Recall...อดีตรักรอยหัวใจ
เพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ ‘ปณาลี’ สูญเสียความทรงจำไปบางส่วน

ภายใต้ความฝันที่คอยหลอกหลอนทุกชั่วคืน หล่อนได้พบกับ ‘พี่กฤต’ จิตรกรหนุ่มคู่รัก เจ้าของแววตาสีนิลอ่อนโยนที่ตราตรึงในหัวใจไม่เคยจาง

หากในยามตื่น หล่อนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังเข้าไปพัวพันกับเบื้องหลังการเสียชีวิตของบิดา โดยมี ‘รชานนท์’ หนุ่มนักธุรกิจผู้แสนเย็นชา ที่แม้เขาจะก้าวเข้ามาในชีวิตปณาลีฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ของบริษัท หากทุกครั้งยามที่หล่อนหมดที่พึ่งพิงกลับมีเขาเท่านั้นที่คอยปกป้องดูแล ก่อเกิดสายใยความผูกพันลึกซึ้งขึ้นในหัวใจอย่างน่าประหลาด จนบางครั้งหล่อนเริ่มรู้สึกว่าเขาอาจไม่ใช่นายรชานนท์ที่หล่อนรู้จัก


เมื่อหนึ่งหญิงสาวมีรักที่ผูกพันต่อสองชาย


หนึ่งนั้นคือรักในฝัน ที่อาจไม่มีตัวตน อีกหนึ่งนั้นคือรักเคียงข้าง ที่อาจไม่เป็นจริง แล้วรักใดคือรักแท้ในหัวใจ หรือแท้จริงแล้ว...รักนั้นคือความหลอกลวง

Tags: สรัน ริบบิ้นสีเหลือง อบอุ่น ธุรกิจ จิตรกร ซึ้ง ซ่อนเงื่อน

ตอน: บทที่ 1

บทที่ 1


“ลี”

เสียงเรียกที่ดังทะลุโสตประสาทเข้ามา ไม่ต่างจากแรงกระชากดึง ปณาลีกลับสู่โลกแห่งความจริง

หล่อนพยายามยกเปลือกตาที่หนักอึ้ง ใช้สายตาเพ่งมองความเปลี่ยนแปลงรอบกาย แสงไฟบนเพดานห้องทำให้ต้องกระพริบตาถี่ ปรับเลนส์สายตามองไปรอบห้องเพื่อให้แน่ใจว่าภาพน่ากลัวเหล่านั้นจะไม่หวนกลับมาอีกครั้ง คราเดียวกับที่มีแรงมือของใครบางคนช่วยพยุงร่างหล่อนให้ตั้งตรงกับพนักเก้าอี้

“ไม่เป็นไรใช่มั้ย” ชนะชลนั่นเองที่เป็นคนช่วยพยุงหล่อนเมื่อครู่

ปณาลีส่ายหน้าช้า เอามือลูบหน้าตัวเองแรงหวังจะปัดภาพน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นออกไป และก็ต้องสัมผัสได้ถึงเหงื่อที่ซึมอยู่ตามหน้าผากและไรผมของตัวเอง “ลีแค่ฝันร้ายน่ะค่ะ”

“ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ”

“ค่ะ มีแต่ภาพของผู้ชายคนนั้น และก็ภาพ...ภาพของพ่อนอนจมกองเลือดอยู่ในห้องนอน ภาพของลี...ขับรถพุ่งชนต้นไม้” หล่อนจับมือชายหนุ่มแน่น เพราะตอนนี้มีเพียงเขาเท่านั้นที่จะเป็นที่พึ่งให้หล่อนได้ “ทุกภาพมีแต่เลือดเต็มไปหมดเลยค่ะพี่ชล ลี...ลี...”

“ใจเย็นๆ เรา ไม่ต้องเล่าให้พี่ฟังแล้วนะ” ชนะชลปลอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ก่อนโอบร่างเล็กนั้นแนบกาย...หวังให้ไออุ่นของเขาสร้างความอบอุ่นให้แก่หญิงสาว

ปณาลีรู้ว่าเขาคงจะเบื่อเรื่องความฝันซ้ำซากของหล่อนเต็มทนจึงยอมหยุดทุกอย่างไว้เท่านั้น พอตั้งสติได้ถึงเห็นว่าตัวเองนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน มีเอกสารกองอยู่เต็มโต๊ะ สงสัยหล่อนคงผล็อยหลับไปตอนทำงาน

“ไม่ต้อง” ชนะชลหันไปบอกสาวใช้ด้านหลังที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง ในมือมีถาดใส่ยาพร้อมแก้วน้ำเข้ามาในห้องเสร็จสรรพ

“...แต่ลี” ปณาลีกุมหน้าผากทั้งฝ่ามือ ก่อนเสยปอยผมที่ลงมาปรกหน้าผากออกอย่างลวกๆ “ให้ลีทานยาเถอะค่ะ”

“คนของเราเพิ่งบอกกับพี่ว่าเราเพิ่งทานยาแก้ปวดหัวไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว ทานติดกันบ่อยๆ มันจะไม่ดีต่อร่างกาย”

เมื่อเห็นหล่อนทำท่าจะอ้าปากค้าน เขาจึงส่ายหน้าปฏิเสธ “เลิกศึกษางานพวกนี้ได้แล้ว และขึ้นไปนอนพักบนเตียงให้สบายๆ เราไม่ได้นอนติดกันมาหลายคืนแล้วนะ”

“แต่ลีไม่อยากหลับค่ะพี่ชล ทุกครั้งที่ลีหลับ ความฝันพวกนั้นก็จะตามมาหลอกหลอนลี”

“แต่คนเราต้องพักผ่อน ฝืนทำงานอยู่แบบนี้ อีกเดี๋ยวเราก็ต้องผล็อยหลับอยู่ดี”

“แต่ลี...”

“อย่าดื้อสิเรา เอาอย่างนี้ ถ้ากลัวว่าจะฝันร้ายอีกพี่จะเป็นคนเฝ้าเราเอง แต่พี่ขออย่างเดียว...” ชนะชลเชยคางหญิงสาวขึ้น พยายามสบตาหล่อนตรงๆ “เราต้องนอนนะ หรือถ้าไม่ไว้ใจพี่ จะให้คนของเราขึ้นไปคุมพฤติกรรมพี่ก็ได้”

ปณาลีผลุบตาลงต่ำ ไม่ยอมสบตาเขาตอบ นอกจากยิ้มให้ที่มุมปาก “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ลีนอนคนเดียวได้”

ปณาลียอมลุกขึ้นตามเขาออกจากห้องไป เดินผ่านห้องโถงได้ไม่นานก็นึกขึ้นได้ว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจแค่เพียงมาหาหล่อน

“พี่ชลมาหาคุณลินเหรอคะ” ปณาลีหมายถึง กุศลิน พี่สาวของชนะชลและมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของหล่อน

ชนะชลครางรับในลำคอ “พี่ตั้งใจมาหาทั้งเรา ทั้งพี่ลินนั่นแหละ”

“แล้วคุณลินหายไปไหนเสียล่ะคะ ไม่ได้อยู่คุยกับพี่ชลเหรอ”

“พี่คุยกับพี่ลินเสร็จนานแล้ว เห็นว่าต้องแต่งตัวเตรียมไปงานเลี้ยงเย็นนี้ที่บ้านเพื่อน พี่ก็เลยนั่งรอเราอยู่ในห้องโถง ตั้งใจว่าถ้าเราทำงานเสร็จเมื่อไหร่แล้วจะพาไปเที่ยวเสียหน่อย แต่พอเห็นเราเป็นแบบนี้ พี่ว่าเรื่องเที่ยวคงต้องผลัดไปก่อน”

ประโยคท้ายช่วยเรียกเสียงหัวเราะจากหญิงสาวได้หน่อย ชนะชลเป็นชายหนุ่มที่ทั้งสุภาพอ่อนโยนและห่วงใยหล่อนมาเสมอ

เสียดายที่หลังจากหล่อนประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ความรักที่ชนะชลมอบให้กลับไม่หลงเหลืออยู่ในความทรงจำของปณาลีเลย มีก็แต่ความทรงจำเก่าเก็บตอนวัยเด็ก รวมทั้งเรื่องราวชีวิตระหว่างชลาคม บัณฑิตา ซึ่งเป็นบิดามารดาของหล่อน และกุศลินกับชนะชลในฐานะผู้อยู่อาศัยของบ้านธรรมนิตย์

เสียงหัวเราะดังอยู่แค่เดี๋ยวเดียวก็เงียบไป เพราะแค่เพียงก้าวขึ้นบันไดไม่กี่ก้าว คนที่ถูกเอ่ยถึงเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วก็ย่างก้าวลงมา สวนทางกับทั้งสอง

“อ้าว ! ทำงานเสร็จแล้วเหรอคะคุณลี” กุศลินมักจะเรียกปณาลีโดยใช้คำว่า ‘คุณ’ นำหน้าเสมอ หล่อนต้องการให้เกียรติลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลธรรมนิตย์

“ทำงานอะไรล่ะพี่ลิน หลับคากองเอกสารเสียมากกว่า ผมกำลังจะพาลีเขาไปนอน” คนตอบกลับเป็นชนะชล ปณาลีเลยได้แต่ยิ้มแหย

ถึงหล่อนกับกุศลินจะห่างกันไม่ถึงห้าปี แต่ด้วยสถานะที่ต่างกันทำให้ปณาลีเกรงอยู่บ้าง รู้ตัวดีว่าต้องถูกหญิงสาวตรงหน้าดุอีกตามเคย

กุศลินได้แต่ถอนใจ ชินแล้วกับความดื้อรั้นของลูกสาว “คืนนี้พี่คงกลับดึก ถ้าชลไม่มีธุระอะไร พี่ฝากน้องด้วยแล้วกัน บ้านถึงจะใหญ่โตแต่น้องเป็นผู้หญิง อยู่บ้านตัวคนเดียวยังไงก็ไม่ปลอดภัย หรือชลจะนอนห้องเดิมของชลก็ได้พี่ให้คนทำความสะอาดไว้ให้แล้ว”

“ครับพี่ลิน ผมตั้งใจไว้แล้วว่าจะอยู่เป็นเพื่อนลีเขาจนกว่าพี่จะกลับ”

กุศลินยิ้มรับน้องชาย ไม่ลืมมองผ่านไปยังหญิงสาวข้างๆ และก็ต้องเห็นแววตาใสของปณาลียิ้มขอบคุณมากรายๆ

คล้อยหลังกุศลินไป ปณาลีกับชนะชลก็เดินมาถึงหน้าห้องนอนฝั่งซ้ายสุดของบ้าน

ชนะชลเป็นคนเปิดประตู ก้าวแรกที่สัมผัสพื้นไม้ขัดเงาภายในห้องนอนหล่อนกลับรู้สึกว่ามันเย็นเฉียบพิกล อาจเป็นเพราะหล่อนไม่ได้เข้ามานอนในห้องนี้เลยตั้งแต่ฝันร้ายกร้ำกรายเข้ามาในชีวิตก็เป็นได้ ส่วนใหญ่ไม่หลับที่ห้องทำงานอย่างวันนี้ ก็จะนั่งดื่มกาแฟแก้ง่วงหน้าคอมพิวเตอร์ที่บริษัทมากกว่า

“เราไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพี่นั่งรออยู่หน้าเตียงนี่แล้วกัน” ชนะชลชี้ไปที่โซฟายาวหน้าเตียงนอนของหญิงสาว

ปณาลียิ้มรับ ก่อนรับผ้าขนหนูที่เขาเพิ่งส่งให้ก่อนที่เขาจะแยกตัวไปนั่งบนโซฟา เสียงแกรกของลูกบิดประตูบอกให้รู้ว่าประตูล็อคตามความต้องการของคนใช้เรียบร้อย ปณาลีแขวนผ้าขนหนูไว้บนราวยึดฝาผนังห้องน้ำ เปิดวาวน้ำ ตั้งใจว่าจะนอนแช่น้ำในอ่างเล่นคลายเครียด ก่อนอาศัยกระจกบานยาวเหนืออ่างล้างหน้าพินิจมองใบหน้าของตัวเอง

ดวงหน้าเรียวได้รูปที่เคยผุดผ่อง บัดนี้ซีดเซียวและเต็มไปด้วยความอิดโรยฉายชัดบนใบหน้า ขอบตาที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางค์ค้างคืนนั้นคล้ำดำไม่ต่างจากหมีแพนด้า แก้มทั้งสองข้างตอบลงอย่างเห็นได้ชัดและมันทำให้ปณาลีนึกถึงภาพคนก้างในฝัน ตอนนี้หล่อนก็เหมือนคนก้างจริงๆ นั่นแหละ

ปณาลีผ่อนลมหายใจรดกระจก ไออุ่นทำให้กระจกที่เย็นด้วยไอน้ำที่ระเหยจากอ่างอาบน้ำเป็นฝ้า หล่อนใช้มือปาดฝ้าออก ในระยะประชิดทำให้หล่อนเห็นร่างสูงใหญ่ของใครบางคนซ้อนทับอยู่ในเงาตาของหล่อนผ่านบานกระจกตรงหน้า

ใครบางคน...คือผู้ชายที่หล่อนเห็นเป็นภาพเลือนรางในฝัน ได้ยินเพียงเสียงที่ชัดเจนเหมือนจริง จนบางครั้งหล่อนอดนึกไม่ได้ว่าผู้ชายในฝันนั้นอาจจะเป็นชนะชล

แต่ทุกครั้งที่ใบหน้าเหลี่ยมคมเข้มของชายร่างสันทัดอย่างชายไทย ซ้อนทับกับใบหน้าและรูปร่างลางๆ ของชายในฝัน ความรู้สึกที่มีกลับต่างออกไป ไม่ใช่ความรักและความทะนุถนอมอย่างที่ชายในฝันมอบให้ แต่มันกลับกลายเป็นความรู้สึกบางอย่างที่หล่อนก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าคืออะไร รู้แต่เพียงว่า...ไม่ใช่...





**********************



เสียงเคาะประตูปลุกปณาลีตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่ง สิ่งแรกที่หล่อนทำคือเหลือบมองไปที่โซฟาหน้าเตียงแต่สิ่งที่พบคือความว่างเปล่า

สงสัยชนะชลคงกลับไปแล้ว

เมื่อคืนกว่าหล่อนจะข่มตาหลับได้ ชนะชลต้องทั้งกล่อม ทั้งดุหล่อนอย่างผู้ใหญ่ดุเด็กดื้อ ก็ภาพสุดท้ายในความฝันยังติดตา จะมีใครรับประกันได้ล่ะว่าเมื่อหล่อนหลับตาลงแล้วจะไม่พบกับฝันร้ายนั้นอีก

สุดท้ายชนะชลจึงเลือกเอนกายบนโซฟา นอนกึ่งก่ายหน้าผาก เอียงคอมองมาทางหญิงสาวบนเตียง ถ้าหล่อนไม่หลับเขาก็คงไม่หลับเหมือนกัน ปณาลีเลยต้องแสร้งทำเป็นหลับ หลับได้จริงก็เมื่อเห็นคนเฝ้าผล็อยหลับไปแล้วนั่นแหละ

“วันนี้คุณลีจะเข้าบริษัทมั้ยคะ ดิฉันจะได้สั่งเด็กให้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณพร้อมคุณลินเลย” หญิงมีอายุหัวหน้าแม่บ้านส่งเสียงผ่านบานประตูเข้ามา

ปณาลีลุกขึ้นจากเตียง พลางเกล้าผมเป็นมวยลวกๆ ด้วยหนังยาสี “คุณลินตื่นแล้วเหรอคะป้าบัว”

“ค่ะ คุณลินรอทานข้าวพร้อมคุณอยู่ที่ห้องอาหาร เธอบอกว่าทานเสร็จแล้วจะได้ไปทำงานพร้อมกัน”

“งั้นป้าบัวช่วยไปบอกคุณลินทีนะคะว่าไม่ต้องรอ วันนี้พี่ชลจะมารับลีไปทำงานเองค่ะ เราตกลงกันไว้แล้วเมื่อคืน”

ปณาลีหายเข้าไปในห้องน้ำไม่นานก็ออกมาพร้อมชุดทำงานด้วยเสื้อผ้าลื่นแขนกุดสีดำ สวบทับด้วยเสื้อกั๊กแขนยาวถึงข้อมือ กับกระโปรงสั้นเหนือเข่าทรงสุภาพ

หลายวันมาแล้วที่หล่อนไม่ได้รู้สึกสดชื่นอย่างวันนี้ ปณาลียิ้มให้กำลังใจตัวเองหน้ากระจก ก่อนสำรวจความเรียบร้อยบนเรือนร่าง พินิจมองใบหน้าเรียวที่ถูกบรรจงแต่งด้วยเครื่องสำอางอย่างบางให้แน่ใจว่าไม่เห็นรอยคล้ำปรากฏใต้ขอบตา ผมที่ถูกเกล้าขึ้นเป็นมวยเมื่อครู่บัดนี้ถูกปล่อยตรง ยาวสลวยถึงกลางหลัง

ปณาลีคว้าประเป๋าสะพายบนโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นคล้องแขน สำรวจความเรียบร้อยภายในห้องด้วยความเคยชินเป็นครั้งสุดท้าย

มือปิดประตูห้องของตัวเอง หากสายตากลับจับจ้องไปที่บานประตูฝั่งตรงข้าม หลายวันมานี้หล่อนแทบไม่ได้ขึ้นมาเหยียบบนชั้นสองของบ้านเลย ห้องปิดตายตรงหน้าก็คงนานพอกัน

หลังจากชลาคมเสีย ห้องนอนของบิดาก็ถูกปิดตายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ประตูห้องปิดตายถูกเปิดออกคราเดียวกับที่ปณาลีกวาดตามองผ่านบานประตูเข้าไปในห้อง ทุกย่างก้าวที่หญิงสาวเดินอยู่บนพื้นไม้ขัดมันช่างเบาแสนเบานัก อาจเป็นเพราะหล่อนไม่ต้องการให้ทุกสิ่งภายในห้องเปลี่ยนแปลงจากที่เป็นอยู่

‘เข้ามาสิลูก’ เสียงทุ้มที่แสนอบอุ่นทุกครายามได้ยิน เรียกหญิงสาววัยรุ่นต้นๆ มานั่งบนเตียงข้างกายผู้เป็นบิดา

‘ที่แท้คุณพ่อก็หลบมาเขียนไดอารี่ในห้องนอนนี่เอง ตรวจการบ้านลูกศิษย์เสร็จแล้วเหรอคะ’

ชายวัยกลางคนโยกศีรษะลูกสาวไปมาอย่างเอ็นดู ปิดสมุดบันทึกสีเทาดำเล่มเล็กวางไว้บนตัก ‘แม่ให้มาตามพ่ออีกแล้วสิเรา’

‘ค่ะ คุณแม่บอกว่ามีแขกที่อยากแนะนำให้คุณพ่อรู้จัก ตอนนี้รออยู่ที่ห้องโถงค่ะ’

ชลาคมเอียงคอมองลูกสาวเล็กน้อย คิ้วดกหนาขมวดเข้าหากัน ‘ใครกันน่ะลูก’

‘อืม...เห็นว่าเธอเป็นพนักงานบริษัทคนใหม่ของแม่ค่ะ ชื่อ...ชื่อกุศลิน เธอกับน้องชายจะมาอาศัยที่บ้านเราสักพักน่ะค่ะ’

ชื่อของหญิงสาวทำให้ชายมีอายุครางรับในลำคอ และนั่นคงหมายความว่าเขารู้จักดีทีเดียวล่ะ

ชลาคมลุกขึ้นจากเตียง ยื่นมือมาให้ลูกสาวเกาะกุม ก่อนเดินเคียงข้างกันออกจากห้องไป

ปณาลีมองตามภาพในความทรงจำราวกับทุกฉากทุกตอนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีนี้เอง มันเป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายที่หล่อนจำได้ขึ้นใจและชัดเจน ไม่เลือนรางเหมือนภาพในฝันที่ตามมาหลอกหลอนหล่อนทุกชั่วคืน

กุศลินเคยเล่าให้ปณาลีฟังว่าชลาคมเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยได้พักหนึ่ง ก่อนผันตัวเองมาเป็นนักธุรกิจเต็มตัวสืบทอดกิจการห้างสรรพสินค้าของครอบครัว

แต่หลังจากที่บัณฑิตา...มารดาของปณาลีเสีย ชลาคมก็เอาแต่จมปลักอยู่กับความหลัง ประกอบกับธุรกิจห้างสรรพสินค้าของท่านที่กำลังไปได้ดี ก็ตกต่ำลง

‘ดิฉันไม่ได้ตั้งใจมาแทนที่คุณแม่ของคุณเลยนะคะ...ไม่เลย’

กุศลินยอมรับว่า ชลาคมไม่เคยเห็นหล่อนสำคัญเทียบเท่าบัณฑิตา อย่างมาก หล่อนก็เป็นได้แค่ผู้หญิงที่ชลาคมคิดว่าจะสามารถช่วยดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวของท่านแทนบัณฑิตาได้ก็เท่านั้น

เสียงปืนดังขึ้นในช่วงกลางดึก ทุกคนในบ้านต่างแตกตื่นกับเสียงที่ได้ยิน

ปณาลีเป็นคนแรกที่เห็นร่างที่ไร้วิญญาณของบิดา นอนจมกองเลือดอยู่ในห้องนอน มือข้างหนึ่งของท่านยังคงกำปืนไว้แน่น ปณาลีจำภาพเหตุการณ์ทุกอย่างได้ติดตาเพราะร่างที่บิดเบี้ยวของบิดากับเลือดสีแดงฉานนั้นเด่นชัดกว่าภาพใดในฝัน

ยิ่งคิด หล่อนก็ยิ่งเจ็บใจตัวเองที่ไม่อาจช่วยบิดาได้อย่างใจต้องการ ก็หล่อนจะช่วยกอบกู้ห้างสรรพสินค้าให้กลับมามั่นคงเหมือนเดิมได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้หล่อนยังต้องคอยเรียนรู้งานจากกุศลินอย่างเด็กเพิ่งฝึกเขียนอ่านอยู่แบบนี้ !

“คุณลีคะ”

เสียงเรียกนั้นทำให้ปณาลีลบภาพความทรงจำเหล่านั้นออกไปจากหัวสมองพลัน หัวหน้าแม่บ้านนั่นเองที่เป็นเจ้าของเสียงเรียกเมื่อครู่ กำลังยืนรอหล่อนอยู่หน้าห้องนอนของชลาคม

“คุณ...”

“ฉันรู้แล้วจ้ะป้าบัว” ปณาลีเอ่ยขัดขึ้นก่อน เสียงรางเลื่อนจากประตูรั้วอัตโนมัติด้านนอกบ่งบอกได้ดีว่าชายหนุ่มที่หล่อนนัดไว้คงมาถึงแล้ว

นายสาวพาตัวเองออกมาจากห้องนอนของชลาคม ยังไม่ทันก้าวพ้นบันไดขั้นสุดท้ายชายในชุดสูทที่เดินตามหลังกุศลินและสาวใช้เข้ามาในบ้านทำให้ปณาลีชะงัก

ชายมีอายุยกมือไหว้หล่อนอย่างสุภาพ ใบหน้าเหี่ยวย่นตามกาลเวลาเปื้อนยิ้มมาแต่ไกล “หายดีรึยังครับคุณปณาลี”

คนถูกเรียกชื่อรับไหว้เขาแทบไม่ทัน ยิ้มให้เขาเช่นกันแต่รอยยิ้มนั้นคงแห้งไปเสียหน่อยเพราะเป็นเพียงรอยยิ้มที่ยิ้มตอบตามมารยาทเท่านั้น

ดวงตาเรียวหรี่เล็ก พยายามเพ่งมองชายมีอายุผู้นั้นคล้ายกับต้องการค้นหาอะไรบางอย่าง และดูเหมือนกุศลินจะอ่านสีหน้าของลูกสาวออกจึงช่วยแนะนำ เตือนความจำคนป่วย “นี่คุณธีรศานต์ ทนายประจำตระกูลของคุณลีไงคะ”

“อ๋อ” ชื่อของทนายทำให้ปณาลีถึงบางอ้อ จำได้ว่าธีรศานต์เคยมาเยี่ยมหล่อนแล้วครั้งหนึ่งตอนที่หล่อนเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านได้สองวัน

รอยยิ้มปรากฏบนดวงหน้าสวยทันที แล้วก็ต้องยิ้มแหยในเวลาเดียวกัน “ลีขอโทษนะคะคุณศานต์ ความทรงจำของลียัง...”

“ไม่เป็นไร ลุงเข้าใจ” ธีรศานต์อมยิ้ม “อย่างน้อยท่าทางของคุณเมื่อครู่ก็ถือว่าตอบคำถามลุงแล้วล่ะ”

กุศลินพาทนายประจำตระกูลเข้าไปนั่งคุยกับปณาลีในห้องทำงานของชลาคม ส่วนตัวหล่อนเองขอตัวออกมาโดยอ้างว่าต้องไปบริษัทก่อน ภายในห้องจึงเหลือเพียงปณาลีและธีรศานต์อย่างที่ควรจะเป็น

“คุณศานต์คงไม่ได้แค่มาเยี่ยมลีหรอกมั้งคะ”

น้ำเสียงหยอกล้อของหญิงสาวทำให้ธีรศานต์หัวเราะ “นิสัยชอบรู้ทันคนแก่ไม่เปลี่ยนเลยนะคุณลี”

ปณาลีเพียงยิ้มๆ ก่อนผายมือเชื้อเชิญทนายนั่งบนเบาะนุ่มตัวเดียวของห้อง ส่วนหล่อนนั่งบนเก้าอี้เดี่ยวเสริมด้วยเบาะนุ่มข้างๆ

ภายในห้องเงียบลง เมื่อธีรศานต์หยิบกระเป๋าสีดำใส่เอกสารของเขาขึ้นวางบนตัก ปณาลีมองดูเขาอ่านเอกสารแต่ละฉบับก่อนส่งให้หล่อนอ่านเช่นกัน

“นี่คือพินัยกรรมที่คุณชลาคมทำไว้ก่อนท่านเสียครับ ลุงมาทวนให้คุณทราบอีกครั้งเผื่อคุณต้องการ”

“ขอบคุณนะคะคุณศานต์ที่รู้ใจลี”

“ไม่เป็นไร มันเป็นหน้าที่ของลุงอยู่แล้ว”

ปณาลีใช้เวลาอยู่ครู่ กวาดตาอ่านตัวหนังสือบนแผ่นกระดาษ พลางฟังธีรศานต์อธิบายไปด้วย

“อย่างที่คุณลีทราบว่าหลังจากที่คุณบัณฑิตาเสีย คุณชลาคมก็มีเพียงคุณที่เป็นทายาทคนเดียวของท่าน มรดกและทรัพย์สินส่วนมากท่านยกให้คุณหมด อาจมีทรัพย์สินบางส่วนที่คุณกุศลินกับคุณชนะชลได้ไป แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น”

ปณาลีวางเอกสารทั้งหมดไว้บนโต๊ะ และเลือกฟังเขาแทน

“ห้างสรรพสินค้าของคุณชลาคมอยู่ในความดูแลของคุณแล้ว ลุงเข้าใจว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อสามเดือนก่อนคงทำให้คุณไม่พร้อมที่จะรับมือกับความกดดันพวกนี้ แต่ลุงเชื่อว่าคุณกุศลินคงช่วยคุณได้ดี”

“ค่ะ คุณลินช่วยลีได้มากทีเดียว”

ธีรศานต์วางเอกสารฉบับที่เหลือทับลงบนกองเอกสารตรงหน้าหล่อน ปณาลีอ่านข้อความตัวหนาในเอกสารนั้นและก็ต้องนิ่วหน้า “ของลีเหรอคะ”

“ครับ นี่คือโฉนดที่ดิน บ้านพักตากอากาศที่พัทยาของคุณชลาคม”

“แต่บ้านพักตากอากาศทุกหลัง คุณพ่อยกให้คุณลินกับคุณชลไม่ใช่เหรอคะ”

“ยกเว้นบ้านหลังนี้ครับ ท่านเห็นว่าคุณรักบ้านหลังนี้มากที่สุด ท่านจึงไม่อยากยกให้ใครอย่างบ้านพักตากอากาศหลังอื่นๆ”

ปณาลีถือโฉนดที่ดินตรงหน้าไว้ในมือ หวังว่าตัวอักษรทุกตัวบนแผ่นกระดาษจะช่วยให้หล่อนจดจำอะไรได้บ้าง แต่แล้วน้ำตาจากไหนไม่รู้เอ่อล้นท่วมขอบตา ตัดสินใจวางมันลงดังเดิมให้เหมือนกับไม่เคยรับรู้เหมือนเดิมดีที่สุด

“คุณพ่อคงไม่รู้ว่าลีจะจำอะไรไม่ได้”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิคุณลี อย่างน้อยคุณก็ยังจำท่านได้”

ธีรศานต์บีบไหล่เล็กไว้มั่น ด้วยความที่เขาเห็นปณาลีตั้งแต่หล่อนยังอายุไม่พ้นขวบด้วยซ้ำ ไม่ใช่หลาน ก็เหมือนใช่ คำปลอบใจจึงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถช่วยให้หลานสาวตรงหน้าคลายทุกข์ได้ในยามนี้

“คุณต้องเข้มแข็งให้มากกว่านี้คุณลี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไงคุณยังมีคุณกุศลิน คุณชนะชล และก็ทนายแก่ๆ อย่างลุงนะ”

คำว่าลุงแก่ๆ ของเขาเรียกรอยยิ้มจากปณาลีได้หน่อยพลางปาดน้ำตาออกจากแก้ม

ในสายตาของปณาลี ทนายแก่ๆ อย่างเขาไม่ได้ดูแก่สักนิด นอกจากรอยเหี่ยวย่นที่ปรากฏให้เห็นบ้างนิดหน่อยบนใบหน้ารูปยาวนั้น แม้ว่าธีรศานต์จะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับชลาคมก็ตาม



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2555, 13:48:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2555, 13:48:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1275





<< บทนำ   บทที่ 2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account