วิวาห์ลวง...ใช้หนี้รัก
เมื่อน้องชายหายตัวไปพร้อมกับข้อกล่าวหายักยอกเงินบริษัทไป 20 ล้านบาท
ทำให้ ‘แพรวรุ้ง’ ในฐานะพี่สาวและผู้ค้ำประกัน ต้องรับผิดชอบอย่างเสียไม่ได้
แต่ลำพังเงินเดือนอาจารย์ไม่กี่หมื่นบาทจะให้ผ่อนชำระหนี้ก็คงต้องแก่ตายกันไปก่อน
‘ต้นกล้า’ เจ้าหนี้ที่แสนใจดี จึงเสนอให้เธอมาแต่งงานเป็นเมียหลอกๆ เป็นเวลา 5 ปี
โดยตลอด 5 ปีนี้ เธอต้องทำหน้าที่ดูแลบุตรชายวัย 6 ขวบ
และช่วยกีดกันบรรดาผู้หญิงหมายจะมาจับเขา
‘แพรวรุ้ง’ ไม่มีทางเลือกอื่นใด อีกทั้งเธอไม่เชื่อว่าน้องชายจะเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา
เธอจึงจำยอมรับข้อเสนอนี้ และพยายามสืบหาความจริงที่เกิดขึ้น
โดยยิ่งใกล้ความจริงเมื่อไหร่ อันตรายก็เพิ่มขึ้นเท่านั้น
ทำให้ ‘ต้นกล้า’ ต้องกระโดดเข้ามาปกป้องลูกหนี้คนนี้ด้วย ‘หัวใจ’
และคราวนี้ ‘แพรวรุ้ง’ ก็เต็มใจจ่ายคืนเขาด้วย ‘หัวใจ’ เช่นกัน

Tags: วิวาห์ลวง...ใช้หนี้รัก, ช่อสุนันท์, ต้นช่อ, วิวาห์ลวง

ตอน: ใช้หนี้(รัก)งวดที่ 5



ต้นกล้าพาแพรวรุ้งมายังห้องรับแขกที่ตกแต่งอย่างหรูหรา มีตู้โชว์ใสวางเรียงของสะสมเครื่องปั้นดินเผาเบญจรงค์ที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ผนังห้องประดับด้วยภาพวาดฝีมือของจิตรกรชื่อดัง

“อ้าว มากันแล้วเหรอจ๊ะ” คุณหญิงสุภัสสรลุกจากโซฟามาต้อนรับด้วยหน้าตายิ้มแย้ม จึงทำให้แพรวรุ้งรู้สึกหายเกร็งไปเปลาะหนึ่ง

“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้หญิงสูงวัย

“นี่น่ะเหรอผู้หญิงที่ว่าจะพามาให้แม่รู้จัก” ว่าแล้วคุณหญิงก็กวาดตามองหญิงสาวผิวขาว ใบหน้ารูปไข่ของเธอประดับด้วยแว่นสายตา ผมยาวถูกรวบมัดตึงแล้วม้วนเก็บเป็นมวยตรงท้ายทอย การแต่งกายก็ดูเรียบร้อย เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนสามส่วนพอดีตัวกับกระโปรงทรงแคบสีเทาเข้มยาวพอดีหัวเข่าก็รู้สึกพอใจ

“ครับ” ต้นกล้ายิ้มรับก่อนจะแนะนำหญิงสาวที่พามาให้มารดารู้จักอย่างเป็นทางการ “คุณแม่ครับนี่ ดร.แพรวรุ้ง ธัญพิสิษฐ์ ครับ” เขาจงใจบอกวุฒิการศึกษาของเธอ เพื่อให้มารดาเปิดใจรับเธอได้เร็วขึ้น “แพรวรุ้ง...นี่ คุณหญิงสุภัสสร แม่ของผมเอง”

“สวัสดีค่ะ” แพรวรุ้งยกมือไหว้อีกครั้ง เลยทำให้คุณหญิงสุภัสสรยิ่งรู้สึกพอใจมากขึ้นไปอีก

“จ้ะ สวัสดีจ้ะ...มาเหนื่อยๆ มานั่งพักกันก่อนเถอะ”

“แล้วนี่ตาพีพียังไม่กลับจากโรงเรียนเหรอครับ”

“กลับมาแล้วจ้ะ พอมาถึงก็ไปเล่นที่บ้านตาน้ำทันที แต่เดี๋ยวก็คงมาพร้อมกับหนูฟ้าและตาน้ำน่ะ”

และยังไม่ทันที่แพรวรุ้งกับต้นกล้าจะนั่งลงบนโซฟา เสียงใสก็ดังขึ้นมา เด็กชายพีรพลที่ยังอยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียนวิ่งโผมาหาชายหนุ่ม

“คุณพ่อกลับมาแล้ว”

แพรวรุ้งมองเด็กชายหน้าตาน่ารักน่าชังก็คาดเดาว่าอดีตภรรยาของต้นกล้าน่าจะเป็นชาวต่างชาติ ก็ใบหน้าเล็กๆ นั้นมีดวงตากลมโต จมูกน้อยๆ โด่งอย่างเห็นได้ชัด เส้นผมก็สีน้ำตาลอ่อนไม่เหมือนธรรมชาติของคนแทบเอเชีย

“พีพีครับ สวัสดีอาแพรงรุ้งสิครับ”

“สวัสดีครับ” เด็กชายพีรพลยกมือไหว้อย่างว่าง่าย จึงทำให้แพรวรุ้งยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ

“สวัสดีค่ะ”

“แพรวรุ้ง...นี่พีพีลูกชายผม ส่วนนั่นก็ต้นน้ำกับพิมพ์ฟ้า น้องชายและน้องสะใภ้ผม” ต้นกล้าแนะนำสมาชิกในครอบครัวที่เหลือให้แพรวรุ้งรู้จัก โดยระหว่างนั้นเขาก็เฝ้ามองปฏิกิริยาของเธอว่าจะตื่นเต้นเหมือนผู้หญิงทั่วไปหรือเปล่าเมื่อเห็นน้องชายซุปเปอร์สตาร์ของเขา แต่เขาก็พบเพียงรอยยิ้มธรรมดา ไม่ได้ยิ้มกว้างพิเศษอะไร เขาจึงรู้สึกพอใจลึกๆ “ต้นน้ำ พิมพ์ฟ้า นี่แพรวรุ้ง ผู้หญิงที่พี่จะแต่งงานด้วย”

และคำกล่าวแนะนำตัวของต้นกล้าก็ทำให้ทุกคนมองไปทางแพรวรุ้งตาเดียว จนหญิงสาวต้องรีบหลบสายตาหนีอย่างอึดอัด และเริ่มคิดว่าตัวเองคิดผิดหรือเปล่าที่ตัดสินใจแบบนี้

เมื่อเห็นว่าทุกคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการแล้ว คุณหญิงสุภัสสรจึงเอ่ยออกมา “เอาล่ะ แม่ว่าเราไปนั่งคุยกันต่อที่โต๊ะอาหารกันอาหารดีกว่า”

“ครับ” ต้นกล้ารับคำก่อนอุ้มบุตรชายเดินนำไปยังโต๊ะอาหารฝังมุขขนาดสิบสองที่นั่ง โดยมีแพรวรุ้งเดินตามติดไม่ห่าง

พอชายหนุ่มจัดให้เด็กชายพีรพลนั่งบนเก้าอี้เสร็จเรียบร้อย เขาก็รีบเดินมาช่วยดึงเก้าอี้ให้แพรวรุ้งนั่ง ตามอย่างสุภาพบุรุษที่ดี

“ถ้าผมพูดอะไร คุณก็เออออตามผมนะ” เขากระซิบย้ำกับเธอ

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำเบาๆ

ต้นกล้าส่งยิ้มน้อยๆ ให้กำลังใจแพรวรุ้ง ก่อนเดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามของเธอ จากนั้นสาวรับใช้ก็นำอาหารเรียกน้ำย่อยมาเสิร์ฟ

“ปอเปี๊ยะทอดพวกนี้ พี่ทำเองนะครับฟ้า” ว่าแล้วต้นน้ำก็ตักปอเปี๊ยะทอดของโปรดของภรรยาใส่ในจานเธอ

“ขอบคุณค่ะ พี่น้ำ” พิมพ์ฟ้าส่งยิ้มหวานให้สามี ก่อนหันไปบอกแพรวรุ้งที่นั่งข้างๆ “ฟ้าเป็นภรรยาที่แย่ค่ะคุณแพรวรุ้ง ฟ้าทำอาหารไม่เป็นเลย แล้วคุณแพรวรุ้งล่ะคะ”

“แพรวรุ้งเขาทำอาหารเป็นทั้งของคาวของหวานเลยครับน้องฟ้า” ต้นกล้าตอบแทนเจ้าตัว

“จริงเหรอจ๊ะ” คุณหญิงสุภัสสรยิ้มถาม

“รุ้งพอทำได้แต่อาหารพื้นๆ เท่านั้นแหละค่ะ” แพรวรุ้งบอกอย่างถ่อมตัว

“ขนมเมอร์แรงที่ผมเอากลับมาบ้านเมื่อวันก่อน แพรวรุ้งเขาเป็นคนทำเองนะครับคุณแม่”

“ขนมสีชมพูที่อยู่ในขวดแก้วใช่ไหมครับคุณพ่อ” เด็กชายพีรพลถามแทรกขึ้นมา เมื่อได้ยินพวกผู้ใหญ่พูดถึงขนมสุดอร่อยที่เขาได้กินไปเมื่อหลายวันก่อน

“ใช่ครับ พีพีลองกินหรือยังครับ”

“กินแล้วครับ อร่อยมากเลย” เด็กน้อยยิ้มบอกพร้อมยกนิ้วโป้งชูประกอบ

“โห ถ้าทำขนมเมอร์แรงเป็นอย่างนี้เขาไม่เรียกว่าพื้นๆ แล้วล่ะค่ะ เอาไว้วันหลังฟ้าต้องขอเรียนทำขนมกับคุณแพรวรุ้งบ้างแล้วสิคะ”

“พีพีขอเรียนด้วยครับ” เด็กชายพีรพลรีบยกมือขึ้นมาทันที

“ค่ะ ได้ค่ะ” แพรวรุ้งยิ้มรับ ก่อนจะหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินคำถามของต้นน้ำ

“แล้วนี่คุณแพรวรุ้งรู้จักพี่กล้าได้ยังไงครับ”

“พี่กับแพรวรุ้งเจอกันที่โรงเรียนพีพีน่ะ”

และคำตอบของต้นกล้าก็ทำให้ทุกคนแปลกใจ ซึ่งรวมถึงแพรวรุ้ง แต่พอดวงตาคู่สวยใต้แว่นสายตาเห็นตราโรงเรียนบนชุดนักเรียนของเด็กชายพีรพล เธอก็ยิ้มเออออไปกับเขาทันที

“ที่โรงเรียนพีพี?” ต้นน้ำทวนคำอย่างสงสัย

“แพรวรุ้งเขาเป็นอาจารย์พิเศษสอนเด็กโตที่โรงเรียนที่พีพีเรียนอยู่น่ะ”

“คุณแพรวรุ้งสอนวิชาอะไรคะ” พิมพ์ฟ้าถามอย่างสนใจ

“วิชาเคมีค่ะ”

“เอาล่ะกินข้าวกันได้แล้ว เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อน” คุณหญิงสุภัสสรยิ้มบอกเมื่อเห็นว่าสาวรับใช้เริ่มนำอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วออกมาเสิร์ฟ

และระหว่างรับประทานอาหารก็มีการพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง แพรวรุ้งจึงรู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง อีกทั้งเธอเองก็เคยออกงานรับประทานอาหารกับผู้หลักผู้ใหญ่มาบ้าง เลยทำให้การรับประทานอาหารมื้อนี้ไม่ได้สร้างความหนักใจให้อย่างที่กังวลเอาไว้ จนกระทั่งรับประทานอาหารเสร็จสิ้น ความกังวลก็โหมกลับมา เมื่อต้นกล้าเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานของเขากับเธอ

“คุณแม่ครับ...ผมจะแต่งงานกับแพรวรุ้ง ถ้าไงผมรบกวนคุณแม่ช่วยหาฤกษ์และเตรียมงานแต่งงานให้ผมกับแพรวรุ้งด้วยได้ไหมครับ”

คำกล่าวของต้นกล้าทำให้ทุกคนในห้องอาหารเงียบกริบ เพราะไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าลูกชายคนโตของบ้านจะตัดสินใจสละโสดรอบสองกับผู้หญิงที่เขาพามาที่บ้านแค่ครั้งเดียว...

“ได้สิจ๊ะ” คุณหญิงสุภัสสรยิ้มบอกหลังจากตั้งสติได้

“ผมขอฤกษ์ที่เร็วที่สุดนะครับ”

“ว้าว...ใจร้อนเสียด้วย อยู่เป็นพ่อหม้ายเรือพ่วงมาตั้งหลายปี อยู่ๆ อยากขึ้นฝั่ง สงสัยคุณแพรวรุ้งต้องมีอะไรดีแน่เลยใช่ไหมครับพี่กล้า” ต้นน้ำกล่าวหยอกพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ เขาจึงได้สายตาเข้มของภรรยาส่งมา

“ก็คุณแพรวรุ้งทั้งน่ารัก ทั้งเก่งแบบนี้ ถ้าเป็นฟ้า ฟ้าก็จะรีบขอแต่งงานเหมือนกันค่ะ” พิมพ์ฟ้ายิ้มบอกก่อนหันไปทางแพรวรุ้ง “พี่กล้ากับคุณแพรวรุ้งให้ฟ้าช่วยเตรียมงานแต่งงานด้วยนะคะ”

“ได้สิครับ เราสองคนต้องให้น้องฟ้าช่วยอยู่แล้วครับ” ต้นกล้ายิ้มรับและตอบแทนแพรวรุ้ง

จนเมื่อเห็นแก่เวลา คุณหญิงสุภัสสรก็ให้นุ่มพาเด็กชายพีรพลขึ้นไปอาบน้ำเข้านอน ก่อนสั่งให้บุตรชายคนโตพาแพรวรุ้งกลับบ้านได้แล้ว

“ถ้างั้นรุ้งลาก่อนนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้หญิงสูงวัย

“จ้ะ แล้วแวะมาเที่ยวอีกนะ” คุณหญิงสุภัสสรรับไหว้และเอ่ยชวนอย่างเป็นกันเอง

“ค่ะ” แพรวรุ้งยิ้มรับก่อนหันไปบอกว่าสองสามีภรรยา “รุ้งไปก่อนนะคะคุณต้นน้ำ คุณพิมพ์ฟ้า”

“ครับ หวังว่าบ้านเราจะได้ต้อนรับคุณแพรวรุ้งอีกนะครับ แล้วพี่กล้าก็อย่างพาคุณแพรวรุ้งไปเถลไถลที่ไหนล่ะ” ต้นน้ำยิ้มบอกอย่างหยอกล้อจึงโดนพี่ชายส่งสายตาคาดโทษเอาไว้



“คุณรู้ได้ไงคะ ว่าฉันเป็นอาจารย์พิเศษสอนเด็กโตที่โรงเรียน... ด้วย” เธอเอ่ยปากถามชายหนุ่มหลังจากรถเคลื่อนออกไปจากบ้านของเขาได้สักพัก

“เรื่องนี้มันไม่ได้เป็นความลับอะไรไม่ใช่เหรอครับ นอกจากเรื่องนี้ผมยังรู้อีกว่าคุณเป็นอาจารย์ที่เข้มงวดมากแค่ไหน” ต้นกล้าหยอกหญิงสาว

“ฉันเข้มงวด เพราะฉันหวังดีกับเด็กๆ ต่างหาก” เธอบอก ก่อนถามสิ่งที่สงสัยต่อ “ว่าแต่ทำไมคุณไม่บอกฉันก่อนว่าคุณเป็นพี่ชายของคุณต้นน้ำ”

เมื่อแพรวรุ้งถามเรื่องต้นน้ำ ต้นกล้าหน้าตึงขึ้นมาทันที และอดที่จะพูดจาประชดประชันไม่ได้ “ทำไม คุณจะได้ติดกล้องไปขอถ่ายรูปคู่ หรือเอาซีดีไปขอลายเซ็นหรือไง”

“เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้เป็นพวกบ้าดารานักร้อง เพียงแค่ฉันแปลกใจนิดหน่อย อีกอย่างฉันก็ไม่เคยเห็นซีดีหรือเห็นคุณเปิดเพลงของน้องชายคุณเลย”

“ผมไม่ชอบเพลงแนวรักหวานซึ้งแบบต้นน้ำ” ชายหนุ่มบอกอย่างหงุดหงิด เขาไม่อยากให้เธอสนใจน้องชายเขามากกว่าเขา แต่แล้วความหงุดหงิดของเขาก็จางหายประดุจโดนน้ำเย็นสาดไล่ เมื่อได้ยินคำถามของหญิงสาว

“และคุณชอบเพลงแนวไหนคะ”

“ผมชอบแนวร็อค”

“จริงเหรอคะ”

“ทำไมครับ คุณไม่เชื่องั้นเหรอ ถ้าไม่เชื่อ คุณก็เปิดลิ้นชักตรงคอนโซลด้านหน้า หยิบกระเป๋าซีดีที่ผมเก็บไว้ออกมาดูสิ”

“ไม่ได้ไม่เชื่อ แต่ฉันไม่คิดว่านักธุรกิจมาดเนี้ยบอย่างคุณจะชอบเพลงร็อค” แม้ปากจะบอกว่าเชื่อ แต่แพรวรุ้งก็เปิดลิ้นลิ้นชักตรงคอนโซลด้านหน้าตามที่เขาบอก เธอหยิบกระเป๋าใส่ซีดีออกมาเปิดดูก็พบว่าส่วนใหญ่เป็นอัลบั้มวงร็อคยุค 80s

“แล้วคุณล่ะ ชอบเพลงแนวไหน”

“ฉันไม่มีแนวค่ะ เพลงไหนเพราะก็ชอบเพลงนั้นแหละ”

และคำตอบตรงๆ ง่ายๆ ของหญิงสาวก็ทำให้ชายหนุ่มคนถามต้องอมยิ้ม และก็ทำให้เขาอารมณ์ดีตลอดเส้นทางที่เหลือ เมื่อเธอไม่ได้เอ่ยถึงชื่อหรือให้ความสนใจน้องชายของเขาอีกเลย

“เดี๋ยวเสาร์นี้ผมจะมารับคุณไปที่บ้านผมอีกนะ” ต้นกล้าเอ่ยเมื่อรถเบนซ์อีคลาสสีบรอนส์คันหรูของเขามาจอดหน้าบ้านของแพรวรุ้ง

“เสาร์นี้เหรอคะ!” หญิงสาวร้องออกมาอย่างตกใจ

“ใช่...คุณไม่ว่างเหรอ” เมื่อเห็นเธออ้ำอึ้ง เขาจึงพูดเสียงเรียบ “ถ้าไม่ใช่ธุระสำคัญก็บอกเลิกไปซะ”

“และถ้าสำคัญล่ะคะ”

“ถ้าสำคัญก็บอกเลื่อนไปก่อน”

“สรุปเสาร์นี้ฉันต้องไปบ้านคุณใช่ไหม”

“ใช่”

“คนเอาแต่ใจ” ว่าแล้วเธอก็สะบัดหน้าก่อนลงจากรถ จึงทำให้เธอไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มกว้างของชายหนุ่มที่ขับรถมาส่ง



หลังจากวันนั้น แพรวรุ้งก็ถูกต้นกล้าพามาที่บ้านเกือบทุกวัน ไม่ใช่วันเสาร์วันนั้นวันเดียวอย่างที่เขาบอกในตอนแรก แต่ที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อที่เธอจะได้คุ้นเคยกับคนในครอบครัวเขา เวลาที่แต่งงานกันแล้ว เธอจะได้ไม่รู้สึกอึดอัด เพราะลึกๆ แล้วเขาก็รู้สึกเห็นใจแพรวรุ้งอยู่เหมือนกันที่ต้องมาชดใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แต่เขาก็จำต้องลากเธอเข้ามารับผิดชอบ ทั้งๆ ที่ปกติแล้วเขาคนประเภทตรงไปตรงมา ไม่เคยเล่นนอกเกมแบบนี้ แต่กับแพรวรุ้ง เขาถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย...เป็นข้อยกเว้น

ต้นกล้ายอมรับว่า เขาต้องการให้แพรวรุ้งมาช่วยเหลือเขาหลายเรื่อง และเรื่องที่สำคัญที่สุด ก็คือการดูแลบุตรชายของเขา ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะทำหน้าที่นั้นได้ดี เพราะสังเกตจากที่พักหลังมานี้ เวลาแพรวรุ้งมาที่บ้านทีไร บุตรชายของเขาก็จะวิ่งมาพร้อมกับสมุดการบ้าน จากนั้นทั้งคู่ก็จะช่วยกันั่งทำการบ้านจนเสร็จ หรือบางทีเวลาบุตรชายของเขาบอกอยากกินอะไร แพรวรุ้งก็เข้าครัวไปทำให้ โดยมีบุตรชายของเขาคอยเป็นลูกมือช่วยทำ เพียงแค่นี้มันก็ยิ่งตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาทำไปนั้นมันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

“วันนี้พระอาจารย์ให้ฤกษ์แต่งงานมาแล้วนะลูก” คุณหญิงสุภัสสรเอ่ยขณะนั่งรับประทานอาหารว่างกับต้นกล้า แพรวรุ้ง และน้องพีพี

“เมื่อไหร่ครับ”

“เดือนหน้าจ้ะ”

ได้ยินอย่างนั้นแพรวรุ้งก็สำลักสาคูไส้ปลาที่กำลังกินทันที เพราะเดิมทีเธอคิดว่าคงใช้เวลาอีกสักหกเดือนหรือสามเดือนเป็นอย่างต่ำ ถึงจะได้ฤกษ์แต่งงาน อันที่จริงเธอภาวนาให้หนึ่งปีด้วยซ้ำ

“แล้วอย่างนี้จะเตรียมงานทันเหรอคะ” หญิงสาวถามด้วยหวังว่าอาจมีการเลื่อนกำหนดการออกไป แต่คุณหญิงสุภัสสรกลับคิดไปอีกทาง

“ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ แม่จัดการเอง รับรองว่าทันแน่นอน หนูรุ้งไม่ต้องกังวลไปนะจ๊ะ”

“ค่ะ” แพรวรุ้งฝืนยิ้มรับ

“คุณพ่อครับ คุณพ่อจะแต่งงานกับอารุ้งเหรอครับ”

และคำถามของเด็กชายพีรพลก็ทำให้ผู้ใหญ่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น ต้องหันไปมองเด็กชายพีรพลกับต้นกล้าเป็นตาเดียว

“ครับ พ่อจะแต่งงานกับอารุ้ง อารุ้งจะมาเป็นแม่ใหม่ของพีพี” ชายหนุ่มตัดสินใจบอกความจริงกับบุตรชาย ก่อนเฝ้ารอดูปฏิกิริยาที่ส่งกลับมาด้วยใจระทึก

“อารุ้งจะมาเป็นแม่พีพี อย่างนี้ต่อไปพีพีก็จะมีแม่อยู่ด้วยเหมือนคนอื่นใช่ไหมครับ” เด็กชายพีรพลเอ่ยขึ้นมาหลังจากนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่สักพัก

“ใช่ครับ ต่อไปนี้พีพีจะมีแม่เหมือนคนอื่นๆ แล้ว”

เด็กชายพีรพลหันไปมองแพรวรุ้งที่ส่งยิ้มมาให้ ก่อนโผเข้าไปกอด จึงทำให้แพรวรุ้งไม่ทันตั้งตัวเกือบพลัดตกเก้าอี้ หญิงสาวลูบไล้ศีรษะกลมเล็กเบาๆ อย่างอ่อนโยน แม้จะได้เจอเด็กชายพีรพลไม่กี่ครั้ง แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าเธอหลงเสน่ห์เด็กชายตัวน้อยไปแล้ว

คุณหญิงสุภัสสรมองภาพตรงหน้าก็ต้องยิ้มออกมา ที่ต่อไปนี้ครอบครัวของบุตรชายคนโตจะสมบูรณ์สักที ส่วนตัวเจ้าของครอบครัวก็ยิ้มออกมาเช่นกัน แต่ด้วยความรู้สึกโล่งอก ที่ทุกอย่างเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี



เมื่อได้ฤกษ์แต่งงานมาเรียบร้อย ถัดจากนั้นไม่กี่วัน การ์ดแต่งงานก็ถูกพิมพ์และทยอยแจกจ่ายเชิญแขกมาร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรายชื่อแขกของทางครอบครัวฝ่ายเจ้าบ่าวมากกว่า เพราะตระกูลวริทธินันท์นั้นถือว่าเป็นตระกูลที่เรียกว่าเป็นตระกูลไฮโซก็ว่าได้ เป็นที่รู้จักทั้งในแวดวงสังคม แวดวงธุรกิจ และแวดวงบันเทิง ส่วนของฝ่ายเจ้าสาวก็มีแจกเพื่อนอาจารย์มหาวิทยาลัย กับเพื่อนสมัยเรียนไม่กี่คนเท่านั้น

และเนื่องจากต้นกล้าเป็นพ่อหม้ายลูกติดที่เป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ไม่ต่างกับต้นน้ำน้องชายที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ จึงทำให้ผู้ที่ได้รับการ์ดเชิญไปงานแต่งงานต่างแปลกใจและพากันสงสัยว่าหญิงสาวที่ถูกระบุบนการ์ดเป็นใครมาจากไหนแล้วมาแต่งงานกันได้อย่างไร ซึ่งก็รวมถึงวศินชายสูงวัยที่เป็นหนึ่งในคณะผู้บริหารของบริษัทและเป็นเพื่อนของบิดาต้นกล้าด้วย

“แต่งงาน! นี่กล้าจะแต่งงานจริงเหรอ” ชายสูงวัยร้องขึ้นมาอย่างแปลกใจ เมื่อต้นกล้านำการ์ดแต่งงานมาให้

“ครับ...ลุงวศิน” ต้นกล้ายิ้มรับ

“แล้วเจ้าสาวเป็นใคร มาจากไหนกันล่ะ” วศินถามด้วยน้ำเสียงปกติ ทั้งๆ ภายในใจนั้นอยากรู้ใจจะขาดอยู่แล้ว “ใช่เอมม่าหรือเปล่า” ชายสูงวัยหมายถึงนางแบบสาวที่เคยมีข่าวกับต้นกล้ามาก่อน

“เปล่าครับ เจ้าสาวของผม เธอเป็นอาจารย์ที่โรงเรียนของพีพีน่ะครับ”

“อ้อ ไม่น่าล่ะ ลุงถึงไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน...อันที่จริงลุงว่าน่าจะแค่หมั้นก็พอนะ รีบแต่งแบบปุบปับแบบนี้มันอาจจะถูกนินทาได้”

“คุณลุงก็รู้ว่าผมไม่สนเรื่องคำนินทา”

“เฮ้อ ถ้ายัยนกยูงรู้เรื่องนี้คงจะเสียใจแย่เลย” ชายสูงวัยเปรยขึ้นมาด้วยความหนักใจ เมื่อคิดถึงลูกสาวของตัวเอง

“ผมเชื่อว่าอนาคตข้างหน้านกยูงจะพบผู้ชายที่ดีพร้อมและเหมาะสมกับนกยูงมากกว่าผม...ถ้าไงผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” ว่าแล้วต้นกล้าก็ลุกยืนโค้งเล็กน้อยก่อนเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ทิ้งให้วศินต้องนั่งหน้าเครียด ก่อนจะทนไม่ไหวต้องรีบออกจากห้องทำงาน กลับบ้านก่อนเวลาที่กลับประจำ

“ทำไมวันนี้คุณพ่อ กลับบ้านเร็วจังเลยล่ะครับ” วีรภัทรหรือภัทรบุตรชายที่เพิ่งเรียนจบจากต่างประเทศและกลับมาอยู่ประเทศไทยได้ไม่กี่วันร้องถามอย่างแปลกใจ

“ยัยนกยูงอยู่ไหน” ชายสูงวัยไม่ตอบแต่ถามหาบุตรสาวเสียงหวน

“อยู่ในครัวครับ”

เมื่อรู้คนที่ตามหาอยู่ไหน วศินก็เดินตรงเข้าไปหาทันที โดยมีวีรภัทรรีบเดินตามไปด้วยความเป็นห่วงน้องสาว

“แกรู้เรื่อง ต้นกล้าหรือยัง” ชายสูงวัยร้องถามผู้เป็นบุตรสาวที่กำลังสั่งงานแม่บ้านเพื่อเตรียมอาหารมื้อเย็นอยู่

“เรื่องอะไรคะ”

“เรื่องที่ต้นกล้าจะแต่งงานไง” ว่าแล้ววศินก็ยื่นการ์ดแต่งงานให้

เมื่อกัญญารัตน์เปิดดูการ์ดสีทองที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงาม ดวงตากลมโตของเธอก็เบิกกว้าง มือข้างที่ว่างยกมือขึ้นมาทาบอก

“พี่กล้าจะแต่งงานเหรอคะ” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“ก็ใช่น่ะสิ ก็เพราะแกนั่นแหละ มัวแต่ยืดยาด สุดท้ายมีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้คาบไปกิน” วศินบอกอย่างหงุดหงิดก่อนใช้นิ้วผลักศีรษะบุตรสาว “แกนี่ละนะ ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจฉันเลย”

“นกยูง...” กัญญารัตน์พูดได้แค่นี้ก่อนน้ำตาจะไหลอาบสองแก้ม

“โอ้ย เอะอะก็ร้องไห้ เห็นแล้วรำคาญลูกตา” พูดจบชายสูงวัยก็กระแทกเท้าเดินออกไปด้วยความโมโห ไม่สนใจบุตรสาวที่สะอื้นตัวโยนด้วยความเสียใจ ทำให้วีรภัทรต้องดึงน้องสาวเข้ามากอด มือหนาลูบหลังไปมาอย่างอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรนะนกยูง ตอนนี้คุณพ่อกำลังโกรธน่ะ”

“พี่ภัทร...พี่กล้าจะแต่งงานแล้ว แล้วนกยูงจะทำยังไงดีคะ” หญิงสาวพึมพำกับอกพี่ชาย

“นกยูงก็ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น และไม่ต้องคิดมากด้วย ส่วนเรื่องคุณพ่อไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพอท่านอารมณ์เย็นแล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง”

วีรภัทรดันตัวกัญญารัตน์ออกมาสุดแขน แล้วเช็ดน้ำตาให้เธอ

“เข้มแข็งไว้นะ และทุกอย่างจะดีขึ้นเอง พี่สัญญา”

“ค่ะ นกยูงจะเข็มแข็ง พี่ภัทรไม่ต้องห่วงนะคะ” ว่าแล้วเธอก็ใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำตาที่เหลือบนใบหน้า ส่งยิ้มให้พี่ชาย

“ใครบอกว่าพี่ห่วงนกยูง พี่ห่วงกุ้งอบวุ้นเส้นของพี่ต่างหาก” วีรภัทรพูดหยอก จึงทำให้ใบหน้าของกัญญารัตน์ฉายแววเศร้าขึ้นมาทันที ชายหนุ่มเห็นแบบนั้นจึงขยี้ศีรษะผู้เป็นน้อง “พี่ล้อเล่นน่ะ นกยูงก็รู้ว่าพี่รักและเป็นห่วงนกยูงมากกว่าใครทั้งนั้น”

เมื่อได้ยินแบบนั้นกัญญารัตน์ก็ยิ้มกว้างก่อนโผกอดวีรภัทรอีกครั้ง ก่อนน้ำตาที่เหือดแห้งจะไหลออกมาอีกรอบ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็มีแค่พี่ชายคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่รักและปกป้องเธอ จึงทำให้เธอไม่เคยน้อยใจที่บิดาจะแสดงออกว่ารักพี่ชายมากกว่าเธอเลยสักนิด

“นกยูงก็รักและเป็นห่วงพี่ภัทรมากกว่าใครทั้งนั้นเช่นกันค่ะ”

“เอาล่ะ เราทำซึ้งกันพอแล้ว นี่ก็ใกล้มื้อเย็นเต็มที ถ้าไงพี่ออกไปข้างนอกก่อนดีกว่า จะได้ไม่เกะกะนกยูงทำกับข้าว”

“ค่ะ แล้วนกยูงจะทำกุ้งอบวุ้นเส้นให้สุดฝีมือเลยนะคะ”

และเมื่อออกมาจากห้องครัว วีรภัทรก็เดินหน้าเครียดไปหาบิดาทันที เพราะเขาเคยสัญญากับตัวเองและกับมารดาที่เสียชีวิตไปแล้วว่าจะรัก ดูแล และปกป้องกัญญารัตน์อย่างดีที่สุด

“คุณพ่อครับ ผมว่าคุณพ่อพูดกับนกยูงแรงไปนะครับ”

“จะไม่ให้พ่อพูดอย่างนั้นได้ไง ก็ถ้าไม่เป็นเพราะมันมัวแต่อาย หน้าบาง ป่านนี้เราก็ได้เป็นทองแผ่นเดียวกับตระกูลวริทธินันท์ไปแล้ว” พูดขึ้นมา วศินก็รู้เสียดายไม่หาย เพราะถ้าตระกูลของเขาได้เกี่ยวดองกับตระกูลของต้นกล้าแล้ว เงินและทรัพย์ของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

“แต่โทษนกยูงคนเดียวก็คงไม่ถูกนัก เพราะเท่าที่ผมรู้มา พี่กล้าเขาไม่รักนกยูงในแบบที่คุณพ่ออยากให้เป็น”

“พอๆ พอเลย” ชายสูงวัยยกมือขึ้นห้าม “ถ้าแกจะมาพูดเข้าข้างนกยูง แกก็ออกไปได้แล้ว”

“แล้วนี่คุณพ่อจะทำอย่างไรต่อไปครับ”

“ไม่รู้ ฉันยังคิดไม่ออก”

“คุณพ่อไม่ต้องคิดหรอกครับ คุณพ่อแค่ปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้ก็พอแล้ว”

ได้ยินแบบนั้นวศินก็ทุบโต๊ะตรงหน้าดังลั่นอย่างโมโห ก่อนประกาศกร้าว “ไม่ได้! ฉันไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้หรอก”




TonChor
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ต.ค. 2555, 14:14:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ต.ค. 2555, 14:14:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2261





<< ใช้หนี้(รัก)งวดที่ 4   
violette 29 ต.ค. 2555, 16:22:59 น.
มีตัวร้ายโผล่มาแล้วสิเนี่ย
แล้วนายฟ้าฉายหายไปไหนน้าเอาเงินไปขอลูกสาวเค้าแล้วหนีไปเลยเหรอ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account