ปาฏิหาริย์บันดาลรัก
ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์...ไม่ได้ด้วยมารยา งานนี้มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นจะบันดาลรักและ 'เอาอยู่'
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: 1:: เป็นโสดมันผิดตรงไหนคะ??
สวัสดีเพื่อนๆชาวสิรินดาค่ะ
แตมกลับมาแร้ววววว พร้อมนิยายเรื่องใหม่คือ ปาฏิหาริย์บันดาลรัก แต่งกันสดๆ ด้นกันใหม่ๆ ไม่มีสต็อก เพราะฉะนั้นจะต้องเบ่งพลังในการเขียนมว้ากกก เรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติค-คอมเมดี้ เอาใจสาวโสดสุดๆ เป็นแนว chic-lit ที่อยากเขียนมานานแล้วค่ะ (พูดแบบนี้ทุกที 555+) อยากให้เพื่อนๆช่วยติดตาม ช่วยคอมเม้นต์แตมนะคะ เพราะตอนที่เขียนเรื่อง รักเกินร้อย และ โฮ่งเหมียวเกี่ยวรัก แตมก็ได้คำแนะนำดีๆจากเพื่อนๆมาปรับการเขียนค่ะ เพราะฉะนั้นสำหรับแตมแล้ว ผู้อ่านทุกท่านสำคัญต่อแตมจริงๆนะเออ
ช่วงแรกๆ คงจะขอลงทุกวันเสาร์และอังคาร ไปก่อนนะคะ หลังจากนั้นถ้าแต่งได้เร็วขึ้นก็จะลงให้อ่านเร็วขึ้นค่ะ ช่วงนี้วอกแวกเพราะติดแกะยางลบจนไม่เป็นอันทำงาน เพื่อนๆช่วยเตือนให้แตมเขียนงานด้วยนะคะ ถ้าเห็นสปีดต่ำกว่ามดคลาน
อารัมภบทเสียยืดยาว เชืญอ่านได้เลยค้า
ด้วยรัก
แตม นภาสรร
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++=
ตอนที่ 1
หากให้หาวลีต่อท้ายเพื่ออธิบายคำว่า ‘กรุงเทพฯ’ ปรีติยาก็มั่นใจว่าคนไทยมากกว่าหนึ่งล้านคนจะต้องเติมคำว่า ‘รถติด’ อย่างแน่นอน เพราะหลายคนใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนนมากกว่าอยู่บ้านเสียอีก ยิ่งช่วงเวลาหลังเลิกงานประมาณห้าหกโมงเย็นอย่างในขณะนี้ ก็อย่าหวังเลยว่ารถจะขยับไปไหนได้คล่องตัว อย่างน้อยๆก็อีกราวชั่วโมงเศษกว่าสภาพจราจรติดขัดจะเริ่มบรรเทา
ปรีติยาถอนใจอย่างหน่ายๆ แม้ใจอยากจะไปให้ถึงร้านอาหารซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงรุ่นไวๆ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ หล่อนจึงหยิบไอแพดจากกระเป๋ามาเช็คอีเมล์เพื่อฆ่าเวลาไปพลางๆ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ก็ดีแบบนี้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถรับส่งข้อมูลข่าวสารกันได้ตลอดเวลา ใครจะคาดคิดล่ะว่าหน้าจอทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปทรงละม้ายกับกระดานชนวนของไทยจะทำงานได้ประหนึ่งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาและมีประสิทธิภาพน่าทึ่งถึงเพียงนี้
ในกล่องข้อความอีเมล์ของหล่อนมีอีเมล์ใหม่ที่ส่งเข้ามาเพียงฉบับเดียว หัวข้ออีเมล์เขียนไว้ว่า ‘กรุณาอ่านรายงานการประชุมโฆษณาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนก้าด่วน’ ผู้ที่ส่งอีเมล์ฉบับนี้ถึงหล่อนคือ ศศิภา เออีสาวประจำเอเจนซีโฆษณาที่หล่อนทำงานอยู่ เมื่ออ่านไฟล์รายงานการประชุมที่โหลดจากอีเมล์จนจบ คิ้วของปรีติยาก็ขมวดเป็นปม ก่อนจะสบถออกมา
“นี่คิดจะให้ทำโฆษณาการกุศลหรือไงยะ”
มีอย่างที่ไหน ลูกค้าต้องการให้เอเจนซีของหล่อนทำโฆษณาพรีเมียมสุดอลังการ แต่ให้งบประมาณแค่สามล้านบาท ซ้ำยังตั้งเงื่อนไขให้จ้าง รติกานต์ นายแบบชื่อดังเป็นพรีเซนเตอร์ ปกติค่าจ้างขั้นต่ำของรติกานต์ในการถ่ายโฆษณาก็ปาเข้าไปสามล้านบาทแล้ว นี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพียงแค่อ่านรายละเอียดความต้องการของลูกค้าก็รู้ว่างานนี้มีแต่ขาดทุน
หากเป็นสมัยก่อนตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ปรีติยาคงจะตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าจะได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่หรือแบรนด์ดัง แต่เมื่อเริ่มเจนจัดในวงการโฆษณา หล่อนก็รู้ซึ้งใจแก่ว่าบริษัทใหญ่ๆอาจไม่ได้เป็นลูกค้าชั้นดีเสมอไป เพราะบริษัทเหล่านี้มักจะใช้ความดังและอิทธิพลทางธุรกิจเป็นข้อได้เปรียบเพื่อต่อรองและกดราคาค่าจ้างของเอเจนซี่โฆษณาขนาดเล็กและกลางซึ่งมีความจำเป็นต้องพึ่งบารมีของบริษัทใหญ่ยักษ์เหล่านี้ในการสร้างชื่อเสียง ในขณะที่ลูกค้าบริษัทเล็กๆกลับไม่เรื่องมากและจ่ายค่าเหนื่อยให้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
เสียงไซเรนรถตำรวจที่ดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้ปรีติยาสะดุ้ง เพราะเสียงเรียกเข้านี้เป็นเสียงพิเศษที่ตั้งขึ้นเพื่อมาติกา ผู้อำนวยการใหญ่ของเอเจนซีของโฆษณา และทุกครั้งที่มาติกาโทรมามักจะมีเรื่องด่วนที่ทำให้หล่อนต้องตั้งสติก่อนกดรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณมาติกา มีอะไรให้เชอร์รี่รับใช้หรือเปล่าคะ” ปรีติยาเรียกแทนตัวเองว่า ‘เชอร์รี่’ ซึ่งเป็นชื่อเล่นของหล่อน และปรับน้ำเสียงให้ฟังดูกระตือรือร้นต่างจากใบหน้าสุดเซ็งและไร้อารมณ์ของหล่อนขณะกำลังพูด
“ฉันต้องการให้ทีมของเธอคิดโฆษณาของมือถือโนก้าที่ศศิภาส่งบรีฟมาให้ ถึงลูกค้าจะงบน้อย แต่เอเจนซีของเราจำเป็นต้องได้งานนี้ จะขาดทุนนิดๆหน่อยๆก็เป็นไม่เป็นไร เพราะงานนี้จะสร้างชื่อเสียงให้กับเราได้ ลองคิดดูสิว่าถ้าโฆษณามือถือยี่ห้อโนก้าออนแอร์เมื่อไหร่ คนจะต้องถามแน่ๆว่าเอเจนซีไหนเป็นคนทำ ลูกค้าแบรนด์ดังเจ้าอื่นๆก็จะแห่มาใช้งานเอเจนซีของเรามากขึ้น
“แต่ว่า...” ปรีติยาอ้าปากจะเถียง แต่มาติกาก็ชิงพูดเสียก่อน
“ไม่มีแต่...ถ้าเธอรับงานนี้ ฉันจะพิจารณาโบนัสให้กับทีมของเธอเพิ่มอีกสามเดือน แต่ถ้าเธอไม่อยากทำ ฉันจะให้งานนี้กับทีมของลันตา รายนี้สั่งให้ทำอะไรก็ไม่เคยขัดใจ ยังไงคนที่แต่งงานมีครอบครัวแล้วอย่างลันตาก็มีความอดทนและสู้งานกว่าผู้หญิงโสดลั๊ลลาอย่างเธอวันยังค่ำ”
ปรีติยาอยากจะกรี๊ดใส่โทรศัพท์ดังๆ แต่ก็พยายามท่องพุธโธ พุธโธ ไว้ในใจ เวลาที่มาติการู้สึกไม่ได้ดั่งใจก็มักจะหยิบยกเรื่องที่หล่อนเป็นสาวโสดมาโจมตี แต่เหตุผลที่บอกว่าหญิงโสดอย่างหล่อนอดทนและสู้งานน้อยกว่าผู้หญิงแต่งงานแล้วนั้นฟังไม่ขึ้นเลยจริงๆ เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ปรีติยาได้พิสูจน์ให้มาติกาเห็นแล้วว่าหล่อนถวายชีวิตทุ่มเทให้กับงานเกินร้อย ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนอุทิศชีวิตให้กับงาน ป่านนี้หล่อนก็อาจจะแต่งงานและมีลูกสองไปแล้วเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน
“เชอร์รี่ไม่เกี่ยงงานหรอกค่ะ แค่คิดคอนเซ็ปต์โฆษณามือถือแค่นี้เรื่องจิ๊บๆ ทีมของเชอร์รี่ทำได้สบาย ลันตาเค้าคงไม่มีเวลาหรอกค่ะเพราะเพิ่งคลอดลูกคนที่สอง ไหนจะต้องให้นมลูก แล้วจะต้องปรนนิบัติผัว เอ้ย สามีอีก คุณมาติกาไม่ต้องห่วงนะคะ สาวโสดลั๊ลลาอย่างเชอร์รี่จะสร้างงานระดับทอล์คออฟเดอะทาวน์ให้สนั่นวงการโฆษณาเลยคอยดู” ปรีติยาเน้นเสียงตรงคำว่า ‘สาวโสดลั๊ลลา’ที่ถูกมาติกาแดกดันชัดเจนเป็นพิเศษ
“ได้ยินแบบนี้ฉันก็สบายใจ แต่ฉันก็อยากจะเตือนเธอว่า ผู้หญิงทำงานอย่างเราๆ ถึงจะเก่งกาจเรื่องงานแค่ไหน แต่การมีครอบครัวก็เป็นเรื่องสำคัญ เธอเองก็อย่ามุ่งมั่นกับเรื่องงานให้มากเกินไป ไม่อย่างนั้นชีวิตของเธอจะขาดๆเกินๆ ไม่มีชีวิตที่สมบูรณ์กับเขาเสียที อ้อ...แล้วอีกอย่าง ผู้หญิงอายุเกินสามสิบไปแล้ว มดลูกจะฝ่อทำให้มีลูกยาก รีบๆหาแฟนแต่งงานมีลูกก็ดีนะจ๊ะ ที่ฉันเตือนก็เพราะหวังดีและเป็นห่วงเธอจริงๆ”
ปรีติยาดึงโทรศัพท์ออกจากใบหูและขยับปากพูดตามมาติกาเพราะจำคำพูดเหล่านี้ได้ขึ้นใจ มาติกามักจะพูดจากรอกหูหล่อนแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับความโสดของหล่อนเป็นปัญหาระดับชาติที่ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน
“ขอบคุณค่ะ คุณมาติกา”
ปรีติยารีบตัดบทก่อนวางสาย แล้วร้องกรี๊ดออกมาดังๆในรถด้วยความอัดอั้นตันใจ ความโสดของหล่อนไม่ได้ทำให้พระอาทิตย์เปลี่ยนทิศ หรือไม่ได้ทำให้กรุงเทพฯหิมะตกสักหน่อย หากคิดให้ดีๆ ผู้หญิงที่แต่งงานและมีลูกแล้วควรจะขอบคุณผู้หญิงโสดอย่างหล่อนเพราะช่วยลดจำนวนประชากรโลก ทำให้ไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันอยู่ ทรัพยากรของโลกก็จะไม่ขาดแคลนและเกิดภาวะโลกร้อนอย่างทุกวันนี้
เพื่อดับอารมณ์คุกรุ่นในจิตใจ ปรีติยาจึงเปิดเพลงสบายๆฟัง คลื่นวิทยุที่หล่อนเปิดฟังเป็นประจำคือ คลื่นพิงค์เวฟ ซึ่งมีสโกแกนว่า ‘ถ้าคุณเหงา...เราคือเพื่อน’ แม้เพลงที่เปิดจะเชยพอๆกับสโลแกน แต่หล่อนก็ชอบฟังเพลงคลื่นนี้อยู่ดีเพราะมักเปิดเพลงในสมัยหล่อนยังเป็นวัยรุ่น วันนี้ดีเจผู้รับหน้าที่เปิดเพลงคือ ดีเจเจ๊แฮม หนุ่มใหญ่ใจสาวซึ่งมีแฟนเพลงติดกันงอมแงม เพราะดีเจเจ๊แฮมเป็นคนพูดจาสนุกสนานและเปิดเพลงกระแทกใจบรรดาคนโสด
“คืนนี้พลพรรคคนโสดไปซิ่งกันที่ไหนกันบ้างครับ ถึงเราจะไม่มีคนรู้ใจอยู่ข้างกาย ก็อย่าได้แคร์ สะบัดบ็อบ สวยเริ่ดเชิดเข้าไว้ และเพื่อเป็นการเอาใจคนโสด เจ๊แฮมขอเปิดเพลง คนไม่มีแฟน ของพี่เบิร์ด ธงชัย ให้ ขอให้มีความสุขลั๊ลลาเริงร่ากันทุกคนนะครับ” ดีเจเจ๊แฮมกล่าวนำ ก่อนจะเปิดเพลงคนไม่มีแฟนที่แสนจะบาดลึกในหัวใจของคนโสดทุกคน โดยเฉพาะท่อนฮุกซึ่งร้องว่า
‘ฉันเหมือนคนโชคร้ายที่โดนสาปไว้ให้พบแต่ผิดหวัง ขอเป็นเธอได้ไหม ช่วยปลดคำสาปร้ายคำนั้น ให้ฉันได้เจอรักเสียที’
ความโสดเป็นคำสาปจริงๆอย่างนั้นเหรอ ปรีติยาไม่เชื่อ จะบอกว่าเป็นเพราะพรหมไม่ลิขิตให้พบรักก็คงฟังเป็นนิยายเกินไป แต่ถ้าอ้างว่าเป็นเรื่องบุญกรรมก็อาจจะเป็นไปได้ บางทีการที่หล่อนไม่คิดจะมีคนรักหรือแต่งงาน อาจเป็นเพราะหล่อนไม่ได้ทำบุญร่วมกับใครในอดีตชาติกับเขากระมัง
เสียงบีบแตรไล่จากรถด้านหลังเรียกทำให้ปรีติยาหลุดจากห้วงความคิด รถข้างหน้าเริ่มขยับแล้ว ทำให้หล่อนเหยียบคันเร่งและรีบมุ่งหน้าไปยังร้านอาหาร Cooking with Love ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงรุ่น ทันทีที่รถโฟล์วิลไดร์ฟสีดำของหล่อนเคลื่อนเข้าสู่ย่านทองหล่อ ปรีติยาก็เริ่มชะลอรถเพื่อมองหาร้าน โชคดีที่ป้ายไฟของทางร้านมีขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการหาร้านหรือโทรไปถามทาง
เมื่อหาที่จอดรถได้แล้ว ปรีติยาก็แต่งแต้มสีสันของใบหน้าเพิ่มเล็กน้อยก่อนลงจากรถ หล่อนเป็นคนแต่งหน้าเข้ม แม้ว่าหลายคนบอกว่าหล่อนมีเครื่องหน้าที่สวยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องแต่งแต้มสีสันอะไรมากมาย แต่หล่อนก็ชอบแต่งหน้าด้วยสีสันจัดจ้านมากกว่าจะแต่งหน้าอ่อนๆเป็นธรรมชาติอย่างที่สาวสมัยนี้นิยมแต่งตามกระแสของเกาหลีและญี่ปุ่น
ปรีติยาเป็นคนไม่ชอบทำตามใครและมีความเป็นตัวของเองสูง ดังนั้นการแต่งหน้าจึงเป็นการแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองอย่างหนึ่ง เปลือกตาของหญิงสาวมักแต่งแต้มด้วยโทนสีสโมคกีอาย สีแก้มและริมฝีปากเป็นสีพีชอมนู้ด จมูกของหล่อนโด่งสวยโดยไม่ต้องอาศัยการทำศัลยกรรม แต่สันจมูกคดเล็กน้อยเนื่องจากมีเชื้อสายมอญ ผิวหน้าของปรีติยาเนียนละเอียดเป็นสีน้ำผึ้ง โดยรวมแล้วหล่อนจัดได้ว่าเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยเก๋ชวนมองคนหนึ่งเลยทีเดียว
เมื่อส่องกระจกจนมั่นใจว่าสวยแล้ว ปรีติยาก็ก้าวลงมาจากรถ วันนี้หล่อนแต่งกายด้วยเสื้อยืดสีดำเรียบๆ แต่เว้าตรงช่วงหัวไหล่ ตัวเสื้อยาวคลุมลงมาถึงต้นขา สวมกางเกงผ้ายืดลายกราฟิคและสะพายกระเป๋าหนังสีม่วงแบรนด์ดังที่ดาราสาวฮอลีวูดกำลังนิยม ส่วนรองเท้าเป็นส้นหนาและมีมุดทองประดับสไตล์ร็อคเกอร์
ปรีติยามีความสุขกับการจับจ่ายเพื่อตัวเอง ในเมื่อหล่อนทำงานหนัก ได้รายได้ดี ก็ควรให้รางวัลแก่ตัวเอง ที่สำคัญหล่อนยังเป็นสาวโสดที่ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว นอกจากช่วยพ่อแม่ออกเงินค่าน้ำค่าไฟเพื่อแบ่งเบาภาระในฐานะที่หล่อนยังอาศัยอยู่ร่วมบ้านกับพ่อและแม่จนถึงทุกวันนี้
ลานจอดรถอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารนัก ตัวร้านมีลักษณะเป็นบ้านไม้หลังเล็กสองชั้นที่ทาด้วยสีเขียวมะกอกตัดกับขอบหน้าต่างสีขาว ทางเข้าร้านโรยด้วยกรวด และมีสวนหย่อมเล็กๆที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้รู้สึกราวกับว่ากำลังเดินเข้าไปในร้านอาหารโฮมเมดแถบชานเมืองยุโรป ตรงกลางสวนมีน้ำพุปูนปั้นซึ่งมีนกตัวเล็กๆเกาะอยู่ ด้านนอกมีโต๊ะอาหารตั้งอยู่สี่ห้าโต๊ะสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารกลางสวนหรือนั่งรับลมเวลาที่อากาศดี แต่ที่นั่งส่วนใหญ่จะจัดไว้ในตัวร้านซึ่งเปิดเครื่องปรับอากาศไว้อย่างเย็นฉ่ำ
“สวัสดีครับ...คุณมาร่วมงานเลี้ยงรุ่นมัธยมโรงเรียนสตรีศรีสกุลหรือเปล่าครับ” พนักงานต้อนรับหนุ่มแต่งกายด้วยชุดยูนิฟอร์มของร้านเดินมาต้อนรับหล่อน ปรีติยาพยักหน้าเป็นเชิงรับคำ พนักงานผู้นั้นจึงนำทางหล่อนไปยังห้องจัดเลี้ยงซึ่งอยู่บริเวณชั้นสองของตัวร้าน
โรงเรียนสตรีศรีสกุลของหล่อนเป็นโรงเรียนสตรีเล็กๆ เปิดสอนในระดับชั้นประถมถึงระดับชั้นมัธยมปลาย ตัวหล่อนถือว่าเป็นนักเรียนรุ่นแรกๆ ในสมัยที่หล่อนยังเป็นนักเรียน แต่ละระดับชั้นมีห้องเรียนเพียงแค่ห้องเดียว และมีจำนวนนักเรียนในแต่ละห้องเพียงสามสิบคน ดังนั้นเวลารวมรุ่นจึงไม่มีปัญหาเรื่องการจัดหาสถานที่จัดเลี้ยงเหมือนโรงเรียนอื่นๆ
ทุกปีรุ่นของหล่อนจะมีการจัดเลี้ยงปีละหน แม้มีเพื่อนร่วมรุ่นอยู่เพียงไม่กี่คน แต่การรวมตัวนัดเจอกันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเมื่อเริ่มทำงานและมีครอบครัว ต่างก็วุ่นวายกับภาระหน้าที่และชีวิตส่วนตัว จะได้รวมตัวกันก็ต่อเมื่อมีใครสักคนหนึ่งแต่งงาน แต่ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เพื่อนร่วมรุ่นของหล่อนก็แต่งงานกันเกือบหมดแล้ว จะเหลือก็แต่ตัวหล่อนกับเพื่อนสาวอีกเพียงไม่กี่คน รวมทั้งเพื่อนทอมซึ่งเป็นข้อยกเว้น
เสียงพูดคุยเจี๊ยวจ๊าวแย่งกันพูดเหมือนนกกระจอกแตกรังดังมาถึงชั้นล่าง เวลานัดพบกันทีไร เพื่อนๆของหล่อนก็มักจะแย่งกันคุยชนิดที่ไม่มีใครยอมฟังใครตามประสาคนไม่ได้พบเจอกันมานาน ทว่าทันทีที่ปรีติยาก้าวขึ้นมาที่ห้องจัดเลี้ยง ก็มีก้อนกลมแข็งๆลอยมากระแทกตรงแก้มของหล่อนอย่างแรงจนรู้สึกแสบและชา เมื่อก้มลงมองบนพื้นก็เห็นว่าเจ้าสิ่งนั้นคือลูกเทนนิส
ภายในห้องเงียบกริบปราศจากเสียงพูดคุย เมื่อปรีติยาส่งสายตาอำมหิตกวาดตามองหาตัวการผู้ปาลูกเทนนิส และทันใดนั้นเองสายตาของหล่อนก็ประสานเข้ากับดวงตาเล็กหยีของเด็กชายหน้ากลมเหมือนซาลาเปาซึ่งหลบอยู่ด้านหลังแม่
ก่อนที่ปรีติยาจะเดินตรงปรี่ไปหาเด็กชายผู้นั้น หญิงสาวผู้เป็นแม่ก็รีบกางปีกปกป้องทันที
“แหม...มาเงียบๆไม่ให้สุ่มให้เสียงเลยนะเชอร์รี่ เมื่อกี้น้องกันดั้มกำลังเล่นลูกเทนนิสปาเป้าเพลินๆ เลยไม่ทันเห็นว่าเธอเดินขึ้นมา ลูกเทนนิสก็เลยกระเด็นไปโดน อย่าถือโทษโกรธเด็กเลยนะ กันดั้มไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ดูสิ ตอนนี้ยืนตัวสั่นน่าสงสารเชียว”
ปรีติยายกมือลูบแก้มตรงบริเวณที่ถูกลูกเทนนิสกระแทกจนบวมแดงด้วยความโกรธ แต่เมื่อรู้สึกตัว หล่อนก็พยายามปรับอารมณ์ของนางมารเกลียดเด็กให้กลายเป็นหญิงสาวผู้อ่อนหวานและใจดี หล่อนจะแยกเขี้ยวใส่เด็กแสบนั่นก็ใช่ที่ ในเมื่อเอมอร ผู้เป็นแม่ของเจ้าเด็กกันดั้มออกปากแทนลูก
เมื่อเจ้าเด็กแสบเห็นหล่อนไม่เอาเรื่อง แถมแม่ยังเข้าข้าง ก็ยิ่งได้ใจจึงแลบลิ้นปลิ้นตาให้หล่อนอย่างเยาะเย้ย ทั้งยังยื่นมือป้อมๆมาแตะหน้าอกของหล่อนแล้วร้องปิ๊นๆเหมือนเสียงบีบแตรรถ
ปรีติยาโกรธจนหน้าแดงจัด แต่ก็พยายามระงับอารมณ์และท่อง พุธโธ ธรรมโม สังโฆ ไว้ในใจ
“ฉันขอโทษแทนลูกด้วยนะ เชอร์รี่ กันดั้มคงจะล้อเล่น บางทีเด็กอาจจะเห็นจากในละครทีวี ก็เลยเลียนแบบ เธออย่าดุลูกฉันเลยนะ” เอมอรแก้ตัวแทนลูก
ปรีติยาได้แต่รำพึงอยู่ในใจ ‘สมัยนี้พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะโอ๋ลูกจนได้ใจ ทำผิดก็ไม่ดุว่าสั่งสอนเพราะกลัวลูกจะไม่รัก แม้เด็กจะบริสุทธิ์และเป็นผ้าขาว อาจทำผิดโดยไม่เจตนา แต่การไม่อบรมสั่งสอนก็จะทำให้เด็กเสียได้ หากหล่อนมีลูก ปรีติยาตั้งใจว่าจะต้องสอนให้ลูกเข้าใจว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ และกล่าวเมื่อทำผิด ไม่ใช่คอยแก้ตัวแทนลูกแบบนี้’
“เธอให้ลูกดูละครหลังข่าวด้วยเหรอยายเอม...ฉันว่าน้องกันดั้มคงจะเลียนแบบพ่อมากกว่า สารภาพมาซะดีๆว่าสามีของเธอเคยบีบแตรเธอให้ลูกเห็นละสิ” เพื่อนสาวคนหนึ่งแซวขึ้นมา
“บ้า ทุเรศ ใครจะทำแบบนั้นต่อหน้าลูกกัน ไม่อยากจะเล่าว่าสามีฉันเขาทำอะไรที่เร้าใจกว่านั้นเยอะ”
คำตอบของเอมอรเรียกเสียงกรี๊ดลั่นจากเพื่อนสาวร่วมยี่สิบชีวิต เว้นแต่ปรีติยาเท่านั้นที่ทำหน้านิ่งๆไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องตลกโปกฮาเลยแม้แต่น้อย แม้การแต่งหน้าและการแต่งตัวของหล่อนจะดูเปรี้ยวทันสมัย แต่หล่อนก็มีความคิดอ่านแบบคนยุคเก่าที่ไม่ชอบการพูดคุยเรื่องทะลึ่งตึงตังในที่สาธารณะ โดยเฉพาะการพูดคุยกันถึงประสบการณ์รักที่ไม่ลับบนเตียงอย่างถึงพริกถึงขิงแบบนี้ ปรีติยาเชื่อว่าหากมีผู้ชายสักคนเดินผ่านมาได้ยิน คงจะตกใจหากรู้ว่าพวกผู้หญิงเองก็คุยเรื่องบนเตียงกันอย่างเปิดเผยและเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน
ตอนนี้ทุกคนกำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติจึงไม่มีใครสนใจเจ้าเด็กตัวแสบที่ลวนลามหล่อนอีก ในเมื่อไม่มีใครคิดจะสั่งสอนตักเตือน ปรีติยาก็ขอแอบลงโทษเจ้าเด็กแสบด้วยการหยิกเบาๆเหมือนมดกัดให้หลาบจำ หล่อนสาบานว่าไม่ได้หยิกแรงเลยแม้แต่น้อย แต่เด็กชายกลับทำหน้าเบ้เหมือนเจ็บปวดเสียเหลือเกินและตั้งท่าจะแหกปากร้อง ปรีติยาจึงส่งสายตาอำมหิตเป็นเชิงปราม เด็กชายร่างป้อมเลยต้องหุบปากและเดินตัวลีบหลบไปเล่นหุ่นยนต์ที่มุมห้อง ต่อจากนี้เจ้าเด็กแสบคงจะไม่กล้าซ่าส์กับหล่อนอีก แต่เมื่อเหลือบไปมองท่าทางจ๋อยๆของเด็กชาย ปรีติยาก็รู้สึกสงสารอยู่เหมือนกัน แต่ก็ทำเป็นใจแข็งไม่เดินไปโอ๋
เมื่อปรีติยาเดินมานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ รอบข้างตัวหล่อนมีรถเข็นเด็กอ่อนตั้งอยู่หลายคัน เมื่อคนอ่อนคนหนึ่งเริ่มร้องโยเย เด็กคนอื่นๆก็เหมือนถูกกดปุ่มให้ร่วมร้องประสานเสียงไปพร้อมๆกันด้วย ปรีติยาเลยไม่มีโอกาสได้ไต่ถามพูดคุยกับบรรดาเพื่อนแม่ลูกอ่อนเหมือนอย่างเคย เพราะต่างพากันเห่กล่อมลูกให้หยุดร้องไห้เป็นพัลวัน พอลูกหลับแล้ว แม่ลูกอ่อนก็ได้แต่นั่งหน้าซีดเซียวถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ไม่คิดว่าการเป็นแม่คนมันจะเหนื่อยขนาดนี้...แต่ถึงเหนื่อยก็มีความสุขนะเธอ นึกไม่ออกเลยว่าสมัยก่อนแม่เลี้ยงพวกเรามาได้ยังไง” เพื่อนแม่ลูกอ่อนคนแรกเอ่ยขึ้นมา
“นั่นสิ อย่างเรื่องปั้มนมนี่ก็ลำบากมากนะ น้ำนมฉันน้อย กลัวลูกมีกินไม่พอ” อีกคนรำพึงอย่างหนักใจ
“ลองกินดอมเพอริโดนสิ ช่วยเพิ่มนมลูกได้ดีมากเลยนะ ” เอมอรให้คำแนะนำในฐานะผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกมาก่อน บรรดาแม่ลูกอ่อนต่างพากันจดชื่อยาและเคล็ดลับการเลี้ยงลูกกันยิกประหนึ่งกำลังนั่งฟังเลคเชอร์เรื่องเคล็ดลับการเลี้ยงลูก นอกจากเรื่องการให้นมลูกแล้ว กลุ่มแม่และเด็กก็ยังพูดคุยกันเรื่องของใช้เด็กยี่ห้อต่างๆว่ายี่ห้อไหนดี ลดราคาช่วงไหน ต่อด้วยเรื่องวางแผนหาโรงเรียนให้ลูก
นี่คือโลกอีกใบหนึ่งที่สาวโสดอย่างปรีติยาเข้าไม่ถึงและไม่รู้ว่าจะมีส่วนร่วมพูดคุยได้อย่างไร แต่ก่อนเพื่อนสาวเหล่านี้เคยเป็นสาวโสดสุดซ่าส์เฮไหนเฮนั่นด้วยกันกับหล่อน แต่ตอนนี้เพื่อนสาวหลายคนเป็นแม่ลูกอ่อนที่ในชีวิตนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกและสามีอีกแล้ว แต่ปรีติยาก็เข้าใจว่าด้วยภาระหน้าที่และการเปลี่ยนแปลงสถานภาพทำให้การใช้ชีวิตและความสนใจของหล่อนและเพื่อนๆไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป ปรีติยาจึงทำได้เพียงอมยิ้มและนั่งฟังอย่างเงียบๆ จะได้พูดคุยบ้างก็ตอนเพื่อนทอมชวนคุยเรื่องงาน
ผ่านไปแล้วชั่วโมงเศษ กลุ่มแม่ลูกอ่อนก็ยังไม่เลิกถกเรื่องลูกและสามี ซ้ำยังเปิดวิดีโอของลูกของตัวเองอวดกันอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย จิ๊บ สาวทอมมาดเข้มซึ่งเป็นประธานรุ่นเอ่ยขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว
“คุณนายทั้งหลาย จะเม้าท์มอยกันอีกนานไหม นี่ก็สองทุ่มแล้ว ต้องรีบกลับบ้านพาลูกเข้านอนไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็อิ่มกันแล้ว ฉันขอประกาศผู้ที่จะได้เป็นขวัญใจรุ่นดีเด่นประจำปีนี้เลยนะ”
หลังจากกินเลี้ยงกันเสร็จแล้ว รุ่นของหล่อนจะมีธรรมเนียมแจกถ้วยรางวัลขวัญใจรุ่นดีเด่นเพื่อเป็นกำลังใจแก่เพื่อนในรุ่นหมุนเปลี่ยนสลับกันไปทุกปี ผู้ที่มีผลการทำงานดีเด่นหรือชีวิตส่วนตัวน่าสนใจต่างมีโอกาสได้รับรางวัลนี้ทั้งสิ้น ความรู้สึกในการรอลุ้นรับถ้วยรางวัลนี้คงไม่ต่างจากนางงามรอลุ้นมงกุฏเพชรยังไงยังงั้น
“ฉันต้องได้ตำแหน่งนี้แน่ๆ เพราะฉันเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกได้อย่างดีเลิศ”เอมอรเอ่ยอย่างมั่นใจ
“ยายเอม ฉันเองก็เป็นยอดคุณแม่เหมือนกันนะยะ คิดดูสิว่าเวิร์คกิ้งวูแมนอย่างฉัน เคยมีชีวิตวุ่นวายกับการทำงานตลอดทั้งวันต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตมาเป็นคุณแม่เต็มตัว ไหนจะให้นมลูก แล้วยังต้องปรนนิบัติสามีผู้แสนจู้จี้จูจิกที่สุดในสามโลก ฉันต่างหากที่ควรได้รางวัลนี้”ภัทริยา อดีตสาวทำงานมาดมั่นซึ่งเวลานี้เป็นแม่ลูกอ่อนประกาศศึกแย่งชิงถ้วยรางวัล
“พวกเธอถอยไป ต้องฉันต่างหากที่สมควรได้รับรางวัลนี้เพราะฉันเป็นเซเลบ มีใครบ้างไม่รู้จัก ชื่นชบา สาวสังคมไฮโซเจ้าของร้านอาหาร cooking with love แห่งนี้ ถ้าใครไม่เด่นไม่ดังจริงอย่ามาแข่ง” เจ้าของร้านอาหารสาวคนดังอดรนทนไม่ไหวแผดเสียงแข่งขึ้นมาบ้าง
“ถึงฉันจะไม่เด่นไม่ดัง แต่ดูหน้าและหุ่นของฉันซะก่อน ขนาดฉันมีลูกแล้วยังสวยเป๊ะยังกะสาววัยยี่สิบต้นๆ ในรุ่นของพวกเราไม่มีใครดูเด็กเท่าฉันหรอก ” ปาริมา สาวร่างเล็กเจ้าของธุรกิจขายตรงเครื่องสำอางค์เอาเรื่องความงามและอ่อนวัยมาสู้”
“เยอะกันเหลือเกินนะ คุณนายทั้งหลาย ในฐานะที่ฉันเป็นประธานรุ่นและเคยได้รับตำแหน่งขวัญรุ่นดีเด่นปีที่แล้ว ฉันจะขอมอบถ้วยรางวัลและตำแหน่งขวัญใจรุ่นให้กับ เชอร์รี่ เพื่อนรักของเราผู้เป็นครีเอทีฟสาวไฟแรงมุ่งมั่นทำงาน ขอให้เชอร์รี่ประสบความสำเร็จในเรื่องงานยิ่งๆขึ้นไปนะจ๊ะ” จิ๊บคงจะอยากตัดปัญหาวุ่นวายเลยตัดสินให้รางวัลทรงเกียรตินี้กับหล่อนซึ่งนั่งเงียบๆไม่มีปากเสียงกับใคร
มีเพื่อนเพียงไม่กี่คนที่ปรบมือให้หล่อน นอกนั้นต่างซุบซิบเหมือนไม่พอใจการตัดสินของจิ๊บ
“มันไม่แฟร์เลยนะจิ๊บที่ให้รางวัลยายเชอร์รี่ เธอควรจะให้รางวัลกับพวกแม่ๆ เพราะเราทำงานเหนื่อยงกๆและยังต้องเลี้ยงลูกไปพร้อมๆกันด้วย เชอร์รี่เป็นคนโสด ชีวิตจะไปมีอะไร้นอกจากงาน งาน งาน ขืนเธอให้รางวัลแบบนี้ ยายเชอร์รี่ก็คงเข้าใจผิดว่าการใช้ชีวิตสาวโสดบ้างานแบบนี้มันถูกต้องแล้ว ทั้งที่จริงๆแล้ว สุดยอดของชีวิตลูกผู้หญิงทุกคนก็คือการหาผู้ชายดีๆสักคนเพื่อแต่งงานและสร้างครอบครัว...จิ๊บ เธอคงไม่อยากเห็นยายเชอร์รี่มีบั้นปลายชีวิตที่อ้างว้างหรอกนะ” ปาริมาแย้งขึ้นมาอย่างไม่พอใจ และทำให้เพื่อนสาวร่วมรุ่นคนอื่นๆต่างพากันรุมหล่อน
“นั่นสิ เชอร์รี่ อย่าบ้างานนักเลย ความสาวมันไม่จีรัง ถ้าเธอไม่รีบหาแฟนตอนนี้ จะไปหาแฟนชาติหน้าเลยหรือไง รีบๆเข้าก่อนจะขึ้นคาน” ชื่นชบารีบสนับสนุน
“เชอร์รี่ก็คงมองหาหนุ่มๆอยู่บ้างแหละ รูปร่างหน้าตาของยายเชอร์รี่ก็สวย แต่คงไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าจีบเพราะแต่งตัวติสต์แตก ดูสิ ขนาดกันดั้มยังถอยกรูดไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งที่ปกติลูกชายของฉันเป็นเด็กมนุษย์สัมพันธ์ดีจะตาย ฉันว่าถ้าเชอร์รี่อยากให้ผู้ชายสนใจก็ต้องแต่งตัวให้มันสวยหวานแบบเลดี้หน่อย ดูฉันเป็นตัวอย่างก็ได้”
เอมอรพูดพลางหมุนตัวให้ดูชุดเดรสสีชมพูบานฉ่ำลายดอกไม้ที่ถอดแบบมาจากนิตยสารวัยรุ่นญี่ปุ่น
ปรีติยาโมโหและน้อยใจที่หล่อนไม่เป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆ โดยเฉพาะถูกโจมตีว่าเป็นโสด ไม่ว่ายังไงก็ตามคืนนี้หล่อนจะไม่ยอมเป็นเหมือนนางงามที่ถูกกระชากมงกุฎเพชรอย่างแน่นอน ถ้วยรางวัลขวัญใจรุ่นประจำปีนี้จะต้องเป็นของหล่อนอย่างชอบธรรม ด้วยความอยากชนะ ปรีติยาจึงลุกขึ้นยืน กำถ้วยรางวัลแน่น ก่อนจะประกาศในสิ่งที่ทำให้เพื่อนๆร่วมรุ่นตกตะลึง
“ฉันขอบใจมากนะที่พวกเธอเป็นห่วงว่าฉันจะเอาแต่ทำงานจนขึ้นคาน ตอนแรกฉันตั้งใจจะปิดเรื่องนี้เป็นเซอร์ไพรส์และรอจนกว่าพวกเธอจะได้รับการ์ดเชิญ แต่ไหนๆวันนี้ก็ได้พบพวกเธอทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ฉันก็ถือโอกาสนี้บอกพวกเธอว่า ฉันกำลังจะแต่งงานสิ้นปีนี้ และขอเชิญพวกเธอมาร่วมงานด้วยนะ”
คำพูดของปรีติยาคล้ายเครื่องหยุดเวลา เพื่อนแต่ละคนอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่หล่อนเอ่ยเมื่อครู่ มันก็น่าประหลาดใจอยู่ไม่ใช่เหรอ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา หล่อนไม่เคยคบหาดูใจกับผู้ชายคนไหนฉันท์คนรักเพราะเชื่อว่าไม่มีผู้ชายไหนในโลกใบนี้ที่จะดีเท่ากับพศิน ผู้เป็นพ่อของหล่อนอีกแล้ว ปรีติยาตั้งใจว่าหากหล่อนไม่เจอผู้ชายที่ดีเหมือนพ่อ หล่อนก็จะไม่แต่งงาน
“เชอร์รี่ เธอมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพวกเราไม่เคยรู้เลยล่ะ หรือว่าเธอจะถูกพ่อแม่คลุมถุงชนกับผู้ชายข้างบ้าน” เอมอรแซวเพราะเคยไปทำรายงานที่บ้านของหล่อนสมัยเรียนมัธยมและพบปรานต์มาก่อน
แล้วภาพใบหน้าของปรานต์ หนุ่มหน้าตี๋ ผมสกินเฮดข้างบ้านสุดยียวนกวนบาทาก็ลอยเด่นขึ้นมาคล้ายต้องการเย้ยหยันหล่อน ต่อให้เหลือผู้ชายคนสุดท้ายบนโลกใบนี้ ปรีติยาก็จะไม่มีวันยอมแต่งงานกับนายปรานต์อย่างแน่นอน แม้จะต้องเป็นโสดขึ้นคานตลอดชีวิตก็ตาม
“ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกจ้ะ ถ้าฉันคิดจะแต่งงาน เจ้าบ่าวของฉันต้องเป็นผู้ชายที่ดีเลิศพอๆกับพ่อ แต่ถ้าให้บอกตอนนี้ว่าเจ้าบ่าวของฉันเป็นใคร พวกเธอคงจะไม่ตื่นเต้น บอกได้อย่างเดียวว่าเขาเป็นคนดัง”
“โม้หรือเปล่า เชอร์รี่ แฟนของเธอเป็นดาราฮอลิวูดหรือไงถึงได้ต้องปิดเป็นความลับ หรือว่าจริงๆแล้วเธอยังหาแฟนไม่ได้ คงไม่อยากถูกแย่งตำแหน่งขวัญใจรุ่นล่ะสิ ถึงได้อ้างแบบนี้” เอมอรดักคอปรีติยาอย่างคนที่รู้ทันกัน
“ยิ่งพูดก็เหมือนฉันแก้ตัว พวกเธอไม่เชื่อก็ตามใจ รอรับการ์ดแต่งงานจากฉันก็แล้วกัน นี่ก็สามทุ่มกว่าแล้ว ฉันว่าเราควรจะแยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้วล่ะ” ปรีติยาถือโอกาสกล่าวปิดงานเลี้ยงรุ่น เพื่อไม่ให้ใครมีโอกาสซักถามหล่อนอีก
“ถ้าสิ้นปีนี้เธอยังไม่ได้แต่งงาน...เธอจะต้องคืนถ้วยรางวัลขวัญใจรุ่นนะ” เอมอรยังไม่วายขู่เพราะผิดหวังที่ไม่ได้ตำแหน่งในปีนี้
“แน่นอนเอม แต่ฉันมั่นใจว่ายังไงก็จะรักษาถ้วยรางวัลนี้ไว้ได้”
“ก็ดี...งั้นไว้เจอกันที่งานแต่งงานของเธอก็แล้วกัน กันดั้ม กลับบ้านได้แล้ว ลูกจะไปหลบอยู่ตรงมุมนั้นทำไม” เอมอรกวักมือเรียกลูกชายที่หลบไปนั่งตรงมุมห้อง เด็กชายเดินก้มหน้างุดๆผ่านแม่มดใจร้ายอย่างปรีติยาโดยไม่ยอมสบตาและกล่าวลาแม้แต่คำเดียว
กลุ่มแม่ลูกอ่อนต่างพากันเข็นรถเข็นเด็กไปยังลานจอดรถและแยกย้ายกันขึ้นรถของตัวเองซึ่งมีคาร์ซีทของเด็กอ่อนติดอยู่ ส่วนปรีติยาเองก็ขึ้นรถเตรียมกลับบ้าน ทันทีที่ประจำที่นั่งคนขับ หล่อนก็วางถ้วยรางวัลไว้บนเบาะข้างที่นั่งคนขับแล้วกรี๊ดลั่น
นี่หล่อนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่ประกาศไปว่ากำลังจะแต่งงาน ปรีติยาอยากจะเอาหัวกระแทกพวงมาลัยให้ตายคาที่ หล่อนจะหาผู้ชายดีๆมาแต่งงานได้ยังไงภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน แค่ลำพังหาแฟนให้ได้สักคนยังยากแล้วเลย หล่อนช่างหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบอยากเอาชนะ ทำให้ต้องลำบากใจแบบนี้ แต่มันต้องมีทางสิน่า ปรีติยาพยายามปลอบใจตัวเอง ในเมื่อหล่อนก็ยังสวยพริ้งไม่แพ้สาววัยยี่สิบต้นๆ โปรเจคโฆษณาไม่รู้กี่สิบล้านร้อยล้าน หล่อนก็ยังทำสำเร็จจนโด่งดังได้ แล้วนับประสาอะไรกับหาผู้ชายระดับเอลิสต์สักคนมาแต่งงานด้วย มันคงไม่ยากเหมือนคว้าเดือนคว้าดาวจากฟ้าหรอกน่า
แตมกลับมาแร้ววววว พร้อมนิยายเรื่องใหม่คือ ปาฏิหาริย์บันดาลรัก แต่งกันสดๆ ด้นกันใหม่ๆ ไม่มีสต็อก เพราะฉะนั้นจะต้องเบ่งพลังในการเขียนมว้ากกก เรื่องนี้เป็นแนวโรแมนติค-คอมเมดี้ เอาใจสาวโสดสุดๆ เป็นแนว chic-lit ที่อยากเขียนมานานแล้วค่ะ (พูดแบบนี้ทุกที 555+) อยากให้เพื่อนๆช่วยติดตาม ช่วยคอมเม้นต์แตมนะคะ เพราะตอนที่เขียนเรื่อง รักเกินร้อย และ โฮ่งเหมียวเกี่ยวรัก แตมก็ได้คำแนะนำดีๆจากเพื่อนๆมาปรับการเขียนค่ะ เพราะฉะนั้นสำหรับแตมแล้ว ผู้อ่านทุกท่านสำคัญต่อแตมจริงๆนะเออ
ช่วงแรกๆ คงจะขอลงทุกวันเสาร์และอังคาร ไปก่อนนะคะ หลังจากนั้นถ้าแต่งได้เร็วขึ้นก็จะลงให้อ่านเร็วขึ้นค่ะ ช่วงนี้วอกแวกเพราะติดแกะยางลบจนไม่เป็นอันทำงาน เพื่อนๆช่วยเตือนให้แตมเขียนงานด้วยนะคะ ถ้าเห็นสปีดต่ำกว่ามดคลาน
อารัมภบทเสียยืดยาว เชืญอ่านได้เลยค้า
ด้วยรัก
แตม นภาสรร
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++=
ตอนที่ 1
หากให้หาวลีต่อท้ายเพื่ออธิบายคำว่า ‘กรุงเทพฯ’ ปรีติยาก็มั่นใจว่าคนไทยมากกว่าหนึ่งล้านคนจะต้องเติมคำว่า ‘รถติด’ อย่างแน่นอน เพราะหลายคนใช้ชีวิตอยู่บนท้องถนนมากกว่าอยู่บ้านเสียอีก ยิ่งช่วงเวลาหลังเลิกงานประมาณห้าหกโมงเย็นอย่างในขณะนี้ ก็อย่าหวังเลยว่ารถจะขยับไปไหนได้คล่องตัว อย่างน้อยๆก็อีกราวชั่วโมงเศษกว่าสภาพจราจรติดขัดจะเริ่มบรรเทา
ปรีติยาถอนใจอย่างหน่ายๆ แม้ใจอยากจะไปให้ถึงร้านอาหารซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงรุ่นไวๆ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ หล่อนจึงหยิบไอแพดจากกระเป๋ามาเช็คอีเมล์เพื่อฆ่าเวลาไปพลางๆ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สมัยใหม่ก็ดีแบบนี้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็สามารถรับส่งข้อมูลข่าวสารกันได้ตลอดเวลา ใครจะคาดคิดล่ะว่าหน้าจอทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปทรงละม้ายกับกระดานชนวนของไทยจะทำงานได้ประหนึ่งคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาและมีประสิทธิภาพน่าทึ่งถึงเพียงนี้
ในกล่องข้อความอีเมล์ของหล่อนมีอีเมล์ใหม่ที่ส่งเข้ามาเพียงฉบับเดียว หัวข้ออีเมล์เขียนไว้ว่า ‘กรุณาอ่านรายงานการประชุมโฆษณาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนก้าด่วน’ ผู้ที่ส่งอีเมล์ฉบับนี้ถึงหล่อนคือ ศศิภา เออีสาวประจำเอเจนซีโฆษณาที่หล่อนทำงานอยู่ เมื่ออ่านไฟล์รายงานการประชุมที่โหลดจากอีเมล์จนจบ คิ้วของปรีติยาก็ขมวดเป็นปม ก่อนจะสบถออกมา
“นี่คิดจะให้ทำโฆษณาการกุศลหรือไงยะ”
มีอย่างที่ไหน ลูกค้าต้องการให้เอเจนซีของหล่อนทำโฆษณาพรีเมียมสุดอลังการ แต่ให้งบประมาณแค่สามล้านบาท ซ้ำยังตั้งเงื่อนไขให้จ้าง รติกานต์ นายแบบชื่อดังเป็นพรีเซนเตอร์ ปกติค่าจ้างขั้นต่ำของรติกานต์ในการถ่ายโฆษณาก็ปาเข้าไปสามล้านบาทแล้ว นี่ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพียงแค่อ่านรายละเอียดความต้องการของลูกค้าก็รู้ว่างานนี้มีแต่ขาดทุน
หากเป็นสมัยก่อนตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ปรีติยาคงจะตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าจะได้ร่วมงานกับบริษัทใหญ่หรือแบรนด์ดัง แต่เมื่อเริ่มเจนจัดในวงการโฆษณา หล่อนก็รู้ซึ้งใจแก่ว่าบริษัทใหญ่ๆอาจไม่ได้เป็นลูกค้าชั้นดีเสมอไป เพราะบริษัทเหล่านี้มักจะใช้ความดังและอิทธิพลทางธุรกิจเป็นข้อได้เปรียบเพื่อต่อรองและกดราคาค่าจ้างของเอเจนซี่โฆษณาขนาดเล็กและกลางซึ่งมีความจำเป็นต้องพึ่งบารมีของบริษัทใหญ่ยักษ์เหล่านี้ในการสร้างชื่อเสียง ในขณะที่ลูกค้าบริษัทเล็กๆกลับไม่เรื่องมากและจ่ายค่าเหนื่อยให้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
เสียงไซเรนรถตำรวจที่ดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้ปรีติยาสะดุ้ง เพราะเสียงเรียกเข้านี้เป็นเสียงพิเศษที่ตั้งขึ้นเพื่อมาติกา ผู้อำนวยการใหญ่ของเอเจนซีของโฆษณา และทุกครั้งที่มาติกาโทรมามักจะมีเรื่องด่วนที่ทำให้หล่อนต้องตั้งสติก่อนกดรับสาย
“สวัสดีค่ะคุณมาติกา มีอะไรให้เชอร์รี่รับใช้หรือเปล่าคะ” ปรีติยาเรียกแทนตัวเองว่า ‘เชอร์รี่’ ซึ่งเป็นชื่อเล่นของหล่อน และปรับน้ำเสียงให้ฟังดูกระตือรือร้นต่างจากใบหน้าสุดเซ็งและไร้อารมณ์ของหล่อนขณะกำลังพูด
“ฉันต้องการให้ทีมของเธอคิดโฆษณาของมือถือโนก้าที่ศศิภาส่งบรีฟมาให้ ถึงลูกค้าจะงบน้อย แต่เอเจนซีของเราจำเป็นต้องได้งานนี้ จะขาดทุนนิดๆหน่อยๆก็เป็นไม่เป็นไร เพราะงานนี้จะสร้างชื่อเสียงให้กับเราได้ ลองคิดดูสิว่าถ้าโฆษณามือถือยี่ห้อโนก้าออนแอร์เมื่อไหร่ คนจะต้องถามแน่ๆว่าเอเจนซีไหนเป็นคนทำ ลูกค้าแบรนด์ดังเจ้าอื่นๆก็จะแห่มาใช้งานเอเจนซีของเรามากขึ้น
“แต่ว่า...” ปรีติยาอ้าปากจะเถียง แต่มาติกาก็ชิงพูดเสียก่อน
“ไม่มีแต่...ถ้าเธอรับงานนี้ ฉันจะพิจารณาโบนัสให้กับทีมของเธอเพิ่มอีกสามเดือน แต่ถ้าเธอไม่อยากทำ ฉันจะให้งานนี้กับทีมของลันตา รายนี้สั่งให้ทำอะไรก็ไม่เคยขัดใจ ยังไงคนที่แต่งงานมีครอบครัวแล้วอย่างลันตาก็มีความอดทนและสู้งานกว่าผู้หญิงโสดลั๊ลลาอย่างเธอวันยังค่ำ”
ปรีติยาอยากจะกรี๊ดใส่โทรศัพท์ดังๆ แต่ก็พยายามท่องพุธโธ พุธโธ ไว้ในใจ เวลาที่มาติการู้สึกไม่ได้ดั่งใจก็มักจะหยิบยกเรื่องที่หล่อนเป็นสาวโสดมาโจมตี แต่เหตุผลที่บอกว่าหญิงโสดอย่างหล่อนอดทนและสู้งานน้อยกว่าผู้หญิงแต่งงานแล้วนั้นฟังไม่ขึ้นเลยจริงๆ เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ปรีติยาได้พิสูจน์ให้มาติกาเห็นแล้วว่าหล่อนถวายชีวิตทุ่มเทให้กับงานเกินร้อย ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนอุทิศชีวิตให้กับงาน ป่านนี้หล่อนก็อาจจะแต่งงานและมีลูกสองไปแล้วเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน
“เชอร์รี่ไม่เกี่ยงงานหรอกค่ะ แค่คิดคอนเซ็ปต์โฆษณามือถือแค่นี้เรื่องจิ๊บๆ ทีมของเชอร์รี่ทำได้สบาย ลันตาเค้าคงไม่มีเวลาหรอกค่ะเพราะเพิ่งคลอดลูกคนที่สอง ไหนจะต้องให้นมลูก แล้วจะต้องปรนนิบัติผัว เอ้ย สามีอีก คุณมาติกาไม่ต้องห่วงนะคะ สาวโสดลั๊ลลาอย่างเชอร์รี่จะสร้างงานระดับทอล์คออฟเดอะทาวน์ให้สนั่นวงการโฆษณาเลยคอยดู” ปรีติยาเน้นเสียงตรงคำว่า ‘สาวโสดลั๊ลลา’ที่ถูกมาติกาแดกดันชัดเจนเป็นพิเศษ
“ได้ยินแบบนี้ฉันก็สบายใจ แต่ฉันก็อยากจะเตือนเธอว่า ผู้หญิงทำงานอย่างเราๆ ถึงจะเก่งกาจเรื่องงานแค่ไหน แต่การมีครอบครัวก็เป็นเรื่องสำคัญ เธอเองก็อย่ามุ่งมั่นกับเรื่องงานให้มากเกินไป ไม่อย่างนั้นชีวิตของเธอจะขาดๆเกินๆ ไม่มีชีวิตที่สมบูรณ์กับเขาเสียที อ้อ...แล้วอีกอย่าง ผู้หญิงอายุเกินสามสิบไปแล้ว มดลูกจะฝ่อทำให้มีลูกยาก รีบๆหาแฟนแต่งงานมีลูกก็ดีนะจ๊ะ ที่ฉันเตือนก็เพราะหวังดีและเป็นห่วงเธอจริงๆ”
ปรีติยาดึงโทรศัพท์ออกจากใบหูและขยับปากพูดตามมาติกาเพราะจำคำพูดเหล่านี้ได้ขึ้นใจ มาติกามักจะพูดจากรอกหูหล่อนแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับความโสดของหล่อนเป็นปัญหาระดับชาติที่ควรแก้ไขอย่างเร่งด่วน
“ขอบคุณค่ะ คุณมาติกา”
ปรีติยารีบตัดบทก่อนวางสาย แล้วร้องกรี๊ดออกมาดังๆในรถด้วยความอัดอั้นตันใจ ความโสดของหล่อนไม่ได้ทำให้พระอาทิตย์เปลี่ยนทิศ หรือไม่ได้ทำให้กรุงเทพฯหิมะตกสักหน่อย หากคิดให้ดีๆ ผู้หญิงที่แต่งงานและมีลูกแล้วควรจะขอบคุณผู้หญิงโสดอย่างหล่อนเพราะช่วยลดจำนวนประชากรโลก ทำให้ไม่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันอยู่ ทรัพยากรของโลกก็จะไม่ขาดแคลนและเกิดภาวะโลกร้อนอย่างทุกวันนี้
เพื่อดับอารมณ์คุกรุ่นในจิตใจ ปรีติยาจึงเปิดเพลงสบายๆฟัง คลื่นวิทยุที่หล่อนเปิดฟังเป็นประจำคือ คลื่นพิงค์เวฟ ซึ่งมีสโกแกนว่า ‘ถ้าคุณเหงา...เราคือเพื่อน’ แม้เพลงที่เปิดจะเชยพอๆกับสโลแกน แต่หล่อนก็ชอบฟังเพลงคลื่นนี้อยู่ดีเพราะมักเปิดเพลงในสมัยหล่อนยังเป็นวัยรุ่น วันนี้ดีเจผู้รับหน้าที่เปิดเพลงคือ ดีเจเจ๊แฮม หนุ่มใหญ่ใจสาวซึ่งมีแฟนเพลงติดกันงอมแงม เพราะดีเจเจ๊แฮมเป็นคนพูดจาสนุกสนานและเปิดเพลงกระแทกใจบรรดาคนโสด
“คืนนี้พลพรรคคนโสดไปซิ่งกันที่ไหนกันบ้างครับ ถึงเราจะไม่มีคนรู้ใจอยู่ข้างกาย ก็อย่าได้แคร์ สะบัดบ็อบ สวยเริ่ดเชิดเข้าไว้ และเพื่อเป็นการเอาใจคนโสด เจ๊แฮมขอเปิดเพลง คนไม่มีแฟน ของพี่เบิร์ด ธงชัย ให้ ขอให้มีความสุขลั๊ลลาเริงร่ากันทุกคนนะครับ” ดีเจเจ๊แฮมกล่าวนำ ก่อนจะเปิดเพลงคนไม่มีแฟนที่แสนจะบาดลึกในหัวใจของคนโสดทุกคน โดยเฉพาะท่อนฮุกซึ่งร้องว่า
‘ฉันเหมือนคนโชคร้ายที่โดนสาปไว้ให้พบแต่ผิดหวัง ขอเป็นเธอได้ไหม ช่วยปลดคำสาปร้ายคำนั้น ให้ฉันได้เจอรักเสียที’
ความโสดเป็นคำสาปจริงๆอย่างนั้นเหรอ ปรีติยาไม่เชื่อ จะบอกว่าเป็นเพราะพรหมไม่ลิขิตให้พบรักก็คงฟังเป็นนิยายเกินไป แต่ถ้าอ้างว่าเป็นเรื่องบุญกรรมก็อาจจะเป็นไปได้ บางทีการที่หล่อนไม่คิดจะมีคนรักหรือแต่งงาน อาจเป็นเพราะหล่อนไม่ได้ทำบุญร่วมกับใครในอดีตชาติกับเขากระมัง
เสียงบีบแตรไล่จากรถด้านหลังเรียกทำให้ปรีติยาหลุดจากห้วงความคิด รถข้างหน้าเริ่มขยับแล้ว ทำให้หล่อนเหยียบคันเร่งและรีบมุ่งหน้าไปยังร้านอาหาร Cooking with Love ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงรุ่น ทันทีที่รถโฟล์วิลไดร์ฟสีดำของหล่อนเคลื่อนเข้าสู่ย่านทองหล่อ ปรีติยาก็เริ่มชะลอรถเพื่อมองหาร้าน โชคดีที่ป้ายไฟของทางร้านมีขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจน ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการหาร้านหรือโทรไปถามทาง
เมื่อหาที่จอดรถได้แล้ว ปรีติยาก็แต่งแต้มสีสันของใบหน้าเพิ่มเล็กน้อยก่อนลงจากรถ หล่อนเป็นคนแต่งหน้าเข้ม แม้ว่าหลายคนบอกว่าหล่อนมีเครื่องหน้าที่สวยอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องแต่งแต้มสีสันอะไรมากมาย แต่หล่อนก็ชอบแต่งหน้าด้วยสีสันจัดจ้านมากกว่าจะแต่งหน้าอ่อนๆเป็นธรรมชาติอย่างที่สาวสมัยนี้นิยมแต่งตามกระแสของเกาหลีและญี่ปุ่น
ปรีติยาเป็นคนไม่ชอบทำตามใครและมีความเป็นตัวของเองสูง ดังนั้นการแต่งหน้าจึงเป็นการแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองอย่างหนึ่ง เปลือกตาของหญิงสาวมักแต่งแต้มด้วยโทนสีสโมคกีอาย สีแก้มและริมฝีปากเป็นสีพีชอมนู้ด จมูกของหล่อนโด่งสวยโดยไม่ต้องอาศัยการทำศัลยกรรม แต่สันจมูกคดเล็กน้อยเนื่องจากมีเชื้อสายมอญ ผิวหน้าของปรีติยาเนียนละเอียดเป็นสีน้ำผึ้ง โดยรวมแล้วหล่อนจัดได้ว่าเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยเก๋ชวนมองคนหนึ่งเลยทีเดียว
เมื่อส่องกระจกจนมั่นใจว่าสวยแล้ว ปรีติยาก็ก้าวลงมาจากรถ วันนี้หล่อนแต่งกายด้วยเสื้อยืดสีดำเรียบๆ แต่เว้าตรงช่วงหัวไหล่ ตัวเสื้อยาวคลุมลงมาถึงต้นขา สวมกางเกงผ้ายืดลายกราฟิคและสะพายกระเป๋าหนังสีม่วงแบรนด์ดังที่ดาราสาวฮอลีวูดกำลังนิยม ส่วนรองเท้าเป็นส้นหนาและมีมุดทองประดับสไตล์ร็อคเกอร์
ปรีติยามีความสุขกับการจับจ่ายเพื่อตัวเอง ในเมื่อหล่อนทำงานหนัก ได้รายได้ดี ก็ควรให้รางวัลแก่ตัวเอง ที่สำคัญหล่อนยังเป็นสาวโสดที่ไม่มีภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัว นอกจากช่วยพ่อแม่ออกเงินค่าน้ำค่าไฟเพื่อแบ่งเบาภาระในฐานะที่หล่อนยังอาศัยอยู่ร่วมบ้านกับพ่อและแม่จนถึงทุกวันนี้
ลานจอดรถอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารนัก ตัวร้านมีลักษณะเป็นบ้านไม้หลังเล็กสองชั้นที่ทาด้วยสีเขียวมะกอกตัดกับขอบหน้าต่างสีขาว ทางเข้าร้านโรยด้วยกรวด และมีสวนหย่อมเล็กๆที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้รู้สึกราวกับว่ากำลังเดินเข้าไปในร้านอาหารโฮมเมดแถบชานเมืองยุโรป ตรงกลางสวนมีน้ำพุปูนปั้นซึ่งมีนกตัวเล็กๆเกาะอยู่ ด้านนอกมีโต๊ะอาหารตั้งอยู่สี่ห้าโต๊ะสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารกลางสวนหรือนั่งรับลมเวลาที่อากาศดี แต่ที่นั่งส่วนใหญ่จะจัดไว้ในตัวร้านซึ่งเปิดเครื่องปรับอากาศไว้อย่างเย็นฉ่ำ
“สวัสดีครับ...คุณมาร่วมงานเลี้ยงรุ่นมัธยมโรงเรียนสตรีศรีสกุลหรือเปล่าครับ” พนักงานต้อนรับหนุ่มแต่งกายด้วยชุดยูนิฟอร์มของร้านเดินมาต้อนรับหล่อน ปรีติยาพยักหน้าเป็นเชิงรับคำ พนักงานผู้นั้นจึงนำทางหล่อนไปยังห้องจัดเลี้ยงซึ่งอยู่บริเวณชั้นสองของตัวร้าน
โรงเรียนสตรีศรีสกุลของหล่อนเป็นโรงเรียนสตรีเล็กๆ เปิดสอนในระดับชั้นประถมถึงระดับชั้นมัธยมปลาย ตัวหล่อนถือว่าเป็นนักเรียนรุ่นแรกๆ ในสมัยที่หล่อนยังเป็นนักเรียน แต่ละระดับชั้นมีห้องเรียนเพียงแค่ห้องเดียว และมีจำนวนนักเรียนในแต่ละห้องเพียงสามสิบคน ดังนั้นเวลารวมรุ่นจึงไม่มีปัญหาเรื่องการจัดหาสถานที่จัดเลี้ยงเหมือนโรงเรียนอื่นๆ
ทุกปีรุ่นของหล่อนจะมีการจัดเลี้ยงปีละหน แม้มีเพื่อนร่วมรุ่นอยู่เพียงไม่กี่คน แต่การรวมตัวนัดเจอกันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเมื่อเริ่มทำงานและมีครอบครัว ต่างก็วุ่นวายกับภาระหน้าที่และชีวิตส่วนตัว จะได้รวมตัวกันก็ต่อเมื่อมีใครสักคนหนึ่งแต่งงาน แต่ช่วงสองสามปีที่ผ่านมา เพื่อนร่วมรุ่นของหล่อนก็แต่งงานกันเกือบหมดแล้ว จะเหลือก็แต่ตัวหล่อนกับเพื่อนสาวอีกเพียงไม่กี่คน รวมทั้งเพื่อนทอมซึ่งเป็นข้อยกเว้น
เสียงพูดคุยเจี๊ยวจ๊าวแย่งกันพูดเหมือนนกกระจอกแตกรังดังมาถึงชั้นล่าง เวลานัดพบกันทีไร เพื่อนๆของหล่อนก็มักจะแย่งกันคุยชนิดที่ไม่มีใครยอมฟังใครตามประสาคนไม่ได้พบเจอกันมานาน ทว่าทันทีที่ปรีติยาก้าวขึ้นมาที่ห้องจัดเลี้ยง ก็มีก้อนกลมแข็งๆลอยมากระแทกตรงแก้มของหล่อนอย่างแรงจนรู้สึกแสบและชา เมื่อก้มลงมองบนพื้นก็เห็นว่าเจ้าสิ่งนั้นคือลูกเทนนิส
ภายในห้องเงียบกริบปราศจากเสียงพูดคุย เมื่อปรีติยาส่งสายตาอำมหิตกวาดตามองหาตัวการผู้ปาลูกเทนนิส และทันใดนั้นเองสายตาของหล่อนก็ประสานเข้ากับดวงตาเล็กหยีของเด็กชายหน้ากลมเหมือนซาลาเปาซึ่งหลบอยู่ด้านหลังแม่
ก่อนที่ปรีติยาจะเดินตรงปรี่ไปหาเด็กชายผู้นั้น หญิงสาวผู้เป็นแม่ก็รีบกางปีกปกป้องทันที
“แหม...มาเงียบๆไม่ให้สุ่มให้เสียงเลยนะเชอร์รี่ เมื่อกี้น้องกันดั้มกำลังเล่นลูกเทนนิสปาเป้าเพลินๆ เลยไม่ทันเห็นว่าเธอเดินขึ้นมา ลูกเทนนิสก็เลยกระเด็นไปโดน อย่าถือโทษโกรธเด็กเลยนะ กันดั้มไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ดูสิ ตอนนี้ยืนตัวสั่นน่าสงสารเชียว”
ปรีติยายกมือลูบแก้มตรงบริเวณที่ถูกลูกเทนนิสกระแทกจนบวมแดงด้วยความโกรธ แต่เมื่อรู้สึกตัว หล่อนก็พยายามปรับอารมณ์ของนางมารเกลียดเด็กให้กลายเป็นหญิงสาวผู้อ่อนหวานและใจดี หล่อนจะแยกเขี้ยวใส่เด็กแสบนั่นก็ใช่ที่ ในเมื่อเอมอร ผู้เป็นแม่ของเจ้าเด็กกันดั้มออกปากแทนลูก
เมื่อเจ้าเด็กแสบเห็นหล่อนไม่เอาเรื่อง แถมแม่ยังเข้าข้าง ก็ยิ่งได้ใจจึงแลบลิ้นปลิ้นตาให้หล่อนอย่างเยาะเย้ย ทั้งยังยื่นมือป้อมๆมาแตะหน้าอกของหล่อนแล้วร้องปิ๊นๆเหมือนเสียงบีบแตรรถ
ปรีติยาโกรธจนหน้าแดงจัด แต่ก็พยายามระงับอารมณ์และท่อง พุธโธ ธรรมโม สังโฆ ไว้ในใจ
“ฉันขอโทษแทนลูกด้วยนะ เชอร์รี่ กันดั้มคงจะล้อเล่น บางทีเด็กอาจจะเห็นจากในละครทีวี ก็เลยเลียนแบบ เธออย่าดุลูกฉันเลยนะ” เอมอรแก้ตัวแทนลูก
ปรีติยาได้แต่รำพึงอยู่ในใจ ‘สมัยนี้พ่อแม่ส่วนใหญ่มักจะโอ๋ลูกจนได้ใจ ทำผิดก็ไม่ดุว่าสั่งสอนเพราะกลัวลูกจะไม่รัก แม้เด็กจะบริสุทธิ์และเป็นผ้าขาว อาจทำผิดโดยไม่เจตนา แต่การไม่อบรมสั่งสอนก็จะทำให้เด็กเสียได้ หากหล่อนมีลูก ปรีติยาตั้งใจว่าจะต้องสอนให้ลูกเข้าใจว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ และกล่าวเมื่อทำผิด ไม่ใช่คอยแก้ตัวแทนลูกแบบนี้’
“เธอให้ลูกดูละครหลังข่าวด้วยเหรอยายเอม...ฉันว่าน้องกันดั้มคงจะเลียนแบบพ่อมากกว่า สารภาพมาซะดีๆว่าสามีของเธอเคยบีบแตรเธอให้ลูกเห็นละสิ” เพื่อนสาวคนหนึ่งแซวขึ้นมา
“บ้า ทุเรศ ใครจะทำแบบนั้นต่อหน้าลูกกัน ไม่อยากจะเล่าว่าสามีฉันเขาทำอะไรที่เร้าใจกว่านั้นเยอะ”
คำตอบของเอมอรเรียกเสียงกรี๊ดลั่นจากเพื่อนสาวร่วมยี่สิบชีวิต เว้นแต่ปรีติยาเท่านั้นที่ทำหน้านิ่งๆไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องตลกโปกฮาเลยแม้แต่น้อย แม้การแต่งหน้าและการแต่งตัวของหล่อนจะดูเปรี้ยวทันสมัย แต่หล่อนก็มีความคิดอ่านแบบคนยุคเก่าที่ไม่ชอบการพูดคุยเรื่องทะลึ่งตึงตังในที่สาธารณะ โดยเฉพาะการพูดคุยกันถึงประสบการณ์รักที่ไม่ลับบนเตียงอย่างถึงพริกถึงขิงแบบนี้ ปรีติยาเชื่อว่าหากมีผู้ชายสักคนเดินผ่านมาได้ยิน คงจะตกใจหากรู้ว่าพวกผู้หญิงเองก็คุยเรื่องบนเตียงกันอย่างเปิดเผยและเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน
ตอนนี้ทุกคนกำลังคุยกันอย่างออกรสออกชาติจึงไม่มีใครสนใจเจ้าเด็กตัวแสบที่ลวนลามหล่อนอีก ในเมื่อไม่มีใครคิดจะสั่งสอนตักเตือน ปรีติยาก็ขอแอบลงโทษเจ้าเด็กแสบด้วยการหยิกเบาๆเหมือนมดกัดให้หลาบจำ หล่อนสาบานว่าไม่ได้หยิกแรงเลยแม้แต่น้อย แต่เด็กชายกลับทำหน้าเบ้เหมือนเจ็บปวดเสียเหลือเกินและตั้งท่าจะแหกปากร้อง ปรีติยาจึงส่งสายตาอำมหิตเป็นเชิงปราม เด็กชายร่างป้อมเลยต้องหุบปากและเดินตัวลีบหลบไปเล่นหุ่นยนต์ที่มุมห้อง ต่อจากนี้เจ้าเด็กแสบคงจะไม่กล้าซ่าส์กับหล่อนอีก แต่เมื่อเหลือบไปมองท่าทางจ๋อยๆของเด็กชาย ปรีติยาก็รู้สึกสงสารอยู่เหมือนกัน แต่ก็ทำเป็นใจแข็งไม่เดินไปโอ๋
เมื่อปรีติยาเดินมานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ รอบข้างตัวหล่อนมีรถเข็นเด็กอ่อนตั้งอยู่หลายคัน เมื่อคนอ่อนคนหนึ่งเริ่มร้องโยเย เด็กคนอื่นๆก็เหมือนถูกกดปุ่มให้ร่วมร้องประสานเสียงไปพร้อมๆกันด้วย ปรีติยาเลยไม่มีโอกาสได้ไต่ถามพูดคุยกับบรรดาเพื่อนแม่ลูกอ่อนเหมือนอย่างเคย เพราะต่างพากันเห่กล่อมลูกให้หยุดร้องไห้เป็นพัลวัน พอลูกหลับแล้ว แม่ลูกอ่อนก็ได้แต่นั่งหน้าซีดเซียวถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ไม่คิดว่าการเป็นแม่คนมันจะเหนื่อยขนาดนี้...แต่ถึงเหนื่อยก็มีความสุขนะเธอ นึกไม่ออกเลยว่าสมัยก่อนแม่เลี้ยงพวกเรามาได้ยังไง” เพื่อนแม่ลูกอ่อนคนแรกเอ่ยขึ้นมา
“นั่นสิ อย่างเรื่องปั้มนมนี่ก็ลำบากมากนะ น้ำนมฉันน้อย กลัวลูกมีกินไม่พอ” อีกคนรำพึงอย่างหนักใจ
“ลองกินดอมเพอริโดนสิ ช่วยเพิ่มนมลูกได้ดีมากเลยนะ ” เอมอรให้คำแนะนำในฐานะผู้ที่เคยมีประสบการณ์ในการเลี้ยงลูกมาก่อน บรรดาแม่ลูกอ่อนต่างพากันจดชื่อยาและเคล็ดลับการเลี้ยงลูกกันยิกประหนึ่งกำลังนั่งฟังเลคเชอร์เรื่องเคล็ดลับการเลี้ยงลูก นอกจากเรื่องการให้นมลูกแล้ว กลุ่มแม่และเด็กก็ยังพูดคุยกันเรื่องของใช้เด็กยี่ห้อต่างๆว่ายี่ห้อไหนดี ลดราคาช่วงไหน ต่อด้วยเรื่องวางแผนหาโรงเรียนให้ลูก
นี่คือโลกอีกใบหนึ่งที่สาวโสดอย่างปรีติยาเข้าไม่ถึงและไม่รู้ว่าจะมีส่วนร่วมพูดคุยได้อย่างไร แต่ก่อนเพื่อนสาวเหล่านี้เคยเป็นสาวโสดสุดซ่าส์เฮไหนเฮนั่นด้วยกันกับหล่อน แต่ตอนนี้เพื่อนสาวหลายคนเป็นแม่ลูกอ่อนที่ในชีวิตนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกและสามีอีกแล้ว แต่ปรีติยาก็เข้าใจว่าด้วยภาระหน้าที่และการเปลี่ยนแปลงสถานภาพทำให้การใช้ชีวิตและความสนใจของหล่อนและเพื่อนๆไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป ปรีติยาจึงทำได้เพียงอมยิ้มและนั่งฟังอย่างเงียบๆ จะได้พูดคุยบ้างก็ตอนเพื่อนทอมชวนคุยเรื่องงาน
ผ่านไปแล้วชั่วโมงเศษ กลุ่มแม่ลูกอ่อนก็ยังไม่เลิกถกเรื่องลูกและสามี ซ้ำยังเปิดวิดีโอของลูกของตัวเองอวดกันอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย จิ๊บ สาวทอมมาดเข้มซึ่งเป็นประธานรุ่นเอ่ยขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว
“คุณนายทั้งหลาย จะเม้าท์มอยกันอีกนานไหม นี่ก็สองทุ่มแล้ว ต้องรีบกลับบ้านพาลูกเข้านอนไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็อิ่มกันแล้ว ฉันขอประกาศผู้ที่จะได้เป็นขวัญใจรุ่นดีเด่นประจำปีนี้เลยนะ”
หลังจากกินเลี้ยงกันเสร็จแล้ว รุ่นของหล่อนจะมีธรรมเนียมแจกถ้วยรางวัลขวัญใจรุ่นดีเด่นเพื่อเป็นกำลังใจแก่เพื่อนในรุ่นหมุนเปลี่ยนสลับกันไปทุกปี ผู้ที่มีผลการทำงานดีเด่นหรือชีวิตส่วนตัวน่าสนใจต่างมีโอกาสได้รับรางวัลนี้ทั้งสิ้น ความรู้สึกในการรอลุ้นรับถ้วยรางวัลนี้คงไม่ต่างจากนางงามรอลุ้นมงกุฏเพชรยังไงยังงั้น
“ฉันต้องได้ตำแหน่งนี้แน่ๆ เพราะฉันเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกได้อย่างดีเลิศ”เอมอรเอ่ยอย่างมั่นใจ
“ยายเอม ฉันเองก็เป็นยอดคุณแม่เหมือนกันนะยะ คิดดูสิว่าเวิร์คกิ้งวูแมนอย่างฉัน เคยมีชีวิตวุ่นวายกับการทำงานตลอดทั้งวันต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตมาเป็นคุณแม่เต็มตัว ไหนจะให้นมลูก แล้วยังต้องปรนนิบัติสามีผู้แสนจู้จี้จูจิกที่สุดในสามโลก ฉันต่างหากที่ควรได้รางวัลนี้”ภัทริยา อดีตสาวทำงานมาดมั่นซึ่งเวลานี้เป็นแม่ลูกอ่อนประกาศศึกแย่งชิงถ้วยรางวัล
“พวกเธอถอยไป ต้องฉันต่างหากที่สมควรได้รับรางวัลนี้เพราะฉันเป็นเซเลบ มีใครบ้างไม่รู้จัก ชื่นชบา สาวสังคมไฮโซเจ้าของร้านอาหาร cooking with love แห่งนี้ ถ้าใครไม่เด่นไม่ดังจริงอย่ามาแข่ง” เจ้าของร้านอาหารสาวคนดังอดรนทนไม่ไหวแผดเสียงแข่งขึ้นมาบ้าง
“ถึงฉันจะไม่เด่นไม่ดัง แต่ดูหน้าและหุ่นของฉันซะก่อน ขนาดฉันมีลูกแล้วยังสวยเป๊ะยังกะสาววัยยี่สิบต้นๆ ในรุ่นของพวกเราไม่มีใครดูเด็กเท่าฉันหรอก ” ปาริมา สาวร่างเล็กเจ้าของธุรกิจขายตรงเครื่องสำอางค์เอาเรื่องความงามและอ่อนวัยมาสู้”
“เยอะกันเหลือเกินนะ คุณนายทั้งหลาย ในฐานะที่ฉันเป็นประธานรุ่นและเคยได้รับตำแหน่งขวัญรุ่นดีเด่นปีที่แล้ว ฉันจะขอมอบถ้วยรางวัลและตำแหน่งขวัญใจรุ่นให้กับ เชอร์รี่ เพื่อนรักของเราผู้เป็นครีเอทีฟสาวไฟแรงมุ่งมั่นทำงาน ขอให้เชอร์รี่ประสบความสำเร็จในเรื่องงานยิ่งๆขึ้นไปนะจ๊ะ” จิ๊บคงจะอยากตัดปัญหาวุ่นวายเลยตัดสินให้รางวัลทรงเกียรตินี้กับหล่อนซึ่งนั่งเงียบๆไม่มีปากเสียงกับใคร
มีเพื่อนเพียงไม่กี่คนที่ปรบมือให้หล่อน นอกนั้นต่างซุบซิบเหมือนไม่พอใจการตัดสินของจิ๊บ
“มันไม่แฟร์เลยนะจิ๊บที่ให้รางวัลยายเชอร์รี่ เธอควรจะให้รางวัลกับพวกแม่ๆ เพราะเราทำงานเหนื่อยงกๆและยังต้องเลี้ยงลูกไปพร้อมๆกันด้วย เชอร์รี่เป็นคนโสด ชีวิตจะไปมีอะไร้นอกจากงาน งาน งาน ขืนเธอให้รางวัลแบบนี้ ยายเชอร์รี่ก็คงเข้าใจผิดว่าการใช้ชีวิตสาวโสดบ้างานแบบนี้มันถูกต้องแล้ว ทั้งที่จริงๆแล้ว สุดยอดของชีวิตลูกผู้หญิงทุกคนก็คือการหาผู้ชายดีๆสักคนเพื่อแต่งงานและสร้างครอบครัว...จิ๊บ เธอคงไม่อยากเห็นยายเชอร์รี่มีบั้นปลายชีวิตที่อ้างว้างหรอกนะ” ปาริมาแย้งขึ้นมาอย่างไม่พอใจ และทำให้เพื่อนสาวร่วมรุ่นคนอื่นๆต่างพากันรุมหล่อน
“นั่นสิ เชอร์รี่ อย่าบ้างานนักเลย ความสาวมันไม่จีรัง ถ้าเธอไม่รีบหาแฟนตอนนี้ จะไปหาแฟนชาติหน้าเลยหรือไง รีบๆเข้าก่อนจะขึ้นคาน” ชื่นชบารีบสนับสนุน
“เชอร์รี่ก็คงมองหาหนุ่มๆอยู่บ้างแหละ รูปร่างหน้าตาของยายเชอร์รี่ก็สวย แต่คงไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าจีบเพราะแต่งตัวติสต์แตก ดูสิ ขนาดกันดั้มยังถอยกรูดไม่กล้าเข้าใกล้ ทั้งที่ปกติลูกชายของฉันเป็นเด็กมนุษย์สัมพันธ์ดีจะตาย ฉันว่าถ้าเชอร์รี่อยากให้ผู้ชายสนใจก็ต้องแต่งตัวให้มันสวยหวานแบบเลดี้หน่อย ดูฉันเป็นตัวอย่างก็ได้”
เอมอรพูดพลางหมุนตัวให้ดูชุดเดรสสีชมพูบานฉ่ำลายดอกไม้ที่ถอดแบบมาจากนิตยสารวัยรุ่นญี่ปุ่น
ปรีติยาโมโหและน้อยใจที่หล่อนไม่เป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆ โดยเฉพาะถูกโจมตีว่าเป็นโสด ไม่ว่ายังไงก็ตามคืนนี้หล่อนจะไม่ยอมเป็นเหมือนนางงามที่ถูกกระชากมงกุฎเพชรอย่างแน่นอน ถ้วยรางวัลขวัญใจรุ่นประจำปีนี้จะต้องเป็นของหล่อนอย่างชอบธรรม ด้วยความอยากชนะ ปรีติยาจึงลุกขึ้นยืน กำถ้วยรางวัลแน่น ก่อนจะประกาศในสิ่งที่ทำให้เพื่อนๆร่วมรุ่นตกตะลึง
“ฉันขอบใจมากนะที่พวกเธอเป็นห่วงว่าฉันจะเอาแต่ทำงานจนขึ้นคาน ตอนแรกฉันตั้งใจจะปิดเรื่องนี้เป็นเซอร์ไพรส์และรอจนกว่าพวกเธอจะได้รับการ์ดเชิญ แต่ไหนๆวันนี้ก็ได้พบพวกเธอทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ฉันก็ถือโอกาสนี้บอกพวกเธอว่า ฉันกำลังจะแต่งงานสิ้นปีนี้ และขอเชิญพวกเธอมาร่วมงานด้วยนะ”
คำพูดของปรีติยาคล้ายเครื่องหยุดเวลา เพื่อนแต่ละคนอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่หล่อนเอ่ยเมื่อครู่ มันก็น่าประหลาดใจอยู่ไม่ใช่เหรอ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา หล่อนไม่เคยคบหาดูใจกับผู้ชายคนไหนฉันท์คนรักเพราะเชื่อว่าไม่มีผู้ชายไหนในโลกใบนี้ที่จะดีเท่ากับพศิน ผู้เป็นพ่อของหล่อนอีกแล้ว ปรีติยาตั้งใจว่าหากหล่อนไม่เจอผู้ชายที่ดีเหมือนพ่อ หล่อนก็จะไม่แต่งงาน
“เชอร์รี่ เธอมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมพวกเราไม่เคยรู้เลยล่ะ หรือว่าเธอจะถูกพ่อแม่คลุมถุงชนกับผู้ชายข้างบ้าน” เอมอรแซวเพราะเคยไปทำรายงานที่บ้านของหล่อนสมัยเรียนมัธยมและพบปรานต์มาก่อน
แล้วภาพใบหน้าของปรานต์ หนุ่มหน้าตี๋ ผมสกินเฮดข้างบ้านสุดยียวนกวนบาทาก็ลอยเด่นขึ้นมาคล้ายต้องการเย้ยหยันหล่อน ต่อให้เหลือผู้ชายคนสุดท้ายบนโลกใบนี้ ปรีติยาก็จะไม่มีวันยอมแต่งงานกับนายปรานต์อย่างแน่นอน แม้จะต้องเป็นโสดขึ้นคานตลอดชีวิตก็ตาม
“ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกจ้ะ ถ้าฉันคิดจะแต่งงาน เจ้าบ่าวของฉันต้องเป็นผู้ชายที่ดีเลิศพอๆกับพ่อ แต่ถ้าให้บอกตอนนี้ว่าเจ้าบ่าวของฉันเป็นใคร พวกเธอคงจะไม่ตื่นเต้น บอกได้อย่างเดียวว่าเขาเป็นคนดัง”
“โม้หรือเปล่า เชอร์รี่ แฟนของเธอเป็นดาราฮอลิวูดหรือไงถึงได้ต้องปิดเป็นความลับ หรือว่าจริงๆแล้วเธอยังหาแฟนไม่ได้ คงไม่อยากถูกแย่งตำแหน่งขวัญใจรุ่นล่ะสิ ถึงได้อ้างแบบนี้” เอมอรดักคอปรีติยาอย่างคนที่รู้ทันกัน
“ยิ่งพูดก็เหมือนฉันแก้ตัว พวกเธอไม่เชื่อก็ตามใจ รอรับการ์ดแต่งงานจากฉันก็แล้วกัน นี่ก็สามทุ่มกว่าแล้ว ฉันว่าเราควรจะแยกย้ายกันกลับบ้านได้แล้วล่ะ” ปรีติยาถือโอกาสกล่าวปิดงานเลี้ยงรุ่น เพื่อไม่ให้ใครมีโอกาสซักถามหล่อนอีก
“ถ้าสิ้นปีนี้เธอยังไม่ได้แต่งงาน...เธอจะต้องคืนถ้วยรางวัลขวัญใจรุ่นนะ” เอมอรยังไม่วายขู่เพราะผิดหวังที่ไม่ได้ตำแหน่งในปีนี้
“แน่นอนเอม แต่ฉันมั่นใจว่ายังไงก็จะรักษาถ้วยรางวัลนี้ไว้ได้”
“ก็ดี...งั้นไว้เจอกันที่งานแต่งงานของเธอก็แล้วกัน กันดั้ม กลับบ้านได้แล้ว ลูกจะไปหลบอยู่ตรงมุมนั้นทำไม” เอมอรกวักมือเรียกลูกชายที่หลบไปนั่งตรงมุมห้อง เด็กชายเดินก้มหน้างุดๆผ่านแม่มดใจร้ายอย่างปรีติยาโดยไม่ยอมสบตาและกล่าวลาแม้แต่คำเดียว
กลุ่มแม่ลูกอ่อนต่างพากันเข็นรถเข็นเด็กไปยังลานจอดรถและแยกย้ายกันขึ้นรถของตัวเองซึ่งมีคาร์ซีทของเด็กอ่อนติดอยู่ ส่วนปรีติยาเองก็ขึ้นรถเตรียมกลับบ้าน ทันทีที่ประจำที่นั่งคนขับ หล่อนก็วางถ้วยรางวัลไว้บนเบาะข้างที่นั่งคนขับแล้วกรี๊ดลั่น
นี่หล่อนต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่ประกาศไปว่ากำลังจะแต่งงาน ปรีติยาอยากจะเอาหัวกระแทกพวงมาลัยให้ตายคาที่ หล่อนจะหาผู้ชายดีๆมาแต่งงานได้ยังไงภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือน แค่ลำพังหาแฟนให้ได้สักคนยังยากแล้วเลย หล่อนช่างหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบอยากเอาชนะ ทำให้ต้องลำบากใจแบบนี้ แต่มันต้องมีทางสิน่า ปรีติยาพยายามปลอบใจตัวเอง ในเมื่อหล่อนก็ยังสวยพริ้งไม่แพ้สาววัยยี่สิบต้นๆ โปรเจคโฆษณาไม่รู้กี่สิบล้านร้อยล้าน หล่อนก็ยังทำสำเร็จจนโด่งดังได้ แล้วนับประสาอะไรกับหาผู้ชายระดับเอลิสต์สักคนมาแต่งงานด้วย มันคงไม่ยากเหมือนคว้าเดือนคว้าดาวจากฟ้าหรอกน่า
นภาสรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 พ.ย. 2555, 11:06:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 พ.ย. 2555, 13:33:48 น.
จำนวนการเข้าชม : 4192
2 :: ผู้ชายระดับ A-list เท่านั้นที่ฉันคู่ควร >> |
ริญจน์ธร 10 พ.ย. 2555, 11:10:09 น.
แวะมาทักทาย+เป็นกำลังใจให้ค่าพี่แตม
แวะมาทักทาย+เป็นกำลังใจให้ค่าพี่แตม
นภาสรร 10 พ.ย. 2555, 11:11:12 น.
ขอบคุณมากค่ะ น้องซีที่เข้ามาเจิมให้คนแรก สู้ๆสู้ตายแน่นอน รออ่านและคอยเชียร์น้องซีเช่นกันค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ น้องซีที่เข้ามาเจิมให้คนแรก สู้ๆสู้ตายแน่นอน รออ่านและคอยเชียร์น้องซีเช่นกันค่ะ
อุ้มสม 10 พ.ย. 2555, 11:46:41 น.
มาเป็นคนที่2งุงิงุงิ รอตอนที่2 นะค้าบพี่แตม ^^
มาเป็นคนที่2งุงิงุงิ รอตอนที่2 นะค้าบพี่แตม ^^
นภาสรร 10 พ.ย. 2555, 11:50:57 น.
ขอบคุณคร้าบ ^_^ งุงิด้วย
ขอบคุณคร้าบ ^_^ งุงิด้วย
lovemuay 10 พ.ย. 2555, 12:51:16 น.
น่าน นางเอกจะหาได้รึป่าวเน้อ
น่าน นางเอกจะหาได้รึป่าวเน้อ
นภาสรร 10 พ.ย. 2555, 12:54:37 น.
มาช่วยลุ้นด้วยกันนะคะ คุณ lovemuay
มาช่วยลุ้นด้วยกันนะคะ คุณ lovemuay
พลูหอม 10 พ.ย. 2555, 12:58:10 น.
เข้ามา สวัสดี 'ปาฏิหาริย์บันดาลรัก' ค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกผลงานนะคะ คุณแตม ^_^
เข้ามา สวัสดี 'ปาฏิหาริย์บันดาลรัก' ค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกผลงานนะคะ คุณแตม ^_^
ไม้เอก 10 พ.ย. 2555, 13:16:36 น.
รอติดตามอยู่นะคะ
รอติดตามอยู่นะคะ
หมูอ้วน 10 พ.ย. 2555, 13:23:43 น.
ตามลุ้น หนูเชอร์รี่ค่ะ ใครจะเป็นหนุ่มผู้โชคดีคนนั้นหนอ ฮิ..
ตามลุ้น หนูเชอร์รี่ค่ะ ใครจะเป็นหนุ่มผู้โชคดีคนนั้นหนอ ฮิ..
นภาสรร 10 พ.ย. 2555, 13:26:51 น.
ขอบคุณคุณพลูหอม คุณไม้เอก และคุณหมูอ้วนนะคะ งานนี้มีลุ้นแน่นอนค่ะ ^___^
ขอบคุณคุณพลูหอม คุณไม้เอก และคุณหมูอ้วนนะคะ งานนี้มีลุ้นแน่นอนค่ะ ^___^
venus-yu 10 พ.ย. 2555, 14:16:19 น.
ถามหน่อยสิ เป็นคนเดียวกับเฌอแตมหรือเปล่า
ถามหน่อยสิ เป็นคนเดียวกับเฌอแตมหรือเปล่า
นภาสรร 10 พ.ย. 2555, 15:05:54 น.
5555 อยากให้ตัวเองเป็นนางเอกค่ะ แต่เรื่องนี้นางเอกเป็นคนอื่นค่ะ ^___^ ชื่อเหมือนนางเอกจริงๆ
5555 อยากให้ตัวเองเป็นนางเอกค่ะ แต่เรื่องนี้นางเอกเป็นคนอื่นค่ะ ^___^ ชื่อเหมือนนางเอกจริงๆ
อุ้มสม 10 พ.ย. 2555, 19:40:10 น.
ว้าวเข้าชม 144 ครั้งแ้ว้ว เรากดรัวตั้ง100กว่ารอบนะ 555+ // ล้อเล่นค้าบ
ว้าวเข้าชม 144 ครั้งแ้ว้ว เรากดรัวตั้ง100กว่ารอบนะ 555+ // ล้อเล่นค้าบ
นภาสรร 10 พ.ย. 2555, 21:12:32 น.
5555 น้องบาสอ่ะ แซวเค้า
5555 น้องบาสอ่ะ แซวเค้า
หมูบูลิน 11 พ.ย. 2555, 05:15:36 น.
งานเข้าแล้วสินะ เอิกๆ
งานเข้าแล้วสินะ เอิกๆ
นภาสรร 13 พ.ย. 2555, 10:58:21 น.
ขอบคุณคุณหมีสีชมพูและคุณ nunoi มากนะคะ เดี๋ยวแตมจะลงตอนต่อไปให้เลยค่ะ
ขอบคุณคุณหมีสีชมพูและคุณ nunoi มากนะคะ เดี๋ยวแตมจะลงตอนต่อไปให้เลยค่ะ
วนัน 13 พ.ย. 2555, 13:36:10 น.
น่าสนคะ
น่าสนคะ
kaze 24 พ.ย. 2555, 17:45:27 น.
ฮึ๋ย เป็นโสดแล้วผิดตรงไหนคะ? เป้าหมายคนเราไม่อยู่หยุดอยู่ที่ผู้ชายนิคะ
(อารมณ์ขึ้น 55555)
ฮึ๋ย เป็นโสดแล้วผิดตรงไหนคะ? เป้าหมายคนเราไม่อยู่หยุดอยู่ที่ผู้ชายนิคะ
(อารมณ์ขึ้น 55555)