ยุ่งนักรักคนเสื้อกาวน์ มาเฟียกับหมอสาวยอดยูโด
เฉินฮ่าวหมิงมาเฟียมหาเศรษฐีฮ่องกงผู้ลึกลับ น้อยคนที่จะเคยเห็นหน้าเขา เขาคือทายาทมหาเศรษฐีชาวจีนอันดับหนึ่ง เฉินกวงหลิน
การบริหารไม่แพ้ผู้เป็นบิดา จนคนตั้งฉายา
พ่อเสือ ลูกพญามังกร
เธอคือสูตินรีแพทย์สาว โก๊ะในบางเวลา แต่เธอก็มีจิตวิญญาณของความเป็นแพทย์เต็มตัว
แล้วสองคนก็โคจรมาพบกันเมื่อวันที่เธออยู่เวร เกิดเหตุไม่คาดฝันกับหญิงสาวคนหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับเฉินฮ่าวหมิง
แค้นนี้ต้องชำระ หนี้เก่าที่เธอเคยฝากรอยแผลไว้ให้เขา อาถรรพ์รัก ที่เธอลงคาถาเสกไว้ในตัวเขา เขาจะคิดบัญชีคืนพร้อมกันคราวนี้
แต่อย่าหวังว่าหมอนักยูโดสายดำคนนี้จะยอมง่ายๆ


Tags: วงการแพทย์ รักโรแมนติก หมอ มาเฟีย

ตอน: ชัยชนะของมาเฟียหนุ่ม vs หมอกล้วย? บทที่ 3

คำนำ
ยุ่งนักรักคนเสื้อกาวน์ หรือ ลิขิตรัก เสื้อกาวน์สีขาว

นิยายรักโรแมนติกในวงการแพทย์

เรื่องราวความรัก ความแค้นระหว่างอดีตนักศึกษาแพทย์เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง  ที่มีเหตุจำเป็นถูกใส่ร้ายจนเรียนไม่จบ ต้องจากไปต่างบ้านต่างเมือง จากหญิงคนรักที่ทำให้เขาเจ็บปวดสุดแสนสาหัส

สิ้นรัก สิ้นอนาคต ชีวิตจะมีความหมายอะไร
หากหัวใจเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ

แต่แล้วสวรรค์ก็ลิขิตให้เขากลับมาอีกครั้งหนึ่ง ในนามมหาเศรษฐีชาวจีน เพื่อกลับมาแก้แค้นหญิงคนรัก แต่บัดนี้ เธอกลายเป็นแพทย์อาชีพที่เขาเคยใฝ่ฝัน แต่เรียนไม่จบ

เขาจะทำให้เธอรักเขาอีกครั้งในสถานะใหม่ และทิ้งเธอไปเช่นที่เธอเคยทิ้งเขาไปในอดีต

แต่แล้วกลายเป็นว่า เขานั่นแหละกลับมาหลงรักเธออีกรอบ ไม่ใช่สิ เขาไม่เคยหยุดรักเธอเลยต่างหาก  และปมในอดีตที่ต้องการสะสางกลับค่อยเผยตัวมาทีละนิด

ขณะเดียวกันความเป็นหมอทั้งจิตวิญญาณของเธอกลับก่อความวุ่นวาย ทำให้เขาเดือดร้อน ต้องคอยตามช่วยเธอตลอด

แล้วนี่ เขาจะเอาเวลาที่ไหนมาแก้แค้นเธอกันล่ะ



บทที่ 3

ห้องประชุมชั้นสูงสุดของอาคารซีเอ็มกรุ๊ป ประตูใหญ่ทั้งสองด้านเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมสัน ในชุดเสื้อโคดสีดำสนิทก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางองอาจสง่าผ่าเผย ติดจะไว้ตัว หากในสายตาของผู้บริหารฉางเฟยจีฝ่ายตรงข้าม รู้สึกว่านั่นคือความยะโสโอหัง

                 ขนาบข้างเฉินฮ่าวหมิงบอสใหญ่ซีเอ็มกรุ๊ปคือชายวัยกลางคนรูปร่างต่างกัน คนหนึ่งสูงใหญ่ อีกคนล่ำเตี้ย หากทั้งสองล้วนมีสายตาแหลมคมส่อแววเฉลียวฉลาดไม่น้อยไปกว่าผู้เป็นเจ้านาย จะต่างกันตรงที่คนเตี้ยกว่ามีประกายตาแข็งกร้าวเอาเรื่อง เยื้องไปด้านหลังคือบอดี้การ์ดร่างยักษ์มาดเข้มขนาบข้่างละสองคน  

                 ดวงตาคมกริบภายใต้แพขนตายาวงอนโค้งสวย กวาดตามองไปยังผู้บริหารที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับก้มศีรษะนิดๆเป็นเชิงทักทายเมื่อกลุ่มคนเหล่านั้นลุกขึ้นยืนโดยพร้อมเพรียงกันพร้อมกับค้อมศีรษะลง แสดงการให้เกียรติเจ้าของสถานที่ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในนี้

                 ยกเว้นหลิวจิงเหวิน บอสฝ่ายตรงข้ามนั่งยืดอกผึ่งผายลอยหน้าลอยตาไปอีกทาง แต่แล้วเจ้าตัวก็สะดุ้งเมื่อเห็นเดวิดเลขาคู่ใจคนสนิท ลุกขึ้นยืนต้อนรับบอสฝ่ายตรงข้ามด้วย

                ชายชรารีบกระตุกแขนลูกน้อง
               
               เดวิดหันกลับมาหน้าตาเลิ่กลั่ก ลืมตัวว่าฝ่ายโน้นคือคู่แข่งจ้านาย รีบทรุดตัวลงนั่งทันที

              หลังจากทุกคนเข้าประจำที่เรียบร้อย บอดี้การ์ดของเฉินฮ่าวหมิงก็ออกไปยืนรอนอกห้องพร้อมกับหอบเสื้อโคดของเจ้านายไปด้วย เผยให้เห็นเสื้อสูทสีดำเข้มแบรนด์เนมชื่อดังตัดกับเสื้อเชิ้ตผ้าไหมสีขาวด้านในเน้นเรือนร่างสูงใหญ่ให้ทรงอำนาจแลเร้นลับยิ่งขึ้น

              หลังการกล่าวทักทายกันตามธรรมเนียม เดวิดเลขาคู่ใจของหลิวจิงเหวิน ก็ก้าวขึ้นไปยืนบนแท่นหน้าห้องประชุม เริ่มบรรยายสรุปการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา พร้อมด้วยการแสดงแผนภูมิประกอบบนจอฉายภาพขนาดยักษ์
  
  
                "จากที่ท่านได้เห็นนี้คืองบบัญชีที่คณะผู้ตรวจสอบบัญชีได้รับรองแล้ว ท่านจะเห็นได้ว่าแม้ว่าตลาดการขายเครื่องบินพาณิชย์จะแข่งขันกันดุเดือดในรอบปีที่ผ่านมา แต่เราก็ยังสามารถแบ่งยอดขายจากทางยุโรป อเมริกาได้ถึง 3% แต่จากตลาดเอเชีย ยอดขายเราเพิ่มขึ้นถึง 8% ทำให้เราสามารถรักษาผลกำไรจากการขายในระดับ 7% ได้" 

                “คุณเดวิดแน่ใจหรือครับว่า บัญชีที่แสดงให้ดูนี่ไม่มีจุดผิดพลาด” เสิ่นจิ้งหลงมือขวาฝ่ายบู๊ของเฉินฮ่าวหมิงที่รูปทรงล่ำเตี้ยกว่าหลีเทียนเซินมือขวาฝ่ายบุ๋น เอ่ยถามหลังจากเจ้านายก้มลงกระซิบบอกอะไรบางอย่าง “ยอดลูกหนี้ที่ยังไม่มีการชำระ เงินค่าขายเครื่องบินกับบริษัทจากโอมาน ซึ่งยังไม่เรียบร้อยดี แต่กลับนำมาลงรวบยอดเป็นผลกำไรด้วย” 

                คนถูกตั้งกระทู้ถามหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย รีบชำเลืองมองไปที่ชายชราผมสีดอกเลาผู้เป็นเจ้านาย ซึ่งก็หน้าเปลี่ยนสีไปแวบหนึ่งก่อนจะปรับสีหน้ารีบแก้ให้ลูกน้องได้ทันท่วงที 

                “เอ้อ ปกติปัญหาเรื่องนี้เกิดเพราะความล่าช้าในการชำระเงินของลูกค้า  เลยทำให้การลงบัญชีอาจจะคลาดเคลื่อน ไม่สิ คาบเกี่ยวกันไปบ้าง”
 
                “ที่สายการบินจัสต้าร์ชำระเงินช้าก็เพราะการส่งสินค้าไม่เป็นไปตามกำหนดการ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ควรเอายอดขายที่ยังไม่เรียบร้อยกับเงินค้างชำระของลูกหนี้มาลงไว้ในงบด้วย" 

                “เรื่องผิดพลาดนิดหน่อยเอง ถ้าไม่พอใจ ทางเราจะแก้ไขให้ใหม่” ประธานฉางเฟยจีทำสีหน้าเหมือนกำลังเบื่อหน่ายกับเรื่องหยุมหยิม

                “คงไม่อยู่ที่ว่าทางเราพอใจหรือไม่พอใจ แต่เป็นการบอกให้รู้ว่าการบริหารงานที่นี่ค่อนข้างหละหลวม คงเป็นเพราะใช้บริการครอบครัว ธุรกิจถึงไปไม่ได้ไกลเท่าที่ควร น่าเสียดายบริษัทที่มีศักยภาพที่จะบินได้กลับมัวแต่คลาน"                                                                                                                                                                                    
เสียงกร้าวประกอบกับถ้อยคำดูแคลนที่รุนแรงนั้นทำให้หลี่เทียนเซิน มือขวาฝ่ายบุ๋นของนายใหญ่รีบยกมือสะกิดรุ่นน้อง
  
                “จะพูดยังไงก็ตาม ราคาที่ซีเอ็มกรุ๊ปเสนอมา ทางเราก็ยอมรับไม่ได้” 

                คำพูดของประธานฉางเฟยจีดูเหมือนจะพุ่งตรงไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำเข้มที่ตลอดเวลาในห้องประชุมแทบจะมิได้แสดงความเห็นอะไรเลย นอกจากใช้สายตาคมกริบจับจ้องอยู่ที่เครื่องสื่อสารไฮเทคตรงหน้า ที่ดึงรายละเอียดจากจอภาพใหญ่ในห้องประชุมลงมาไว้ให้ดูบนโต๊ะ สลับกับการกระซิบสั่งงานกับมือขวาทั้งสองคนเป็นระยะ
                                                                                                                                                                                             
                นอกนั้นเขาแทบไม่มีตัวตนใดๆเลย                                                                                                                      
                แต่ทุกคนในห้องประชุมรู้ดี การประชุมวันนี้ ทุกอย่างมาจากสมองอันชาญฉลาดของชายหนุ่มผู้นี้แต่เพียงผู้เดียว
 
                เฉินฮ่าวหมิงประธานซีเอ็มกรุ๊ปเงยหน้าขึ้นมองผ่านขนตาดกดำหนาไปยังชายชราผมสีดอกเลาที่จ้องมองอยู่ก่อนแล้ว
 
                “แต่ราคาที่ทางเราเสนอไปก็เต็มที่แล้วเหมือนกัน 75% ของราคาที่เสนอมา” 

                เสียงห้าวลึกแต่แฝงความเฉียบขาดเป็นครั้งแรกทำให้ห้องประชุมเงียบกริบ สายตาทุกคู่พุ่งตรงสลับกันไปมาระหว่างบุรุษทั้งสองที่มีความสำคัญที่สุดในการชี้เป็นชี้ตายทั้งหมด 

                ประธานสูงวัยแห่งฉางเฟยจีกรุ๊ป และประธานหนุ่มแห่งซีเอ็มกรุ๊ป


   
                หน้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลเทพธานี

                 รถพยาบาลหักเลี้ยวเข้ามาจอด เสียงล้อรถบดถนนดังลั่นเอี๊ยดเพราะทันทีที่ถนนเปิดทาง นายมั่นก็ซิ่งมาด้วยความเร็วสูงพารถมาจอดหน้าห้องฉุกเฉินห่างจากกำแพงตึกแค่ไม่ถึงเมตร

                  หมอฉัตรมงคลพร้อมบุรุษพยาบาลสองราย ยืนรอที่หน้าประตูห้องฉุกเฉินอยู่ก่อนแล้ว

                  ทันทีที่รถจอด หญิงสาวรูปร่างบอบบาง หน้าตาเกลี้ยงเกลา ดวงตากลมโตยังวิบไหว ไม่หายตื่นเต้นกัับเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเมื่อครู่  ผมยาวเป็นทรงหางม้าหลุดลุ่ย เห็นปอยผมเส้นเล็กเคลียข้างแก้มยุ้ยน่าเอามือหยิกสักจิ๊กหนึ่ง ก้าวกระโดดลงมาก่อนใครเพื่อน หล่อนยิ้มกว้างอย่างดีใจที่เห็นหมอรุ่นพี่ผู้ชี้แนะตลอดการเจาะคอในรถฉุกเฉินเมื่อครู่

                "คนไข้รู้ตัวดี ไวตัลไซน์ดีทุกอย่าง" หล่อนรายงานด้วยน้ำเสียงร่าเริง

                หากคนฟังไม่ได้หน้าตาเบิกบานไปด้วย เขาเร่งสั่งให้ขนย้่ายคนเจ็บเข้าห้องฉุกเฉินด่วน

                ภายในม่านที่รูดปิดสนิทบดบังสายตาจากคนภายนอก 

               "เปิดเซ็ตเจาะคอ" เสียงเข้มของหมอหนุ่มรุ่นพี่สั่ง ปันนายืนล้างมือที่ซิงค์ล้างมือในห้องฉุกเฉิน เพียงไม่นาน ม่านคนไข้ของหล่อนก็คลี่ออก หลอดดูดชานมไข่มุกถูกเปลี่ยนเป็นท่อสีฟ้าสั้นๆมีเชือกร้อยจากช่องเล็กๆตรงปีกสองข้างมาชนกัน ดูเรัยบร้อยและเป็นทางการกว่าท่อเดิมมาก

               ด้านหลังห้องฉุกเฉินที่มีประตูกระจกใสรูดม่่านเนื้อหนักปิดไว้ หมอฉัตรมงคลยืนคุยกับหมอปันนาท่าทางซีเรียส

              "ทีหลังอย่าทำอะไรแผลงๆแบบนี้บ่อยๆนะ พี่จะหัวใจวายเอา"

              "ก็เวลาฉุกเฉิน กล้วยไม่รู้จะหาอะไรมาเจาะคอคนไข้นี่คะ"หล่อนอ้างตามความเป็นจริง

              "จะตัดสินใจอะไร ระวังญาติด้วย ถึงจะหวังดีแต่บางทีเขาไม่เข้าใจ เราจะเดือดร้อนเอง" หมอรุ่นพี่เตือนด้วยความหวังดี  

               "ช่าง" หล่อนยักไหล่  "เราหวังดี คิดแต่จะทำยังไงให้คนไข้รอด ถ้าเขายังไม่เข้าใจก็ช่วยไม่ได้ พี่ฉัตรบอกเองไม่ใช่หรือ ช่วงเวลาวิกฤติ ชีวิตคนไข้ต้องมาก่อน" ปันนาอ้างคำพูดของเขา

              หมอฉัตรมงคลยิ้มน้อยๆเมื่อปันนาเอ่ยประโยคถัดมา

              "พี่ฉัตรบอกว่า ทหารพลีชีพเพื่อชาติ หมอก็ไม่ต่างจากทหาร พวกเราต้องคิดถึงคนไข้ก่อนตัวเราเสมอ"

              ท้ายสุด หมอรุ่นพี่ต้องยอมจำนน เขาเอามือยีหัวปันนา บอกว่า "คราวหลังถ้าคิดจะทำอะไรหวาดเสียวอีก ช่วยโทรบอกพี่ก่อนแล้วกัน

              หมอรุ่นน้องยิ้มเผล่เห็นลักยิ้มสองข้าง พยักหน้า ตอบเสียงดังฟังชัด "เยสเซอร์"



                 ที่ห้องประชุมตึกซีเอ็มกรุ๊ป เหตุการณ์กำลังตึงเครียด
 
                เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ประธานฉางเฟยจีก็ตัดสินใจทิ้งไพ่ตายใบสุดท้ายลงไปด้วยน้ำเสียงเนิบๆว่า
 
                “ถ้าอย่างนั้น เราเห็นจะต้องกลับไปพิจารณาข้อเสนอของกองทุนโกลเด้นพลัสใหม่ เขาให้ราคาสูงกว่าที่ซีเอ็มกรุ๊ปเสนอให้เรา" 

                จุดดำกลางนัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับเหมือนจะเดาเกมได้ถูกแต่แรก หากชายหนุ่มก็เปิดโอกาสให้ฝ่ายอาวุโสกว่าพูดต่อไป
 
                "ที่ผมเลือกทางซีเอ็มกรุ๊ปก็เพราะเป็นบริษัทคนจีน  ผมเองก็เป็นคนจีนคนหนึ่ง มีความใฝ่ฝันจะได้เห็นเครื่องบินสายหลักที่สร้างโดยคนจีน มีคนจีนเป็นเจ้าของได้บินว่อนเหนือน่านฟ้าทั่วโลก ไม่ใช่แค่นั้น ผมยังอยากให้เรากลายเป็นผู้นำในการผลิตเครื่องบินสายหลักขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย และผมมั่นใจในศักยภาพของซีเอ็มกรุ๊ปที่จะทำได้" 

                ฝ่ายบริหารสูงสุดผู้อาวุโสน้อยกว่านิ่งฟังจนอีกฝ่ายพูดจบ เขาก้มศีรษะให้เป็นเชิงขอบคุณพร้อมกับพูดว่า 

                "ขอบคุณท่านประธานที่ให้ความไว้วางใจซีเอ็มกรุ๊ป” เฉินฮ่าวหมิงหันไปพยักหน้าให้กับลูกน้องคนหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “แต่ก่อนอื่น ผมมีขัอมูลบางอย่างที่อยากให้ท่านได้พิจารณาดูประกอบการตัดสินใจ" 

                แผนภาพปรากฏขึ้นบนจอภาพขนาดใหญ่ทันทีที่จบคำพูดของนายใหญ่แห่งซีเอ๊มกรุ๊ป 

                "ท่านทั้งหลายคงทราบดีว่า ประธานบริษัทกองทุนผู้เสนอชื่อรายต่อไป มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับประธานกลุ่มธนาคารไชน่าอินดัสตรีแชริตี้ และเงินทุนที่จะนำมาควบรวมกิจการกับฉางเฟยจีนั้น 75% มาจากธนาคารไชน่าแชริตี้" ถึงคราวหลี่เทียนเซินอภิปรายบ้าง

                "ผมก็ไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาสำคัญอะไร" ผู้บริหารใหญ่คนหนึ่งของกลุ่มฉางเฟยจีอินดัสตรีขัดขึ้น 

                "ดูเผินๆก็ไม่น่าจะเกี่ยว ถ้าธนาคารไชน่าแชริตี้ไม่ได้ปล่อยเงินกู้ ให้สินเชื่อวงเงินสูงถึงแปดหมื่นห้าพันล้านหยวนให้กับสามบริษัทนี้"
 
                จุดแดงถูกเคลื่อนไปยังชื่อบริษัทเกี่ยวข้องกับ โรงงานอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี โรงงานถลุงเหล็ก บริษัทเดินเรือยักษ์ใหญ่ชื่อดัง ที่ทุกคนในห้องประชุมรู้จักดี "คงจะไม่มีอะไร ถ้าบริษัททั้งสามนี้จะไม่อยู่ในสถานะที่ใกล้จะล้มละลายในไม่ช้านี้ โรงงานสองแห่งถูกพิษเอ็นจีโอ ที่นี่"
 
                 เขาชี้ภาพประกอบก่อนจะบรรยายต่อไป "ถูกวางเพลิงเสียหายทั้งที่ก่อสร้างเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ไม่มีใครยอมรับผิดชอบแม้แต่รัฐบาลของประเทศนั้นและยังถูกลากเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเป็นเส้นเลือดใหญ่ของพรรคฝ่ายค้าน ส่วนบริษัทเดินเรือถูกกล่าวหาและกำลังสอบสวนในทางลับว่าได้รับกองทุนหนุนนอกระบบ และธนาคารถูกโยงเข้าไปเกี่ยวพันด้วย"

                เสียงฮือฮาในห้องประชุมดังขึ้นทันที  คณะผู้บริหารฝ่ายเสนอขายหันมาซุบซิบกันเอง 
 
                "ตลาดหลักทรัพย์ยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่คงไม่ยากสำหรับคุณเดวิดที่จะหาความจริงเรื่องนี้ได้เดี๋ยวนี้” 

                ไฟในห้องประชุมเปิดสว่างขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งหลังการเสนอแผนงานบนจอภาพสิ้นสุดลง 

                "เพราะฉะนั้นถ้าเรื่องนี้รั่วไหลออกไป ธนาคารที่เป็นผู้ค้ำประกันบริษัททั้งหมดนี้คงถูกผลกระทบด้วยแน่นอน และหากมีการถอนเงินออกมาอย่างกะทันหัน ลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น" 

                คณะผู้บริหารของฝ่ายฉางเฟยจีที่หลี่เทียนเซินอ้างอิงถึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องประชุมไปด้วยท่าทีร้อนรนหลังจากประธานของตนหันมาสั่งการอะไรบางอย่าง
 
                ทุกคนพอจะเดาได้ว่าเขาออกไปทำอะไร
 
                "ระหว่างที่นั่งรออยู่นี่ ผมก็มีเอกสารที่น่าสนใจมาให้ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลายในห้องได้ดูประกอบการพิจารณา" 

                เพียงนายใหญ่ซีเอ็มกรุ๊ปพยักหน้า เสิ่นก็ลุกขึ้นยืน หอบกองเอกสารชุดหนึ่งเดินออกจากเก้าอี้ที่นั่ง เพื่อนำเอกสารไปแจกจ่ายให้กับผู้บริหารของฉางเฟยจีด้วยตนเอง
 
                ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากผู้บริหารสำคัญแล้ว ไม่อนุญาตให้มีบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจในการเจรจาเข้ามาร่วมแม้แต่คนเดียว เพื่อป้องกันข้อมูลละเอียดอ่อนที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ 3 รั่วไหลออกไป 

                เสิ่นตรงไปยังโต๊ะท่านประธานบริหารของฉางเฟยจี ก่อน เหมือนจะตั้งใจให้เอกสารนี้แก่ท่านประธานเป็นคนแรกก่อนจะส่งต่อให้ผู้บริหารท่านอื่น
 
                ทันทีที่แผ่นเอกสารของเสิ่น วางลงบนโต๊ะตรงหน้าที่นั่งของท่านประธานบริหาร เขาก็หน้าซีด ตาเบิ่งโตทันที 

                นี่คือรายงานงบการเงินส่วนตัวของเขา ‘การขายหุ้นบางส่วนทิ้งหลังการปล่อยข่าวการซื้อขายเครื่องบินกับสายการบินแห่งหนึ่งในดะวันออกกลาง’ หากเปิดเผยออกไป ไม่ใช่แค่ถูกผู้บริหารร่วมสำนักโจมตี แต่เขาอาจถูกสอบสวนครั้งใหญ่

                คณะกรรมการคนอื่นจากฝ่ายขายต่างรีบก้มลงอ่านเอกสารที่ได้รับแจก ในขณะที่ท่านประธานฉางเฟยจีหน้าตาซีดเซียว เหงื่อเม็ดโตผุดพราวเต็มใบหน้า 

                หากยังไม่ทันที่ใครจะอ่านรายละเอียดชัดเจน พลันไฟในห้องประชุมก็ดับเสียก่อน อาจเป็นโชคดีหรือเป็นฝีมือของใครบางคนที่ต้องการให้ท่านประธานเห็นเอกสารนั้นเพียงคนเดียว 

                "อ้าว ไฟดับเสียได้" 

                เสียงอุทานของใครคนหนึ่งดังขึ้นมา
 
                ปกติระหว่างการประชุมสำคัญ ทุกอย่างต้องมีการเตรียมพร้อมอย่างดี ซีเอ็มกรุ๊ปมีหรือจะพลาด
 
                ขณะที่หลี่ลุกขึ้นไปตรวจดูที่ห้องวงจรไฟฟ้าที่อยู่ด้านข้าง ผู้บริหารทางฝ่ายฉางเฟยจีที่เดินออกไปเช็กข่าวเมื่อครู่ ก็เดินกลับเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมากกว่าตอนออกไปอีกหลายเท่าตัว เขาก้มลงกระซิบข้างหูบอสใหญ่ของเขา  
                                                                                                                                                                                               

                 สักครู่ประธานฉางเฟยจีที่หน้าซีดอยู่แล้วกลับขาวโพลนยิ่งขึ้น แม้ว่าห้องประชุมจะมืดสลัว แต่ก็ยังเห็นใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษนั้นได้อย่างดี 

                  ชายสูงวัยตัดสินใจทำให้การประชุมถึงจุดสำคัญที่ทุกคนรอคอย เฉกเช่นคนที่หงายไพ่บนหน้าตักหมดสิ้นจนไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว หนำซ้ำกำลังจะถูกคนอื่นช่วยหงายไพ่ที่ตนเองไม่ต้องการจะให้เปิดเผยออกมาอีกด้วย นี่สิ ที่ยอมไม่ได้ 

                "ตกลงทุกอย่างเป็นไปตามข้อเสนอของคุณเฉินฮ่าวหมิง" เขาเน้นเสียงที่ชื่อของเฉินฮ่าวหมิง 
 
                ถึงภายนอกจะยินยอม แต่ในใจนั้น มีหรือที่เสือเฒ่าประสบการณ์ยาวนานจะยอมให้เด็กอมมือที่อ่อนกว่าเกินสองรอบสอนมวยง่ายๆ 

                เมื่อการเจรจาสิ้นสุดลง ไฟในห้องประชุมก็กลับสว่างไสวขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ทันที่เสิ่นจะลุกขึ้นเก็บเอกสารที่เพิ่งจะแจกไปกลับคืนมา ท่ามกลางความโล่งอกของประธานฉางเฟยจีกรุ๊ป 

                แต่บอสฉางเฟยจีหาได้รู้สึกขอบคุณนายใหญ่แห่งซีเอ็มกรุ๊ปไม่ แม้แต่น่อยนิดก็ไม่มี ที่ผู้อาวุโสน้อยกว่าจงใจช่วยเขาไม่ให้ผู้บริหารระดับสูงของฉางเฟยจีคนอื่นได้อ่านรายงานเกี่ยวกับงบรายได้ของเขา
 
                 นายใหญ่ซีเอ็มกรุ๊ปอาจหวังใช้ข้อมูลลับนี้บีบเขาในอนาคต 

                 วันนี้เขาพ่ายแพ้ เฉินฮ่าวหมิงจับจุดอ่อนของเขาได้ แต่วันข้างหน้า เขาจะต้องรู้จุดอ่อนของเฉินฮ่าวหมิงให้ได้เช่นกัน และเมื่อวันนั้นมาถึง มังกรหนุ่มผู้ยโสโอหังจะต้องคุกเข่าสยบลงแทบเท้าของเขา
 
                  ดูท่าแล้ว สุภาษิตจีนที่ว่า อย่าไล่สุนัขให้จนตรอก อย่าต้อนคนให้จนมุม ใช้ไม่ได้กับนายใหญ่แห่ง ฉางเฟยจีกรุ๊ป  
                                                                                                           
                เฉินฮ่าวหมิงไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่า การเจรจาตกลงในวันนี้จะมีผลร้ายแรงต่อเขาในวันข้างหน้า โดยเฉพาะกับสตรีนางเดียวที่เป็นสุดยอดดวงใจของเขา



                ในรถลีมูซีนคันยาวสีดำสามประตู หลิวจิงเหวินบอสใหญ่ฉางเฟยจีที่เพิ่งสูญเสียบริษัทผลิตเครื่องบินให้กับพญามังกรเฉินฮ่าวหมิง ด้วยราคาถูกแสนถูกราวกับได้เปล่า ทำท่าฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ ประกายตาเขากร้าวดุดัน 

                 แค้นนี้ต้องชำระ เขาท่องไว้ในใจ

                 "เสิ่นจิ้งหลงมันแจกเอกสารอะไรหรือครับ"  เดวิดที่นั่งข้่างๆถามเจ้านายอย่างสงสัย

                  "มันจะแบล็กเมล์ฉัน"

                 "ฮ้า" เดวิดอุทานอย่างตกใจคาดไม่ถึง

                  "มันเอารายงานเกี่ยวกับงบรายได้ลับๆของฉันมาข่มขู่ฉัน"

                  "ฮ้า" (ครั้งที่สอง) "มันเอามาได้ยังไงครับ"

                  "คงมีหนอนบ่อนใส้  มันรู้เรื่องที่ฉันขายหุ้นบางส่วนทิ้งไปหลังจากปล่อยข่าวหลอกเรื่องซื้อขายเครื่องบินกับประเทศในตะวันออกกลาง ถ้าเรื่องนี้เปิดเผย บริษัทเราต้องถูกสอบสวนแน่ ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ไอ้ราคาที่มันกดเราต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ต่ำกว่านี้ก็ไม่มีใครเอา"

                  เดวิดทำท่าขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะพูดว่า " มันกล้าเอาเรื่องชั่วๆของเจ้านาย...

                  บอสหันมามองเดวิด ตาขวาง

                 เดวิดรู้ตัวเผลอพูดความจริง ทำหน้าประจบ รีบพูดต่อ

                 "เรื่องชั่วๆที่ไม่เป็นความจริงมาแบล็กเมล์ มันไม่ตายดีแน่"

                 "มันคงคิดว่าฉันจะขอบใจที่มันช่วยปิดไฟ ไม่ให้ใครทันอ่านเรื่องฉัน แต่อย่าหวังว่าฉันจะติดหนี้บุญคุณมัน"

                 "มันกล้าเอาจุดอ่อนเจ้านายมาข่มขู่ อีกหน่อยเราก็ทำอย่างมันบ้าง" 

                 "ใช่ สักวันเถอะ มันต้องเผยจุดอ่อนให้เราเห็น วันนั้นมาถึงเมื่อไหร่  ไอ้มังกรจอมยโสโอหัง มันจะต้องคุกเข่าเอาลิ้นมาเลียเท้าของฉันให้สะอาด"

                  บอสฉางเฟยจียกเท้าขึ้นพาดบนหัวเข่าอีกข้าง ปลายเท้ายื่นไปหาเดวิดพอดี 

                  "แล้วฉายาพญามังกรของมัน ก็ต้องเปลี่ยนเป็นพญากิ้งกือแทน" เดวิดรีบพูดประจบทดแทนที่เมื่อกี้เกือบเผลอด่าเจ้านายตัวเอง แต่แล้วก็ทำจมูกฟุตฟิดเหมือนได้กลิ่นหนูตาย ก้มมองเท้าเจ้านายในถุงเท้าลายดอกขาดเห็นรูโบ๋จนนิ้วหัวแม่โป้งยื่นออกมาเต้นระบำเริงร่า

                  เสียงของบอสพูดต่อไปอย่างหมายมาด โหดเหี้ยม "ฉันจะให้มันรู้ว่าอะไรที่ร้ายยิ่งกว่าความตาย เหอ เหอ"

                  เดวิดทำท่าจะอ้วก รู้ทันที 

                  อะไรที่ร้ายยิ่งกว่าความตาย

                  คนเป็นเลขารีบเบนหน้าไปทางอื่นกลั้นหายใจสุดความสามารถ หางตาแอบเห็นคนขับรถไขกระจกด้านข้างลง พร้อมกับยื่นจมูกออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก

                  "เฮ้ยๆ ขับรถภาษาอะไรวะ" เสียงเจ้านายร้องโวย เมื่อรถพุ่งแฉลบฟุตบาท 

                 
                


               





           
             
            

             




ตามฝันเมื่อวันวาร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ย. 2555, 22:01:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ย. 2555, 22:09:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1732





<< พญามังกรเฉินฮ่าวหมิง vs สูติแพทย์สาวใจเด็ด ตอนที่ 2   
Auuuu 27 พ.ย. 2555, 22:13:19 น.
5555 เท้าเหม็นนนนน


หมีสีชมพู 28 พ.ย. 2555, 01:34:52 น.


nunoi 28 พ.ย. 2555, 07:42:08 น.


bigrabbit 28 พ.ย. 2555, 11:54:48 น.
กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆๆ จะติดตามอ่านต่อนะค่ะ


notedevilbit 28 พ.ย. 2555, 16:32:50 น.
ฉากนี้ฮาอ่า กลิ่นเท้าแรงขนาดนี้ สงสารพระเอกจังถ้าเจอของจริง 5555+


idon 29 พ.ย. 2555, 18:28:50 น.
มีฉากฮาสลับกับฉาก....คอด้วย


juneo 30 พ.ย. 2555, 17:15:51 น.


juneo 30 พ.ย. 2555, 23:17:13 น.
เท้าเหม็นด้วย555555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account