ปาฏิหาริย์บันดาลรัก
ถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์...ไม่ได้ด้วยมารยา งานนี้มีเพียงปาฏิหาริย์เท่านั้นจะบันดาลรักและ 'เอาอยู่'
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 2 :: ผู้ชายระดับ A-list เท่านั้นที่ฉันคู่ควร

ขอขอบคุณเพื่อนๆนักอ่านทุกท่านสำหรับกำลังใจที่มอบให้กันในตอนแรกที่ลง เล่นเอาคนเขียนมือไม้สั่น กรี๊ดลั่นบ้านว่าดีใจจังที่เพื่อนๆชอบเรื่องนี้ ทำให้ต้องตั้งใจเขียนยิ่งเดียว ขอบคุณมากจริงๆค่ะ ตอนนี้เราจะได้รู้กันแล้วนะคะว่าใครคือ ชายหนุ่มที่ปรีติยา หรือ นางเอกของเราจะต้องจีบให้ได้...ขอบอกคำว่า ผู้ชายคนนี้เริดจริงๆ (คนเขียนยังอยากจีบเองเลย 55+)

แตม นภาสรร ^_^

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บทที่ 2

เสียงจามของหนุ่มหน้าตี๋ที่กำลังชงกาแฟให้ลูกค้า ทำให้พนักงานหนุ่มผมยาวในร้านที่กำลังตีฟองนมเพื่อทำคาปูชิโนหันมามองและอมยิ้มอย่างล้อๆ

“พี่ปรานต์ จามครั้งเดียวเค้าว่ามีคนนินทา ใครกันน้าแอบนินทาเจ้านายผม”

“ไอ้มะเดี่ยว เงียบเลยนะ ฉันไม่มีอารมณ์ต่อปากต่อคำกับนาย รู้สึกปวดหัวตัวรุมๆยังไงก็ไม่รู้” ปรานต์ยกหลังมือขึ้นทาบที่หน้าผาก ใบหน้าขาวหล่อเหลาที่มีเคราอ่อนอยู่เหนือริมฝีปากเริ่มกลายเป็นสีแดงระเรื่อ ไอร้อนผะผ่าวที่สัมผัสจากหลังมือทำให้รู้ว่าเขากำลังเป็นไข้ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยและปรานต์เองก็เพิ่งตากฝนมาเมื่อเช้า สงสัยละอองฝนคงจะทำให้เขาเป็นหวัดแน่ๆ

“พี่ปรานต์กลับไปพักเถอะครับ เดี๋ยวผมปิดร้านให้เอง” มะเดี่ยวเสนอตัวช่วยเหลืออย่างมีน้ำใจ

“ขอบใจนะ ขอแค่นั่งพักก็พอ” ปรานต์พูดพลางหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ทรงกลมซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์เครื่องทำกาแฟ

ปรานต์เป็นเจ้าของร้านกาแฟ ‘Amore Coffee’ แปลว่า ‘กาแฟแห่งรัก’ เขาได้ชื่อนี้มาจากเพลง That’s amore เพลงเก่าที่โด่งดังของ Dean Martin ปรานต์ชอบดื่มกาแฟมาตั้งแต่สมัยเขายังทำงานเป็นนักข่าวสายอาชญากรรม เนื่องจากงานข่าวเป็นงานต้องพร้อมลุยและต้องทำตัวให้กระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลา ทำให้ปรานต์ต้องดื่มกาแฟบ่อยๆเพื่อให้สมองตื่นตัว ประกอบกับช่วงหลังๆร้านกาแฟผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดเพราะคนกรุงเทพเริ่มนิยมดื่มกาแฟมากขึ้น ทำให้ปรานต์มีโอกาสได้ลิ้มลองเมล็ดกาแฟจากแหล่งต่างๆทั่วโลก

หลายปีที่ปรานต์สั่งสมประสบการณ์การดื่มกาแฟชนิดต่างๆ ทั้งยังอบรมคอร์สบาริสต้าจนเชี่ยวชาญ ไม่ว่าไปแข่งชิมแชมป์บาริสต้าที่ไหนก็มักจะได้รางวัลชนะเลิศ ทำให้ปรานต์คิดว่าคงจะถึงเวลาแล้วที่เขาจะเลิกอาชีพนักข่าวและเปิดร้านกาแฟเล็กๆอย่างที่ใฝ่ฝัน

เวลาผ่านไปไวเหลือเกิน ตอนนี้ก็เกือบจะครบสามปีแล้วที่เขาเปิดร้านกาแฟแห่งนี้ แต่ปรานต์ไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่ายเลยที่จะต้องทำกาแฟทุกวันในร้านเล็กๆซึ่งมีโต๊ะเก้าอี้ให้บริการเพียงสิบโต๊ะ แม้ในแต่ละเดือนจะได้กำไรไม่มาก แต่ปรานต์ก็พอใจกับรายได้ที่เลี้ยงตัวเองได้ดีพอประมาณ ที่สำคัญเขาไม่ได้เสียค่าเช่าหรือลงทุนอะไรมากมาย เพราะร้านกาแฟแห่งนี้เคยเป็นบ้านพักชั้นเดียวของ ปริญญ์ พ่อของเขาซึ่งสร้างไว้สำหรับใช้ทำงานอดิเรกต่อโมเดลรถต่างๆที่ท่านสะสม

นับตั้งแต่พ่อเสียชีวิตเมื่อยี่สิบปีก่อน บ้านหลังนี้ซึ่งตั้งอยู่ติดกับบ้านของเขาก็ถูกปิดตายไม่มีใครได้ใช้ประโยชน์อีก โดยเฉพาะ อรุณี แม่ของเขาที่ไม่อยากเข้าไปในบ้านหลังนั้นอีกเพราะเมื่อเห็นข้าวของเก่าของสามีแล้วรู้สึกสะเทือนใจ

ปรานต์จึงดัดแปลงบ้านพักหลังเล็กของพ่อให้เป็นร้านกาแฟ ตัวโครงบ้านก่อสร้างไว้อย่างแข็งแรงจึงไม่จำเป็นต้องซ่อมแซมอะไรมากนัก นอกจากติดวอลเปเปอร์ลายทางขาวดำให้ดูทันสมัย ของตกแต่งภายในร้านกาแฟของเขาก็เป็นพวกโมเดลรถต่างๆที่พ่อเคยสะสม ส่วนตามผนังว่างๆ เพื่อนจิตรกรของปรานต์ก็เอาภาพวาดมาให้ประดับตกแต่งและถือโอกาสฝากขายหากมีคนสนใจ นอกจากนี้ก็มีถ้วยกาแฟทรงแปลกๆ รวมทั้งเมล็ดกาแฟต่างๆจากทั่วโลกซึ่งปรานต์นำมาวางขายที่ร้านเพิ่มเติม

ช่วงปีแรก ร้าน Amore Coffee ของเขายังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าใดนัก จนกระทั่งปรีติยาไหว้วานเพื่อนซึ่งทำงานเป็นคอลัมนิสต์นิตยสารอาหารเล่มหนึ่งให้มาช่วยเขียนโฆษณาร้านให้ ร้านกาแฟของเขาจึงเริ่มมีลูกค้าเพิ่มขึ้นมากจนตอนนี้มีลูกค้าแน่นตลอดทั้งวัน ไม่ใช่ว่ายายตัวแสบอยากจะช่วยเขานักหรอก แต่คงขัดพศิน พ่อของเธอที่ขอร้องให้ช่วยเขาไม่ได้

เสียงกระดิ่งจากประตูกระจกหน้าร้านดังขึ้น ทำให้ปรานต์ชะโงกหน้าไปมอง เมื่อเห็นผู้มาเยือนก็สะดุ้งโหยง เพียงแค่นึกถึง ยายตัวแสบก็ตามมาหลอนถึงที่

“ขอเอสเพรสโซ แล้วก็ขอน้ำร้อนเพิ่มด้วยนิดนึงนะจ๊ะ” ปรีติยามาถึงก็สั่งกาแฟกับลูกน้องของเขาทันที

“จ่ายเงินด้วยนะเจ๊ ร้านนี้ไม่ใช่ร้านกาแฟการกุศล” ปรานต์อดกัดไม่ได้ เพราะหญิงสาวชอบทำตัวประหนึ่งเจ้าของร้านและสั่งกาแฟดื่มฟรีตามอำเภอใจ

“อยากให้ลำเลิกบุญคุณหรือไงว่าที่ร้านนายยังไม่เจ๊งก็เพราะฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉันช่วยเอาร้านของนายไปลงแมกกาซีน ป่านนี้เครื่องทำกาแฟของนายถูกขายเป็นเศษเหล็กไปแล้ว เพราะฉะนั้นถึงฉันจะดื่มกาแฟของนายกี่แสนกี่ล้านแก้ว นายก็ไม่สามารถทดแทนบุญคุณของฉันได้หรอก” ปรีติยาตอบกลับอย่างเจ็บแสบ

“พระเอกนางเอกคู่นี้พบหน้ากันทีไรก็กัดกันทุกที ถ้าเป็นละคร คู่พี่ก็คงเป็นแนวตบจูบ” มะเดี่ยวแซวปรานต์ ก่อนจะถือถ้วยกาแฟมาเสิร์ฟให้ปรีติยาที่นั่งไขว้ห้างรอด้วยมาดคุณนาย “เอสเพรสโซเข้มข้นเติมน้ำนิดหน่อยอย่างที่คุณเชอร์รี่ชอบมาแล้วครับ...วันนี้ผมขอร้องคุณเชอร์รี่สักวันนะครับว่าอย่าจิกกัดคุณปรานต์เลย เพราะวันนี้เจ้านายผมไม่ค่อยสบาย คุณเชอร์รี่มาก็ดีแล้วจะได้ช่วยดูแลพระเอก” มะเดี่ยวทำตาหน้าล้อเลียน

“ยายเชอร์รี่เน่าเนี่ยนะ นางเอก แถวบ้านต้องเรียกว่านางอิจฉาต่างหาก ขืนให้มาดูแล ได้ไข้ขึ้นเข้าโรงพยาบาลล่ะสิไม่ว่า ไป๊ มะเดี่ยว โน่น ลูกค้ายืนรอกาแฟอยู่ ไปทำกาแฟต่อซะ” ปรานต์พูดพลางโบกมือไล่ให้ลูกน้องหนุ่มที่ยืนยิ้มกว้างหน้าทะเล้นไปทำกาแฟต่อ

“นี่นายปรานต์หัวเหม่ง พูดให้มันเข้าหูหน่อยนะ ถ้าฉันเป็นนางร้าย อย่างนายก็เป็นได้แค่ตัวประกอบ ขอให้นายไข้ขึ้นชักดิ้นชักงอเลยคอยดู ฉันได้กาแฟแล้ว ไปล่ะ ไว้พรุ่งนี้เช้าจะมากินฟรีอีก” ปรีติยารีบซดกาแฟถ้วยจิ๋วรวดเดียวก่อนจะกระแทกแก้วและเตรียมเดินออกไปจากร้าน แต่แล้วจู่ๆก็เกิดเปลี่ยนใจเดินไปหยิบนิตยสารแฟชั่นปึกใหญ่จากชั้นหนังสือติดมือไปด้วย

“ขอยืมไปอ่านหน่อยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาคืนให้แต่เช้า” ปรีติยาไม่เคยซื้อนิตยสาร แต่มักจะจิ๊กนิตยสารเล่มใหม่ของทางร้านไปอ่านที่บ้านเป็นประจำ ปากก็บอกว่าขอยืม แต่หญิงสาวก็ไม่เคยเอามาคืนสักที ทำให้ปรานต์ต้องเป็นฝ่ายเก็บรวบรวมนิตยสารพวกนี้คืนจากบ้านของปรีติยาซึ่งอยู่ติดกับบ้านของเขา

“ไม่ได้ ฉันไม่ให้เธอยืมอีกแล้ว เอาไปอ่านทีไรก็ไม่เคยเอามาคืน” ปรานต์ทำท่าจะดึงนิตยสารคืนจากหญิงสาว แต่ปรีติยาเบี่ยงตัวหลบทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ซ้ำยังถามถึงนิตยสารอีกเล่ม

“เดือนนี้นายซื้อนิตยสารฮีโร่หรือเปล่า ฉบับล่าสุดมีคอลัมน์สัมภาษณ์สุดยอดหนุ่มโสดแห่งปีด้วย”

ปรานต์มองหน้าปรีติยาอย่างสงสัย หญิงสาวเคยบอกว่าคอลัมน์สัมภาษณ์สุดยอดหนุ่มโสดแห่งปีของนิตยสารฮีโร่เป็นเรื่องไร้สาระ มีแต่หญิงสาวโลกสวยเท่านั้นที่หลงใหลได้ปลื้มกับหนุ่มโสดพวกนั้นเพราะส่วนใหญ่ก็มีดีแค่หน้าตาและมักจะสร้างภาพให้ดูเป็นคนดี ปรีติยามักจะพูดบ่อยๆว่าในโลกนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะสมบูรณ์แบบและดีเลิศเท่ากับพศิน ผู้เป็นพ่อของเธออีกแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องแปลกที่วันนี้ปรีติยากลืนน้ำลายตัวเองและถามหานิตยสารเล่มนี้

“ทำไม คิดจะหาหนุ่มโสดพวกนั้นมาเป็นแฟนหรือไง ถึงได้อยากอ่าน” ปรานต์แกล้งถาม

“ใช่ ฉันจะอยากจะมีแฟน แล้วก็จะหาแฟนจากในนิตยสารเล่มนั้นด้วย” ปรีติยาตอบหน้าตาเฉย ทำให้ปรานต์ถึงกับอึ้งเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำตอบนี้จากปากของปรีติยา

“แสดงว่าเดี๋ยวนี้เธอลดมาตรฐานผู้ชายแล้วล่ะสิ ไหนเธอบอกว่าผู้ชายที่จะมาเป็นแฟนของเธอได้จะต้องดีเท่าๆกับคุณอาพศินไงล่ะ”

“ไม่มีผู้ชายคนไหนดีเทียบเท่าพ่อฉันได้หรอก แต่ยังไงผู้ชายพวกนี้ก็คงดีกว่านายเยอะ ทำไม...หึงฉันเหรอ ขอโทษทีนะ ผู้ชายอย่างนายไม่เคยอยู่ในสายตาของฉันแม้แต่นิดเดียว”

“แน่ใจเหรอครับว่าไม่อยู่ในสายตา...บางทีเจ้านายผมอาจจะอยู่ในหัวใจของคุณเชอร์รี่มานานแล้วก็ได้ ที่จริงโพร์ไฟล์เจ้านายของผมก็เข้าขั้นนะ ไม่งั้นปีนี้คงไม่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสามสิบหนุ่มโสดแห่งปีของนิตยสารฮีโร่หรอกครับ ดูนี่สิครับ คุณปรานต์เท่เชียว หล่อยังกะพี่โคม ปลัมกรเลย”

พอว่างงานเมื่อไหร่ พนักงานหนุ่มผมยาวจอมจุ้นก็จะมาคอยแซวเขากับปรีติยา ซ้ำยังหยิบหน้าที่เขาถ่ายแบบลงในนิตยสารฮีโร่มาโชว์อีกด้วย รูปนี้เขาดูดีกว่าตัวจริงอีก เพราะทางนิตยสารฮีโร่จัดสไตลิสต์ ช่างแต่งหน้าทำผมให้แก่ปรานต์ก่อนถ่ายภาพ ทำให้ผู้ชายหน้าตี๋ธรรมดาอย่างปรานต์แลดูโด่ดเด่นขึ้นมา

“คนที่เลือกนายมาเป็นหนุ่มโสดแห่งปี ต้องมาตรฐานต่ำสุดๆ” ปรีติยาเบ้ปาก

“ คุณที่เลือกนายก็คุณสา กิ๊กของเจ้านายไงล่ะครับ เธอเป็นคนแนะนำเพื่อนให้เอาคุณปรานต์ไปลงนิตยสารฮีโร่”มะเดี่ยวรีบเล่า แล้วก็ได้รับรางวัลจากปรานต์ด้วยการเขกหัวแรงๆเพื่อเรียกสติให้หยุดพูด

“ชาติที่แล้ว สงสัยนายคงจะเกิดเป็นนกแก้วแน่ๆถึงได้ชอบพูดจาเรื่อยเจื้อย คุณสาใช่กิ๊กฉันที่ไหน พูดแบบนี้ผู้หญิงเสียหายหมด”

สา หรือ ชาลิสา คือนักข่าวสาวสายสังคม หญิงสาวเคยทำงานที่หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันกับเขามาก่อน ชาลิสาจัดได้ว่าเป็นคนสวยถึงขนาดเป็นดาราได้สบาย ไม่ว่าไปทำข่าวสังคมที่ไหนมักจะมีคนสับสนว่าเธอไปทำข่าวหรือมาร่วมงานกันแน่ ทั้งตัวชาลิสาเองก็เป็นสาวสังคม ครอบครัวของเจ้าหล่อนร่ำรวยระดับร้อยล้านเพราะเป็นเจ้าของกิจการขนมกรุบกรอบชื่อดังยี่ห้อยัมมี่ที่ส่งออกจำหน่ายทั่วโลก จริงๆแล้ว ชาลิสาไม่จำเป็นต้องกระเสือกกระสนทำงานเป็นนักข่าวให้ลำบาก เพราะมีเงินทองให้ใช้เหลือเฟือจนชั่วชีวิต แต่ชาลิสาไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูสมองกลวงหรือเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อจึงพยายามทำตัวติดดิน ทำงานเพื่อแลกกับเงินเดือนที่ซื้อแม้รองเท้าแบรนด์ดังสักคู่ก็ยังไม่ได้ แต่ชาลิสาก็ภูมิใจที่ได้ทำงานเป็นนักข่าวและพิสูจน์ตัวเองจนเป็นที่ยอมรับว่าเธอเป็นคุณหนูไฮโซขาลุยและทำงานได้ดีเยี่ยมจริงๆ

แม้ปรานต์จะทำงานอยู่สายข่าวอาชญากรรมที่ไม่เกี่ยวข้องกับสายสังคมเลยแม้แต่น้อย แต่ก็มีโอกาสได้รู้จักกับชาลิสาจากปาร์ตี้งานปีใหม่ของหนังสือพิมพ์ เพราะปรานต์ได้รับโหวตจากเพื่อนร่วมงานให้เป็นนักข่าวชายผู้มีหน้าตาหล่อเหลาที่สุด ส่วนชาลิสาก็ได้รางวัลนักข่าวฝ่ายหญิงที่สวยที่สุดตามความคาดหมาย เมื่อได้มีโอกาสทำความรู้จักกัน ปรานต์ก็รู้สึกว่าชาลิสาเป็นคนง่ายๆ และนิสัยน่าคบหา ไม่ทำตัวจุกจิกเหมือนผู้หญิงทั่วไป

ปรานต์รู้ดีว่าชาลิสาพยายามทอดสะพานให้เขามาโดยตลอด และมักจะหาโอกาสเพื่อสร้างความสัมพันธ์ให้พัฒนาเกินกว่าความเป็นเพื่อน ถึงชาลิสาจะเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อม แต่ปรานต์ก็คิดว่าลักษณะการใช้ชีวิตของเขากับชาลิสาต่างกันเกินไป ถึงชาลิสาจะติดดินแต่เธอก็ยังคงเป็นสาวสังคมอยู่ดี

ในขณะที่ปรานต์กำลังคิดอะไรเพลินๆ ปรีติยาก็ฉวยนิตยสารฮีโร่จากมือของมะเดี่ยวไปเสียแล้ว ซ้ำยังแลบลิ้นให้กับเขาอย่างเยาะเย้ย ก่อนจะผลักประตูออกไปจากร้านพร้อมแอบฉกนิตยสารหลายเล่มที่หยิบติดไปด้วย

“เจ้านายก็เก่งแต่ปาก สุดท้ายก็แพ้ทางคุณเชอร์รี่ทุกที” มะเดี่ยวพูดเสร็จก็รีบหลบ ก่อนจะได้รับมะเงกจากเขาเป็นรางวัลอีกครั้ง

มันน่าไล่ลูกน้องช่างพูดช่างสอดรู้สอดเห็นคนนี้ออกนัก คนอย่างเขาเนี่ยะนะที่แพ้ทางยายติสต์แตกข้างบ้าน ไม่มีทางเสียหรอก เพียงแต่เขาเป็นสุภาพบุรุษพอ ไม่อยากทำร้ายจิตใจผู้หญิงต่างหาก

เมื่อลูกค้าโต๊ะสุดท้ายลุกออกจากร้านไปแล้ว ปรานต์และมะเดี่ยวก็ช่วยกันเก็บล้างถ้วยกาแฟของลูกค้าที่ดื่มเสร็จ และกวาดทำสะอาดร้านจนเรียบร้อย ก่อนจะล็อคกุญแจร้าน เตรียมแยกย้ายกันกลับบ้าน

แสงไฟจากห้องนอนของปรีติยาส่องสว่างลอดผ่านร่มไม้ครึ้มหนาซึ่งทำหน้าที่ประหนึ่งม่านหน้าต่างระหว่างห้องนอนของหญิงสาวกับร้านกาแฟของเขา ป่านนี้ปรีติยาคงจะนั่งพิจารณาหนุ่มโสดแห่งปีในนิตยสารฮีโร่อย่างตั้งใจ ปรานต์อยากจะรู้จังว่าเมื่อปรีติยาเปิดอ่านหน้าที่สัมภาษณ์เขา เธอจะพลิกผ่านไปหรือจะขีดทำลายรูปเขาไปแล้วก็ไม่รู้

นึกแล้วก็ทำให้ชายหนุ่มเผลอหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้มะเดี่ยวสะดุ้ง

“เจ้านาย เป็นไรหรือเปล่าครับ มาหัวเราะมืดๆคนเดียวแบบนี้ อย่าบอกนะครับว่าถูกผีสิง”

“ผีเจาะปากเข้าสิงนายน่ะสิ ไป๊...รีบกลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้อย่ามาสายล่ะ ไม่งั้นฉันจะตัดเงินเดือนนายนาทีละร้อยบาท”
มะเดี่ยวยกมือไหว้ปรานต์ท่วมหัวประหนึ่งไหว้เจ้าแล้วรีบพุ่งตัวจากไป ปรานต์ได้แต่ส่ายหัวกับความล้นของลูกน้อง ก่อนจะผลักประตูไม้เตี้ยๆที่กั้นระหว่างร้านกาแฟกับบ้านของเขาเพื่อเดินเข้าบ้าน

+++++++++++++++++++++++++++++

แม้จะอยู่ในห้องนอนตามลำพังคนเดียวได้ร่วมชั่วโมงแล้ว แต่ปรีติยาก็ยังไม่ได้เปิดดูคอลัมน์สัมภาษณ์หนุ่มโสดแห่งปีของนิตยสารฮีโร่เสียทร เพราะยังเขินกับสายตาล้อๆของพศินตอนที่เห็นนิตยสารฮีโร่ฉบับหนุ่มโสดแห่งปีซึ่งหล่อนหอบมาจากร้านกาแฟของปรานต์หล่นกระจายบนพื้นห้องรับแขก ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อนสะดุดแท่งปากกาที่พ่อทำหล่นไว้บนพื้น นิตยสารในมือก็คงไม่หลุดจากมือแสดงหลักฐานให้พ่อเห็นคาตาแบบนี้

“ไหนเชอร์รี่เคยบอกพ่อไงละว่าเป็นตายร้ายดียังไงก็จะไม่มีวันเสียเวลาอ่านคอลัมน์หนุ่มโสดของนิตยสารเล่มนี้ เพราะไม่มีผู้ชายคนไหนที่เพอร์เฟคเท่ากับพ่ออีกแล้ว แสดงว่าตอนนี้เชอร์รี่เปลี่ยนใจแล้วล่ะสิ...พ่อดีใจจังที่ลูกสาวของพ่อจะได้มีแฟนกับเขาเสียที นี่ก็นึกห่วงอยู่ว่าจะต้องเลี้ยงดูเชอร์รี่ไปจนแก่ตายหรือเปล่า” พศินที่กำลังเคี้ยวผลไม้อยู่ในปากเอ่ยแซว

“พ่อพูดแบบนี้แสดงว่าเบื่อเชอร์รี่ ไม่รักเชอร์รี่แล้วใช่ไหมคะ บอกเชอร์รี่มาตรงๆเลยดีกว่าว่าเชอร์รี่เป็นลูกที่พ่อแม่เก็บมาเลี้ยง ถึงได้ขับไล่ไสส่งกันแบบนี้” ปรีติยาแกล้งตีหน้าเศร้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยอกน้อยใจ

“ดราม่าเหลือเกิน ลูกคนนี้ หน้าตาแทบจะโขกพ่อออกมา จะเป็นลูกคนอื่นได้ยังไง ที่พ่อพูดก็ถูกแล้ว แม่ว่าลูกอย่าเลือกมากนักเลือก ถึงลูกจะสวยเลือกได้ก็เถอะ แต่สมัยนี้ผู้ชายมันน้อย แม่เพิ่งอ่านผลการวิจัยในนิตยสาร เขาบอกว่าหากเทียบอัตราส่วนของประชากรทั้งโลก จะมีผู้ชายโสดที่ใช้การได้จริงๆแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าไม่แต่งงานแล้ว ก็อาจจะเป็นเกย์ บวชเป็นพระ หรือไม่อีกทีก็เป็นบ้า แม่ว่าลูกก็อายุมากแล้วนะ อย่าเลือกให้มันมากนักเลย ถึงแม้ผู้ชายที่เพอร์เฟคอย่างพ่อจะหาที่ไหนบนโลกใบนี้ไม่ได้อีกแล้ว แต่ก็ต้องมีคนที่ดีใกล้เคียงพ่อบ้างแหละ” ธัญญา ผู้เป็นแม่ของหล่อนพูดเสริมขึ้นมา

“ไม่มีผู้ชายคนไหนจะดีเท่าพ่อหรอกค่ะ ถ้าหนูไม่เจอผู้ชายที่ดีใกล้เคียงกับพ่อ หนูก็จะอยู่ให้พ่อแม่เลี้ยงไปตลอดชีวิตแบบนี้แหละ แล้วหนูก็ไม่เหงาด้วยเพราะมีไอโฟน ไอแพด ไอแมคใช้ตลอดเวลา” ปรีติยาเอ่ยถึงเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทแอปเปิ้ลที่ตั้งชื่อผลิตภัณฑ์ขึ้นต้นด้วยตัวอักษรไอทั้งหมด

“ก็เพราะว่าลูกมัวแต่อยู่กับพวกสารพัดไอนี่แหละถึงได้ต้องอยู่คนเดียว ถ้าลูกไม่เลิกหมุกมุ่นอยู่แต่งาน และลองเปิดใจคบหาผู้ชายดีๆบ้าง แม่จะเอาของพวกนี้ไปทิ้งให้หมดเลย”

ปรีติยาอยากจะร้องกรี๊ดกระทืบเท้าเร่าๆเหมือนสมัยตอนเด็กๆที่แม่เคยขู่ว่าถ้าไม่ไปโรงเรียน จะเอาตุ๊กตาหมีเน่าของหล่อนไปทิ้งขยะ แต่ตอนนี้อายุของหล่อนก็จะย่างเข้าสามสิบปีแล้วก็เลยต้องควบคุมสติอารมณ์ การที่แม่จะเอาเครื่องมือเหล่านี้ไปทิ้งก็ไม่ต่างอะไรกับการตัดอวัยวะที่สามสิบสามของร่างกายหล่อนไปด้วย เพราะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของหล่อนไปเสียแล้ว

“พ่อแม่จะให้หนูคบกับใครคะ ตอนนี้หนูยังนึกเสป็คผู้ชายในฝันไม่ออกเลย ยังไงหนูก็ยืนยันว่าผู้ชายที่เป็นแฟนหนูได้จะต้องดีเท่าๆกับพ่อ” ปรีติยาพูดพลางก้มลงเก็บนิตยสารที่หล่นเกลื่อนอยู่บนพื้น

“เชอร์รี่ พ่อก็เป็นผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งไม่ได้วิเศษวิโสอะไรหรอกนะ เคยทำเรื่องที่ผิดพลาดเหมือนกับผู้ชายคนอื่นๆเหมือนกัน เพราะฉะนั้นลูกอย่ายึดเอาพ่อเป็นมาตรฐานในการเลือกคู่ครองเลย”

ดวงตาของพศินอ่อนแสงลงและฉายแววปวดร้าวอย่างที่ปรีติยาไม่เคยเห็นจากแววตาใจดีและขี้เล่นของพ่อมาก่อน หล่อนนิ่วหน้าอย่างสงสัยว่าพ่อของหล่อนจะเคยทำเรื่องเลวร้ายได้ยังไง ในเมื่อพ่อเป็นคนที่ดีเลิศในทุกด้าน ท่านเป็นวิศวกรผู้ประสบความสำเร็จ และเพิ่งได้รับปริญญาวิศวกรรมศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศเยอรมัน ทำให้เดี๋ยวนี้ใครๆก็เรียกชื่อพ่อด้วยความเคารพนับถือว่า ดอกเตอร์พศิน

นอกจากเรื่องงานที่ดีเด่นไม่เป็นสองรองใครแล้ว พ่อยังเป็นคนจิตใจดี ธรรมะธรรมโม หมั่นเข้าวัดทำบุญอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือพ่อเป็นสามีและพ่อที่ประเสริฐ เพราะท่านไม่เคยทำให้ภรรยาและลูกต้องเจ็บช้ำน้ำใจเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก หากปรีติยาจะถือว่าพ่อของหล่อนเป็นผู้ชายเพอร์เฟคและเป็นมาตรฐานในการเลือกคนรักของหล่อน

“ไม่จริงหรอกค่ะ ยังไงเชอร์รี่ก็คิดว่าพ่อดีที่สุดในโลก” ปรีติยาแย้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แต่พศินถอนใจ

“พ่อดีใจที่ลูกรักและภูมิใจในตัวพ่อ แต่พ่อก็ไม่อยากให้ลูกตั้งความหวังกับผู้ชายที่คบให้มากนัก ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ยังไงก็ต้องมีทั้งข้อดีข้อเสีย ดีเลวปะปนกันไป พ่อว่าลูกควรจะเปิดใจคบหาและศึกษานิสัยผู้ชายแต่ละคนให้ดีๆ พ่อเชื่อว่าคนที่ดีกว่าพ่อก็ยังมีอีกมาก” ปรีติยาเม้มปากแน่นอย่างไม่เห็นด้วยกับคำพูดของพ่อ

“แม่ว่าพ่อพูดถูกนะลูก พ่อเป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่งก็จริง แต่แม่ก็เชื่อว่ามีผู้ชายที่ดีพอๆกับพ่ออีกหลายคน และที่สำคัญผู้ชายคนนั้นก็ต้องเข้าใจและยอมรับความเป็นผู้หญิงมั่นและติสต์แตกของลูกได้ด้วย ที่จริง ลูกไม่ต้องไปพลิกแผ่นดินหาผู้ชายคนนั้นที่ไหนหรอกลูก แม่ว่าปรานต์เป็นผู้ชายที่เหมาะกับลูกที่สุดแล้ว หน้าตาก็หล่อ นิสัยก็ดี ฐานะความเป็นอยู่ก็พอๆกับเรา แถมลูกเองก็รู้จักมักคุ้นกับครอบครัวเขาเป็นอย่างดี คุณอรุณีเองก็เอ็นดูลูกเหมือนลูกสาวแท้ๆ รับรองว่าไม่มีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้อย่างแน่นอน”

“ทำไมพ่อกับแม่ถึงได้ชอบนายหัวเหม่งนี่นักนะ หนูเล่าให้พ่อแม่ฟังตั้งหลายล้านรอบแล้วว่าเขาประกาศต่อหน้าคนอื่นว่าถึงแม้จะเหลือหนูเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวบนโลก เขาก็จะไม่แต่งงานกับหนู แล้วพ่อกับแม่ยังจะคิดให้หนูแต่งงานกับนายปรานต์อีกเหรอคะ” ปรีติยาเอ่ยด้วยสุ่มเสียงน้อยใจ ทั้งที่พ่อกับแม่ของหล่อนรู้อยู่เต็มอกว่าหล่อนเกลียดนายปรานต์ยังกะอะไรดี ทำไมถึงคิดจับคู่ให้อีก

“ตอนนั้นทั้งลูกทั้งปรานต์ก็ยังเด็กอยู่ จะเจ้าคิดเจ้าแค้นไปทำไม อีกอย่างลูกเองก็ไปล้อนามสกุลของเขาก่อน ถ้าพ่อถูกล้อแบบนี้ พ่อก็ต้องโกรธ ที่จริง นามสกุล รักสืบพันธุ์ ก็เพราะและความหมายดี พ่อว่าถ้าลูกเปลี่ยนนามสกุลเป็น ปรีติยา รักสืบพันธุ์ก็ไม่ได้ฟังขัดหูอะไร” พศินได้ทีเชียร์ปรานต์ ทำให้ปรีติยายิ่งหงุดหงิดกว่าเดิม

“ไม่ค่ะ ยังไงหนูก็ไม่ยอม อย่าจับคู่หนูกับนายปรานต์อีกเลย ไม่อย่างนั้นหนูจะอยู่เป็นโสดให้พ่อแม่เลี้ยงไปจนตาย” ในขณะที่พูด ปรีติยาก็แอบไขว้นิ้วไว้ด้านหลัง หล่อนจะให้พ่อแม่รู้ไม่ได้ว่าหล่อนกำลังปฏิบัติการลับหาชายหนุ่มสักคนเพื่อแต่งงานสิ้นปีนี้ และถ้วยรางวัลขวัญใจประจำรุ่นก็ยังวางเก็บไว้ในรถเพื่อไม่ให้พ่อแม่ซักถามอะไรหล่อน

“เออจริงสิ...แม่ก็ลืมไปว่าวันนี้ลูกไปงานเลี้ยงรุ่นไม่ใช่เหรอ ทำไมกลับถึงบ้านเร็วจัง”

“ก็เพื่อนๆแต่ละคนมีครอบครัวแล้วก็ลูกเล็กกันแล้วนี่ค่ะ ก็เลยซิ่งกันดึกๆเหมือนแต่ก่อนไม่ได้ พอดีพรุ่งนี้หนูมีงานด่วน ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ” พูดจบปรีติยาก็หอบกองนิตยสารวิ่งขึ้นบันไดไปห้องนอนของหล่อนซึ่งอยู่ชั้นสองของตัวบ้าน เมื่ออยู่คนเดียวตามลำพัง หล่อนก็เริ่มเปิดนิตยสารอ่านอย่างเพลิดเพลิน

มารู้ตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงนกร้องจุ๊บจิ๊บดังออกจากนาฬิกาแขวนข้างผนัง ซึ่งแจ้งเตือนว่าตอนนี้เวลาได้ล่วงเลยถึงเที่ยงคืนตรงแล้ว แต่แรก หล่อนตั้งใจว่าจะอ่านคอลัมน์หนุ่มโสดแห่งปีของนิตยสารฮีโร่ เอาเข้าจริงก็ยังไม่ได้เปิดอ่านเสียที เพราะยังนึกฉุนพ่อแม่ที่เชียร์ปรานต์จนออกนอกหน้าไม่หาย ทว่าหล่อนอยากเห็นภาพของปรานต์ชัดๆ จึงพลิกนิตยสารฮีโร่เปิดดูรูปและบทสัมภาษณ์ของปรานต์ว่าจะหล่อเหลาดีเด่สักแค่ไหนกันเชียว
ภาพถ่ายของปรานต์ซึ่งแต่งกายเสื้อเชิ้ตเนี๊ยบกริบสีฟ้าอ่อนกับกางเกงยีนส์ซีดเซอร์ ใบหน้าตี๋ขาวสะอาด จมูกโด่ง และสายตาเซ็กซี่ที่จ้องมองมาทำให้หัวใจของปรีติยาเต้นครึกโครมอย่างผิดจังหวะ คล้ายรูปของชายหนุ่มในหนังสือ ไม่ใช่ผู้ชายชื่อปรานต์ที่หล่อนเคยรู้จัก แต่ยิ่งเพ่งมองใบหน้านั้นก็ยิ่งรู้สึกเหมือนปรานต์กำลังยิ้มหยันให้หล่อน

“คิดว่าหล่อนักใช่ไหม งั้นเดี๋ยวจะแต่งให้หล่อกว่าเดิม” แล้วปรีติยาก็หยิบปากกาเมจิคสีชมพูแจ๋นมาแต่งผมทรงสกินเฮดของปรานต์ให้เป็นทรงแอฟโฟรฟูฟ่อง แล้วใช้ปากกาสีดำแต้มสิวบนใบหน้าเกลี้ยงเกลาของชายหนุ่มจนเป็นจุดเต็มใบหน้า แต่เท่านี้ยังสะใจไม่พอ หล่อนเติมน้ำลายให้ไหลยืดจากมุมปากของปรานต์จนชายหนุ่มแลดูละม้ายคนบ้า ปรีติยาได้แต่หัวเราะอยู่คนเดียวอย่างสะใจ ป่านนี้นายปรานต์คงจะฮัดเช้ยไม่หยุดแน่ๆ

จริงๆแล้วปรีติยาไม่ได้เกลียดปรานต์เข้ากระดูกดำขนาดนั้นหรอก แต่อิจฉาปรานต์ที่พ่อแม่ของหล่อนรักและดูแลประหนึ่งลูกแท้ๆ ทำให้บางครั้งปรีติยารู้สึกว่าหล่อนถูกปรานต์แย่งความรักความสนใจจากพ่อและแม่
แม่เคยเล่าให้หล่อนฟังว่าตอนที่แม่ตั้งท้อง พ่อหวังอยากได้ลูกชายแต่กลับได้ลูกสาวอย่างหล่อนแทน ส่วนปรานต์เองก็กำพร้าพ่อเลยเป็นเหตุให้พ่อกับปรานต์สนิทสนมกันมาก เพราะแต่ละฝ่ายช่วยเติมเต็มสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ บางครั้งทั้งคู่ก็ออกไปทำกิจกรรมที่ผู้ชายชอบทำร่วมกันเช่นไปยิงปืน เดินป่า ส่องกล้องดูนก ซึ่งล้วนแต่เป็นกิจกรรมที่หล่อนไม่ชอบเลยแม้แต่น้อย

ด้วยเหตุนี้ปรีติยาจึงกลัวเหลือเกินว่าปรานต์จะเป็นหนึ่งที่ของพ่อ และหากปรานต์ได้มาเป็นเขยของบ้านนี้ หล่อนจะต้องกลายเป็นหมาหัวเน่าและตกกระป๋องอย่างไม่ต้องสงสัย

เพื่อให้พ่อและแม่เลิกเชียร์ปรานต์ ปรีติยาจึงต้องรีบปฏิบัติภารกิจตามหาหนุ่มโสดแห่งปีที่เข้าตามาเป็นลูกเขยแทน ในบรรดาหนุ่มโสดทั้งสามสิบคน หากลบปรานต์ทิ้งก็เหลือหนุ่มโสดอีกยี่สิบเก้าคนให้พิจารณา สำหรับผู้หญิงอย่างหล่อนที่อายุยี่สิบแปดปีแล้ว จึงไม่คิดมองหาผู้ชายที่อายุก่อนกว่า คุณสมบัติข้อแรกของผู้ชายคนที่จะมาเป็นแฟนและคู่ครองของหล่อนได้ ถ้าไม่อายุเท่ากันก็ต้องแก่กว่าสักสี่ห้าปีถึงจะคุยกันรู้เรื่อง เท่าที่พิจารณาจากภาพถ่าย ชายหนุ่มที่มีอายุเข้าเกณฑ์และไม่น่าจะเป็นเกย์ก็น่าจะมีอยู่ราวๆหกเจ็ดคน

ทว่าคนที่สะดุดตาและเข้าเกณฑ์คุณสมบัติเหมาะจะเป็นคู่ครองของปรีติยามากที่สุดก็คือ หม่อมหลวง ภูวดล เจตน์อาภรณ์ ลูกชายของหม่อมราชวงศ์ภัทรพล และคุณหญิงดวงมาลย์ที่เป็นเจ้าของบริษัท Best Build บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากหม่อมหลวงภูวดลจะมีรูปร่างหน้าดีแล้วยังเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงอีกด้วยเพราะเขาทำให้บริษัท Best Build เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาเพียงสี่ห้าปีเศษ ปรีติยาจึงอ่านบทสัมภาษณ์ของหม่อมหลวงภูวดลด้วยความสนใจ

หม่อมหลวงหนุ่มตอบคำถามได้ถูกใจปรีติยามาก โดยเฉพาะคำถามข้อที่ว่า ผู้หญิงแบบไหนเร้าใจคุณที่สุด ภูวดลตอบว่า ผมชอบผู้หญิงที่เป็นเวิร์คกิ้งวูแมน ทุ่มเทกับงานเต็มร้อย เป็นตัวของตัวเอง ไม่ยึดติดตามกระแส และไม่แอ๊บแบ๊ว สิ่งที่เขาเอ่ยมาล้วนตรงกับคุณสมบัติของหล่อนทั้งสิ้น สัญชาตญานของหล่อนบอกไม่ผิดแน่ๆว่าเขาเป็นคนดีและไม่ได้ให้คำตอบที่สร้างภาพ ส่วนหนุ่มโสดอีกสี่ห้าคนซึ่งเป็น วิศวกร ทหาร อาจารย์มหาวิทยาลัย จักษุแพทย์ และเจ้ากิจการร้านอาหาร ไม่มีใครที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับหม่อมหลวงภูวดลได้เลย

หากคำถามที่เกิดในใจขึ้นก็คือ ผู้หญิงธรรมดาๆอย่างหล่อนจะมีโอกาสกระทบไหล่ทำความรู้จักกับผู้ชายระดับเอลิสต์อย่างหม่อมหลวงภูวดลได้อย่างไร เพียงแค่คิดโอกาสที่จะเป็นไปไม่ได้ก็มีน้อยเหลือเกิน บางทีอาจจะยากยิ่งกว่าส่งรางวัลชิงโชคเสียอีก คงจะอาศัยปาฎิหาริย์เสียล่ะมังที่ทำให้หล่อนได้ทำความรู้จักกับผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างหม่อมหลวงหนุ่มผู้นี้

ปรีติยาปิดนิตยสารฮีโร่ลงพลางถอนใจยาวอย่างสิ้นหวัง และทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง แต่หล่อนก็พยายามบอกตัวเองให้ฮึดสู้สักครั้ง และจะต้องหาทางทำความรู้จักกับหม่อมหลวงภูวดลให้ได้ กรุงเทพฯแคบนิดเดียว คงจะมีโอกาสได้พบหรือทำความรู้จักกันบ้างสิน่า




นภาสรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ย. 2555, 11:07:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ย. 2555, 16:53:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 3028





<< 1:: เป็นโสดมันผิดตรงไหนคะ??   3 :: ปาฏิหาริย์สร้างรัก >>
lovemuay 13 พ.ย. 2555, 12:24:02 น.
สงสัยนางเอกของเราจะหนีนายปรานต์ไม่พ้นแหงมๆ


หมูอ้วน 13 พ.ย. 2555, 15:14:42 น.
พระเอกมาแล้ว แต่ยังไม่เข้าตาหนูเชอร์รี่ หุหุ


nunoi 13 พ.ย. 2555, 16:52:23 น.
โอ๊ะ ๆ พระเอกอยู่นอกสายตานางเอกเราเหรอเนี๊ยะ


Setia 13 พ.ย. 2555, 17:51:19 น.
ตั้งเป้าซะสูงเชียวนะ ยัยเชอร์รี่นี่ เป็นถึงหม่อมหลวงซะด้วย


นภาสรร 14 พ.ย. 2555, 11:05:46 น.
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ


goldensun 14 พ.ย. 2555, 18:42:04 น.
ปรานต์ไม่เข้าตาเชอร์รี่เพราะความอิจฉาบังตากับผูกใจเจ็บเรื่องอดีตนี่เอง
เพราะดูแล้ว ปรานต์ก็ไม่น่าหลุดจากเอ ลิสต์นะคะ เพราะสาวนักข่าวเซเลบยังชอบเลย
แล้วเชอร์รี่จะจีบหนุ่มที่เลือกได้ยังไง ถ้าลงท้ายที่ปรานต์ ก็เป็นตามที่เอมอรทิ้งท้ายไว้สิคะ


นภาสรร 17 พ.ย. 2555, 11:39:22 น.
@goldensun ต้องลองลุ้นนะคะ อิอิ


kaze 24 พ.ย. 2555, 17:57:01 น.
เอิ่ม...อันที่จริง นามสกุล "รักสืบพันธุ์" ก็น่าล้อจริง ๆ นั่นแหละ 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account