สื่อสลับขั้ว
เมื่อ "วุ้น" สาวหวานเรียบร้อย กับ "ปาล์ม" หนุ่มตี๋ขี้อาย คิดจะปลูกต้นรักออนไลน์ เลยร้อนถึงเพื่อนซี้ อย่าง "แพท" กับ "บิ๊ก" ที่ต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้คนทั้งคู่

ก็เพราะว่าจีบกันดีๆก็คงจะไม่สนุก จึงต้องลากเอาเพื่อนๆ เข้ามาวุ่นวายด้วย เนื่องจากสาวเจ้าไม่มั่นใจในความงามของตัวเองจึงส่งรูปเพื่อนสาวตัวดีไปให้หนุ่มดูซะได้ ทางฝ่ายชายก็กำมะลอไม่แพ้กัน ส่งรูปหนุ่มหล่อระเบิดมาให้สาววุ้นฝันหวานถึงขั้นเก็บไปเพ้อแล้วเพ้ออีก เรื่องราวรักวุ่นๆ ครั้งนี้จะลงเอยอย่างไร
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 2

ตอนที่ 2



พราวตะวันแยกเขี้ยวยิงฟันกับกระจกมองหลัง เมื่อรถคันหลังบีบแตรไล่รัว ๆ ก็ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่รีบเสียที่ไหนล่ะ นี่ก็ใกล้เวลานัดแล้ว หญิงสาวคิดว่าต้องไปไม่ทันนัดแน่นอน แต่ก็ไม่อยากไปสายมากนัก นึกถึงเพื่อนสาวตัวต้นเหตุที่ทำให้หล่อนต้องเหยียบเต็มพิกัดอยู่ตอนนี้แล้วยิ่งหงุดหงิด

‘หวัดดีจ้ะ แพท’ เสียงของเวณิกาไม่ค่อยดีนัก เมื่อตอนพราวตะวันรับโทรศัพท์เมื่อเช้า ตอนที่หญิงสาวเตรียมตัวจะไปเรียน

‘วุ้นมีเรื่องให้แพทช่วยหน่อย เรื่องคุณปาล์มน่ะ แพทช่วยวุ้นอีกครั้งนะ’ เสียงปลายสายอ้อนวอนเต็มที่ ผิดจากทุกครั้งก็ตรงที่ฟังดูเนือย ๆ ไม่กระตือรือร้น

‘เรื่องอะไร ฉันกำลังจะไปเรียนนะยัยวุ้น วันนี้เรียนถึงสี่โมงเลย จะมาให้ฉันไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ วุ้นอย่างนั้นวุ้นอย่างนี้กับอีตาคุณปาล์มอะไรของเธอนั่น ฉันไม่ว่างจ้ะ’ พราวตะวันดักคอ

‘พอดี...’ เสียงปลายสายนิ่งไปอย่างไม่แน่ใจ ก่อนที่จะพูดขึ้นเหมือนเพิ่งจะรวบรวมความกล้าได้ ‘วุ้นนัดคุณปาล์มเอาไว้วันนี้...’

เวณิกาพูดชื่อห้างสรรพสินค้าดังแห่งหนึ่ง แล้วบอกชื่อร้านอาหารที่มีสาขาอยู่ตามห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ

‘วุ้นกะว่านัดกินข้าวเย็นกันที่นั่น พูดความจริงกับเขา แล้วจะได้ดูหนังกัน แต่...’

‘หยุ้ด หยุด ๆ ๆ’ พราวตะวันรีบเบรก ก่อนจะแฟ่ด ๆ ใส่เพื่อนสาว ‘ไม่เห็นเธอ ปรึกษาหารือฉันก่อนเลยนะยัยวุ้น อยู่ดี ๆ ไปนัดเขาอีกได้ยังไงกันห๊า บอกแล้วใช่ไหมว่าผู้ชายสมัยนี้น่ากลัว ไม่กลัวโดนฆ่าหมกท่อรึไง’

พราวตะวันเริ่มฉุน นั่งกระแทกลงบนโต๊ะอาหาร จนยายหันมามอง หญิงสาวจึงพูดเสียงเบาลง

‘แล้วยังไงห๊า นัดเขาแล้วทำไมจะไม่ไปตามนัด เป็นอะไร’

‘วุ้นไม่สบายน่ะ เป็นปวดหัว ลุกไม่ขึ้นเลย’ เวณิกาตั้งท่าจะอธิบายต่อ แต่เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะขึ้น พราวตะวันรอฟังได้ยินเสียงของดอกแก้วถามลูกสาวเบา ๆ

‘ปวดหัวแล้วทำไม ไม่นอนพักล่ะจ้ะวุ้น’

‘วุ้นกำลังขอร้องแพทให้ช่วยไปธุระให้วุ้นค่ะแม่ พอดีวุ้นมีนัดสำคัญแต่.......’

‘มานี่สิ เดี๋ยวแม่พูดเอง’

ได้ยินแค่นั้น พราวตะวันก็ถอนใจ ดอกแก้วเป็นอย่างนี้เสมอ ตามใจและเอาใจลูกสาวคนเดียว ลืมนึกด้วยซ้ำว่าเวณิกาเปิดร้านขายขนม จะมีนัดอะไรสำคัญนักหนา แต่พอได้ยินได้เห็นสีหน้าออดอ้อนของลูกแล้ว ดอกแก้วก็อดรนทนไม่ได้ ต้องลงมือเอง

‘แพทเหรอลูก วันนี้วุ้นเขาป่วยน่ะจ้ะ คงไปนัดทำธุระสำคัญอะไรของเขาไม่ได้ แพทช่วยไปทำธุระแทนวุ้นเขาทีนะจ้ะ’

พราวตะวันอ้าปากค้างพูดไม่ออก รู้ตัวอีกที ก็ต้องกลับขึ้นห้อง เอาเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยยับใส่กระเป๋าเป้ใบเล็ก ๆ ขออนุญาตตาเอารถยนต์ออกมาใช้ ปกติพราวตะวันไม่ขับรถ นอกจากต้องไปทำงานกลับดึก จึงจะเอารถยนต์ของตามาใช้ แต่เมื่อคำนวณสถานที่เวลานัด กับเวลาเรียนของตัวเองแล้ว คิดว่าใช้รถน่าจะสะดวกกว่า ลงท้ายหญิงสาวก็ต้องมาเหยียบเป็นนางเอกหนังเรื่องสปีดอยู่ตอนนี้ เห็นห้างสรรพสินค้าที่เป็นจุดนัดหมายอยู่ไกล ๆ ดีที่วันนี้การจราจรไม่ค่อยติดขัดนัก ไม่อย่างนั้น หญิงสาวคงจะหงุดหงิดกว่าที่เป็นอยู่

จอดรถได้หญิงสาวก็รีบคว้าเป้ลงจากรถ พนักงานรักษาความปลอดภัยมองหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่ก้าวฉับ ๆ หน้าตาบอกบุญไม่รับ แถมปากบ่นงึมงัม ๆ เดินจ้ำอย่างรวดเร็วเข้าประตูที่ต่อเชื่อมลานจอดรถกับอาคารไป พราวตะวันรีบก้าวฉับเข้าห้องน้ำเพื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เฮ้อ...ถึงหญิงสาวจะค่อนข้างหัวสมัย แต่ก็เคารพสถาบัน เคารพสถานภาพนักศึกษาหญิงสาวจึงต้องเตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ไม่แต่งชุดลำลองไปเรียน ด้วยความรีบร้อน หญิงสาวไม่ทันได้สังเกตเห็นสายตาคู่หนึ่งที่มองมาอย่างสงสัย

ปริวัตรบอกว่าหญิงสาวเรียนจบแล้วกำลังรอรับปริญญา บดินทร์จึงออกจะแปลกใจ เมื่อเห็น ‘คุณวุ้น’ ใส่ชุดนักศึกษาเดินคว้าเป้ลิ่ว ๆ เข้าห้องน้ำไป ชายหนุ่มยิ้มออกมาเมื่อคิดใคร่ครวญถึงเรื่องทั้งหมด พอจะคาดเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไรจึงยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินไปยังร้านอาหารที่เป็นจุดนัดหมาย นั่งรออย่างใจเย็น จนกระทั่งเห็นหญิงสาวในชุดลำลองสบาย ๆ เดินเข้ามาในร้าน มองสบตาหญิงสาว แล้วยิ้มให้

โอ๊ย...จะบ้าตาย วันนี้กะจะมาเอ่ยปากบอกความจริง ดันมายิ้มกระจ่างชวนฝันให้หวั่นไหวเสียอย่างนั้นแหละ พราวตะวันนึกฉุน เลยไม่ได้ยิ้มตอบชายหนุ่มแต่ก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามบดินทร์ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า หญิงสาวเหมือนเห็นแววตาที่มองมาเหมือนรู้ทันของชายหนุ่มตรงหน้า

“สั่งอาหารเลยไหมครับ คุณวุ้น” เสียงเรียกคุณวุ้นฟังแปร่ง ๆ พิกล แต่หญิงสาวรีบขับรถ รีบแต่งตัวมา กระเพาะอาหารเริ่มเรียกร้อง จึงเปิดรายการอาหารดู สั่งอาหารกับของทานเล่นอย่างละจาน

ชายหนุ่มหันไปสั่งอาหารเพิ่มอีกอย่าง ก่อนที่จะหันมามองหญิงสาวตรงหน้า นึกอยากจะลองยั่วแหย่ขึ้นมาติดหมัด วันนี้ที่จริงตามแผน บดินทร์จะมาบอกความจริงกับหญิงสาว แล้วค่อยให้ปริวัตรตามไปขอโทษที่ร้าน แต่เมื่อสงสัยว่าเพื่อนตนก็จะโดนหลอกเหมือนกันอย่างนี้ เขาก็ชักนึกสนุก

“เรียน เอ๊ย...ร้านเป็นยังไงบ้างครับ”

เอ่อ... แปลกผู้ชายตรงหน้า วันก่อนที่ไปที่ร้านถามคำตอบคำ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา หน้าตาเหมือนโดนบังคับให้กินยาเบื่อ แต่ทำไมวันนี้อารมณ์ดีจัด พูดไปยิ้มไป อารมณ์ดีอะไรหนักหนา หรือว่าถูกหวย พราวตะวันนึกในใจ เอาเป็นว่านั่งคุยกัน กินข้าวกันอีกสักมื้อ แล้วค่อยบอกความจริงไปตอนจะแยกย้าย

“ก็ดีค่ะ ขายหมดเหมือนทุกวัน” พราวตะวันมั่นใจ ร้านของเวณิกาถึงจะไม่ได้หรูหราใหญ่โต แต่อยู่ใกล้โรงเรียน แถมไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยเอกชนมีชื่อแห่งหนึ่งมากนัก ในซอยมีหอพัก อพาร์ทเมนต์ คอนโดมิเนียมที่มีนักศึกษามาพักกันหลายแห่ง ทั้งฝีมือของเวณิกายังจัดว่าเข้าขั้นมืออาชีพอยู่เหมือนกัน เรื่องขนมเหลือค้างข้ามวันจึงแทบไม่มี

“คุณวุ้น นี่เก่งนะครับ”

คำพูดเหมือนชม แต่ทำไมฟังแล้วพราวตะวันร้อน ๆ หนาว ๆ ชอบกล น่าแปลก...วันก่อนเมื่อชายหนุ่มพูดจาถามคำตอบคำ หล่อนก็ไม่พอใจ แต่วันนี้เกิดเขาจะพูดจะจาขึ้นมาหญิงสาวก็เกิดประหม่าไปเสีย พอดีบริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ หญิงสาวก็รู้สึกโล่งขึ้นเหมือนมีระฆังช่วย นั่งกินไปก็เกร็งไป นึกหาคำพูดสวย ๆ ที่จะอธิบายให้หนุ่มตรงหน้าเข้าใจ พราวตะวันโกหกเพื่อช่วยเพื่อน แต่ก็ไม่อยากให้ชายหนุ่มตรงหน้าเห็นหล่อนเป็นคนปลิ้นปล้อน

หญิงสาวรู้สึกว่าไม่อยากให้อาหารเย็นมื้อนี้จบลงเร็วนัก ใจหนึ่งเพราะกังวลอยู่เหมือนกัน ที่ต้องเป็นคนบอกความจริงกับชายหนุ่มด้วยตนเอง กลัวว่าเขาจะเห็นเธอเป็นจอมลวงโลกหรอกนะ ไม่มีเหตุผลอะไรอย่างอื่นแฝงเลยจริง ๆ

ไม่มีจริง ๆ นะ ไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งนั้น โอ๊ย ! แล้วทำไมต้องคอยมาบอกตัวเองซ้ำ ๆ อย่างนี้ด้วยนะ ไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ

พราวตะวันละเลียดขนมหวานตรงหน้า อย่างช้า ๆ ช้าที่สุดเท่าที่จะช้าได้ ไม่ได้อยากเป็นกุลสตรีอะไรนักหรอก แต่...เฮ้อ...หญิงสาวถอนใจ เอาล่ะ ตายเป็นตาย ผู้ชายตรงหน้าคงไม่กลายร่างกลายเป็นปีศาจมาไล่ทำร้ายหล่อนหรอกนะ

“คุณปาล์มคะ ฉันมีเรื่องจะบอกคุณค่ะ” อยู่ ๆ หญิงสาวก็พูดพรวดออกมา “ฉันไม่ได้ชื่อวุ้นค่ะ”

ปฏิกิริยาที่ได้รับจากชายหนุ่มตรงหน้าคือการเงียบ เขาเพียงแค่จ้องหน้าเธออย่างเดียวเท่านั้น ไม่ซักถามอะไร

“แต่ฉัน...เอ่อ...คือฉัน” พราวตะวันเริ่มตะกุกตะกัก ผิดวิสัยที่ปกติมันจะพูดจาคล่องแคล่ว ฉะฉาน

นี่เขา โกรธใช่ไหมเนี่ย ทำไมถึงได้นั่งนิ่ง จ้องอย่างเดียว ไม่พูดไม่ซักไม่ถามอะไรเลย

หญิงสาวพยายามรวบรวมความกล้าอีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าปอดลึก “ฉันอธิบายได้ค่ะ”

โธ่...ไม่เข้าท่าเลย อุตส่าห์รวบรวมความกล้าตั้งนาน พูดได้แค่นี้เองเหรอเนี่ยเรา ก็...ดูเขาสิ ยังจ้องไม่เลิกเลย สีหน้าไม่บอกอารมณ์อะไรสักอย่าง

พยายามรวมรวมความมั่นใจและสติให้กลับคืนมาอยู่นาน พราวตะวันก็ตัดสินใจใช้แผนมารยาหญิงค่อย ๆ อธิบายเรื่องทั้งหมด พูดไปใส่อารมณ์ไป ตีหน้า เอ้ย... แสดงสีหน้าเสียอกเสียใจในความผิดด้วย เมื่ออธิบายถึงความจำเป็นที่ตัวเองต้องรับสมอ้างแทนเพื่อน



“ฉันมีเรื่องจะพูดแค่นี้ค่ะ ยัยวุ้น เขาชอบคุณมาก ๆ ฉันหวังว่าเรื่องที่เกิดขึ้น คงไม่ทำให้คุณเลิกติดต่อกับยัยวุ้นนะคะ” หญิงสาวพูดแล้วคว้าเป้ที่วางไว้ข้างตัวกำลังจะลุก แต่ชายหนุ่มที่นั่งฟังเงียบอยู่นาน ๆ คว้าแขนเอาไว้ก่อน





บดินทร์นั่งฟังหญิงสาวตรงหน้าเพลิน นึกขำเมื่อเห็นใบหน้าหญิงสาวขณะที่เล่าความจริงให้ฟัง ลืมนึกไปว่าเขาเองก็กำมะลอพอ ๆ กัน แต่เมื่อเห็นพราวตะวันกำลังจะลุกขึ้น จึงได้สติ เขาเองก็ตกลงกับปริวัตรเอาไว้เหมือนกันว่าจะบอกความจริงกับหญิงสาว นึกแล้วก็ได้แต่ถอนใจ

“ผมก็ไม่เรื่องจะบอกคุณเหมือนกัน นั่งลงก่อนสิครับ คุณแพท”

หญิงสาวมองหน้าแววตาเต็มไปด้วยคำถาม แต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี ฟังชายหนุ่มเล่าความจริงให้ฟัง พราวตะวันนั่งตาค้าง ปากเหมือนจะอ้าพูดอะไร แต่ก็หุบลงเป็นพัก ๆ บดินทร์มองหน้าหญิงสาวไปเล่าไป พลางนึกหวั่นใจ ไม่รู้ว่าเล่าจบ พราวตะวันจะนั่งนิ่งอย่างนี้ต่อ หรือว่าจะ...

เล่ายังไม่ทันจบดี พราวตะวันก็ตอบออกมาเสร็จว่าจะทำอย่างไร เมื่อหญิงสาวโวยลั่น

“นี่คุณกับเพื่อนคุณ ช่างรวมหัวกันดีนักนะ” พราวตะวันพูดเสียงไม่เบานัก ทำเอาคนอื่นในร้านหันมามอง บดินทร์ได้แต่ทำปากจุ๊ ๆ เตือนให้หญิงสาวลดเสียง พราวตะวันไม่ได้สนท่าทางของเขา แต่สายตาที่มองมาอย่างสงสัยของโต๊ะอื่น ๆ ต่างหากที่ทำให้ยอมลดเสียงลง นิดหน่อย

“คุณกับนายปาล์มเพื่อนคุณ มันโกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อนครบสูตรจริง ๆ “

ชายหนุ่มตรงหน้าไปตอบอะไร แต่แววตาที่มองมาเหมือนมีคำถาม บดินทร์เลิกคิ้ว มองหน้าหญิงสาว พราวตะวันจึงชะงัก ที่จริงเวณิกากับหล่อนก็หลอกลวงพอกัน แต่เรื่องต่อจากนี้ต่างหากที่หญิงสาวไม่ทันคิด โธ่... สงสารเพื่อนนัก นึกว่าเจอเทพบุตรเข้าแล้ว ปรากฏว่าเป็นตัวปลอมไปเสียได้

“เฮ้อ...จะว่าไปฉันก็ว่าคุณไม่เหมือนลูกชาย เจ้าของร้านอาหารตามสั่ง ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง หมูกรอบอะไรอย่างที่เพื่อนฉันเล่าให้ฟังเลย บุคลิกไม่ให้”

“ผมก็คิดว่าคุณไม่น่าจะใช่ผู้หญิงที่มานั่งทำขนม เฝ้าร้านขนมเหมือนกัน...ยิ่งเห็นตอนที่คุณใส่ชุดนักศึกษาคว้ากระเป๋าเดินลิ่วเข้าห้องน้ำยิ่งสงสัย มาแน่ใจจริง ๆ ตอนคุณสารภาพบาป เอ้ย...สารภาพความจริงนั่นแหละ” บดินทร์อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นหญิงสาวมองด้วยสายตาขัดเคือง เมื่อเขายั่วแหย่

“ผมมีแผน.....” เขาพูดขึ้นหลังจากที่ไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ “คุณอยากดัดนิสัยเพื่อนคุณบ้างไหม ? ผมล่ะอยากจะดัดนิสัยนายปาล์มเพื่อนผมเต็มแก่”

พราวตะวันนั่งฟังอย่างตั้งใจ ออกงิ้วมากคอชักแห้งจึงหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม แทบจะสำลักน้ำพรวด เมื่อชายหนุ่มพูดต่อ

“เรามาแกล้งชอบกันจริง ๆ ดีไหม”





พราวตะวัน หาเสียงตัวเองแทบไม่เจอ รีบคว้าผ้าเช็ดปากจากหน้าตักมาเช็ดน้ำที่เกือบจะพุ่งพ้นริมฝีปากออกมา บดินทร์นั้นนอกจากจะต่างกับปริวัตร ตรงชื่อเล่นจริง ๆ ของทั้งคู่แล้ว บดินทร์ยังไม่ได้เป็นลูกชายเจ้าของร้านอาหาร แต่เป็นลูกชายของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และกำลังเจริญรอยตามพ่อด้วยการเปิดบริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องประดับนำเข้า ดูแลบริหารงานเอง ด้วยวัยเพียงยี่สิบหกปี ที่จริงหญิงสาวก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สงสัย ลักษณะท่าทาง การแต่งกาย บุคลิกของเขาฟ้องชัด

หญิงสาวปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า บดินทร์น่าสนใจ แม้วันแรกที่เจอกัน ชายหนุ่มมีท่าทีอึดอัด ไม่พูดไม่จา แต่วันนี้ชายหนุ่มดูผ่อนคลายขึ้นมาก ดูเป็นธรรมชาติ

“คะ”

หญิงสาวนึกคำพูดอยู่นาน แต่ก็พูดออกมาได้แค่นี้จริง ๆ

“ผมถามคุณว่า เราจะทำเป็นชอบกันจริง ๆ ดีไหม”

“คะ”

พราวตะวันรู้สึกว่าบทสนทนาของหล่อนกับผู้ชายตรงหน้าเหมือนแผ่นเสียงตกร่อง จึงตัดสินใจปิดปากเงียบ รอฟังเขาอธิบาย บดินทร์ยิ้มขำ เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้า ทำตาโต อ้าปากค้าง ความรู้สึกของเขาในวันนี้แปลกไปจากวันที่เจอพราวตะวันที่ดอกแก้ว เบเกอรี่ หญิงสาวตรงหน้าดูแปลกไปนับแต่เขาเริ่มคิดว่า นี่ไม่ใช่หญิงสาวที่ปริวัตรคอยพูดให้เขาฟัง ผู้หญิงอ่อนหวาน เรียบร้อย เมื่อพราวตะวันไม่ต้องเล่นละครแกล้งเป็นหญิงสาวอีกคน หล่อนดูเป็นธรรมชาติขึ้น ช่างพูด เจ้าอารมณ์บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับก้าวร้าว ไร้ความอ่อนหวานเสียทีเดียว

“ยัยวุ้นเขาเป็นเพื่อนฉันนะคะ แล้วนายปาล์มอะไรนั่นเขาก็เพื่อนคุณ” พราวตะวันถอนใจเฮือกเมื่อหลุดคำพูดออกมาได้

“ทำอย่างนี้ เสียเพื่อนได้นะคะ”

บดินทร์ยิ้มมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตาชื่นชม

“ยังไงครับ”

“ก็......” เอาอีกแล้ว เกิดจะติด ๆ ขัด ๆ พูดไม่ออกขึ้นมาอีกแล้ว หญิงสาวนึกรำคาญตัวเอง หรือว่าจะกินไม่ค่อยอิ่ม สมองไม่แล่น ใช่ ต้องใช่แน่ ๆ พราวตะวันโทษกระเพาะที่ทำให้ตัวเองเกิดอาการอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเพราะหัวใจเจ้ากรรมต่างหาก ที่ไม่ยอมเต้นเป็นจังหวะปกติทั้งที่เจ้าตัวพยายามควบคุมอย่างหนัก จะว่าไปต้องโทษดวงตาคมที่จ้องมาอย่างไม่ลดละของบดินทร์มากกว่าอะไรทั้งหมด

“คุณกลัวคุณวุ้น จะหาว่าคุณแย่งผมไปจากเขา” บดินทร์ต่อให้แทน เอ่อ พอผู้หญิงท่าทางมั่นใจคนนี้ รู้สึกประหม่าแล้วน่ารักดีเหมือนกัน ตอนที่ทำท่าขู่ฟ่อ ๆ เป็นนางพญางู ก็ดูว่าหล่อนน่ารักไปอีกแบบ

“ค่ะ” ตอบสั้น ๆ นึกสงสัยตัวเองเหมือนกันว่าประโยคพูดประโยคเดียวของเขาช่างมีอานุภาพร้ายแรง ทำให้หล่อนถึงกับพูดอะไรไม่ออกมาพักนึงแล้ว พราวตะวันสูดลมหายใจเขา เอาล่ะ คนอย่างแพท ไม่ยอมเสียฟอร์ม เป็นไงเป็นกัน

“แล้วนายปาล์มนั่นก็เพื่อนคุณ คุณไม่กลัวเขาจะหาว่าแย่งผู้หญิงที่เขาชอบหรือคะ" พอพรวดประโยคยาว ๆ ออกไปได้ ความมั่นใจก็มาเป็นกอง จะกลัวอะไรกับแค่ผู้ชาย หน้าตาดี มีเสน่ห์ แต่งตัวดี บุคลิกดี ยิ้มสวย คนเดียว

“โธ่...คุณ คุณก็รู้เรื่องของสองคนนั้นดีพอกับผมไม่ใช่เหรอ นายปาล์มเพื่อนผมกับคุณวุ้นเพื่อนคุณน่ะ เขาคุยกันมาตั้งเป็นปีนะ ส่วนผมกับคุณวุ้นเพิ่งเคยเห็นหน้ากันครั้งเดียว พูดกันยังไม่ได้พูดเลยด้วยซ้ำ นายปาล์มกับคุณยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงหน้าตายังไม่เคยเห็นกันจริง ๆ”

“มันก็ใช่ค่ะ แต่สองคนนั้นเขา...” พราวตะวันไม่มั่นใจนัก ที่จริงก็นึกสนุกไม่น้อย ถ้าจะได้แกล้งเพื่อนบ้างเป็นการดัดนิสัย

“คุณวุ้นเขาเข้าใจว่า ผมคือนายปาล์ม ส่วนนายปาล์มก็คิดว่าคุณคือคุณวุ้น” บดินทร์ชิงพูดขึ้นมาแทนอีก ชักกลัวว่าสาวตรงหน้าจะพาเรื่องยาว จากที่น่าจะใช้เวลาคุยกันสั้น ๆ

“ทั้งหมดมันก็เกิดจากเขาสองคน ไม่มั่นใจในตัวเอง ถ้าให้ผมทาย คุณวุ้นเพื่อนคุณ คงจะเหมือนกับนายปาล์มเพื่อนผมอยู่อย่าง ตรงที่ต้องให้คนอื่นยื่นมือมาช่วยตลอด ไม่ต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเองเลย”

พราวตะวันพยักหน้า ผู้ชายคนนี้ฉลาด พูดจาคล่อง ผิดกับที่ได้เจอในร้านของเวณิกาเมื่อวันก่อน จะว่าไปแล้วเขาคงไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองนักเมื่อต้องแสดงตัวเป็น คุณปาล์ม ของเวณิกา ส่วนตัวหล่อนเองก็ใช่ว่าจะดีไปกว่ากัน การต้องแสดงตัวว่าเป็น คุณวุ้น ก็ทำให้รู้สึกอึดอัด ลำบากใจอยู่ไม่น้อย หญิงสาวต้องยอมรับกับตัวเองว่า เมื่อผู้ชายตรงหน้าคือบดินทร์ เป็นตัวของตัวเองแล้ว หล่อนออกจะพอใจเขาอยู่ไม่น้อย... ไม่ใช่สิ มากเลยทีเดียวล่ะ

พราวตะวันนึกแล้วออกจะฉุนตัวเองอยู่ไม่น้อย ความที่เป็นคนพูดตรงโผงผาง ทำให้ผู้ชายหลายคนที่เข้ามาทาบ ต่างพากันถอย ยิ่งเมื่อหญิงสาวเริ่มงานอิสระ โดยเป็นตัวแทนของสินค้าต่าง ๆ ในงานเปิดตัว พราวตะวันก็ยิ่งทวีความปากไวมากขึ้น เมื่อต้องเผชิญกับเสี่ยน้อย เสี่ยใหญ่ และไม่เสี่ยทั้งหลาย ที่พยายามเข้ามาแสดงท่าทีด้วย หญิงสาวก็ไม่ใช่เด็กสาวที่จะไม่เข้าใจสายตาของบดินทร์ ชายหนุ่มสนใจ แต่ท่าทีที่แสดงออก ไม่ได้กะลิ้มกะเหลี่ย ออกหน้าออกตา อย่างที่พราวตะวันเคยเจอ

“ผมจะกลับไปบอกนายปาล์ม ส่วนคุณกลับไปบอกคุณวุ้น ว่าเราไม่กล้าจะบอกความจริง แล้วก็ให้เขานัดกันใหม่คราวหน้า ซึ่งผมทายได้เลยว่า นายปาล์มเพื่อนผมไม่มีทางกล้าบอกด้วยตัวเอง”

“ฉันว่าเพื่อนฉันก็คงไม่กล้า....” พราวตะวันถอนใจ เวณิกาเกิดจะป่วยขึ้นมาวันนัดพอดิบพอดี แต่หญิงสาวแน่ใจว่าเวณิกาไม่ได้ป่วยจริง

“แล้วเราจะติดต่อกันเองไหมคะ หรือว่าจะให้สองคนนั้นคุยกัน”

บดินทร์นิ่งไปครู่ ใช้ความคิดเล็กน้อย พราวตะวันลอบยิ้มเมื่อเห็นเขาทำคิ้วขมวด

“ให้เขาติดต่อกันเอง ดูว่าเขาจะหาทางยังไง แต่.......”

บดินทร์ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ พราวตะวันไม่อยากจะเสียฟอร์ม จึงนั่งตัวตรงนิ่ง ไม่ขยับหนีแม้เขาเข้ามาใกล้มากเกินระยะที่เหมาะสม

“ผมขอเบอร์คุณไว้ก็แล้วกัน เผื่อเราจะได้คุยติดต่อกันได้ สังเกตท่าทีดูว่าเพื่อนคุณ กับเพื่อนผมเป็นไงกันบ้าง”

“ไม่เห็นจะต้องขอบงขอเบอร์อะไรกันเลย ยังไงเราก็แค่จะแกล้งสองคนนั้นเล่น ๆ ไม่ใช่หรือไง…” พราวตะวันทำท่าจะบ่นต่อ แต่พอเห็นสายตามุ่งมั่นของบดินทร์ที่มองมาแล้ว หญิงสาวก็พึมพำบอกหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่สิบตัวของหล่อนไป นี่เพราะอยากจะร่วมวางแผนสั่งสอนเพื่อนหรอกนะ ใจจริงไม่ได้อยากจะติดต่อ สร้างสัมพันธ์ใด ๆ กับหนุ่มตรงหน้าสักนิด

“อาจจะต้องใช้เวลานานหน่อยนะ แล้วก็ใช้ความสามารถสักนิด” บดินทร์พูดไปคิดไป อธิบายแผนยืดยาวจนจบ พยักเพยิดกับบริกรให้คิดเงินค่าอาหาร ก่อนที่จะคว้าน้ำดื่มขึ้นมาดื่มปิดท้าย สายตาของชายหนุ่มมองไปทางหน้าร้านแล้วอาการผิดสำแดงก็เกิดขึ้นแทบจะในทันทีทันใด

บดินทร์สำลักน้ำดื่มจนต้องยกผ้าเช็ดปากขึ้นปิดปาก ขณะที่สายตาจ้องไปทางประตูร้านด้วยใบหน้าซีดเผือดเหมือนเห็นผี

พราวตะวันหันไปมองตามสายตาของเขา ผี เอ๊ย...ไม่ใช่ ผู้หญิงสวยทีเดียว รูปร่างเพรียวเหมือนนางแบบ หน้าตาก็แสนจะคุ้น สวยแต่ตาดูดุ ริมฝีปากอิ่มติดจะบึ้งเล็กน้อย เหมือนพวกนางร้ายในละคร ใช่ จริง ๆ ด้วย นางร้ายมาเอง

สายตาของคนในร้านอาหารเหมือนจะจับจ้องหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามากันเป็นตาเดียว ตวงพรเป็นนักแสดงสาวที่รับบทร้ายได้เก่งฉกาจหาตัวจับยากน่าให้รางวัลทุเรียนทองคำจากแม่ค้าในตลาดเป็นที่สุด พราวตะวันเคยเห็นบทบาทของดาราสาวในละครอยู่เหมือนกัน เพราะยายแววนั้นติดละครหนึบหนับดูทุกเรื่อง พอช่องไหนตัดเข้าโฆษณาปุ๊บก็เปลี่ยนไปดูอีกช่องปั๊บชนิดที่เรียกได้ว่ารีโมทแทบจะระเบิด

“สวัสดีค่ะบิ๊ก” ตวงพรนั่งลงบนเก้าอี้ว่าง ข้าง ๆ ชายหนุ่ม บดินทร์เหมือนพยายามปรับสีหน้าเป็นปกติ แต่ยังคงมีท่าทีประหลาด ๆ เหมือนอะไรติดคอ ก่อนเอ่ยทักทายตอบอย่างอ้อมแอ้ม

“ตุ๊กไม่คิดเลยนะคะเนี่ย ว่าจะเจอคุณที่นี่ นี่มาหาซื้อเสื้อผ้าน่ะค่ะ” หญิงสาวชี้ให้ดูถุงเสื้อผ้าจากร้านยี่ห้อดังหลายถุงที่หญิงสาววางไว้ข้างตัว ก่อนที่จะหันมามองหญิงสาวอีกคนบนโต๊ะอาหาร ทำท่าเหมือนเพิ่งจะสังเกตเห็น

“ต๊าย...ใครกันคะบิ๊ก น้องสาวหรือว่าญาติทางไหนหรือคะ ทำไมตุ๊กไม่เคยเห็น” ตวงพรเน้นเสียง มองพราวตะวันอย่างเยาะ ๆ แบบเดียวกับที่ทำในละครไม่มีผิด พราวตะวันนึกเซ็ง มิน่าล่ะ ถึงได้เล่นเป็นนางร้ายได้เนียนขนาดนั้น ที่แท้ตัวจริงก็ฤทธิ์เดชไม่เบา ทำมาพูดทำท่าทางสนิทสนม ถามเป็นเชิงว่ารู้จักวงศ์วานว่านเครือของบดินทร์เป็นอย่างดีอย่างนั้นแหละ

พราวตะวันนึกฉุนเมื่อชายหนุ่มคนเดียวในที่นั้น นั่งเงียบ ไม่พูดไม่จา เอาแต่ทำหน้าเบื่อโลก ส่งสายตาอ้อนวอนมาทางหล่อนเป็นระยะ ๆ ทีอย่างนี้ล่ะเงียบเชียวนะ ท่าทางจะชอบล่ะสิที่มีแม่นางร้ายทั้งในจอ นอกจอมาประจ๋อประแจ๋ เจอกันแค่ไม่ถึงห้านาที ไม่ต้องเป็นหมอดูชื่อดัง พราวตะวันก็ฟันธงได้ว่าผู้หญิงคนนี้ร้ายไม่เบา

“ดิฉันชื่อ...แพท ค่ะ” พราวตะวันลากเสียงตอบ “เป็น...เอ๊...เราเป็นอะไรกันนะคะ คุณบิ๊กขา แพทก็จำไม่ค่อยได้แล้วเสียด้วยสิคะ เมื่อกี้คุณบอกแพทเรื่องเราชอบ ๆ กัน อะไรสักอย่าง แพทฟังไม่ถนัดเลยค่ะ”

พูดไปแล้วพราวตะวันก็แปลกใจตัวเอง ที่นึกเขม่นหน้า อยากเอาชนะนางร้ายสาวขึ้นมาเสียอย่างไม่มีเหตุผล อาจจะเพราะแววตาและคำพูดเชิงเยาะนั่นแหละที่จุดชนวนอารมณ์ให้หญิงสาวโมโห ไม่ใช่เพราะนึกจะลงสนามแข่งยึดหัวใจชายหนุ่มตรงหน้าหรอก

ตวงพรทำหน้าขัดใจเล็กน้อย พราวตะวันประหลาดใจ นึกว่าตวงพรจะลุกขั้น กรี๊ดเหมือนในละครเสียอีก แต่ฝ่ายนั้นสะบัดหน้าพรึดหันไปเกาะแขนของชายหนุ่มข้าง ๆ ทำเป็นไม่สนใจพราวตะวัน

“งานเปิดตัวสินค้าล็อตหน้า บิ๊กอย่าลืมนะคะ ว่าตุ๊กพร้อมที่จะไปเดินแบบให้ ถ้ายังไงบิ๊กโทรมาหาตุ๊กนะคะ” ตวงพรหันมามองพราวตะวันอีกครั้ง “อยู่แถวนี้นาน ๆ รู้สึกหายใจหายขอไม่ค่อยคล่องเลย ไม่รู้เป็นอะไร”

บดินทร์ถอนใจโล่ง นึกว่าจะได้เป็นกรรมการมวยคู่เอก แต่ฝ่ายแดงตวงพร กลับก้าวลงสังเวียนไปเสียก่อน นางร้ายสาวเอ่ยลาพร้อมส่งจูบหวานฉ่ำ เดินแน่วจากไป พลางลอบมองฝ่ายน้ำเงินอย่างอาฆาตมาดร้าย พราวตะวันได้แต่มองตามอย่างไม่ชอบหน้า เมื่อมองกลับมาที่บดินทร์ หญิงสาวเห็นว่าเขาทำสีหน้าโล่งใจ พราวตะวันถอนใจแล้วนึกค่อน ผู้ชายคนนี้แพ้ผู้หญิงตื้ออย่างแรง มีหวังจะเสร็จแม่ตุ๊กแกเข้าสักวัน



กมลภัทร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ย. 2555, 09:47:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ย. 2555, 09:47:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 1587





<< ตอนที่ 1   ตอนที่ 3 >>
กมลภัทร 10 พ.ย. 2555, 09:48:22 น.
ขอบคุณครับคุณ wane คุณหมูบุลิน


lovemuay 10 พ.ย. 2555, 11:19:49 น.
ไม่เสร็จแม่ตุ๊กแกหรอกจ๊ะ แต่จะเสร็จแม่แพทมากกว่า อิอิ


Asian 10 พ.ย. 2555, 11:43:09 น.
อ่านสองตอนแรกแล้วชอบค่ะ
จะคอยติดตามค่ะ


wane 13 พ.ย. 2555, 03:39:59 น.
นายบิ๊กตกลงทำเนียนขอเบอร์ใช่มั๊ยเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account