Knight At Night ... สงครามรัตติกาล
กาลเวลาพลิกกลับอีกครั้ง...ทุกอย่างกำลังจะได้เวลาเริ่มต้นใหม่ หรือว่าความจริงแล้ว...เพียงแค่ซ้ำรอยเดิมเท่านั้นกัน ? นับพันปีที่ผ่านไป ที่รอคอยคือเธอ หรือว่า..?



เขาส่งเสียงคำรามในลำคอ เสียงกึกก้องคล้ายเสียงสัตว์บาดเจ็บ ...ร้าวราน หากก็มากพอที่จะทำให้หักใจผละจากริมฝีปากหวานล้ำมาเคล้าเคลียพวงแก้มเนียนที่เย็นเฉียบนั่นพร้อมพร่ำกระซิบคำข้างหู

“แต่ถึงอย่างนั้น... ผมก็ยัง...” เขาอ้าปาก งับลงบนติ่งหูก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งไปด้านหลัง ดึงผมที่ท้ายทอยให้วงหน้างามดวงตาสีนิลจับจ้องฟากฟ้าแทน

“ต้องการเธอ”

“ต้องการ...”

".......เธอ"

"........."

"พลังของเธอ!"


Tags: สงคราม, แฟนตาซี, ไซไฟ, รัตติกาล, ปีศาจ, วิวัฒนาการ, อารยธรรม, รัก, โรแมนติก

ตอน: Ch.5





5/0



เสียงสุดท้ายที่ผู้ชายคนนั้นบอกกับจิงเมิ่ง คือ

“ผม...อยากเห็นว่า คุณมีความสามารถอะไรในการต่อสู้ตกทอดมาบ้างหรือ ?”

มันราวกับเขาอ่านใจเธอได้ทะลุปรุโปร่ง ทั้งความคิดจะปกปิด หรือความคิดที่แค่จะขยับเพียงนิด จากนั้นก็ก้าวนำหน้า และดักทางให้เธอเดินไปตามจังหวะของเขาได้อย่างง่ายดาย

หญิงสาวได้แต่กำมือ...ที่ข้างหนึ่งยังปวดตุบๆเข้าหากันแน่น ขณะที่ค่อยกวาดตามองสำรวจสถานการณ์ของตัวเองอย่างเงียบๆ

เธอยืนอยู่บนระเบียง กึ่งกลางทางเดิน

และกึ่งกลางระหว่างสองเผ่าพันธุ์แห่งรัตติกาลในห้วงอดีตพอดี !

หนึ่งนั้นเป็นรูปร่างที่สามารถบ่งบอกได้ชัด เพียงกวาดตามองผ่านคมเขี้ยวขาววาววับกับขนดกหนาของร่างที่คู้ตัวเตรียมพร้อมกระโจนเข้าใส่ทุกเมื่อ

และอีกหนึ่ง แม้จะไม่ได้มีลักษณะเด่นชัด แต่จากอุ้งมือนั่น...ก็พอจะทำให้หล่อนคาดเดาได้เหมือนกัน ว่าเขาน่าจะเป็นพวกไหน

จิงเมิ่งยังแลเลยไปด้านหลังของเด็กหนุ่มคนนั้น และเห็นชัดถึงดวงตาที่เบิกกว้างคล้ายตกใจของผู้เห็นเหตุการณ์อีกคนหนึ่ง

ทว่า หล่อนก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว นอกจากมือที่ถูกกระตุ้นให้เอื้อมไปหยิบอาวุธ เมื่อเสียงคำรามดังลั่น ก่อนตามด้วยการโจมตีที่มาดหมายชีวิต !



5/0 P. 0.1

อรอินทุเกือบหลุดคำอุทานออกไป ยามมองเห็นเงาร่างสูงระหงของสตรีที่ปรากฏขึ้นมาหลังจาก “ความมืด” แตกกระจาย

หญิงสาวเบิกดวงตาขึ้น เพ่งพินิจให้แน่ใจว่าตนเองไม่ได้มองผิดไป เมื่อเค้าหน้าที่เห็น กับดวงตาสีดำสนิทที่ตวัดมาวูบคู่นั้น คลับคล้ายคลับคลาในความทรงจำเป็นอย่างยิ่ง

แต่เป็นความทรงจำที่หล่อนนึกไม่ออก ว่ามาจากที่ไหน และเวลาใด !

และหญิงสาวยังไม่ทันได้ทบทวนหรือตั้งข้อสงสัย เหตุการณ์เบื้องหน้าก็แปรเปลี่ยนไปอีกครั้ง เมื่อหมาป่าร่างใหญ่ที่กระโจนถอยไปตั้งหลักคู้ตัวเมื่อครู่ ส่งเสียงคำรามคล้ายเบิกทาง ก่อนพุ่งร่างตรงเข้าใส่หญิงสาวผู้นั้นอย่างรวดเร็วทันที !

อรอินทุอยากตะโกนบอกให้ผู้หญิงคนนั้นหลบไป แต่เสียงของหล่อนกลับขาดหายไปกะทันหัน และดูเหมือนมันก็ไม่จำเป็นเสียด้วย

พริบตาก่อนหน้าที่ร่างใหญ่ยักษ์จะทะยานเข้าถึงตัว ผู้หญิงคนนั้นก็กระชากอุปกรณ์ที่อรอินทุคุ้นตาออกมาและเป็นฝ่ายลงมือก่อนแทน

ปืน...ที่รังสีสีแดงเข้มที่พุ่งวาบออกไปบอกชัด ว่ามันได้รับการปรับอานุภาพทำลายล้างเป็นระดับสูงสุด !

เจ้าหล่อนลั่นไกปืนปล่อยลำแสงแล้วไม่ได้หยุดยืนอยู่เฉยๆเหมือนในภาพยนตร์แอ็คชั่นที่อรอินทุเคยเห็น แต่เพียงแค่รังสีการทำลายนั้นโฉบเข้าที่ใบหูของหมาป่าร่างใหญ่อย่างแม่นยำ หญิงสาวก็พลิกตัว หันกลับมาสาดรังสีทำลายล้างนั้นมาทางหล่อนต่อทันใด

หรือพูดให้ถูกก็คือจุดที่ร่างของเด็กหนุ่มยืนบังเบื้องหน้าหล่อนไว้ !



5/0 P. 0.2

จิงเมิ่ง โหยว แค่นเสียงในลำคอ เมื่อเป้าหมายของหล่อนที่ร่างใหญ่ยักษ์นั้นกลับว่องไวอย่างเหลือเชื่อ มันสามารถเอนศีรษะหลบการโจมตีของรังสีที่หล่อนยิงไปได้อย่างฉิวเฉียด

เพราะอย่างนี้แหละ หล่อนถึงเกลียดปืนรังสี...ที่ส่งรังสีออกไปให้คาดเดาเป้าหมายได้ง่ายๆ...

ทั้งที่หล่อนเล็งที่ดวงตา แต่เจ้าหมานั่นกลับโยกหลบจนทำได้แค่เฉี่ยวใบหูไปอย่างที่ไม่น่าสร้างความเจ็บปวดอะไรให้กับมันนักหรอก !

แต่จิงเมิ่งไม่มีเวลาให้เสียใจนัก อาจเป็นเพราะใจหนึ่ง..กว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์หล่อนเดาไว้ได้แล้วก็ได้ว่า การโจมตีนั้นคงไม่สัมฤทธิ์ผล แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะพอเบี่ยงเบนหรือทำให้อีกฝ่ายเสียจังหวะไปได้ แม้จะเป็นเพียงน้อยนิดก็ตาม

ดังนั้น หล่อนจึงทำตามขั้นต่อไป...ตามที่สัญชาตญาณร่างกายสั่งอย่างรวดเร็ว ด้วยการหันไปปล่อยลำแสงทำลายอีกชุดไปยังฝ่ายเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงนั้น

หนนี้หญิงสาวเล็งกะจังหวะอย่างดี...เหลือบมองในดวงตาวาวโรจน์ของอีกฝ่าย แล้วได้แต่ภาวนาให้ตัวเอง



5/0 P. 1

การโจมตีครั้งที่สองของผู้หญิงคนนั้นล้มเหลวเช่นกัน และอรอินทุก็โล่งอกที่มันล้มเหลว

ก็ใครมันจะไปรับประกันได้เล่า ว่า....ลำแสงที่อันตรายขนาดที่ว่าต่อให้ไม่โดนอวัยวะสำคัญก็มีสิทธิ์พิการตลอดชีวิตนั่นจะไม่ตกกระทบมาที่หล่อน ต่อให้อีกฝ่ายมือแม่นแค่ไหนก็ตาม

พร้อมกันนั้น หล่อนก็นึกรักเด็กหนุ่มคนนั้นอีกโข ที่เขาไม่ก้มหลบลำแสง หรือกระโจนหลบ หากแต่ถอยหลังและผลักหล่อนให้หลังกระแทกกับผนัง ทั้งยังเอาตัวเองบังเป็นการปกป้องเธอไว้อย่างสิ้นเชิง

หากเพราะมัวแต่กังวลกับความปลอดภัยนั้น สมองของอรอินทุจึงทำงานช้าลงเล็กน้อย หล่อนได้แต่มองอย่างงุนงงเมื่อเด็กหนุ่มคนนั้นส่งเสียงบางอย่างในลำคอที่ฟังคล้ายแสดงความยินดี ก่อนที่เขาจะกระโจนออกไปข้างหน้า

สายลมเย็นเยียบที่พัดผ่านไปเมื่อเขาเคลื่อนผ่าน จนทำให้หล่อนเกือบจะห่อกายด้วยความหนาวสั่น ทว่าเวลาไม่มีเพียงพอถึงขนาดนั้น แม้กระทั่งจะเข่าอ่อนทรุดลงไปกองกับพื้น หญิงสาวยังไม่อาจทำได้ เมื่อเสียงคำรามลั่นดุเดือดพุ่งกระแทกโสตประสาทจนหัวใจเต้นระรัว

"หนวกหู !" เด็กหนุ่มส่งเสียงคำราม และเป็นอีกครั้งที่อรอินทุจดบันทึกไว้...ว่าหล่อนจะขอบคุณเขาในเรื่องนี้ด้วย ที่เสียงร้องแหลมแสบแก้วหูนั้น...ยังน่าฟังกว่าเสียงเมื่อครู่

หล่อนผ่อนลมหายใจออก พยายามปรับจังหวะหายใจและข่มความรู้สึกที่กำลังจะปะทุขึ้นใหม่อีกครั้ง ขณะทอดตามองตามเหตุการณ์เบื้องหน้า....ที่ยังยากแก่การทำความเข้าใจ

บัดนี้ เด็กหนุ่มคนนั้น....เขากำลังยืนอยู่ไม่ห่างออกไปนัก แต่ก็ไม่ใกล้... ด้วยท่าทางคุมเชิงและมาดหมายบางอย่าง

ขณะที่เสียงคำรามของ "หมาป่า" นั่นหายไป อาจจะเพราะบัดนี้ปากของมันไม่ว่างแล้วก็เป็นได้ อรอินทุนึกอยากเบือนหนีภาพหน้าหวาดเสียวนั่น ทว่าไม่อาจทำได้

แม้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะยิงรังสีมาทางนี้ แต่อรอินทุคิดว่าหล่อนไม่สมควรจะต้องชดใช้ด้วยการเป็นเหยื่อคมเขี้ยวขาววาวที่ดูแล้วน่าหวาดกลัวยิ่งกว่ารังสีใดๆนั่น หากมันก็เป็นเรื่องยาก...เพราะบัดนี้ เขี้ยวขาวของสัตว์หน้าขนนั่นอยู่ห่างจากหน้าหล่อนแค่ไม่กี่ฟุตเสียแล้ว !



5/0 P. 2

จิงเมิ่ง โหยว เข่นเขี้ยวของหล่อนตอบเจ้าสุนัขป่าที่กำลังแสยะเขี้ยวของมันมาใกล้ทุกขณะ หากยังไม่อาจทำได้ เพราะก่อนเสี้ยววินาทีที่มันจะทำได้ขย้ำกร้วมลงมา หญิงสาวก็คว้าปืนรังสีของตนเองยัดเข้าไปในปากมันได้ทันท่วงทีเสียก่อน

แต่มันยังไม่เร็วพอ....หล่อนสบถเบาๆ ที่ความเร่งรีบทำให้ทิศทางของปากกระบอกที่ปล่อยรังสีนั่นหันไปด้านข้าง แทนที่จะหันเข้าไปในปากสัตว์หน้าขนตัวนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

และนั่นทำให้มันยิ่งได้ทีแทะที่ปรับพลานุภาพ ทั้งกำลังจะทำลายระบบของปืนรังสี ซึ่งจะทำให้ของชิ้นนี้เป็นยิ่งกว่าเศษขยะไร้ค่า

แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น...อย่างน้อยหญิงสาวก็พยายามยันมันไว้สุดแรง พร้อมใช้เวลาเสี้ยววินาทีตวัดตาขึ้นไปมองด้านบน

ที่ๆเด็กหนุ่มอีกเผ่าพันธุ์ กับหญิงสาวมนุษย์เช่นเดียวกับหล่อนอยู่นั่น

พร้อมเริ่มนับถอยหลัง



5/0 P. 3

อรอินทุเกือบสะดุ้ง เมื่อผู้หญิงคนนั้นเสือกปืนรังสีเข้าไปในปากหมาป่าตัวนั้น และกั้นเขี้ยวของมันให้ห่างจากหน้าของเจ้าหล่อนเพียงเสี้ยวได้อย่างหวุดหวิด

หล่อนนึกอัศจรรย์เล็กน้อย ที่เจ้าหล่อนดูจะมีเรี่ยวแรงเหลือเฟือที่จะยันร่างของหมาป่าที่ตัวใหญ่กว่าตนเองสองสามเท่าได้ ทั้งที่ปากกระบอกปืนรังสีที่น่าจะมีความทนทานกว่าเลือดเนื้อของมนุษย์นั่นกำลังถูกคมเขี้ยวยาวใหญ่กัดกร่อนทีละนิด

หล่อนกลืนน้ำลายลงคอเอื้อก หากมันก็ไม่ได้กลบเสียงของอาวุธที่กลายเป็นปราการและกำลังจะกลายเป็นเศษซากหักพัง

และในเสี้ยววินาทีนั่นเอง ผู้หญิงคนนั้นก็ทำให้อรอินทุแปลกใจอีกครั้ง

เจ้าหล่อนละสายตาที่เคยประสานกับเจ้าหมาป่านั่น และเงยขึ้นมองตรงมา

มาที่หล่อน

อรอินทุกะพริบตาปริบตอบสายตาคู่นั้น ก่อนเลื่อนไปทางเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่เยื้องๆ

และได้แต่อ้าปากค้าง

ดูเหมือนเด็กหนุ่มผู้นั้นจะ..หายไปเสียแล้ว



5/1

เขาสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย

แสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์หายไปแล้ว บัดนี้นอกจากความมืดมิดที่แผ่ปกคลุมทั่วทุกแห่งหน ยังไม่มีแสงสว่างใดปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเขาทั้งสิ้น

แต่เขารู้ว่าจะมี....

ดวงตาสีแดงเข้มของชายหนุ่มเหลือบมองลงต่ำ ทว่าไม่ได้มองลงไปยังเบื้องล่าง แต่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับภาพที่เขาอดยอมรับไม่ได้ว่ามันช่างน่าตื่นเต้น

น่าสนใจ

เจ้าหล่อน...ผู้ที่เขาเพิ่งให้บริวาร 'พา' หล่อนไปยังสถานที่ที่หล่อนต้องอยากไปเป็นแน่ และเขายอมรับว่าเป็นเจตนานิดๆของเสี้ยวอารมณ์ที่ยังหลงเหลือในตัวเขาให้ปล่อยลงกลางสมรภูมิของการโรมรันระหว่างสองเผ่าพันธุ์อันตราย

นกปีศาจ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองเป็นเผ่าพันธุ์อัปมงคลแห่งความตาย เรเวน

กับสิ่งที่เคยถูกโจษจันในความป่าเถื่อนเคียงข้างความอำมหิตของพวกเขา อย่างหมาป่าทมิฬ

นอกจากน่าสนใจแล้ว เขายังยอมรับว่ามันน่ายินดี ที่ยังหลงเหลือ "มนุษย์" ที่สามารถมีปฏิกิริยาได้ว่องไวขนาดนี้ ท่วงท่าของการเคลื่อนไหว

เขาอดแย้มริมฝีปากให้นิดๆไม่ได้ เมื่อหล่อนดูจะเข้าใจปัญหาของปืนรังสีได้ดีกว่าที่เขาอธิบายเสียอีก และหล่อนสบถ ขณะที่เจ้าอาวุธที่มนุษย์เข้าใจว่าร้ายแรงนักหนานั่นกลายเป็นเพียงเศษเหล็กไร้ความหมาย

ก่อนที่หล่อนจะเงยหน้าขึ้นมา

สบประสานสายตากับเขา



5/0 P. 4

ต้องใช้เวลาอยู่ครู่ กว่าอรอินทุจะรู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองมาที่หล่อนหรือเด็กหนุ่มคนนั้น

หล่อนเพิ่งมาสังเกตเห็นถึงบางสิ่งที่ซ่อนตัวอยู่เกือบจะแนบเนียนกับเงาของผนัง หรือที่ถูกก็อาจเรียกได้ว่าเป็น "บางอย่าง" เช่นกัน

สิ่ง...ที่หล่อนยังไม่แน่ใจว่าจะขนานนามมันว่าสิ่งมีชีวิตดีหรือไม่

อรอินทุไม่เคยรู้จักหรือได้ยินเกี่ยวกับสัตว์แบบนี้มาก่อน หล่อนเดาว่ามันน่าจะถูกจัดอยู่ในสายพันธุ์ของสัตว์ปีก ...เพราะสิ่งที่กางอยู่ต่างสองแขนของมันมีลักษณะที่ช่วยให้มันพยุงตัวได้ เพียงแต่มันไม่ได้ถูกปกคลุมไปด้วยขนดังเช่นนกที่หล่อนรู้จัก อรอินทุจึงไม่กล้าเรียกมันว่านกชนิดไหนจนแล้วจนรอด

ที่สำคัญ การปรากฏตัวของมันประทับในจิตใจของหล่อนเกินไป...แค่คิดว่าตนเองต้องถูกห่อหุ้มด้วยพวกมันตั้งไม่รู้กี่ตัวต่อกี่ตัว หญิงสาวก็ตัวสั่นอย่างไม่อาจห้ามได้เสียแล้ว !

และช่วยไม่ได้เลยเช่นกัน...ที่บัดนี้ แค่สังเกตว่ายังมีพวกมันหลงเหลืออยู่ อรอินทุก็แทบจะขยับถอยโดยอัตโนมัติ ถ้าหล่อนไม่นึกได้ว่าอีกฟากทางก็อันตรายไม่แพ้กัน !

และการหยุดยั้งนั้นเอง ที่ทำให้ในอึดใจถัดมา อรอินทุนึกเกลียดตัวเอง

เมื่อหล่อนเห็นมันเข้า

เห็น "ดวงตา" คู่นั้น

มันเป็นสีแดง....ที่หล่อนไม่รู้จะเปรียบเทียบกับอะไรในตอนแรก แต่เมื่อเพ่งลึกลงไป เห็นทั้งความจัดจ้า กับความเข้มข้นที่ผสานอยู่ด้วยกันอย่างลงตัวและชวนให้อึดอัดไปพร้อมๆกัน หล่อนก็คลับคล้ายคลับคลาจะนึกออก

มันคือสีที่หล่อนเคยเห็นมาแล้ว...ในความฝันนั่น

สีที่สะกดตรึงก่อนที่ความเจ็บปวดจะแล่นเข้าครองผ่านลำคอที่รวดร้าว ปลุกความรู้สึกมากมายให้หลากไหลจนไม่อาจควบคุม

และได้แต่ค่อยๆจมลงไป.....

ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวพร้อมกังวานเสียงที่เหมือนกับการทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่าง

เสียงของการแตกกระจาย

เพล้ง !!



5/1 P. 0

หญิงสาวจับจ้องดวงตาสีแดงคู่นั้น และรับรู้ว่าเขากำลังมองมาเช่นกัน

จิงเมิ่ง โหยว ไม่สะทกสะท้านอีกต่อไปที่จะมองกลับไปในดวงตาสีแดงคู่นั้น แม้ว่าข้อปฏิบัติเรื่องไม่ควรจับจ้องดวงตาของเผ่าพันธุ์นี้เป็นสิ่งที่ถูกพร่ำสอน แต่ในยามที่ความขุ่นเคืองกำลังคุกกรุ่นกับสมาธิของการต่อสู้กำลังแน่วแน่ เธอแน่ใจว่าตนเองไม่มีวันหลงไปกับมนต์ในดวงตานั้นเด็ดขาด

เช่นเดียวกับที่คมเขี้ยวของหมาป่าไม่มีวันได้แตะเธอ หล่อนแยกเขี้ยวตอบโดยไม่ละสายตาจากเป้าหมายเดิม หากมือก็เสือกกระบอกปืนรังสีที่หักเป็นชิ้นๆให้เจ้าหมาหิวโหยนั่นเคี้ยวเสียให้สมอยาก ขณะเคาะเท้าลงกับพื้นก่อนตวัดขึ้นในจังหวะเดียวกัน

บางอย่างโผล่ออกจากใต้พื้นรองเท้าของเธอ และจิงเมิ่งไม่รีรอแม้แต่น้อยในการใช้มัน

เช่นเดียวกับที่เด็กหนุ่มอีก 'ตน' ไม่รีรอในการฉวยจังหวะนี้



5/1 P.0.5

เขาพบว่าตัวเองกำลังขยับรอยยิ้มด้วยความประหลาดใจ

เห็นได้ชัด... ว่าหล่อนไม่ได้สูญเสียสัญชาตญาณของนักล่า แม้หล่อนจะทำผิดกฎข้อใหญ่โดยการมองสบตากับ "เขา"

ขณะที่เจ้าสัตว์ยักษ์ที่อยู่เหนือร่างหล่อนนั่นต่างหาก ....ที่ประมาทจนน่าถอนใจ และต้องชดใช้ด้วยเลือดที่มีกลิ่นไม่เลวซึ่งพร่างพรูออกมายาม "กรงเล็บ" ของนกแห่งความตายนั่นพุ่งเข้าใส่

แต่มันก็ยังรอดไปได้

เขาให้อีกหนึ่งแต้มกับแผนการที่ดูเหมือนไร้ที่มาที่ไปของหล่อน แผนการที่ใช้ปืนรังสีที่ดูเผินๆเหมือนพลาดท่าเป็นตัวบอก แต่ขณะเดียวกัน มันก็แปลได้ว่านั่นคือการยืนยันในการขอผูกมิตร

นับเป็นเรื่องหาได้ยาก ที่จะมีคนทำงานที่ยืดหยุ่นได้ใน "ขณะ" นี้

มันทำให้เขาอดเสียดายไม่ได้ เมื่อตระหนักว่าภาพตรงหน้ากำลังจะถูกดับลง ยามเมื่อประกายแสงสีเงินวิบวับพุ่งตรงมา

และทำลายเขา



5/1 P.1

จิงเมิ่ง โหยว แค่นเสียงในลำคอด้วยความพอใจ เมื่อคมมีดเนื้ออ่อนที่หล่อนสอดไว้ในแผ่นหนังและพันรอบข้อมือพุ่งเข้าปักเป้าหมายอย่างแม่นยำ

ขณะเดียวกับที่หล่อนชักเท้าออกจากท้องของเจ้าหมาป่าตัวโตนั่นก่อนที่กองเลือดจะถล่มใส่ และเป็นส่งต่อการต่อสู้ให้อีกคนหนึ่ง

หากหน้าที่ของจิงเมิ่งไม่ได้หมดแค่นั้น หญิงสาวเม้มริมฝีปากแน่น ยันตัวเองลุกขึ้นกระแทกส้นเท้าแรงๆอีกครั้งให้ใบมีดหดกลับไปอยู่ใต้ฝ่าเท้า และก้าวปราดไปเบื้องหน้า

ไปยังหญิงสาวมนุษย์...ที่กำลังกะพริบตาอย่างงงๆ

เป้าหมายของเธอ



5/1 P.2

อรอินทุตระหนักด้วยความแน่ใจว่าหล่อนกำลังแปลกไป

ความจริงหญิงสาวเกือบจะเชื่อด้วยซ้ำว่าหล่อนเผลอได้รับยาบางอย่างในห้องพยาบาลโดยไม่รู้ตัว อาจมีใครสักคนวางกลิ่นกล่อมประสาทที่ชอบใช้กันในงานปาร์ตี้ และนั่นอาจเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

และมันกำลังทำให้หล่อนเห็นภาพหลอนต่อเนื่อง

ทว่าแม้จะอยากเชื่อเช่นนั้น แต่อรอินทุก็ยังก้าวเท้าถอยหลังเมื่อผู้หญิงคนนั้นผุดลุกขึ้นและเดินเข้ามาใกล้หล่อน ก่อนจะพบว่าไม่มีทางถอยได้อีกต่อไป เว้นแต่หล่อนจะละลายหายตัวไปกับกำแพง

แต่ไม่มีทางที่จะทำเช่นนั้นได้

ผู้หญิงคนนั้นเอื้อมมือมา อรอินทุเพิ่งสังเกตเห็นว่าหล่อนสวมถุงมือ....แบบที่หุ้มฝ่ามือกับข้อมือ แต่เปิดเปลือยข้อนิ้วให้เปลือยเปล่า และอรอินทุสังเกตเห็นหยดเลือดแต้มอยู่ที่ปลายนิ้วนั่น

มันทำให้หล่อนขนลุกซู่

ก่อนที่มือนั้นจะแตะแขนหล่อนเบาๆอย่างสุภาพ เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่ถาม

"คุณไม่บาดเจ็บอะไรนะ ?"

น่าประหลาด ที่ความหวาดกลัวของอรอินทุเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว พร้อมสัมผัสนั้น

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก.... ข่มกลั้นอาการปวดแปลบที่วิ่งขึ้นมาเป็นริ้วๆในหัว กับภาพต่างๆที่กำลังจะพร่าเลือนไปอีกครั้ง

ฝ่ายตรงข้ามเอียงคอ ทำท่าเหมือน....อะไรบางอย่าง ที่อรอินทุกไม่เข้าใจ รู้แต่เพียงวินาทีต่อมา หล่อนก็จับมือของอรอินทุให้แบออก และวางอะไรบางอย่างลงมา

เศษ....ผ้า ?

"ถือเอาไว้ แล้วคุณจะดีขึ้น" หล่อนบอก และอรอินทุพบว่ามันเป็นความจริงก่อนที่เจ้าหล่อนจะพูดจบเสียอีก

สรรพสีรอบด้านที่ดูพร่างพรายกลับเป็นปกติ อาการปวดจี๊ดนั้นหายไปพร้อมๆกัน จนเธออดก้มลงเพ่งของในมือไม่ได้ เพราะเริ่มสงสัยว่ามันอาจเป็นเครื่องส่งคลื่นหรืออะไรบางอย่าง

แต่ยังไม่ทันจะทำอย่างนั้น ความเป็นจริงอีกอย่างก็กระชากอรอินทุออกมาจากการเพ่งพินิจนั่น

มันเป็นเสียงคำรามร้องด้วยความเดือดดาล ให้อรอินทุหันหน้าไปมองก่อนนึกโมโหตัวเอง เพราะสีแรกที่สาดกระทบตาหล่อนคือสีแดงกับ....อะไรบางอย่างที่หล่อนไม่อยากเห็นเลยสักนิด

เป็นเคราะห์ดีและเป็นอีกครั้งที่อรอินทุนึกขอบคุณผู้หญิงปริศนา....คนที่ยืนอยู่ข้างๆหล่อน ที่ยกมือขึ้นบดบังสายตาของหล่อนทันเวลา ก่อนที่หล่อนจะทันจดจำอะไรมากไปกว่านี้

แม้ไม่รู้จักสิ่งมีชีวิตชนิดนั้น แต่อรอินทุก็มีความรู้พอเกี่ยวกับกายวิภาคของตนเอง....พอที่จะรู้ว่าเนื้ออ่อนที่ถูกกระชากหลุดจากร่างกายกับเลือด มันไม่น่าพิศวาสสักนิด

หากพร้อมกันนั้น หล่อนก็นึกสงสัย เพราะในเมื่อผู้หญิงคนนี้ยืนอยู่ข้างหล่อน ถ้าอย่างนั้น ใครกันที่เป็นคนทำร้ายเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้น ?

พร้อมคำถาม อรอินทุก็ตอบตัวเองได้เสร็จสรรพ ว่ายังมีอีก 1 ตัวละคร....

"เอาล่ะ" เสียงของเด็กหนุ่มคนนั้นดังมาจากทิศทางเดียวกับที่หล่อนได้ยินเสียงคำราม "ในเมื่อหมาขี้เรื้อนก็ม้วนหางจุกก้นหนีไปแล้ว ทำไมเราไม่มาสะสางกันบ้างล่ะ คุณข้ารับใช้ค้างคาวตรงนั้น ?"

ท่อนแขนที่บดบังสายตาของอรอินทุลดลง แต่หญิงสาวกลับนึกอยากหลับตาลงอีกรอบ...กับสภาพแวดล้อมในยามนี้



5/1 P.3

เธอเรียนรู้มานานแล้วว่า ความเข้าใจผิดจะมาในเวลาที่ซ้ำซ้อนและยากจะอธิบาย หรือไม่ก็ปราศจากโอกาสอธิบายเสมอ

ดังนั้น หนนี้ จิงเมิ่ง โหยว จึงแปลกใจเล็กๆ ที่ฝ่ายตรงข้ามยัดเยียดตำแหน่งนี้ให้เธอ ในขณะที่เธอยืนอยู่ข้างๆเป้าหมาย และมีโอกาสที่จะอธิบายได้

"อะไรทำให้นายคิดอย่างนั้น ?" หล่อนเอ่ยถาม พร้อมทั้งรอโอกาสที่เพดานอาจจะถล่ม หรือพื้นทรุดลงไป ทำให้เธอหมดโอกาสอธิบายเข้าจริงๆ

เหมือนอย่างเหตุการณ์เมื่อ 3 ปีก่อนหน้านี้

เด็กหนุ่มผู้นั้นแค่นเสียงเหอะ ขณะปัดไม้ปัดมือกับกางเกง...ที่เธอลงความเห็นว่ามันไม่น่าช่วยอะไรได้เท่าไร เพราะเสื้อผ้าของเขามีแต่คราบเลือดกระเซ็นใส่ประปรายเป็นวงๆ

จิงเมิ่งคิดว่า....เขาซื้อเสื้อผ้าใหม่คงจะง่ายซะกว่า

แต่มันก็คงเป็นเรื่องยากอยู่ดี หากเขายังยืนอยู่ในบริเวณนี้...ซึ่งกลายเป็นเวทีสัปประยุทธ์ระหว่างเขากับเผ่าพันธุ์หมาป่าทมิฬที่เธอเคยได้ยินว่ากระหายเลือด

เธอไม่ได้เห็นว่าเขาลงมืออย่างไร แต่ดูจากปริมาณเลือด และเศษเนื้ออ่อน เศษขนต่างๆที่เปรอะเลอะบริเวณแล้ว ก็เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ ควรจะเพิ่มเผ่าพันธุ์นกสีดำแห่งความตายอย่างเรเวนเข้าไปด้วย ในทำเนียบความกระหายเลือด

แต่เขาไม่ได้ยินความคิดของจิงเมิ่ง....มันไม่ใช่ทักษะของเผ่าพันธุ์นี้ ดังนั้นเขาจึงตอบคำถามที่หล่อนออกปากถามแทน

"เธอมากับค้างคาว"

"และฉัน....เพิ่งปิดบัญชีกับมันไป" เธอตอบกลับไปเรียบๆ และยังพยักเพยิดไปทางผนังด้านหนึ่งที่ยังเหลือคมมีดเล่มบางของเธอปักตรึงไว้

ในตำแหน่งที่ค้างคาวตัวหนึ่งเคยแอบซุ่มดูอยู่

จะเรียกมันว่าค้างคาว...โดยทั่วไปก็ไม่ได้ จิงเมิ่งเคยเห็นค้างคาวมาก่อน เจ้าตัวเล็กพวกนั้นยังดูน่าเอ็นดูกว่าสิ่งที่ห่อหุ้มเธอมายังที่แห่งนี้ พวกมันเพียงแต่มีรูปลักษณ์ดังเช่นค้างคาวเท่านั้น แต่ทั้งสี ทั้งแววตาที่จ้องมา ไม่ได้ใช่สัตว์พวกนั้นแม้แต่น้อย

มันคือ....เสี้ยวหนึ่งของปีศาจ

อีกข้อพิสูจน์ที่บ่งบอกได้ชัดก็คือ ยามที่มีดของเธอพุ่งใส่กลางหน้าผากของมัน ที่บริเวณนั้นกลับไม่เหลือแม้แต่เศษซากของกึ่งสัตว์ปีกนั่น

ทั้งร่างของมันมลายหายไปในวินาทีที่คมมีดสัมผัส ราวกับระเหยกลายเป็นไอ

หญิงสาวบิดข้อมือ ก่อนกดปุ่มปล่อยให้ลวดเส้นเล็กแต่เนื้อเหนียวพุ่งออกไป คล้องส่วนปลายของมีดที่ทำยื่นออกมาไว้เผื่อการนี้ ดึงมันกลับเข้ามาอยู่ในมือและสอดเข้าไปในปลอกหนังที่ทำให้อยู่ในรูปลักษณ์ของกำไลอย่างคล่องแคล่ว

ระหว่างนั้น คู่สนทนาของเธอก็ขยับเดินเข้ามาใกล้ พร้อมเอ่ยปาก

"ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องสะสางกันอยู่ดี เพราะเธอไม่ใช่ พรรคพวกของฉัน"

"ก็ใช่" จิงเมิ่งยอมรับ ก่อนขยับถอยหลังและผายมือ "แต่เธอก็ยังไม่ใช่ทั้งของฉันและของนาย จริงไหม?"

โดยไม่ต้องมีคำพูดต่อไป ทั้งหล่อน และเด็กหนุ่ม ก็หันสายตาไปยังหญิงสาวที่แทบจะกลืนหายไปกับผนังคนนั้นเป็นตาเดียว




5/1 P.4

อยู่ๆอรอินทุก็รู้สึกเหมือนถูกผลักขึ้นเวทีกะทันหัน

หรือไม่...มันก็เหมือนตอนที่หล่อนถูกผลักเข้าไปในฟลอร์เต้นรำยามค่ำคืน โดยไม่ทันทั้งตัว ไม่ทันแม้แต่จะจัดแต่งทรงผมใหม่ ด้วยฝีมือเพื่อนรักของหล่อน มิคาเงะ ฟรองทีชาร์ส

มิคาเงะ.....ความเย็นบางอย่างพุ่งผ่านผิวของอรอินทุ คล้ายทิ้งรอยเล็บกรีดเตือนไว้บนท่อนแขน คล้ายกรีดร้องว่าเธออาจะหลงลืมบางอย่าง

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก หากแล้วก็ต้องเปลี่ยนเป็นพ่นออกแทบจะทันที เมื่อกลิ่นฉุนชวนอาเจียนพุ่งเข้ากระทบจมูกแทนที่อากาศบริสุทธิ์

แต่มันก็ทำให้เธอตัดสินใจ...และให้น้ำหนักกับเหตุการณ์ตรงหน้าก่อนทันที

เธอต้องออกไปจากสถานการณ์นี้ก่อน !

"พวกคุณ...." เธอเรียกพวกเขาอย่างนี้ และก่อนที่จะห้ามได้ คำถามก็ถูกถามออกไป "เป็นอะไร"

และเธอตระหนักว่ามันผิดพลาดได้ทันทีที่ถาม

เพราะมันย่อมไม่ใช่คำตอบที่จะพาเธอออกจากสถานการณ์นี่แน่

ทว่าจะม้วนเธอเข้าไปข้างในมากกว่า

"ผมเป็นผู้คุ้มครองคุณ" เด็กหนุ่มคนนั้นตอบพร้อมรอยยิ้ม ที่คงจะทำให้อรอินทุสนิทใจกว่านี้ หายใจโล่งกว่านี้ ถ้าไม่มีคราบเลือดเปื้อนเสื้อผ้าของเขา

หากขณะเดียวกัน..... เธอรู้ว่ามันไม่ยุติธรรม แต่ถึงแม้ผู้หญิงเบื้องหน้าจะไม่ได้เปรอะเปื้อนเลือด แต่ดูจากอุปกรณ์ประหลาดที่อาจเป็นอันตรายได้ทุกเมื่อแล้ว อรอินทุก็ไม่อาจวางใจหล่อนได้

"ฉันเป็นมิตรของคุณ" แม้หล่อนจะตอบอย่างนี้ก็ตาม

ก่อนที่พวกเขาทั้งคู่จะหันมามองกันเองอีกครั้ง

และเด็กหนุ่มชิงเอ่ยปากต่อ

"คุณจะเรียกผมว่า ไอเด็น ก็ได้ ผมเป็นผู้แทน....ที่มาเจรจาขอความเป็นมิตรกับคุณ ผู้สืบทอดสายเลือดทรงอำนาจแห่งยุคโบราณ" เขาน้อมศีรษะลง....อย่างสง่างามแบบที่ทำให้อรอินทุประหม่าอย่างบอกไม่ถูก "และเป็นผู้ต้อนรับคุณ...ขอต้อนรับเข้าสู่สงครามแห่งอำนาจครั้งใหม่"

มีบางคำในประโยคของเขา...ที่อรอินทุไม่แน่ใจว่าหล่อนเข้าใจมันถูกต้องหรือไม่ ไม่นับสำเนียงแปลกแปล่งเหมือนที่หล่อนเคยได้ยินนักภาษาศาสตร์บางคนชอบใช้พูดกันแว่วๆ แต่ของเขาต่างออกไป มันฟังดูหนักแน่น...

ดูบริสุทธิ์กว่ามาก

ผู้หญิงที่ยืนอยู่อีกทางขยับตัว อรอินทุคล้ายได้ยินหล่อนถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนพูดบ้าง

ด้วยถ้อยคำที่อรอินทุยิ่งกว่าไม่เข้าใจ...ของเด็กหนุ่มเสียอีก

"สงครามรัตติกาล"

+ + + + + +


วันใหม่แล้วเลยขอส่งตอนใหม่อีกตอนค่ะ
ลงเแบบนี้...จะได้ลงทุกวันไปอีกกี่วันกันนะเรา
แต่ก็หยุดลงไม่ได้ค่ะ ><



อมราวตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ย. 2555, 00:02:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ย. 2555, 00:02:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 947





<< Ch.4   Ch.6 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account