้นมาพอดี ก็จะยิ้มน้อยๆ บนเรียวปากบางเฉียบจนอีกฝ่ายหัวใจละลายได้ง่ายๆ อย่างตอนนี้ที่เขาเดินดุ่มๆ ไปตามผิวสากระคายของฟุตบาท เพื่อจะไปยังรถซีดานซึ่งจอดทิ้งไว้ตอนเช้า

“อาจารย์พลศรุต จะกลับแล้วเหรอคะ”

นักศึกษาสาวสองสามคนเกาะกลุ่มเดินเข้ามาแล้วทักขึ้นในระยะประชิด เขาชะงักฝีเท้า พิจารณาพวกเธอจำได้ว่าเป็นนักศึกษาในชั้นเรียนเมื่อครู่นี่เอง นั่นละอาจารย์หนุ่มจึงทักตอบแล้วคลี่ยิ้มบาง

“ครับ พวกคุณล่ะ” เขาทักถามตามมารยาท ดวงตาคมเจือยิ้มอ่อนโยน สองมือล้วงเข้าไปนอนนิ่งในกระเป๋ากางเกงสแล็ก แผ่นหลังสง่าตั้งตรง อวดความสูงเกินหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรซึ่งมากกว่านักศึกษาหญิงจนพวกหล่อนต้องเงยหน้าเล็กน้อยพูดคุย

ดวงตาคู่โตหลายคู่เป็นประกายแพรวพราววิบวับ พอเดาได้ว่ารู้สึกเช่นไรต่ออาจารย์หนุ่มหล่อ หนึ่งในกลุ่มคงจะมีสักคนแอบปลื้มพลศรุตมากกว่าในฐานะอาจารย์ แต่เขาไม่ได้รู้สึกยินดียินร้ายกับอะไรเหล่านี้เลยจริงๆ เขาไม่อยากให้เป็นปัญหาเหมือนครั้งก่อนๆ ปัญหาที่จะถูกพูดถึงจนเสื่อมเสียไปถึงฝ่ายหญิงได้

“พวกหนูกำลังจะไปติวกันค่ะ เรื่องที่อาจารย์เพิ่งสอนเมื่อกี้ย้ากยาก อาจารย์ว่างไหมคะ ถ้าจะรบกวน...” ชวนง่ายๆ เลย เขานิ่งไปครู่หนึ่ง

พลศรุตยังคงยิ้มพราวบนใบหน้าหล่อเหลา ก่อนเรียวตายาวรีลดระดับลงเล็กน้อย ใจเขาอยากช่วยเหลือลูกศิษย์อยู่หรอกแต่ถ้าไป...อาจเป็นเรื่อง ใบหน้าคร้ามสะอาดของเขาผงกศีรษะลงเล็กน้อย แล้วค่อยๆ ส่ายหน้าท่ามกลางความเสียอกเสียดายของพวกหล่อน โดยเฉพาะสาวร่างบอบบางที่ยืนไม่ถึงอกเขา คนทางซ้ายมือ

“ผมขอโทษจริงๆ ติดธุระกับทางบ้าน ผมไม่ไปไม่ได้เสียด้วยสิ เอาอย่างนี้ดีไหม...พวกคุณจดข้อสงสัยไว้ แล้วผมจะมาตอบในคลาสเรียนครั้งหน้า”

เขาเลี่ยงไปอย่างสวยงามที่สุด ไม่มีใครแสดงอาการงอแงกับอาจารย์หนุ่มที่มีท่าทีสุภาพมากๆ เอาจริงเอาจังด้วยแล้วนักศึกษาคนไหนจะกล้า

“ขอบคุณค่ะอาจารย์ ขับรถดีๆ นะคะ” หญิงสาวคนที่กล้าที่สุดในกลุ่ม คนที่ทักเขาก่อนและชวนไปติวด้วยเป็นคนบอก ดูเหมือนเธอจะชื่อ สุคนธรส เธอคนนั้นบอกพลางหันไปพยักพเยิดกับเพื่อนของเธอ คนซ้ายมือชื่อ เปรมวลี และคนทางขวาชื่อ นิศากร

“โชคดีเช่นกันครับ” พลศรุตยิ้มรับอีกหนแล้วเดินจากไป

วันนี้เขาจอดรถไกลกว่าทุกครั้ง เพราะการจราจรติดขัดมากกว่าทุกวัน กว่าจะมาถึงที่จอดรถหลังตึกเต็มแล้ว แปลกใจไหมเพราะอะไรวันจันทร์รถติดมากในสัปดาห์หนึ่งๆ ทั้งที่ประชาชนของประเทศไปทำงาน ไปโรงเรียนกันห้าวัน ไม่ใช่แค่วันจันทร์วันเดียว แต่ก็นั่นล่ะ เหตุผลที่เขาต้องนำรถไปจอดหลังตึกอื่นที่ไม่ใช่คณะแพทย์ศาสตร์

ตอนนี้ชายร่างสูงเดินมาถึงด้านหลังตึกคณะออกแบบแล้ว เรียกเต็มๆ ว่าคณะมัณฑนศิลป์จะว่าไปแล้วพลศรุตเคยนึกอยากเป็นส่วนหนึ่งของนักศึกษาวิชาออกแบบภายใน แต่ชีวิตของเขาจับพลัดจับผลู พลิกผันกะทันหัน หลังจากสอบเอ็นทรานส์ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยด้านศิลปะสมดังใจแล้ว บุพการีขอร้องให้เขาเรียนแพทย์ตามวิชาชีพของบิดา เขาเสียเวลาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในหนึ่งปีให้หลังก็เพื่อความหวัง ความสุข สบายใจของมารดาและในปีต่อมาเขาก็สอบเข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ได้ แต่ความชอบความหลงใหลในงานออกแบบนั้นยังมีอยู่เต็มหัวใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่มีเวลาว่างพลศรุตจะขวนขวยออกไปดูนิทรรศการศิลปะ มิวเซียม ไม่ก็ซื้อหาหนังสือนิตยสารด้านนี้มาอ่านเป็นงานอดิเรก เรื่องเหล่านี้น้อยคนที่จะรู้ถ้าไม่นับน้องชายคนเดียวของเขา พลิศ หรือ นายพฤกษ์

เราสองคนมีอายุห่างกันสองปี เป็นพี่น้องคลานตามกันมาที่มีความต่างสุดขั้ว ทั้งบุคลิกภาพ นิสัยใจคอ มุมมองและการใช้ชีวิต พลิศเป็นนักเขียนกับช่างภาพฟรีแลนซ์ ใช้ชีวิตบนความเรียบง่ายและอิสระ ส่วนเขาตรึงอยู่ในกรอบที่วัดคุณค่าจากสังคม ความเป็นพ่อพิมพ์ของชาติ เป็นครูบาอาจารย์ ที่บางครั้งสร้างความอึดอัดใจอยู่ลึกๆ แต่เขาก็ดำเนินชีวิตเช่นนี้มาได้ถึงสามปี

อาจารย์หนุ่มเดินอ้อมไปที่ด้านหลังตึกเรียน รูปทรงไม่ต่างจากคณะแพทย์ศาสตร์เท่าไหร่ สะดุดตาก็ตรงที่ทาสีส้มอ่อนๆ ตรงมุมระเบียงมีสีสันมากกว่า

พลศรุตก้าวต่อไปถึงสวนหย่อมเล็กๆ จับวางเก้าอี้หินอ่อนแบบไม่มีพนักห่างเป็นระยะ สามถึงสี่ตัว ตาเรียวรีดำขลับปรายมองตามใบหน้าคร้ามที่เชิดขึ้น พลศรุตนิ่ง...เหมือนว่าเขากำลังก้าวเข้าไปผิดจังหวะ เมื่อเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งยืนสนทนากลางลานขนาดย่อม ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ผลิดอกสีเหลืองกระจ่าง ต้นกันเกราสูงเหยียดไปถึงสิบเมตรออกดอกเป็นกระจุกบนก้านสั้นๆ บางดอกเพิ่งออกมีสีขาวและที่ส่งกลิ่นหอมเป็นสีเหลืองระเรื่อ

ชายหนุ่มยืนค้าง...กลายเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศโดยไม่ได้ตั้งใจ ใบไม้แห้ง ใบเรียวรีปลิดปลิวลงมาแตะบ่ากว้างก่อนตกสู่พื้น พลศรุตนิ่งไปเฉยๆ ท่อนขาแข็งแรงปกปิดด้วยกางเกงสแล็กเหมือนเสาหินเสียมากกว่า ส่วนสายตาอดที่จะตวัดไปมองมิได้ ภาพเบื้องหน้าพาย้อนกลับไปสู่วันวานของนักศึกษาวัยใสกับการบอกรักโต้งๆ กันในรั้วมหาวิทยาลัย

“อย่าเพิ่งไปนะ หว้า”

เสียงห้าวๆ รั้งเธอไว้ ผู้สร้างบรรยากาศร่วมค่อยๆ ปล่อยมือที่จับจูงหญิงสาวจากหน้าตึกคณะมัณฑนศิลป์ มาสู่ด้านหลังที่คิดว่าปลอดคนกว่า สะกดเจ้าหล่อนไว้ด้วยสายตาจริงจัง หาใช่ชายหนุ่มมาดแมนแสนทะเล้นคนนั้นไม่ ซึ่งก็มิได้ทำให้เจ้าของร่างเล็กค่อนไปทางบอบบางจะเข้าใจความรู้สึกของเขาได้เลย

ส่วนดวงตาดำขลับคู่โตกับแพขนตาดำสนิทล้อมกรอบงอนงามกะพริบไปมา ซ่อนความสงสัย แปลกใจที่จู่ๆ เพื่อนสนิทกลุ่มก๊วนเฮไหนเฮนั่น กินนอนห้องเดียวกันอย่าง ชชรินทร์ ส่งสายตาซึ้งจนน่าขนลุก

“ว่าไปสิ เห็นหรือเปล่าว่าเพื่อนรอ ชัชไม่หิว หว้าหิวนะ ที่ว่าจะไปกินพิซซ่าอ่ะ เร็วๆ”

หล่อนเร่งเร้าได้น่ารักโดยมีเรื่องกินนำหน้า แปลกกว่าใครก็ตรงนี้ล่ะ เฮ้อ...

แต้ถ้าเขาไม่พูดวันนี้ก็ไม่รู้จะรอถึงวันไหน มีหวังไม่ได้พูดเรื่องในใจจนกระทั่งเรียนจบ ในเมื่อสาวน้อยตรงหน้าคนนี้เป็นเพื่อนสนิทที่คบหากันมาร่วมสี่ปี ขาดเกินไม่กี่เดือนเท่านั้น เพราะความเป็นเพื่อนสนิทนี่เองทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยาก ที่จะหาโอกาสเปลี่ยนสถานภาพของตน

ชชรินทร์ รู้สึกร้อนวูบๆ ที่กระบอกตา หน้าเข้มเพราะผิวคล้ามแดดก็พลอยร้อนร้าว เหมือนคนเป็นไข้จัดๆ จนหญิงสาวแปลกใจในสีหน้าแล้วยื่นมือเล็กๆ ของเธอมาอังหน้าผากเขา

“เป็นไข้หรือเปล่า ชัช หน้าแดงชะมัด”

‘”อ๊ะ เปล่า” เขาส่ายหน้าดิกแล้วถอยออกห่างอย่างเหวอๆ ปล่อยให้เพื่อนสาวแตะต้องไปมากกว่านี้...หน้าเขาคงระเบิด!!

“งั้นก็ว่ามาซิ” เจ้าหล่อนยกแขนเรียวบางขึ้นกอดอกเฉย ยืดแผ่นหลังตรงๆ รอฟังด้วยท่ายืนแมนๆ ชชรินทร์กลืนน้ำลาย บิวท์อารมณ์เพื่อสารภาพว่ายากแล้ว มาเจอสาวห้าวปั้นหน้านิ่งยากกว่า เขาพูดไม่ออกแต่อาการหน้าร้อนฉ่ายังไม่หายกว่าที่เขาจะหลุดปากออกไปได้จึงนานสองนาน

แต่เมื่อคำว่า ‘เราชอบหว้า’ หลุดออกมาวงก็แตกกระเจิง สาวหน้าใส เจ้าของนัยน์ตากลมโตเบิ่งค้างงุนงงอยู่พักใหญ่ ตั้งสติได้แล้วส่ายหน้าอย่างชั่งใจก่อนวางมือตบปุบนบ่าเขาทีสองที

“เป็นแฟนกับเรานะ หว้า”

เอ่อ เอ้อ ใช้เวลาสองวินาทีในการตั้งสติครั้งใหม่ วาดฝันตอบออกไปว่า...

“ไปท้าพนันกับใครหรือมีใครมาท้าเรื่องหว้าล่ะ บอกมาซะดีๆ” แววตาของหล่อนเย็นชาที่คิดว่าเขาล้อเล่น ไม่ก็ไปพนันขันต่อกับเพื่อนคนอื่นไว้ ชชรินทร์นึกอยากดีดกระโหลกเพื่อนสาวเพราะหมั่นไส้แต่เอาเข้าจริงๆ เขาทอดมองสาวร่างบางใจโตด้วยแววเอ็นดูปนเข่นเขี้ยวเสียมากกว่า

“ไม่มีจริงๆ นะ ลูกหว้า สาบาน” ชายหนุ่มลนลานปฏิเสธ ตื่นเต้นจนหน้าขาวๆ แซมริ้วแดงๆ ตรงโหนกแก้ม

“เชื่อได้พันเปอร์เซ็นต์ คบกับชัชนะหว้า ไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว เดี๋ยวต่างคนต่างแยกย้ายไป ชัชไม่อยากเสียหว้าไปน่ะ”

ชชรินทร์วิงวอนแล้วหยอดลูกอ้อนเสียงอ่อน วาดฝัน หรือ ลูกหว้า ตื่นตะลึงอีกยก ยกสอง...ดวงตาของเธอเบิกกว้างหากถลนหลุดได้คงจะกลิ้งหลุนๆ หล่นไปแล้ว แต่แล้วหญิงสาวก็ส่ายหน้าหงึกหงัก

“เรื่องแค่นี้ไม่ต้องถึงกับคบหาเป็นแฟนกันหรอก กลัวอะไรไร้สาระ แค่เรียนจบไม่ได้หมายความว่าชัชต้องเสียหว้าไปสักหน่อย ก็ไหนบอกว่าจะตามๆ ไปทำงานที่เดียวกันไง หรือว่าชัชเปลี่ยนใจแล้ว หืม”

“ไม่ได้เปลี่ยน ถ้าเกิดเขารับหว้าไม่รับชัช หรือถ้ารับชัชแล้วไม่รับหว้า เราก็ต้องห่างกันน่ะสิ” คนเรื่องมากบอกอย่างอดกลั้น คิดวกวนมาถึงจุดๆ หนึ่งที่คิดว่าต้องบอกออกไปไม่เช่นนั้นชชรินทร์คงอกแตกตายเป็นแน่

สาวน้อยคลี่ยิ้ม แต่ด้วยความรู้สึกที่มีต่อเขาไม่มีทางเกินคำว่าเพื่อนไปได้จึงลดแววกระด้างเย็นชาลงบ้าง ยิ้มเอาใจ มือเรียวบางถ่ายทอดไออุ่นไปสู่เขาด้วยการกุมมือแล้วบีบเบาๆ

“ชัช เราเป็นเพื่อนกันเถอะ หว้าไม่อยากมีแฟนตอนนี้” ตอบได้คม เรียบและชัดเจนที่สุด

เรียวตาของชชรินทร์ก่ำขึ้น กระบอกนัยน์ตาร้อนวูบวับ ชายหนุ่มเสียใจแต่ไม่ได้ตัดพ้อหรือตีอกชกตัวออกมา มิใช่เพราะอายแต่เพราะเขายังไม่อยากสะบั้นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนที่ผูกวาดฝันไว้ด้วยอารมณ์ขาดๆ เกินๆ ยามนี้

“ก็ได้ ถ้าอย่างนั้น...วันนี้ของปีหน้าชัชจะถามลูกหว้าอีก วันนั้นหว้าช่วยพิจารณาชัชด้วยนะ” ตาของเขาพราวแสงขึ้นมาอีก หลังเรียกหากำลังใจกลับคืนมาได้ สูดหายใจจนอกยุบพองโตขึ้น รู้สึกดีกว่าเดิมเล็กน้อย แค่...เล็กน้อยตอนที่ได้รับรอยยิ้มปลอบจริงใจจากสาวที่เพิ่งหักอกเขา

“ถ้าตอนนั้นหว้ายังไม่รักใคร จะคิดดู” เจ้าหล่อนยิ้มเก๋ อีกครั้งที่วางมือลงบนบ่าซึ่งกว้างกว่า พร้อมกระซิบว่า...

“ชัชกลับไปหาเพื่อนๆ ก่อนนะ เข้าไปพร้อมกัน หน้าเป๋อเหลอ ตาแดงๆ มีหวังทุกคนล้อแน่ เดี๋ยวหว้าตามไปนะจ๊ะ” บอกเสียงหวาน

ชชรินทร์ผงกศีรษะอย่างว่าง่าย พยายามไม่เซื่องซึมอย่างที่หล่อนว่าแต่ยิ้มของเขาก็ยังกร่อย จนเมื่อพ้นหลังไวๆ ของเพื่อนหนุ่ม วาดฝันถึงกับชะเง้อตัวพลางก้าวออกจากลานร่มครึ้ม ใต้ร่มเงาของต้นกันเกราอย่างมีจุดหมาย ดวงตากลมโตของหล่อนอยู่ที่คนร่างสูง ใครคนหนึ่งซึ่งยืนลับๆ ล่อๆ เหมือนแอบฟังเมื่อครู่ ทว่าเมื่อก้าวไปถึงตรงนั้นก็...ว่างเปล่า




นฎา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ต.ค. 2555, 09:06:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ต.ค. 2555, 09:06:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1416





   ตอน 1 คู่ตุนาหงัน (1/1) >>
Canopus 17 ต.ค. 2555, 10:43:18 น.
ถึงคู่ของพลศรุตแล้ว


phakarat 18 ต.ค. 2555, 20:01:21 น.
รออ่านถึงคู่ของพลศรุตค่ะ


นฎา 19 ต.ค. 2555, 08:27:08 น.
ขอบคุณคุณ Canopus / phakarat ที่ติดตามต่อในภาคนี้
คุณพรตจะมีคู่กับเขาซะทีค่ะ ^ ^


phakarat 16 ธ.ค. 2555, 21:45:24 น.
มาเร็วๆนะคร้ารออ่านค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account