ชะตาฟ้า...ลิขิตรัก (ฟ้าดลรัก)
จากหญิงสามัญชนกลับกลายเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ชีวิตของเธอจะดำเนินต่อไปอย่างไร ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงมากมาย และเธอจะมีโอกาสได้เคียงคู่กับเจ้าชายที่แสนดีอย่างในนิทานหรือไม่....
Tags: เจ้าชาย-เจ้าหญิง

ตอน: บทนำ

บทนำ

ใครจับฉันมาขังไว้ในห้องเก็บยา? ทำไมกลิ่นยามันถึงได้ตลบอบอวลขนาดนี้ โอ๊ย! ใครก็ได้เอาฉันออกไปจากที่นี่ที ก่อนที่ฉันจะตายเพราะหายใจไม่ออก แล้วร่างอรชรก็ทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่ง พร้อมโก่งคอทำท่าจะอาเจียน อ่างทองเหลืองใบไม่ใหญ่นักถูกยื่นมาตรงหน้าเธอ รองรับสิ่งที่ถูกขับออกมาจากร่างกายพอดิบพอดี เมื่อขับของที่ไม่ต้องการออกจากร่างกายแล้ว ก็ทำให้รู้สึกสบายขึ้น แต่ยังมีอาการหายใจหอบ ตาพร่า มองทุกอย่างรอบๆ ตัวไม่ชัดนัก ทำให้ตัดสินใจนอนลงอีกครั้ง
ขณะที่กำลังคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันเซ็งแซ่ ดูสับสนวุ่นวาย และสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของผ้าชุบน้ำผสมโคโลนญ์ ทำให้ร่างกายของเธอผ่อนคลายขึ้น แล้วภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก็ย้อนกลับเข้ามาในสมอง ใช่! เธอประสบอุบัติเหตุ ถ้าเช่นนั้นที่นี่ก็คือโรงพยาบาลสินะ มิน่าล่ะกลิ่นยาถึงได้ตลบอบอวลขนาดนี้
โรงพยาบาลหรือ? แล้วบริการดีขนาดนี้ มันต้องเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียง และค่ารักษาก็ต้องแพงตามไปด้วย แล้วฉันจะเอาที่ไหนจ่ายล่ะเนี่ย เป็นอีกครั้งที่ร่างบอบบางลุกพรวดให้คนเฝ้าตกใจเล่นๆ หญิงสาวลืมตามองไปรอบๆ ห้อง หน้าตาตื่น เหมือนตกใจหรือกลัวอะไรสักอย่าง ด้วยท่าทางแบบนั้น ทำให้คนที่เฝ้าไข้ต่างผวา ถอยหลังหนีในบัดดล ด้วยความไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคนบนเตียง แต่แล้วก็มีดรุณีนางหนึ่งใจกล้าเรียกคนป่วย
“เจ้าหญิงเพคะ” เจ้าหญิงอะไร ใครมาถ่ายละครแถวนี้ ชีวาภรหันไปมองเจ้าของเสียง
“เจ้าหญิงทรงรู้สึกองค์แล้วใช่ไหมเพคะ” คนป่วยขมวดคิ้ว เริ่มสงสัยว่าตัวเองเป็นใคร ถ้าเธอจำไม่ผิด ก่อนจะได้รับอุบัติเหตุ เธอไม่ใช่ดาราเจ้าบทบาทที่ไหน เป็นเพียงลูกสาวแม่ค้าขายพวงมาลัย และตอนนี้ก็เรียนอยู่ปี 3 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ ด้วยการเป็นนักเรียนทุน และหาเลี้ยงชีพด้วยการช่วยมารดาร้อยมาลัยขาย ไม่ได้เป็นรับจ๊อบเป็นดาราหน้ากล้อง แล้วหน้าตาของเธอก็ไม่สวยจัดขนาดจะมีแมวมองชวนไปเล่นหนังเล่นละครซะด้วย
“เจ้าหญิง” ด้วยความอยากรู้ ชีวาภรจึงเอ่ยปากพร้อมกับชี้มาที่ตัวเอง เพื่อเป็นการยืนยันว่า เธอนี่นะคือเจ้าหญิง
“เพคะเจ้าหญิง หม่อมฉันให้คนไปเรียนเชิญท่านหมอมาตรวจพระอาการของเจ้าหญิงแล้วเพคะ” หญิงร่างเล็กในชุดแปลกตาแต่ไม่ได้แปลกพิสดาร ท่อนบนตัวเสื้อเป็นผ้าสีพื้นแขนกุดเข้ารูป ท่อนล่างเป็นกระโปรงผ้าทอลายบานเล็กน้อยยาวครึ่งแข้ง
“นี่เรากำลังถ่ายละครเรื่องอะไรกันเหรอ” หญิงสาวที่อยู่บนเตียงตัดสินใจถาม
“ละครอะไรกันเพคะเจ้าหญิง หรือเจ้าหญิงทรงรับเล่นละครของทางมหาวิทยาลัยเพคะ”
“อ้อ นี่เป็นละครของทางมหาวิทยาลัยเหรอ แล้วพวกเธอเรียนคณะอะไร” คราวนี้ทั้งสามคนที่ยืนห่างออกไป ได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ชักไม่แน่ใจว่าเจ้านายของตัวเองเป็นอะไรกันแน่ หรือสมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก
“เจ้าหญิงเพคะ อย่าทรงล้อพวกหม่อมฉันเล่นสิเพคะ” ชีวาภรเกาหัวแกรกๆ ไม่เข้าใจว่าทำไมคนพวกนี้ไม่เลิกเล่นกันสักที พูดอะไรก็ไม่รู้ และก่อนที่เธอจะได้ถามไถ่อะไรออกไปอีก ประตูห้องก็ถูกเปิดออก มีบุคคลเดินเข้ามา 4 คน หนึ่งในนั้นเธอคิดว่าน่าจะเป็นคุณหมอ แต่สามคนที่เหลือนี่สิ เป็นใครหว่า
คนหนึ่งเป็นผู้ชายสูงอายุ ผู้ชายอีกคนน่าจะอายุมากกว่าเธอไม่กี่ปี ส่วนคนสุดท้ายเป็นหญิงวัยกลางคน อายุรุ่นราวคราวเดียวกับแม่ของเธอ ซึ่งเมื่อเพ่งมองก็ให้ความรู้สึกคุ้นตาอย่างมาก แต่ด้วยเพิ่งจะฟื้นคืนสติ ทำให้เธอนึกไม่ออกว่าเคยเห็นบุคคลทั้งสามที่ไหน
“ฟื้นแล้วหรือลูกหญิง” หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยถามด้วยความปลื้มปิติ หลังจากโศกเศร้ากับการรอคอยให้คนบนเตียงลืมตาตื่นขึ้น
“รู้สึกอย่างไรบ้างน้องหญิง” บุรุษผู้เยาว์วัยที่สุดในกลุ่มเอ่ยถามแสดงความเป็นห่วงเป็นใย และก่อนที่จะมีคำถามอื่นตามมา ชีวาภรไม่อยากเล่นละครเรื่องนี้แล้ว เธอรู้สึกหงุดหงิด มันอะไรกันนักหนา แล้วเธอก็กำลังไม่สบาย คนพวกนี้มาเล่นตลกอะไรกับเธออีก
“หยุดดดดด เลิกเล่นละครกันได้แล้ว ฉันงงไปหมดแล้วนะ ฉันจำได้ว่าฉันไม่เคยรับเล่นละครไม่ว่าของมหาวิทยาลัยหรือของทีวีช่องไหน แล้วนี่ฉันก็กำลังป่วย พวกคุณเป็นใครกัน ทำไมถึงไม่ยอมเลิกเล่นสักที รู้ไหมว่าฉันปวดหัว” จบคำพูดของเธอ ก็ดูเหมือนทุกคนจะอยู่ในภาวะตกตะลึงกันไปหมด
“เจ้าหญิงพระเจ้าค่ะ กระหม่อมขอตรวจพระอาการของเจ้าหญิง....” พูดยังไม่ทันจบประโยค ชีวาภรก็สวนขึ้นมาอีก
“อะไรกันคะหมอ หมอก็เป็นไปกับคนพวกนี้ด้วยหรือยังไง ฉันไม่รู้สึกตลกเลยนะ สรุปมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉันกันแน่” น้ำเสียงหงุดหงิดเต็มที่ และทำท่าจะพาลอาระวาดใส่ทุกคนอีก
“เจ้าหญิงกัญญ์วรา” เสียงดังอันทรงอำนาจของคุณลุงดังขึ้น สยบทุกเสียงได้ในบัดดล รวมถึงชีวาภรด้วย เธอหันไปมองเจ้าของเสียง แล้วต้องตกอยู่ในอำนาจของดวงตาคมคู่นั้น เธอเห็นคุณลุงประคองคุณป้าที่กำลังสะอื้น ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เจ้าหญิงกัญญ์วราหรือคะ” ชีวาภรถามย้ำ
“ใช่ และเจ้าก็คือเจ้าหญิงกัญญ์วรา พระราชธิดาของเรา และนี่ก็ทูลกระหม่อมแม่ของเจ้า ส่วนนั่นก็พระเชษฐาของเจ้า”
“ไม่ใช่ หนูไม่ใช่เจ้าหญิง หนูเป็นลูกของแม่ชบา พวกคุณเป็นใครกัน แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น” คราวนี้คุณป้าถึงกับเป็นลม เสียงวี้ดว้ายของสามสาวพาให้ห้องนี้เกิดโกลาหลอีกครั้ง
ดูเหมือนคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายจะตั้งสติได้ก่อนใคร และจับสังเกตอากัปกิริยาแปลกๆ ของน้องสาวได้แล้ว จึงตรงไปที่โต๊ะหยิบกระจกบานเล็กส่งให้กับคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง ซึ่งชีวาภรก็รับมาอย่างงงๆ แต่ก็ยังนำกระจกบานนั้นมาส่องหน้า แล้วเธอก็ต้องตกอยู่ในอาการตาค้าง อ้าปากหวอ
“บุคคลที่อยู่ในกระจกก็คือเจ้าหญิงกัญญ์วรา” เสียงเรียบทุ้มเอ่ยออกมาด้วยความหนักแน่น




หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ย. 2555, 09:23:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ย. 2555, 09:23:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 2002





   บทที่ 1 >>
วรรณ 17 พ.ย. 2555, 10:55:57 น.
น้องหนึ่งจ๋า
ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซด์ที่แสนอบอุ่นแห่งนี้ค่ะ


Oleang 24 พ.ย. 2555, 18:22:25 น.
อัยยะ ... คุณหนึ่งจันทร์ ที่รัก แต่ง แนวเจ้าหญิง ด้วยเหรอ ... เค้า มา เป็น กองเชียร์ให้ ตลอด ๆ ๆ


icewinter 24 พ.ย. 2555, 23:07:56 น.
เพิ่งเข้ามาิ่าจะคอยติดตามนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account