มนตรากระดังงา
นางพริมา กีรติอนันต์ พัฒนภิรมย์ กับ นายภัทร์ พัฒนภิรมย์ คู่สามีภรรยาที่ครองรักกันมากว่า 6 ปี และมีพยานรักเป็นเด็กชายน่ารัก 2 คน ต้องจบชีวิตคู่ที่เริ่มจากรั้วมหาวิทยาลัยลงเพราะฝ่ายชายไปมีเมียน้อยซึ่งกำลังจะมีลูกสาวด้วยกัน หญิงสาวยอมหย่าให้และยอมเป็นแม่หม้ายในวัยเพียง 30 ปี ชีวิตคู่ที่พังทลายกลับสร้างพริมาคนใหม่ให้แกร่งกว่าเดิม เธอเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวขึ้น กระดังงาลนไฟดอกนี้จึงกลายเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มทั้งหลาย รวมทั้งภัทร์ พัฒนภิรมย์ ที่เพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอดีตภรรยา จนทำให้ความรักที่เขาคิดว่าได้มอดเชื้อไปแล้วนั้นปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
รักครั้งใหม่กับคนเดิมจะสมหวังได้หรือไม่ เพราะฝ่ายชายก็มีครอบครัวใหม่แล้ว ส่วนฝ่ายหญิงก็มีชายหนุ่มมากมายมาเข้าแถวให้เลือก อานุภาพของความรักจะประสานรอยร้าวของหัวใจสองดวงให้กลับมาหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้งหรือไม่ โปรดติดตาม......อาทิตา

Tags: รักร้าว มีเมียน้อย คืนดี

ตอน: ตอนที่ 16.....ครบ 100% แล้วค่ะ

ตอนที่ 16

ภัทร์มองลอดเข้าไปในห้องนั่งเล่นของลูกเนื่องจากประตูถูกเปิดทิ้งไว้ เขาได้ยินเสียงใส ๆ ของอดีตภรรยาที่กำลังกำกับให้เด็กรับใช้ทำอะไรบางอย่าง เพราะเสียงของเธอ...เท้าของเขาจึงก้าวมาทางนี้ แทนที่จะลงบันไดเพื่อไปทำงาน เขาไม่ได้เห็นหน้าค่าตาของพริมามาเกือบ 1 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ที่เธอได้ย้ายออกจากบ้านหลังนี้ไปพำนักอยู่ที่คอนโดฯอย่างถาวร อีกทั้งวิภาวีที่ท้องแก่ขึ้นทุกวันเขาจึงต้องดูแลเธอมากขึ้น ชายหนุ่มที่พ่วงตำแหน่งพ่อม่ายแต่ไม่โสดได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของอดีตภรรยาผ่านทางลูก ๆ ที่เล่าให้ฟังถึงกิจกรรมที่ทำร่วมกับคุณแม่ในช่วงวันธรรมดา ซึ่งแต่ละกิจกรรมที่เล่ามานั้นก็มักจะมีชื่อของ ‘คุณอาราม’ ให้ได้ยินอยู่บ่อย ๆ ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“บัว ติดตรงนี้ทั้งแถบเลยนะ จากพื้นขึ้นมาจนถึงใต้ขอบหน้าต่างเลย ติดให้รอบห้องเลยนะ ฉันซื้อกระดาษมาเยอะ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่พอ แล้วถ้าเด็ก ๆ เขียนจนเต็มหมดแล้ว บัวก็เอากระดาษแผ่นใหม่มาติดทับได้เลย ไม่ต้องรื้อแผ่นเก่าทิ้งนะ ติดทับไปเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลามานั่งแกะของเก่าออก สักเดือนหนึ่งค่อยรื้อออกทั้งหมด แล้วก็ทำแบบนี้ใหม่อีก ถ้ากระดาษใกล้หมดก็บอกมา ฉันจะได้ซื้อมาสำรองไว้ให้ อ้อ! พวกกระดาษที่รื้อออกแล้ว ห้ามทิ้งอย่างเด็ดขาดนะ พับเก็บเอาไว้ให้ฉัน บัวช่วยบอกคนอื่น ๆ ในบ้านด้วยนะ จะได้ไม่มีใครเผลอเอากระดาษพวกนี้ไปทิ้ง บอกว่าเป็นคำสั่งของฉัน” พริมาสั่งพี่เลี้ยงของลูกชายทั้งสองด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดแต่ไม่ดุดัน เพราะถึงเธอจะไม่ได้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านนี้แล้ว แต่เมื่อเป็นเรื่องของลูกชายทั้งสอง พริมาก็ไม่คิดว่าจะต้องเกรงใจใครทั้งนั้น
ภัทร์ที่ยืนอยู่ตรงประตูห้อง เฝ้ามองพริมาที่กำลังออกคำสั่งอยู่ทางเบื้องหลัง ซึ่งเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าพริมาที่กำลังช่วยพี่เลี้ยงของลูกติดกระดาษสีขาวไปบนกำแพงทั้ง 4 ด้านนั้นทำเพื่ออะไร
‘บัว’ พี่เลี้ยงจากภาคเหนือของลูกชายทั้งสองที่ปกติจะต้องไปอยู่ดูแลเด็ก ๆ ที่คอนโดฯกับพริมาด้วยเพื่อช่วยทำความสะอาดเล็ก ๆ น้อย ๆ และเป็นลูกมือในการเตรียมอาหาร เพราะพริมาจ้างแม่บ้านของทางคอนโดฯให้ทำความสะอาดเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว บัวจึงมีหน้าที่หลัก คือ ช่วยดูแลเด็ก ๆ ในยามที่พริมาต้องอาบน้ำแต่งตัว หรือเป็นเพื่อนเล่นกับน้องปิ๊ปในยามที่คุณแม่ต้องสอนการบ้านพี่ป๊อป บัวต้องตามเด็ก ๆ กลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะเธอช่วยดูแลเด็กทั้งสองมาตั้งแต่แรกเกิด จึงเป็นที่ไว้วางใจของพริมาและเป็นที่รักใคร่ของเด็ก ๆ.....บัวผู้ซึ่งเป็นเพียงพี่เลี้ยงแต่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเด็ก ๆ ทุกวัน ไม่ต้องสลับผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่อย่างพ่อและแม่ที่แท้จริง!!!
ขณะนี้พี่เลี้ยงสาวกำลังก้มหน้าก้มตาติดกระดาษปอนด์สีขาวแผ่นโตอยู่บนกำแพงอย่างขะมักเขม้น โดยมีพริมาช่วยจับกระดาษส่วนบนไว้ให้ วันนี้พริมาอยู่ในชุดออกกำลังกายเข้ารูปสีม่วงเข้ม เธอจึงดูทะมัดทะแมงและคล่องแคล่วแตกต่างไปจากที่ภัทร์เคยคุ้นตา หนึ่งเดือนที่ผ่านมารูปร่างของเธอกระชับขึ้นทุกสัดส่วนเพราะเมื่อเธอส่งลูก ๆ ทั้งสองไปโรงเรียนแล้ว ม่ายสาววัย 30 ต้น ๆ ก็จะไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสแห่งหนึ่ง ซึ่งได้รับการแนะนำจากวรปรัชญ์ที่เป็นสมาชิกอยู่ก่อนแล้ว พริมาตกลงใจจ้างครูฝึกส่วนตัวเพราะต้องการออกกำลังกายให้ได้ผลหลังจากที่ไปเล่นครั้งแรก ๆ แล้วเห็นว่าบรรดาแม่บ้านทั้งหลายที่มาใช้บริการนั้น เป็นพวกที่ชอบพูดคุยสนุกสนานและมักแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับละครเรื่องต่าง ๆ มากกว่าตั้งใจที่จะมาออกกำลังกาย เธอเองก็ได้รับเชิญเป็นแขกกิตติมศักดิ์ให้เข้าไปร่วมวงสนทนาด้วย เพราะความเป็น ‘ม่าย’ ของเธอนั้นเป็นหัวข้อที่น่าสนใจของทุกคน และเพราะเหตุนี้เองพริมาจึงต้องจ้างครูฝึกส่วนตัวเพื่อที่จะมีข้ออ้างไว้ปฏิเสธการเข้าร่วมวงศ์ไพบูลย์กับบรรดาคุณแม่บ้านเหล่านั้น และเพียง 2 สัปดาห์กว่าพริมาก็แสดงให้บรรดาแม่บ้านทั้งหลายได้เห็นผลของการออกกำลังกายทั้งตัว ไม่ใช่แค่ปากกะหูด้วยรูปร่างที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ถึงก่อนหน้านั้นเธอจะไม่ใช่คนอวบอ้วน แต่หลังจากการออกกำลังกายโดยมีครูฝึกควบควบคุมอย่างเข้มงวด ทรวดทรงองค์เอวของเธอก็ดูดีขึ้น ต้นแขนต้นขาลดลง เอวกิ่วคอดขึ้น หน้าอกก็กระชับขึ้น ยิ่งเธอหันมาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของร้านดัง ‘by Patra’ ที่เน้นอวดรูปร่างของผู้สวมใส่อย่างพอดี ไม่เปิดมากไปและไม่ปิดจนมิดชิด ความสวยของกระดังงาดอกนี้จึงฉายออกมาอย่างเด่นชัดและทวีความหอมมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่พริมาไม่รู้ตัว
ภัทร์ที่ยังคงลอบมองอดีตภรรยาอย่างลืมตัว เลยตั้งตัวไม่ติดเมื่อพริมาที่หมุนตัวมาเพื่อหยิบกระดาษแผ่นใหม่จากพื้นหันมาสบตาเข้าพอดี
“ปะ...ปริม ปริมกำลังทำอะไรน่ะ” ภัทร์ถามอย่างตะกุกตะกัก พริมาเองที่ตกใจเช่นกันเพราะไม่คิดว่าภัทร์จะแอบดูอยู่เงียบ ๆ ตอบกลับโดยไม่ได้มองหน้า มือทั้งสองของเธอยังคงสาละวนกับการช่วยพี่เลี้ยง
“พอดีพี่หมอเขาแนะนำให้เราติดกระดาษไว้รอบ ๆ ห้อง เพื่อที่จะให้ลูกได้ขีดเขียน วาดรูปหรือระบายสีน่ะค่ะ พี่หมอบอกว่าเป็นการให้เด็กได้ระบายออกทางหนึ่ง แล้วเราก็จะได้เห็นสิ่งที่ลูกคิด สิ่งที่ลูกไม่ได้พูดออกมา และสิ่งที่ลูกเก็บอยู่ข้างในได้น่ะค่ะ พี่หมอบอกว่าบางครั้งเด็กเขาอาจจะไม่รู้ว่าจะพูดความรู้สึกตัวเองออกมายังไง บางครั้งเขาก็อาจจะไม่กล้าที่จะพูดความในใจออกมาตรง ๆ วิธีนี้จะช่วยให้ลูกสื่อสารกับเราได้ดีขึ้น เราจะเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของลูกได้มากขึ้น” พริมาอธิบายพลางหยิบกล่องสีเทียนกล่องใหญ่ที่ซื้อมาใหม่ออกจากถุง แล้วจึงเทสีเทียนทั้งหมดลงในกล่องพลาสติกใสที่เตรียมไว้ ก่อนที่จะปิดฝาแล้วนำกล่องไปวางไว้บนชั้นวางหนังสือที่อยู่ใกล้ ๆ
“เปรมแนะนำมาเหรอ” ภัทร์ถามพร้อมทั้งพยักหน้ารับฟังอย่างเห็นดีด้วย
“ไม่ใช่พี่เปรมหรอกค่ะ พี่หมอตินน่ะค่ะ” พริมาตอบโดยไม่ได้มองสีหน้าของผู้ฟัง จึงไม่ได้เห็นอากัปกิริยาของคนฟังที่คอแข็งขึ้นมาทันทีที่ได้ยินชื่ออดีตคู่แข่งคนสำคัญ
“ปริมพาลูกไปพบเขามาเหรอ” ภัทร์ถามอย่างใคร่รู้ปนหึงหวง.....หึงทั้งที่ไม่มีสิทธิ์อีกแล้ว พริมายังไม่ทันได้อ้าปากตอบ ภัทร์ก็ถามต่อว่า
“ทำไมไม่บอกพี่ก่อน พี่จะได้ไปด้วย ไหนปริมว่าเรื่องลูกเป็นเรื่องของเราสองคนไงล่ะ แล้วทำไมไม่บอกไม่ปรึกษาพี่ก่อนเลย ตาป๊อปก็ลูกพี่เหมือนกันนะ พี่ก็เป็นห่วงตาป๊อปพอ ๆ กับที่ปริมห่วงนั่นแหละ แล้สนี่ลูกเราต้องไปพบจิตแพทย์เด็กด้วยเหรอ พี่ว่าตาป๊อปไม่ได้แย่ขนาดนั้นนะ” ภัทร์รัวคำถามมาเป็นชุดและแสดงสีหน้าไม่พอใจ
“เปล่าคะ” พริมาที่หยุดงานในมือ แล้วหันมาเผชิญหน้ากับภัทร์ตรง ๆ
“ปริมไม่ได้พาลูกไปหาพี่หมอ ปริมแค่โทรคุยกันน่ะค่ะ แล้วปริมก็คิดว่าการที่ปริมขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านจากจิตแพทย์เด็ก คงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากใครก่อน ที่ผ่านมาปริมก็ดูแลลูกในแบบนี้มาตลอด ไม่เห็นจะเคยมีปัญหาอะไรนี่คะ” พริมาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายหลังพูดจบ เธอสบตากับภัทร์พลางส่ายหน้าไปมา แล้วจึงหันไปทำงานต่อ
“อ้าวเหรอ แค่โทรคุยเหรอ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่อยากมีส่วนร่วมกับลูกในทุก ๆ เรื่องน่ะ” ภัทร์แก้เก้อด้วยการขยับเนคไทที่ผูกเรียบร้อยแล้วไปมา บัวที่หันมาเห็นเข้าพอดีจึงอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เธอเองยังดูออกว่าคุณผู้ชายยังหึงและหวงคุณผู้หญิงคนสวยของบัวอยู่มาก เธออยากให้คนทั้งคู่ได้คืนดีกัน แต่สิ่งที่คุณผู้ชายทำลงไปก็ร้ายแรงนัก สำหรับลูกผู้หญิงด้วยกันอย่างไรเธอก็ต้องเข้าข้างคุณพริมา ยิ่งเคยได้เห็นคุณผู้หญิงแอบนั่งร้องไห้คนเดียวตอนกลางดึกด้วยแล้ว เธอยิ่งสงสารพริมามากขึ้น พี่เลี้ยงชาวเหนือที่อยู่ในบ้านหลังนี้มาเกือบ 5 ปีเต็มแล้ว ยังสงสัยเพราะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่า
‘ทำไมคุณผู้ชายของบ้านที่มีคุณผู้หญิงที่แสนสวยและเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ยังริอ่านที่จะมีเมียน้อยได้ลงคอ หรือนี่จะเป็นการใช้เงินของพวกคนรวย เงินหามาใช้ไม่หมด เลยต้องหาคนมาช่วยใช้ สงสารก็แต่พวกเด็ก ๆ ต้องย้ายที่หลับที่นอนทุกอาทิตย์ เฮ้อ ไม่เข้าใจจริง ๆ’
“เอ่ออออ งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ” ภัทร์พูดเสร็จแต่ยังไม่ออกเดินเพราะต้องการรอเสียงตอบรับจากคนฟัง ซึ่งก็ไม่นานเกินรอ เสียงของพริมาก็ดังขึ้นว่า
“บัว ทำต่อให้เสร็จนะ เดี๋ยวฉันจะไปออกกำลังกายก่อน แล้วตอนบ่าย ๆ จะแวะมารับ เมื่อเช้าสัญญากับน้องป๊อปว่าจะพาไปทานไอติมที่ห้าง บัวเตรียมตัวไว้นะ ฉันน่าจะมาสัก 5 โมง อ้อ! วันนี้ฉันจะไปรับเด็ก ๆ เอง บัวไม่ต้องไป รออยู่ที่นี่แหละ” พริมาพูดเสร็จก็หมุนตัวมาทางประตูที่ที่ภัทร์ยังยืนนิ่งอยู่
“ไปนะคะ” พริมาบอกกับภัทร์ขณะที่เดินผ่านหน้าเขาไป หญิงสาวไม่แม้แต่จะชายตามองมา
‘นี่เธอตัดเขาขาดได้แล้วเหรอเนี่ย’ ภัทร์อดคิดอย่างหวาดหวั่นไม่ได้

************************

ณ สำนักงานขายของหมู่บ้านใหม่แห่งหนึ่งที่กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างแถบย่านชานเมืองของกรุงเทพฯมหานคร หลังจากที่ได้พูดคุยรายละเอียดของโครงการกับผู้จัดการและพนักงานขายจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วิภาวีจึงตัดสินใจขอเดินชมบ้านตัวอย่างทุกแบบอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้บ้านตามที่ต้องการ หญิงสาวตัดสินใจเลิกที่จะรอย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์พัฒนภิรมย์เพราะสามีทางพฤตินัยไม่ปริปากชวนเสียที อันที่จริงภัทร์ไม่เคยพูดถึงเรื่องการแต่งงานหรือแต่การจดทะเบียนสมรสกับเธอเลย ณ เวลานี้เธอจึงต้องหาหลักประกันอย่างอื่นเอาไว้ก่อน
“วิ ผมว่าเราไม่ต้องเดินดูบ้านหรอก ในกราฟฟิคที่เขานำเสนอนี่มันก็ครบถ้วนและเสมือนจริงอยู่แล้วนะ” ภัทร์ติงเพราะเขาต้องเสียเวลาทำงานตลอดช่วงบ่ายเพื่อพาเธอมาเลือกซื้อบ้าน โดยมีเหตุผลที่ทำให้เขาต้องยอมจำนนว่า
‘วิอยากย้ายเข้าบ้านใหม่ก่อนที่ลูกจะเกิดนี่คะ เป็นของขวัญให้ลูกของเราไงคะ’ ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณ 1 เดือนเท่านั้น
“แต่วิอยากเห็นของจริงนี่คะคุณภัทร์” วิภาวีพูดพลางใช้มือขวาลูบท้องไปมา ว่าที่คุณแม่สวมเสื้อแขนกุดผ้าพลิ้วที่มีลวดลายดอกไม้กระจุ๋มกระจิ๋มกับกางเกงเลคกิ้งสีดำของคนท้องโดยเฉพาะ อีกมือหิ้วกระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อหรู
“ยังไงมันก็ไม่เหมือนหรอก นั่นมันบ้านตัวอย่างนะวิ เขาแต่งไว้โชว์ เราไม่ได้แต่งเหมือนเขา ดูไปก็เท่านั้น”
“อย่างน้อยก็จะได้ไอเดียในการไปแต่งบ้านเราไงคะ” วิภาวียังคงยืนกรานความคิดเดิม
“แล้วนี่คุณจะดูทั้ง 5 – 6 แบบนั่นเลยเหรอ คุณท้องแก่แล้วนะ จะเดินขึ้น ๆ ลง ๆ ยังไงไหว เลือกแบบที่ชอบที่สุดมาเถอะ ผมเองก็ต้องกลับไปทำงานด้วย” ภัทร์สรุปอย่างชัดเจน ก่อนที่จะหยิบมือถืออกมาจากกระเป๋าเพื่อเช็คตารางนัดหมาย
“ก็ได้ค่ะ” วิภาวีทำหน้ากระเง้ากระงอดใส่ แล้วจึงหันไปบอกกับผู้จัดการฝ่ายขายของโครงการว่า
“แบบที่ 1 กับ 2 นี่ราคาแพงที่สุด ใช่ไหมคะ”
“ใช่ค่ะ” หญิงสาวในชุดกระโปรงสูทสีดำตอบอย่างนอบน้อม
“ราคาเท่ากันเลยหรือเปล่าคะ”
“แบบที่ 1 แพงกว่านิดหน่อยค่ะ” นิดหน่อยที่ว่าคือเหยียบล้าน
“งั้นไปดูแบบที่ 1 ก็ได้ค่ะ อ้อ! พอดูบ้านตัวอย่างเสร็จแล้ว คุณช่วยพาเราวนไปดูแปลงที่คุณบอกว่าอยู่ตรงข้ามกับทะเลสาบของหมู่บ้านหน่อยนะคะ ฉันชอบที่ดินแปลงนั้นน่ะค่ะ” วิภาวีออกคำสั่ง
“อ๋อ! ได้สิคะ แต่แปลงนั้นเพิ่งจะลงเสาเข็มเองนะคะ เกรงว่าต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนน่ะค่ะกว่าจะเสร็จ” ผู้จัดการสาวรีบชี้แจง
“อ้าว! อย่างนั้นเหรอคะ” วิภาวีรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
“งั้นขอไปดูก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที”
“แต่ราคาแปลงนั้นจะสูงกว่าแปลงอื่น ๆ นะคะ” พนักงานขายหญิงอีกคนรีบบอก
“ถ้าสวยจริงแพงแค่ไหนก็ไม่ว่าหรอกค่ะ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา” วิภาวีหันไปตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนที่จะหันไปมองภัทร์ที่ยังคงง่วนอยู่กับมือถือในมือ วิภาวีหน้าง้ำที่ภัทร์ไม่ได้ให้ความสนใจในการซื้อบ้านหลังนี้
“แต่ถ้าคุณวิอยากได้แบบบ้านแบบที่ 1 ที่พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ทางเราก็ยินดีจะขายบ้านตัวอย่างที่กำลังจะพาไปดูให้นะคะ” ผู้จัดการรีบเสนอทางเลือกใหม่เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า
“พร้อมเข้าอยู่ได้เลยเหรอคะ” วิภาวีหันมาถามอย่างสนใจ
“ค่ะ หิ้วกระเป๋าเขาอยู่ได้เลยค่ะ” พนักงานขายอธิบายเพิ่มเติม
“น่าสนค่ะ งั้นไปดูกันเลย ถ้าทุกอย่างโอเคเดี๋ยวค่อยมาทำสัญญากันเลย นะคะคุณภัทร์” วิภาวีหันมาถามภัทร์ แต่กลับพบว่าชายหนุ่มกำลังพูดโทรศัพท์อยู่ วิภาวีจึงเดินเข้าไปคล้องแขนอีกข้างของชายหนุ่มแล้วออกแรงกระชากเบา ๆ ให้เขาเดินตาม
“ไปกันเถอะค่ะ จะได้ดูบ้านให้เสร็จ ๆ และกลับมาทำสัญญาให้เรียบร้อยเลยในวันนี้ แล้วคราวนี้คุณจะได้กลับไปทำงานให้สมใจสักที” วิภาวีพยายามเก็บอาการไม่พอใจด้วยการพูดไม่ใส่อารมณ์แตกต่างจากความรู้สึกที่อยู่ข้างใน เธอต้องสะกัดกั้นอารมณ์พลุ่งพล่านเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียลาภก้อนใหญ่....เพื่อบ้านหลังงามที่รอให้เธอได้เป็นเจ้าของและครอบครองในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ เพราะกว่าภัทร์จะยอมพาเธอมาดูบ้านในโครงการหรูนี้ได้ เธอต้องรอมาเป็นสัปดาห์แล้ว
แล้วทั้งหมดก็ก้าวออกจากสำนักงานเพื่อตรงไปยังรถกอล์ฟที่ทางโครงการได้เตรียมไว้ต้อนรับลูกค้าเพื่อความสะดวกในการเข้าไปชมบ้านตัวอย่างที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง และที่นั่นพวกเขาทั้งสี่ก็พบกับลูกค้าชายหญิงอีกคู่ ที่กำลังเดินชมบ้านตัวอย่างพร้อมรับฟังคุณสมบัติของบ้านหรูราคาหลายล้านจากพนักงานขายอีกคน ทันทีที่ลูกค้าทั้งสี่หันมาเห็นหน้ากัน สีหน้าของแต่ละคนต่างก็แสดงอารมณ์ที่หลากหลายแตกต่างกันออกมา บางคนก็แปลกใจ บางคนก็สะใจ บางคนก็เจ็บ และบางคนก็หึง!

************************

ทันทีที่สบโอกาสได้อยู่ในห้องรับแขกของบ้านตัวอย่างเพียง 2 คน เนื่องจากราเมศวรที่ปลีกตัวเดินขึ้นไปดูชั้นบนของตัวบ้าน ส่วนวิภาวีต้องเดินตามพนักงานขายไปดูห้องครัวและห้องคนใช้ที่อยู่ทางด้านหลังของบ้านอย่างอิดออด เธอไม่อยากทิ้งปลาย่างแม่ม่ายสาวไว้กับแมวที่เป็นอดีตเจ้าของปลาย่างอย่างภัทร์ แต่เธอรู้ดีว่าการทำตัวดื้อรั้นและงี่เง่าต่อหน้าผู้ชายอย่างที่พวกเมียน้อยและนางอิจฉาในละครชอบทำกันนั้น เป็นเรื่องที่ทำให้ตัวเองดูแย่ในสายตาของคนอื่นโดยเฉพาะในสายตาของภัทร์เธอจะต้องเป็นเมียใหม่ที่ดี ที่ไม่ไประรานอดีตเมียหลวง เธอจึงต้องแสร้งทำเฉยว่าไม่ทุกข์ร้อนอะไร และเดินวางมาดตามพนักงานขายไป แต่ก็ไม่วายคอยหันมาชำเลืองดูคนทั้งคู่อยู่ตลอด เมื่อไม่มีคนอื่นและเห็นว่าพริมามัวแต่สนใจสวนน้ำตกเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างบ้านซึ่งสามารถมองเห็นได้จากห้องรับแขกเพราะมีกระจกโดยรอบ ภัทร์จึงรีบตรงเข้าไปถามพริมาว่า
“ปริมจะซื้อบ้านเหรอ ที่นี่มันไกลจากโรงเรียนลูกนะ รถน่าจะติดในช่วงเช้าและเย็น ถ้าปริมจะซื้อบ้านใหม่เดี๋ยวพี่พาไปดูโครงการของเพื่อนพี่เอาไหม ที่นั่นสวยกว่าที่นี่เยอะเลย การเดินทางก็สะดวกกว่า อยู่แถว....” ภัทร์พูดเองเออเอง แต่พริมาก็แทรกขัดขึ้นว่า
“ทำไมคะ ที่ไม่อยากให้ปริมอยู่ที่นี่เพราะพี่กำลังจะซื้อบ้านให้เขาใช่ไหมคะ” หญิงสาวจ้องหน้าอดีตสามีด้วยความเจ็บช้ำ
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะปริม” ภัทร์ไม่ได้มีเจตนาอย่างที่พริมากำลังเข้าใจผิด เพราะที่จริงแล้วเขาไม่อยากให้พริมาต้องอยู่ร่วมบ้านกับผู้ชายคนไหนทั้งนั้น
“ถ้าที่โน่นมันดีกว่า ทำไมพี่ไม่พาคนของพี่ไปซื้อล่ะคะ”
“เอ่อ....” ภัทร์ไม่มีคำตอบ จะให้บอกกับพริมาไปได้อย่างไรว่าภรรยาของเจ้าของโครงการที่รู้จักกันดีกับเขาและพริมานั้นทำท่าปั้นปึ่งใส่ตั้งแต่วันที่เขาไปงานเปิดตัวโครงการเมื่อสองเดือนก่อน.......ช่วงที่เขาเพิ่งหย่าจากเธอใหม่ ๆ แถมแม่เจ้าประคุณยังกระแนะกระแหนให้เขาได้ยินอีกว่า
‘คุณน้องรู้ไหมคะ คนรวยเดี๋ยวนี้น่ะเขาชอบซื้อบ้านให้เมียใหม่อยู่ แต่ให้เมียเก่าอยู่คอนโดอุดอู้แทน แปลกดีไหมคะ โลกมันกลับตาลปัตรไปหมดแล้วนะคะ เดี๋ยวนี้ผู้ชายเขานิยมเชิดชูเมียน้อยกัน อุ้ย! พูดผิด ต้องเมียใหม่สิ’
เมื่อเห็นภัทร์อยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พริมาจึงยิ่งแน่ใจว่าเพราะเขาไม่ต้องการให้เธอมาอยู่ที่นี่ ม่ายสาวที่แกร่งขึ้นเพราะบทเรียนชีวิต จึงพูดออกไปให้คนฟังได้สะอึกบ้างว่า
“ปริมแล้วแต่คุณรามน่ะค่ะ เป็นสิทธิ์ของเขา เขาเป็นเจ้าของบ้าน ถ้าเขาชอบปริมก็คงขัดไม่ได้ ปลูกเรือนก็ต้องตามใจผู้อยู่ ใช่ไหมคะ” พริมารู้ดีว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปนั้นย่อมสร้างความกังขาให้กับคนฟัง แต่นั่น คือ สิ่งที่เธอต้องการ เธอเคยเป็นนางฟ้าแสนดี แต่กลับได้รับความเจ็บช้ำและการถูกทรยศเป็นเครื่องตอบแทน ณ วันนี้เธอยังคงเลือกที่จะเป็นนางเอก แต่คงไม่ใช่นางเอกที่แสนดีอย่างในละครอีกต่อไป เธอเจ็บเป็น เสียใจเป็น ถ้าเลี่ยงได้เธอคงไม่สร้างเวรสร้างกรรมกับเขาอีกต่อไป แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้อย่าง ณ นาทีนี้ เธอก็ต้องเอาคืนกันบ้าง และมันก็ได้ผลชะงัดนัก ภัทร์ขบกรามจนนูนเป็นสันและจ้องมองเธอด้วยแววตาดุดัน
“ปริมเพิ่งหย่าจากพี่นะ!”
“ก็เพราะว่าปริมเพิ่งหย่าไงล่ะคะ ปริมถึงไม่คิดว่าปริมทำอะไรผิด” พริมาเถียงกลับทันควัน ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นวิภาวีที่กำลังเดินกลับมาเข้ามาในห้องรับแขก
“คุณภัทร์คะ” วิภาวีที่เดินกลับมาเงียบ ๆ เพราะอยากได้ยินว่าคนทั้งคู่กำลังคุยอะไรกันอยู่ ว่าที่คุณแม่รีบเดินเข้ามาเกาะแขนของภัทร์อย่างแสดงความเป็นเจ้าของ เธอแสร้งยิ้มให้พริมาอย่างที่แสร้งยกมือไหว้สวัสดีตั้งแต่นาทีแรกที่ได้เผชิญหน้ากัน
“คุณปริมจะซื้อบ้านที่นี่ด้วยเหรอคะ” วิภาวีถามอย่างใคร่รู้
“.......” พริมาเงียบ แล้วเบี่ยงหน้าหันไปมองทางอื่นเพราะไม่ต้องการเสวนากับ ‘เมียน้อย’
“ที่วิถามเพราะถ้าคุณปริมสนใจบ้านหลังนี้ วิจะได้เสียสละให้ วิไปเอาหลังอื่นแทนก็ได้ค่ะ” วิภาวีเล่นบทนางเอกในละคร พริมาหันมาจ้องหน้าว่าที่คุณแม่ก่อนที่จะพูดชัด ๆ และช้า ๆ ว่า
“ไม่ต้องมาเสียสละอะไรให้ฉันหรอกค่ะ คนอย่างฉันไม่ได้ขาดเหลืออะไร ฉันมีครบทุกอย่างแล้วค่ะ” คำตอบของเธอทำให้วิภาวีหน้าเสีย แต่แววตากลับกร้าวอย่างรุ่งโรจน์ เธอสบตาพริมาอย่างท้าทายแต่เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าภัทร์เธอก็ต้องเก็บอาการกรุ่นโกรธที่คุกรุ่นอยู่ในใจ วิภาวีจึงไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบพริมากลับมา ตรงกันข้ามกับพริมาที่ไม่ต้องเสแสร้งแกล้งเป็นคนดี หญิงสาวจึงพูดต่อว่า
“คุณคงลืมไปมั้งคะ ว่าฉันต่างหากที่เป็นคนเสียสละให้คุณ”
“คุณปริมหมายถึงเสียสละคุณภัทร์อย่างนั้นหรือคะ” วิภาวีแกล้งถาม แล้วแกล้งคร่ำครวญต่อว่า
“วิเคยบอกคุณภัทร์แล้ว ว่าวิไม่ต้องการให้พวกคุณต้องหย่ากัน วิไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้ วิรู้ดีว่ามาทีหลัง วิจึงไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่คุณภะ...”
“ไม่ใช่ค่ะ ที่ฉันบอกว่าฉันเป็นคนเสียสละให้คุณ ฉันหมายถึง เสียสละตำแหน่งเมียหลวงให้ต่างหากละคะ เพราะถ้าฉันไม่หย่าให้ คุณก็ต้องทนอยู่ในตำแหน่งเมียน้อยไปตลอดน่ะสิคะ เข้าใจหรือยังคะว่าฉันเสียสละให้คุณมากแค่ไหน” พริมายิ้มเยาะเมื่อพูดเสร็จแล้วก็เดินจากไปในทันที ม่ายสาวเดินตรงไปหาราเมศวรที่กำลังเดินลงบันไดมาจากชั้นบน เธอบอกกับเขาด้วยน้ำเสียงปกติว่า
“กลับกันเถอะค่ะ เราต้องไปรับเด็ก ๆ ไปกินไอติมอีกนะคะ ปริมว่าจะอยู่ที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ” พริมาหยุด ก่อนที่จะพูดต่อช้า ๆ ว่า
“ขอให้คนในบ้านรักกันและเข้าใจกัน ก็เป็นพอแล้ว”

************************

หลังจากพริมาและราเมศวรกลับไปยังสำนักงานขายแล้ว วิภาวีก็แกล้งเปรยขึ้นว่า
“คุณปริมคงยังโกรธวิอยู่มาก ถึงพูดแบบนั้นกับวิ” วิภาวีหันมามองหน้าภัทร์
“วิพยายามทำดีกับเขาแล้วนะคะ เพราะรู้ดีว่าวิผิด วิมาทีหลัง วิพยายามไถ่โทษกับสิ่งที่ทำลงไป คุณก็รู้ว่าวิไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ แต่เพราะวิรักคุณนะคะ” ภัทร์ยังคงนิ่งเฉย เขามองออกไปข้างนอกหน้าต่าง......มองไปยังสำนักงานขายที่ที่พริมาและราเมศวรกำลังเดินตรงไปยังรถยนต์หรูที่จอดอยู่ด้านหน้า
“โกรธวิ ว่าวิ ด่าวิ วิก็พอเข้าใจนะคะ แต่ทำไมคุณปริมต้องทำแบบนี้กับคุณด้วย ไม่ดีเลยนะคะ” วิภาวียังคงใส่ไฟไม่หยุด
“ปริมทำยังไง” ภัทร์หันขวับมาถาม
“ก็.....ก็ที่ควงคนใหม่มาเย้ยคุณแบบนี้ยังไงละคะ” วิภาวีหยั่งเชิง พอเห็นภัทร์ขบกรามแน่น เธอเลยพูดต่อว่า
“แล้วนี่ยังมาโครงการเดียวกับเราอีก หรือว่าคุณปริมเขารู้คะ เขาเลยตั้งใจมาที่นี่” วิภาวีคงลืมไปว่าความจริงนั้นคู่ของเธอกับภัทร์มาถึงโครงการนี้หลังพริมากับราเมศวร
“แล้วนี่พวกเขาก็มาเลือกซื้อบ้านด้วยกันทั้ง ๆ ที่คุณปริมเพิ่งหย่ากับคุณได้ไม่ทันไร พวกเขาน่าจะรู้จักกันมานานแล้วสินะคะ” วิภาวีเติมเชื้อไฟเข้าไปอีก
“เอ๊ะ!....หรือว่าคุณปริมจะรู้จักกับผู้ชายคนนั้นมาก่อนที่จะหย่าจากคุณคะ ถึงได้ดูสนิทสนมกันมาก ได้ยินว่าจะไปรับเด็ก ๆ ด้วยกันอีก คงสนิทกันเป็นพิเศษจริง ๆ” วิภาวีลอบมองหน้าภัทร์ที่กำลังตกหลุมพรางของเธอ ว่าที่คุณแม่แอบกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ
‘ได้ผล ต้องทำให้คุณภัทร์ลืมแม่นังเมียหลวงนั่นให้เด็ดขาดเสียที จะได้ไม่มีวันหวนกลับไปคืนดีกันได้อีก ต้องขอบใจนังปริมนั่นที่อุตส่าห์มาเข้าฉากให้ฉันถึงที่นี่ โชคดีจริงเรา ได้ทั้งบ้านได้ทั้งกำจัดนังปริมให้พ้นทางเสียพร้อม ๆ กัน’
“กลับกันเถอะ” ภัทร์บอกกับวิภาวี แล้วออกเดินนำไปยังรถกอล์ฟที่จอดรออยู่หน้าบ้าน
“กลับไปทำสัญญาที่สำนักงานขายใช่ไหมคะ” วิภาวีถามอย่างดีใจ
“กลับไปส่งคุณที่บ้าน เพราะผมต้องกลับไปที่ธนาคาร ผมลืมไปน่ะว่ามีเอกสารสำคัญรอเซ็นอยู่” วิภาวีออกอาการตกใจอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะละล่ำละลักถามกลับไปอย่างรีบร้อนว่า
“อ้าว! แล้วเรื่องบ้านหลังนี้ละคะ ไม่ซื้อวันนี้เลยเหรอคะ”
“เอาไว้วันหลังละกัน วันนี้ผมเสียเวลาตั้งนานแล้ว ถ้าคุณชอบบ้านหลังนี้จริง ก็บอกให้พนักงานขายเอาเอกสารไปให้ผมเซ็นที่ธนาคารวันไหนก็ได้” ภัทร์สาวเท้าเดินเร็วขึ้นก่อนที่จะขึ้นไปนั่งในรถกอล์ฟที่มีพนักงานขับรถรออยู่แล้ว โดยทิ้งวิภาวีให้ยืนเคว้งอย่างหงุดหงิดอยู่เบื้องหลัง
‘โอ๊ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย ให้คุณเซ็นอย่างนั้นเหรอ! งั้นบ้านก็เป็นชื่อคุณน่ะสิ บ้าจริงเชียว! ผิดแผนไปหมด เพราะแก แกคนเดียวนังปริม คอยดูนะฉันจะล้างแค้นแกให้ได้’

************************
มาช้าเพราะลูกสาวป่วยน่ะค่ะ หาเวลามาอัพต่อไม่ได้เลย....เดี๋ยวอาทิตย์นี้จะรีบมาขึ้นตอนที่ 17 ให้นะคะ
รอคอย ‘คอมเม้นต์’ ของทุกท่านอยู่นะคะ---จุ๊บ ๆ ๆ ขอบคุณมากค่ะ




อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ย. 2555, 11:40:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ย. 2555, 11:40:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 2042





<< ตอนที่ 16 มา 80% แล้วนะคะ   ตอนที่ 17...มา 50% ค่ะ >>
tik 14 พ.ย. 2555, 15:05:20 น.
สนุกดีค่ะ เดี๋ยวกลับไปอ่า่นตอนแรก ๆ ก่อนนะค่ะ


Asian 14 พ.ย. 2555, 19:45:21 น.
สนุกดีคะ่ กลับไปอ่านตอนแรก ๆ เหมือนกัน
แต่บรรทัดมันติดกันเกินไปค่ะเวลาอ่านต้องเพ่งสายตาเยอะไปหน่อย


ปิศาจสัญจร 14 พ.ย. 2555, 19:46:26 น.
สม ไม่ต้องได้หรอกบ้านน่ะ


ร้อยวจี 14 พ.ย. 2555, 20:07:26 น.
เจ้าชู้แล้วหวังว่าคงไม่หูเบานะคะ อย่างนี้หน้าจะหาอะไรมาถ่วงหูให้หนักๆ


wane 14 พ.ย. 2555, 23:45:25 น.
สนุกค่ะ แต่บรรทัดมันติดกัน อ่านยากจริงๆ ค่ะ


violette 14 พ.ย. 2555, 23:48:14 น.
ขอให้ลูกสาวหายไวๆนะคะ สู้ๆๆค่า
ส่วนอิตาโป๊ปกับยัยวิ สมกันแล้ว
เอาจริงๆยัยวิใส่ไปแบบนี้นายโป๊ปน่าจะยิ่งหึงหนักมากกว่าเลิกรักนะ โฮะๆๆๆ หัวเราะทีหลังดังกว่าแน่ๆ


katay 15 พ.ย. 2555, 01:01:38 น.
สม .... อดเลย มัวแต่ใส่ไฟอยู่ได้ ^^ 555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account