เพียงพบ(ภพ)รัก
ใครหลายคนอาจมองว่าสายฝนคือตัวแทนของความเศร้า แต่จะมีกี่คนรู้บ้างไหม ว่าในมุมหนึ่งของเรื่องราว ยังมีใครบางคนเฝ้ารอสายฝนอยู่
เฝ้ารอ...โดยไม่รู้ว่าฝนจะตกลงมาเมื่อไร
เฝ้ารอ...เพื่อจะได้เห็นสายฝนพรำ
และเฝ้ารอคอยความรักจากใครสักคนที่อยู่ห่างออกไปแสนไกล...

Tags: รักซึ้ง พิมพ์อัปสร เตชน์ ภพรัก พบรัก

ตอน: บทที่ 2/2 คุณมากับฝน (จบตอน)

เตชน์คลับคล้ายได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งแว่วผ่านเข้ามาในหู

“คุณ...คุณ” เสียงนั้นค่อนข้างหวาน สะดุดหูไม่น้อย หากเมื่อชายหนุ่มเพ่งพิศไปรอบๆกาย เขาก็มองไม่เห็นอะไรมากไปกว่าความว่างเปล่าของค่ำคืนวันฝนตกพรำ

บ่ายวันนี้เตชน์ตัดสินใจขับรถกระบะเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อติดต่อกับบรรดาร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปถึงสำนักงานหลายแห่งในการขอเข้าไปซื้อขยะจากร้านเหล่านั้น ชายหนุ่มตั้งใจจะขับรถกลับโรงงานในช่วงหัวค่ำ แต่เขาก็มานั่งแวะทานก๋วยเตี๋ยวยังรถเข็นแห่งหนึ่งริมถนนเสียก่อน

“ท่าจะหูฝาดไปเอง” เตชน์พึมพำกับตัวเอง พร้อมกับเดินกลับมายังรถยนต์

บริเวณริมถนนไม่ใหญ่นักในค่ำวันนี้ แสงไฟจากเสาริมฟุตปาธส่องให้เห็นส่องให้เห็นพื้นดินว่างเปล่าเต็มสองข้างทาง เลยจากจุดที่เขาเพิ่งเดินจากมาไม่ไกลนักมีรถเข็นขายร้านก๋วยเตี๋ยวตั้งอยู่ริมฟุตปาธ ห่างออกไปคือร้านขายข้าวมันไก่และข้าวต้มยามดึก บนโต๊ะพลาสติกริมฟุตปาธมีชายหญิงอยู่เพียงคู่เดียวนั่งรับประทานอาหารอยู่

เตชน์เปิดประตูรถกระบะของตัวเองกลับขึ้นมานั่งประจำที่ ระหว่างนั้นเสียงเพลงจากโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น

“โรงงานของนายเป็นไงบ้างว่ะ” เสียงของธนชัยดังผ่านมาทันทีเมื่อเขายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู

“ก็เรื่อยๆพออยู่ได้ นี่ฉันก็เพิ่งเข้ากรุงเทพฯมา ว่าจะมาลองมาคุยกับพวกร้านอาหารแถวนี้เพิ่ม”

“อ้าว อยู่กรุงเทพฯรึ กำลังจะออกไปกินเหล้ากับเพื่อนพอดี ไปด้วยกันเปล่า” คนปลายสายถามมา ไม่รอให้เตชน์มีเวลาตัดสินใจคิดเท่าไร บอกสถานที่นัดหมายมาพร้อมกับกำชับส่งท้าย “คลายเครียดเสียบ้าง นายไม่เจอหน้าเพื่อนฝูงมานานเท่าไรแล้ว”

“เออ ไปก็ได้ แล้วเจอกัน” เตชน์รับคำอย่างจำใจ

ท้ายสุดเขาก็ขับรถมายังผับแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมือง แสงไฟสลัวจากหลอดไฟตามต้นไม้ ทำให้อาคารสองชั้นซึ่งตั้งลึกเข้าไปแลดูเด่นอยู่ท่ามกลางแสงสีของหลอดไฟนีออนหลากหลายสีสัน เตชน์จอดรถยนต์ของตัวเองไว้ในลานจอดรถตั้งห่างออกมาค่อนข้างไกล เนื่องจากเวลานี้เลยช่วงใกล้ค่ำมาพอสมควรแล้ว รถยนต์บริเวณหน้าผับจึงค่อนข้างหนาตา

ชายหนุ่มกวาดตามองรถยนต์รอบข้างซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นรถซีดาน ไม่ใช่กระบะอย่างของเขา ส่ายหน้าเล็กน้อย รู้สึกว่าผับแห่งนี้อาจหรูไปสำหรับฐานะของตนในเวลานี้ แต่ด้วยความอยากพบหน้าเพื่อนฝูงทำให้เขาตัดสินใจขับรถมาหาธนชัย ชายหนุ่มปิดประตูรถลง เดินตรงเข้าไปในอาคารซึ่งมีเพียงแสงไฟสลัวและเสียงเพลงดังกึกก้องขึ้นมาทันทียามเมื่อเปิดประตูกระจกเข้าไป

หลังจากใช้เวลาแหวกฝูงชนอยู่นานพักใหญ่ ในที่สุดเขาก็เดินเข้ามาถึงโต๊ะกลมตัวหนึ่ง มีชายหนุ่มสี่ห้าคนยืนจับกลุ่มคุยกันอยู่

“ไอ้เตชน์มาแล้ว” ใครคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยขึ้น

“เฮ้ย หายหน้าไปนาน ไม่คิดถึงเพื่อนฝูงบ้างเลยนะ” เพื่อนคนหนึ่งร้องทักพร้อมกับยกมือขึ้นกอดคอชายหนุ่ม

เตชน์ใช้เวลาพูดคุยอยู่กับเพื่อนในกลุ่มพักใหญ่ พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นเพื่อนที่ยังคบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ในความจริงแล้วชายหนุ่มก็ไม่ได้รู้สึกสนิทสนมกับใครมากเป็นพิเศษ ยกเว้นธนชัย

“ขอน้ำเปล่าดีกว่า เดี๋ยวต้องขับรถกลับอีก” เตชน์ยกมือปฏิเสธเพื่อนเมื่ออีกฝ่ายยกแก้วเหล้ามาให้

ธนชัยพยักหน้า ไม่ได้คิดเซ้าซี้เพื่อนรักมากนักเพราะรู้นิสัยกันดี

“เออ ว่าจะบอก พอดีที่โรงงานฉันจะหาคนมาซื้อขยะเจ้าใหม่ นายสนรึเปล่าจะได้ถามมาให้”

“สนสิ ฉันเพิ่งได้ใบรง. 105 มา กำลังคิดอยู่ว่าจะทำอะไรที่มันได้มากกว่าการเก็บขยะตามร้านอาหาร” เตชน์บอกพร้อมกับซักถามอีกฝ่ายด้วยความสนใจ “แล้วโรงงานนายมีอะไรบ้าง”

“ก็พวกเศษเหล็กปั๊ม แล้วตอนนี้ก็มีเครื่องจักรเก่าบางตัวที่ใช้งานไม่ได้แล้ว”

เตชน์พยักหน้ารับคำอีกฝ่าย แล้วจึงสอบถามรายละเอียดคร่าวๆของโรงงานที่เพื่อนเขาทำงานอยู่เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการเข้าไปเสนองาน



หลังจากพูดคุยกันได้พักใหญ่ ชายหนุ่มก็ตัดสินใจขอตัวจากกลุ่มเพื่อนเมื่อเหลือบมองเข็มนาฬิกา เห็นเวลาเกือบเข้าใกล้วันใหม่แล้ว

“โชคดีว่ะ แล้วฉันจะลองไปเลียบๆเคียงๆเฮียให้ปล่อยงานให้นายละกัน” ธนชัยตบบ่าเพื่อน

เตชน์พึมพำขอบคุณอีกฝ่าย รู้ดีว่าเฮียที่ธนชัยพูดก็คือพี่ชายที่เป็นเจ้าของโรงปั๊มโลหะแห่งใหญ่ในจังหวัดชลบุรีนั่นเอง

“ขอบใจ ถ้าไม่ได้นาย ชีวิตนี้ฉันคงลืมตาอ้าปากใหม่ไม่ได้” ชายหนุ่มบอกเพื่อนด้วยความซึ้งใจ

“ไม่จริงหรอก เพราะตัวนายเองต่างหากทำให้มีวันนี้” ธนชัยส่ายหน้า ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำให้จะมากมายอะไร เพราะชายหนุ่มเชื่อว่าการลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งของเตชน์เกิดจากตัวตนของเขาล้วนๆ

สิบหน้านาทีต่อมา ชายหนุ่มก็เดินกลับออกมายังบริเวณลานจอดรถหน้าผับ ขณะกำลังจะไขกุญแจขึ้นรถ จู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกดังมาจากมุมมืดด้านหนึ่งของลาน

“ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ปล่อยฉันนะไอ้บ้า”

เพราะน้ำเสียงเล็กๆบ่งชัดว่าคนร้องน่าจะเป็นผู้หญิง ทำให้เตชน์ไม่อาจนิ่งดูดาย ตัดสินใจยัดกุญแจกลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง วิ่งตรงไปหาต้นเสียง เมื่อมาถึงเขาก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งในชุดเสื้อแขนกุดกระโปรงยีนส์สั้นถูกชายร่างสูงซึ่งกำลังเมามายโอบกอดไว้เกือบทั้งตัว สีหน้าจวนเจียนจะร้องไห้กับท่าทีผลักไส ทำให้เตชน์แทบไม่ต้องเสียเวลาคิด ตรงดิ่งเข้าไปผลักร่างของผู้ชายคนนั้นล้มคว่ำลงกับพื้น พร้อมกับดึงร่างบางให้มายืนแอบอยู่ด้านหลัง

“อา-ไร-ว่ะ มึง-เป็น-คราย” น้ำเสียงอ้อแอ้ บ่งชัดว่าคนพูดไม่มีสติมากนัก

“เมามากแล้วนะคุณ กลับบ้านไปเถอะ” ชายหนุ่มบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสุภาพ

แต่คนเมาตรงหน้าดูจะไม่ได้รับรู้ถึงคำพูดเขานัก

“ยุ่ง-อา-ไร” คนตรงหน้ายกหมัดขึ้น ตั้งท่าจะพุ่งเข้ามาใส่เขา

ทว่า ท่าทีป้อแป้นั้นไม่ได้สร้างความกังวลให้เตชน์เท่าไรนัก ชายหนุ่มตัดสินใจจูงมือหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายให้ถอยห่าง

แต่ดูเหมือนเขาจะประมาทเกินไป เมื่อคนเมาด้านหลังหันไปคว้ามีดพกในกระเป๋ากางเกงขึ้นมากระโจนใส่

“ว้าย! คุณ ระวัง!”

เสียงร้องด้วยความตกใจของคนข้างกายทำให้เตชน์เอี้ยวตัวหลบได้ทัน หากต้นแขนของเขาก็ยังเฉียดโดนปลายมีดบาดเป็นทางยาว เตชน์ตัดสินใจพุ่งหมัดกลับไปหาคนด้านหลัง ร่างโอนเอนอยู่แล้วในทีแรกเลยได้ล้มคว่ำลงไปต่อหน้าต่อตา

“พิมพ์ เกิดอะไรขึ้น ว้าย! ตายแล้ว” เสียงของหญิงสาวที่วิ่งหน้าตั้งออกมาจากในผับอุทานขึ้น ตรงดิ่งมาคว้าตัวคนด้านหลังเขาเข้าไปสวมกอดทันที

“พิมพ์ไม่เป็นไรค่ะ พอดีพี่เขามาช่วยพิมพ์ไว้พอดี” สาวผู้เคราะห์ร้ายบอกกับเขา พยายามขืนตัวออกจากอ้อมแขนของหญิงสาวอีกคนหนึ่ง หันกลับมาหาเขา

ดวงหน้ารูปไข่ ประกอบไปด้วยจมูกโด่งรั้นเล็กๆและริมฝีปากบางสีชมพูสะดุดตาเขาอย่างจัง โดยเฉพาะนัยน์ตาสีน้ำตาลใสราวลูกแก้วภายใต้แพขนตาหนา ซึ่งกำลังเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาขอบคุณ ทำเอาคนเคยผ่านโลก ผ่านความรักมานับครั้งไม่ถ้วนถึงกับนิ่งขึงไป

“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” เสียงหวานบอกเขา ก่อนนัยน์ตาคู่สวยจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อหันไปเห็นรอยเลือดซึมออกมาบริเวณต้นแขนข้างซ้าย “ตายแล้ว คุณเลือดไหลนี่นา”

ท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อนและสีหน้าตกใจของอีกฝ่าย ทำให้เตชน์ยิ้มออกมาได้

“ยังไม่ตายครับ แผลแค่นี้ไกลหัวใจ” เตชน์บอกอย่างไม่ทุกข์ร้อน

ผิดกับอีกฝ่าย เธอรีบหันไปร้องเรียกหนุ่มสาวทางด้านหลัง

“พี่พลอยคะ ทำไงดี พิมพ์ว่าพาเขาไปโรงพยาบาลดีไหม” เธอหันไปถามผู้หญิงอีกคน ซึ่งเตชน์พอจะเริ่มเดาได้ว่าน่าจะเป็นพี่สาวของเธอ เพราะดวงหน้าที่ละม้ายคล้ายกัน หากแต่คนตัวเล็กด้านหน้าเขาแลดูเด็กและน่ารักกว่า

น่ารักเหรอ นี่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่... ชายหนุ่มสลัดศีรษะตัวเองทันที จึงได้ยินเสียงผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ข้างคนเป็นพี่สาวเอ่ยถามกลับมา

“ไปโรงพยาบาลเถอะ เดี๋ยวพวกผมรับผิดชอบเอง”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ แผลแค่นี้ไม่ได้หนักหนาอะไร” เตชน์ส่ายหน้าปฏิเสธ

ความจริงเขาก็คิดจะไปโรงพยาบาลเพื่อทำแผลอยู่เหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าจำเป็นต้องให้ใครมาออกค่าใช้จ่ายให้ เตชน์จึงตัดสินใจลาสองสาวกับหนึ่งหนุ่มตรงหน้า หากมือเล็กๆที่ถือวิสาสะมารั้งแขนไว้ก่อน กลับทำให้เขาไม่อาจก้าวขาออกไปได้

“ขอร้องนะคะ ให้ฉันได้ทำอะไรให้คุณบ้าง คุณอุตส่าห์มาช่วยไว้แท้ๆ” ทั้งน้ำเสียงและแววตาอ้อนวอนของคนตัวเล็กกว่า กลืนคำปฏิเสธลงไปในคอแทบจะในทันที

“ให้พวกผมรับผิดชอบเถอะ ขืนคุณไปตอนนี้ยายพิมพ์คงรู้สึกผิดไปอีกนาน” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งบอกกับเขาพร้อมกับส่งกุญแจรถให้หญิงสาวข้างกาย โดยไม่รอให้เขาเอ่ยปากใดๆ “คุณพาพิมพ์กับคุณคนนี้ไปโรงพยาบาลเถอะ ผมเห็นอยู่โรงหนึ่งตรงหน้าปากซอยนี้เอง เดี๋ยวผมขอจัดการเรื่องทางนี้ก่อน” เขาบอกเมื่อเหลือบเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของผับกำลังวิ่งตรงมาหา

“ค่ะ งั้นคุณไปรถฉันนะคะ” หญิงสาวเจ้าของชื่อพลอยหันมาบอกเขา

ท้ายสุดเตชน์เลยต้องยอมเดินตามสองสาวพี่น้องไป โดยตลอดเวลาที่ขับรถมาจนถึงโรงพยาบาล เขาสังเกตเห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลหวาน คอยเหลือบมองมายังบาดแผลเขาเป็นระยะด้วยท่าทีเป็นกังวล



การทำแผลไม่ได้มีอะไรยุ่งยากมากนัก ชายหนุ่มถูกนำตัวมายังห้องฉุกเฉินก่อนเจ้าหน้าที่พยาบาลทั้งหลายจะช่วยกันเย็บแผลให้เขา ไม่นานนักร่างสูงก็เดินออกมาจากห้องโดยมีผ้าพันแผลปิดทับบริเวณต้นแขนด้านซ้ายไว้

ทันทีที่เดินออกมายังบริเวณทางเดินของโรงพยาบาล ร่างแบบบางในชุดเสื้อแขนกุดกระโปรงยีนส์สั้นก็ตรงดิ่งเข้ามาหาเขาทันที

“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บมากไหม”

เพราะน้ำเสียงไม่สู้ดีและแววตากลมใสไม่ยอมละไปจากต้นแขน ทำเอาคนเริ่มปวดแผลแทบจะหายปวดเป็นปลิดทิ้ง เตชน์ส่งยิ้มอ่อนๆไปให้คนตรงหน้า นึกอยากจะยกมือไปลูบศีรษะทุยซึ่งมีผมสีดำปกคลุมอยู่เคลียไหล่ หากชายหนุ่มก็ยังคงยั้งมือตัวเองไว้ทัน เมื่อนึกได้ถึงการควรไม่ควร

“บอกแล้วว่าแผลแค่นี้ไกลหัวใจ ผมไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณที่เป็นห่วง”

จบคำพูดเขา ดวงหน้ารูปไข่ก็ส่งยิ้มหวานมาให้อีกครั้ง

“ฉันต่างหากต้องขอบคุณคุณ ถ้าไม่ได้คุณ ป่านนี้คงแย่ เฮ้อ รู้งี้นอนเล่นเกมอยู่กับบ้านดีกว่า ไม่น่าตามพี่พลอยมาเลย” เสียงเล็กใสของคนข้างตัวบ่นงึม

เธอขณะพาเขาเดินเข้ามานั่งรอบริเวณจ่ายยา โดยมีพี่สาวขอตัวไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ยอมให้เขาได้ลุกตามไป

“มาเที่ยวผับกับพี่เหรอ ถามจริงอายุถึงรึเปล่า”

“แหม ถึงสิคะ” เธอบอกกลับมาก่อนจะสารภาพ “ความจริงก็เพิ่งจะถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้วเอง”

“แปลว่าเพิ่งมาครั้งแรกสิ”

ดวงหน้ารูปไข่พยักหน้ารับทันที พร้อมกับรอยยิ้มแหยๆ

“ก็เห็นพี่พลอยชอบออกมาเที่ยวกับเพื่อน ฉันก็เลยอยากรู้ว่าในผับมันเป็นยังไง เหมือนที่เคยเห็นในทีวีรึเปล่า”

“แล้วมันเหมือนไหม”

แววตาสุกใสและดวงหน้าหวานละไมทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วจึงเอ่ยตอบกลับไป

“เหมือนนะ แต่ว่ามันเหม็นบุหรี่แล้วก็เสียงดังมาก ไม่ค่อยชอบเลย แถมมาเจอพวกผู้ชายลามกอีก น่ากลัวชะมัด” หญิงสาวบ่นออกมาเป็นชุด

“ไม่ชอบก็อย่ามาบ่อยนัก แล้วเวลามาสถานที่พวกนี้ก็ไม่ควรไปไหนมาไหนคนเดียว มันอันตรายมากรู้ไหม”

“ก็ข้างในมันหนวกหู แค่จะเดินออกมาคุยโทรศัพท์แป๊บเดียวเอง” เสียงหวานๆไม่วายบ่น คนอาวุโสกว่าเลยได้แต่ส่ายหน้า กึ่งระอากึ่งขันกับท่าทีของเด็กเพิ่งโตอย่างเธอ

เตชน์นึกอยากจะเอ่ยปากเตือนอีกฝ่ายออกไปอีกสักชุด แต่เขาก็ไม่ได้ทำอย่างใจคิดเมื่อพี่สาวของเธอเดินกลับมาพร้อมกับถุงยาในมือ

“ยาของคุณค่ะ แล้วก็ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยน้องฉันไว้” เธอบอกพร้อมกับยกมือพนมไหว้เขา พลอยให้คนตัวเล็กที่นั่งคุยกับเขามานานยกมือขึ้นไหว้ตาม

“ไม่เป็นไรครับ ทีหลังจะไปไหนมาไหนก็ต้องระวังตัวไว้ด้วย สังคมสมัยนี้อันตรายขึ้นมาก” เตชน์ได้ทีจึงตักเตือนสองพี่น้อง

หลังจากนั้นเขาก็นั่งรถยนต์ของสองสาวกลับมายังลานจอดรถ เห็นชายหนุ่มซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแฟนของคนพี่ยืนคุยอยู่กับผู้จัดการผับ แต่หลังจากเขาแจ้งความจำนงว่าจะไม่เอาเรื่องคนเมา รวมถึงตัวหญิงสาวผู้เสียหายเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความใดๆทั้งหมดจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน

ระหว่างทางจะเดินกลับมาขึ้นรถกระบะของตัวเอง เตชน์ได้ยินเสียงเล็กๆร้องตะโกนเรียกมาจากทางด้านหลัง

“เดี๋ยวก่อนคุณ” ชายหนุ่มหันกลับไปเห็นร่างแบบบางวิ่งตรงมาหาเขา

“ผมเพิ่งบอกไปไม่ใช่เหรอว่า ไม่ให้เดินออกมาในที่มืดๆตามลำพังแบบนี้” เตชน์โคลงศีรษะด้วยความอ่อนใจ

แต่อีกฝ่ายกลับส่งยิ้มสดใสมาให้ นัยน์ตากลมโตเงยขึ้นมองเขาตาแป๋ว

“ก็คุณเดินเร็วเสียจนฉันกลัวตามมาไม่ทันนี่นา” เธอบอกอย่างไม่ทุกข์ร้อน พร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งซึ่งเขาจำได้ว่าเป็นกระดาษรองแก้วภายในผับมาให้

ตัวอักษรตัวโตพร้อมชื่อ อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ ทำให้เขาได้แต่ยิ้มด้วยความอ่อนใจ

“เป็นผู้หญิง เอาเบอร์มาให้ผู้ชายก่อนแบบนี้ไม่ดีรู้ไหม” เตชน์บ่น แต่ก็ยอมพับกระดาษแผ่นนั้นเก็บลงในกระเป๋าเสื้อ

“เพราะคุณช่วยฉันไว้ต่างหาก ฉันถึงกล้าให้ แล้วคุณล่ะคะ ขอเบอร์หรือไม่ก็อีเมลได้ไหม ฉันจะได้รู้ว่าแผลของคุณหายดีแล้วรึยัง”

ท่าทีใสซื่อและแววตาวาวราวลูกแก้ว ทำให้เตชน์เชื่อในคำพูดของเธออย่างไม่มีข้อแม้ ชายหนุ่มตั้งใจจะหยิบปากกาขึ้นมาจดเบอร์ให้อีกฝ่าย หากวูบหนึ่งเขากลับส่ายหน้าพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนๆมาให้

“เอาไว้ผมโทร.ไปหาคุณเองดีกว่า มาเถอะ ผมจะเดินไปส่งคุณคืนให้พี่สาว” เขาบอกพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งแตะแผ่นหลังบอบบาง

“แต่ว่า...” คนตัวเล็กกว่าตั้งท่าจะค้าน หากเตชน์กลับชิงพูดก่อน

“สัญญากับผมได้ไหม คราวหลังอย่าเที่ยวให้เบอร์ใครแบบนี้อีก แล้วก็ไม่ควรขอเบอร์จากผู้ชายคนไหนด้วย” น้ำเสียงดุๆเอ่ยปราม

“ถ้าสัญญาแล้วคุณจะโทร.มารึเปล่า” เสียงหวานถาม เป็นผลให้เขายิ้มอีกครั้ง มันเป็นรอยยิ้มที่เขาเคยคิดว่าเลือนหายไปนานแล้ว แต่วันนี้มันกลับมาแตะแต้มบนดวงหน้าคมคายอีกครั้ง

“ครับ” เพียงแค่คำตอบรับสั้นๆเขาก็ได้เห็นรอยยิ้มกว้างสดใส

“สัญญาแล้วนะ ห้ามผิดสัญญาเด็ดขาด”

________________________________________________________________
Note: รง.105 คือใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน ลำดับที่ 105 เป็นโรงงานคัดแยกขยะชนิดที่สามารถซื้อขายได้และไม่อันตราย

ปล. ขอ like กับ คอมเม้นเป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนะคะ^^





ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ต.ค. 2555, 10:51:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ต.ค. 2555, 10:51:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1841





<< บทที่ 2/1 คุณมากับฝน   
ริญจน์ธร 29 ต.ค. 2555, 10:59:36 น.
ตอบคอมเม้นค่า
คุณ lovemuay ตอนนี้น่าจะพอเฉลยให้เห็นแล้วเนอะว่าพระนางไม่ได้อยู่ด้วยกันค่า แต่จะเจอกัน(อีกที)เมื่อไร อิอิ ไม่บอกค่า @^^@

คุณ หมูอ้วน เดี๋ยวมีเฉลยแน่นอนค่ะ อีกไม่นานเกินรอแน่

คุณ ameerahTaec อ่านตอนนี้จบแล้ว ยังงงอยู่ไหมอ่ะคะ แอบอุบอิบไม่อธิบายก่อนดีกว่า อยากทราบความเห็นคนอ่านจริงๆว่างงรึเปล่าค่า

คุณ goldensun หมายถึงหนูพิมพ์ใช่ไหมคะ เตชน์ยังไม่เห็นหนูพิมพ์ค่า แต่ก็เจอกันแล้วเนอะ (เอ๊ะ ยังไง )

คุณ Pat ตอนนี้น่าจะเป็นคำตอบได้นะคะ ^^ ช่ายแล้ว ไม่ได้อยู่ด้วยกันค่า

คุณ ZodicMoon เจอกันแล้วน้า ^^


หมูอ้วน 29 ต.ค. 2555, 11:40:49 น.
ตามลุ้นตอนต่อไปค่ะ เดาไม่ถูกเลย หุหุ


goldensun 29 ต.ค. 2555, 13:17:13 น.
สรุปว่าพิมพ์เพิ่งรู้จักเตชน์ตอนนี้สินะคะ แล้วตอนยังเด็กด้วย
แต่ตอนก่อนหน้าพิมพ์ทำงานแล้ว งั้นยุคพิมพ์ก็เป็นอนาคต
เหมือนน่าจะติดต่อกัน แต่เตชน์ไม่ติดต่อใช่มั้ยคะ อนาคตของพิมพ์ถึงไม่มีเตชน์


ameerahTaec 29 ต.ค. 2555, 13:24:16 น.
ไม่งงแล้วค่า แอบชอบพระเอกอีกแล้ว ดูนิดๆๆ


patok 29 ต.ค. 2555, 15:18:01 น.
ง่า อ่านแล้วงง เด๋วกลับไปอ่านใหม่ก่อน


lovemuay 29 ต.ค. 2555, 16:54:21 น.
แอบงง เอ่อพระเอกย้อนเวลามาได้ไงหว่า?


ริญจน์ธร 29 ต.ค. 2555, 17:47:39 น.
อ๊ายยย คนเขียนยังไม่อยากอธิบายเลยอ่ะ (แต่คันไม้คันมือยิกๆ) มีใครงงตรงไหนบอกกันหน่อยนะค้า


pukpuiplern 29 ต.ค. 2555, 19:57:12 น.
รออ่านตอนต่อไปค่ะ ยังมึนๆตามไม่ทัน


Zephyr 30 ต.ค. 2555, 21:17:49 น.
เจอกันตอนพิมพ์เด็กๆสินะคะ
พอพิมพ์โต ก็ แก่พอดี อะฮ่าๆ ล้อเล่นๆ พี่มูน
อืม แล้วไงน้า เตชน๋น่าจะข้ามไปนะ ตอนหนุ่มๆ ให้พิมพ์ โตแล้วข้ามไป คง... พี่เตชน์หงำเหงือก อิอิ


patok 1 พ.ย. 2555, 16:35:44 น.
เอะ


ตอนแรก พิมเห็นเตช์ แต่เตชน์ไม่เห็นพิมพ์
ตอนหลัง ก็เห็นกันและกัน แล้วสรุปว่าข้ามมิติ อะไรกันตอนไหนอ่ะ มึนๆ


Lychee 29 พ.ย. 2555, 20:32:08 น.
สนุกค่ะ คล้าย เรื่อง
อิล มาเร่ ที่ชอบค่ะ


KeeRa 2 ก.พ. 2556, 14:51:50 น.
คุณเตชน์กินเด็กสินะคะ >///<b


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account