นิรันดร์รัก (endless love endless time)
หมั้น เพราะผู้ใหญ่และหน้าที่ ดูแล เพราะหญิงสาวยังเด็กนัก ภายใต้การเดินทางอันยาวไกลในช่วงเวลาที่เหมือนจะไหลไปไม่หยุดนิ่ง แล้วคำว่า...รัก...จะเกิดได้........... ,
Tags: ดวงดาว เจ้าหญิง เจ้าชาย

ตอน: บทที่ 1 อำลา

บทที่ 1 อำลา








“วัตถุหรือสิ่งต่างๆรอบตัวสามารถเปลี่ยนแปลงได้
หากแต่ภาพในความทรงจำของสิ่งเหล่านั้นในตัวบุคคล

จะคงอยู่เหมือนเดิม ไม่เนื่องด้วยกาลเวลา และจะมีชีวิต ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ”







เเชะๆๆ



เสียงแฟลตรัวกระหนำจากกล้องถ่ายรูปทุกตัวที่ถูกนำขึ้นมาใช้ในการบันทึกความทรงจำสุดท้ายจากเด็กหลายร้อยคนในระดับมัธยมปลาย ก่อนที่แต่ละคนจะแยกย้ายไปสู่ที่ใหม่ในระดับมหาวิทยาลัย เสียงผู้คนเอื้ออึง บ้างขอสัญญาจากเพื่อนว่าจะต้องเจอกันอีก จะติดต่อกันตลอดไป บ้างบอกลาและกล่าวอวยพรให้แก่กันและกัน บ้างหัวเราะ บ้างร้องไห้ และยิ้มให้แก่กันและกัน ภาพเหล่านี้ทำให้ แก้ว รู้สึกใจหาย เพราะอีกไม่นานเธอคงไม่ได้มาที่นี้เข้าแถวเคารพธงชาติกับเพื่อนๆอีกแล้ว

“ยัยแก้ว ไปถ่ายรูปที่ป้ายหน้าโรงเรียนกันเต้อะ" เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น

คนที่ถูกเรียกหันหน้าไปหาช้าๆก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ เสี้ยวหน้าที่หันมาราวกับคนอมทุกข์ แม้แต่ดวงตาที่ปกติร่าเริงกลับเศร้าหมอง

“หน้าแกดูแย่จังเลย ไม่สบายหรือเปล่า" เสียงหญิงสาวคนเดิมดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเธอได้เห็นดวงหน้าของเพื่อนสาวชัดเจน

“เปล่าหรอก เราไม่ได้เป็นอะไรหรอกข้าว แค่ยังทำใจไม่ค่อยได้ จะต้องไปอยู่ที่ใหม่ คงคิดถึงที่นี้เนอะ" คนที่ถูกทักตอบกลับพร้อมรอยยิ้มเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ

แก้วกับเพื่อนเดินมาถึงป้ายหน้าโรงเรียน พลัดเปลี่ยนกันถ่ายรูปอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินออกมาเพื่อเก็บภาพสถานที่อื่นๆในโรงเรียน

ระหว่างที่แก้วกำลังถ่ายรูปให้กับข้าว เธอก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมกับใบหน้าของเพื่อนรักที่อยู่ด้วยกันมานาน เนื่องจาก ข้าว มีดวงหน้าราวเทพธิดา เป็นที่รู้จักของทุกคนในโรงเรียนแห่งนี้ซึ่งเหตุผลนั้นก็ไม่ใช่แค่เรื่องหน้าตาเพราะนักเรียนในโรงเรียนนี้ส่วนใหญ่ก็มักจะดูดีอยู่แล้ว และก็มีอีกหลายคนที่หน้าตาดีกว่าเธอ แต่เหตุที่เธอเป็นที่รู้จักของทุกคนก็คือ ความน่ารัก พูดเก่งและเป็นกันเอง จึงไม่แปลกที่จะมีผู้ชายมาขายขนมจีบให้อยู่บ่อยๆ แต่เธอก็ไม่สนใจเพราะยึดหลัก มาเรียนเพื่อเรียนมิได้มาหาแฟน



ส่วนแก้วเธอออกจะแตกต่างจากข้าวเสียหน่อยเพราะนอกจากจะเป็นคนหน้าตาธรรมดาแล้ว เธอยังเป็นคนเงียบๆ ดังนั้นผู้ชายส่วนใหญ่จึงมองข้ามเธอไปที่ ... ข้าว ซึ่งนั้นก็เป็นเพียงสิ่งที่เธอคิด

แก้วเดินแยกกับข้าว เมื่อมาถึงห้องสมุด ข้าวเดินต่อไป ในขณะที่เธอเลือกที่จะเดินเข้ามาข้างใน สภาพภายในห้องนี้ยังคงเหมือนเดิม หนังสือมากมายที่วางไว้อย่างเป็นระเบียบไล่ลำดับตัวอักษรของชื่อเรื่อง ทุกเล่มอัดแน่นอยู่ในตู้ไม้ที่ตั้งเรียงรายอยู่ภายในห้อง ผนังด้านหนึ่งของห้องมีโต๊ะวางไว้ห้าตัว แต่ละตัวมีคอมพิวเตอร์ตั้งอยู่ เธอมองภาพเหล่านี้ช้าๆราวกับจะให้มันฝังเข้าไปภายในจิตวิญญาณของเธอตลอดไป

เมื่ออิ่มเอมกับภาพที่อยู่ตรงหน้า ร่างผอมบางจึงเคลื่อนที่ไปเบื้องหน้าช้าๆ มือเรียวเล็กยื่นออกไปสัมผัสหนังสือเล่มแล้วเล่มเหล่าที่วางอยู่บนชั้น ฉับพลันเรื่องราวในอดีตก็ปรากฎขึ้นเหมือนฉากในโรงละคร ภาพเธอนั่งทำรายงานกับเพื่อน ภาพการมาที่นี้เพื่อหาหนังสือซักเล่มเพื่อเอาไปอ่านแก้ง่วงจากการกล่อมนอนของอาจารย์ในวิชาประวัติศาสตร์ที่เสียงของท่านสามารถกล่อมให้ทั้งโลกอยู่ในนิทรา ภาพที่เธอแอบขโมยหนังสือสุดที่รักของเพื่อนมาซ่อน เรื่องราวทั้งหมดยังคงปรากฏไปเรื่อยๆอย่างไม่ขาด เหมือนสายน้ำที่ไหลไปอย่างไม่มีวันหวนคืน

มือของเธอยังคงเคลื่อนไปตามหนังสือบนชั้น จากเล่มหนึ่งไปยังเล่มหนึ่ง ถึงแม้ว่าหนังสือเล่มที่เธอเคยสัมผัสนั้นปัจจุบันมันจะเปลี่ยนสภาพไปจากการผ่านมือของเด็กคนอื่นๆ อย่างไรก็ตามภาพเก่าๆของมันก็ยังคงอยู่ในความทรงจำแบบเดิมของเธอ การเคลื่อนไหวก็หยุดลงเมื่อถึงหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือเกี่ยวกับปราชญ์ญาที่เธอหยิบมาอ่านบ่อยๆ เนื้อหาส่วนใหญ่เธอเองก็จำไม่ค่อยได้เท่าใดนัก นอกจากข้อความหนึ่ง ที่เธอเพิ่งประจักษ์ถึงความหมายที่แท้จริงของมัน..........“วัตถุหรือสิ่งต่างๆรอบตัวเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากแต่ภาพในความ ทรงจำของสิ่งเหล่านั้นในตัวบุคคลจะคงอยู่เหมือนเดิม ไม่เนื่องด้วยกาลเวลา และจะมีชีวิต ตราบเท่าที่เรายังมีลมหายใจ”.... เธอยิ้มให้กับตัวเอง เมื่อนึกถึงข้อความนี้ เพราะเธอก็กำลังทำให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าอยู่กับเธอตลอดไป โดยที่การจากลาและกาลเวลาไม่สามารถพรากมันไปได้



“แก้ว เธอ ........เออ.........อยู่ที่นี้เองเหรอ เรา อะ........ เอ่อ แล้วเธอยังไม่กลับบ้านเหรอ” เสียงตะกุกตะกักของชายผู้หนึ่งดังขึ้น เหมือนดังมาจากที่อันไกลแสนไกลแต่ก็สามารถเรียกสติของเธอกลับมาได้ ไม่ใช่ว่าตกใจหรือไม่คุ้นเคยกับเสียงนี้ ตรงกันข้าม เธอรู้จักและคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี

“อ๋อ กันต์ เหรอ เรามาเก็บความทรงจำ ไว้น่ะ” เธอหันกลับไปตอบเขา พร้อมกับยิ้มสดใส
“เอ่อ”

“เธอมาเก็บความทรงจำเหมือนกันใช่ไหมละ งั้นเราไปก่อนแล้วกันนะ” เธอกล่าวต่อไปพร้อมกับขยับตัวเพื่อหลีกทางให้เขาได้เข้ามาในห้อง เพราะคิดว่าเขาเองก็กำลังมาเก็บความทรงจำใส่กระเป๋ากลับบ้านเหมือนกัน แต่ไม่ทันที่เท้าจะก้าวพ้นจากห้องนี้ก็มีมือปริศนามารั้งไว้




ถ้าเป็นคนอื่นทำแบบนี้เธอคงจะตกใจมาก แต่เพราะเป็นเขา เป็นกันต์ที่แสนน่ารัก เป็นคนดีมีน้ำใจ เรื่องชกต่อยกับใครก็ไม่มี พูดจาก็ไพเราะ นอกจากนั้นเธอเองก็เป็นเพื่อนกับเขามาหกปีอยู่ห้องเดียวกันมาตลอด ถึงแม้ว่าในสมัยมัธยมต้นจะไม่ค่อยสนิทกันเท่าใดนัก แต่ตอนมัธยมปลายก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนซี้กันเลย



“อยู่คุยกับเราก่อนซักพักได้ไหม” เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบาแต่ก็ชัดเจน เธอมองหน้าเขา แววตาที่เห็นนั้น มันเป็นแววตาที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนเขามีความหวัง ขณะที่กำลังร้องขออะไรบางอย่างที่เธอสงสัยว่าถ้าเขาเปิดเผยออกมาแล้วเธอจะยอมรับมันได้หรือไม่

“ได้สิ” เธอตอบตกลงไปในที่สุด ทั้งๆที่ในใจตอนนี้ไม่อยากคุยอะไรต่อกับเขาเลย เพราะกลัวประโยคที่มันอาจจะทำให้ความสัมพันธ์ที่มีมานานสูญสิ้นไป เพราะเธออยากเป็นเพื่อนกับเขาตลอดไป ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีพอที่จะเป็นมากกว่านี้ แต่สำหรับเธอเธอให้ความสำคัญกับเพื่อนมากกว่า ก็เพราะ......เพื่อนจะไม่มีวันเลิกคบกันและจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป
“เอ่อ..........”

“ว่าไง”
“ระ .....เรา.......ชะ.......ชอบ.......เธอ” ในที่สุดเขาก็พูดมันออกมาพร้อมกับปล่อยมือที่เคยบีบข้อมือเธอจนเจ็บ มือของเธอตกลงเหมือนไร้ความรู้สึก เสียงที่ออกมานั้นมันช่างแผ่วเบายิ่งกว่าเสียงของลมหายใจ มันตะกุกตะกักยิ่งกว่าเสียงใดที่เธอเคยได้ยิน แต่มันกับดังก้องกังวานที่สุดในตัวเธอ ชัดเจนมากกว่าเรื่องราวใดๆที่เคยผ่านเข้ามา มันทำให้เธอหน้าซีดเผือด ตัวเย็นเฉียบเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ หัวใจเหมือนจะหยุดเต้น สมองมึนงงเหมือนกับคนที่ผ่านการทำข้อสอบมาเป็นร้อยวันโดยไม่ได้พัก


เธอพยายามดึงสติที่หลุดลอยให้กลับเข้ามาที่เดิมอย่างเชื่องช้า รับรู้การทำงานของหัวใจที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆรวมถึงสมองอีกครั้ง พร้อมกับใช้สติและพลังงานที่มีอยู่ในตอนนี้ทั้งหมดในการค้นหาถ้อยคำที่ใช้พูดออกไปแล้วคนฟังจะเสียใจน้อยที่สุด

“เราก็ชอบเธอนะ เธอเป็นเพื่อนที่แสนดีของเรา และเธอก็ดีกับเรามากเลยด้วย” เธอพูดออกไปพร้อมกับฝืนยิ้มที่ดูจะแยกเขี้ยวให้เสียมากกว่า แต่เขาจะรู้ไหมนะว่ามันหมายความว่าอย่างไร เธอสบตาเขาอีกครั้งแววตาคู่นี้ของเขากำลังจะทำให้เธอรู้สึกเจ็บ ดังนั้นเพื่อหนีความเจ็บปวดเธอจึงก้มใบหน้าอันเศร้าสร้อยของตัวเองลง

“เราไม่ได้คิดกับเธอแค่เพื่อน เธอเข้าใจไหมแก้ว เรารักแก้ว รักมานาน นานมากแล้ว เธอเข้าใจไหม”

“เอ่อ”

“เธอจะคบกับเราได้ไหม”
“เอ่อ............”

“ตอบมาเซ่”เขาแถบจะตะโกนออกมา ตอนนี้หน้าของเขาเริ่มแดง เขาย่างสามขุมเข้ามาหา พร้อมกับวางมือบนบ่าของเธอเขย่าราวกับจะเรียกสติของเธอให้กลับมา เธอเงยหน้าขึ้น ตอนนี้ดวงตาของเขาที่เธอเห็นเริ่มปรากฏเส้นเลือดมากขึ้น เธอรู้ว่าเพราะอะไร เขากำลังเสียใจต่อท่าทีของเธอ



แก้วรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร รู้มานานแล้วด้วย ตั้งแต่ที่เขาเริ่มไปไหนมาไหนกับเธอมากขึ้นตอนมัธยมปลาย เริ่มเดินมาโรงเรียนและเดินกลับบ้านเป็นเพื่อนเธอทั้งๆรถเมล์ที่เขานั่งมานั้นสามารถจอดหน้าโรงเรียนได้ แต่เขากลับเลือกที่จะขึ้นและลงก่อนป้ายหน้าโรงเรียนหนึ่งป้าย โดยให้เหตุผลว่าทำแบบนี้เพื่อออกกำลังกาย เธอไม่ขัดอะไรเพราะรู้ว่าเขาชอบเล่นกีฬา จากนั้นเขาก็เริ่มช่วยเหลือเธอมากขึ้นตั้งแต่เรื่องเล็กๆน้อยๆไปเรื่องใหญ่ เขาเคยต่อยกับพวกอันตะพาลในซอยเพื่อช่วยเธอ เข้าห้องสมุดมากขึ้นซึ่งก็ดีแล้วเพราะใกล้จะสอบเอ็นทรานต์ เริ่มไปกินข้าวด้วยกันบ่อยขึ้นถึงจะไม่ใช้สองต่อสองเพราะมี ข้าว เพื่อนสนิทของเธอที่ตัวติดกันเป็นตังเมไปด้วยเสมอ



สำหรับแก้ว เธอรู้ว่าเขาทำทั้งหมดเพราะอะไรแต่ก็ปล่อยให้เขาทำ แล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไป เพราะกลัวเสียเพื่อน กลัวเขาจะจากไป แต่ตอนนี้กลับโกรธตัวเองที่ไม่คิดซักนิดเลยว่าแล้วเขาละ จะรู้สึกอย่างไร ถ้าวันหนึ่งเขาอยากที่จะเป็นมากกว่าเพื่อน..........ซึ่งเธอไม่อาจให้เขาได้ ในเมื่อเรื่องมันเดินทางมาไกลเกินแก้ไขแล้วในขณะนี้ ความรู้สึกของเขาที่มีในตอนนี้มันคือรัก แต่สำหรับเธอมันไม่ใช่




แก้วเชื่อในใจอย่างหนึ่งว่าเมื่อบอกความรู้สึกที่แท้จริงว่าเธอเป็นได้เพียงเพื่อนกับเขาเท่านั้น เมื่อเขารู้เขาคงรับไม่ได้ความรู้สึกดีๆที่มีให้กันมาก็คงจะหมดไปด้วย แต่นั้นไม่เป็นอะไรเลย ถ้ายังคงเป็นเพื่อนกันได้ นึกถึงตรงนี้ดวงตาก็เริ่มร้อนผ่าว หยดน้ำใสๆคลอหน่วยอยู่ที่ดวงตา




แต่อย่างไรเธอก็ต้องบอก เพื่อให้เขาตัดใจแล้วไปเริ่มต้นใหม่ ในที่ที่ไม่มีคนเลวๆและเห็นแก่ตัวแบบเธอ




“แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร เราไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน เธอสอนการบ้านให้ฉัน ตรวจทานการบ้านให้ฉัน เธอยิ้มให้ฉัน ทำไม เธอทำทำไมถ้าไม่ได้ชอบฉัน” เขาพูดด้วยเสียงแตกพร่า


“ฉันขอโทษ ฉันเสียใจ” เธอพูดออกไปได้เท่านี้ พร้อมกับกลั้นเสียงสะอื้น แต่ฉับพลันมือของเขาก็เลื่อนลงจากบ่าของเธอ แล้วเขาก็เดินจากไป



สำหรับคนอื่นเขาก็เพียงแค่เดินออกจากห้อง แต่สำหรับเธอ เขากำลังเดินออกไปจากชีวิตตลอดกาล



ร่างของเธอทรุดลงกับพื้น รู้ว่าเขาเสียใจและเจ็บไปทั้งหัวใจ แต่เขาจะรู้บ้างไหมว่าเธอก็เสียใจและเจ็บไม่แพ้กัน และหยดน้ำที่เคยเอ่อคลอในดวงตากลับกลายเป็นสายไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้าง เธอร้องไห้เพียงหวังว่ามันจะทำให้หายเศร้าและดวงตาจะกลับมาสดใสได้อีกครั้งหนึ่ง เธออยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน นานเท่าใดก็ไม่ทราบได้ รู้ตัวอีกทีดวงตาก็ไม่เหลือแม้แต่น้ำสักหยดเดียวเพราะมันหมดไปแล้วกับการร้องไห้ที่แสนยาวนาน




แก้วพยายามพยุงร่างอันไร้วิญญาณของตัวเองให้ลุกขึ้น แล้วเดินออกจากห้องสมุดเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน เธอหันกลับไปมองที่ป้ายโรงเรียนอีกครั้ง พยายามจะประทับมันเข้าไปในจิตใจ



วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่จะเดินกลับบ้านบนเส้นทางสายนี้ สายที่ปกติแล้วเธอจะมีกันต์เดินเคียงข้างเสมอ แต่ก็.......... มันก็ไม่สำคัญเลย เพราะยังไงเสียกันต์ก็ยังคงเดินกลับบ้านเป็นเพื่อนเธอในความทรงจำตลอดกาล และเขาก็ยังคงเป็นเพื่อนที่แสนดีตลอดไป











ลาก่อน กันต์ เพื่อนที่น่ารัก.........แต่ไม่อาจรักได้










เด่นเดือน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ย. 2555, 07:06:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ย. 2555, 07:06:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 956





<< บทนำ   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account