Knight At Night ... สงครามรัตติกาล
กาลเวลาพลิกกลับอีกครั้ง...ทุกอย่างกำลังจะได้เวลาเริ่มต้นใหม่ หรือว่าความจริงแล้ว...เพียงแค่ซ้ำรอยเดิมเท่านั้นกัน ? นับพันปีที่ผ่านไป ที่รอคอยคือเธอ หรือว่า..?
เขาส่งเสียงคำรามในลำคอ เสียงกึกก้องคล้ายเสียงสัตว์บาดเจ็บ ...ร้าวราน หากก็มากพอที่จะทำให้หักใจผละจากริมฝีปากหวานล้ำมาเคล้าเคลียพวงแก้มเนียนที่เย็นเฉียบนั่นพร้อมพร่ำกระซิบคำข้างหู
“แต่ถึงอย่างนั้น... ผมก็ยัง...” เขาอ้าปาก งับลงบนติ่งหูก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งไปด้านหลัง ดึงผมที่ท้ายทอยให้วงหน้างามดวงตาสีนิลจับจ้องฟากฟ้าแทน
“ต้องการเธอ”
“ต้องการ...”
".......เธอ"
"........."
"พลังของเธอ!"
เขาส่งเสียงคำรามในลำคอ เสียงกึกก้องคล้ายเสียงสัตว์บาดเจ็บ ...ร้าวราน หากก็มากพอที่จะทำให้หักใจผละจากริมฝีปากหวานล้ำมาเคล้าเคลียพวงแก้มเนียนที่เย็นเฉียบนั่นพร้อมพร่ำกระซิบคำข้างหู
“แต่ถึงอย่างนั้น... ผมก็ยัง...” เขาอ้าปาก งับลงบนติ่งหูก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งไปด้านหลัง ดึงผมที่ท้ายทอยให้วงหน้างามดวงตาสีนิลจับจ้องฟากฟ้าแทน
“ต้องการเธอ”
“ต้องการ...”
".......เธอ"
"........."
"พลังของเธอ!"
Tags: สงคราม, แฟนตาซี, ไซไฟ, รัตติกาล, ปีศาจ, วิวัฒนาการ, อารยธรรม, รัก, โรแมนติก
ตอน: นำเรื่อง
นำเรื่อง
เธอยืนอยู่ที่นั่น ท่ามกลางความเสื่อมสลาย
ทุกสิ่งล้วนสูญสิ้นไปหมด หลงเหลือเพียงเถ้าธุลี
ส่วนเธอ....เพราะเธอไม่ถูกจัดเป็น ‘อะไร’ เลย ดังนั้น แม้ว่าเธอจะยืนนิ่งงัน แหงนหน้าขึ้นมองเบื้องบน สองเท้าจมหายไปในฝุ่นทรายที่ทับถมแทบมิดข้อ แต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่ามีสิ่งใดหลงเหลือ
ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไป ย่ำเหยียบลงบนเถ้าธุลีและฝุ่นทราย
การเคลื่อนไหวของเขาทำให้หล่อนหันมา ร่างบอบบางที่อยู่ในชุดสีขาวผุดผาดอยู่กลางราตรี ปราศจากแม้แต่เศษเสี้ยวร่องรอยความแปดเปื้อนใด ไม่อนาทรต่อลมเย็นเยียบที่โลมไล้สองลาดไหล่ซึ่งเกือบเปลือยเปล่า มีเพียงสายเล็กๆของชุดกระโปรงสีขาวตัวยาวเกาะเกี่ยว
เรือนผมสีดำสนิทสะบัดวูบตามลมรำเพย สีเดียวกับนัยน์ตาที่ปราศจากแววคล้ายเป็นเพียงลูกแก้วว่างเปล่า
ลูกแก้วสีรัตติกาลซึ่งจับจ้องและสะท้อนภาพเขาผู้เดียว
ชายหนุ่มเอื้อมมือไป สัมผัสผ่านถุงมือเนื้อหยาบที่สวม หากชั่วแล่นของความรู้สึกก็ยังตระหนักถึงความนุ่มนวลของพวงแก้มเนียน
และความเยียบเย็นราวก้อนน้ำแข็งของผิวกาย
เขาขยับจะลดมือลง เมื่อกวาดตามองไป...แลเห็นแต่เพียงผืนทรายรกร้าง กว้างไกลสุดสายตาจรดปลายขอบฟ้าหลอมรวมทุกผืนดินเข้าหากันด้วยเม็ดทรายเล็กๆที่ทอดกองเรียงราย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เม็ดทรายนั้นคือ ‘ชีวิต’
เศษเถ้าธุลีพวกนี้...ล้วนเคยเป็น ‘ตัวตน’ มาก่อน
ชายหนุ่มหันกลับ เบือนสบนัยน์ตาสีดำอันมิผิดแผกไปจากเขาซึ่งทอดมองมานิ่งงันอยู่ก่อน
เขารู้อยู่แล้ว....
รู้อยู่แล้ว ว่าต้องเป็นแบบนี้
แต่ถึงอย่างนั้น....
มือที่กำลังจะตกลงชะงักนิ่ง ปลายนิ้วขยับคล้ายลังเล ก่อนเลื่อนขึ้นอีกครั้ง พร้อมมืออีกข้างที่ช่วยกอบประคองวงหน้างามให้แหงนเงยขึ้น
ลูกแก้วสีดำคู่นั้นยังจับจ้องเขานิ่งงัน ไม่มีแม้แต่การกระพริบตา
เป็นชายหนุ่มเสียเอง ซึ่งปิดเปลือกตาลงชั่วครู่ กรามขบเป็นสันนูนอย่างพยายามระงับอารมณ์ ก่อนจะลืมขึ้นอีกครั้ง
สบกับแววว่างเปล่าที่ตอบกลับมา
“ผมรู้...” เขากระซิบแผ่วเบา เมื่อก้มหน้าทาบริมฝีปากกับกลีบปากนุ่มราวกลีบกุหลาบแผ่วเบา “รู้อยู่แล้ว...”
สัมผัสค่อยหนักหน่วงขึ้น เช่นเดียวกับห้วงอารมณ์ที่เก็บกักภายในและพยายามทลายออกมา ริมฝีปากบางนุ่มหวานล้ำเบื้องหน้าถูกรานรุก ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดควานหาความโอชะที่แสนปรีดิ์เปรมและเขี้ยวคมขบเม้มแผ่วๆ
เขาส่งเสียงคำรามในลำคอ เสียงกึกก้องคล้ายเสียงสัตว์บาดเจ็บ ...ร้าวราน หากก็มากพอที่จะทำให้หักใจผละจากริมฝีปากหวานล้ำมาเคล้าเคลียพวงแก้มเนียนที่เย็นเฉียบนั่นพร้อมพร่ำกระซิบคำข้างหู
“แต่ถึงอย่างนั้น... ผมก็ยัง...”
เขาอ้าปาก งับลงบนติ่งหูก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งไปด้านหลัง ดึงผมที่ท้ายทอยให้วงหน้างามดวงตาสีนิลจับจ้องฟากฟ้าแทน
“ต้องการเธอ”
พร้อมคำที่สั่นพร่า ริมฝีปากร้อนระอุไล่ไต่ลงมาเคล้าเคลียไหล่บาง ก่อนรุกกลับขึ้นซุกไซร้ซอกคอ กดประทับรอยหนักหน่วง
ร่างที่แน่นิ่งมาเนิ่นนานเริ่มมีปฏิกิริยาเป็นครั้งแรก ยามเมื่อถูกทาบทับความร้อนผ่าวลงบนซอกคอ หญิงสาวกระตุกเฮือก หากมือแกร่งที่สัมผัสเรือนผมแผ่วเบากลับเปลี่ยนเป็นยึดแน่น
นัยน์ตาสีดำเบิกกว้างขึ้น เมื่อจุมพิตที่ประทับแปรเปลี่ยน กลายเป็นบางอย่างที่แหลมคมกว่า กำลังครูดลงบนผิวเนื้อเนียน....และมันไม่ใช่การขบเม้มอย่างเย้าแหย่
เขาครูดสัมผัส...รานรุกและทำความคุ้นชินกับผิวเนื้อบาง และคมเขี้ยวของตนเอง ที่บัดนี้แหลมยาวและพร้อมจะฝังลงบนเส้นเลือดใหญ่ที่กำลังเต้นตุบๆเย้ายวนเบื้องหน้า
“ต้องการ...” เขาขยับปาก บอกถ้อยคำสุดท้ายที่ชัดเจนและจะติดตรึงไปอีกนานเท่านาน “พลัง...ของเธอ”
แววบางอย่างคล้ายจะปรากฏวูบในดวงตาสีเดียวกับท้องฟ้าที่เหม่อมองขึ้นไป หากเพียงชั่วแล่นก็เลื่อนหายกลายเป็นม่านน้ำใสที่คลอคลองปรากฏแทนที่
ชายหนุ่มก้มหน้าฝังคมเขี้ยว สัมผัสและดื่มด่ำคาวโลหิต
หญิงสาวสั่นสะท้าน หยาดน้ำตาหลั่งรินก่อนดวงตาจะปิดลง
เนิ่นนาน...
+ + + + + +
เธอยืนอยู่ที่นั่น ท่ามกลางความเสื่อมสลาย
ทุกสิ่งล้วนสูญสิ้นไปหมด หลงเหลือเพียงเถ้าธุลี
ส่วนเธอ....เพราะเธอไม่ถูกจัดเป็น ‘อะไร’ เลย ดังนั้น แม้ว่าเธอจะยืนนิ่งงัน แหงนหน้าขึ้นมองเบื้องบน สองเท้าจมหายไปในฝุ่นทรายที่ทับถมแทบมิดข้อ แต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่ามีสิ่งใดหลงเหลือ
ชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าไป ย่ำเหยียบลงบนเถ้าธุลีและฝุ่นทราย
การเคลื่อนไหวของเขาทำให้หล่อนหันมา ร่างบอบบางที่อยู่ในชุดสีขาวผุดผาดอยู่กลางราตรี ปราศจากแม้แต่เศษเสี้ยวร่องรอยความแปดเปื้อนใด ไม่อนาทรต่อลมเย็นเยียบที่โลมไล้สองลาดไหล่ซึ่งเกือบเปลือยเปล่า มีเพียงสายเล็กๆของชุดกระโปรงสีขาวตัวยาวเกาะเกี่ยว
เรือนผมสีดำสนิทสะบัดวูบตามลมรำเพย สีเดียวกับนัยน์ตาที่ปราศจากแววคล้ายเป็นเพียงลูกแก้วว่างเปล่า
ลูกแก้วสีรัตติกาลซึ่งจับจ้องและสะท้อนภาพเขาผู้เดียว
ชายหนุ่มเอื้อมมือไป สัมผัสผ่านถุงมือเนื้อหยาบที่สวม หากชั่วแล่นของความรู้สึกก็ยังตระหนักถึงความนุ่มนวลของพวงแก้มเนียน
และความเยียบเย็นราวก้อนน้ำแข็งของผิวกาย
เขาขยับจะลดมือลง เมื่อกวาดตามองไป...แลเห็นแต่เพียงผืนทรายรกร้าง กว้างไกลสุดสายตาจรดปลายขอบฟ้าหลอมรวมทุกผืนดินเข้าหากันด้วยเม็ดทรายเล็กๆที่ทอดกองเรียงราย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เม็ดทรายนั้นคือ ‘ชีวิต’
เศษเถ้าธุลีพวกนี้...ล้วนเคยเป็น ‘ตัวตน’ มาก่อน
ชายหนุ่มหันกลับ เบือนสบนัยน์ตาสีดำอันมิผิดแผกไปจากเขาซึ่งทอดมองมานิ่งงันอยู่ก่อน
เขารู้อยู่แล้ว....
รู้อยู่แล้ว ว่าต้องเป็นแบบนี้
แต่ถึงอย่างนั้น....
มือที่กำลังจะตกลงชะงักนิ่ง ปลายนิ้วขยับคล้ายลังเล ก่อนเลื่อนขึ้นอีกครั้ง พร้อมมืออีกข้างที่ช่วยกอบประคองวงหน้างามให้แหงนเงยขึ้น
ลูกแก้วสีดำคู่นั้นยังจับจ้องเขานิ่งงัน ไม่มีแม้แต่การกระพริบตา
เป็นชายหนุ่มเสียเอง ซึ่งปิดเปลือกตาลงชั่วครู่ กรามขบเป็นสันนูนอย่างพยายามระงับอารมณ์ ก่อนจะลืมขึ้นอีกครั้ง
สบกับแววว่างเปล่าที่ตอบกลับมา
“ผมรู้...” เขากระซิบแผ่วเบา เมื่อก้มหน้าทาบริมฝีปากกับกลีบปากนุ่มราวกลีบกุหลาบแผ่วเบา “รู้อยู่แล้ว...”
สัมผัสค่อยหนักหน่วงขึ้น เช่นเดียวกับห้วงอารมณ์ที่เก็บกักภายในและพยายามทลายออกมา ริมฝีปากบางนุ่มหวานล้ำเบื้องหน้าถูกรานรุก ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดควานหาความโอชะที่แสนปรีดิ์เปรมและเขี้ยวคมขบเม้มแผ่วๆ
เขาส่งเสียงคำรามในลำคอ เสียงกึกก้องคล้ายเสียงสัตว์บาดเจ็บ ...ร้าวราน หากก็มากพอที่จะทำให้หักใจผละจากริมฝีปากหวานล้ำมาเคล้าเคลียพวงแก้มเนียนที่เย็นเฉียบนั่นพร้อมพร่ำกระซิบคำข้างหู
“แต่ถึงอย่างนั้น... ผมก็ยัง...”
เขาอ้าปาก งับลงบนติ่งหูก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งไปด้านหลัง ดึงผมที่ท้ายทอยให้วงหน้างามดวงตาสีนิลจับจ้องฟากฟ้าแทน
“ต้องการเธอ”
พร้อมคำที่สั่นพร่า ริมฝีปากร้อนระอุไล่ไต่ลงมาเคล้าเคลียไหล่บาง ก่อนรุกกลับขึ้นซุกไซร้ซอกคอ กดประทับรอยหนักหน่วง
ร่างที่แน่นิ่งมาเนิ่นนานเริ่มมีปฏิกิริยาเป็นครั้งแรก ยามเมื่อถูกทาบทับความร้อนผ่าวลงบนซอกคอ หญิงสาวกระตุกเฮือก หากมือแกร่งที่สัมผัสเรือนผมแผ่วเบากลับเปลี่ยนเป็นยึดแน่น
นัยน์ตาสีดำเบิกกว้างขึ้น เมื่อจุมพิตที่ประทับแปรเปลี่ยน กลายเป็นบางอย่างที่แหลมคมกว่า กำลังครูดลงบนผิวเนื้อเนียน....และมันไม่ใช่การขบเม้มอย่างเย้าแหย่
เขาครูดสัมผัส...รานรุกและทำความคุ้นชินกับผิวเนื้อบาง และคมเขี้ยวของตนเอง ที่บัดนี้แหลมยาวและพร้อมจะฝังลงบนเส้นเลือดใหญ่ที่กำลังเต้นตุบๆเย้ายวนเบื้องหน้า
“ต้องการ...” เขาขยับปาก บอกถ้อยคำสุดท้ายที่ชัดเจนและจะติดตรึงไปอีกนานเท่านาน “พลัง...ของเธอ”
แววบางอย่างคล้ายจะปรากฏวูบในดวงตาสีเดียวกับท้องฟ้าที่เหม่อมองขึ้นไป หากเพียงชั่วแล่นก็เลื่อนหายกลายเป็นม่านน้ำใสที่คลอคลองปรากฏแทนที่
ชายหนุ่มก้มหน้าฝังคมเขี้ยว สัมผัสและดื่มด่ำคาวโลหิต
หญิงสาวสั่นสะท้าน หยาดน้ำตาหลั่งรินก่อนดวงตาจะปิดลง
เนิ่นนาน...
+ + + + + +

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 พ.ย. 2555, 00:59:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 พ.ย. 2555, 00:59:39 น.
จำนวนการเข้าชม : 1104
Ch.0 >> |