หัวใจ...ร้ายรัก
หนึ่งนารี สาววัยเข้าใกล้เลขสาม ที่ใช้ชีวิตอยู่ในแบบที่เรียกว่าปากกัดตีนถีบ เก็บหอมรอมริบเงินที่หามาได้ทั้งหมด เป็นค่าหน่วยกิตเรียนปริญญาโทที่แสนจะแพงหูฉี่ เพื่อเรียนจบเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยสมใจ
แต่ชีวิตเรียบง่ายของเธอต้องสะดุด เมื่อพระพรหมเล่นกล ส่งหนุ่มน้อยตาคม "ไอ้เด็กต่างดาว" มาทำให้ชีวิตของเธอปั่นป่วน
เรื่องราวความหวานซึ้ง และเศร้าเหล่านั้นจึงเริ่มต้นขึ้น...
แต่ชีวิตเรียบง่ายของเธอต้องสะดุด เมื่อพระพรหมเล่นกล ส่งหนุ่มน้อยตาคม "ไอ้เด็กต่างดาว" มาทำให้ชีวิตของเธอปั่นป่วน
เรื่องราวความหวานซึ้ง และเศร้าเหล่านั้นจึงเริ่มต้นขึ้น...
Tags: หวานซึ้ง เศร้า
ตอน: บทนำ
หนึ่งนารีตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองนอนร่างกายเกือบจะเปลือยเปล่า มีเพียงชั้นในตัวจิ๋ว 2 ชิ้น เท่านั้นที่ยังติดตัว ข้างกายของเธอคือเด็กหนุ่มผิวขาวจัด หลับตาพริ้มอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด คนนอนข้างขยับตัวภายใต้ผ้าห่ม ท่อนแขนนุ่มพาดมาที่ลำตัวของเธอ ทำเอาหัวใจสาวโสดวัยใกล้เลขสามวูบไหวระส่ำไม่เป็นจังหวะ
“ฝัน…ฉันต้องฝันไปแน่นอนเลย มันคือความฝัน” หนึ่งนารีพยามยามหลับตา เพราะคิดว่าสิ่งที่เกิดกับเธอคือความฝันสิบนาที ยี่สิบนาทีผ่านไป ลืมตาขึ้นมากี่ครั้ง ภาพห้องสี่เหลี่ยมสีเขียวอ่อน แอร์คอนดิชั่นเนอร์เย็นฉ่ำ และ ‘คนที่นอนข้างๆ’ ก็ยังเหมือนเดิม
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ…หนึ่งนารี” เธอบ่นพึมพรำกับตัวเอง เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ความฝันแน่ มือเล็กค่อยๆ ขยับท่อนแขนที่พาดตัวเธอออกอย่างเบามือ และรีบร้อนคลานลงเตียง แต่พลันมือใหญ่ของคนนอนข้างๆก็คว้าตัวเธอได้รวดเร็วเช่นกัน!
“ปล่อยฉันนะ….นายจะทำอะไรชั้นน่ะ ปล่อยนะ” เธอร้องลั่นสุดเสียง พยายามดิ้นรนให้พ้นจากการเกาะกุม แต่ไม่เป็นผล แทนที่เด็กหนุ่มจะถอยห่าง แต่ขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้น
ห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบ เด็กหนุ่มเข้าใกล้ตัวเธอจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วเบา ผิวใบหน้าที่ขาวและเรียบเนียน ปากชมพูหนาแต่ได้รูป โดยเฉพาะดวงตาชั้นเดียวเรียวยาวหางตาตวัดขึ้นเหมือนตาเหยี่ยว กลมโตเกินเหตุนั่น ในเวลา
ปกติคงน่ามองอยู่ ไม่น้อย แต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานิ่งพินิจพิเคราะห์ใคร เมื่อเด็กหนุ่มเผลอ เธอจึงผลักร่างใหญ่ออกตัวเธอด้วยแรงเท่าที่มี
“โอ๊ย…เจ็บ” เป็นผลสำเร็จ ร่างเธอหลุดออกจากการกุม แต่แทนที่เขาจะกระเด็นออกไปไกล ตัวเธอกลับระเห็จลงไปกองอยู่ที่พื้นไม่เป็นท่า
ปฐพี โน้มตัวลงไปมองคนที่ตกลงไปข้างเตียงเมื่อครู่อย่างนึกสนุก ดวงตากลมโตของเขาต้องสะดุด เมื่อแม่สาวตรงหน้าไม่ได้มีผ้าห่มปกคลุมดังเดิม เผยให้เห็นเนินอกที่อวบอิ่ม เอวขอดบาง และหน้าท้องที่แบนราบ ดึงดูดให้ให้สายตาเขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ แปลก ที่แบบนี้เขาก็เคยเห็นมาก็มาก ยิ่งกว่าแค่เห็นนั้นก็เยอะ แต่แม่สาวที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นโครมคราม ราวกับจะระเบิดออกมาซะอย่างนั้น คนถูกมองเมื่อรู้ตัว ก็รับไขว่คว้าเอาผ้าห่มมาพันตัวไว้พัลวัน
“อย่ามองนะ…ไอ้เด็กบ้า บอกมานะว่า เมื่อคืนนายทำอะไรฉัน นาย…นาย” ไม่พูดเพียงอย่างเดียว เธอกระโจนเข้าใช้ทั้งหมัด ทั้งเล็บ ระดมกระชาก ตบ ทึ้งผม ของเขาไม้ยั้ง แต่ไม่มีเสียงร้องแสดงถึงความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาจากปากเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอแม้แต่น้อย
เมื่อร่างกายของปฐพี รู้สึกถึงความเจ็บปวดจนสดจะทานทนต่อพฤติกรรมของแม่สาวที่อยู่ตรงหน้า มือใหญ่คว้าหมับที่ข้อมือน้อยทั้งสองข้างแล้วกดมันทาบกันพื้นเตียง ก่อนที่ปากหนานั่นจะกดทับไปที่ริมฝีปากเธออย่างแรง วินาทีนั้นเอง หนึ่งนารีรู้สึกคล้ายกับว่าถูกมดสักร้อยตัวมะรุมมะตุ้มกัดปากเธออยู่อย่างนั้น
แบบนี้หรือ จุมพิตที่เธอเฝ้าจินตนาการโหยหาถึง มาเป็นเวลายาวนานหลายปี ว่ามันจะหวานซึ้ง จนละลายหัวใจของเธอได้ ตามคำบรรยายของเพื่อนสาวหลายคน
เพี้ยะ! เสียงฝ่ามือประทะใบหน้าดังสนั่น แม้คิดว่าตบด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าเธอก็ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด
“ช่วยด้วย….ใครก็ได้ช่วยด้วย” คราวนี้ไม่ร้องธรรมดา เธอแผดเสียงตะโกนดังลั่น ในใจหวังเพียงว่า เผื่อมีใครเดินผ่านมาแถวนี้จะได้ยินเสียงเธอ และช่วยเหลือเธอ
“ถ้าไม่อยากตาย…ก็ร้องให้ดังกว่านี้สิ” น้ำเสียงที่ราบเรียบแผ่วเบา เล็ดลอดออกมาปากของปฐพี สายตานั่นเรียบเฉยเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง วูบแรกของความรู้สึกนั้น หนึ่งนารีสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็น ในแววตานิ่งไม่ไหวติงนั้นช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน
“พี มีอะไร เสียงใครเอะอะ โวยวายแต่เช้า" เสียงหนึ่งดังมาจากหน้าประตู ทำให้หนึ่งนารีใจชื้นขึ้นมา อย่างน้อยก็มีคนได้ยินเสียงเธอ
เป็นเสียงผู้หญิง คงเป็นแม่ของเขา หนึ่งนารีนึกถึงใบหน้าของต้นเสียง เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นสภาพลูกชายอยู่กับผู้หญิง เธอคงตกใจแทบช็อค และถ้าได้รู้พฤติกรรมของเขาที่ทำกับเธอ แม่เขาคงเข้าขั้นโคม่าแน่ ดีเสียอีก ยิ่งฉันทำท่าเสียใจมากมายเข้าหน่อย เงินปลอบขวัญ หรือเงินฟาดหัวคงมากอยู่ไม่น้อย
“ไหนๆก็เสียหายไปแล้ว ยอมอายอีกนิดยายหนึ่ง….เงินเชียวนะ” หนึ่งนารีคิดแผนการให้กับตัวเอง
“คราวนี้ ไป หิ้ว ใครมาอีกละ….นายนี่ถ้าเว้นไปซักวัน คงนอนไม่หลับใช่ไหม” เจ้าของต้นเสียงแทนที่จะเป็นผู้หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี แต่เป็นหญิงสาวรุ่นราวคราเดียวกับหนึ่งนารี และก็สวยมากเสียด้วย
ไม่มีคนตกใจจนช็อค ไม่มีคนร้องเสียงดังเมื่อเห็นสภาพของเธอที่อยู่บนเตียง คำพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบนั่น ราวกับพูดอย่างไม่ยี่หระอะไร เกิดอะไรขึ้น คนบ้านนี้เป็นอะไรกันหมด ยิ่งเมื่อนึกถึงคำว่า “หิ้ว” คำนั้นกระตุกหัวใจของหนึ่งนารี
หล่นวูบ
ปฐพี คว้าเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พาดอยู่บนหัวเตียงมาใส่ เขาไม่ได้นึกสนใจหนึ่งนารีเลยซักนิด ผิดกับเมื่อครู่ หนึ่งนารีงงกับพฤติกรรมของเด็กหนุ่มตรงหน้าเธออย่างมาก ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ร่างสูงเดินตรงไปยังหน้าประตู อย่างรวดเร็ว
“จะไปเรียนแล้วหรอ เบาๆบ้างก็ได้นะ ไอ้เรื่องแบบนี้…..รู้ไหม ฉันเบื่อที่จะเคลียร์ แล้วนะ”
แม้สาวสวยพูดกับเขา แต่เหมือนคำพูดนั้น ลอยตามลม คนฟังไม่ได้ตอบอะไร แวบหนึ่ง หนึ่งนารีเห็นว่าเด็กนั่นหันมาทางเธอ รอยยิ้มที่มุมปาก แต่ดวงตากลมโตนั่น ยังดูเยือกเย็น
“หล่อนคนนั้นน่ะ….จะลุกออกจากห้องได้รึยังจ้ะ รึต้องให้ฉันเสด็จเชิญออก อืดอาดยืดยาด คิดจะโก่งค่าตัวละสิ”
“รีบใส่เสื้อผ้า แล้วออกมาซะ อย่าเรื่องมาก”
“แต่ เขา เขาทำร้ายฉันค่ะ….แล้วเขาก็ขู่จะฆ่าฉันด้วยค่ะ” หนึ่งนารีพยายามรวบรวมความกล้า เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ
“เธอนี่ก็ตลกดีนะ หน้าตาดูซื่อๆ ไม่เหมือนผู้หญิงอย่างว่าเลย…..เธอก็รู้ว่าเขาพูดไม่ได้ พูดอย่างนี้ คิดจะโก่งค่าตัวจริงๆใช่ไหม อย่าได้หวังเลยย่ะ” พูดจบ สาวสวยก็โยนเงินก้อนหนึ่งให้เธอ
“คุณพูดว่าอะไรนะคะ คุณพูดว่า เขาพูดไม่ได้อย่างนั้นหรือค่ะ”
“ก็ใช่น่ะสิ…ไป ไป ออกไปจากบ้านนี้เถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องอีก” พูดจบเธอก็หันหลังกลับ ทิ้งให้หนึ่งนารี งง กับคำพูดเหล่านั้นอยู่เพียงคนเดียว “เขาพูดไม่ได้หรอ….แล้วที่ฉันได้ยินเสียงเขาล่ะ”…………..
===========================================
ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยค่ะ จะมาลงเรื่องอาทิตย์ละครั้ง เพราะงานรัดตัวค่ะ แต่จะพยายามเขียนให้จบ
“ฝัน…ฉันต้องฝันไปแน่นอนเลย มันคือความฝัน” หนึ่งนารีพยามยามหลับตา เพราะคิดว่าสิ่งที่เกิดกับเธอคือความฝันสิบนาที ยี่สิบนาทีผ่านไป ลืมตาขึ้นมากี่ครั้ง ภาพห้องสี่เหลี่ยมสีเขียวอ่อน แอร์คอนดิชั่นเนอร์เย็นฉ่ำ และ ‘คนที่นอนข้างๆ’ ก็ยังเหมือนเดิม
“เกิดอะไรขึ้นกับเธอ…หนึ่งนารี” เธอบ่นพึมพรำกับตัวเอง เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ความฝันแน่ มือเล็กค่อยๆ ขยับท่อนแขนที่พาดตัวเธอออกอย่างเบามือ และรีบร้อนคลานลงเตียง แต่พลันมือใหญ่ของคนนอนข้างๆก็คว้าตัวเธอได้รวดเร็วเช่นกัน!
“ปล่อยฉันนะ….นายจะทำอะไรชั้นน่ะ ปล่อยนะ” เธอร้องลั่นสุดเสียง พยายามดิ้นรนให้พ้นจากการเกาะกุม แต่ไม่เป็นผล แทนที่เด็กหนุ่มจะถอยห่าง แต่ขยับตัวเข้าใกล้เธอมากขึ้น
ห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบ เด็กหนุ่มเข้าใกล้ตัวเธอจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจแผ่วเบา ผิวใบหน้าที่ขาวและเรียบเนียน ปากชมพูหนาแต่ได้รูป โดยเฉพาะดวงตาชั้นเดียวเรียวยาวหางตาตวัดขึ้นเหมือนตาเหยี่ยว กลมโตเกินเหตุนั่น ในเวลา
ปกติคงน่ามองอยู่ ไม่น้อย แต่ในเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมานิ่งพินิจพิเคราะห์ใคร เมื่อเด็กหนุ่มเผลอ เธอจึงผลักร่างใหญ่ออกตัวเธอด้วยแรงเท่าที่มี
“โอ๊ย…เจ็บ” เป็นผลสำเร็จ ร่างเธอหลุดออกจากการกุม แต่แทนที่เขาจะกระเด็นออกไปไกล ตัวเธอกลับระเห็จลงไปกองอยู่ที่พื้นไม่เป็นท่า
ปฐพี โน้มตัวลงไปมองคนที่ตกลงไปข้างเตียงเมื่อครู่อย่างนึกสนุก ดวงตากลมโตของเขาต้องสะดุด เมื่อแม่สาวตรงหน้าไม่ได้มีผ้าห่มปกคลุมดังเดิม เผยให้เห็นเนินอกที่อวบอิ่ม เอวขอดบาง และหน้าท้องที่แบนราบ ดึงดูดให้ให้สายตาเขาหยุดนิ่งอยู่กับที่ แปลก ที่แบบนี้เขาก็เคยเห็นมาก็มาก ยิ่งกว่าแค่เห็นนั้นก็เยอะ แต่แม่สาวที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นโครมคราม ราวกับจะระเบิดออกมาซะอย่างนั้น คนถูกมองเมื่อรู้ตัว ก็รับไขว่คว้าเอาผ้าห่มมาพันตัวไว้พัลวัน
“อย่ามองนะ…ไอ้เด็กบ้า บอกมานะว่า เมื่อคืนนายทำอะไรฉัน นาย…นาย” ไม่พูดเพียงอย่างเดียว เธอกระโจนเข้าใช้ทั้งหมัด ทั้งเล็บ ระดมกระชาก ตบ ทึ้งผม ของเขาไม้ยั้ง แต่ไม่มีเสียงร้องแสดงถึงความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมาจากปากเด็กหนุ่มตรงหน้าเธอแม้แต่น้อย
เมื่อร่างกายของปฐพี รู้สึกถึงความเจ็บปวดจนสดจะทานทนต่อพฤติกรรมของแม่สาวที่อยู่ตรงหน้า มือใหญ่คว้าหมับที่ข้อมือน้อยทั้งสองข้างแล้วกดมันทาบกันพื้นเตียง ก่อนที่ปากหนานั่นจะกดทับไปที่ริมฝีปากเธออย่างแรง วินาทีนั้นเอง หนึ่งนารีรู้สึกคล้ายกับว่าถูกมดสักร้อยตัวมะรุมมะตุ้มกัดปากเธออยู่อย่างนั้น
แบบนี้หรือ จุมพิตที่เธอเฝ้าจินตนาการโหยหาถึง มาเป็นเวลายาวนานหลายปี ว่ามันจะหวานซึ้ง จนละลายหัวใจของเธอได้ ตามคำบรรยายของเพื่อนสาวหลายคน
เพี้ยะ! เสียงฝ่ามือประทะใบหน้าดังสนั่น แม้คิดว่าตบด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่เด็กหนุ่มตรงหน้าเธอก็ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด
“ช่วยด้วย….ใครก็ได้ช่วยด้วย” คราวนี้ไม่ร้องธรรมดา เธอแผดเสียงตะโกนดังลั่น ในใจหวังเพียงว่า เผื่อมีใครเดินผ่านมาแถวนี้จะได้ยินเสียงเธอ และช่วยเหลือเธอ
“ถ้าไม่อยากตาย…ก็ร้องให้ดังกว่านี้สิ” น้ำเสียงที่ราบเรียบแผ่วเบา เล็ดลอดออกมาปากของปฐพี สายตานั่นเรียบเฉยเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง วูบแรกของความรู้สึกนั้น หนึ่งนารีสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็น ในแววตานิ่งไม่ไหวติงนั้นช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน
“พี มีอะไร เสียงใครเอะอะ โวยวายแต่เช้า" เสียงหนึ่งดังมาจากหน้าประตู ทำให้หนึ่งนารีใจชื้นขึ้นมา อย่างน้อยก็มีคนได้ยินเสียงเธอ
เป็นเสียงผู้หญิง คงเป็นแม่ของเขา หนึ่งนารีนึกถึงใบหน้าของต้นเสียง เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วเห็นสภาพลูกชายอยู่กับผู้หญิง เธอคงตกใจแทบช็อค และถ้าได้รู้พฤติกรรมของเขาที่ทำกับเธอ แม่เขาคงเข้าขั้นโคม่าแน่ ดีเสียอีก ยิ่งฉันทำท่าเสียใจมากมายเข้าหน่อย เงินปลอบขวัญ หรือเงินฟาดหัวคงมากอยู่ไม่น้อย
“ไหนๆก็เสียหายไปแล้ว ยอมอายอีกนิดยายหนึ่ง….เงินเชียวนะ” หนึ่งนารีคิดแผนการให้กับตัวเอง
“คราวนี้ ไป หิ้ว ใครมาอีกละ….นายนี่ถ้าเว้นไปซักวัน คงนอนไม่หลับใช่ไหม” เจ้าของต้นเสียงแทนที่จะเป็นผู้หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดี แต่เป็นหญิงสาวรุ่นราวคราเดียวกับหนึ่งนารี และก็สวยมากเสียด้วย
ไม่มีคนตกใจจนช็อค ไม่มีคนร้องเสียงดังเมื่อเห็นสภาพของเธอที่อยู่บนเตียง คำพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบนั่น ราวกับพูดอย่างไม่ยี่หระอะไร เกิดอะไรขึ้น คนบ้านนี้เป็นอะไรกันหมด ยิ่งเมื่อนึกถึงคำว่า “หิ้ว” คำนั้นกระตุกหัวใจของหนึ่งนารี
หล่นวูบ
ปฐพี คว้าเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พาดอยู่บนหัวเตียงมาใส่ เขาไม่ได้นึกสนใจหนึ่งนารีเลยซักนิด ผิดกับเมื่อครู่ หนึ่งนารีงงกับพฤติกรรมของเด็กหนุ่มตรงหน้าเธออย่างมาก ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ร่างสูงเดินตรงไปยังหน้าประตู อย่างรวดเร็ว
“จะไปเรียนแล้วหรอ เบาๆบ้างก็ได้นะ ไอ้เรื่องแบบนี้…..รู้ไหม ฉันเบื่อที่จะเคลียร์ แล้วนะ”
แม้สาวสวยพูดกับเขา แต่เหมือนคำพูดนั้น ลอยตามลม คนฟังไม่ได้ตอบอะไร แวบหนึ่ง หนึ่งนารีเห็นว่าเด็กนั่นหันมาทางเธอ รอยยิ้มที่มุมปาก แต่ดวงตากลมโตนั่น ยังดูเยือกเย็น
“หล่อนคนนั้นน่ะ….จะลุกออกจากห้องได้รึยังจ้ะ รึต้องให้ฉันเสด็จเชิญออก อืดอาดยืดยาด คิดจะโก่งค่าตัวละสิ”
“รีบใส่เสื้อผ้า แล้วออกมาซะ อย่าเรื่องมาก”
“แต่ เขา เขาทำร้ายฉันค่ะ….แล้วเขาก็ขู่จะฆ่าฉันด้วยค่ะ” หนึ่งนารีพยายามรวบรวมความกล้า เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ
“เธอนี่ก็ตลกดีนะ หน้าตาดูซื่อๆ ไม่เหมือนผู้หญิงอย่างว่าเลย…..เธอก็รู้ว่าเขาพูดไม่ได้ พูดอย่างนี้ คิดจะโก่งค่าตัวจริงๆใช่ไหม อย่าได้หวังเลยย่ะ” พูดจบ สาวสวยก็โยนเงินก้อนหนึ่งให้เธอ
“คุณพูดว่าอะไรนะคะ คุณพูดว่า เขาพูดไม่ได้อย่างนั้นหรือค่ะ”
“ก็ใช่น่ะสิ…ไป ไป ออกไปจากบ้านนี้เถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะเป็นเรื่องอีก” พูดจบเธอก็หันหลังกลับ ทิ้งให้หนึ่งนารี งง กับคำพูดเหล่านั้นอยู่เพียงคนเดียว “เขาพูดไม่ได้หรอ….แล้วที่ฉันได้ยินเสียงเขาล่ะ”…………..
===========================================
ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยค่ะ จะมาลงเรื่องอาทิตย์ละครั้ง เพราะงานรัดตัวค่ะ แต่จะพยายามเขียนให้จบ
ธารารินทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ต.ค. 2555, 18:08:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ต.ค. 2555, 18:08:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 1508
ชีวิตที่เริ่มเพี้ยน >> |
เทียนจันทร์ 27 ต.ค. 2555, 18:33:26 น.
เข้ามาเจิมและเติมกำลังใจค่ะ
เข้ามาเจิมและเติมกำลังใจค่ะ
pattisa 27 ต.ค. 2555, 20:05:53 น.
ทำไมพี่พระเอกถึงบอกว่าพระเอกพูดไม่ได้ล่ะ รอติดตามค่ะ :)
ทำไมพี่พระเอกถึงบอกว่าพระเอกพูดไม่ได้ล่ะ รอติดตามค่ะ :)
นู๋นุ๊ก 27 ต.ค. 2555, 21:27:20 น.
อ้าว พี่พีพูดไม่ได้ เปงรัยไปหรอค่ะ
อ้าว พี่พีพูดไม่ได้ เปงรัยไปหรอค่ะ
ไม้เอก 27 ต.ค. 2555, 21:50:49 น.
รอติดตามอยู่คร้าาา :)
รอติดตามอยู่คร้าาา :)
ปิศาจสัญจร 27 ต.ค. 2555, 22:55:41 น.
ชอบค่า
ชอบค่า
violette 28 ต.ค. 2555, 00:03:29 น.
น่าสนุกมากค่ะ ชอบบ
น่าสนุกมากค่ะ ชอบบ
nunoi 28 ต.ค. 2555, 23:57:02 น.
รอๆๆๆ
รอๆๆๆ