เล่ห์รักเกมหัวใจ
มีน เขาถูกว่าจ้างให้หักอกเธอ "อลินา" ที่คนว่าจ้างบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงร้ายกาจ
อลินา ถูกว่าจ้างให้ดักหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ อย่าง"มีน" ที่ไม่ยอมสยบให้หญิงใด
เมื่อ แผนถูกซ้อนเป็นชั้นๆเหมือนขนมที่แสนหวาน กับดักที่พันจนวุ่นวาย
หมายเหตุ เรื่องนี้เขียนสดๆ ดังนั้นอาจจะมีเนื้อหาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังค่ะ
อลินา ถูกว่าจ้างให้ดักหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเพลย์บอยตัวพ่อ อย่าง"มีน" ที่ไม่ยอมสยบให้หญิงใด
เมื่อ แผนถูกซ้อนเป็นชั้นๆเหมือนขนมที่แสนหวาน กับดักที่พันจนวุ่นวาย
หมายเหตุ เรื่องนี้เขียนสดๆ ดังนั้นอาจจะมีเนื้อหาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังค่ะ
Tags: เล่ห์รักเกมหัวใจ คีตา ณิชนิตา
ตอน: บทที่ ๓ อดีตของอลินา
บทที่ ๓
อดีตของอลินา
หน้าต่างที่เปิดกว้างนั้น รับลมเย็นๆ ในเวลาเช้าตรู่ หยดน้ำยังคงเกาะพราวตามขอบของหน้าต่าง เมื่อคืนฝนตกหนักจนเกือบเช้า อลินายิ้มกับแสงใสๆที่เปล่งประกายออกมาจากหยดน้ำเหล่านั้นที่ต้องแสงอาทิตย์ เธอเคยเกลียดสายฝนที่มันเฉอะแฉะแต่เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ เธอกลับต้องขอบคุณสายฝนที่ช่วยซับน้ำตาให้ น้ำตาที่มันไหลออกมาจากความโง่เง้าของตัวเอง สายตาของเธอหันไปมองห้องข้าง ๆ โดยอัตโนมัติ
อลินาถอนหายใจเบาๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กำลังจะสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มหวานนั้นผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอชอบตอนเช้า เพราะมันหมายความถึงการเริ่มต้นใหม่...เริ่มทำให้สิ่งใหม่ๆ สิ่งที่ทำให้เธอต้องก้าวไปข้างหน้า
ภาพรอยิ้มหวาน มือสวยที่ยกขึ้นมารองหยดน้ำที่ตกลงมาจากขอบหน้าต่างนั้นเหมือนภาพในจินตนาการ เสียงกดชัตเตอร์ที่ดังแค่เพียงในห้องสร้างรอยยิ้มให้ตากล้องหนุ่มเช่นกัน เขาเดินออกมาพร้อมกับแก้วกาแฟคิดว่าจะเปิดประตูออกไปชมบรรยากาศนอกระเบียงแต่ได้เห็นภาพสวยๆ นี้เสียก่อน
พัชระจัดการเตรียมเครื่องมือด้านหลังของเคาน์เตอร์ เสียงเดินลงบันไดทำให้เขาหันไปมองเล็กน้อย มีนเดินลงมาพร้อมกับแจกันดอกกุหลาบสีเหลือง มีนมีลักษณะเฉพาะตัวในเรื่องแบบนี้ เขาชอบจัดดอกไม้ ทำอะไรที่เกี่ยวกับงานออกแบบ ความคิดสร้างสรรค์ซึ่งมีนทำได้ดีมากด้วยเช่นกัน
“ตื่นแล้วเหรอ” พัชระเอ่ยถาม หันไปรินน้ำอุ่นมาตั้งไว้บนบาร์ยาว
“อืม น้องสาวแกนี่เรียนจบจากที่ไหนเหรอ” อยู่ดีๆ มีนก็เอ่ยถามแต่ระหว่างที่รอฟังคำตอบเขาจัดวางแจกันนั้นไว้บนบาร์ยาวของร้านอย่างเบามือ
“อเมริกา”
“แล้วจะมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ นี่นะ” น้ำเสียงค่อนข้างแปลกใจของมีนทำให้พัชระเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน
“แค่ชั่วคราว เดี๋ยวคงหางานใหม่เอง”
“มาทำงานชั่วคราวแบบนี้ก็แย่นะ เดี๋ยวเราก็ต้องหาคนใหม่อีก”
“ฉันรู้ เรื่องนี้ฉันจ่ายเองแล้วก็จะหาคนเพิ่มให้อีกที ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ตกลง อลินาเป็นญาติแกจริงๆ หรือเปล่าพัช ทำไมต้องดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้”
พัชระไม่ตอบ เขาหลบตาเพื่อนหันไปจัดการชงกาแฟสำหรับตัวเองแก้วหนึ่ง พัชระเป็นหนุ่มมาดขรึมหากไม่สนิทด้วย แม้ดูภายนอกพัชระค่อนข้างจุกจิกแต่เขาก็เป็นผู้ชายที่ดีและน่ารักคนหนึ่งทีเดียว
“ว่าแต่ช่วงนี้นายไม่ออกต่างจังหวัดเหรอ”
“ก็คงมีอาทิตย์หน้าไปพัทยา มีเพื่อนชวนไปถ่ายรูปงาน ฉันอยากไปพักผ่อนด้วย”
“เหรอ ก็ดีนะได้พักบ้างฉันเห็นแกทำงานเยอะเกินไปแล้ว” พัชระกล่าวอย่างเป็นห่วงเพื่อนรัก มีนยักคิ้วก่อนสะพายกระเป๋ากล้องขึ้นบ่ากระชับให้มันแน่นขึ้น
“ขอบใจที่เป็นห่วง ฉันไปทำงานนะ” มีนบอกลาก่อนจะเดินออกไป เขาไม่ได้ตรงไปยังที่ทำงานเลยแต่มีที่ต้องแวะก่อน สถานแห่งนั้นคือ สวนรถไฟ
มีนชอบที่จะไปถ่ายรูปที่นั่นเป็นประจำ เหมือนกับอยากอยู่เงียบๆ คิดอะไรให้ตัวเองได้ทบทวนเรื่องราวต่าง ๆในชีวิตอย่างที่เขาชอบพูดเสมอ ชีวิตคนเราคือการเปลี่ยนแปลง
อลินาเดินลงมาถึงชั้นล่าง เธอกวาดสายตามองหาพัชระแต่กลับเจอเพียงร่างสูงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งแต่งชุดพนักงานของร้าน เขาหันมาจ้องเธอหน้าตาตื่น
“คุณเข้ามาได้ยังไง”
“เข้ามาตั้งแต่เมื่อวาน” เธอตอบหน้าตาเฉยพลางนึกขันท่าทางตื่นตระหนกของอีกฝ่าย
“หา?”
“อ้าว วีมาแล้วเหรอ พอดีเลยรู้จักกันไว้สิ อลินา ญาติพี่เองจะเข้ามาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ ส่วนนี่ประวีย์พนักงานประจำของที่นี่อยู่มาตั้งแต่เปิดร้านแล้ว”
“แก่แล้วว่างั้นเถอะ” อลินาแซวในที
“โห เล่นแรงนะเนี่ย เรียกวีเฉยๆ ก็ได้นะครับ ว่าแต่ญาติพี่พัชนี่ สวยจริงๆ เลยนะครับ” ประวีย์เอ่ยทั้งส่งยิ้มหวานๆให้หญิงสาว อลินายิ้มส่งยิ้มกลับแม้แต่ชายที่สูงอายุกว่ายังสะกิดใจกับคำว่าสวยจากปากของประวีย์แล้วเจ้าตัวจะไม่รู้สึกเหมือนกันได้อย่างไร
อลินาพยายามกวาดสายตามองหาพนักงานในร้านคนอื่นๆ ทว่ายังไม่เห็นใครเข้ามาอีกเลย “มีกันแค่นี้หรือคะ”
“เหลือเจ้าโบแต่เขาจะมาตอนเย็นหลังเลิกเรียน มีลุงเก๋าเป็นพ่อครัว ตอนนี้กำลังจัดเตรียมของอยู่ในครัวแล้ว ตอนทุ่มหนึ่งจะมีนักดนตรีอีกสองคน เดี๋ยวถ้าพวกที่เหลือมาถึงให้วีช่วยแนะนำอีกทีหนึ่ง ที่นี่เปิดสิบเอ็ดโมงเช้าถึงหกทุ่ม ถ้ามีเรื่องอะไรที่ต้องไปทำ บอกพี่ก่อนสักวันหรือเป็นสัปดาห์ยิ่งดี” เจ้าของร้านกึ่งหนึ่งอธิบายพอคร่าว ๆ ก่อนจะหันกลับมาทำงานตรงหน้าตัวเอง
พัชระได้แต่แอบมองน้องสาวอยู่เป็นระยะ เขาเจออลินาครั้งแรกที่โรงพยาบาลในอเมริกา เขาเดินทางมาพร้อมกับพ่อ ท่านไม่พูดอะไรจนได้เห็นอลินา ท่านเล่าเรื่องทั้งหมดง่ายๆ ว่าเป็นความผิดของท่านเองที่แอบเผลอใจให้เลขาสาวจนเกิดเรื่อง ท่านส่งเสียเลี้ยงดูตามสมควรให้แม่ของอลินาย้ายไปอยู่อเมริกาหลังจากที่รู้ว่าท้อง
เธออยู่ในห้องไอซียูมีแผลเต็มตัวแม้แต่ใบหน้าก็ยังมีผ้าพันแผลรอบไปหมด หมอบอกว่าเธอคงเสียโฉมกับอุบัติเหตุครั้งนั้น เธอต้องหลับเป็นเจ้าหญิงนิทราเกือบหนึ่งสัปดาห์เต็ม โดยที่ไม่รู้เลยว่า แม่ที่เป็นที่พึ่งเดียวของเธอได้เสียชีวิตลงแล้ว
“แกต้องช่วยจัดการเรื่องนี้ให้พ่อนะ อย่างไรเสียเขาก็เป็นน้องสาวของแก”
“พ่อจะให้ยอมรับงั้นหรือครับว่าพ่อไม่ซื่อสัตย์กับแม่แถมยังมาขอร้องให้ผมดูแล เด็กคนนี้อีกงั้นหรือ” พัชระในตอนนั้นทั้งหัวเสียและโกรธพ่ออย่างมากที่ทำผิดอย่างมหันต์ต่อแม่และครอบครัว
“พัช แกเป็นลูกชายคนเดียวของฉันนะ ฉันฝากความหวังและทุกอย่างไว้ที่แก แต่แกไม่เคยทำได้ นี่คือสิ่งเดียวที่ฉันจะขอร้องในฐานะพ่อ แกไม่ต้องวุ่นวายในเรื่องของตระกูลอีกฉันขอแค่แกช่วยดูแลอลินาก็พอ”
คำขอร้องจากปากของพ่อที่เคยกำหนดกฎเกณฑ์ในชีวิตของเขามาตลอดตั้งแต่เด็ก เขาต่อต้านอยู่เงียบๆ ไม่คิดว่าอยู่ดีๆ สิ่งที่ฝันและรอคอยกลับมาพร้อมกับน้องสาวต่างแม่ เขารับปากและได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกสมใจ เรื่องภายในตระกูลกลับเป็น ภาพิมล พี่สาวของเขาแทน โชคดีที่แม่และพี่สาวเขายังไม่รู้เรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ได้ แม่ของเขามีนิสัยไม่ยอมแพ้ใคร เรื่องที่เกลียดที่สุดก็คือ เมียน้อยของพ่อ นี่ไม่ใช่แค่เมียน้อยแต่มีลูกด้วยกันอีกมันเลวร้ายกว่าเป็นร้อยเท่า
เขาไม่รู้ว่าพ่อจะจัดการอย่างไรไม่ให้แม่โกรธและยอมรับอลินา ตอนนี้เขามีหน้าที่แค่ จัดการให้เธออยู่ในสายตาก็พอ
ช่างภาพหนุ่มกำลังง่วนกับการเช็กอุปกรณ์ในมือไม่ได้หันไปมองประตูห้องสตูดิโอที่เปิดออกพร้อมกับร่างระหงของนางแบบสาวสวย เธอก้าวเข้ามาช้าๆ หวังจะให้เงียบเสียงมากที่สุดทว่าชายหนุ่มก็ยังได้ยินเสียงส้นสูงที่เตะพื้นห้องอยู่ดี มือเรียวสวยนั้นยกขึ้นปิดตาชายหนุ่มไว้ด้วยท่าทีหยอกเย้า
“ทายสิคะ ใครเอ่ย”
“มีนางแบบแค่สองคนจะให้ทายทำไมกัน”
“แล้วใครละคะ”
“กลิ่นหอมๆแบบนี้นะจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องเค้ก”
“อุ้ย! คุณมีนจำได้ยังไงคะ” มือบางเลื่อนมาโอบรอบคอเขาไว้อย่างหลวมๆ ส่งสายตาเต็มไปด้วยความปรารถนามาให้ชายหนุ่ม
มีนแอบคิดในใจมีสองคนเท่านั้นที่เขาต้องถ่ายงานนี้ คนหนึ่งเขาไม่ได้คั่วด้วยแต่อีกคนเธอค่อนข้างเสนอให้เขาเหลือเกิน มันจะทายยากเย็นอะไร
“ผมจำกลิ่นหอมๆของคุณได้นี่ เค้กมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวนะรู้ไหม”
“จมูกดีอย่างนี้เค้กให้รางวัลสักหน่อย” เธอว่าทั้งจูบแก้มชายหนุ่มเบาๆ
เสียงกระแอมดังขึ้นพร้อมร่างของบรรณาธิการสาวเจ้าของนิตยสาร สายตาเข้มๆ นั้นปราดส่งมาให้ชายหนุ่มเป็นเชิงตำหนิ เมื่อนางแบบสาวผละออกไปเธอจึงเข้าไปตบต้นแขนมีนแรงๆทีหนึ่งเป็นการสั่งสอน
“ทำอะไรหัดดูสถานที่มั่งนะพ่อคุณ”
“ผมไม่ได้ทำนะพี่แจน”
“ไม่ได้ทำอะไรพี่เห็นกับตา”
“ผมไม่ได้ทำจริงๆ ผู้หญิงทำเองล้วนๆ”
“กะล่อนที่หนึ่งจริงๆ นายนี่ เดี๋ยวเถอะเดี๋ยวได้เป็นเอดส์”
“พี่แจน ผมมีเรื่องอยากอธิบายพี่นิดหน่อย ผู้หญิงที่ควงกับผมทุกคนไม่มีใครได้นอนกับผมเลยสักคน”
“จะให้พี่เชื่อหรือยังไง อย่างนายน่ะห้ามใจไหวเหรอยะ”
“ได้สิ เพราะผมก็กลัวโรคเหมือนกัน ผมจะถนอมพรหมจรรย์ของผมไว้วันแต่งงาน”
“ต๊าย น่าเชื่อตายละพ่อคุณ รีบจัดการเข้า นั่นอีกแก้มติดลิปสติกรีบลบออกซะก่อนใครจะมาเห็นเข้า พี่ไม่เข้าใจจริงๆ นะมีน นายเองก็ทำงานแบบนี้มาตั้งนานทำไมถึงได้ไม่ยอมลงหลักปักฐานกับใครสักคนเสียที ที่ดี ๆ สวยๆ ก็ทิ้งเขาไปหมด ฉันอยากรู้จริงๆ ว่านายเคยรักใครจริงบ้างไหม”
“เคยสิครับ ทำไมจะไม่เคยผมก็มนุษย์โลกคนหนึ่งนะ”
“แล้วเขาหักอกนายเอาหรือไงถึงได้แค้นฝังหุ่นกับผู้หญิงคนอื่นๆ แบบนี้”
“เปล่าครับ ผมต่างหากที่ทิ้งเขามา...มันเป็นเรื่องเดียวที่ผมเสียใจมากที่สุดในชีวิต” แววตาหม่นของชายหนุ่มแสดงถึงเรื่องที่เล่านั้นมันเป็นเรื่องจริง
เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นแววตาแบบนั้น มีนไม่ใช่คนท้อแท้ในชีวิต เขาออกจะมีอารมณ์ขันเสียด้วยซ้ำ มีอีกหนึ่งเรื่องที่เธอมักจะเห็นแววตาที่แปลกเปลี่ยนไปจากความสนุกสดใส หากเธอถามเรื่องครอบครัว มีนจะกลายเป็นผู้ชายเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที เขาไม่เคยพูดเรื่องครอบครัวไม่ว่ากับเธอหรือแม้แต่บทสัมภาษณ์ใดๆ ตั้งแต่เขาโด่งดังในหมู่สังคม ประวัติของมีนก็ถูกขุดคุ้ยเช่นกัน เป็นเรื่องไม่ยากสำหรับผู้ชายที่มีชาติตระกูลที่ดีอย่างเขา เพียงแค่...ข่าวที่ลงมักบอกว่าพ่อของเขาล้มละลายและจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทำให้เขากลับมาอยู่เมืองไทยหลังจากไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก หลังจากกลับมาไม่นาน เขาก็ได้ฉายา แบดบอย ทันที
ผู้หญิงที่ทำให้มีนเสียใจเป็นครั้งแรกคนนั้นเป็นใครกันนะ...กนกลดาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ภายในใจ
เสียงฝนกระทบหลังคาในยามดึกทำให้หญิงสาวนอนลืมตาโพลงในความมืดนั้น เธอไม่ใช่คนนอนเร็วอยู่แล้ว พอเสร็จจากทำงานในร้านสามทุ่มเธอกลับขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเช็คงานที่โยธินฝากฝังไว้ก่อนจะตัดสินใจนอนหลับ แต่สติเธอยังไม่หลับทำให้การนอนคราวนี้ดูทรมานกว่าทุกคืน ทุกครั้งที่ฝนตกเธอจะนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายในวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี เหตุการณ์เลวร้ายถึงสองเรื่องในวันฝนตก
ในคืนที่เธอนอนซมเป็นไข้จนตกเย็นได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่ในห้อง พอก้าวออกไปพบแม่ดื่มเหล้าเหมือนคนกระหายน้ำเป็นแรมปี มันเป็นภาพชินตาของเธอ แม้ว่าแม่จะขี้เหล้าแต่ตอนปกติแม่เป็นแม่ที่ดีเหลือเกิน พร่ำสั่งสอนให้เธอเป็นหญิงไทยที่รักนวลสงวนตัว อย่าใจเร็วเหมือนท่าน
“ความรักแท้จริงบนโลกนี้ไม่มีหรอกนะอลิส ดูอย่างแม่สิ ที่พ่อมีให้เราเสมอคือความรับผิดชอบ ทั้งๆที่แม่รักพ่อของลูกเหลือเกิน แม่เป็นคนโง่เองที่คิดจะเอาลูกมาเป็นเครื่องมือต่อรองให้พ่ออยู่กับแม่ ความคิดที่โง่สิ้นดี”
ประโยคนี้เธอได้ยินตั้งแต่เด็ก มันเหมือนซีดีที่เล่นเพลงซ้ำๆ เดิมๆ จำจนขึ้นใจ แม้ว่าเธอไม่อยากเชื่อแม่แต่การกระทำของพ่อที่ไม่เคยมาหาสองคนแม่ลูกเลยสักครั้งนั่นเป็นเหมือนหลักฐานสนับสนุนชิ้นสำคัญ ทว่าเธอก็ยังเชื่อในความรัก จนเมื่อได้พบด้วยตัวเองถึงได้รู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน
คืนวันนั้นแม่เข้ามาสวมกอดเธอแล้วร้องไห้ราวใจจะขาด มืออบอุ่นของแม่นั้นลูบไล้ผมยาวสลวยของเธอเบาๆ น้ำตาเปียกชื้นรดพวงแก้มของเธอ
“เรา...ถูกตัดขาดจริงๆ แล้วลูก พ่อเขาทิ้งเราไปจริงๆแล้ว...”
“แม่หมายความว่ายังไงคะ”
“ถ้าพ่อเขาไม่ต้องการเราแล้ว เราจะอยู่กันไปทำไมกัน...พ่อใจร้ายมาก...เขาใจร้ายเหลือเกิน...” น้ำเสียงสั่นที่คร่ำครวญราวคนไร้สติ แม่พยายามจูงมือเธออกมาจากบ้านไปขึ้นรถ เธอพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่แม่ไม่ยอมฟังอะไรเลย ขับรถพาเธอออกจากบ้านไปอย่างไร้จุดหมาย อลินาในวัยสิบเจ็ดตัวสั่นด้วยความกลัว
“เรามาตายด้วยกันเถอะอลิส” แม่ที่เหมือนคนบ้าหันมาเอื้อนเอ่ย ดวงตาแดงก่ำ มือสั่นเทานั้นกุมพวงมาลัยแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา อลินาได้แต่นั่งตัวสั่นคิดหาวิธีที่จะแก้สถานการณ์ให้ได้ ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเห็นแม่ทำร้ายตัวเองเพราะพ่อมาก่อน แต่ครั้งนี้มันหนักหนากว่าทุกที จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจแย่งพวงมาลัยจากแม่ แสงบางอย่างวาบเข้าตาจนพร่ามัว ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับลงไปพร้อมกับสติของเธอ
นั่นเป็นความทรงจำสุดท้ายของเธอ...ก่อนที่จะมาฟื้นที่โรงพยาบาล
เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับพ่อ...คำถามแรกที่พ่อถามเธอคือ...เธอชื่ออะไร...น้ำตาของเธอเอ่อล้นออกมาในทันที
พ่อที่เธอเฝ้าคิดถึง พ่อที่เธอมองรูปมาตลอดสิบเจ็ดปีเต็ม เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธออยู่อย่างไร เป็นเด็กแบบไหน แม้แต่ชื่อ...เขายังไม่จดจำอีกอย่างนั้นหรือ...
มือหนาใหญ่คู่นั้นค่อยๆเอื้อมมาแตะผมของเธอเบาๆ เหมือนอยากปลอบใจ คิดว่าเธอขวัญเสียกับอุบัติเหตุ แท้จริงแล้วเธอกำลังเสียใจในสิ่งที่พ่อทำไว้กับเธอและแม่ต่างหาก...
“หนูชื่ออลินา เรียกสั้นๆว่าลีน่าค่ะ” เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
เวลานั้นเธอคิดไว้แล้วว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแบบของลีน่า เธอจะไม่แคร์ผู้ชายที่ไหน ไม่สนใจผู้ชายคนใด เธอจะทำอย่างที่พวกเขาทำไม่ให้น้อยหน้า เธอจะทิ้ง เด็กสาวซื่อใสไร้เดียงสาที่ถูกเรียกขานว่า ‘อลิส’ ไว้ข้างหลัง ถึงเวลาที่ควรเห็นค่าของตัวเอง เธอจะไม่มีทางทำเหมือนแม่ที่รักผู้ชายคนหนึ่งมากกว่าชีวิตตัวเอง
อดีตของอลินา
หน้าต่างที่เปิดกว้างนั้น รับลมเย็นๆ ในเวลาเช้าตรู่ หยดน้ำยังคงเกาะพราวตามขอบของหน้าต่าง เมื่อคืนฝนตกหนักจนเกือบเช้า อลินายิ้มกับแสงใสๆที่เปล่งประกายออกมาจากหยดน้ำเหล่านั้นที่ต้องแสงอาทิตย์ เธอเคยเกลียดสายฝนที่มันเฉอะแฉะแต่เมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ เธอกลับต้องขอบคุณสายฝนที่ช่วยซับน้ำตาให้ น้ำตาที่มันไหลออกมาจากความโง่เง้าของตัวเอง สายตาของเธอหันไปมองห้องข้าง ๆ โดยอัตโนมัติ
อลินาถอนหายใจเบาๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่กำลังจะสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มหวานนั้นผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอชอบตอนเช้า เพราะมันหมายความถึงการเริ่มต้นใหม่...เริ่มทำให้สิ่งใหม่ๆ สิ่งที่ทำให้เธอต้องก้าวไปข้างหน้า
ภาพรอยิ้มหวาน มือสวยที่ยกขึ้นมารองหยดน้ำที่ตกลงมาจากขอบหน้าต่างนั้นเหมือนภาพในจินตนาการ เสียงกดชัตเตอร์ที่ดังแค่เพียงในห้องสร้างรอยยิ้มให้ตากล้องหนุ่มเช่นกัน เขาเดินออกมาพร้อมกับแก้วกาแฟคิดว่าจะเปิดประตูออกไปชมบรรยากาศนอกระเบียงแต่ได้เห็นภาพสวยๆ นี้เสียก่อน
พัชระจัดการเตรียมเครื่องมือด้านหลังของเคาน์เตอร์ เสียงเดินลงบันไดทำให้เขาหันไปมองเล็กน้อย มีนเดินลงมาพร้อมกับแจกันดอกกุหลาบสีเหลือง มีนมีลักษณะเฉพาะตัวในเรื่องแบบนี้ เขาชอบจัดดอกไม้ ทำอะไรที่เกี่ยวกับงานออกแบบ ความคิดสร้างสรรค์ซึ่งมีนทำได้ดีมากด้วยเช่นกัน
“ตื่นแล้วเหรอ” พัชระเอ่ยถาม หันไปรินน้ำอุ่นมาตั้งไว้บนบาร์ยาว
“อืม น้องสาวแกนี่เรียนจบจากที่ไหนเหรอ” อยู่ดีๆ มีนก็เอ่ยถามแต่ระหว่างที่รอฟังคำตอบเขาจัดวางแจกันนั้นไว้บนบาร์ยาวของร้านอย่างเบามือ
“อเมริกา”
“แล้วจะมาทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่นี่ นี่นะ” น้ำเสียงค่อนข้างแปลกใจของมีนทำให้พัชระเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน
“แค่ชั่วคราว เดี๋ยวคงหางานใหม่เอง”
“มาทำงานชั่วคราวแบบนี้ก็แย่นะ เดี๋ยวเราก็ต้องหาคนใหม่อีก”
“ฉันรู้ เรื่องนี้ฉันจ่ายเองแล้วก็จะหาคนเพิ่มให้อีกที ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ตกลง อลินาเป็นญาติแกจริงๆ หรือเปล่าพัช ทำไมต้องดูแลเอาใจใส่ขนาดนี้”
พัชระไม่ตอบ เขาหลบตาเพื่อนหันไปจัดการชงกาแฟสำหรับตัวเองแก้วหนึ่ง พัชระเป็นหนุ่มมาดขรึมหากไม่สนิทด้วย แม้ดูภายนอกพัชระค่อนข้างจุกจิกแต่เขาก็เป็นผู้ชายที่ดีและน่ารักคนหนึ่งทีเดียว
“ว่าแต่ช่วงนี้นายไม่ออกต่างจังหวัดเหรอ”
“ก็คงมีอาทิตย์หน้าไปพัทยา มีเพื่อนชวนไปถ่ายรูปงาน ฉันอยากไปพักผ่อนด้วย”
“เหรอ ก็ดีนะได้พักบ้างฉันเห็นแกทำงานเยอะเกินไปแล้ว” พัชระกล่าวอย่างเป็นห่วงเพื่อนรัก มีนยักคิ้วก่อนสะพายกระเป๋ากล้องขึ้นบ่ากระชับให้มันแน่นขึ้น
“ขอบใจที่เป็นห่วง ฉันไปทำงานนะ” มีนบอกลาก่อนจะเดินออกไป เขาไม่ได้ตรงไปยังที่ทำงานเลยแต่มีที่ต้องแวะก่อน สถานแห่งนั้นคือ สวนรถไฟ
มีนชอบที่จะไปถ่ายรูปที่นั่นเป็นประจำ เหมือนกับอยากอยู่เงียบๆ คิดอะไรให้ตัวเองได้ทบทวนเรื่องราวต่าง ๆในชีวิตอย่างที่เขาชอบพูดเสมอ ชีวิตคนเราคือการเปลี่ยนแปลง
อลินาเดินลงมาถึงชั้นล่าง เธอกวาดสายตามองหาพัชระแต่กลับเจอเพียงร่างสูงของเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งแต่งชุดพนักงานของร้าน เขาหันมาจ้องเธอหน้าตาตื่น
“คุณเข้ามาได้ยังไง”
“เข้ามาตั้งแต่เมื่อวาน” เธอตอบหน้าตาเฉยพลางนึกขันท่าทางตื่นตระหนกของอีกฝ่าย
“หา?”
“อ้าว วีมาแล้วเหรอ พอดีเลยรู้จักกันไว้สิ อลินา ญาติพี่เองจะเข้ามาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ ส่วนนี่ประวีย์พนักงานประจำของที่นี่อยู่มาตั้งแต่เปิดร้านแล้ว”
“แก่แล้วว่างั้นเถอะ” อลินาแซวในที
“โห เล่นแรงนะเนี่ย เรียกวีเฉยๆ ก็ได้นะครับ ว่าแต่ญาติพี่พัชนี่ สวยจริงๆ เลยนะครับ” ประวีย์เอ่ยทั้งส่งยิ้มหวานๆให้หญิงสาว อลินายิ้มส่งยิ้มกลับแม้แต่ชายที่สูงอายุกว่ายังสะกิดใจกับคำว่าสวยจากปากของประวีย์แล้วเจ้าตัวจะไม่รู้สึกเหมือนกันได้อย่างไร
อลินาพยายามกวาดสายตามองหาพนักงานในร้านคนอื่นๆ ทว่ายังไม่เห็นใครเข้ามาอีกเลย “มีกันแค่นี้หรือคะ”
“เหลือเจ้าโบแต่เขาจะมาตอนเย็นหลังเลิกเรียน มีลุงเก๋าเป็นพ่อครัว ตอนนี้กำลังจัดเตรียมของอยู่ในครัวแล้ว ตอนทุ่มหนึ่งจะมีนักดนตรีอีกสองคน เดี๋ยวถ้าพวกที่เหลือมาถึงให้วีช่วยแนะนำอีกทีหนึ่ง ที่นี่เปิดสิบเอ็ดโมงเช้าถึงหกทุ่ม ถ้ามีเรื่องอะไรที่ต้องไปทำ บอกพี่ก่อนสักวันหรือเป็นสัปดาห์ยิ่งดี” เจ้าของร้านกึ่งหนึ่งอธิบายพอคร่าว ๆ ก่อนจะหันกลับมาทำงานตรงหน้าตัวเอง
พัชระได้แต่แอบมองน้องสาวอยู่เป็นระยะ เขาเจออลินาครั้งแรกที่โรงพยาบาลในอเมริกา เขาเดินทางมาพร้อมกับพ่อ ท่านไม่พูดอะไรจนได้เห็นอลินา ท่านเล่าเรื่องทั้งหมดง่ายๆ ว่าเป็นความผิดของท่านเองที่แอบเผลอใจให้เลขาสาวจนเกิดเรื่อง ท่านส่งเสียเลี้ยงดูตามสมควรให้แม่ของอลินาย้ายไปอยู่อเมริกาหลังจากที่รู้ว่าท้อง
เธออยู่ในห้องไอซียูมีแผลเต็มตัวแม้แต่ใบหน้าก็ยังมีผ้าพันแผลรอบไปหมด หมอบอกว่าเธอคงเสียโฉมกับอุบัติเหตุครั้งนั้น เธอต้องหลับเป็นเจ้าหญิงนิทราเกือบหนึ่งสัปดาห์เต็ม โดยที่ไม่รู้เลยว่า แม่ที่เป็นที่พึ่งเดียวของเธอได้เสียชีวิตลงแล้ว
“แกต้องช่วยจัดการเรื่องนี้ให้พ่อนะ อย่างไรเสียเขาก็เป็นน้องสาวของแก”
“พ่อจะให้ยอมรับงั้นหรือครับว่าพ่อไม่ซื่อสัตย์กับแม่แถมยังมาขอร้องให้ผมดูแล เด็กคนนี้อีกงั้นหรือ” พัชระในตอนนั้นทั้งหัวเสียและโกรธพ่ออย่างมากที่ทำผิดอย่างมหันต์ต่อแม่และครอบครัว
“พัช แกเป็นลูกชายคนเดียวของฉันนะ ฉันฝากความหวังและทุกอย่างไว้ที่แก แต่แกไม่เคยทำได้ นี่คือสิ่งเดียวที่ฉันจะขอร้องในฐานะพ่อ แกไม่ต้องวุ่นวายในเรื่องของตระกูลอีกฉันขอแค่แกช่วยดูแลอลินาก็พอ”
คำขอร้องจากปากของพ่อที่เคยกำหนดกฎเกณฑ์ในชีวิตของเขามาตลอดตั้งแต่เด็ก เขาต่อต้านอยู่เงียบๆ ไม่คิดว่าอยู่ดีๆ สิ่งที่ฝันและรอคอยกลับมาพร้อมกับน้องสาวต่างแม่ เขารับปากและได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอกสมใจ เรื่องภายในตระกูลกลับเป็น ภาพิมล พี่สาวของเขาแทน โชคดีที่แม่และพี่สาวเขายังไม่รู้เรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาก็ได้ แม่ของเขามีนิสัยไม่ยอมแพ้ใคร เรื่องที่เกลียดที่สุดก็คือ เมียน้อยของพ่อ นี่ไม่ใช่แค่เมียน้อยแต่มีลูกด้วยกันอีกมันเลวร้ายกว่าเป็นร้อยเท่า
เขาไม่รู้ว่าพ่อจะจัดการอย่างไรไม่ให้แม่โกรธและยอมรับอลินา ตอนนี้เขามีหน้าที่แค่ จัดการให้เธออยู่ในสายตาก็พอ
ช่างภาพหนุ่มกำลังง่วนกับการเช็กอุปกรณ์ในมือไม่ได้หันไปมองประตูห้องสตูดิโอที่เปิดออกพร้อมกับร่างระหงของนางแบบสาวสวย เธอก้าวเข้ามาช้าๆ หวังจะให้เงียบเสียงมากที่สุดทว่าชายหนุ่มก็ยังได้ยินเสียงส้นสูงที่เตะพื้นห้องอยู่ดี มือเรียวสวยนั้นยกขึ้นปิดตาชายหนุ่มไว้ด้วยท่าทีหยอกเย้า
“ทายสิคะ ใครเอ่ย”
“มีนางแบบแค่สองคนจะให้ทายทำไมกัน”
“แล้วใครละคะ”
“กลิ่นหอมๆแบบนี้นะจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องเค้ก”
“อุ้ย! คุณมีนจำได้ยังไงคะ” มือบางเลื่อนมาโอบรอบคอเขาไว้อย่างหลวมๆ ส่งสายตาเต็มไปด้วยความปรารถนามาให้ชายหนุ่ม
มีนแอบคิดในใจมีสองคนเท่านั้นที่เขาต้องถ่ายงานนี้ คนหนึ่งเขาไม่ได้คั่วด้วยแต่อีกคนเธอค่อนข้างเสนอให้เขาเหลือเกิน มันจะทายยากเย็นอะไร
“ผมจำกลิ่นหอมๆของคุณได้นี่ เค้กมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวนะรู้ไหม”
“จมูกดีอย่างนี้เค้กให้รางวัลสักหน่อย” เธอว่าทั้งจูบแก้มชายหนุ่มเบาๆ
เสียงกระแอมดังขึ้นพร้อมร่างของบรรณาธิการสาวเจ้าของนิตยสาร สายตาเข้มๆ นั้นปราดส่งมาให้ชายหนุ่มเป็นเชิงตำหนิ เมื่อนางแบบสาวผละออกไปเธอจึงเข้าไปตบต้นแขนมีนแรงๆทีหนึ่งเป็นการสั่งสอน
“ทำอะไรหัดดูสถานที่มั่งนะพ่อคุณ”
“ผมไม่ได้ทำนะพี่แจน”
“ไม่ได้ทำอะไรพี่เห็นกับตา”
“ผมไม่ได้ทำจริงๆ ผู้หญิงทำเองล้วนๆ”
“กะล่อนที่หนึ่งจริงๆ นายนี่ เดี๋ยวเถอะเดี๋ยวได้เป็นเอดส์”
“พี่แจน ผมมีเรื่องอยากอธิบายพี่นิดหน่อย ผู้หญิงที่ควงกับผมทุกคนไม่มีใครได้นอนกับผมเลยสักคน”
“จะให้พี่เชื่อหรือยังไง อย่างนายน่ะห้ามใจไหวเหรอยะ”
“ได้สิ เพราะผมก็กลัวโรคเหมือนกัน ผมจะถนอมพรหมจรรย์ของผมไว้วันแต่งงาน”
“ต๊าย น่าเชื่อตายละพ่อคุณ รีบจัดการเข้า นั่นอีกแก้มติดลิปสติกรีบลบออกซะก่อนใครจะมาเห็นเข้า พี่ไม่เข้าใจจริงๆ นะมีน นายเองก็ทำงานแบบนี้มาตั้งนานทำไมถึงได้ไม่ยอมลงหลักปักฐานกับใครสักคนเสียที ที่ดี ๆ สวยๆ ก็ทิ้งเขาไปหมด ฉันอยากรู้จริงๆ ว่านายเคยรักใครจริงบ้างไหม”
“เคยสิครับ ทำไมจะไม่เคยผมก็มนุษย์โลกคนหนึ่งนะ”
“แล้วเขาหักอกนายเอาหรือไงถึงได้แค้นฝังหุ่นกับผู้หญิงคนอื่นๆ แบบนี้”
“เปล่าครับ ผมต่างหากที่ทิ้งเขามา...มันเป็นเรื่องเดียวที่ผมเสียใจมากที่สุดในชีวิต” แววตาหม่นของชายหนุ่มแสดงถึงเรื่องที่เล่านั้นมันเป็นเรื่องจริง
เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นแววตาแบบนั้น มีนไม่ใช่คนท้อแท้ในชีวิต เขาออกจะมีอารมณ์ขันเสียด้วยซ้ำ มีอีกหนึ่งเรื่องที่เธอมักจะเห็นแววตาที่แปลกเปลี่ยนไปจากความสนุกสดใส หากเธอถามเรื่องครอบครัว มีนจะกลายเป็นผู้ชายเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที เขาไม่เคยพูดเรื่องครอบครัวไม่ว่ากับเธอหรือแม้แต่บทสัมภาษณ์ใดๆ ตั้งแต่เขาโด่งดังในหมู่สังคม ประวัติของมีนก็ถูกขุดคุ้ยเช่นกัน เป็นเรื่องไม่ยากสำหรับผู้ชายที่มีชาติตระกูลที่ดีอย่างเขา เพียงแค่...ข่าวที่ลงมักบอกว่าพ่อของเขาล้มละลายและจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุทำให้เขากลับมาอยู่เมืองไทยหลังจากไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็ก หลังจากกลับมาไม่นาน เขาก็ได้ฉายา แบดบอย ทันที
ผู้หญิงที่ทำให้มีนเสียใจเป็นครั้งแรกคนนั้นเป็นใครกันนะ...กนกลดาได้แต่เก็บความสงสัยไว้ภายในใจ
เสียงฝนกระทบหลังคาในยามดึกทำให้หญิงสาวนอนลืมตาโพลงในความมืดนั้น เธอไม่ใช่คนนอนเร็วอยู่แล้ว พอเสร็จจากทำงานในร้านสามทุ่มเธอกลับขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาเช็คงานที่โยธินฝากฝังไว้ก่อนจะตัดสินใจนอนหลับ แต่สติเธอยังไม่หลับทำให้การนอนคราวนี้ดูทรมานกว่าทุกคืน ทุกครั้งที่ฝนตกเธอจะนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายในวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี เหตุการณ์เลวร้ายถึงสองเรื่องในวันฝนตก
ในคืนที่เธอนอนซมเป็นไข้จนตกเย็นได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่ในห้อง พอก้าวออกไปพบแม่ดื่มเหล้าเหมือนคนกระหายน้ำเป็นแรมปี มันเป็นภาพชินตาของเธอ แม้ว่าแม่จะขี้เหล้าแต่ตอนปกติแม่เป็นแม่ที่ดีเหลือเกิน พร่ำสั่งสอนให้เธอเป็นหญิงไทยที่รักนวลสงวนตัว อย่าใจเร็วเหมือนท่าน
“ความรักแท้จริงบนโลกนี้ไม่มีหรอกนะอลิส ดูอย่างแม่สิ ที่พ่อมีให้เราเสมอคือความรับผิดชอบ ทั้งๆที่แม่รักพ่อของลูกเหลือเกิน แม่เป็นคนโง่เองที่คิดจะเอาลูกมาเป็นเครื่องมือต่อรองให้พ่ออยู่กับแม่ ความคิดที่โง่สิ้นดี”
ประโยคนี้เธอได้ยินตั้งแต่เด็ก มันเหมือนซีดีที่เล่นเพลงซ้ำๆ เดิมๆ จำจนขึ้นใจ แม้ว่าเธอไม่อยากเชื่อแม่แต่การกระทำของพ่อที่ไม่เคยมาหาสองคนแม่ลูกเลยสักครั้งนั่นเป็นเหมือนหลักฐานสนับสนุนชิ้นสำคัญ ทว่าเธอก็ยังเชื่อในความรัก จนเมื่อได้พบด้วยตัวเองถึงได้รู้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหน
คืนวันนั้นแม่เข้ามาสวมกอดเธอแล้วร้องไห้ราวใจจะขาด มืออบอุ่นของแม่นั้นลูบไล้ผมยาวสลวยของเธอเบาๆ น้ำตาเปียกชื้นรดพวงแก้มของเธอ
“เรา...ถูกตัดขาดจริงๆ แล้วลูก พ่อเขาทิ้งเราไปจริงๆแล้ว...”
“แม่หมายความว่ายังไงคะ”
“ถ้าพ่อเขาไม่ต้องการเราแล้ว เราจะอยู่กันไปทำไมกัน...พ่อใจร้ายมาก...เขาใจร้ายเหลือเกิน...” น้ำเสียงสั่นที่คร่ำครวญราวคนไร้สติ แม่พยายามจูงมือเธออกมาจากบ้านไปขึ้นรถ เธอพยายามดิ้นรนขัดขืนแต่แม่ไม่ยอมฟังอะไรเลย ขับรถพาเธอออกจากบ้านไปอย่างไร้จุดหมาย อลินาในวัยสิบเจ็ดตัวสั่นด้วยความกลัว
“เรามาตายด้วยกันเถอะอลิส” แม่ที่เหมือนคนบ้าหันมาเอื้อนเอ่ย ดวงตาแดงก่ำ มือสั่นเทานั้นกุมพวงมาลัยแน่น ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา อลินาได้แต่นั่งตัวสั่นคิดหาวิธีที่จะแก้สถานการณ์ให้ได้ ใช่ว่าเธอจะไม่เคยเห็นแม่ทำร้ายตัวเองเพราะพ่อมาก่อน แต่ครั้งนี้มันหนักหนากว่าทุกที จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจแย่งพวงมาลัยจากแม่ แสงบางอย่างวาบเข้าตาจนพร่ามัว ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดดับลงไปพร้อมกับสติของเธอ
นั่นเป็นความทรงจำสุดท้ายของเธอ...ก่อนที่จะมาฟื้นที่โรงพยาบาล
เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอกับพ่อ...คำถามแรกที่พ่อถามเธอคือ...เธอชื่ออะไร...น้ำตาของเธอเอ่อล้นออกมาในทันที
พ่อที่เธอเฝ้าคิดถึง พ่อที่เธอมองรูปมาตลอดสิบเจ็ดปีเต็ม เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธออยู่อย่างไร เป็นเด็กแบบไหน แม้แต่ชื่อ...เขายังไม่จดจำอีกอย่างนั้นหรือ...
มือหนาใหญ่คู่นั้นค่อยๆเอื้อมมาแตะผมของเธอเบาๆ เหมือนอยากปลอบใจ คิดว่าเธอขวัญเสียกับอุบัติเหตุ แท้จริงแล้วเธอกำลังเสียใจในสิ่งที่พ่อทำไว้กับเธอและแม่ต่างหาก...
“หนูชื่ออลินา เรียกสั้นๆว่าลีน่าค่ะ” เธอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ
เวลานั้นเธอคิดไว้แล้วว่าจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในแบบของลีน่า เธอจะไม่แคร์ผู้ชายที่ไหน ไม่สนใจผู้ชายคนใด เธอจะทำอย่างที่พวกเขาทำไม่ให้น้อยหน้า เธอจะทิ้ง เด็กสาวซื่อใสไร้เดียงสาที่ถูกเรียกขานว่า ‘อลิส’ ไว้ข้างหลัง ถึงเวลาที่ควรเห็นค่าของตัวเอง เธอจะไม่มีทางทำเหมือนแม่ที่รักผู้ชายคนหนึ่งมากกว่าชีวิตตัวเอง

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ย. 2555, 07:42:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ย. 2555, 07:42:37 น.
จำนวนการเข้าชม : 1808
<< บทที่ ๒ อดีตของมีน | --ลบ-- >> |

พันธุ์แตงกวา 5 พ.ย. 2555, 21:18:16 น.
อลินา น่าสงสารจัง...
อลินา น่าสงสารจัง...

ณิชนิตา 6 พ.ย. 2555, 08:29:00 น.
คุณแตงกวา ต้นเรื่อง มาม่านิดหนึ่งค่ะ ^^
คุณแตงกวา ต้นเรื่อง มาม่านิดหนึ่งค่ะ ^^

nutcha 6 พ.ย. 2555, 08:41:32 น.
อดีตของทั้งสองคนล้วนเจ็บปวดทั้งคู่เลย
อดีตของทั้งสองคนล้วนเจ็บปวดทั้งคู่เลย

ณิชนิตา 6 พ.ย. 2555, 21:23:30 น.
คนบาดเจ็บสองคนมาเจอกัน ^^
คนบาดเจ็บสองคนมาเจอกัน ^^

Siang 30 พ.ย. 2555, 16:44:17 น.
น่าสงสารทั้ง 2 คนเลย
น่าสงสารทั้ง 2 คนเลย