ชะตาฟ้า...ลิขิตรัก (ฟ้าดลรัก)
จากหญิงสามัญชนกลับกลายเป็นเจ้าหญิงสูงศักดิ์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ชีวิตของเธอจะดำเนินต่อไปอย่างไร ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงมากมาย และเธอจะมีโอกาสได้เคียงคู่กับเจ้าชายที่แสนดีอย่างในนิทานหรือไม่....
Tags: เจ้าชาย-เจ้าหญิง

ตอน: บทที่ 1

บทที่ 1

กว่าหนึ่งสัปดาห์แล้วกับการเป็นคนใหม่ที่ต่างจากคนเก่าราวฟ้ากับดิน เจ้าของเรือนร่างงดงามทอดสายตามองไปรอบอาณาเขตของพระราชวังแห่งนี้ เรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นได้เสมอในชีวิตของคนเรา ดูอย่างเธอสิจากลูกสาวแม่ค้าขายพวงมาลัย กลับกลายมาเป็นเจ้าหญิงผู้เลอศักดิ์ ชีวิตถูกพลิกเพียงแค่ฝ่ามือเดียว จากนักเรียนทุนของมหาวิทยาลัยชื่อดัง ปากกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอด ด้วยการขายพวงมาลัยตามสี่แยกและตลาดสด ตอนนี้เธอมีชีวิตสุขสบายสมฐานะที่ได้รับมาใหม่ แต่สิ่งที่ไม่สุขสบายเลยก็คือ เธอต้องปรับเปลี่ยนชีวิตทั้งหมด รวมถึงเรื่องราวในอดีตของตัวเอง กลายเป็นใครก็ไม่รู้ เธอต้องจดจำทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้าของร่าง และลืมอดีตของตัวเองให้หมด หรือไม่ก็ฝังมันให้ลึกสุดใจ ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยกับใครได้
อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตคนๆ หนึ่งไป และให้โอกาสคนอีกคนหนึ่งมีชีวิตที่ดีขึ้น เธอถูกรถชนกลางสี่แยกไฟแดงขณะที่กำลังช่วยมารดาขายพวงมาลัยเลี้ยงชีพ ส่วนเจ้าของเรือนร่างนี้ตกบันไดศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรง และสลบไปทันที เธอไม่รู้หรอกว่าวิญญาณของเราถูกสลับร่างกันหรือว่าเจ้าหญิงเสียชีวิตแล้ว จากลางสังหรณ์ของตัวเองคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า เพราะถ้าเจ้าหญิงยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์คงต้องมาทวงสิทธิ์ตามฐานันดรของพระองค์คืน พระองค์คงไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างสามัญชนที่ยากจนได้หรอก
“คิดอะไรอยู่หรือเจ้า” เสียงทุ้มนุ่มเรียกสติของเจ้าหญิงกัญญ์วราคนใหม่ให้กลับคืน หญิงสาวลุกขึ้นพร้อมถอนสายบัวให้กับผู้มาใหม่
“ถวายพระพรเพคะเจ้าชาย” เจ้าชายธุติยะธรยิ้มเพียงนิด สายตามองน้องสาวคนใหม่อย่างเอื้อเอ็นดู
“เมื่อไหร่เจ้าจะยอมเรียกเราว่าพี่ชายเสียทีล่ะหญิงกัญญ์ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตอนนี้เจ้าคือเจ้าหญิงกัญญ์วรา ขนิษฐาของเรา” มงกุฎราชกุมารท้วงติงในสิ่งที่อีกฝ่ายพึงปฏิบัติ
“แต่พระองค์ก็ทรงรู้นี่เพคะว่าหม่อมฉันไม่ใช่”
“พี่รู้ว่าเจ้าคือน้องสาวมานานแล้วล่ะ” ชีวาภรขมวดคิ้วสงสัย
“หมายความว่ายังไงเพคะ จริงๆ หม่อมฉันก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นพระองค์ไม่ทรงแปลกพระทัยเลยที่รู้ว่าหม่อมฉันมาอยู่ในร่างของเจ้าหญิง และไม่ทรงโกรธหม่อมฉันสักนิดที่บังอาจมาใช้ร่างของพระน้องนาง”
“เจ้าจะไม่เชิญพี่รับของว่างด้วยหรือ” เจ้าชายธุติยะธรแย้มพระโอษฐ์
“อุ๊ย ขอพระราชทานอภัยเพคะ หม่อมฉันลืมไป เชิญประทับก่อนเพคะ” เมื่อองค์รัชทายาทประทับลงบนเก้าอี้แล้ว อีกฝ่ายจึงรินน้ำผลไม้ถวาย พร้อมกับจัดแบ่งอาหารว่างลงบนจานเล็กเสิร์ฟให้
“ขอบใจนะเจ้า”
“เพคะ ไม่ทราบว่าจะทรงบอกเหตุผลให้หม่อมฉันทราบได้หรือยังเพคะ” เจ้าชายรัชทายาททรงสรวลน้อยๆ เมื่อทอดพระเนตรเห็นความอยากรู้อยากเห็นผ่านดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มของผู้เป็นน้อง
“ตอนที่หญิงกัญญ์เกิด ได้มีคำทำนายหนึ่งเกี่ยวกับเจ้าหญิงองค์น้อยของมินธุรา”
“คำทำนายอะไรเพคะ” เจ้าหญิงรีบทูลถามเมื่อเห็นเจ้าชายทรงเงียบไป
“ใจร้อนจริงนะเจ้า” เจ้าชายทรงยิ้มน้อยๆ ก่อนจะทรงตรัสต่อไปว่า “มีคำทำนายว่าเมื่อชันษาครบ 20 ปี เวลาของเจ้าหญิงจะหยุดลงและจะเริ่มเดินอีกครั้ง อดีต ปัจจุบันยุติ เหลือเพียงอนาคตที่ต้องก้าวต่อไป และไม่ว่าอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต เจ้าหญิงคือเชื้อพระวงศ์ที่ทรงสิริโฉมงดงามทั้งร่างกายและจิตใจ”
“เวลาหยุดเดินหรือเพคะ หมายความว่ายังไงเพคะ หม่อมฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
“ณ.เวลานั้นก็คงไม่มีใครเข้าใจ จนถึงเดี๋ยวนี้เราก็ไม่รู้ว่ามีใครสักกี่คนที่ยังจำคำทำนายนี้ได้”
“แล้วทำไมเจ้าชายถึงจำได้เพคะ ในเมื่อตอนนั้นพระองค์ทรงมีพระชันษาเพียงแค่ 4 ขวบเท่านั้น”
“ไม่เรียกว่าจำได้หรอก ตอนนั้นเรายังเด็กนัก จะรู้เรื่องอะไรมากมาย แต่ทุกครั้งที่มีการทำนายหรือมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับมินธุรา มักจะถูกบันทึกเอาไว้เสมอ เรื่องของหญิงกัญญ์ก็เช่นเดียวกัน เมื่อหลายปีก่อนเราไปพบบันทึกนั้นโดยบังเอิญ เพียงแต่ไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจริงๆ จนกระทั่งหญิงกัญญ์ตกบันไดและฟื้นขึ้นมาเป็นเจ้า”
“เป็นไปได้หรือเปล่าคะว่าตอนนี้เจ้าหญิงจะอยู่ในร่างของหม่อมฉัน”
“เราเชื่อว่าเวลาของหญิงกัญญ์หมดลงแล้วตามคำทำนาย หรือจะพูดให้ถูกเวลาของเจ้าต่างหากที่หมดลงแล้ว ส่วนเวลาของเจ้าหญิงกัญญ์วรายังคงต้องเดินต่อไปข้างหน้า เจ้าว่าจริงหรือไม่”
“หม่อมฉันไม่แน่ใจเพคะเจ้าชาย” ชีวาภรถ่ายทอดความหวาดหวั่น ไม่มั่นใจ ขลาดกลัวผ่านน้ำเสียงและดวงตา เธอยังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้ว่าจะพยายามยอมรับมันแล้วก็ตาม
“จำไว้นะเจ้า จากนี้ไปเจ้าคือ เจ้าหญิงกัญญ์วรา เจ้าต้องยุติอดีตของเจ้า และเริ่มต้นใหม่ตามที่ชะตาลิขิตมาแล้ว อย่าทำให้เวลาที่ผ่านมาของหญิงกัญญ์สูญเปล่า และอย่าทำให้การเสียสละของหญิงกัญญ์ในครั้งนี้สูญเปล่าเช่นเดียวกัน เราเชื่อว่าเจ้าจะทำได้ ดังนั้นต่อไปนี้ ไม่ว่าจะปรากฏตัวที่ใด เจ้าก็คือเจ้าหญิงแห่งมินธุรา เราคือพี่ของเจ้า ส่วนเจ้าก็คือน้องหญิงของเรา สิ่งเหล่านี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เจ้าเข้าใจใช่ไหม”
“เข้าใจเพคะเจ้าชาย ต่อจากนี้ไปหม่อมฉันคือเจ้าหญิงกัญญ์วรา หม่อมฉันจะทำหน้าที่ที่ได้รับอย่างดีที่สุด” ในเมื่อไม่อาจหนีความจริงที่เป็นอยู่ได้ เธอก็ต้องรับและเผชิญหน้ากับมัน
“เราจะคอยเป็นกำลังใจให้เจ้าเอง อย่าได้กังวลกับสิ่งใดอีกเลย เป็นตัวของตัวเองดีที่สุดแล้ว เรารู้ว่าการที่จะให้เจ้าเปลี่ยนทุกอย่างให้เหมือนเจ้าน้ององค์เดิมคงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีใครสามารถเป็นตัวแทนใครได้ แต่เราเชื่อว่าไม่ว่าเจ้าจะทำสิ่งใด เจ้าจะคิดให้รอบคอบก่อน”
“ขอบพระทัยเพคะ ถ้าหม่อมฉันขอประทานอนุญาตไปเยี่ยมครอบครัวเดิมเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมเพคะ”
“เจ้าจะไปในฐานะใดล่ะ การออกนอกวังของเชื้อพระวงศ์ไม่ใช่เรื่องง่ายนะเจ้า จะไปไหนก็ย่อมมีผู้ติดตาม อยู่ดีๆ เจ้าหญิงกัญญ์วราจะเสด็จไปในที่แห่งนั้น โดยไม่มีหมายกำหนดการ หรือราชกิจ เจ้าว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร” ธุติยะธรให้เหตุผล มิใช่ว่าไม่สงสาร แต่ฐานะของหญิงสาวตรงหน้าเปลี่ยนไปแล้ว อะไรที่เคยง่าย ตอนนี้จะทำให้ง่ายอย่างเคยไม่ได้แล้ว แล้วพระองค์ก็ทรงเห็นน้ำพระเนตรคลออยู่สองตาของพระน้องนาง
“เอาล่ะเจ้า ไม่ต้องร้องไห้ เราจะให้เจ้าไปอย่างสามัญชน แต่เจ้าจะรับปากได้หรือไม่ว่าจะไม่ทำให้เป็นที่ผิดสังเกตกับประชาชนโดยทั่วไป”
“ได้เพคะ” เจ้าหญิงแย้มพระโอษฐ์เป็นครั้งแรก
“แต่ต้องให้ราชองครักษ์ตามไปด้วย รวมถึงนางกำนัลคนสนิทของเจ้าด้วย ตกลงไหม”
“ไหนว่าไม่ให้ไปอย่างเอิกเกริกไงเพคะ ทำไมผู้ติดตามถึงได้เยอะขนาดนี้ล่ะเพคะ” เจ้าชายทรงหัวเราะถูกใจกับคำพูดประชดประชันเล็กๆ ของพระน้องนางองค์ใหม่
“เพื่อความปลอดภัยของเจ้าหญิงอย่างไรล่ะ เอาเป็นว่าเราส่งโตยธรกับเวทิตตามไปคุ้มครองเจ้าห่างๆ ก็แล้วกันนะ ส่วนคนของเจ้า เจ้าก็เลือกเอง คราวนี้คงหมดปัญหาแล้วใช่ไหม”
“ขอบพระทัยเพคะ” เจ้าหญิงกัญญ์วราลุกขึ้นยืนพร้อมกับถอนสายบัวอย่างงดงาม

สาวน้อยในชุดเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงผ้าสามส่วน สวมหมวกและแว่นตาเพื่ออำพรางใบหน้าที่แสนจะคุ้นตาใครหลายๆ คน เดินเข้ามาในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งพร้อมกับเพื่อนสาวอีกคน จุดหมายปลายทางก็คือบ้านไม้โกโรโกโสหลังหนึ่งที่อยู่เกือบสุดซอย ทางเดินบางช่วงก็มีไม้พาดพื้นเปียกแฉะที่เต็มไปด้วยน้ำครำส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลไปตลอดทาง
เมื่อมาถึงบ้านหลังดังกล่าว พบว่าประตูบ้านเปิดอยู่ พร้อมกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งพิงกรอบประตู ตรงหน้าของหญิงผู้นั้นมีกะละมังบรรจุดอกพุด ดอกมะลิ ดอกกุหลาบ ดอกดาวเรือง เข็มร้อยมาลัยถูกถือค้างไว้อย่างนั้น ดวงตาของแม่เหม่อลอย มีน้ำตาไหลออกจากหางตา สีเสื้อและใบหน้าที่เศร้าหมองเป็นคำตอบได้อย่างดีว่า ชีวาภรได้จากชุมชนนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับแล้ว
“แม่จ๋า” หญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลเข้ม อดไม่ได้ที่จะเปล่งคำนั้นออกมา และได้ผลมันทำให้แม่ของเธอหันมามองด้วยสีหน้าแปลกใจ
“มาหาใครหรือจ๊ะหนู”
“เอ่อ..หนูเป็นเพื่อนกับพุดน่ะจ้ะ คือหนูเพิ่งทราบข่าวว่าพุดได้รับอุบัติเหตุก็เลยจะแวะมาถามข่าวคราว”
“พุดเสียแล้วจ้ะ เผาไปเมื่อวานซืน” แล้วคนเป็นแม่ก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น ชีวาภรในคราบของเจ้าหญิง อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปนั่งข้างๆ พร้อมกับกอดแม่ของนางเอาไว้
“หนูเสียใจด้วยนะจ๊ะแม่ หนูขอโทษ” คำสุดท้ายถูกกลืนลงคออย่างยากเย็น หญิงสาวที่ตามมาด้วยมองด้วยความแปลกใจ เจ้าหญิงสนิทสนมกับชาวบ้านคนนี้ได้อย่างไร หรือเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นมารดาของเพื่อน เมื่อคิดได้ดังนั้น อรทัยจึงได้แต่ยืนมองการกระทำของเจ้าหญิงนิ่งๆ
แต่เธอก็อดแปลกใจไม่ได้ เมื่อได้รับคำสั่งให้ติดตามเจ้าหญิงออกจากวังเป็นการส่วนพระองค์ จะเสด็จอย่างสามัญชนและไม่ต้องการให้ผู้ใดทราบ อรทัยเหลือบตาไปมองทางเดินที่เดินผ่านมา ก็พบว่าสององครักษ์ยืนคุมเชิงอยู่ไม่ไกล เรียกความอุ่นใจได้ไม่น้อย เพราะในสถานที่แบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เธอไม่คิดว่าจะมีใครปองร้ายเจ้าหญิงหรอก เพราะเจ้าหญิงแสนดีเป็นที่รักของประชาชนทุกคน แต่ที่กลัว กลัวการปล้น จี้และทำร้ายร่างกายมากกว่า ถ้าไม่มีใครสังเกตก็คงไม่รู้หรอกว่าดรุณนางนี้มียศศักดิ์สูงยิ่ง
“แม่มีอะไรให้หนูช่วยบ้างไหมจ๊ะ”
“ไม่มีหรอกจ้ะ ขอบใจมากนะลูกที่แวะมาถามข่าวคราวของพุด พุดรู้พุดคงจะดีใจมาก”
“ไม่เป็นไรจ้ะ แม่จะไปขายพวงมาลัยใช่ไหมจ้ะ”
“จ้ะ ถึงแม่จะเสียใจยังไง แม่ก็ต้องสู้ ดิ้นรนทำมาหากินต่อไป ไม่อย่างนั้นก็คงต้องอดตายตามพุดไป” คำพูดของมารดาทำให้ชีวาภากลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ แม่เหลือตัวคนเดียวแล้ว ตลอดชีวิตเธออยู่กับแม่เพียงแค่สองคน แล้วนี่เธอกลับต้องทิ้งแม่ไปอยู่สุขสบายเพียงลำพัง เธอช่างเป็นลูกอกตัญญูเสียจริงๆ
“วันนี้หนูเหมาพวงมาลัยของแม่ทั้งหมดเลยนะจ๊ะ”
“จะเอาไปทำอะไรลูก มากมายขนาดนั้น แม่รู้ว่าหนูอยากช่วย แต่ถ้าเอาไปแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ แม่ก็ไม่อยากได้เงินตรงนั้นหรอกนะ”
“หนูจะเอาไปไหว้พระค่ะ วันนี้หนูคงจะไปหลายวัด อยากทำบุญให้พุดด้วยจ้ะ เพราะหนูไม่ได้มาร่วมส่งพุดเป็นครั้งสุดท้าย”
“ขอบใจมากนะลูก” กัญญ์วราไม่รอช้า หันไปบอกอรทัยให้ช่วยนำพวงมาลัยทั้งหมดใส่ถุง ส่วนที่ยังไม่ร้อยแม่ชบาของเธอก็ไม่ยอมขายให้ สุดท้ายเธอจึงมอบเงินค่าพวงมาลัย พร้อมกับเงินอีกจำนวนหนึ่ง อ้างว่าขอร่วมทำบุญงานศพของชีวาภร คงมีเพียงเท่านี้ที่เธอจะสามารถทำได้ พูดคุยกันไม่นานทั้งสองก็กล่าวอำลาเจ้าของบ้าน
ชีวาภรมองทางเข้าชุมชนแออัดแห่งนี้เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนี้เธอคงไม่มีโอกาสมาที่นี่ในฐานะเด็กในสลัมแห่งนี้อีกแล้ว นี่คือการจากไปตลอดกาลของนางสาวชีวาภร แก้วกล้า
“ไปกันเถอะอรทัย”
“เพคะเจ้าหญิง” สองสาวเดินขึ้นไปนั่งบนรถเก๋งที่จอดไม่ไกล รถคันนี้ไม่ใช่ของพระราชวัง แต่เป็นรถขององครักษ์โตยธรที่นำมาอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหญิง
“โตยธร เราอยากไปทำบุญที่วัด” กัญญ์วราเอ่ยกับองครักษ์ที่ทำหน้าที่พลขับ
“เจ้าหญิงจะทรงเสด็จไปวัดใดพระเจ้าค่ะ” องครักษ์หนุ่มทูลถาม
“เราอยากไปทุกวัดตามแต่เวลาเอื้ออำนวย เราจะไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เพื่อน เธอเพิ่งเสียชีวิต เอาเป็นว่าโตยธร เวทิต และก็อรทัย ช่วยกันคิดก็แล้วกันนะว่ามีวัดไหนอยู่ในเส้นทางเดียวกันบ้าง วันนี้เราขอเป็นผู้ตามที่ดี” เนื้อเสียงอ่อนโยนปะปนด้วยความเศร้า
“เจ้าหญิงอย่าทรงเสียพระทัยเลยนะพระเจ้าค่ะ กระหม่อมคิดว่าพระสหายของพระองค์คงได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี และคงไม่อยากเห็นพระองค์ทรงเป็นทุกข์เช่นนี้” เวทิตพยายามปลอบประโลม เนื่องด้วยพระชันษาน้อยกว่าพวกเขาหลายปี หากไม่ติดว่าพระองค์เป็นเชื้อพระวงศ์ เขาและเพื่อนสนิทคงมอบความเอื้อเอ็นดูเฉกเช่นน้องสาวคนหนึ่งได้สนิทใจกว่านี้
“จริงอย่างที่ท่านเวทิตกล่าวนะเพคะ” อรทัยสนับสนุน
“ขอบใจทั้งทุกคนมาก เราจะไม่เศร้าอีกแล้ว เพราะเราคิดว่าเรายังต้องทำอะไรอีกมากมายแทนเพื่อนคนนี้ เราจะทำภารกิจที่ได้รับมาอย่างดีที่สุด” กัญญ์วราเอ่ยด้วยวาจามั่นคง
“พวกกระหม่อมขอเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจของพระองค์ได้ไหมพระเจ้าค่ะ” โตยธรทูลถาม แม้ไม่แน่ใจว่าสหายของผู้เป็นนายฝากภารกิจใดไว้ แต่หากมันเป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าหญิงน้อยของเจ้าชายของพวกเขามีความสุข เขาก็พร้อมที่จะทำ
“เราต้องขอความร่วมมือจากทุกคนอยู่แล้ว เพราะโครงการที่อยู่ในนี้มีเยอะมาก” นิ้วชี้เรียวสวยชี้ไปที่ขมับของตัวเอง รอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนพระพักตร์ ความน่ารักรายล้อมร่างอรชร ทำให้ข้าราชบริพารทั้งสามอดยิ้มตามไม่ได้
แล้วทั้งสี่คนก็ตะเวนทำบุญ เข้าวัดนั้นออกวัดนี้กันทั้งวัน ชีวาภรได้แต่อธิษฐานบอกกับเจ้าของร่างขอบคุณที่ทำให้มีโอกาสที่ดีขึ้น ขอโทษที่ทำให้เจ้าหญิงทรงจากทุกคนไปโดยที่ไม่มีใครรู้นอกจากพระเชษฐา และเธอยังสัญญาว่าจะประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี ให้สมกับที่เจ้าหญิงพระราชทานโอกาสให้ และเธอจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อประชาชนของมินธุรา และสุดท้ายเธอจะหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับพระองค์ตลอดจนกว่าจะสิ้นอายุขัย




หนึ่งจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ย. 2555, 09:24:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ย. 2555, 09:24:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 1490





<< บทนำ   บทที่ 2 >>
หมูอ้วน 17 พ.ย. 2555, 16:15:41 น.
เอาใจช่วยเจ้าหญิง คนใหม่จ้าา


Oleang 24 พ.ย. 2555, 18:25:17 น.
กำลังใจ ก้อนโต ฮ่ะ คุณ ...


icewinter 24 พ.ย. 2555, 23:13:08 น.


wane 8 มี.ค. 2556, 00:21:20 น.
เจ้าหญิงคนใหม่ไม่น่าจะทราบอายุของเจ้าชายนะคะว่าอายุ 4 ขวบ ตอนที่ฟังคำทำนาย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account