Knight At Night ... สงครามรัตติกาล
กาลเวลาพลิกกลับอีกครั้ง...ทุกอย่างกำลังจะได้เวลาเริ่มต้นใหม่ หรือว่าความจริงแล้ว...เพียงแค่ซ้ำรอยเดิมเท่านั้นกัน ? นับพันปีที่ผ่านไป ที่รอคอยคือเธอ หรือว่า..?



เขาส่งเสียงคำรามในลำคอ เสียงกึกก้องคล้ายเสียงสัตว์บาดเจ็บ ...ร้าวราน หากก็มากพอที่จะทำให้หักใจผละจากริมฝีปากหวานล้ำมาเคล้าเคลียพวงแก้มเนียนที่เย็นเฉียบนั่นพร้อมพร่ำกระซิบคำข้างหู

“แต่ถึงอย่างนั้น... ผมก็ยัง...” เขาอ้าปาก งับลงบนติ่งหูก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งไปด้านหลัง ดึงผมที่ท้ายทอยให้วงหน้างามดวงตาสีนิลจับจ้องฟากฟ้าแทน

“ต้องการเธอ”

“ต้องการ...”

".......เธอ"

"........."

"พลังของเธอ!"


Tags: สงคราม, แฟนตาซี, ไซไฟ, รัตติกาล, ปีศาจ, วิวัฒนาการ, อารยธรรม, รัก, โรแมนติก

ตอน: Ch.6




6/0


ไอเด็นหันสายตาไปมองหญิงสาวอย่างอดไม่ได้ พร้อมกับที่นึกขัน....กับคำเรียกที่พวกมนุษย์ตั้งขึ้นมาเอง


"มันเป็นเรื่องของอำนาจ" เขาอธิบาย "และความพอใจ... มันมาคู่กันเสมอ เพราะงั้นเรื่องที่ว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืนน่ะ มันก็แค่บทปลีกย่อยข้อหนึ่ง"


ดวงตาสีดำสนิท...ที่ชวนให้พิศวงอย่างประหลาดมองกลับมา มันเป็นสีดำเกินไป...


ดำ....อย่างที่ทำให้ผู้มองต้องหวนไปถึงเจ้าสัตว์หน้ารังเกียจที่มีปีกเป็นพังพืดสีดำแบบนี้เช่นกันอีกครั้ง


ขณะที่หล่อนตอบคำของเขา


"แต่มันก็เป็นสงคราม"


และไอเด็นยิ้มให้กับถ้อยคำนั้น


"ใช่" เขาตอบรับด้วยเสียงที่รื่นรมย์อันไม่อาจหักห้าม "มันเป็นสงครามอยู่ดี"




6/0 P.0.5


มิคาเงะ ฟรอสทีชาร์สสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลชโลมไปแทบจะทั้งทั่วร่างกาย


ทั้งที่เธออยู่ในห้องบรรยายของภาควิชาดาราศาสตร์ ทั้งที่เธออยู่ในสถานที่อันเปี่ยมไปด้วยผู้คน


มันควรจะเย็นเฉียบและอึกทึก แต่สิ่งที่มิคาเงะรู้สึกมีเพียงแต่ความร้อนที่แผดเผาอยู่ในร่างเธอกับเสียงๆเดียวที่ดังกังวานผ่านความเงียบงัน


และเข้ามาควบคุมเธอ


เธอหันสายตามองไปรอบๆ.... น่าแปลกที่เธอยังเห็นว่ามีคนอื่นๆอยู่ในที่นี้


แต่เธอไม่รู้สึกเลยสักนิด


และเพราะเหตุนั้นเอง ที่ทำให้เธอผุดลุกขึ้น และแทบจะวิ่งออกจากห้องบรรยายโดยไม่แม้แต่จะรู้สึกถึงสายตาที่มองตามอย่างประหลาดใจของคนที่ถูกบอกให้แจ้งหล่อนถึงการกลับมาของเพื่อนสาว


ในหัวของมิคาเงะมีเพียงสิ่งเดียว


มีเพียงเสียงเดียว....จากริมฝีปากและคมเขี้ยว




6/0 P.1


อรอินทุขมวดคิ้วให้กับคำพูดของพวกเขา มันไม่ได้ทำให้อะไรกระจ่างขึ้นสักนิด หรือถ้าเอาจริงๆก็คือมันกำลังทำให้ทุกอย่างคลุมเครือกว่าเดิม


"ก่อนหน้านั้น ฉันคิดว่าเราควรจะเปลี่ยนที่ก่อนดีกว่านะ"


อรอินทุแปลกใจเล็กน้อย ที่เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของหล่อน แต่ออกมาจากปากผู้หญิงอีกคน แต่อย่างน้อยการที่หล่อนมองไปทาง....คราบเปรอะเปื้อนบนพื้นแล้วถอนหายใจ ก็ทำให้เธอรู้สึกดีอย่างประหลาด


อย่างน้อยคนเป็นผู้หญิงก็ควรจะมีอะไรที่ไม่ชอบบ้าง ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นผู้หญิง


"ในความเป็นจริง" เด็กหนุ่มผู้นั้นเสนอความคิดเห็นบ้าง "ผมก็อยากจะบอกว่าที่นี่มันไม่น่ายืนอยู่สักพักหนึ่งแล้วเหมือนกันนะ ถ้าไม่มีใครบางคนชวนผมคุย"


"เอาล่ะ" เธอตัดสินใจเลือกคำได้ เมื่อพวกเขาหันกลับไปสบตากันอย่างประเมินกันและกันอีกครั้ง "ฉัน...ฉัน....อยากออกไปจากที่นี่แล้วจริงๆ แต่.....แต่....."


ผู้หญิงผมดำคนนั้นพยักหน้าให้ ขณะที่เด็กหนุ่มยักไหล่ ด้วยท่าทางที่เหมือนเข้าใจบางอย่างตรงกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำ


แล้วฝ่ายหญิงก็เป็นคนพูด


"ส่วนหลังจากนี้ไม่ใช่ธุระของฉัน... เขา หรือคุณอีกแล้ว ไปกันเถอะ คุณหลง"


อรอินทุไม่รู้จะรู้สึกแปลกๆในสิ่งใดกว่ากัน....ระหว่างการที่ผู้หญิงคนนั้นเรียกหล่อนถูก หรือการที่หล่อนไม่รู้สึกแปลกที่ฝ่ายตรงข้ามรู้


แต่หล่อนไม่มีเวลาหาคำตอบ เมื่อไอเด็นก้าวยาวๆนำทางหญิงสาวทั้งสองพลางร้องเรียก

"ทางนี้"


และหล่อนไม่เหลือทางอื่นนอกจากก้าวเท้าตามเด็กหนุ่มไป โดยมีหญิงสาวผู้นั้นปิดท้าย


หญิงสาวที่หันไปมองเบื้องหลังอีกเล็กน้อย ก่อนทอดถอนใจเหยียดยาว


ก่อนที่จะก้าวเดินไปพร้อมๆกัน




6/0 P.1.5


หล่อนไม่รู้ว่าสบตากับเขา แต่หล่อนก็มองสบมา


เขาชะงักนิ่งไปด้วยความคิดไม่ถึง เมื่อดวงตาคู่นั้นเหลือบมองมา ทั้งๆที่หล่อนกำลังจะก้าวจากไปอยู่แล้ว โดยไม่ตระหนักรู้ถึงดวงตาอีกคู่ที่เขาซ่อนเร้นไว้ในที่แห่งนั้นด้วย และเพิ่งเชื่อมต่อกับมัน


และภาพแรกที่เขาจับจ้องมองไป ก็คือดวงตาที่กำลังมองมาที่เขาพอดี


มันเป็นแววว่างเปล่า


ว่างเปล่าเสียจนหัวใจของเขากระตุก กระตุ้นความทรงจำที่ควรกลายเป็นสิ่งคลับคล้ายคลับคลาแต่กลับยิ่งกว่าแจ่มชัดในความทรงจำ


ยิ่งกว่าชัดเจนในความรู้สึก


หากพริบตาต่อมา เขาก็ทอดถอนใจ


เธอหันหลังเดินจากไปแล้ว เดินจากไปพร้อมกับอีกเผ่าพันธุ์และอีกหนึ่งผู้ที่กำลังจะกลายเป็นน้ำหนักในสงครามครั้งนี้


มีการติดต่อเข้ามาอีกครั้ง และเขาส่งเสียงตอบรับโดยไม่ขยับก้าวจากระเบียงที่ออกมาทอดตาแลดูแสงสุดท้ายของวันตั้งแต่เมื่อครู่


หยาง กุลนววงศ์คือผู้ที่ติดต่อเข้ามาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงห้วนจัด เช่นเดียวกับวงหน้าที่บึ้งตึง

"คุณต้องการจะให้ทางเราจัดการที่เหลือหรือเปล่า"


เขาไม่ใส่ใจน้ำเสียงเช่นนั้น เพราะที่นี่มีเพียงเขาที่ได้ยิน ไม่อย่างนั้นแล้วคงจะมีคนอื่นที่ได้ยินและจ้องหยางอย่างก้าวร้าวยิ่งกว่าน้ำเสียงที่อีกฝ่ายแสดงหลายเท่า


"ไม่หรอก" เสียงที่ตอบกลับของเขาจึงราบเรียบ...และเรื่อยเฉื่อย "ผมคิดว่าคงมีทางอื่นจัดการ เราไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องนี้หรอก"


เขาละสายตาจากท้องฟ้าตามที่หยางควรจะเห็นว่าเขามอง หากสำหรับเขาแล้ว....เขาเพิ่งผละสายตาจากทางเดินที่ว่างเปล่าหลงเหลือเพียงรูปเงาในดวงตาที่มองมาเท่านั้น


และหันมาจ้องมองผู้ติดต่อเข้ามาอย่างเป็นงานเป็นการขึ้น

"คุณรู้จัก "นกเรเวน" หรือเปล่า หยาง ?"


มีสิ่งที่คล้ายความรำคาญปรากฏขึ้นบนใบหน้าหยาง ขณะที่เขาเอ่ย


"สิ่งมีชีวิตใน Kingdom Animalia ไฟลัม Chordata ชั้น Aves ...." ถ้อยคำชะงัก เมื่อเขามองตรงไปด้วยนัยน์ตาสีแดง....ที่เป็นมากกว่าทั้งการปฏิเสธและอื่นๆ


หยางโคลงหัวเล็กน้อย


"คุณหมายถึง....ในอีกแง่หนึ่ง ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องตอบว่า ผมแค่พอจะรู้บางแง่มุมจากเอกสารบันทึกประวัติศาสตร์ที่พอมีเหลืออยู่เท่านั้น"


เขาขยับรอยยิ้มให้คำตอบนั้น....เช่นกัน


"งานวิจัยจากแอเรียที่ 2 ประจำภูมิภาคตะวันตกเฉียงเหนือ โดยกีรติ เบอาทรี มองตาร์น เล่าถึงเรื่องการเลี้ยงสัตว์ในสายพันธุ์เรเวนไว้ที่ภูมิภาคนั้นในอดีต โดยเป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิทยาน่ะหรือ ?"


"ใช่" คำตอบรับมาพร้อมอาการทอดถอน "คุณดูท่าทางจะรู้จักทุกงานวิจัยในแง่นี้และพร้อมจะขำขันกับมันสินะ ?"


เขาไม่ตอบคำถามนั้น เพราะบางที...เขาก็ไม่แน่ใจว่าควรขำขันกับมันดีหรือไม่เช่นกัน กับอีกอย่างก็คือ แสงจากดวงจันทร์ที่เริ่มทอแสงนวลตาเบื้องหลัง ได้เตือนให้เขาเตรียมตัวแล้ว


"คุณควรไปศึกษา" เขาบอก "ร็อคเวลจะบอกเรื่องเกี่ยวกับพวกเขาให้คุณได้ เขาเป็นทูตที่คอยทำหน้าที่ติดต่อกับพวกเรเวน ถึงแม้....เราจะไม่ค่อยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันเท่าไรนักก็ตาม"


"ผมพอจะนึกออก" หยางตอบ....อย่างแผ่วเบา "เมื่อดูจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน....."




6/0 P.2

"ผู้คนสมัยก่อนชอบจำเราสับสนกับอีกา แต่ผู้คนสมัยนี้ชอบนึกว่าเราเป็นเครื่องร่อน นึกๆดูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะกลุ้มใจกับอันไหนมากกว่ากันดี"


ประโยคที่เกือบเป็นเหมือนการเปิดเรื่องนั้นทำให้อรอินทุทำหน้าปุเลี่ยนๆ และไม่อาจเอ่ยคำใดต่อไปได้


ในขณะที่ผู้ฟังอีกคนกลับไม่มีทีท่าแปลกใจ หล่อนสั่งเครื่องดื่มจากตู้และยกขึ้นจิบโดยไม่เอ่ยอะไรเช่นกัน


ไอเด็น...เด็กหนุ่มผู้เดียวท่ามกลางหญิงท่ามกลางหญิงสาวสองคนจึงกล่าวต่อ


"ถึงอย่างนั้น.... พวกเราก็ไม่ได้นิสัยไม่ดีขนาดอีกาหรอกนะ"


อรอินทุสั่งเครื่องดื่มบ้าง ในขณะที่พยายามสรรหาคำพูดที่จะบอกให้พวกเขากลับเข้าเรื่อง...ที่เธอยังไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร


หากแล้วผู้หญิงคนนั้น...ก็โยนแก้วของหล่อนลงเครื่องรีไซเคิลของมัน แล้วเป็นฝ่ายขัดคอเขาซะเอง


ด้วยคำพูดที่อรอินทุไม่เข้าใจเช่นกัน

"คุณไม่เคยเป็นผู้คุ้มครองมาก่อนใช่ไหม"


"ไม่" เขาตอบอย่างรวดเร็ว "ที่จริงไม่ใช่งานของผมด้วย"


หญิงสาวหันหน้ามาทางอรอินทุ....ด้วยดวงตาสีดำ....สีที่อรอินทุเพิ่งสังเกตว่าเข้มจัดกว่าดวงตาของหล่อนอย่างที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีสีดำที่เข้มสนิทได้ขนาดนั้น


"ในยุคสมัยหนึ่ง....ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติขนานใหญ่จนมนุษย์สูญเสียอารยธรรม และทำให้ความก้าวหน้าทั้งหมดชะงักไป หรือที่คุณจะเรียกในสมัยศึกษาขั้นพื้นฐานว่าสมัยประวัติศาสตร์โบราณ... พวกเขามาจากยุคนั้น"


"ขอบคุณสำหรับคำอธิบายที่แสนสั้น รวดเร็ว และได้ใจความครบถ้วน" ไอเด็นว่า ขณะที่ชูเครื่องดื่มในมือให้คนพูดคล้ายแทนคำขอบใจ ก่อนยกดื่มอีกอึดใหญ่


ในขณะที่อรอินทุกำลังพยายามซึมซับข้อความเหล่านั้นลงไปช้าๆ


สมัยประวัติศาสตร์โบราณ.... ก่อนภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่จะล่มสลายอารยธรรม


สองพันกว่าปีก่อนนั่น !!!




6/0 P.3


หญิงสาวก้าวเท้ายาวๆผ่านระเบียงทางเดินที่มีผู้คนสวนทางผ่านไปมา ทว่าเธอกลับไม่สามารถรู้สึกได้


ยังไม่สามารถรู้สึกได้... ทว่าอีกนิดเดียว....


"มิคาเงะ ?"


เสียงเรียกตามหลังทะลุผ่านยิ่งกว่าสายลมที่ชโลมสัมผัสแผ่วเบา หญิงสาวเชื้อสายญี่ปุ่นคงจะยังสืบเท้าต่อไป หากไม่ใช่ในสายลมที่พัดแผ่วนั้นพาเอาเสียงเพรียกอีกอย่างมาด้วย


เสียงเดียว...ที่ทะลุผ่านทุกสิ่งรอบด้าน และเป็นสิ่งเดียวที่สัมผัสเธอ


เสียงที่....ควบคุมเธอนับตั้งแต่เมื่อคืน


นับตั้งแต่ที่เธอหันหลังกลับไปเจอ


เสียงที่ออกคำสั่งแผ่วเบา....หากกดลึก


"....มา...."




6/0 P.2.5


"ราวๆสองพันปีก่อน ที่ถ้าตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ มีการเรียกช่วงเวลานั้นว่า "คริสต์ศตวรรษ" หรือคุณอาจคุ้นหูกว่าในชื่อที่เรียกว่า "ยุคพลังงานนิวเคลียร์" ก่อนการเกิดภัยพิบัติ...."


"ใช่" อรอินทุหลุดปากคำแรกที่นึกออก "ฉันรู้จัก.... ฉันเพิ่งได้ยินมาเหมือนกัน"


ใช่....มันราวกับเป็นเรื่องตลก เมื่อไม่กี่นาที... ไม่น่าจะถึงหนึ่งชั่วโมงดี เธอเพิ่งจะถูกถามหาความรู้ในยุคสมัยนี้จนคิดจะไปหาตำรามาอ่าน


และ....


"ไอ้เจ้าตัวนั้น" อรอินทุเบิกตากว้าง สองมือกำกระป๋องเครื่องดื่มที่ผู้หญิงคนนั้นส่งมาให้แน่น ขณะที่ความทรงจำกำลังเริ่มจัดเรียงตัวเองใหม่อีกครั้งต่อข้อมูลที่ได้รับ "มัน....ใช่.... มันอยู่ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์อะไรสักอย่าง ....ที่เขาเรียกว่า...หมา..."


"เพื่อความจำง่าย" ไอเด็นเอ่ยเสียงนุ่มและร่าเริง "คุณอาจเรียกมันว่าไอ้ขี้เรื้อนหรือไม่ก็...."


"เพื่อความจำง่าย" ผู้หญิงที่ยืนอยู่ล้วงกระเป๋าก่อนหยิบบางสิ่งออกมา "คุณอาจจะอยากได้แฟ้มข้อมูลสารานุกรมสิ่งมีชีวิตที่จำเป็นไว้ในอุปกรณ์พกพาอะไรสักอย่างของคุณ เพื่อจะได้ดูได้ตลอดเวลา"


อรอินทุมองตาม และเห็นว่าที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายคืออุปกรณ์ขนาดเท่าฝ่ามือที่นิยมไว้บรรจุข้อมูลหลากหลาย ทั้งพวกสารานุกรม หรืองานวิจัยต่างๆ หล่อนเองก็มีไว้เก็บข้อมูลทางดาราศาสตร์อยู่เครื่องหนึ่งเช่นกัน


เธอหยิบอุปกรณ์ของตัวเองออกมา พวกที่ศึกษาภาควิชาดาราศาสตร์อย่างเธอชอบทำรูปดวงดาวหรืออะไรสักอย่างเป็นกรอบหุ้มตัวเครื่องไว้ อรอินทุก็มีเช่นกัน แต่วันนี้เธอไม่ได้ใส่มาเพราะลืมหยิบ และหญิงสาวก็นึกขอบคุณความลืมนั้น เพราะเธอเพิ่งรู้สึกเป็นครั้งแรก ว่ามันน่าเขินๆพิกล ที่จะต้องยื่นเจ้าเครื่องรูปดาวนี้ให้คนที่มีเครื่องมือรูปร่างหน้าตามาตรฐาน


ผู้หญิงแปลกๆ....ที่ใช้เครื่องมือได้มาตรฐานโดยไม่ตกแต่งอะไรเลย


หญิงสาวตัดสินใจก้มหน้าจิบเครื่องดื่ม ระหว่างที่อีกฝ่ายส่งแฟ้มข้อมูล พร้อมกดตั้งค่าด้วยความรวดเร็วไม่แพ้กับตอนที่เจ้าหล่อนลั่นกระสุนหรือจัดการกับเจ้าตัว....ที่เธอกำลังพิจารณาจะเรียกว่าเจ้าขี้เรื้อนนั่น ก่อนจะกดสั่งให้เครื่องแสดงสัญญาณภาพเป็นหน้าจอมาตรฐานต่อหน้าเธอ


สมองที่กำลังเรียบเรียงข้อมูลของอรอินทุจดจำไว้อีกอย่างว่า .....เจ้าหล่อนทำได้โดยไม่ต้องใช้คำสั่งเสียงแม้แต่นิดเดียว...


"หมาป่า...หรือเป็นที่รู้จักดีที่สุดในนามของหมาป่าเทาหรือ Gray wolf สิ่งมีชีวิตใน Kingdom Animalia ไฟลัม Chordata .....คุณหาอ่านได้ทั้งหมด หรือถ้าไม่รู้ว่าจะอ่านยังไง ก็ลองกดถ่ายภาพเอาก็ได้ แล้วมันจะขึ้นมาให้ว่าตัวที่คุณเผชิญเป็นตัวอะไร"


ฝ่ายตรงข้ามอธิบายง่ายๆ


หากอรอินทุกลับรู้สึกหนาวเยือก....


"เผื่อว่า ?"


เธอทวนคำออกไป เพราะไม่รู้จะเอ่ยอะไรมากกว่านั้น ทว่าเด็กหนุ่มที่ท่าทางสนุกกับการกดซื้อเครื่องดื่มกระป๋องใหม่หันมาส่งรอยยิ้มให้


"ไม่เป็นไรหรอก ผมรับรองเลยว่า ภายใต้การดูแลของเรา คุณจะไม่ต้องใช้ไอ้คำนี้แน่นอน"


อรอินทุหันสายตาไปยังเด็กหนุ่มคนนั้น หากต้องยอมรับอย่างน่าเสียดายว่า.... ถ้อยคำของเขาไม่ได้ทำให้เธออบอุ่นขึ้นสักนิด


เธอจึงหันสายตากลับมาทางหญิงสาวอีกคนแทน.... หญิงสาวที่แม้จะพูดแต่เรื่องที่ไม่อาจเข้าใจ หากมันก็ยังพอมีน้ำมีเนื้ออะไรสักอย่างให้เธอได้จับต้องบ้าง


จิงเมิ่งเข้าใจสายตานั้น เธอจึงถอนใจก่อนเลือกคำใหม่


"มันฟังเหมือนจะเป็นเรื่องยาก แต่มันก็......ใช่ว่าเป็นเรื่องที่จำเป็นจะต้องเข้าใจ คุณคิดซะว่าบันทึกหลักฐานใดๆก็ตามที่ตกทอดมาถึงผู้คนที่มีชีวิตอยู่ในเวลานี้อย่างพวกเรามันอยู่ไม่ครบ เลยยังมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่พวกเราไม่รู้และไม่สามารถทำความเข้าใจได้ ....อย่างดีที่สุดที่เราทำได้ก็คือ เราแค่รู้ว่ามีมันอยู่ และใช้ชีวิตต่อไปตามปกติก็พอ"


"ฟังดูใช้ได้" เด็กหนุ่มส่งเสียงกลั้วหัวเราะ....ที่เป็นทำนองประหลาดมาให้


ทว่าอรอินทุรู้ดีว่ามันไม่ได้มีแค่นั้น มีบางสิ่งที่มากกว่านั้น


และเธอกำลังรอ


หญิงสาวถอนหายใจอีกครั้ง หากคราวนี้....ยืดยาว....


"เอาล่ะ.... ทีนี้ปัญหาคือ มันมีส่วนที่ "เกี่ยวข้อง" กับคุณอยู่....... คุณหลง"




6/0 P.4


คีธ เจี๋ย สแตนด์ลีย์เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ของเขาช้าๆ ขณะที่สองตายังจ้องภาพเหตุการณ์ซึ่งถูกส่งตรงมาให้เขาในฐานะผู้ควบคุมของสถานที่แห่งนี้


ภาพการต่อสู้ระหว่างสามเผ่าพันธุ์


มนุษย์ เรเวน...นกแห่งความตาย และหมาป่าที่บ้าคลั่งกระหายเลือด


มันเกือบจะเป็นเรื่องตลก เมื่อมองในแง่ที่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกหนแห่งและทุกๆเวลา


การแย่งชิงกำลังจะรุนแรงขึ้น เช่นเดียวกับที่การปกปิดต้องแน่นหนาขึ้น


บัดนี้บนระเบียงทางเดินที่เกิดเหตุการณ์จะไม่มีร่องรอยใดๆเหลืออีกแล้ว ภาพทุกภาพที่ถูกบันทึกไว้ก็จะถูกส่งตรงมาที่นี่ และแทนที่ด้วยภาพที่เหมือนกับไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น


และเนื่องเพราะครั้งนี้ไม่มีผู้เสียชีวิต...ซึ่งนับเป็นเรื่องดีอย่างที่สุด การจัดการจึงเป็นไปด้วยความรวดเร็วชนิดที่ว่าร่างทั้งสามยังไม่ทันจะหลุดพ้นจากการจับตามองของกล้องรักษาความปลอดภัยในอาคารนั้นด้วยซ้ำ พวกเขาก็จัดการทุกสิ่งทุกอย่างจบแล้ว


แต่ในอีกมุม การเจรจาครั้งสำคัญจะเพิ่งเริ่มเช่นกัน


เขาเคาะปลายนิ้วลงบนโต๊ะ ขณะที่ภาพเบื้องหน้าฉายชัดให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวอันปราดเปรียวของมนุษย์หนึ่งในสองใน


ที่นั้น และเป็นมนุษย์คนเดียวที่ต่อสู้


อย่างเยือกเย็น


เขาไม่แปลกใจเลยที่สหายต่างวัยอย่างหลงมอบหมายงานชิ้นนี้ให้หล่อน ทั้งทักษะการต่อสู้ ทั้งการตัดสินใจของเจ้าหล่อน เขาแน่ใจว่าหากได้รับการจัด 'ลำดับ' จิงเมิ่ง โหยวจะได้อยู่ในอันดับต้นๆเป็นแน่


ปัญหาคือ.....หล่อนไม่ได้รับการจัดลำดับ


และนั่นมันทำให้ปัญหาใหญ่ที่สุดอีกอย่างตามมา


ไม่มีใครตอบได้....ว่าความภักดีของหล่อนอยู่ที่ไหนกันแน่


"คุณเสี่ยงเกินไปจริงๆนะ" เขาพึมพำกับตัวเอง และกับสหายที่น่าจะรู้ดีในข้อนี้ "คุณเสี่ยงเกินไป หลง ทั้งๆที่ 'เธอ' มีค่ามากเกินกว่าจะยอมเสียไปได้แท้ๆ แต่คุณก็ยึดติด....."


เขาสั่นศีรษะ


ในฐานะเพื่อน คีธจะยอมให้โอกาสหลงได้ทำในสิ่งที่เขาต้องการ แต่มันมีกำหนดระยะเวลาของมัน ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้น เขาต้องตัดสินใจใจอีกฐานะ


ไม่อย่างนั้น....เขาก็ไม่มีสิทธิ์พูดเรื่อง 'ความภักดี' เช่นกัน





6/0 P.4.5


"สิ่งเดียวที่คุณต้องตัดสินใจ ก็คือความภักดีของคุณ" จิงเมิ่ง โหยวเอ่ยในที่สุด


ขณะที่อรอินทุได้แต่นิ่งงัน กับแววตาที่บอกว่าไม่เข้าใจอะไรเลย


ยังไม่เข้าใจ กระทั่งเมื่อผู้เอ่ยปากย่อตัวลงและนั่งลงตรงข้ามอรอินทุพร้อมคลึงกระป๋องเครื่องดื่มในมือ ก่อนมองมาด้วยนัยน์ตาสีดำล้ำลึกไม่บ่งบอกอารมณ์นั่น


อาการบางอย่างคล้ายจะกลับมาหาอรอินทุอีกครั้ง แต่หล่อนยังข่มมันเอาไว้แปรเปลี่ยนเป็นคำถามแทน


"คุณหมายความว่ายังไง เรื่องความภักดีนั่น"


ผู้ถูกถามกลับถอนหายใจและเหลือบไปมองเด็กหนุ่มที่ดูมีความสุขกับการเพิ่มกระป๋องน้ำเปล่าๆไว้รอบตัวเขา และเมื่อเห็นหญิงสาวมองไป ก็ได้แต่ยักไหล่ให้ เธอจึงหันมามองอรอินทุอีกครั้ง


มองผู้ที่กำลังจะถูกผลักเข้าสู่วังวนนี้ และไม่มีทางหนีไปได้


แม้ว่าจะเลือกแล้วก็ตาม


"ความ....จงรักภักดี สิ่งที่เป็นมากกว่าแค่ความซื่อสัตย์" เธอขยายคำให้ฟัง "....คุณเข้าใจความหมายของคำว่าซื่อสัตย์ไหม ?"


จิงเมิ่งบอกได้จากสีหน้า ว่าอรอินทุคิดว่ามันเป็นคำถามที่พิลึกที่สุด กระนั้นหล่อนก็นิ่งไปก่อนจะค่อยๆยอมตอบ


"คือ....เอาล่ะ" อรอินทุหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะลืมขึ้นพร้อมคำตอบ "คือ...ฉันคิดว่าคุณคงหมายถึงคล้ายๆกับการที่เราจะไม่โกงข้อสอบ ไม่ผิดคำพูด หรืออะไรสักอย่างทำนองนี้ใช่ไหม .... เท่าที่ฉันจะเข้าใจได้นะ ฉันไม่ ....เอ่อ ไม่ค่อยถนัดวิชาปรัชญาเท่าไรนัก"


"มันต้องเป็นปรัชญาเชียวหรือ" เด็กหนุ่มถาม ก่อนผุดรอยยิ้มขบขัน "กระทั่งความซื่อสัตย์ก็ต้องเป็นภูมิความรู้แบบปรัชญาแล้ว....น่าสนดีแฮะ"


จิงเมิ่งทำเป็นเมินเฉยให้กับน้ำเสียงสนุกสนานของเขา แม้ส่วนหนึ่งจะมั่นใจถึงนัยยะแห่งการเสียดสีที่แฝงเร้นอยู่ แต่มันก็เหมือนกับเรื่องประชดยิ่งกว่าที่เธอเห็นด้วยกับเขา


สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเรื่องที่แม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆยังต้องรู้ ยังกลายไปเป็นการศึกษาเฉพาะทางในระดับสูงไปได้


และบางที....นั่นอาจเป็นเหตุผลให้ตัวเธอเป็นเธอ


เป็นเหตุผลให้เธอยังคงทำงานแบบนี้


"เรียกให้ชัดและง่ายกว่านั้น มันคือความซื่อตรง" จิงเมิ่งเลือกที่จะบอก....ในสิ่งที่เธอเชื่อ แม้ขณะที่หรุบตาลงต่ำชั่ววูบ คำสอนของคนที่สั่งสอนเธอมาก็ยังกึกก้องอยู่ในหูและเธอสามารถถ่ายทอดมันออกมาได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน "ตรงต่อตัวคุณเอง เมื่อเจ็บปวดก็ยอมรับว่ามันเป็นเจ็บปวด ผิดหวังก็ยอมรับว่าผิดหวัง เพราะเมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกถึงทั้งสองอย่าง...เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกเจ็บปวด และผิดหวัง มันแปลว่าคุณได้เคยปรารถนาอะไรบางอย่าง เคยหวังบางอย่าง และเคยทำบางอย่างลงไปด้วยสองมือของคุณเอง ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่คุณต้องยอมรับมัน ไม่ว่าจะเป็นยังไง เพราะเมื่อถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะออกมาเป็นยังไง ไม่ว่าจะรู้สึกอะไร ในท้ายที่สุด คุณจะไม่มีวันเสียตัวตนของตัวเองไป"


เธอลืมตาขึ้น มองจ้องไปยังผู้ฟัง...หญิงสาวที่ควรจะมีสิทธิ์ ควรจะได้รับรู้ และควรจะได้ 'ตัวตน' ของตนเองไปโดยไม่หลงทาง


นั่นเป็นเหตุผลที่หลงให้เธอมา เหตุผลที่หลงยอมบอกเบาะแสเรื่องที่เขารู้จากดวงดาวให้เธอ


"ถ้าความซื่อตรง...ซื่อสัตย์ คือการรับ .....ความภักดีก็คือการให้ มันคือการที่คุณจะมอบมากกว่าความซื่อตรง...มากกว่าการตัดสินใจและการยอมรับในสิ่งที่คุณเป็น คุณต้องมอบทั้งหมดนั่นให้กับสิ่งที่เรียกว่าความภักดี...ให้กับคนที่คุณจะเลือกภักดีด้วย"


เธอเว้นจังหวะ ปล่อยให้ถ้อยคำนั้นค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในความคิดอีกฝ่าย


เธอหวังว่ามันจะ....แทรกซึมเข้าไป


และ 'หลง' ก็หวังเช่นนั้น


"คำถามเดียว...ที่ดึงคุณมาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้และมันจะติดตัวคุณไปตลอด เพราะเรื่องนี้ไม่มีวันจบก็คือ คุณ...จะเลือกมอบความภักดีให้กับใคร"


จิงเมิ่ง โหยวก้าวถอยหลัง และปล่อยให้สายตาของอรอินทุ 'หลง' กวาดมองตามมา...อย่างยุติธรรมที่สุด


ให้เธอได้เห็นทั้ง "เธอ" และเด็กหนุ่มอีกผู้


ทั้งมนุษย์ และ อมนุษย์


"คุณจะมอบความภักดีให้กับเผ่าพันธุ์เดียวกัน...อย่างมนุษย์ หรือคุณจะเลือกภักดีกับฝ่ายที่คุณเห็นว่าคู่ควร ไม่ว่าจะเพราะเขาปกป้องคุณหรืออะไรก็ตามแต่อย่างเผ่าพันธุ์อื่นก็ได้"


หนนี้มันไม่ยากเกินเข้าใจ จิงเมิ่งรู้ดี เพราะเธอเห็นแววแห่งความตื่นตะลึงค่อยๆเข้าไปในดวงตาของผู้ฟัง...ทั้งคู่ ไม่ใช่เฉพาะอรอินทุ แต่รวมถึงเผ่าพันธุ์ 'อื่น' อย่างเด็กหนุ่มก็ด้วย


และเธอก็เลือกที่จะย้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งคู่ไม่ได้ยินผิด


"แม้ว่าฝ่ายที่คุณเลือก จะไม่ใช่มนุษย์ก็ตาม"


+ + + + + +


นำส่งตอนใหม่ค่ะ

ส่งวันละตอน แต่แต่งได้วันละ...เป็นจำนวนหน้า
อา...สมดุลอยู่ไหน OTL



อมราวตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ย. 2555, 00:06:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ย. 2555, 00:07:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 990





<< Ch.5   Ch.7 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account