ร้อยเวลาไว้ด้วยรัก: ฉบับปรับปรุง
ความรักของหนุ่มสาวมักลงเอยด้วยการแต่งงาน หากทว่า...สำหรับ ‘ลลนา’สาวแล้วกลับได้เรียนรู้ว่าการแต่งงานเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการใช้ชีวิตคู่เท่านั้น ‘นที’...สามีที่หล่อนรักสุดหัวใจถึงได้แอบไปมีหญิงอื่น


หากลลนาเข้าใจดีว่าเขาคงเบื่อเต็มทนกับนิสัยดื้อรั้น เอาแต่ใจไม่เข้าท่าอย่างเด็กๆ ของหล่อน และเพราะความรั้น เอาแต่ใจของหล่อนนั่นเองที่ทำให้นทีต้องเกือบสิ้นใจ เพราะช่วยหล่อนไว้จากอุบัติเหตุในกลางดึกคืนหนึ่ง


เมื่อสวรรค์เบื้องบนยื่นข้อเสนอให้ลลนาได้มีโอกาสกลับไปแก้ตัวในอดีตกาลอีกครั้ง

หล่อนจะทำเช่นไร...เพื่อยื้อชีวิตเขาไว้ให้นานที่สุด ตอบแทนความรักที่เขาอดทนมีให้หล่อนเสมอมา

หล่อนจะทำเช่นไร....เมื่อฟื้นขึ้นมาและพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของ'จอมใจ'...หลานสาวตัวน้อยของเขา !

(เรื่องนี้เคยได้รับตีพิมพ์มาแล้ว แต่รันเห็นว่าเริ่มหาอ่านตามแผงหนังสือยากแล้วด้วยความเสียดายเลยนำมาให้อ่านกันอีกครั้งค่ะ ระหว่างรอเรื่องใหม่ของรันน้า....ติชมได้เช่นเคยค่ะ)
Tags: ย้อนเวลา,รัก,สวรรค์,เด็ก,แก้ไข,สามี,ภรรยา,ปม,แต่งงาน,อบอุ่น,น่ารัก

ตอน: บทที่ 1

บทที่ 1


หญิงสาวในชุดนอนกระโปรงสีขาวบางเบาบิดกายไปมาบนที่นอนนุ่ม รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของคนข้างกายที่ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง ไม่ต้องเสียเวลานึกก็รู้ว่าต้องเป็นนที...สามีของหล่อนนั่นแหละที่ตื่น หากยังไม่ทันลืมตาสู้แสงไฟนีออนที่เขาเปิดไล่ความมืดมิดก็มีมือของเขามาปิดตาหล่อนไว้

“เล่นอะไรคะเนี่ยที” ลลนาร้องถามด้วยความตกใจ ความงัวเงียมลายหายพลันเมื่อถูกจู่โจม

นทีจุ๊ปากอย่างปรามเด็ก ขณะที่ลลนาเอามือป่ายไปรอบกายหวังหาที่ยึด ยามนี้หล่อนตกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของสามีที่โอบร่างบางให้ลุกขึ้นจากเตียงตามเขาออกไปจากห้อง

เท้าเล็กๆ ที่ก้าวไม่ค่อยมั่นคงลงบันไดทำให้สามีหัวเราะ ก่อนกระชับร่างภรรยาแน่นเผื่อจะช่วยให้หล่อนรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง หากคนกอดไม่รู้ตัวหรอกว่าได้ทำให้สาวเจ้าใจเต้นระส่ำอย่างบอกไม่ถูก ก็เขากับหล่อนเพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน คุ้นชินเสียที่ไหนกันเล่ากับการตกเป็นเป้านิ่งให้เขาคุมเกมอยู่แบบนี้

นทีกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นบอกเป็นนัยว่าให้ภรรยาหยุดเดิน ลลนาทำจมูกฟุตฟิตได้กลิ่นหอมที่อบอวลอยู่รอบกาย วินาทีแรกที่หลุดจากพันธนาการของเขาคนที่หน้านิ่วคิ้วขมวดครุ่นคิดมาตลอดทางถึงกับเบิกตากว้าง อัศจรรย์ใจกับภาพตรงหน้า

“สุขสันต์วันเกิดนะลลนา” นทีเข้ามาโอบเอวภรรยาจากด้านหลัง หอมแก้มเนียนนั้นให้ชื่นใจ

หล่อนเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองมาหยุดยืนอยู่ในห้องทำงานชั้นล่าง โต๊ะทำงานที่โล่งตากับสภาพห้องที่เป็นระเบียบเรียบร้อยไม่รกเหมือนรังหนูอย่างแต่ก่อนทำให้ลลนาคลี่ยิ้มจางๆ ออกมา

นัยน์ตาประกายสวยสะดุดตากับแจกันดอกกุหลาบสีแดงและชมพูที่ตั้งวางอยู่รายล้อม ต้องขยี้ตาตัวเองให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาดที่เห็นห้องทำงานของตัวเองกลายเป็นสวนดอกไม้ยามเช้า “นี่มันอะไรกันคะที อย่าบอกนะว่าที่คุณขึ้นมานอนเอาเกือบเที่ยงคืนเพราะมัวแต่จัดดอกไม้พวกนี้”

“ก็ผมอยากเซอร์ไพร์สคุณนี่นา” เขาเหลือบมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาติดฝาผนังห้องเล็กน้อย “อืม...นี่ก็ตีสี่ สี่สิบห้านาทีพอดีเป๊ะ เป็นสาวขึ้นอีกหนึ่งปีแล้วนะลลนา”

“เป็นสาวอะไรกันล่ะคะ ฉันโตเป็นสาวตั้งนานแล้ว” ลลนาเอ่ยยิ้มๆ ให้กับเสียงเล็กเสียงน้อยของเขายามที่ชอบเย้าหล่อนเล่น

นทีวางคางบนบ่าหญิงสาว ยังคงกอดหล่อนอยู่อย่างนั้นคล้ายกล่อม เห็นตาปรือๆ ของเขาแล้วอดยิ้มขันไม่ได้ เมื่อวานกว่าหล่อนจะกลับจากบริษัทก็เย็นมากแล้ว ไม่แปลกที่พอถึงบ้านสาวเจ้าผล็อยหลับไปเลย รู้สึกตัวว่ามานอนอยู่บนเตียงแล้วประมาณเที่ยงคืนเห็นจะได้ เวลาเดียวกับที่หล่อนเห็นสามีเพิ่งกลับเข้าห้องนอนมานั่นแหละ

คาดว่านทีคงเป็นคนอุ้มหล่อนขึ้นมานอนบนห้องนอน “ขอบคุณนะคะที”

ลลนาหอมแก้มเขาดังฟอดขอบคุณเขา เป็นฝ่ายดึงมือสามีออกจากเอวก่อนหายออกจากห้องไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมตั๋วเครื่องบินสองใบ ส่งให้เขา “ไหนๆ คุณก็ให้ของขวัญวันเกิดฉันแล้ว ถึงตาเจ้าภาพเลี้ยงฉลองวันเกิดบ้างแล้วนะคะ”

“ตั๋วไปภูเก็ต ?” สามีเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

ภรรยาคว้าดอกกุหลาบสีแดงในแจกันใกล้มือมาสูดกลิ่นหอม ยังมีหยดน้ำเกาะอยู่ตามกลีบดอกบ้างประปราย แย้มบานราวกับรออวยพรวันเกิดหล่อนอยู่เช่นกัน “ฉันเห็นว่าพักนี้เราสองคนไม่ค่อยมีเวลาให้กันเลยน่ะค่ะ น่าจะไปพักผ่อนต่างจังหวัดด้วยกันสักพัก ถือว่าเป็นการชาร์ตพลังไปด้วยในตัวไงคะกลับมาจะได้สดชื่น”

นทีนิ่วหน้าคล้ายสิ่งที่ภรรยาขอร้องสร้างความหนักใจให้เขามากพอสมควร และนั่นทำให้ภรรยาอดน้อยใจไม่ได้

“ถ้าคุณไม่สบายใจ เราไปกันแค่วันสองวันก็ได้ค่ะ นะคะที งานคุณคงไม่เสียหายนักหรอก” น้ำเสียงเจือความแข็งกระด้างอยู่ในที เขาทำเหมือนตัวเองยุ่งวุ่นวายกับธุรกิจพันล้านเป็นอยู่ฝ่ายเดียวอย่างนั้น !

ลลนารู้ว่านทีทั้งหวงและห่วงธุรกิจครบวงจรด้านงานวิวาห์ของเขาที่กำลังไปได้ด้วยดี แต่หล่อนเองใช่ว่าจะว่างงานเสียเมื่อไหร่ งานที่ผู้จัดการฝ่ายการตลาด...หัวหน้าคนก่อนของหล่อนทิ้งไว้ให้ก่อนลาออกจากงานไปเรียนต่อต่างประเทศทำให้ลลนาต้องคอยสะสางงานไม่เว้นวัน

การมีโอกาสได้อยู่กับตัวเองสักพักอาจทำให้หล่อนรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาบ้าง

“แต่คุณก็รู้ว่าช่วงนี้ยัยจอมอาการไม่สู้ดี” นทีหมายถึงจอมใจ...หลานสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขา “แล้วไหนจะยังเวดดิ้งสตูดิโอที่ผมเพิ่งเปิดสาขาใหม่เพิ่มด้วย ผมไม่อยากทิ้งไว้ให้คนอื่นดูแล”

ข้ออ้างซ้ำๆ เดิมๆ นั้นทำให้ภรรยากรอกตาขึ้นฟ้าอย่างเซ็ง ไม่เถียงเขาอีกนอกจากตั้งท่าจะหันหลังกลับห้องนอน ร้อนถึงนทีที่เห็นสีหน้าบูดบึ้งของภรรยาดึงร่างบางเข้าหา ไม่ทันตั้งตัวทำให้ลลนาเสียหลักตกอยู่ในอ้อมแขนสามีสบายๆ

“ไม่เอาน่ะนา อย่างอนผมนะ แค่ทุกวันนี้ผมได้เห็นหน้าคุณ ได้อยู่ใกล้ชิดคุณในบ้านหลังนี้ผมก็มีความสุขมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปหาบรรยากาศที่ไหนหรอก” ว่าแล้วแววตาซุกซนก็ฉายชัดในนัยน์ตาสีดำสนิทคู่นั้น เล่นเอาคนงอนปั้นหน้าไม่ถูก

ฟาดแขนเขาทีอย่างหมั่นไส้ “ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังค่ะคุณนที ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันง่วงจะไปนอน”
หากสามีไม่ยอมปล่อยง่ายๆ แววตาวาววับจนลลนาต้องเสมองไปทางอื่น รู้สึกได้ถึงดวงหน้าร้อนผ่าวยิ่งทำให้สาวเจ้าเอียงอายเข้าไปใหญ่ หน้าตัวเองตอนนี้แดงปลั่งให้เขาเห็นเป็นแน่แท้

พยายามขยับกายหนีแต่นทียังคงกระชับร่างบางเข้าหา ค่อยๆ เคลื่อนหน้าหล่อเหลาของเขาเข้าใกล้ เอาหน้าผากแตะหน้าผากสาวเจ้า ยิ้มเยื้อนอย่างพอใจในแววตาตื่นกลัวคู่นั้น “กลัวผมทำไมลลนา เราแต่งงานกันมานานแล้วนะ”

“เดือนเดียวของคุณเนี่ยนะคะที่เรียกว่านาน คนอะไรขี้ตู่ที่สุดเลย”

“อย่าหัวเสียสิ คุณนี่ชอบทำเสียบรรยากาศอยู่เรื่อย” เขาปรามพลางจับจ้องมาที่ภรรยานิ่ง

ด้วยความที่มีหญิงสาวแนบกายทำให้นัยน์ตาซุกซนพราวระยับเมื่อสังเกตเห็นว่า ภรรยายามนี้อยู่ในชุดนอนกระโปรงสั้นผ้าพริ้วสีขาว ด้านบนที่เปลือยไหล่เนียนมีเพียงสายเส้นเล็กๆ เป็นสายเดี่ยวพาดบ่า เผยให้เห็นเนินอกอวบอิ่มนั้นทำให้สามียิ้มกรุ้มกริ่มออกมา

โน้มตัวลงมาจูบเนินอกสาวเจ้าเย้าเล่นเรียกเสียงหัวเราะเอียงอายจากหล่อน “ไม่เอาค่ะที จะเช้าแล้ว”

“เช้าแล้วก็ไม่เห็นเป็นไรเลย” เขาครางเบาๆ พลางเปลี่ยนมาซุกไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนของภรรยาแทน ไม่ปล่อยให้ลลนาได้ตั้งตัวก็อุ้มร่างบางลอยเหนือพื้นหายเข้าห้องนอนไปด้วยกัน






*******************



“เร็วสิคะที เดี๋ยวฉันไปทำงานไม่ทันกันพอดี”

ลลนาตะโกนเรียกสามีดังมาจากชั้นล่าง สลับกับมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมืออย่างร้อนรน ฟ้าใหม่...เพื่อนร่วมงานของหล่อนเพิ่งโทรศัพท์มาเร่งหล่อนยิกๆ ให้ไปทำงาน ทำเอาคนที่กำลังนอนฝันหวานอยู่ในอ้อมกอดของสามีต้องเด้งตัวผาง รีบอาบน้ำ แต่งตัว ก่อนซอยเท้าลงบันไดบ้านมาในช่วงเช้าของวัน

อาการเร่งรีบของภรรยาพลอยทำให้นทีเดือดร้อนไปด้วย เขายังไม่ทันใส่กางเกงดีด้วยซ้ำเลยตะโกนหยอกภรรยาเล่นว่า “อย่าเร่งผมได้มั้ยนา เกิดผมลืมใส่กางเกงไปส่งคุณที่ทำงานขึ้นมาไม่รู้ด้วย”

นั่นแหละสาวเจ้าถึงเงียบกริบ สวมรองเท้าเรียบร้อยก็พาตัวเองมาหยุดรอสามีที่รถ ใจจริงลลนาอยากขับรถของหล่อนไปบริษัทเองให้รู้แล้วรู้รอดแต่ติดตรงที่สามีเคยคาดโทษไว้เนี่ยสิ ถ้าหลายวันก่อนหล่อนไม่วู่วามขับรถชนท้ายรถเบนซ์จนต้องเสียเงินจ่ายค่าเสียหายบานป่านนี้หล่อนได้ขับรถวิ่งฉิวถึงบริษัทไปนานแล้ว ไม่ต้องมายืนขาแข็งรอคนอืดในบ้านให้เมื่อยแบบนี้หรอก

ลลนาชะเง้อมองหาสามีในบ้านอย่างใจจดใจจ่อ แต่แล้วเสียงรถที่เคลื่อนตัวมาเทียบจอดที่หน้าบ้านทำให้ลลนาหันมอง

หญิงสาวร่างผอมบางแทบปลิวในชุดเดรสสั้นสีเทาดำก้าวลงจากรถ ตามมาด้วยเด็กตัวน้อยที่กระโดดลงจากรถตามติดมาไม่ห่าง ด้วยความที่อีกฝ่ายใส่แว่นตาดำบดบังใบหน้าไว้ทำให้ลลนาต้องเพ่งมองเล็กน้อย โชคดีที่ลลนาจำเด็กตัวเล็กกับรถขับเคลื่อนสีดำคันนั้นได้จึงรีบเปิดประตูรั้วต้อนรับ

“น้องนายังไม่ไปทำงานอีกหรือคะเนี่ย” หญิงสาวเจ้าของรถคันนั้นเอ่ยถาม

ลลนายังคงมองคนทักอย่างไม่เชื่อสายตา ตั้งแต่หล่อนกับนทีแต่งงานแล้วแยกกันมาอยู่บ้านหลั่งเดี่ยว เนตรดาว...พี่สะไภ้ของสามีเปลี่ยนไปมาก “พี่เนตรนี่เอง เดี๋ยวนี้เปลี่ยนลุคใหม่เสียจนนาจำไม่ได้เลยค่ะ มาหาทีเหรอคะ”

“ค่ะน้องนา วันนี้พี่ตั้งใจว่าจะพาเจ้าตัวเล็กนี้ไปเลี้ยงฉลองวันเกิดนอกบ้านน่ะค่ะ” เนตรดาวเอ่ยยิ้มๆ พลางลูบศีรษะลูกสาววัยแปดขวบที่สูงแค่เอวหล่อน “ช่วงนี้เห็นทีเขาไม่ค่อยได้มาเล่นกับหลานด้วย ยัยจอมเองก็ดูไม่ค่อยสดใส ไม่รู้ว่าเพราะเพิ่งหายป่วยหรือไม่มีเพื่อนเล่นก็ไม่รู้ เลยพามาหาอาแกถึงที่เสียเลย”
ลลนาคลี่ยิ้มจางๆ ให้พี่สะใภ้ของสามี ก่อนย่อตัวเสมอเด็กน้อยแก้มยุ้ยที่จูงมือแม่ไม่ยอมปล่อย “สุขสันต์วันเกิดนะคะน้องจอม”

จอมใจไม่ตอบ แถมยังหน้าบูดหนักกว่าเก่า อาการรั้นขึ้นมาเสียดื้อๆ ของลูกสาวทำให้เนตรดาวมองตำหนิมากรายๆ หากลลนายิ้มเป็นนัยว่าไม่เป็นไร หล่อนชินแล้วกับท่าทางเมินเฉยของเด็กผมเปียตรงหน้า ไม่เข้าใจมากกว่าว่าทำไมจอมใจถึงชอบทำเหมือนหล่อนไม่มีตัวตน ไม่แน่...บางทีหลานสาวตัวน้อยอาจเห็นหล่อนเป็นศัตรูที่แย่งอาสุดที่รักของแกไปก็เป็นได้

“อ้าวที ! ทำไมไปยืนหลบอยู่ตรงนั้นล่ะ”

เสียงใสๆ ของเนตรดาวทำให้ลลนาตื่นจากภวังค์ มองตามพี่สามีไปยังประตูบ้าน เพิ่งเห็นว่านทีมาหยุดยืนอยู่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว

รายนั้นเหมือนต้องตั้งหลักเล็กน้อย ก่อนส่งยิ้มทักพี่สะใภ้มาแต่ไกล “พี่เนตรมาบ้านผมทำไมแต่เช้าครับเนี่ย”

“เช้าอะไรกันล่ะจ๊ะ นี่มันจะเก้าโมงแล้ว” เนตรดาวหรี่ตาจับพิรุธหนุ่มสาวตรงหน้า “เอ...อย่าบอกนะว่าเราสองคนเพิ่งตื่น”

“พอเลยพี่เนตร ชอบแซวผมกับนาอยู่เรื่อย” น้องชายโบกปัดอย่างไม่ยี่หระ

ลลนาเองเพียงยิ้มๆ อายเหมือนกันที่ถูกพี่สามีมองมาอย่างรู้ทัน ขณะที่นทีไม่ได้สนใจพี่สะใภ้แล้วเหลือบมองหลานสาวที่ยืนหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างกายมารดา ย่อตัวเสมอเด็กตรงหน้า ขยี้ศีรษะหลานสาวเล่นสร้างความไม่พอใจให้เจ้าตัวน้อยปัดมือเขาออกอย่างรำคาญๆ

“หายดีแล้วเหรอเราถึงออกมาตากแดดตากลมได้”

“เรื่องของจอม” หลานสาวกอดอกแน่น เสมองไปทางอื่น

นทีหัวเราะขันให้กับท่าทางของเด็กตัวกลมๆ ที่สะบัดหน้างอนใส่เขาเหมือนทุกคราว พักหลังมานี้เขาเห็นจอมใจชอบงอนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่เรื่อยจนกลายเป็นความเคยชินไปเสียแล้ว จึงแกล้งเขย่าศีรษะหลานสาวเล่นรู้ว่าต้องถูกปัดออกเหมือนเคยแต่ก็รู้สึกดีกว่าเห็นเจ้าตัวน้อยเมินเฉย

เนตรดาวเองคงเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของลูกสาวเหมือนกันถึงได้เอ่ยว่า “งั้นพี่ฝากยัยจอมไว้กับทีก่อนแล้วกัน พาแกไปทานไอศกรีมเล่นก็ได้ เผอิญพี่ต้องพาคุณแม่ไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล” เนตรดาวหมายถึงศศิประภา..มารดาของลูกชายครอบครัวนรินทร์พรอย่างนทีและสามีของหล่อน “สายๆ พี่ถึงค่อยกลับน่ะ จะปล่อยยัยจอมรอหง่าวอยู่บ้านก็กลัวจะเบื่อเสียก่อน เป็นห่วงด้วยไม่ใช่อะไรหรอก”

“ไม่เป็นไรครับพี่เนตร ผมเข้าใจ”

ลลนายิ้มเยื้อนให้สองพี่น้องได้ไม่เท่าไหร่เสียงโทรศัพท์ที่กรีดร้องในกระเป๋าสะพายเตือนสติหญิงสาวถึงงานที่บริษัท กระทุ้งแขนสามีกระตุ้นนั่นแหละนทีถึงบอกลาพี่สะใภ้ ไม่ลืมพาเจ้าตัวเล็กมาด้วย

ค่อยโล่งอกหน่อยที่คราวนี้จอมใจไม่เกี่ยงงอนเหมือนเคย เด็กน้อยคงเห็นอาการเร่งรีบของอาชายถึงว่าง่ายยอมให้นทีจูงมือขึ้นรถมาด้วยกัน

ระหว่างทางนทีชวนหลานสาวคุยเรื่องจิปาถะไปเรื่อย แต่จอมใจเอาแต่นั่งเงียบ อย่างมากถามคำตอบคำ แอบเห็นอาชายส่ายหน้าระอาในความรั้นของหลานสาวอยู่หลายครา ลลนาอยากชวนหลานสาวของเขาคุยบ้างเผื่อจะช่วยให้บรรยากาศอึมครึมระหว่างอากับหลานดีขึ้น หากอาการปั้นปึงใส่ของจอมใจเมื่อก่อนขึ้นรถมาด้วยกันทำให้หล่อนเลือกที่จะเงียบฟังเป็นพอ...ระยะทางจากบ้านหล่อนไปบริษัท...จึงยาวนานกว่าที่ควรจะเป็น

รถขับเคลื่อนสีน้ำเงินเทียบจอดหน้าอาคารกระจกสูงเด่นตระหง่านใจกลางเมือง คราเดียวกับที่นทีหันไปบอกหลานสาวที่นั่งอยู่เบาะหลังว่า “เดี๋ยวพออานาลงจากรถแล้ว เราต้องย้ายมานั่งเบาะหน้าคู่กับอา เข้าใจมั้ย”

จอมใจยังคงกอดอก มองฟ้ามองดินไปเรื่อยเปื่อย และนั่นหมายความว่าหลานสาวของเขารับรู้แต่ไม่แสดงออก

หันกลับมาสนใจภรรยาข้างกาย “แล้วเย็นนี้ผมจะมารับคุณไปทานข้าวนอกบ้านนะนา”

“ค่ะที ขับรถดีๆ นะคะ...อาไปทำงานก่อนนะคะน้องจอม” ประโยคท้ายลลนาเอ่ยลายิ้มๆ กับเด็กน้อยแต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาเช่นเคย ลลนาเลยได้แต่มองหน้าสามีก่อนถอนใจออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

ก้าวลงจากรถเดินเข้าบริษัท ไม่ลืมหันกลับมามองคนในรถ แล้วก็ต้องอมยิ้มให้กับภาพเด็กตัวปุ๊กลุ๊กในชุดกระโปรงบานสีชมพูหวานที่ค่อยๆ ก้าวลงจากรถ เปิดประตูรถฝั่งที่หล่อนเพิ่งลงมาย้ายตัวเองมานั่งบนเบาะหน้าตามที่อาชายบอก

เห็นแล้วก็อดยิ้มขันให้ไม่ได้ ยังไงก็เชื่อฟังอาชายสุดที่รักอยู่วันยังค่ำแหละนะ !

“อะแฮ่ม...คุณลลนาเจ้าคะ” เสียงกระแอมทักที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ลลนาละสายตาจากภาพตรงหน้า

ยิ้มกว้างเมื่อเห็นสาวร่างท้วมในชุดทำงานรัดรูปอย่างไม่เกรงสายตาประชาชน กอดอกมองเขม็นมาแต่ไกล ฟ้าใหม่เพื่อนของหล่อนนั่นเอง “ตายแล้ว ! ใครส่งแหนมเดินได้มาต้อนรับฉันแต่เช้าจ๊ะเนี่ย”

“แหม...แม่คุณ มาทำงานสายแล้วยังปากดีอีกนะ” ฟ้าใหม่ชะเง้อมองด้านหลังเพื่อน “ฮันแน่ มัวแต่ส่งยิ้มหวานให้สุดที่รักอยู่นี่เอง หวานจังนะแกเนี่ย”

“หวานอะไรกันเล่า” อ้อมแอ้มตอบไม่ค่อยเต็มเสียง ก่อนงุดหน้าเดินผ่านเพื่อนไปรอลิฟท์หน้าตาเฉย

อาการเขินอายจนหน้าแดงนั้นเพื่อนสาวมีเหรอจะไม่รู้ สาวเท้าไวตามไปกระแซะเพื่อน “นี่ยัยนา ตั้งแต่แกแต่งงานกับคุณที เขาดูแลแกดีรึเปล่า แล้ว...เออ...แล้วเธอสองคนยัง...แบบว่า...”

อาการอึกอักของเพื่อนสาวยิ่งทำให้ภาพเมื่อเช้ามืดที่นทีอุ้มหล่อนเข้าห้องนอนไปหวนกลับเข้ามาในห้วงคำนึงอีกครั้ง แก้มเนียนที่ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางๆ จึงยิ่งแดงระเรื่อให้เห็น ร้อนถึงเจ้าตัวปิดหน้าตัวเองให้วุ่น “บ้าน่ะยัยฟ้า ไม่มีอะไรจะคุยแล้วรึไงถึงได้พูดเรื่องไร้สาระอะไรก็ไม่รู้”

“ก็สาวโสดอย่างฉันจะมีเรื่องอะไรให้คุยนักหนาล่ะยะ” ว่าแล้วก็กระทุ้งแขนเพื่อน “ว่าไงยัยนา ไหนแกเคยบอกกับฉันไงว่าจะเล่าให้ฟัง แกผลัดฉันมาหลายครั้งแล้วนะ เดี๋ยววันนี้ก็ไม่พาไปเลี้ยงฉลองวันเกิดเสียเลย”

“ไม่มีอะไรหรอกฟ้า แกก็รู้ว่าพักนี้ทีเขางานยุ่ง”

ดูเหมือนฟ้าใหม่จะไม่เชื่อคำตอบของเพื่อนสาวเสียเท่าไหร่ แต่ในเมื่อลลนาไม่ยอมเล่าหล่อนเลยจำต้องปล่อยเลยตามเลย “ตามใจ ถึงวันนี้แกไม่เล่าแต่วันหน้าแกไม่รอดแน่ คอยดูนะถ้าแกกับคุณทีกลับมาจากฮันนีมูนรอบสอบที่ภูเก็ตเมื่อไหร่ ฉันจะซักแกให้ละเอียดยิบเลย อย่างน้อย...การได้เปลี่ยนบรรยากาศ อยู่ด้วยกันในโรงแรมริมหาดสองต่อสอง ยังไงก็ต้องมีเรื่องสวีทหวานมาเล่าให้ฉันฟังบ้างแหละ” ไม่พูดเปล่าเพื่อนสาวยังยักคิ้วกวนมาให้

ลลนานั้นเคยเล่าให้คนข้างกายฟังว่าจะพานทีไปฉลองวันเกิดด้วยกันที่ภูเก็ต เพื่อนสาวจึงฝันหวานไปไกลแบบนั้น แต่เรื่องที่สามีของหล่อนปฏิเสธการไปเที่ยวครั้งนี้เพื่อนของหล่อนยังไม่รู้

ห่อเหี่ยวใจเมื่อต้องขัดอารมณ์เพื่อน “คงไม่มีวันนั้นแล้วล่ะฟ้า”

“หา ?” ฟ้าใหม่ถึงกับร้องเสียงหลง หันขวับมาหาเพื่อน “แกว่าไงนะ”

ลลนาเพียงยิ้มๆ แต่รอยยิ้มที่มอบให้เพื่อนนั้นฝาดเฝื่อนพิกล

สีหน้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัดของลลนาทำให้เพื่อนสาวปรับอารมณ์แทบไม่ทัน “เออ...แกมะ...หมายความว่าไง คุณทีของแก...เออ...ปฏิเสธอย่างนั้นเหรอ”

ลลนาพยักหน้าเนือย คราเดียวกับที่ลิฟท์เปิดออก สองสาวต้องหยุดการสนทนาชั่วครู่หลีกทางให้คนในลิฟท์ออกมาก่อนเป็นฝ่ายเดินสวนทางเข้าไป เห็นว่าเหลือเพียงหล่อนและเพื่อนอยู่ในลิฟท์จึงอธิบายเสียงแปร่งปร่าว่า “ทีเขาเป็นห่วงหลานน่ะ จอมใจช่วงนี้ไม่ค่อยแข็งแรง งานเขาเองก็ยังไม่ลงตัวดี อยากรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยดีกว่านี้ก่อนแล้วค่อยหาเวลาไปพักผ่อนด้วยกัน”

“อะไรกัน ฉันว่าคุณทีของแกชักทะแม่งๆ แล้วนะ วันเกิดภรรยาทั้งทีเห็นงานสำคัญกว่าได้ยังไง ส่วนหลานตัวแสบนั้นก็มีพ่อมีแม่ แถมคุณย่าแสนเอาใจหลานด้วยอีกคน มีกันครบบ้านอย่างนั้นเขายังจะห่วงอะไรอีก” แม้ฟ้าใหม่เคยเจอจอมใจแทบนับครั้งได้ หากกริยา ท่าทางที่หลานตัวเล็กของนทีแสดงต่อลลนาต่อหน้าเพื่อนสาวผู้นี้ทำให้ความเอ็นดูที่มีต่อเด็กตัวน้อยมลายหาย มีแต่ความหมั่นไส้เข้ามาแทนที่
ไม่แปลกถ้าน้ำเสียงของเพื่อนยามเอ่ยถึงจอมใจถึงมีแววขุ่นเคืองอยู่ในที “ฉันว่าแกพยายามเอาสามีแกออกห่างจากหลานตัวแสบหน่อยเถอะ เด็กอะไรก็ไม่รู้แก่แดด”

“เป็นไรไปล่ะฟ้า ทีเขามีหลานอยู่คนเดียวก็ต้องรักมากเป็นธรรรมดา”

“แต่แกก็รู้ว่าเด็กนั่นหวงอาชายอย่างกับอะไรดี หรือไม่...สามีแกแอบไปมีกิ๊กที่ไหนแล้วเอาหลานมาอ้างรึเปล่า ระวังเถอะ ไอ้ที่บอกว่างานเยอะงานแยะเนี่ย แอบไปมีเมียลับอยู่นอกบ้านโดยไม่รู้ตัว เจอมาหลายรายแล้ว”

“แกนี่ !” ลลนาผลักศีรษะเพื่อนด้วยความหมั่นไส้แกมขบขัน

เลยเรียกเสียงโวยจากเพื่อน “โอ๊ย! ยัยนา เบามือหน่อยสิยะ ฉันเพิ่งทำผมมาเดี๋ยวหมดสวยกันพอดี”
คนที่เพิ่งทำผมมาลูบศีรษะตัวเองป้อยๆ ก่อนจัดผมสั้นซอยนั้นให้เข้าทรงเป็นการใหญ่ ลลนาเห็นแล้วก็ส่ายหน้าระอาให้กับคำเทศนาร่ายยาวของเพื่อน ฟ้าใหม่พูดอย่างกับตัวเองแต่งงานมีลูกนับโหลแล้วยังไงยังงั้น หล่อนเองเป็นภรรยาของนทีแท้ๆ ยังไม่เป็นเดือดเป็นร้อนเท่าเพื่อนสาวเลย




***********************


'ทีคะ ฉันมาแล้วค่ะ' ลลนาผลักบานประตูร้านสตูดิโอของนทีเข้าไปในช่วงเย็นของวัน นทีเป็นคนนัดหล่อนเองให้มาหาที่สตูดิโอของเขาแต่ไม่ว่าจะร้องเรียกเขาเท่าไหร่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ

กวาดตามองหาชายหนุ่มเจ้าของร้าน แล้วต้องนิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าภายในร้านมืดสนิทมีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟติดฝาผนังที่ส่องแสงสีนวลเผยให้เห็นภาพถ่ายของลลนนาสาวรอบกาย สะดุดตากับภาพถ่ายที่ใส่กรอบอย่างดีแขวนบนฝาผนัง ภาพถ่ายเหล่านั้นเป็นภาพสีขาวดำแต่เมื่อต้องแสงสีนวลของโคมไฟแล้วให้ความรู้สึกละมุนละไมยามมองไม่น้อย

อมยิ้มอยู่กับตัวเองเมื่อเห็นภาพหล่อนนอนเล่นอยู่บนผืนหญ้า หล่อนจำได้ว่าเป็นภาพที่หล่อนไปเที่ยวสวนสาธารณะกับฟ้าใหม่ แต่หล่อนลบภาพพวกนั้นออกจากกล้องเขาไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอทำไมยังมีภาพนี้อยู่กับเขาอีก เคลื่อนสายตาไปยังภาพอื่นแล้วยิ้มขันออกมา ไม่รู้ว่าเขานึกสนุกยังไงถึงได้นำภาพของหล่อนมาแขวนไว้เต็มร้านไปหมด

กระทั่งลลนามาหยุดยืนกลางสตูดิโอ สายตาหยุดนิ่งที่ภาพถ่ายฉายสไลด์บนผนังตรงหน้า เป็นภาพของหล่อนกับเขาถ่ายคู่กัน

ลลนาพยายามลำดับภาพเหล่านั้นในใจ ระลึกได้ว่าเป็นภาพที่หล่อนเคยถ่ายคู่กับเขาไว้ฉายสไลด์ไล่เรียงกันไปตั้งแต่เริ่มแรกที่รู้จักกัน หากนัยน์ตาสวยคู่นั้นต้องสะดุดตาที่ภาพสุดท้ายของสไลด์ เป็นภาพของหล่อนกับเขากำลังจับมือกัน แม้เป็นจุดเล็กๆ หากแจ่มชัดเมื่อเห็นประกายของเพชรบนแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายเจนตา

มองนิ้วนางของตัวเองให้แน่ใจเพราะหล่อนไม่เคยสวมแหวนที่นิ้วนั้นสักครั้ง !

’แต่งงานกับผมนะลลนา’ เสียงของชายหนุ่มที่ดังมาจากด้านหลังทำให้หญิงสาวหันมอง นทีนั่นเองที่เข้ามา
แต่แล้วภาพที่เขาคุกเข่าขอหล่อนแต่งงานกลางสตูดิโอถ่ายภาพเลือนหายคราเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์กรีดร้องฉุดลลนาตื่นจากภวังค์แห่งความหลัง ชื่อของสามีที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้ลลนายิ้มกว้างออกมา นทีอย่างกับรู้ว่าหล่อนกำลังฝันหวานถึงเขา

เห็นว่าเพื่อนร่วมงานส่วนมากกลับบ้านกันหมดแล้ว ส่วนฟ้าใหม่นั้นไม่ต้องมองหาให้เสียเวลา รายนั้นพอกลับจากพาหล่อนไปเลี้ยงฉลองวันเกิดที่ร้านส้มตำหน้าบริษัทก็ชิ่งกลับบ้านไปเลย

แน่ใจว่าไม่ได้ละเมอเพ้อพกเหมือนเมื่อครู่จึงกดรับสาย “มาถึงบริษัทแล้วเหรอคะที”

คนในสายเงียบไปอึดใจหนึ่งคล้ายตั้งหลัก “เออ...ผมคงไปรับคุณไม่ได้แล้ว เผอิญต้องพายัยจอมมาหาหมอ เออ...นากลับเองได้ใช่มั้ย” ประโยคท้ายถามไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่

ลลนาจับได้ถึงความรู้สึกหนักใจระคนลำบากใจของสามีอยู่ในที ความน้อยใจแล่นผ่านเข้ามาในหัวใจหากลำพังแค่หลานสาวของเขาไม่สบายก็ทำให้เขาลำบากใจมากพออยู่แล้ว หล่อนจึงคลี่ยิ้มจางๆ ออกมาแม้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็นก็ตาม

“คุณอยู่ดูแลหลานเถอะค่ะ ฝากความห่วงใยถึงน้องจอมด้วยนะคะที”

ได้ยินเขาครางรับ ก่อนกดวางสายตัดบทสนทนา

ลลนายังคงมองโทรศัพท์มือถือค้างอยู่อย่างนั้นราวกับต้องการมองทะลุผ่านไปถึงคนในสาย น้ำเสียงของสามีไม่สู้ดีเอาเสียเลย จอมใจอาจมีอาการหอบกำเริบขึ้นมาอีกก็เป็นได้ไม่อย่างนั้นเขาคงปลีกตัวมารับหล่อนตามที่สัญญาแล้ว

สะบัดหน้าแรงปัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นทิ้งเสีย ผ่อนลมหายใจหนักหน่วงให้เลื่อนลอยไปในอากาศ คว้ากระเป๋าสะพายลงมายังชั้นล่างของบริษัท แต่แล้วเพียงจะก้าวพ้นประตูเลื่อนอัตโนมัติ ฟ้าที่ครึ้มมาแต่ไกลกับฝนที่เริ่มตกปรอยๆให้เห็นทำให้หล่อนชักเท่ากลับ ควานหาร่มคันเล็กขนาดพกพาในกระเป๋าสะพายแล้วหน้าเสียเมื่อนึกขึ้นได้ว่าทิ้งร่มไว้ในรถอีกคันที่บ้าน

หันซ้ายหันขวามองหาเพื่อนร่วมงานแถวนั้นเผื่อจะอาศัยร่มคนอื่นเดินไปป้ายรถเมล์หน้าบริษัทได้บ้าง แต่ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะมีใครอยากกลับบ้านเหมือนหล่อนบ้างเลย สุดท้ายจึงเอากระเป๋าบังศีรษะวิ่งฝ่าสายฝนที่เริ่มลงเม็ดหนาอย่างไม่ปรานีไปยังป้ายรถเมล์ อย่างน้อยโชคชะตาไม่กลั่นแกล้งหล่อนจนเกินไป ป้ายรถเมล์ยังมีที่ว่างมากพอให้ลลนาเบียดกายเข้าไปหลบฝน ขณะที่ชายหญิงบริเวณนั้นต่างหันมองไปยังฝั่งขวาเป็นตาเดียวกันคล้ายรอคอยให้มีรถประจำทางสักคันวิ่งผ่านมา

ลลนาชะเง้อมองไปทางเดียวกัน ยิ้มออกมาได้หน่อยเมื่อเห็นลิบๆ ว่ามีรถเมล์เคลื่อนตัวเข้ามา อารามดีใจลืมเรื่องเปียกฝนไปชั่วขณะ แทรกตัวผ่านกลุ่มคนมายืนประจันหน้าริมฟุตปาธ แต่แล้วความซวยก็บังเกิด รถจากไหนไม่รู้ขับผ่านหน้าไปด้วยความเร็วสูงเล่นเอาลลนาร้องเสียงหลง

“ว๊าย !” กระโดดเหยงถอยห่างออกมา หากไม่ทันเสียแล้ว น้ำบนพื้นสาดกระเซ็นใส่เจ้าหล่อนอย่างจัง !

ไม่เพียงลลนาที่ซวย คนที่ยืนรอรถเมล์แถวนั้นก็เปียกปอนไม่แพ้กัน มีสีหน้าเหยเกเพราะเวลานี้สภาพตัวเองไม่ต่างจากลูกสุนัขตกน้ำ ร่างบางในชุดทำงานสีอ่อนเปื้อนด้วยน้ำโคลนผสมน้ำฝนเรียบร้อย จะเอามือเช็ดหน้าแต่กลับร้องหยีเมื่อเห็นคราบน้ำสกปรกแห้งติดตามแขนเป็นจุดๆ อย่างกับหล่อนเป็นอีสุกอีใสยังไงยังงั้น


ความโมโหทำให้นึกเลยผ่านไปถึงคนที่ผิดนัด ถ้านทีไม่เอาเรื่องหลานตัวแสบมาอ้าง หล่อนก็ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้หรอก ! ทีนะที กลับบ้านไปอย่าให้เจอหน้านะมีเรื่องแน่ ! #






สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 พ.ย. 2555, 18:12:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 พ.ย. 2555, 18:12:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1886





   บทที่ 2 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account