อาญาสวาทมาเฟีย
ความรักของเขา ตายไปพร้อมกับภรรยาและลูกในท้อง เหลือเพียงความแค้นที่หล่อเลี้ยงหัวใจ เธอคือน้องสาวของคนที่ฆ่าภรรยาและลูกของเขา เธอจึงต้องชดใช้ความผิดครั้งนี้
Tags: มาเฟีย นิยาย รวิญาดา ผการุ้ง

ตอน: ตอนที่ 4. ฤา นี่คือโชคชะตา 100%

ต่อจ้า...



“น้ำอิง!”

จางหลงใจหายวาบ เสียงร้องดังมาจากที่ซ่อนของอิงอร ชายหนุ่มรีบวิ่งไปยังต้นเสียงทันที เขาชะลอฝีเท้าเบี่ยงกายหลบไปยังซอกมืด เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดดำทั้งชุดของมือสังหาร กำลังใช้ปืนจ่อศีรษะของอิงอรอยู่ มันยืนจังก้าอยู่ด้านหน้าร่างบางที่ยืนตัวสั่น แววตาของมันวาววามขณะจ้องมองหญิงสาว

“ยอมให้จับซะดีๆ สาวน้อย อย่าให้ต้องใช้กำลัง!” เสียงแหบห้าวของมัน ตะคอกเข้าใส่คนที่ยืนตัวสั่นอย่างข่มขู่

“คุณจาง ช่วยน้ำอิงด้วย” อิงอรร้องเรียกจางหลงด้วยความกลัว มือน้อยจับปืนไว้แน่น แต่ไม่กล้าเหนี่ยวไก

“คุณจางของเธอ ถูกเพื่อนฉันจัดการไปแล้ว เสียงปืนเงียบแบบนี้ จะรอดมาช่วยเธอได้ยังไง”

เจ้ามือสังหารยิ้มเยาะ มองออกว่าหญิงสาวไม่กล้ายิงมันแน่ จึงเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ ด้วยท่าทีคุกคาม มันแสยะยิ้มน่ากลัวยื่นมือไปหมายจะคว้าร่างบางไว้ แต่ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อเงาดำๆ ของใครคนหนึ่งพุ่งเข้าล็อคคอจากด้านหลัง พร้อมกับอาการเสียวแปลบที่ต้นคอบังเกิดขึ้น ก่อนจะชาไปทั้งตัวล้มหงายตึง ตาเหลือกค้างหายใจรวยริน

อิงอรตัวแข็งทื่อ มองการจู่โจมอย่างรวดเร็วของจางหลงอย่างตื่นตะลึง ชายหนุ่มเคลื่อนไหวได้เร็วจนมองแทบไม่ทันไม่กี่วินาทีเขาสามารถเข้าถึงตัวของเจ้าวายร้าย แล้วจัดการมันจนล้มได้ในเสี้ยวนาที ไม่ต่างจากพระเอกหนังบู๊ที่เคยเห็นในภาพยนต์ หญิงสาวพูดไม่ออกกลัวจนขยับไม่ได้ จนกระทั่งถูกดึงตัวเข้าไปกอดไว้แนบอกกว้างนั่นแหละ สติถึงได้กลับคืน

“ไม่มีอะไรแล้วนะน้ำอิง ผมมาช่วยคุณแล้ว” เสียงทุ้มนุ่มนวลปลุกปลอบ วงแขนแข็งแรงรัดร่างบางไว้ ปลอบประโลมให้หายหวาดกลัว

“คุณจาง... น้ำอิงกลัว...” เธอบอกเขาเสียงสั่นพร่าจับแขนเขาไว้แน่น

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

อิงอรแทบไม่รู้ตัวว่าถูกเขาพาออกมาจากตึกร้างได้ยังไง คนของจางหลงตามมาช่วยผู้เป็นนายในไม่กี่นาทีต่อมา ชายหนุ่มพาหญิงสาวที่ยังไม่หายขวัญบินเข้าไปนั่งในรถ ดึงร่างเธอมากอดไว้แล้วลูบหลังให้ขณะรถเคลื่อนออกจากบริเวณนั้น อิงอรซบหน้ากับอกหนากอดเขาไว้อย่างหาที่พึ่ง หัวใจสั่นรัวหวาดกลัวที่สุดในชีวิต ไม่คิดมาก่อนว่าจะเจอกับเหตุการณ์ระทึกขวัญขนาดนี้ หากจางหลงไม่มาช่วยเธอไว้ เธอคงถูกคนร้ายฆ่าตายไปแล้ว หญิงสาวร้องไห้ไม่ออกทั้งที่อยากจะร้องแทบขาดใจ ขอบตาแห้งผากดวงตาเบิกค้างอยู่แบบนั้นนานหลายนาที จนกระทั่งรถแล่นมาจอดในบ้านตระกูลหลี่ เธอถึงรู้สึกตัว

“เป็นยังไงบ้างอาหลง!”

ประมุขของตระกูลหลี่ปราดเข้ามา ถามไถ่ลูกน้องคู่ใจอย่างห่วงใย

“ผมไม่เป็นอะไรมากครับ คุณหลี่” จางหลงตอบผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะ พาเธอไปดูแลก่อน ท่าทางจะไม่ไหว”

หลี่ไท่หยางจ้องมองร่างบางที่อีกฝ่ายประคองไว้แล้วยิ้ม โบกมือให้พาเข้าไปด้านในเพราะรู้ว่ายามนี้จางหลงคงไม่มีอารมณ์มาตอบคำถามไหว

“ครับคุณหลี่”

จางหลงค้อมศีรษะให้ผู้เป็นนาย แล้วช้อนอุ้มร่างบอบบางของอิงอรเดินขึ้นไปชั้นบน เขาเปิดประตูห้องวางร่างของเธอบนเตียงนุ่ม อิงอรยังตัวสั่นไม่หายแววตาหวาดระแวงน่าเป็นห่วง ร่างสูงเดินออกไปนอกห้องก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมแก้วใส่บรั่นดี เขานั่งลงบนขอบเตียงลูบศีรษะคนที่นอนอยู่ ประคองให้ลุกขึ้นนั่งพิงพนักเตียง หยิบแก้วใส่บรั่นดีจ่อปาก

“จิบนี่สักหน่อย มันจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น” เขาค่อยยกแก้วให้เธอจิบน้ำสีอำพันช้าๆ

อิงอรจำต้องอ้าปากรับน้ำกลิ่นหอมฉุนนั้นกลืนลงคอไป มันรสขื่นและแสบร้อนไปทั้งคอ แต่ช่วยทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบไปทั่วท้องก่อนจะร้อนไปทั้งตัว ใบหน้าเริ่มมีสีเลือดขึ้นจากเดิม หัวใจหายสั่นไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ เธอฝืนกลืนเหล้าดีกรีแรงลงคออีกอึก แล้วทำหน้าเหยเก

“พอแล้วค่ะ น้ำอิงไม่ไหวแล้ว” เธอดันแก้วออก

จางหลงขยับออกห่าง วางแก้วไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียง เขามองใบหน้าที่เริ่มมีสีสันของหญิงสาวอย่างคลายใจ เธอคงหายกลัวแล้ว ชายหนุ่มยิ้มให้เธอก่อนจะลุกขึ้น

“คุณหิวหรือเปล่า เดี๋ยวผมจะสั่งให้แม่บ้านเอาอะไรมาให้ทานนะ”

“คุณเจ็บหรือเปล่าคะ ตรงนั้นมีเลือดออก”

อิงอรมองหัวไหล่ข้างซ้ายของเขา ที่มีเลือดไหลออกมาจนชุ่มเสื้อ เมื่อครู่เขาคงถูกยิงถึงได้มีเลือดไหลแบบนี้ ความห่วงทำให้หญิงสาวลืมความกลัวของตัวเองไป เอื้อมมือไปดึงแขนเขาให้นั่งลง แตะปลายนิ้วบนรอยเลือดที่เลอะเสื้อเบาๆ ด้วยแววตาคล้ายเจ็บแทน

“ลูกกระสุนแค่ถากๆ น่ะ ไม่เป็นไรมากหรอกครับ เดี๋ยวทายาสักหน่อยก็หายแล้ว” จางหลงยิ้มบางๆ สีหน้าไม่ได้เดือดร้อนนัก แผลแค่นี้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก มากกว่านี้ก็เคยโดนมาแล้ว

“ให้น้ำอิงทำแผลให้คุณนะคะ กล่องยาอยู่ที่ไหนคะ” อิงอรขยับลุกขึ้น

“อยู่ในลิ้นชักตรงนั้น”

จางหลงจำต้องชี้บอกที่เก็บกล่องยา ซึ่งอยู่ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งมุมห้อง ปกติแล้วเขาจะไปให้แพทย์ประจำบ้านทำแผลให้ ซึ่งตอนนี้รออยู่ด้านล่างแล้ว แต่เห็นความตั้งใจของหญิงสาวไม่อยากขัดศรัทธา จึงยอมให้เธอทำแผลให้

อิงอรเปิดกล่องยา แล้วหยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมา เธอปลดกระดุมเสื้อเขาออก ค่อยๆ ดึงเสื้อออกมาจากตัวอย่างระมัดระวัง ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ล้างบาดแผล ก่อนจะทายารักษาแผลสดให้ ดวงตาคู่สวยจ้องมองแผลนิ่งตั้งอกตั้งใจทำแผลให้เขา ใบหน้างามแดงเรื่อแก้มนวลร้อนวูบวาบ เมื่อมองเห็นแผงอกหนาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อตึงแน่นของคนเจ็บ พยายามบังคับมือไม่ให้สั่น ขณะบังคับสายตาให้จ้องมองบาดแผล แต่สายตาเจ้ากรรมก็คอยจะลอบมองแผ่นอกกว้างที่เคยได้ซบอย่างอดใจไม่ไหว พลอยให้การทำแผลต้องเสียเวลาไปหลายนาทีกว่าจะเสร็จ

“เรียบร้อยแล้วค่ะ ระวังไม่ให้แผลโดนน้ำนะคะ เดี๋ยวจะอักเสบ” เธอบอกเขาเสียงแผ่ว ดวงตาไหววูบด้วยความประหม่า

จางหลงพยักหน้ารับ “ขอบใจมากนะน้ำอิง คุณพักผ่อนเถอะ ถ้าจะอาบน้ำในตู้มีเสื้อผ้าผู้หญิงให้เปลี่ยน เดี๋ยวผมจะสั่งให้แม่บ้านยกอาหารมาให้” เขาหยิบเสื้อมาสวม แล้วเดินออกจากห้องไป

อิงอรมองตามแผ่นหลังกว้างตาปรอย “บ้าจริงยายน้ำอิง คุณจางต้องรู้แน่ๆ ว่าเราแอบมองหุ่นล่ำของเขาอยู่ น่าไม่อายจริงเชียว” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองอย่างเขินอาย

นานครู่ใหญ่กว่าความอายจะจางลง อิงอรถึงได้ลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า กลับออกมาจากห้องน้ำก็พบว่ามีถาดอาหารวางไว้ให้แล้ว จึงจัดการรับประทานอาหารแล้วยกถ้วยชามเปล่าออกมาจากห้อง แม่บ้านที่รออยู่รีบมารับถาดไปถือไว้

“ฉันไปเก็บให้เองค่ะ คุณพักผ่อนเถอะค่ะ”

“ที่นี่คือที่ไหนคะ” อิงอรเอ่ยถาม

“บ้านตระกูลหลี่ค่ะ เป็นบ้านของคุณหลี่ไท่หยางค่ะ” แม่บ้านตอบคำถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

อิงอรมองไปรอบๆ กายอย่างสำรวจ การตกแต่งอาคารค่อนข้างหรูหรา พื้นทั้งนอกและในห้องปูพรมไว้ทั้งหมด เฟอร์นิเจอร์ถูกออกแบบให้เข้ากับสถานที่ ทั้งสีสันและรูปทรงดูเรียบหรูงดงาม สมกับเป็นบ้านของนักธุรกิจใหญ่

“น้องหมิงลูกชายคุณจางพักอยู่ที่นี่ด้วยใช่ไหมคะ”

“ค่ะ อยู่ห้องข้างๆ นี่เองค่ะ ตอนนี้คุณหมิงเธอนอนแล้วค่ะ”

แม่บ้านยิ้มให้อิงอร รู้สึกชื่นชมความงดงามและอ่อนหวานของหญิงสาวขึ้นมา ลักษณะท่าทางตลอดจนรูปร่างของหญิงสาวคนนี้ คล้ายกับภรรยาของจางหลงไม่น้อย มิน่าจางหลงถึงได้เอาใจใส่เธอ จนยอมให้มานอนในห้องของภรรยาที่เสียชีวิตไป ยอมให้ใช้เสื้อผ้าของภรรยาเขาด้วย

“เอ่อ... แล้วคุณจางล่ะคะ อยู่ห้องไหน” อิงอรหน้าแดง ขณะเอ่ยถามออกไป

“อยู่ห้องตรงข้ามห้องนี้ไงคะ คุณจางเพิ่งเข้าห้องไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ”

แม่บ้านมองหน้าแดงๆ ของหญิงสาวอย่างเข้าใจ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าอีกฝ่าย รู้สึกยังไงกับจางหลง หากชายหนุ่มมีใจตอบคงดีไม่น้อย จางหมิงจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์เสียที

“ขอบคุณนะคะ ที่บอก ฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ”

อิงอรยิ้มเจื่อนๆ รีบเปิดประตูเข้ามาในห้อง ร่างบางเดินมานั่งที่ขอบเตียง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอนกายลงนอน แม้จะรู้สึกห่วงจางหลง แต่ไม่กล้าพอจะเข้าหาเขาในห้อง ได้แต่ห่วงใยเขาอยู่แบบนี้ หญิงสาวจำต้องข่มตาหลับด้วยหัวใจที่สับสน นานร่วมชั่วโมงกว่าจะปล่อยให้ตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทรา

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

จางหลงรู้สึกตัวขึ้นในสถานที่แห่งหนึ่ง เขามองไปรอบกายเห็นเพียงม่านหมอกสีขาวโอบล้อมเขาอยู่ ชายหนุ่มเดินฝ่าหมอกหนาไปเรื่อยๆ สายตาพร่าพรายเริ่มกระจ่างชัดขึ้นเมื่อหลุดออกมาพบกับแสงสว่าง ร่างหนาหมุนกายมองไปเบื้องหน้า ร่างคุ้นตาของใครคนหนึ่งนั่งอยู่ในศาลาไม้สีขาวกลางสวนดอกไม้ เขาเบิกตากว้างด้วยความดีใจเมื่อเธอหันมาสบตาแล้วส่งยิ้มให้ จางหลงวิ่งตรงไปหาเธอแล้วสวมกอดร่างนั้นไว้อย่างคิดถึง

“อวี้เหมย... ที่รัก ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน” เขาพร่ำรำพันความรู้สึกภายในใจให้ภรรยารับรู้ สองแขนกอดรัดร่างงามไว้แนบแน่น ซุกซบใบหน้าบนซอกคอขาวของเธออย่างรักใคร่

“ฉันก็คิดถึงคุณค่ะอาหลง คิดถึงมาก” เสียงหวานใสตอบกลับมา ร่างน้อยในอ้อมแขนกอดรัดตอบ

จางหลงปล่อยตัวเองให้ดื่มด่ำกบความรู้สึกแสนสุขนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขยับถอยห่าง เพื่อมองหน้าคนที่เขารักให้ชื่นใจ อวี้เหมยของเขายังคงงดงามเหมือนเก่า ใบหน้าหวานซึ้งชวนให้หลงไหลไม่รู้หน่าย ในนาทีนั้นชายหนุ่มหลงลืมไปสิ้นว่าคนที่เขากำลังกกกอดอยู่ไร้ซึ่งลมหายใจไปแล้ว ภาพเงาของเธอคือสิ่งที่เขาโหยหามาเนิ่นนาน

“ให้ผมอยู่กับคุณนะที่รัก ผมอยากอยู่กับคุณแบบนี้ตลอดไปอวี้เหมย...”

“แล้วอาหมิงล่ะคะ คุณไม่ห่วงอาหมิงเหรอคะ” อวี้เหมยประคองใบหน้าของสามีไว้ในอุ้งมือทั้งสอง ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาด้วยความรักใคร่

จางหลงนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาลืมนึกถึงลูกชายไปได้อย่างไร ชายหนุ่มเริ่มสับสนความคิดของเขาเชื่องช้าและเลื่อนลอยราวกับไม่เป็นตัวของตัวเอง มีเพียงความรู้สึกเท่านั้นที่แจ่มชัด ความรู้สึกห่วงหาอาลัยร่างอันงดงามของผู้เป็นภรรยา เขาดึงเธอมากอดไว้แนบอก ไม่อยากตอบคำถามในขณะนี้

“ตอบฉันสิคะอาหลง... ตอบคำถามของฉันก่อน” อวี้เหมยยังคาดคั้นหาคำตอบจากสามี ไม่ยอมให้เขาบ่ายเบี่ยง

จางหลงทอดถอนใจสมองมึนงงเกินกว่าจะคิดตัดสินใจอะไรได้ รู้เพียงว่าเขาอยากอยู่กับเธอแบบนี้นานๆ อยากกอดร่างนุ่มนิ่มแสนรักนี้ไว้ตลอดไป ขอเพียงได้อยู่กับเธอเขาไม่ต้องการอะไรอีก ไม่ต้องการอำนาจเงินทอง หรือตำแหน่งอันสูงส่งที่ไหน ขอให้มีเธอทุกๆ วัน มีชีวิตสุขสงบกับเธอก็เพียงพอแล้ว

“เราจะอยู่ด้วยกันนะอวี้เหมย” เขาตอบเธอด้วยคำพูดนี้ กอดรัดร่างงามไว้อย่างหวงแหน

“ไม่ค่ะ คุณต้องกลับไปดูแลอาหมิงนะคะ เวลาของเราหมดลงแล้ว” เธอขืนกายออกจากอ้อมแขนของเขา ผลักหน้าอกหนาออกห่าง ขยับกายลุกหนี

จางหลงผวาตามแต่อวี้เหมยกลับถอยห่างออกไป เขาวิ่งตามเธอแต่ดูเหมือนร่างของเธอยิ่งลอยห่างเขาไปทุกที เธอกำลังลอยไปในหมอกสีขาวนั่น ร่างงามถูกโอบล้อมด้วยไอหมอกหนา ชายหนุ่มวิ่งเต็มฝีเท้าพยายามตามไปไขว่คว้าเธอคืนมา แต่ยิ่งวิ่งเธอยิ่งลอยห่างไปเรื่อยๆ

“อวี้เหมย... ที่รัก รอผมด้วย อย่าจากผมไป!”

จางหลงตะโกนเรียกสุดเสียง ขณะสะดุดล้มลงบนพื้นแล้วเห็นร่างของภรรยากำลังถูกไอหมอกกลืนหายไป น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งไหลอย่างหมดอาย เขาซบหน้าลงบนพื้นกำหมัดทุบดินด้วยความเจ็บปวด

“อวี้เหมย!”

ร่างหนาผวาเยือก ผุดลุกขึ้นนั่งท่ามกลางแสงสลัวของไฟที่เปิดไว้บนหัวเตียง จางหลงหอบหายใจแรงเหงื่อไหลท่วมตัว หัวใจของเขาเต้นรัวเร็ว ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปรอบกายด้วยความมึนงง ดวงตาพร่าพรายมองอะไรไม่ค่อยชัดสมองปวดหนึบ มีเพียงความรู้สึกโหยหาที่ยังค้างคาอยู่ในหัวใจ

“อวี้เหมย... ที่รัก คุณอยู่ไหน” เขาครางเสียงแผ่ว มองหาร่างงามของภรรยาด้วยความกระวนกระวาย

ทันใดนั้นเอง... ประตูห้องก็เปิดออก ร่างเพรียวบาวในชุดนอนสีขาวยาวกรอมเท้าก็เดินเข้ามา แสงสลัวจากโคมไฟอ่อนแรงเทียน สาดกระทบใบหน้างาม จางหลงผวาลุกขึ้น ริมฝีปากแย้มยิ้มยินดี

“อวี้เหมย! ที่รักคุณกลับมาหาผมแล้ว”

เขาไม่รู้ตัวว่ากระโดดเข้าไปกอดรัดร่างนุ่มนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ สมองของเขาเริ่มมึนงงและปวดหนึบอีกแล้ว ชายหนุ่มไม่ยอมให้ตัวเองต้องเสียเวลาอันมีค่า ร่างกายของเขาร้อนผ่าวอย่างที่เจ้าตัวรู้ดีว่ากำลังเกิดอาการไข้ เขาหอบหายใจแรงพยายามบังคับตัวเองไม่ให้อ่อนแอไปกับอาการนั้น เขาจะไม่มีวันปล่อยอวี้เหมยไปอีกแล้ว ไม่มีวัน!

จางหลงลากร่างบางมายังเตียงนอนโถมตัวเขาคร่อมร่างนั้นไว้ ดวงตาพร่าพรายของเขาพยายามจ้องมองใบหน้าของเธอด้วยความรัก แสงไฟอ่อนแรงเทียนสลัวรางหากเจ้าตัวรู้ดีว่าเธอคือภรรยาอันเป็นที่รัก เธอกลับมาหาเขาแล้ว...

“อวี้เหมย ผมรักคุณ...”

จางหลงก้มลงกดจุมพิตบนริมฝีปากบาง สอดมือประคองต้นคอเธอไว้ไม่ให้ส่ายหน้าหนี ริมฝีปากร้อนรุมบดเคล้าเต็มอารมณ์รัก ปลายลิ้นลูบโลมแหวกผ่านกลีบปากนุ่มแตะไล้สัมผัสไรฟัน เมื่อเจ้าของปากนุ่มหวานเผยอปากออก ลิ้นอุ่นชื้นก็ฉกวาบเข้าไปในโพรงปากกระหวัดรัดลิ้นเล็กซอกซอนหาความหอมหวานจนอิ่มเอมใจ มือหนาป่ายปะไปทั่วร่างลูบไล้สัมผัสร่างนุ่มตึงมืออย่างเสน่หา เสียงครางประท้วงดังอยู่ในลำคอระหง เมื่อเขาเค้นคลึงทรวงนุ่มไปมา จางหลงละริมฝีปากออกแตะไล้พรมจูบไปทั่วใบหน้างาม ละเรื่อยไปบนผิวเนื้อนุ่ม ซอกคอหอมกรุ่น ขบเม้มติ่งหูนิ่มอย่างหยอกเย้า เรียกเสียงครางครวญดังแว่วมา เขายิ้มกริ่มขณะดึงทึ้งเสื้อผ้าที่กีดขวางให้หลุดออกจากร่างบาง ชุดนอนถูกถอดโยนทิ้งข้างเตียง เผยให้เห็นร่างงดงามขาวผ่องในความสลัวร่าง อารมณ์ของคนมองยิ่งโลดแรง อวี้เหมยของเขาสวยเหลือเกิน...

“อวี้เหมย... ที่รัก” เขาเรียกขานนามเธอด้วยน้ำเสียงหวานพลิ้ว

จางหลงปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างอย่างรีบเร่ง สมองของเขาขาวโพลนไม่รับรู้อะไร นอกจากอารมณ์อยากครอบครองเรือนร่างงดงามตรงหน้า เมื่อร่างกายเปลือยเปล่าก็ตรงเข้าไปคลุกเคล้าร่างงามอย่างไม่ยอมเสียเวลา ความนุ่มเนียนของกายสาว ทำให้คนลูบโลมแทบคลั่ง มือหนาปลดบราเซียร์โยนทิ้งใบหน้าคมซบซุกกับทรวงอิ่ม ลิ้นร้อนปลุกเร้าเธอด้วยความพิศวาสเกินห้ามใจ จนร่างสาวบิดกายไปมา มือบางของเธอลูบไล้เรือนกายแกร่ง ปลุกเร้าให้อารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มพุ่งพล่านไปทั่วกาย เขาจุมพิตเธออย่างหลงไหล มือลูบไล้ริมฝีปากร้อนกดจูบตามผิวเนื้อนุ่มแทบทุกตารางนิ้ว

“ผมรักคุณนะ อวี้เหมย อยู่กับผมนะที่รัก” เขาพรอดพร่ำคำหวาน ขณะเคลื่อนกายเข้าครอบครองเธอ

ร่างงามสะดุ้งเฮือก จิกเล็บบนไหล่หนาคล้ายเจ็บปวด จางหลงชะลอตัวเองให้เธอปรับตัว เขาก้มลงจุมพิตริมฝีปากนุ่ม อยู่ครู่หนึ่งปลุกปลอบให้เธอคล้อยตามอารมณ์ปรารถนา ก่อนจะเดินหน้านำพาเธอพลิ้วไหวไปตามบทเพลงแห่งความรัก ที่เขาเป็นผู้กำหนดจังหวะ หญิงสาวบิดกายเร่ารับทุกสัมผัสจากเขาอย่างอ่อนหวาน ทำให้จางหลงยิ้มบางๆ เขาทอดจังหวะรักให้นุ่มเนิบ ชักชวนให้เธอเคลิบเคลิ้มตาม พรมจูบบนใบหน้างามและทรวงนุ่มกระตุ้นเร้าให้เธอสนองตอบด้วยจิตเสน่หา เสียงหวานใสครางแผ่วๆ ตอบรับสัมผัสนั้น ยิ่งทำให้ชายหนุ่มตื่นเพริดสุดต้านทานไหว เขาบรรเลงบทเพลงเสน่หาร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ กายแกร่งบดเบียดคลุกเคล้ากายนุ่ม จับจูงเธอให้ก้าวเดินไปบนปลายรุ้ง สองหนุ่มสาวครางครวญเสียงพร่า เมื่อพากันไปแตะฝั่งฝันพร้อมกัน ร่างหนาซวนซบบนร่างบางหอบหายใจแรง

“อวี้เหมย เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะที่รัก...”

จางหลงกระซิบบอกร่างนุ่มในอ้อมแขน เขายิ้มให้เธอก่อนจะหลับตาลง แล้วดึงเธอมากอดไว้แน่นปล่อยให้ตัวเองผ่อนคลายและเข้าสู่นิทรารมณ์อันแสนสุข อย่างไร้ความกังวล

คืนนี้ช่างสุขเหลือเกิน ...

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

มาอัพแล้วจ้า

ครึ่งแรกลุ้นระทึก ครึ่งหลังมาเปลี่ยนอารมณ์กันบ้างนะจ้ะ ^_^

คืนนี้ช่างแสนสุข แต่พรุ่งนี้เช้าจะเป็นยังไง ติดตามตอนต่อไปค่ะ

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ

รวิญาดา /ผการุ้ง




รวิญาดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ย. 2555, 05:52:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ย. 2555, 05:52:47 น.

จำนวนการเข้าชม : 2765





<< ตอนที่ 4. ฤา นี่คือโชคชะตา 30%   ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาอ่านนิยายเรื่องนี้นะคะ >>
เคสิยาห์ 11 พ.ย. 2555, 07:59:33 น.
เฮ้อ อย่าบอกนะว่าเป็นน้ำอิง


Asian 11 พ.ย. 2555, 13:27:44 น.
ตอนแรกนึกว่าเปนความฝัน


แว่นใส 11 พ.ย. 2555, 21:20:30 น.
ผิดคนแล้วอาหลง


nunoi 12 พ.ย. 2555, 18:26:05 น.
โอ้ววว เช้ามาน้ำอิงจะเป็นยังไงนะ


shotang 24 ธ.ค. 2555, 13:13:40 น.
ตายยยยยยแล้ววววววววววว นำ้อิงงงง แหมเลย


มะเหมี่ยว 20 ก.พ. 2556, 12:30:53 น.
คนที่เข้ามาใช้นํ้าหรือป่าวนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account