สื่อสลับขั้ว
เมื่อ "วุ้น" สาวหวานเรียบร้อย กับ "ปาล์ม" หนุ่มตี๋ขี้อาย คิดจะปลูกต้นรักออนไลน์ เลยร้อนถึงเพื่อนซี้ อย่าง "แพท" กับ "บิ๊ก" ที่ต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้คนทั้งคู่

ก็เพราะว่าจีบกันดีๆก็คงจะไม่สนุก จึงต้องลากเอาเพื่อนๆ เข้ามาวุ่นวายด้วย เนื่องจากสาวเจ้าไม่มั่นใจในความงามของตัวเองจึงส่งรูปเพื่อนสาวตัวดีไปให้หนุ่มดูซะได้ ทางฝ่ายชายก็กำมะลอไม่แพ้กัน ส่งรูปหนุ่มหล่อระเบิดมาให้สาววุ้นฝันหวานถึงขั้นเก็บไปเพ้อแล้วเพ้ออีก เรื่องราวรักวุ่นๆ ครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 1

“อะไรนะ ไหนพูดใหม่สิ ยัยวุ้น”

พราวตะวันร้องโวยวายขึ้นทันทีเมื่อเพื่อนหญิงของเธอบอกถึงสิ่งที่ต้องการให้ช่วยเหลือจบ ระบายลมฟืด ๆ เหมือนมังกรสำลักไฟ ไม่สนใจว่าเวณิกาจะหน้าซีดเหลือสองนิ้ว

นอกจากเสียงของพราวตะวันจะเขียวแล้ว แววตาที่มองเพื่อนรักยังเขียวไม่แพ้กัน

“เบา ๆ สิแพท ลูกค้าจะเข้าร้านก็ตกอกตกใจกันหมดพอดี” พูดแล้วขยับแว่นด้วยความอึดอัดใจ

“ช่างลูกค้าสิ” พราวตะวันแหวใส่ ยังโมโหไม่หาย แม้เครื่องปรับอากาศใน ‘ดอกแก้ว เบเกอรี่’ จะตั้งไว้ค่อนข้างเย็น แต่ดูเหมือนอุณหภูมิความโมโหของหญิงสาวจะพุ่งปรี๊ด ทะลุเพดาน

“นี่เธออายุเท่าไหร่แล้วห๊า ยัยวุ้น” หญิงสาวกะจะแหวต่อแต่พอเวณิกาพึมพำตอบอายุขึ้นมาก็ทำเอาพราวตะวันต้องถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย

“ฉันไม่ได้ถามอายุเธอจริง ๆ แต่ฉันกำลังจะว่าเธอ เพราะฉะนั้นเงียบ ๆ ไปเลยนะ”

เวณิการีบงับปากแทบไม่ทันเมื่อเพื่อนสาวชี้หน้าอย่างเอาเรื่อง

พราวตะวันกับเวณิกาเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ชีวิตของทั้งคู่ค่อนข้างแตกต่างกันอยู่พอสมควร พราวตะวันเสียพ่อแม่ไปตั้ง ๆ เด็ก จึงโตมากับตายาย ที่ส่งเสียเลี้ยงดูหญิงสาว แม้ว่าเงินบำเหน็จบำนาญของตายาย จะเพียงพอให้หญิงสาวใช้จ่าย และศึกษาในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังได้เมื่อหลานสาวสอบเอนทรานซ์ไม่ติด แต่พราวตะวันก็หางานพิเศษทำตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งเพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย แม้ว่าตากับยายจะไม่เห็นด้วยมากนักกับการที่จะต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย

ในขณะที่เวณิกามีชีวิตที่ค่อนข้างเพียบพร้อมสมบูรณ์ พ่อกับแม่มีฐานะในระดับหนึ่ง แม้หญิงสาวจะเรียนไม่เก่งนัก แต่เมื่อจบมาแล้วอยากจะเปิดร้านเบเกอรี่ ในซอยแถวบ้าน ทางครอบครัวก็เซ้งตึกแถวบริเวณใกล้กับปากซอย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก เวณิกาซึ่งใช้เวลาว่างจากการเรียนไปเรียนทำขนมจึงได้เปิดร้าน ดูแลกิจการของตนเอง โดยมีเด็กรับใช้ในบ้านมาคอยช่วยงาน ส่วนพราวตะวันนั้น เนื่องจากทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย หญิงสาวจึงเหลือหน่วยกิตให้เก็บอีกพอสมควร แต่งานพริ้ตตี้ที่ทำมีรายได้ค่อนข้างมาก พราวตะวันจึงไม่เดือดร้อนมากนัก ที่ตนเองเรียนจบช้ากว่าคนอื่น หญิงสาวเน้นเรียนแต่น้อยวิชา แต่ว่าตั้งใจเรียนในทุกวิชา จึงมีผลการเรียนในระดับค่อนข้างดี ตายาย จึงไม่สามารถว่าอะไรได้เต็มปาก

รูปร่างหน้าตาของเวณิกากับพราวตะวันก็ต่างกันอยู่มาก พราวตะวันนั้นสวยคมคาย แม้ผิวค่อนจะเข้มแต่ก็ยิ่งทำให้ใบหน้างามดูเด่นสะดุดตาขึ้น รูปร่างสูงเพรียวและความคล่องแคล่วทำให้หญิงสาวมีงานเข้ามาสม่ำเสมอ ในขณะที่เวณิกาแม้จะผิวขาว ใบหน้าก็ไม่ได้ขี้ริ้ว แต่บุคลิกที่ขาดความเชื่อมั่นของเจ้าตัวก็ทำให้หญิงสาวดูไม่เด่นสะดุดตาใคร และส่งผลสะท้อนกลับมาทำให้เวณิกาขาดความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นไปอีก

“แล้วนี่จะทำยังไงกัน ส่งเมล์ไปยกเลิกนัดเดี๋ยวนี้เลยนะ ยัยวุ้น”

“ฉันนัดเขาไว้บ่ายนี้แล้วนะ แพท คงไม่ทันแล้วล่ะ” เวณิกาพูดเบา ๆ สีหน้ายังคงเกรง ๆ เพื่อนสาว

พราวตะวันทำท่าจะแหวต่อ พอดีมีหญิงสาววัยราวสามสิบต้น ๆ จูงเด็กชายวัยประมาณ 5 ขวบเข้ามาในร้าน

“สวัสดีค่ะ” เวณิกาหันไปยิ้มน้อย ๆ กับลูกค้า ในขณะที่พราวตะวันสะบัดหน้าพรืด ไม่อยากให้ลูกค้าของเพื่อนเห็นใบหน้าบึ้งตึงของตนเอง

จนกระทั่งลูกค้าจูงลูกชายออกไปจากร้าน เวณิกาทำท่าจะขยับตัวชิ่งหนีอารมณ์รุนแรงยิ่งกว่าพายุหมุนสิบห้าลูกของเพื่อนสนิท แต่ก็ชะงักเมื่อพราวตะวันใช้สายตาเพชฌฆาตมองมาอย่างเอาเรื่อง เวณิกาถอนใจ ทรุดตัวลงนั่งตามเดิม ก่อนที่จะพูดขอร้องเพื่อนอีกครั้ง

“ขอร้องเถอะนะแพทนะ นัดครั้งนี้สำคัญจริง ๆ ฉันชอบเขามากเลยนะ เขาคือชายในฝันของฉันเลยล่ะนะ แพทนะ”

พราวตะวันถอนใจบ้าง เมื่อเห็นแววตาอ้อนวอนของเวณิกา หล่อนไม่เคยปฏิเสธเพื่อนสาวได้สักครั้ง ด้วยความสงสารที่เวณิกาขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง และออกจะติดขี้แยนิด ๆ ลูกอ้อนของเวณิกาใช้ได้เสมอ นี่ขนาดพราวตะวันเพิ่งจะฉุนขาด ล้งเล้งอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้กลับเริ่มใจอ่อน

“คิดยังไงของเธอนะ วุ้น ไอ้หาคู่ หาแฟน ทางอินเตอร์เน็ตเนี่ย ไม่เห็นเคยมีใครได้คนดี ๆ เลยสักคน” หญิงสาวละไว้ว่าเมื่อยังเป็นวัยรุ่นมัธยมตนเองก็เคยทำ

“บางคู่เขาก็รู้จักกันทางอินเตอร์เน็ตนะแพท ถึงขึ้นแต่งงานแต่งการกันก็มีถมไปนี่นา ของอย่างนี้มันอยู่ที่ความไว้เนื้อเชื่อใจ ความจริงใจต่อกัน”

“เชอะ” พราวตะวันขัดขึ้น เดินอ้อมเคาน์เตอร์มานั่งตรงหน้าคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คที่วางอยู่ด้านหลัง

“แล้วไอ้ที่ส่งรูปฉันไปแทนรูปตัวเองนี่ จริงใจมากเลยนะยัยวุ้น หรือว่าไงห๊า”

“โธ่... แพท แพทดูวุ้นสิ หน้าตาจืด ๆ เชย ๆ อย่างนี้ ถ้าส่งรูปวุ้นไปแล้วใครเขาจะสนใจอยากนัดเจอกับวุ้นล่ะ”

“แล้วนี่คุยกันมาแรมปีนึกยังไงถึงเกิดอยากมาเจอกันเอาตอนนี้ล่ะแม่คุณ” พราวตะวันลดเสียงท้ายประโยคลง เมื่อเห็นเด็กหนุ่มสาวคู่หนึ่งในชุดนักศึกษาเดินเข้ามาในร้านนั่งลงที่โต๊ะติดหน้าต่างกระจกหน้าร้าน

เวณิกาหันไปมองหาบ๊วย เด็กหญิงที่ทางบ้านส่งมาให้ช่วยดูแลร้าน เมื่อสบตากัน หญิงสาวก็พยักพเยิดให้บ๊วยไปดูแลรับออเดอร์จากลูกค้า บ๊วยนั้นยังชงกาแฟสดไม่ค่อยคล่อง เมื่อลูกค้าสั่งกาแฟ เวณิกาจึงต้องรับหน้าที่จัดการ ทำให้หญิงสาวได้โอกาสคิดหาคำตอบที่เหมาะสมให้พราวตะวัน สังเกตเห็นท่าทีของเพื่อนแล้วก็รู้ว่าอ่อนลงเยอะทีเดียว เมื่อรินกาแฟที่ชงแล้วลงแก้วที่ใส่น้ำแข็งไว้เต็ม จึงวางลงในถาดที่บ๊วยหยิบบลูเบอร์รี่ชีสพายกับพายกล้วยหอมมาวางไว้ก่อนแล้ว ยกหน้าที่ให้เด็กหญิงนำไปเสิร์ฟให้ลูกค้า

“ก็เราคุยกันมานานไงแพท ก็เลยอยากเจอกัน เราคุยกันได้ทุกเรื่องเลยนะ คุณปาล์มเขาเข้าอกเข้าใจ รับฟังฉันทุกเรื่องเลย เราก็เลยอยากเจอกัน แล้วก็แลกรูปกันไง”

“แล้วทำไมไม่รู้จักไปนัดเจอกันที่อื่นหายัยวุ้น ไปบอกร้านให้เขารู้จัก จะบ้าตาย เกิดเขาเป็นพวกมิจฉาชีพ พวกโรคจิต พวกชีกอ เป็นพวกเฒ่าตัณหากลับ จะทำยังไงกัน”

พราวตะวันโวยแต่พอรู้ตัวว่าถ้าพูดต่อ ฝ่ายชายอาจจะยิ่งเลวร้ายจนกลายเป็นพวกเอเลี่ยน พวกต่างดาวไปได้ เลยพักหายใจชั่วครู่

“ไม่หรอกแพท เขาส่งรูปมาให้เราดูแล้วด้วยนะ”

เวณิกาเคาะแป้นพิมพ์ของคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คเปิดอีเมล์ฉบับหนึ่งขึ้นมา เมื่อรูปชายหนุ่มผิวเข้ม หน้าตาคมคายในชุดลำลองสบาย ๆ ถ่ายโดยมีฉากหลังเป็นชายหาดสีขาวกับน้ำทะเลสีฟ้าใสปรากฏขึ้น พราวตะวันชะโงกดูแล้วชะงักเล็กน้อย

“เธอว่านายคนนี้เขาทำงานอะไรนะ”

“ช่วยที่บ้านดูร้านจ้ะ ที่บ้านเขาเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง แล้วก็พวก ข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ข้าวขาหมูอะไรพวกนี้แหละ เจ้าดังเชียวล่ะ เห็นว่าพ่อแม่ไม่ยอมให้ไปทำงานอื่นให้ช่วยที่บ้าน”

พราวตะวันเพ่งมองใบหน้า สังเกตท่าทางของชายหนุ่มในภาพแล้วมองหน้าเวณิกา บุคลิกลักษณะและท่าทางของผู้ชายในรูปนี้ ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะใช่ลูกชายเจ้าของร้านอาหารแบบนั้นแน่

“แน่ใจนะว่านายนี่ ไม่ได้เอารูปคนข้างบ้านส่งมาให้น่ะ”

“แหม แพทอย่าไปมองเขาในแง่ร้ายอย่างนั้นสิ ฟังจากเสียงแล้วเขาก็น่าจะหน้าตาประมาณนี้แหละ” เวณิกาพึมพำ

“โอ๊ย...จะบ้าตาย เพื่อนฉัน” พราวตะวันเตรียมแหว แต่เมื่อรู้ตัวว่าเสียงตัวเอง แหวกเสียงเพลงเบา ๆ ที่เปิดคลอในร้านไปกระทบลูกค้าหนุ่มสาวที่นั่งอยู่หน้าร้านจนทั้งคู่หันมามอง หญิงสาวก็งับปากเอาไว้ทัน ก่อนที่จะลดเสียงลงให้ได้ยินกันแค่สองคน

“ฟังแค่เสียงเธอรู้ได้ยังไงว่าตาเขาจะเป็นแบบนี้ หูเขาจะเป็นแบบนี้ ปากเขาจะเป็นแบบนี้” หญิงสาวพูดไปชี้รูปในจอไป เออ...ผู้ชายคนนี้หน้าตาดีเหมือนกันนะ เอาล่ะไม่มีเวลาสนใจหน้าตา ขอโวยก่อนก็แล้วกัน

“แล้วเธอน่ะ แง่ดีนักหรือไงยัยวุ้น” หญิงสาวประชดให้ จนเวณิกาได้แต่นั่งนิ่ง ก้มหน้าพึมพำ ๆ อะไรคนเดียวเบา ๆ

“ว่าไง พูดอะไรอย่า งึมงำ ๆ ได้ไหม พูดให้มันชัดเจน แจ่มแจ้ง ว่าไงว่ามา มีอะไรจะได้คุยให้มันรู้เรื่อง”

เวณิกาพูดอะไรออกมาบางอย่าง แต่เสียงไม่ได้ดังพอที่จะผ่านอากาศและเสียงเพลงเบา ๆ ในร้านมาถึงหูพราวตะวันได้

“นี่” พราวตะวันแหวอย่างลืมตัว ก่อนที่จะลดเสียงลงอีกครั้งเมื่อเห็นหนุ่มสาวลูกค้าเพียงคู่เดียวในร้านสะดุ้งอีกระลอก ฝ่ายหญิงถึงกับมือไม้อ่อนทำส้อมหล่นลงบนจานและส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่เพราะเสียงโลหะกระทบจานกระเบื้องนั้นดังไม่ใช่น้อย คนทำร่วงจึงหลุดปากอุทานไม่ได้ศัพท์แสดงความบ้าจี้ถึงความบ้าจี้เต็มพิกัดของเจ้าตัว

“ตกลงแพทช่วยฉันหน่อยนะ” เสียงเวณิกาที่ดังออกมาได้สุด ๆ ก็แค่พอให้พราวตะวันได้ยินเท่านั้น ตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่พอเห็นท่าทางของเพื่อนทั้งหงอ ทั้งอึดอัด หวาดกลัว หญิงสาวก็ถอนใจเฮือกใหญ่

“ฉันให้เวลาเธอแค่เจอกันครั้งนี้นะ ครั้งหน้า....” หญิงสาวเว้นช่วง “ฉันหมายถึงว่าถ้ามีนัดครั้งหน้า เธอต้องสารภาพความจริงกับไอ้หนุ่มร้านอาหารนี่ให้หมด” พราวตะวันชี้ไปบนหน้าจอ เกลียดนักเชียว พ่อตัวต้นเหตุ ยังมายิ้มเล่นกล้องด้วยท่าทางสบาย ๆ อีกนะ

“เข้าใจใช่ไหม ฉันยอมเล่นละครให้เธอครั้งนี้ครั้งเดียว คราวหน้าต้องพูดความจริงว่าเธอเกิดกลัว เครียด คิดว่าตัวเองไม่สวย คลิ๊กผิดรูป แล้วส่งเมล์ไป แมวที่เลี้ยงไว้แอบส่งเมล์รูปเพื่อนเธอไปแทน ผีเข้าสิงเธอตอนส่งรูปฉันไปเธอไม่ได้ตั้งใจจะหลอกลวงหรืออะไรก็ได้ให้เขาเข้าใจ ว่าไง จะตกลงหรือไม่ตกลง”

เวณิกายิ้มกว้างแทนคำตอบ ดวงตาภายใต้แว่นนั้นแจ่มใสเป็นประกายทำให้ใบหน้าที่ปกตินิ่งเรียบ ไร้สีสันนั้นดูเปล่งประกายขึ้นมาถนัดตา พราวตะวันอยากจะเอากระจกให้เพื่อนส่องนัก จะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วตัวเองไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร หญิงสาวพยายามพูดโน้มน้าวครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้เวณิกามีความมั่นใจมากขึ้น แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ นึกโมโหตัวเองเหมือนกัน ที่แพ้ลูกอ้อนของเพื่อนตลอด ท่าทางต้องฝึกใจแข็งให้มากขึ้นกว่านี้

“แล้วเธอบอกเขาไปว่าเธอชื่อวุ้นใช่ไหม มีอะไรที่ฉันต้องรู้ไหม” สายตาเจ้ากรรมหันไปปะทะกับหนุ่มบนจออีกแล้วโอ๊ย เกลียดจริง ๆ ดูยิ้มเข้าสิ หญิงสาวบ่นในใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าจอ ‘แต่ที่จริงเอาคร่าว ๆ ก็ได้ เอาแค่พอถู ๆ ไถ ๆ ให้ผ่านครั้งนี้ไป เพราะฉันคงไม่คิดจะพิศวาสพ่อยอดขมองอิ่มของเธอหรอก’ คนไม่คิดจะพิศวาส หันไปมองรูปบนหน้าจออย่างตัดใจ ก็ดูดีหรอกนะ แต่เพื่อนฉันหมายตานายอยู่ เพราะฉะนั้น หยุดยิ้มโลกสดใสทำฉันใจแกว่งได้แล้วย่ะ

พราวตะวันนั่งลงข้าง ๆ เวณิกาฟังเพื่อนเล่าถึงเรื่องที่คุยกับหนุ่มในรูป พลางมองหน้าจอเป็นระยะ ๆ เอาก็เอา ก็นั่งคุยด้วยสักวันก็แล้วกันนะ แล้วค่อยยกให้เวณิกาคราวหน้า





พราวตะวันนั่งฟังเวณิกาไป ก็นั่งนึก ๆ ไป แล้วก็เกิดบรรลุอะไรขึ้นมาบางอย่าง

"เดี๋ยว ๆ ฉันเพิ่งนึกได้ เธอบอกว่าเธอเคยฟังเสียงอีตานี่ใช่ไหม" ถามไม่ถามเปล่า แววตา คาดคั้นหาความจริง "แล้วทำไมเธอไม่โทรไปยกเลิกหา เมล์ไปไม่ทัน แต่ถ้าโทรไปตอนนี้ยังทันนะ" หญิงสาวมองนาฬิกาติดผนัง อีกเกือบ ๆสามสิบนาทีกว่าจะถึงเวลาที่เวณิกานัดกับชายหนุ่มไว้

"ก็ฉันบอกว่าฟังเสียงเขา ไม่ได้บอกว่าฉันมีเบอร์เขาซะหน่อย" เวณิกาตอบตะกุกตะกัก มองพราวตะวันไม่เต็มตาดีนัก ขณะที่อีกฝ่ายถอนใจเฮือกใหญ่

"แล้วไปฟังเสียงเขาจากไหน บอกมาให้หมดสิ ฉันจะโกหกให้แต่ขอแนบเนียนหน่อย เดี๋ยวเกิดพูดอะไรผิด ๆ ถูก ๆ ไป จะเสีย" หญิงสาวมั่นใจว่าตนจะสามารถจำเรื่องราวที่เวณิกาเล่าให้ฟังได้หมด พราวตะวันนั้นเก่งเรื่องจดจำพอสมควร การทำงานเป็นพริตตี้สินค้าต่าง ๆ นั้นหญิงสาวก็ต้องใช้ความจำพอสมควร
"วุ้นให้เบอร์ร้านเขาไป" สรรพนามของหญิงสาวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามอารมณ์ความรู้สึก เมื่อสักครู่พราวตะวันทำท่าจะหยุดแหวอยู่หยก ๆ แต่กลับทำท่าเหมือนของขึ้นอีกระลอก เวณิกาจึงเปลี่ยนสรรพนามด้วยหวังว่าจะช่วยลดอุณหภูมิอารมณ์ของพราวตะวันลงได้บ้าง ถึงแม้เวณิกาจะเป็นคนไม่ค่อยมั่นใจ แต่อย่างหนึ่งที่หญิงสาวพอจะมั่นใจได้บ้างคือลูกอ้อน ยิ่งได้เห็นหน้าพราวตะวันตอนนี้แล้ว เวณิกายิ่งมั่นใจในลูกอ้อนขึ้นมาอีกหลายขุม

"แล้วเขาก็โทรมาหาวุ้น ก็แค่นั้นเอง เพิ่งเคยคุยกับเขาสองสามครั้งก่อนนี่แหละ เอาละ ๆ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อนะ เรื่องวุ้นกับคุณปาล์มน่ะ นะจ๊ะ แพทคนดี"

‘แพทคนดี’ ค้อนขวับเข้าให้ ก่อนที่จะนั่งฟังอย่างตั้งใจมากขึ้นหน่อย เมื่อขจัดข้อข้องใจไปได้ ในใจก็ได้แต่หวังว่าชายหนุ่มคนที่จะเข้ามาคงจะเหมือนกับในรูปที่ส่งมาให้เวณิกาดูอยู่เหมือนกัน ไม่อยากให้ตัวเอง เอ้ย... ไม่อยากให้เวณิกาเสียความรู้สึก ถ้าเกิดถูกหลอก นายปาล์มอะไรนั่นตัวจริง อาจจะอ้วนพุงพลุ้ย หัวเถิก ปากเหม็น...พราวตะวันคิดถึงตรงนี้ก็หยุดคิด เพราะพาลจะทำให้ตัวเองใจเสียเปล่า ๆ ก็ต้องเล่นละครทำเป็นอินเลิฟออนไลน์กับหนุ่มคนนี้อยู่นี่นา





อีกห้านาทีจะถึงเวลานัดการเตรียมการนัดหมายกันก็เสร็จสิ้น พราวตะวันตรวจสอบเรื่องกับเวณิกากันพลาด แล้วนั่งรออย่างใจเย็น จนพราวตะวันมองนาฬิกาติดผนังบอกเวลาเลยเวลานัดไปสามนาที
"นัดแรกก็เบี้ยวซะละดูสิ ผู้ชายอะไร๊ ปล่อยให้ผู้หญิงรอเกินสามนาที ฉันว่านะยัยวุ้น นายนี่ต้องส่งรูปหนุ่มข้างบ้านมาแหงม ๆ พอถึงเวลาจริงก็เลยไม่กล้าโผล่หะ..." พราวตะวันกลืนคำว่าหัวลงคอเมื่อชายหนุ่มในรูปในเวอร์ชั่นตัวเป็น ๆ ยืนอยู่หน้าร้าน กำลังจะผลักประตูเข้ามา หล่อสะบัด หญิงสาวคิด เนียบ แต่งตัวติดแฟชั่นหน่อย ๆ เกย์...ไม่ใช่ ๆ เดี๋ยวนี้ผู้ชายแต่งตัวเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้ว ยิ่งกว่านายคนนี้ก็เคยเห็น

ตามที่นัดกันไว้ชายหนุ่มจะก้าวเข้าไปนั่งโต๊ะตัวใดตัวหนึ่งในร้านแล้วเวณิกาหรือที่ฝ่ายชายรู้จักแต่ชื่อเล่นว่าวุ้นก็จะเดินเข้าไปนั่งด้วย วุ้นจำเป็น หันไปมอง วุ้นตัวจริง ที่ก้มหน้างุดอยู่ สะกิดเบา ๆ อย่างให้กำลังใจ แล้วนึกขัดใจตัวเองที่เป็นภูมิแพ้ความขี้อ้อนของเพื่อนไม่หายสักที

พราวตะวันเดินยิ้มเข้าไปหาชายหนุ่ม ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม เชิญนั่งเสียทีสิ ท่าบ๊องจะให้ผู้หญิงยืนขาแข็งอีกนานแค่ไหนเนี่ย ชายหนุ่มยังนั่งทำหน้าเหมือนรวบรวมสติอยู่สักครู่ ก่อนจะพูดออกมาได้

"เชิญนั่งสิครับ คุณวุ้น"

‘คุณวุ้น’ นั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ ยิ้มยังค้างอยู่บนใบหน้า เตี๊ยมไว้ว่าอะไรนะ นึกก่อน โอ้ย หน้าคมๆ ในจอมาปรากฏให้เห็นแบบตัวเป็น ๆ แบบนี้ นึกไม่ค่อยจะออก

"สวัสดีค่ะ คุณปาล์ม" เอาล่ะสติมาแล้ว ใส่เต็มที่ ให้สมกับที่เรียนการแสดงมาหน่อยพราวตะวัน

"ร้านคุณวุ้น ท่าทางสบายดีนะครับ ช่วงนี้โรงเรียนยังไม่เลิกเลยค่อนข้างสงบสินะคับ"

"ค่ะ"

...........
...........
เงียบ ไหนบอกว่าคุณปาล์มคุยสนุก ถูกคอนักถูกคอหนา พราวตะวันบ่นเพื่อนในใจ นั่งเงียบเป็นรูปปั้นเชียวนะ แล้วจะพูดอะไรกันต่อดี

"แล้วที่ร้านคุณปาล์มล่ะคะเป็นยังไง" หญิงสาวเพิ่งนึกได้ว่าควรถามกลับเป็นมารยาท

"ก็เรื่อย ๆ ครับ ของหมดแต่บ่ายสอง ที่ร้านผมขายดีครับ แต่เหนื่อยช่วงเช้า ช่วงกลางวัน คนเยอะ" ชายหนุ่มตอบก่อนที่จะหยุดมองเมื่อบ๊วยเอาน้ำมาเสิร์ฟ น้ำ อ้อ...ต้องชวนกินอะไรสักหน่อย เผื่อเวณิกาได้ลูกค้าเพิ่ม หวังว่านายนี่คงจะโฆษณาร้านให้ผู้หญิงที่ตัวเองจีบอยู่หรอกนะ

"ทานขนมไหมคะ ยัยวุ้น เอ่อ หมายถึง วุ้น ทำเองทุกอย่างเลยนะคะ" หญิงสาวหันไปสบตาเด็กบ๊วยก่อนจะพยักหน้าเรียกเข้ามาหา

"สั่งเด็กได้เลยค่ะ"

ชายหนุ่มปฏิเสธที่ขนม แต่ขอเป็นกาแฟแทน บ๊วยรับคำสั่งแล้ว หันกลับไป กำลังจะพูดดัง ๆ อย่างเคยชิน

"คุณวุ้น ขา..."

คุณวุ้นขา...ตัวจริง ยืนหน้าซีด แต่ คุณวุ้นขา...ตัวปลอม ไวกว่า นึกขึ้นได้ตั้งแต่ตอนเห็นเด็กบ๊วยแล้วว่าไม่ได้เตี๊ยมกันไว้

"แค่กาแฟแค่นี้ ให้แพทเขาชงก็ได้จ้ะบ๊วย" หญิงสาวตะโกนกลบเสียงบ๊วย รายหลังหันมามองเลิ่กลั่ก ตั้งท่าจะพูดอะไร แต่เห็นแววตาเขียวปั๊ดของ คุณวุ้นขา...ตัวปลอม แล้ว ต้องกลืนน้ำลายลงคอ หันไปพูดกับเวณิกาเบา ๆ

"คาปูชิโน่ ค่ะ คุณวุ้น"

เวณิกาพยักหน้า เก็บอาการได้ดี จนพราวตะวันที่หันกลับมามองนึกแปลกใจ

การสนทนากับชายหนุ่มตรงหน้าเป็นไปอย่างแกน ๆ จนความสนใจในตัวชายหนุ่มลดลงไปตั้งครึ่ง เวณิกาชอบผู้ชายพูดน้อย ถามคำตอบคำคนนี้ได้ยังไงกันนะ น่าเบื่อ จืดสนิท พราวตะวันสาบานได้ว่าตัวเองทำหน้าเซ็งไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง ถอนใจเบื่อ ๆ บ้าง เอ...กี่ครั้ง ไม่ได้นับ


"พอดีผมติดธุระครับ นัดเพื่อนไว้ตอนสี่โมงครึ่ง ยังไงผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ คุณวุ้น"

"เชิญคะ แล้วติดต่อมานะคะ" หญิงสาวลอบถอนใจเบา ๆ ละครสั้นวันเดียวจบกำลังจะปิดฉากแล้ว ใจหาย เอ๊ย โล่งใจเป็นที่สุด

"นัดครั้งหน้า ผมจะติดต่อมาอีกนะครับ ผมสนุกมากที่ได้คุยกับคุณวุ้น"

สนุกมาก จริงอ่ะ คุณขา หน้าตาไม่บอกเลยนะคะนั่นน่ะ หญิงสาวคิดแต่คำตอบที่ออกไปนั่นลื่นหูจนเจ้าตัวยังแปลกใจ

"ค่ะ วุ้นก็สนุกมากเหมือนกันที่ได้คุยกับคุณปาล์ม"

เดินไปส่งถึงหน้าร้าน จนเมื่อชายหนุ่มก้าวไปตามบาทวิถีมุ่งไปยังรถตัวเองแล้ว จึงปิดประตูร้าน หันมามองเวณิกาที่ส่งสายตาชวนฝันผ่านกรอบแว่นเชย ๆ มา

"เห็นไหมล่ะ แพท ฉันบอกแล้วว่าเขาไม่โกหก เหมือนในรูปอย่างกับแกะ เขาส่งรูปเขามาให้ดูจริง ๆ "

พราวตะวันพยักหน้าหงิก ๆ หมดความสนใจ ก็แน่ล่ะ คราวต่อไปก็ต้องยกชายหนุ่มให้เวณิกาแล้วนี่นะ ขี้เกียจจะบ่นว่าผู้ชายคนนี้ไม่เห็นจะคุยสนุกถูกคอ ช่างซักช่างเจรจาเหมือนที่เวณิกาโฆษณาไว้สักนิด




‘คุณปาล์ม’ เดินหน้างอมาตามบาทวิถี จนถึงรถคันสีบรอนซ์เงินที่จอดติดเครื่องอยู่ เปิดประตูด้านข้างคนขับ เข้าไปนั่งพูดประโยคแรกกับชายร่างอวบ ผิวขาว ที่นั่งรออยู่ที่นั่งคนขับ น้ำเสียงหงุดหงิด

"เรียบร้อย แล้วไอ้ปาล์ม"

"ขอบใจมากเพื่อน" ปริวัตรยิ้มแป้น แม้เขาจะออกเจ้าเนื้อสักนิด แต่ใบหน้านั้นได้ส่วน บดินทร์ส่ายหน้าก่อนที่จะเริ่มบ่น

"ไอ้คุณวุ้นของแก เนี่ย ไม่เห็นจะอ่อนหวาน เรียบร้อย เหมือนที่แกโฆษณาเลย จึ่กจั่ก ๆ ทำหน้าเบื่อข้าสักร้อยหนได้มั้ง เงียบหน่อยแม่คุณก็อึดอัด ถอนใจเฮือก ๆ" บดินทร์ทำหน้าระอาเมื่อนึกถึงกิริยาของหญิงสาว หน้าตาออกจะสะสวยไม่น้อย แต่ดูกระด้าง จะว่าไปก็ไม่ใช่ไม่ดี แต่ดูจะผิดจากที่ปริวัตรคาดหวังเอาไว้

"เอ็งแน่ใจนะ ว่าคุณวุ้นของเอ็งนะ วุ้นนี้แน่ ๆ จะมีวุ้นซ้ำบ้างไหม ข้าว่าวุ้นที่ข้าเจอเนี่ย แข็งไปหน่อย ไม่เห็นนิ่มนวลอย่างเอ็งว่า แถมจะว่าไปนะ ข้าว่าดู ๆ เขาเหมือนไม่ใช่คนที่จะมานั่งทำขนม เฝ้าร้านเบเกอรี่ด้วยซ้ำ คุณแพทคุณอะไรเพื่อนเขาซะอีก ดูเรียบร้อยกว่าเยอะ"

"โธ่...ไอ้บิ๊ก คุณวุ้นเขาอาจจะตื่นเต้นก็ได้นะเว้ย ที่จะได้เจอคนหน้าตาดีอย่างข้า...เอ่อ อย่างเอ็งน่ะ” ปริวัตรพูดอย่างไม่สนใจสีหน้าเพื่อน ก่อนที่จะออกรถ

"เอาน่า ตามสัญญา มื้อเย็นหนึ่งมื้อ แล้วครั้งต่อไป เอ็งค่อยบอกความจริงเขาไป ว่าเอ็งเป็นตัวแทนข้าไปเจอหน้าสาวเจ้า เพราะข้าเป็นคนขี้อาย...." เจ้าตัวปากบอกขี้อาย แต่น้ำเสียงกลับทะเล้น

"กะล่อนล่ะสิเอ็ง ไป ๆ เดี๋ยวลูกน้องข้าที่บริษัทนึกว่าเจ้านายเลิกทำบริษัทจะกลับบ้านกันหมด รีบไปส่งข้าเลยนะไอ้ปาล์ม"

"ได้ขอรับกระผม" ปริวัตรยิ้มแย้มเต็มที่ ในขณะที่บดินทร์ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะบ่นต่ออีกสักยก หรือจะถวายผางให้เพื่อนรักสักหน ค่าที่ทำทะเล้นตอนที่เขากำลังอารมณ์บูดสุด ๆ นึกแล้วชายหนุ่มก็ประหลาดใจ ไม่รู้ว่าอารมณ์เสียเพราะท่าทีของหญิงสาวขัดใจเขา หรือเพราะว่าเขาจะได้เห็นท่าทีน่าขัดใจนั้นอีกแค่ครั้งหน้าเท่านั้นกันแน่



กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ย. 2555, 09:50:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ย. 2555, 09:50:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1951





   ตอนที่ 2 >>
กมลภัทร 3 พ.ย. 2555, 09:51:32 น.
เรื่องหมดสัญญากับสนพ.ครับ เอามาลงให้อ่านใหม่ เผื่อใครยังไม่เคยผ่านตา เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่แต่ง ลงแบบต้นฉบับที่มีในมือยังไม่ถูกปรับอะไรเลยนะครับ ^^


wane 3 พ.ย. 2555, 23:29:13 น.
ยังไม่เคยอ่านเลยค๊าาา ...ดีใจจัง ...ปูเสื่อรอตอนต่อไปนะค๊าาา


หมูบูลิน 5 พ.ย. 2555, 05:22:56 น.
รอติดตามค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account