อาญาสวาทมาเฟีย
ความรักของเขา ตายไปพร้อมกับภรรยาและลูกในท้อง เหลือเพียงความแค้นที่หล่อเลี้ยงหัวใจ เธอคือน้องสาวของคนที่ฆ่าภรรยาและลูกของเขา เธอจึงต้องชดใช้ความผิดครั้งนี้
Tags: มาเฟีย นิยาย รวิญาดา ผการุ้ง

ตอน: ตอนที่ 1. เส้นทางระหว่างเรา

นิยาย อาญาสวาทมาเฟีย

ผการุ้ง

ตอนที่ 1.เส้นทางระหว่างเรา

เปรี้ยง ! อ๊ากกก !

เสียงปืนดังขึ้น พร้อมเสียงร้องอย่างโหยหวนด้วยความเจ็บอย่างสาหัส ร่างของเหยื่อคมกระสุนกระเสือกกระสนคลานหนีไปบนพื้นที่เปรอะเปื้อน เลือดสีแดงสดไหลออกมาตรงบริเวณท้องโชกชุ่มเสื้อเชิ้ตสีอ่อน ดวงตาเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวสุดขีด มองไปรอบกายไร้ทางหนีรอด ด้วยถูกจับมาขังไว้ที่โกดังร้าง รอเวลาให้มัจจุราชมาเอาชีวิตเท่านั้น ตอนนี้มัจจุราชตนนั้นกำลังจ้องมองตนอยู่ด้วยแววตาแฝงด้วยความเหี้ยมโหด ร่างสูงใหญ่ในชุดดำทั้งชุดขยับกายเดินเรียดเท้าเข้ามาหาช้าๆ ดวงตายาวเรียวดุคม ทอดมาด้วยแววตาเย็นเยียบ คนถูกจ้องสั่นไปทั้งตัวหนาวไปจนถึงไขกระดูก ในชีวิตไม่เคยกลัวอะไรหรือกลัวใครเท่าผู้ชายคนนี้มาก่อน ผู้ชายที่ชื่อ ‘จางหลง’

“อย่า... อย่าทำอะไรฉันเลย” เสียงอ้อนวอนสั่นพร่า ดวงตาระริกไหวด้วยความกลัวสุดใจ

“ตอบคำถามฉันสิ บางทีฉันอาจจะไว้ชีวิตแก”

จางหลงกระตุกยิ้มเย็น ดวงตาคู่คมจ้องหน้าของสมุนของอดีตหัวหน้าแก๊งค์มังกรนิ่ง แววตาแข็งกร้าวไร้รอยปราณี ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่กระเถิบกายไปจนมุมหลังติดกำแพง มือหนายกมือห้ามลูกน้องที่ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ให้เข้ามายุ่ง เขากำลังจะเค้นคอเชลยให้มันคายความลับออกมา

“ฉันไม่รู้ ฉัน... อ๊าก!”

คนพูดร้องลั่น เมื่อถูกฝ่าเท้าเหยียบลงไปบนบาดแผล ปลายเท้ากดน้ำหนักบดขยี้เต็มแรง เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากบาดแผล เจ็บจนแทบขาดใจตาย ร่างผอมดิ้นสะบัดใช้มือพยายามดันฝ่าเท้าออกแต่สู้แรงไม่ได้ ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บกว่าเดิม เจ้าของฝ่าเท้าตวัดสายตาดุกร้าว ทอดมองคนที่ดิ้นทุรนทุรายด้วยแววตาเย็นชา ไม่รู้สึกรู้สากับความทรมานนั้นเลยสักนิด

“รู้มั้ย มีคนพูดแบบนี้กับฉันมากี่คนแล้ว” จางหลงกดเสียงต่ำ ขณะจดจ้องใบหน้าบิดเบี้ยวนั้น “ฉันให้โอกาสแกเป็นครั้งสุดท้าย จะบอกหรือว่าจะตามไปอยู่กับไอ้พวกนั้นที่นรก!”

ร่างสูงยกปลายเท้าออกมา ริมฝีปากหยักแย้มเปิดรอยยิ้มหยัน ดวงตาคมวะวับวาวทอดจับใบหน้าฝ่ายตรงข้ามนิ่ง สะกดให้คนถูกจ้องไม่กล้าเขยื้อนกาย ขนทุกเส้นในกายลุกชันด้วยความหวาดกลัว กิตติศัพท์ของคนสนิทของหัวหน้าแก๊งค์หงส์ไฟผู้นี้ เป็นที่รู้กันดีในกลุ่มมาเฟียว่า เขาคือมือสังหารชั้นพระกาฬ โหดเหี้ยมและเลือดเย็น ไม่ต่างจากมัจจุราชในร่างมนุษย์ จางหลงกำลังขยับเลื่อนฐานะจากคนสนิทของหลี่ไท่หยาง ก้าวขึ้นมามีบทบาทในแก๊งค์มังกรจากแรงสนับสนุนของซื่อเหวินหลัว หัวหน้าแก๊งค์มังกรคนปัจจุบัน ผู้ก้าวขึ้นรับตำแหน่งนี้แทนหย่งเผิงอดีตหัวหน้าแก๊งค์ที่หายตัวไปอย่างลึกลับ หลังจากเกิดเหตุปะทะกันขึ้นที่เซฟเฮ้าส์ริมน้ำเมื่อห้าปีก่อน ซื่อเหวินหลัวรับจางหลงเป็นลูกบุญธรรมมอบหมายหน้าที่ดูแลคนในสังกัดให้ชายหนุ่ม จางหลงเป็นที่ยอมรับของสมาชิกแก๊งค์ พร้อมกับการเข้ามามีบทบาทแทนสมาชิกระดับแกนนำของแก๊งค์ ที่เริ่มเสื่อมอำนาจลง แก๊งค์มังกรภายใต้การนำของซื่อเหวินหลัวเป็นปึกแผ่นด้วยฐานอำนาจอันแข็งแกร่ง ไร้คนทัดทาน

“จ้าวสงกำลังวางแผนทำอะไรอยู่” จางหลงถามคำถามชี้ชะตา

“คุณจ้าว... คุณจ้าวกำลังวางแผนลอบฆ่า ท่านซื่อครับ” ในที่สุดก็ทนปากแข็งอยู่ไม่ไหว จำต้องตอบคำถามนั้นเพื่อรักษาชีวิตรอด

“คนของคุณจ้าว ได้รับความช่วยเหลือจากแก๊งค์ยากูซ่า หากลงมือสำเร็จฝ่ายนั้นจะสนับสนุนให้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งค์ แทนท่านซื่อ คนของแก๊งค์มังกรส่วนหนึ่งติดต่อการค้ากับพวกนั้นอยู่ ถ้าเอ่ยปากต้องยอมช่วยครับ”

ความจริงที่ได้รู้ ทำให้จางหลงหน้าเครียดเคร่ง เกือบสามปีที่เขาลดทอนอำนาจของผู้นำในกลุ่มต่างๆ ของแก๊งค์มังกร แต่ยังมีคนคิดแข็งข้อถึงขั้นวางแผนลอบสังหารซื่อเหวินหลัวบิดาบุญธรรมของเขา เพื่อหวังขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด สมาชิกของแก๊งมังกรแบ่งเป็นกลุ่มย่อยหลายกลุ่ม มีผู้นำกลุ่มคอยคานอำนาจกันเอง ยากจะรวบอำนาจเป็นหนึ่งเดียวได้ คนที่ยอมเป็นพันธมิตรส่วนหนึ่งก็เป็นคนที่เคยเกื้อกูลกัน ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแก๊งค์ อีกพวกหนึ่งสืบอำนาจต่อจากหัวหน้าคนเก่า มีฐานอำนาจของตนมากพอจะต่อรองขอดูแลพื้นที่และการค้าเอง พวกนี้นับวันยิ่งสร้างปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ

“ฮึ จ้าวสง ช่างไม่เจียมตัว”

จางหลงคลายสีหน้าเคร่งตึงลง เมื่อถอยออกมาจากร่างของคนสนิทของจ้าวสง เขาพอรู้เรื่องนี้มาบ้างแต่ต้องการคำยืนยันให้แน่ใจ บางทีอาจถึงเวลากวาดล้างอย่างจริงจังแล้วกระมัง ร่างสูงหยุดเดินเมื่อเดินมาถึงประตูทางออก ชายหนุ่มยิ้มเหี้ยมปรายตามองคนที่เขาเดินห่างออกมา ทันใดนั้นมือในมือก็ถูกยกขึ้น ปลายนิ้วกระดิกลั่นไกสังหาร กระสุนปืนแล่นออกจากปากกระบอกทะลุหน้าผากอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล

เปรี้ยง!

“ไปกันเถอะอาปิง...”

จางหลงหันกลับมามองหน้าบอดี้การ์ดรุ่นพี่ ที่ตอนนี้เปลี่ยนสถานะมาเป็นมือขวาให้เขา หลังจากได้รับมอบหมายจากหลี่ไท่หยางผู้เป็นนาย เมื่อเห็นลูกน้องอีกสองคนกำลังเก็บร่างไร้วิญญาณ ใส่กระสอบ เตรียมนำไปแปรรูปเป็นอาหารของจระเข้ที่เลี้ยงไว้ การเก็บกวาดแบบหมดจดเช่นนี้ไม่เหลือเศษซากให้เป็นปัญหาเหมือนการกำจัดด้วยวิธีอื่น นี่ไม่ใช่ศพแรกและไม่ใช่ศพสุดท้ายในเกมแห่งอำนาจนี้ ตราบใดที่ยังไม่ก้าวสู่จุดสูงสุด มือคู่นี้ก็ยังชุ่มไปด้วยเลือดของผู้คนไม่จบสิ้น จางหลงแค่นยิ้มหยันให้ชะตาของตัวเอง เมื่อเขาเลือกเดินบนเส้นทางนี้แล้ว จึงต้องก้าวต่อไปให้สุดทาง

ชายหนุ่มเดินขึ้นรถแล้วเอนกายกับเบาะนุ่ม รถเคลื่อนตัวไปจากบริเวณนั้นด้วยการขับขี่อันเนิบนิ่มไม่สะดุด จางหลงนิ่วหน้าเล็กน้อย เมื่อรู้สึกปวดหัวขึ้นมา มือหนากดคลึงขมับไปมา สีหน้าเคร่งเครียดจางหายไป เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง

“คุณจางจะกลับ หรือจะไปไหนต่อครับ” อาปิงเอ่ยถาม หลังจากผู้เป็นนายลืมตาขึ้น

“พาฉันไปหาอวี้เหมยก่อน” จางหลงสั่ง ก่อนจะหลับตาลงระบายลมหายใจออกช้าๆ ดวงตาคมทอประกายอ่อนเศร้า เมื่อนึกขึ้นได้ว่า วันนี้เป็นวันเกิดของเธอ “แวะร้านดอกไม้ให้ฉันด้วย”

อวี้เหมยชอบดอกกุหลาบสีขาว เธอคงดีใจถ้าได้เห็นมัน จางหลงยิ้มบางๆ รอยยิ้มพิมพ์ใจของภรรยาปรากฏในมโนนึก ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาแทนที่เธอได้ ไม่มีใครทำให้หัวใจของเขาอบอุ่นอ่อนหวานได้เท่าเธออีกแล้ว... ชายหนุ่มปล่อยใจให้อิ่มเอมไปกับจินตนาการอันแสนสุขของตน

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ณ ประเทศญี่ปุ่น

ร่างเล็กเดินกึ่งวิ่งออกจากสถานนีรถไฟใต้ดิน ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายวาวจ้าสดใส เมื่อเห็นร้านเบเกอรี่เจ้าประจำยังเปิดขายอยู่ รีบซอยเท้าเร่งความเร็วตรงดิ่งไปที่นั่นทันที

“มารับเค้กที่สั่งไว้ค่ะ” เสียงหวานใส บอกเจ้าของร้าน

“เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ รอสักครู่นะคะ คุณไอ” เจ้าของร้านนำกล่องใส่เค้ก พร้อมคุ้กกี้กล่องหนึ่งมาส่งให้ “ในโอกาสที่เป็นลูกค้าเรามายาวนานถึงสามปี เราขอมอบคุ้กกี้ให้เป็นของสมนาคุณค่ะ”

“ขอบคุณนะคะ คุณเคียวโกะ”

อิงอรโค้งคำนับแสดงความขอบคุณตามแบบคนญี่ปุ่น ก่อนจะยื่นมือมารับกล่องขนมพร้อมกับยิ้มหวานให้เจ้าของร้าน เธอเป็นลูกค้าของร้านเบเกอรี่แห่งนี้มาตลอด หลังจากเดินทางมาเรียนต่อปริญญาโทที่ญี่ปุ่น ตามคำชวนของพี่ชายเมื่อสามปีก่อน ในวันเกิดทุกๆ ปีเธอจะสั่งเค้กที่ร้านนี้เป็นประจำเพราะชอบในรสชาติของขนมเค้กฝีมือเคียวโกะ และมักจะมาอุดหนุนขนมทุกอาทิตย์ จนรู้จักสนิทสนมกับเจ้าของร้าน

“สุขสันต์วันเกิดนะคะ” เคียวโกะอวยพรให้ลูกค้าคนสวย พร้อมรอยยิ้ม

“ขอบคุณค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ” อิงอรยิ้มตอบ แล้วเอ่ยลา

ร่างเล็กเดินช้าๆ ประคับประคองกล่องเค้กอย่างถนอมไปตามทางเดิน มุ่งตรงไปยังอพาร์ทเม้นไม่ไกลจากร้านเบเกอรี่ คืนนี้อิงอรตั้งใจจะจัดงานปาร์ตี้เล็กๆ ที่ห้องพัก ทำอาหารสักสองสามอย่าง ไว้ฉลองกับเพื่อนที่จะแวะมาร่วมงาน หญิงสาวยิ้มบางๆ เมื่อนึกถึง ริวอิจิ เพื่อนชายที่ดั้นด้นตามเธอมาเรียนถึงที่นี่ ริวอิจิเป็นเพื่อนที่เคยเรียนในมหาวิทยาลัยที่เมืองไทยด้วยกัน เขาเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น แม่เป็นคนไทยพ่อเป็นญี่ปุ่น รู้จักสนิทสนมกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งจนจบการศึกษาพร้อมกัน เมื่ออิงอรตัดสินใจมาเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ริวอิจิก็ตามมาเรียนที่นี่ด้วย เธอรู้ว่าริวอิจิแอบชอบเธอแต่อิงอรไม่ได้คิดอะไรกับอีกฝ่ายมากกว่าเพื่อนคนหนึ่ง หัวใจของเธอไม่มีที่ว่างให้ใครเข้ามาได้อีก เมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งจับจองอยู่เต็มพื้นที่ เป็นความรักข้างเดียวอันแสนเศร้าแต่ไม่เจ็บปวด เมื่อเธอเลือกจะรักเขาแต่ไม่คิดแย่งชิงเขามาครอบครอง ความรู้สึกของอิงอรจึงหยุดอยู่ที่การแอบรักแอบฝันมาตลอดห้าปี

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...

เสียงสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นปลุกให้หลุดจากภวังค์ อิงอรใช้มือข้างที่ว่างหยิบมันออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เมื่อเห็นว่าคนโทรมาเป็นใครก็รีบกดรับสาย

“สุขสันต์วันเกิดนะ ลี่อิง” เสียงแหบคุ้นหู ของพี่ชายดังมาตามสาย

“ขอบคุณค่ะ เฮียเผิง”

อิงอรเอ่ยขอบคุณตามมารยาท แม้จะรับการดูแลจากพี่ชาย แต่หญิงสาวไม่เคยรู้สึกสนิทสนมกับคนเป็นพี่มากมายนัก เมื่ออีกฝ่ายไม่เคยเข้ามาดูแลใกล้ชิด ทำเพียงแค่ส่งเงินมาให้ใช้และโทรมาหาบ้างนานๆ ครั้ง เธอเคยพบหน้าพี่ชายแค่สองครั้ง ครั้งแรกเมื่อเขาเดินทางไปหาเธอที่บ้านที่เชียงใหม่ ครั้งที่สองตอนเดินทางมาถึงญี่ปุ่น เขามารับเธอที่สนามบินและพามาส่งที่ อพาร์ทเม้นแห่งนี้ หลังจากนั้น เธอก็ไม่เคยเห็นหน้าเขาอีกแต่มันไม่ได้ทำอิงอรเดือดร้อน เธอพอใจกับการใช้ชีวิตคนเดียวแบบนี้ โดยไม่ต้องรู้สึกอึดอัดหากอยู่ในความดูแลของพี่ชาย แม้เขาจะส่งเลขาชื่ออาเฟยมาดูแลเธอบ้าง แต่ยังดีกว่าเธอต้องอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา

"อาเฟยบอกว่าเธอจะรับปริญญาเดือนหน้าแล้วใช่ไหม”

“ค่ะเฮีย บริษัทที่หนูไปฝึกงาน เขาตอบรับใบสมัครแล้ว หนูคงไม่ต้องรบกวนเฮียอีก”

อิงอรตั้งใจว่าหลังเรียนจบ เธอจะหางานทำให้เร็วที่สุดโชคดีที่บริษัทที่เคยไปฝึกงานเรียกตัวให้ไปทำงาน จึงถือโอกาสนี้บอกกล่าวกับพี่ชายให้รู้ไว้ เขาจะได้ไม่ต้องส่งเสียเงินเลี้ยงดูเธออีก

“ปฏิเสธเขาไป เฮียจะให้เธอไปทำงานกับเพื่อนเฮีย” คนเป็นพี่ออกคำสั่ง

“แต่... หนูรับปากเขาไปแล้วนะคะ” อิงอรพยายามทักท้วง

“ทำตามที่ฉันสั่ง หลังจากรับปริญญาแล้ว ฉันจะให้อาเฟยไปรับเธอมาอยู่กับฉัน แค่นี้นะ”

พี่ชายพูดจบก็วางสายไปโดยไม่ฟังความเห็นของน้องสาว เขามักทำแบบนี้เสมอจนติดนิสัย ไม่เคยฟังเหตุผลหรือความต้องการของเธอเลย อิงอรถอนหายใจแรงๆ หนักใจกับสภาพไร้ทางออกของตัวเอง เหมือนฟ้ายังไม่แล้งน้ำใจ เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้นอีกหน อิงอรยิ้มกว้างรีบกดรับทันที

“สวัสดีค่ะน้าอ้อย คิดถึงน้าอ้อยจังเลย เป็นยังไงบ้างคะ น้าเขยดูแลน้าอ้อยดีหรือเปล่า” อิงอรพูดรัวเป็นชุด แทบไม่เปิดโอกาสให้คนปลายสายได้โต้ตอบ

“น้าก็คิดถึงเราจ้า ตอนนี้น้าเขยเราทำให้น้าหงุดหงิดอยู่เรื่อย รู้ทั้งรู้ว่าน้าท้องอยู่ ยังชอบกลับบ้านดึก ถ้าลูกคลอดเมื่อไหร่น้าจะหอบลูกหนีเสียให้เข็ด” คนเป็นน้าบ่น น้ำเสียงสดใสมากกว่าจะหงุดหงิดตามปากพูด

“น้องจะคลอดเมื่อไหร่คะ น้ำอิงจะได้แวะไปเยี่ยม เอ... หรือว่าไปช่วยเลี้ยงน้องดีคะ”

อารีย์น้าสาวของเธอตามม่านไหมนายสาวมาทำงานที่ฮ่องกง และได้พบรักกับบอดี้การ์ดหนุ่มของสามีเจ้านาย ได้ตกลงปลงใจแต่งงานกันเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้อารีย์กำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรก

“น้าโทรมาหาน้ำอิงเพราะเรื่องนี้แหละ น้ามีปัญหาตอนคลอดจ้ะ หมอบอกว่าน้าอายุมากแล้วอาจต้องผ่าคลอด น้ากลัวมากเลยนะ น้าอยากให้น้ำอิงมาอยู่เป็นเพื่อนน้าจะได้ไหม” คนเป็นน้าบอกจุดประสงค์ในการโทรมาหา ด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

“ได้สิคะ น้ำอิงเรียนจบแล้วเหลือแค่รอรับปริญญา ไปดูแลน้าอ้อยได้สบายมาก”

อิงอรแทบไม่ต้องคิดให้เสียเวลา เธอหาทางออกให้ตัวเองไม่ต้องไปทำงานกับเพื่อนของพี่ชายได้แล้ว ข้ออ้างนี้ดูมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ พี่ชายคงไม่กล้าว่าอะไร เมื่อเธอต้องไปดูแลน้าสาวผู้มีพระคุณ หญิงสาวยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง

“ขอบใจมากจ้ะหลานรัก เราจะว่าอะไรไหม ถ้าน้าอยากให้น้ำอิงเดินทางมาเร็วที่สุด”

“ไม่มีปัญหาค่ะน้าอ้อย น้ำอิงจะเช็คเที่ยวบินก่อนนะคะ ถ้าได้ตั๋วจะรีบเดินทางไปเลยค่ะ” อิงอรรับปากให้อีกฝ่ายคลายใจ เธออยากไปหาน้าสาวเร็วๆ เหมือนกัน

“น้าจะให้น้าเขยไปรับที่สนามบินนะ มาถึงวันไหนโทรบอกน้าด้วยนะ เดี่ยวน้าต้องไปทำกับข้าวแล้ว แค่นี้ก่อนนะ อ้อ... สุขสันต์วันเกิดจ้าหลานรัก” อารีย์อวยพรวันเกิดให้หลานสาว ก่อนจะวางสายไป

อิงอรเก็บโทรศัพท์ไว้ที่เดิม ร่างบางเดินไปยังห้องพักด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อนึกถึงการเดินทางครั้งนี้เธอจะได้พบกับน้าสาวอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้พบกันมานาน และจะได้พบกับเขาคนนั้นด้วย คนที่เธอไม่เคยลบภาพเขาออกจากหัวใจได้เลย ผู้ชายที่ชื่อ จางหลง

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ร่างสูงยืนนิ่งดวงตาคมเข้มทอดมองรูปถ่ายที่ติดบนหินอ่อนสีขาวนิ่ง เงาสะท้อนข้างในแววตาหม่นซึมและอ่อนเศร้า ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม หวนนึกถึงคนที่ทอดร่างอยู่ใต้หลุมศพแห่งนี้ สามปีแล้วที่เธอจากเขาไปเธอจากไปในวันครบรอบวันเกิดของเธอ วันที่ควรมีความสุขที่สุด กลับเป็นวันที่ต้องหลั่งน้ำตาเสียใจสุดแสน เมื่อมัจจุราชได้พรากลมหายใจของเธอไปอย่างโหดร้ายพร้อมลูกน้อยในครรภ์ ลูกที่ไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลก

จางหลงกำหมัดแน่นแววตาแข็งกร้าวโกรธเกรี้ยว ภาพเหตุการณ์ร้ายวาบผ่านเข้ามาในความทรงจำ หัวใจเจ็บร้าวปวดแปลบเหมือนถูกกรีดด้วยมีดแหลมคม หากเขาเฉลียวใจสักนิดเขาคงไม่เสียใจแบบนี้ ชายหนุ่มกดเปิดคลิปวีดีโอจดจ้องภาพเคลื่อนไหวนั้นด้วยความเจ็บปวด

“จางหลง จำได้ไหมว่าฉันเป็นใคร ฮ่า ฮ่า ฮ่า...” เสียงแหบห้าว ของหย่งเผิงดังแว่วมา

เจ้าของเสียงเผยโฉมหน้าของตัวเอง ผ่านคลิปวีดีโอที่ส่งเข้ามาในเครื่องโทรศัพท์ของจางหลง ในขณะที่เขากำลังเดินทางกลับไปบ้านเพื่อเตรียมจัดงานฉลองวันเกิดให้ภรรยา

“ฉันกลับมาแล้ว กลับมาทวงแค้นแกกับไอ้หลี่ไท่หยางยังไงล่ะ”

หย่งเผิงยิ้มร้าย ลอยหน้าลอยตาใส่กล้อง เหมือนยั่วโมโหให้คนมองเกิดอารมณ์ ร่างผอมสูงขยับห่างจากกล้อง ผายมือออกไปข้างตัว มองเห็นรถคันหนึ่งจอดอยู่กลางถนนที่ไร้ผู้คนสัญจร จางหลงหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อกล้องซูมเข้าไปใกล้ตัวรถ มองเห็นป้ายทะเบียนและสีรถชัดเจน รถคันนั้นเป็นรถที่อวี้เหมยใช้เป็นประจำ คนถ่ายค่อยเดินเข้าไปใกล้รถช้าๆ ภาพฉายให้เห็นภายในรถที่มีร่างไร้สติของอวี้เหมยนั่งซบอยู่บนเบาะด้านหลัง ตรงฝั่งคนขับมีร่างของบอดี้การ์ดสองคน ฟุบนิ่งอยู่ในสภาพศีรษะมีแผลเหวอะหวะ มองเห็นเลือดและมันสมองไหลย้อย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทั้งคู่เสียชีวิตแล้ว คนถ่ายยังทำร้ายจิตใจคนดู ด้วยการเคลื่อนภาพถอยห่างกลับมาจับใบหน้าของหย่งเผิงอีกครั้ง

“จำได้มั้ย ว่าแกทำอะไรกับฉันบ้าง ถ้าจำไม่ได้ฉันจะทบทวนให้แกดูเอง” หย่งเผิงยิ้มเหี้ยมใส่กล้อง

มาเฟียร้ายเดินห่างจากรถออกมาเรื่อยๆ จนได้ระยะพอเหมาะ กล้องเปลี่ยนมาจับภาพรถอีกครั้ง มองเห็นลูกสมุนสองคนกำลังเทน้ำมันราดไปรอบๆ รถ ที่มีกองยางรถยนต์วางกองไว้ หัวใจคนเห็นภาพแทบจะขาดลงตรงนั้น เมื่อเห็นหย่งเผิงหยิบไฟแช็คขึ้นจุด

“มองดูสิจางหลง มองให้ชัดๆ ฉันกำลังจะเผาเมียแกทั้งเป็น เหมือนที่แกทำกับฉัน แต่ขอโทษทีว่ะ ตอนนั้นลูกน้องฉันมันช่วยฉันออกมาทัน แต่เมียแกคงไม่โชคดีเหมือนฉัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

พูดจบไฟแช็คในมือก็ถูกโยนออกไป เปลวไฟลุกพรึบขึ้นทันที พระเพลิงโอบล้อมเผาผลาญยางรถยนต์ที่เป็นเชื้อไฟชั้นดี กลุ่มควันสีดำลอยโขมง พร้อมกับเสียงระเบิดตูม รถกลายเป็นเศษซากในกองเพลิงกองใหญ่นั้น

“ไอ้หย่งเผิง ฉันจะไม่ยอมให้อวี้เหมยตายฟรี แกต้องชดใช้!”

จางหลงคำรามลั่น มือสั่นเกร็งกดปิดคลิปวีดีโอนั้นด้วยหัวใจกราดเกรี้ยว เขาเก็บมันไว้ไม่ยอมลบทิ้งเพื่อเตือนตัวเองให้หาทางจัดการกับคนชั่วอย่างสาสม หย่งเผิงลอยนวลมานานถึงสามปี โดยที่เขาไม่สามารถทำอะไรมันได้ อีกฝ่ายแม้ไม่ได้เป็นหัวหน้าแก๊งค์มังกรแล้ว แต่อาศัยฐานอำนาจของแก๊งค์ยากูซ่าคุ้มหัวตัวเอง หย่งเผิงเปลี่ยนชื่อใหม่ลบประวัติเดิมทิ้งไปกับเปลวเพลิงเมื่อห้าปีก่อน และหวนกลับมาใหม่กลายเป็นยากูซ่าเต็มตัวเพื่อทวงคืนอำนาจของตัวเอง ด้วยความร่วมมือจากจ้าวสงที่เป็นพันธมิตรกลุ่มเดิมของหย่งเผิง การวางแผนลอบทำร้ายซื่อเหวินหลัวน่าจะได้หย่งเผิงให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง คนอย่างจ้าวสงถึงได้กล้าคิดการณ์ใหญ่กว่าตัวแบบนี้ได้ จางหลงให้สัญญากับตัวเองว่าหากเอาตัวหย่งเผิงมาได้ จะทำให้หย่งเผิงทรมานเป็นร้อยเท่า จะไม่ปล่อยให้มันรอดชีวิตออกจากขุมนรกมาได้อีก ต่อให้ต้องแลกกับอะไรก็ตามหากจะสามารถนำไอ้คนเลวนี้มาลงโทษได้เขาก็ยอมทำ

“อวี้เหมย... ผมรักคุณนะ รักคุณคนเดียว รักเสมอและรักตลอดไป พักผ่อนให้สบายนะที่รัก ผมจะดูแลลูกของเขาให้ดีที่สุด อาหมิงเป็นตัวแทนความรักของเราสองคน ผมไม่มีวันใครหรืออะไรมาทำอันตรายแกเด็ดขาด ผมสัญญา...”

จางหลงหยิบช่อกุหลาบสีขาวหอมกรุ่นมาถือไว้ แตะริมฝีปากบนกลีบดอกทุกดอกเบาๆ สัมผัสด้วยความรักในหัวใจส่งผ่านความรู้สึกอ่อนหวานนั้นลงบนกลีบบางของกุหลาบ แล้ววางช่อดอกไม้ใกล้รูปถ่ายของภรรยา ส่งยิ้มอ่อนโยนให้เธอเหมือนที่เคยทำ

“สุขสันต์วันเกิดครับ อวี้เหมย...” เขาอวยพรวันเกิด ให้คนสำคัญด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ร่างสูงค่อยๆ ยอบตัวลงนั่ง ปลายนิ้วแตะไล้ดวงหน้างดงาม ดวงตาทอดมองเธอด้วยความอาลัยรัก

ร่างสูงอยู่ในท่านั้นนิ่งนาน สายตาจับจ้องภาพถ่ายไม่ยอมกะพริบตา สายลมเย็นพัดมาเอื่อยๆ ห่มคลุมร่างนั้น ละม้ายมือนุ่มๆ ของใครบางคนกำลังลูบไล้แผ่นหลังกว้างด้วยความห่วงหา ผ่อนคลายความร้อนรุมในหัวใจ บรรเทาความเหนื่อยล้าให้เบาบางลง แสงสีส้มทอดจับใบหน้าคมคาย ปลายลำแสงอาบไล้เรือนกายแกร่ง ก่อนจะเลือนหายไปเมื่อดวงอาทิตย์อำลาผืนฟ้า นำพาม่านดำแห่งราตรีกาลเข้าปกคลุมผืนโลก ดั่งเช่นชีวิตมนุษย์ที่มีเกิดย่อมมีดับตามวัฎสงสาร ไม่มีใครหลีกหนีพ้น ...

“อวี้เหมยผมกลับก่อนนะ วันหนึ่ง... ผมจะมาอยู่เป็นเพื่อนคุณนะที่รัก”

จางหลงขยับกายลุกขึ้นยืน พร้อมเอ่ยลาภรรยาสุดที่รัก เขาหมุนกายเดินกลับไปยังรถที่จอดรออยู่ ใบหน้าหมองเศร้าเคร่งขรึมลง เมื่อกลับเขาสู่โลกแห่งความจริงอันแสนโหดร้าย โลกที่คนมีชีวิตยังต้องดิ้นรนต่อสู้ต่อไป

“คุณอ้อยโทรมาบอกว่า หลานสาวของเธอจะเดินทางมาถึงในอีกสองวันครับ” อาปิงรายงานให้ผู้เป็นนายทราบ

จางหลงชะงักนิ่ง ก่อนจะยิ้มร้าย “ดีมาก เตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย อย่าให้คุณอ้อยรู้เรื่องนี้เด็ดขาด”

อาปิงพยักหน้ารับ สีหน้าหนักใจไม่น้อย สิ่งที่เขากำลังทำหากภรรยารู้เข้าคงไม่ยอมยกโทษให้แน่ แต่เขาไม่อาจปฏิเสธได้เมื่อทุกอย่างเป็นความต้องการของผู้เป็นนาย เกมทวงแค้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อจางหลงคิดใช้น้องสาวของหย่งเผิงเป็นหมากในเกมนี้...

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

มาอัพตอนแรกแล้วนะคะ



ดราม่าเล็กน้อยค่ะ ใครที่เคยอ่านทัณฑ์สวาทมาเฟียมาก่อน อาจจะสะเทือนใจบ้าง (ขออภัย)

เริ่มต้นเรื่องราว ของอาญาสวาทมาเฟียกันด้วยความโหดเล็กๆ ของเฮียหลง กับฉาก

ดราม่าสะเทือนอารมณ์กันพอ ใจสะท้านค่ะ ตอนต่อไปหนูน้ำอิงกำลังเดินทางมาสู่กับดักของเฮียหลงแล้วนะคะ เฮียจะทำยังไงกับน้องสาวของศัตรูบ้าง โปรดติดตามค่ะ



ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ



รวิญาดา/ผการุ้ง








รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 พ.ย. 2555, 08:33:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 พ.ย. 2555, 08:33:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 4451





<< แนะนำตัวละคร    ตอนที่ 2. หมากในเกมแค้น >>
wind 2 พ.ย. 2555, 10:12:12 น.
เศร้า T-T


titirat 2 พ.ย. 2555, 11:00:02 น.
เป็นกำลังใจให้นะคะ จะติดตามผลงาน ค่ะ


อริสา 2 พ.ย. 2555, 11:25:57 น.
นำเรื่องได้กระชับดีค่ะ สงสารจางหลงจัง


แว่นใส 2 พ.ย. 2555, 13:30:15 น.
นอกจากอวี้เหมยแล้ว หลี่ไท่หยางกับม่านไหม ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ


หมูอ้วน 2 พ.ย. 2555, 14:20:18 น.
เศร้าจัง ฮือ..


nunoi 2 พ.ย. 2555, 15:44:06 น.


นกขมิ้น 2 พ.ย. 2555, 20:46:14 น.
so sad


shotang 24 ธ.ค. 2555, 11:35:37 น.
ฮื้อ ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account