Recall...อดีตรักรอยหัวใจ
เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ ‘ปณาลี’ สูญเสียความทรงจำไปบางส่วน

ภายใต้ความฝันที่คอยหลอกหลอนทุกชั่วคืน หล่อนได้พบกับ ‘พี่กฤต’ จิตรกรหนุ่มคู่รัก เจ้าของแววตาสีนิลอ่อนโยนที่ตราตรึงในหัวใจไม่เคยจาง

หากในยามตื่น หล่อนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังเข้าไปพัวพันกับเบื้องหลังการเสียชีวิตของบิดา โดยมี ‘รชานนท์’ หนุ่มนักธุรกิจผู้แสนเย็นชา ที่แม้เขาจะก้าวเข้ามาในชีวิตปณาลีฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ของบริษัท หากทุกครั้งยามที่หล่อนหมดที่พึ่งพิงกลับมีเขาเท่านั้นที่คอยปกป้องดูแล ก่อเกิดสายใยความผูกพันลึกซึ้งขึ้นในหัวใจอย่างน่าประหลาด จนบางครั้งหล่อนเริ่มรู้สึกว่าเขาอาจไม่ใช่นายรชานนท์ที่หล่อนรู้จัก


เมื่อหนึ่งหญิงสาวมีรักที่ผูกพันต่อสองชาย


หนึ่งนั้นคือรักในฝัน ที่อาจไม่มีตัวตน อีกหนึ่งนั้นคือรักเคียงข้าง ที่อาจไม่เป็นจริง แล้วรักใดคือรักแท้ในหัวใจ หรือแท้จริงแล้ว...รักนั้นคือความหลอกลวง

Tags: สรัน ริบบิ้นสีเหลือง อบอุ่น ธุรกิจ จิตรกร ซึ้ง ซ่อนเงื่อน

ตอน: บทนำ

บทนำ



ณ บ้านสีหม่นที่เลือนรางราวกับมีหมอกหนามาบดบัง ผืนหญ้าและเหล่าแมกไม้ใหญ่น้อยหน้าบ้านหลังนั้น...กลับสดใสและเด่นชัดกว่าทุกครั้งที่เคยเห็น ความสดใสที่สัมผัสได้ด้วยตา มีเพียงสีเขียวและสีเหลืองผสมปนเปกันมั่วไม่ต่างจากสีน้ำสองสีที่ไหลรวมกัน

ใบไม้ตามกิ่งไม้ขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงพื้นตามกาลเวลา สายริบบิ้นสีเหลืองที่ผูกไว้ตามกิ่งไม้ปลิดปลิวมาตามกระแสลมเฉกเช่นเดียวกัน

เหนือผืนหญ้าที่เขียวชะอุ่ม ยอดหญ้าที่โอนเอนตามกระแสลมก็โบกพริ้ว พยายามพัดพาเอาใบไม้และสายริบบิ้นที่หมุนวนอยู่กลางอากาศ ล่องลอยมายังหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวสะอาดตา

การเคลื่อนไหวของยอดหญ้าเคล้าคลอไปตามจังหวะเพลงช้าที่ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เคยชัดเจน

ลำแสงอุ่นๆ ยามบ่ายที่ทอดทอทาบลงมายังร่างบางและหมู่แมกไม้เหล่านั้น ทำให้สีผิวเนียนภายใต้ผ้าเนื้อบางดูกลมกลืนกับชุดที่หล่อนสวมใส่ไม่น้อย

“ยิ้มหน่อยสิเรา เดี๋ยวพี่วาดออกมาไม่สวยไม่รู้ด้วยนะ” หญิงสาวในชุดขาวคงดูสวยสะดุดตามากกว่านี้ ถ้าใบหน้าเรียวได้รูปของเจ้าหล่อนไม่บิดเบี้ยวตามรูปปากที่โค้งมนผิดรูปพิกล

“ก็แล้วทำไมพี่วาดนานจังล่ะ ไหนบอกว่ามืออาชีพไง”

“ทนหน่อย ใกล้เสร็จแล้ว” คนที่ตวัดปลายพู่กันบนผืนผ้าใบมาร่วมเกือบชั่วโมงตอบงึมงำอยู่ในลำคอ สายตายังคงจับจ้องมาที่นางแบบจำเป็นสลับกับผืนผ้าใบตรงหน้า


แต่หารู้ไม่ว่า ‘นางแบบจำเป็น’ ไม่ทนกับเขาด้วยหรอก ร่างผอมบางแทบปลิวลุกขึ้นยืนตั้งแต่เขายังพูดไม่จบประโยคดีด้วยซ้ำ “ไม่เอาแล้ว”


“อ้าว ! เราลุกขึ้นมาดื้อๆ แบบนี้แล้วพี่จะวาดใครล่ะ”


“ก็คนมันเมื่อยนี่ ลีนั่งดมดอกไม้ในสวนจนเวียนหัวไปหมดแล้วนะคะ ไหนขอลีดูหน่อย” ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินกึ่งวิ่งมาหาคนวาด ในมือยังมีดอกไม้ดอกเล็กที่เป็นนางแบบจำเป็นร่วมกับหล่อนติดมือมาด้วย


แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องร้องแหว เพราะภาพที่ปรากฎตรงหน้าแทนที่จะเป็นรูปหล่อนอย่างที่หวัง กลับกลายเป็นภาพคนก้างกำลังถือช่อดอกไม้ไว้ในมือ “เอ๊ะ! นี่พี่แกล้งลีนี่ !”


“อะไรเรา พี่แกล้งอะไร”


คนแหวกอดอก มองคนกวนประสาทอย่างเอาเรื่อง “อย่ามาทำไขสือค่ะ ภาพมันฟ้องอยู่ทนโธ่”


“ภาพอะไร”


“ก็ภาพ...!” หล่อนแหวได้เท่านั้น ก็เม้มปาก

รูปคนก้างฝีมือเขาก็น่ารักดีอยู่หรอก แต่ความรู้สึกบางอย่างของหล่อนที่บอกว่าคนวาดต้องการล้อเลียนต่างหากที่ทำให้หล่อนไม่พอใจ ก็เขาชอบล้อหล่อนว่าเป็นไม้เสียบลูกชิ้นบ้างล่ะ ยัยเด็กหัวดื้อบ้างล่ะ แล้วยังจะมาวาดรูปคนก้างตัวเตี้ยๆ ล้อเลียนกันอีก

รอยยิ้มทะเล้นของอีกฝ่ายทำให้หล่อนนึกอะไรดีๆ ออก ก่อนร้องเสียงสูงในลำคอรับรอยยิ้มของเขา “ได้ค่ะ ในเมื่อแกล้งกันแบบนี้ ก็ต้องโดน...”


หญิงสาวมองปราดไปยังสายยางรดน้ำต้นไม้ซึ่งถูกวางม้วนเก็บเป็นอย่างดีหลังพุ่มไม้ใกล้ตัว และดูเหมือนชายหนุ่มจะอ่านสายตาหล่อนออก ไม่ทันก้าวเล็กๆ จะก้าวพ้น ก้าวยาวก็สาวเท้าเข้ามา ใช้ความได้เปรียบของส่วนสูงที่ต่างจากหล่อนลิบลับรวบตัวหญิงสาวไว้จากด้านหลัง “จะไปไหนฮึเด็กดื้อ”


‘เด็กดื้อ’ ย่นจมูกใส่เขา ชายหนุ่มด้านหลังชอบเรียกหล่อนแบบนี้อยู่เรื่อย แต่ยังไงเสียหล่อนก็ยังไม่ชินอยู่ดี ก็มันไม่ใช่หล่อนสักนิด !


“ก็จะทำโทษคนกวนประสาทไง”


“จะทำโทษพี่เรื่องอะไร พี่ไม่ได้แกล้งเราเสียหน่อย”


“ยอมรับแล้วเหรอคะว่าเป็นคนกวนประสาท”


เขายักคิ้วกวนๆ ไม่ปล่อยให้คนในอ้อมกอดต่อว่าซ้ำ มือข้างหนึ่งเอื้อมไปคว้ากระดานวาดภาพที่ถูกวางพักไว้บนพนักเก้าอี้ มาถือไว้ตรงหน้า


“นี่มันกระดานที่พี่วางไว้บนตักเมื่อกี้นี่คะ” หญิงสาวจำได้ว่าเห็นเขาคว่ำมันไว้บนตักตอนที่หล่อนลุกมาดูภาพ


เขาไม่ตอบนอกจากยักคิ้วให้เป็นรอบที่สอง พลางมองไปที่กระดาษขาวโพลนบนกระดาน


หล่อนเข้าใจสายตานั้นดีจึงดึงที่หนีบกระดาษด้านบนออกอย่างว่าง่าย พลิกเปิดดูตามความต้องการของอีกฝ่าย และก็ต้องพบว่าเขาไม่ได้แกล้งหล่อนอย่างที่พูดจริงๆ


บนกระดาษแผ่นนั้น มีภาพของหญิงสาวร่างบอบบางในชุดกระโปรงสั้นน่ารักๆ สีขาว หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับหล่อนไม่มีผิดเพี้ยน ก็แน่ล่ะ เขาวาดรูปหล่อน หญิงสาวในภาพก็ต้องเหมือนหล่อนสิ


หญิงสาวในชุดน่ารักคนนั้นแม้จะกลายเป็นจุดเล็กๆ เมื่อเทียบกับต้นไม้ขนาดใหญ่ด้านหลัง แต่หล่อนก็ดูออกทุกอิริยาบถว่าหล่อนกำลังนั่งกอดเข่าอย่างอดทนอยู่ข้างเหล่าไม้พุ่มไม้ดอกกลางสวน มือข้างหนึ่งอุ้มช่อดอกเดซี่ไว้ในมืออย่างทะนุถนอม นิ้วมือข้างที่ว่างชี้ไปที่ดอกไม้ผ่านแก้มป่องๆ ของหล่อน ที่ป่องข้างแฟบข้าง ดูยังไงก็รู้ว่าเจ้าตัวตั้งใจทำให้หน้าดูกลมกว่าปกติ


ดอกเดซี่สีแดงอมส้มที่ชูเด่นเคียงข้างแก้มป่องๆ ทำให้เจ้าตัวหัวเราะ “เหมือนลีเปี๊ยบเลยนะเนี่ย แถมยังสวยอีก”


“แน่อยู่แล้ว เพราะพี่มีนางแบบสวย”


หล่อนเพียงแค่มองยิ้มๆ ให้เขา ปล่อยให้คนวาดพูดต่อว่า “ที่จริงพี่วาดรูปเราเสร็จตั้งนานแล้วล่ะ แต่พี่อยากมองเรานานๆ พี่ว่า...”


เสียงของเขาค่อยๆ เลือนหายไป เพราะหล่อนมัวแต่สนใจต้นไม้ที่เป็นฉากหลังภาพวาด

น่าแปลก...ที่หล่อนกลับเห็นแต่ความมัวหม่น ดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นรูปอะไร เมื่อเทียบ

กับดอกเดซี่ในมือหล่อนแล้ว สีแดงสดของกลีบดอกไม้ที่เคยดูสวยในยามแรก กลับเด่นชัดและสร้างความน่าสะพรึงกลัวอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับ...เป็นสีแดงฉานของเลือดมนุษย์มากกว่าที่จะเป็นสีของดอกไม้


แต่แล้วภาพทุกอย่างกลับฉายชัดขึ้นพร้อมกับสีแดงของดอกไม้ที่ลอยเด่นขึ้นมา กลายเป็นสีของเลือดที่นองเต็มพื้นอาบร่างที่นอนบิดเบี้ยว ไม่เป็นรูปบนพื้นบ้านที่หล่อนคุ้นตา

“คุณพ่อ !” หญิงสาวกรีดร้อง สลับกับเสียงทะเลาะวิวาทของใครบางคนที่กลายเป็นภาพเลือนรางอีกครั้ง

“งานๆๆ เอะอะอะไรพี่ก็เอางานมาอ้างกับลีอยู่เรื่อย ถ้างานมันสำคัญกับพี่นัก ก็ไปอยู่กับงานเลยไป ไม่ต้องมาสนใจลี”

“ปณาลี !” ชื่อของหล่อนถูกเรียกด้วยเสียงทุ้มที่คุ้ยเคย แต่น้ำเสียงนั้นแข็งกร้าวกว่าทุกคราว

แขนของหล่อนถูกเขารั้งไว้ “เราจะโกรธจะเกลียดพี่ พี่ไม่ว่า แต่อย่าไล่พี่ไปได้มั้ย ตอนนี้เรายังไม่ปลอดภัย พี่ไม่อยากทิ้งเรา”

“พอสักที ลีไม่อยากฟังเรื่องเพ้อเจ้อของพี่อีกแล้ว การตายของคุณพ่อลีเป็นแค่อุบัติเหตุ เข้าใจมั้ยคะว่าอุบัติเหตุ ไม่ใช่การฆาตกรรมอย่างที่พี่เข้าใจ”

ภาพทุกอย่างผ่านไปเร็วราวจรวดที่วิ่งวนท่ามกลางความมืดมิดที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอกหนา ไม่มีแสงสว่างส่องทาง ไม่มีทางออกใด ไม่มีภาพใดเด่นชัดเท่าเลือดสีแดงฉานเมื่อครู่...ภาพสุดท้ายที่ปณาลีเห็นคือ มีรถของใครบางคนวิ่งผ่านตัดหน้า และรถของหล่อนพุ่งเข้าชนต้นไม้ข้างทาง !



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2555, 13:46:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2555, 13:46:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 1436





   บทที่ 1 >>
บูบี้ 31 ต.ค. 2555, 13:49:56 น.
สู้ๆนะคะ


สรัน 31 ต.ค. 2555, 13:56:47 น.
ขอบคุณค่าคุณบูบี้ รันมารวดเดียวลง 9 บทเลย55555+


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account