เจ้าสาวแสนแสบ
เมื่อสายลับสาวแสบ ต้องจับพลัดจับผลูไปเป็นเมียเจ้าพ่อหนุ่มเข้าให้


มาลุ้นกันว่า...เธอจะทำภารกิจลับที่ได้รับมอบหมายสำเร็จ


หรือจะ...เสร็จ...มาเฟียตัวร้ายก่อนกัน!!


และถ้าต้องเลือก...เธอจะเลือกอย่างไหน...



หน้าที่...หรือ...หัวใจ


Tags: รัตนรัตน์,เจ้าสาวแสนแสบ,romantic comedy

ตอน: บทที่ 1 : จุดเริ่มต้นของลมพายุ

เจ้าสาวแสนแสบ



บทที่ 1 : จุดเริ่มต้นของลมพายุ




กรุงเทพมหานคร



บนถนนที่สองฟากฝั่งเรืองรองไปด้วยแสงไฟหลากสีของป้ายไฟอักษรวิ่งและตัวอาคารขนาดใหญ่รูปทรงสะดุดตา...สถานเริงรมย์ของเหล่าผู้มีอันจะกิน




ร่างสูงใหญ่ก้าวลงจากรถ Peugeot 908 Rc ซีดานลีมูซีนสี่ประตูสีดำด้านที่โค้งมนแบนราบโฉบเฉี่ยวราวกับรถสปอร์ต ทว่าอุปกรณ์ต่างๆ ล้วนถูกสั่งทำมาเป็นพิเศษเพื่อเพิ่มสมรรถนะและความปลอดภัยให้กับผู้โดยสาร ทั้งกระจกนิรภัยกันกระสุน อุปกรณ์ล็อคแบบพิเศษ ตัวถังที่แกร่งหากแต่มีน้ำหนักเบา ขณะที่เครื่องยนต์ให้ความเร็วราวกับรถแข่ง





ทันทีที่ร่างสูงใหญ่ทรงอำนาจยืนเต็มความสูง ชายใส่สูทที่ยืนรายรอบต่างก้มหัวให้ด้วยความเคารพ


“มันอยู่ไหน?”


เสียงเข้มเอ่ยถาม ประกายกร้าวจากดวงตาเหล็กกล้าสีสนิมที่กราดมอง ทำให้ชายฉกรรจ์ที่ยืนกุมมือต่างพากันครั่นคร้าม


“อยู่ข้างบนครับ นายจะให้ไปลากตัวมันออกมาเลยรึเปล่าครับ”


“ไม่ต้อง! บอกคนของเราให้เฝ้ามันไว้...ฉันจะไปเค้นคอมันด้วยตัวเอง!”



น้ำเสียงเกรี้ยวกราดเอ่ยออกมาจากชายหนุ่มเจ้าของคิ้วหนา ดวงตาคมกริบ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากตรงที่เหยียดนิ่งอยู่เป็นนิจ ซึ่งบ่งให้รู้ถึงอุปนิสัยของผู้เป็นเจ้าของว่าเป็นคนจริงจังกับทุกสิ่งทุกอย่างแค่ไหน โดยเฉพาะเรื่องบางเรื่องที่ทำให้คนอย่างเขารู้สึกราวกับถูกหยามอย่างร้ายกาจเพราะอะไรไม่ทำให้เขารู้สึกแย่ เท่ากับลูกน้องคนสนิทมีพฤติกรรมเกลือเป็นหนอนเช่นนี้!


“ทางนี้ครับนาย”


ร่างสูงก้าวฉับไปยังทางเข้าของอาคารตรงหน้าอย่างเร็ว ด้วยหวังจะไปจัดการกับใครบางคนที่กล้าท้าทายอำนาจของเขาให้ได้รู้ว่า มันควรจะได้รับโทษทัณฑ์อย่างไรกับความผิดที่มันก่อไว้ ในเมื่อให้ข้าวให้น้ำกิน...ไม่ชอบ อยากได้ลูกกระสุนกินแทน ก็ช่วยไม่ได้!


ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลากับทั้งรูปร่างสูงใหญ่ราวกับนายแบบของแขกหนุ่มที่มาใหม่ทำให้หญิงสาวผิวพรรณผุดผ่องในชุดนุ่งน้อยห่มน้อยหลายต่อหลายคนอดเหลือบมองไม่ได้ หากแต่ด้วยบุคลิกนิ่งสุขุม กับทั้งบริวารที่เป็นชายฉกรรจ์ในชุดสูทล้อมหน้าล้อมหลังที่บ่งบอกให้รู้ว่าแขกผู้มาใหม่รายนี้คงไม่ใช่คนธรรมดา ทำให้แม้จะอยากเดินเข้าหา แต่ก็ไม่กล้า สุดท้ายจึงได้แต่ปล่อยให้ชายคนดังกล่าวเดินเข้าสู่ด้านในเพียงเท่านั้น


ร่างสูงก้าวยาวๆ เข้าสู่ภายใน ทว่าแม้เบื้องหน้าของเขานั้นคือสถานเริงรมย์ซึ่งมีลักษณะไม่ต่างไปจากคลับเฮาส์ชั้นสูงที่ให้บริการลูกค้ากระเป๋าหนักด้วยบริการที่สุดแสนประทับใจจากเหล่าสาวงามที่จะคอยพะเน้าพะนอไม่ห่าง หากแต่ดวงตาสีน้ำตาลเข้มไม่ได้วอกแวกข้างทางแม้แต่น้อยสองขาแกร่งกลับมุ่งตรงไปยังลิฟท์ซึ่งสามารถนำเขาไปยังเป้าหมายให้รวดเร็วที่สุด แม้ว่าทุกก้าวที่เดินผ่านจะรายล้อมด้วยดอกไม้งามเย้ายวนตามากเพียงไรก็ตาม


‘ศักดิ์’ หรือ ‘ศักดา’ มือขวาคนสนิทรู้ดีว่า ‘นาย’ ของเขานั้นไม่เคยเหลียวมองหญิงสาวคนไหน แม้ว่าจะสวยหยาดฟ้ามาดิน หรือว่ามีเสน่ห์ร้อนแรงอย่างร้ายกาจเพียงไรก็ตาม ซึ่งจะเป็นเพราะยังไม่เจอหญิงสาวที่ถูกใจหรือเพราะสาเหตุอื่นใดเขาก็สุดจะรู้ กับทั้งไม่เป็นอันควรที่เขาจะเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย หน้าที่ของเขาก็คืออารักขาความปลอดภัย และเป็นมือเป็นเท้าให้ หากนายของเขาอยากได้อะไร ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟเพื่อฝ่าไปเอามาให้...เขาก็จะทำ!


“ห้องนี้ครับนาย”



รองเท้าหนังสีดำที่ถูกขัดจนมันปลาบหยุดอยู่เบื้องหน้าประตูไม้บานใหญ่ ก่อนที่ผู้เป็นเจ้าของจะหันไปถามลูกน้องคนสนิทอีกครั้ง


“แน่ใจนะว่ามันเอา ‘ของ’ ติดตัวมาด้วย!”


“แน่ใจครับ หลังจากออกมา มันก็ตรงมานี่เลย ไม่ได้แวะที่ไหนครับ คาดว่าของน่าจะยังอยู่กับตัว”


เจ้าของดวงตาคมเข้มมองประตูตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณบางอย่างให้กับลูกน้องคนสนิท



เท่านั้นแหละปืนชนิดเก็บเสียงก็ถูกยิงออกจากปากกระบอกไปยังตัวล็อคประตู จากนั้นฝ่าเท้าจำนวนมากก็กรูเข้าไปยังประตูบานดังกล่าวรวดเร็วและรุนแรง เป็นเหตุให้ประตูไม้บานใหญ่พังครืนในเวลาอันสั้นแค่ชั่วระยะเวลากระพริบตาเท่านั้น


ศักดารีบแทรกตัวเข้าไปข้างใน ทว่าภายในห้องดังกล่าวกลับไม่มีแม้เงาของคนที่กำลังตามหา และนั่นก็ทำเอาหน้าผากของชายหนุ่มผู้เป็นมือขวาของเจ้าพ่อหนุ่มชื้นเหงื่อในทันทียิ่งเมื่อเห็นแววตาคมกร้าวของเจ้านายที่มองมาด้วยแล้ว เขาก็อดกลืนน้ำลายเฝื่อนๆ ลงคอไม่ได้


เจ้าของแผงอกกำยำในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำสนิท ทับด้วยสูทเนื้อดีสีเข้มย่างเข้าสู่ภายในห้องอย่างช้าๆ ดวงตาสีสนิมกวาดมองไปโดยรอบห้อง ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ประตูกระจกใสสูงจากพื้นจรดฝ้าซึ่งเป็นทางออกสู่ระเบียงร่องรอยเศษผ้าที่ฉีกขาดซึ่งติดอยู่กับขอบปูนขรุขระของผนังราวกันตกทำให้คิ้วหนากระตุกเล็กน้อย และนั่นก็ทำให้รู้ว่าคนที่เขากำลังตามหาไม่ได้ล่องหนได้แต่อย่างใด หากแต่...



“บัดซบ! มันหนีไปทางระเบียง!”



พูดจบท่อนขาแกร่งก็ก้าวยาวๆ ไปยังตำแหน่งดังกล่าวอย่างรวดเร็ว และเมื่อชะโงกมองไปเบื้องล่าง จึงเห็นว่าด้านล่างคือระเบียงของห้องชั้นล่าง ซึ่งยื่นยาวเหลื่อมกับห้องพักที่ยืนอยู่ เมื่อเห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่รอช้าตวัดร่างสูงใหญ่ของตัวเองกระโดดตามลงไปทันที



“นายครับ นาย!”




ศักดาร้องตกใจเมื่อเห็นเจ้านายใช้แขนข้างหนึ่งค้ำราวกันตก และเหวี่ยงตัวกระโดดข้ามราวระเบียงไปโดยไม่บอกไม่กล่าว แม้จะรู้ดีว่านายของตนนั้นมีฝีไม้ลายมือเฉียบขาดแค่ไหน แต่เรื่องบางเรื่องเขาเองก็ไม่อยากให้ผู้เป็นนายต้องเอาตัวมาเสี่ยงโดยไม่จำเป็น


มือขวาคนสนิทกลั้นหายใจอยู่อึดใจหนึ่ง จนเมื่อเห็นว่าเจ้านายของตนลงถึงระเบียงของอีกชั้นอย่างปลอดภัยเจ้าตัวจึงค่อยโล่งอก ว่าแล้วจึงหันมาสั่งการแบ่งลูกน้องออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกให้ตามเจ้านายหนุ่มไปอย่างเร่งด่วน ด้วยเพราะความปลอดภัยของนายคือ สิ่งที่พวกเขาต้องรักษาและปกป้องด้วยชีวิต



อีกส่วนให้ไปดักจับเป้าหมายที่ชั้นล่างและลานจอดรถ ขณะที่เขาจะขอสำรวจตรวจตราภายในห้องแห่งนี้อีกที ด้วยหวังว่าอาจจะมีหลักฐานอะไรหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง อีกอย่างตอนนี้เขาไม่ไว้ใจใครหน้าไหนทั้งนั้น ทุกอย่างจึงต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง!



ซึ่งนี่เป็นข้อดีอีกข้อหนึ่งของมือขวานามว่าศักดา...ฉลาด รอบคอบ และทันคน



ด้านร่างสูงใหญ่ที่กระโดดลงมายังระเบียงชั้นล่างทันทีที่ถึงพื้น ดวงตาคมเข้มกวาดมองหาเป้าหมายอย่างเร็ว ด้วยมั่นใจว่าคนที่กำลังตามหาน่าจะกระโดดลงมาก่อนแค่ไม่กี่วินาที เพราะเขายังทันได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากภายในห้อง ทว่าเมื่อมองไปจนรอบห้องกลับไม่เห็นมีสิ่งใดเคลื่อนไหว



“หายไปไหนของมันวะ! เร็วชิบ!” เสียงสบถอย่างไม่สบอารมณ์ดังขึ้น อุ้งมือหนาหยิบปืนขึ้นมาในท่าเตรียมพร้อม ฝ่าเท้าใหญ่ย่างเข้าสู่ภายในอย่างช้าๆ สายตาคู่คมสอดส่องหาเป้าหมายอย่างไม่ลดละหากแต่ไม่มีร่องรอยของคนที่ตนตามหาแต่อย่างใด



กระทั่งถึงห้องน้ำ...นิ้วยาวเอื้อมจับลูกบิด ทว่ายังไม่ได้ทันได้ขยับ ทันใดนั้นประตูห้องน้ำก็เปิดออก...



“ว๊าย!!”



เสียงแหลมราวตกอกตกใจดังขึ้น น่าแปลกแทนที่เสียงกรีดร้องจะดังมาจากหญิงสาวขาวอวบในชุดเสื้อผ้าล่อแหลม แต่กลับดังมาจากชายหนุ่มเจ้าของหนวดเครารุงรัง ผมเผ้ายุ่งเหยิงแทนเสียนี่



และราวกับว่ากลัวใครต่อใครจะผิดสังเกต จากเสียงหวีดแหลมเมื่อครู่ ตอนนี้แปลเปลี่ยนเป็นเสียงตะคอกแหบต่ำแทน



“มึงเป็นใคร เข้ามาได้ยังไง?”



“ว๊าย! คุณพี่ขา นั่นมันปืนนี่คะ!”



หญิงสาวในชุดนุ่งน้อยห่มน้องเอ่ยเสียงสั่นเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อยู่ในมือผู้บุกรุกคืออะไรแม้แวบแรกที่เห็นจะอดประทับใจในใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรมาจุติของเจ้าของหุ่นสูงใหญ่และแผงอกล่ำสันตรงหน้าไม่ได้หากแต่เมื่อเห็นสิ่งของในมือเขาเต็มตา ก็พาลให้แข้งขาอ่อนระทวยและจากที่ตอนแรกรู้สึกรังเกียจแขกหนุ่มหนวดเฟิ้ม จนไม่อยากปรนนิบัติพัดวีตอนนี้เจ้าตัวกลับเห็นแผ่นหลังมอมแมมของอีกฝ่าย เป็นสุดยอดปรารถนาของตัวเองไปเสียแล้ว



ทว่ายังไม่ทันให้เจ้าของห้องและผู้บุกรุกได้ปะทะคารมกันแต่อย่างใดวินาทีถัดมาก็มีมือปริศนาผลักร่างสูงใหญ่เข้าไปหาชายหญิงเจ้าของห้องอย่างแรง เป็นเหตุให้แผงอกแกร่งของชายหนุ่มผู้บุกรุกชนเข้าอย่างจังกับเจ้าของหนวดเคราเฟิ้ม โดยมีร่างขาวอวบของหญิงสาวที่ยืนซ่อนตัวอยู่ด้านหลังรองรับ ก่อนจะกระแทกฝาผนังห้องดังตึง! พร้อมกับเสียงตกอกตกใจที่ดังขึ้นอีกครั้ง



“ว๊าย!”



เสียงว๊ายที่หลุดออกมาจากใบหน้าที่มีหนวดเครารกครึ้มหุบฉับโดยพลันเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมแกร่งที่บัดนี้ใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นเจ้าของแนบสนิทอยู่ข้างแก้มเนียนซึ่งมีเครารกปกปิดอยู่



ดวงตากลมโตภายใต้แว่นกรอบหนาสีดำและผมเผ้ารกรุงรัง ฉายแววตกใจขวยเขิน แก้มเนียนใสภายใต้เคราครึ้มมีสีแดงจางๆ ผุดขึ้น หากแต่ก็เพียงวูบเดียวเท่านั้น ใบหน้าของชายหนุ่มที่คาดว่าน่าจะเป็นนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนักก็แปรเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวดุดัน สองมือว่างจึงรีบผลักไสร่างหนาของผู้บุกรุกให้ออกห่างด้วยแรงทั้งหมดที่มี



แรงผลักทำให้ร่างหนาถอยห่างก็จริง แต่แทนที่ร่างนั้นจะหลุดจากวงโคจรไปเพียงลำพัง หากแต่กลับพาร่างของคนผลักติดไปด้วย



“เฮ้ย!”



เสียงร้องตกอกตกใจของคนทั้งคู่ดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะล้มลงกับพื้นดังครืน ตามด้วยร่างอีกร่างที่ทาบทับลงมาอย่างรวดเร็ว



เจ้าของร่างสูงใหญ่สะบัดศีรษะเล็กน้อยด้วยความมึนงง กับทั้งกรุ่นโกรธยิ่งนักที่ตนนั้นต้องมามัวเสียเวลาติดแหง็กกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้ ป่านนี้ไม่รู้ว่าคนที่เขาตามล่าตัวอยู่จะหนีไปถึงไหนต่อไหนแล้ว



หากแต่ด้วยเพราะกำลังอารมณ์เสีย ทำให้ไม่ได้สังเกตว่าขณะนี้ตนนั้นกำลังอยู่ในสภาพเช่นใด กระทั่งเหลือบเห็นบรรดาลูกน้องที่จ้องมองมาด้วยสายตาเป็นห่วงแบบแปลกๆ เท่านั้นแหละ เจ้าพ่อหนุ่มจึงค่อยรู้สึกตัว ชายหนุ่มจึงหันไปตวาดบรรดาลูกน้องเสียงเข้ม



“ยืนนิ่งอยู่ทำไม ตามมันไปสิวะ!”



ฝ่าเท้าหลายคู่จึงรีบวิ่งตามเป้าหมายไป ขณะเดียวกันหญิงสาวขาวอวบที่เห็นท่าไม่ดี เจ้าตัวจึงอาศัยช่องว่างช่วงชุลมุนค่อยๆ พาตัวเองออกจากห้องแห่งนี้ไปด้วย จะเหลือก็แต่ศักดาลูกน้องคนสนิทที่หลังจากสำรวจห้องพักชั้นบนจนทั่วแล้วไม่พบหลักฐานอะไร จึงรีบมาสมทบกับบรรดาลูกน้อง และทันมาเห็นภาพแบบแปลกๆ ของเจ้านายพอดี



มือขวาคนสนิทปรี่เข้าไปช่วยเจ้านายหนุ่มที่พยายามลุกขึ้น ทว่าด้วยเพราะกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายดันไปเกี่ยวกับเสื้อของใครบางคนเข้า ทำให้การลุกขึ้นยืนทุลักทุเลเต็มทน



“บ้าเอ๊ย!!”



ด้วยความเร่งรีบที่อยากจะจับเจ้าหนอนบ่อนไส้ให้ได้ด้วยตัวเองเจ้าพ่อหนุ่มจึงกระชากเสื้อของตนอย่างแรงด้วยหมายให้กระดุมที่เกี่ยวหลุดจากกันเสียที ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้เกิดเรื่องบ้าๆ ปัญญาอ่อนแบบนี้ขึ้นกับเขาได้



แคว่ก!!!



เสียงฉีกขาดดังขึ้น กระดุมหลายเม็ดรวงพรู แรงกระชากมหาศาลทำเอาเสื้อเชิ้ตที่เกี่ยวกันแยกออกเป็นผลสำเร็จ



หนึ่งหนุ่มหันขวับไม่สนใจ ขณะที่อีกหนุ่มตะครุบสาบเสื้อของตนที่แยกออกจากกันแทบไม่ทัน



นิ้วเรียวรีบกลัดกระดุมเสื้อนอกเข้าหากันอย่างเร็ว แก้มเนียนภายใต้หนวดเครารกแดงระเรื่อขึ้น หากแต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายสะบัดตัวกลับหันหลังไป โดยไม่มีทีท่าแยแสอะไร ดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นหนาจึงตวัดมองร่างสูงใหญ่อย่างไม่พอใจนัก ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครกล้าทำให้เธอรู้สึกอับอายได้เท่าชายหนุ่มตรงหน้ามาก่อน ดังนั้นนาทีนี้ต่อให้ชายตรงหน้าถือบาซูก้าอยู่ในมือ เธอก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย ดังนั้นกะแค่ปืนกระจอกๆ กระบอกเดียว อย่าหวังว่าจะทำให้คนอย่างเธอกลัวจนหัวหด ไม่วันซะหรอก!



ว่าแล้วจึงตรงเข้ากระชากไหล่หนาให้หันมา...ฆ่าได้ หยามไม่ได้เคยได้ยินรึเปล่า?




แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เคยได้ยิน เพราะนอกจากจะไม่เหลียวมองแล้ว ไหล่หนายังค้อมตัวลงด้วยสัญชาตญาณที่ผ่านการฝึกฝนมานานก่อนจะดึงร่างผู้หวังประทุษร้ายทุ่มลงไปกองกับพื้นอย่างรวดเร็ว



ทว่าคนโดนทุ่มไปนอนนับดาวหาได้ยอมแพ้ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่หันหลังกลับ เจ้าตัวจึงกวาดขาหวังดักให้อีกฝ่ายเสียหลักล้มลง หากแต่ราวกับชายหนุ่มจะมีตาหลัง ร่างสูงใหญ่ยกขากระโดดหนีได้ทัน แต่กระนั้นเมื่อสองเท้าลงสู่พื้น และหันหลังกลับหมายเล่นงานคนที่หวังลอบกัดคืน หันมาก็เจอหมัดดุ้นๆ ของแม่ไม้มวยไทยเข้าอย่างจัง



พลั่ก!!



อาจเพราะไม่เคยต่อสู้กับใครจนเสียเปรียบมาก่อน กับทั้งไม่เคยต้องเพลี่ยงพล้ำโดนทำให้บาดเจ็บมานาน ทำให้เจ้าพ่อหนุ่มออกอาการมึนงงกับหมัดขนาดไม่ใหญ่ไม่โตแต่กระแทกเข้าที่ปลายคางของเขารวดเร็วจนเขาตั้งตัวไม่ติด แต่เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเตะเขาซ้ำ ร่างหนาเบี่ยงตัวหนีเสียก่อน จากนั้นอุ้งมือแข็งแรงจึงจับข้อเท้าแขกหนุ่มจอมจุ้นที่พุ่งเข้ามาหวังทำร้ายตนไว้แน่นหนา แล้วจึงบิดไปด้านข้างอย่างแรงจนได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของผู้เป็นเจ้าของ



เจ้าพ่อหนุ่มผลักคู่ต่อสู้ผลักกระแทกพื้นอีกครั้ง พร้อมกับที่ปากกระบอกปืนสีดำสนิทจากทั้งของเขาและลูกน้องคนสนิทจ่อไปยังผมยุ่งๆ ของชายหนุ่มที่ชอบแส่เรื่องของชาวบ้าน



“ใครส่งแกมา?” ศักดาเอ่ยขึ้นขณะที่ในมือถือปืนเล็งไปยังศัตรูหน้าใหม่ที่บังอาจทำร้ายเจ้านายของเขาให้ได้รับบาดเจ็บ



อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่กลับมองไปยังชายหนุ่มที่ทำให้ตนนั้นจูบพื้นไปสองตลบด้วยสายตาอาฆาต



“ช่างเถอะ คงเป็นพวกแขกที่มาเที่ยว...เราอย่าเสียเวลาเลย รีบไปดีกว่า!” เจ้านายหนุ่มเอ่ยพลางสั่งให้ลูกน้องคนสนิทลดปืนลง เขาไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องตรงหน้าแม้แต่อีกสักวินาทีเดียว



“ครับ!” ว่าแล้วศักดาจึงเก็บปืนกระบอกเดิมเข้าที่ ก่อนจะรีบเดินแกมวิ่งตามเจ้านายของตนไป ทิ้งให้ใครบางคนที่นอนจุกอยู่กับพื้น ได้แต่มองตาม พลางกัดฟันกร่อดๆ ด้วยความโมโห



************



“ว่าไงได้เรื่องรึเปล่า?”



เสียงกร้าวของผู้เป็นนายกล่าวถาม เมื่อตามลงมาจนถึงลานจอดรถ



“มันหนีไปได้ครับนาย”



“แล้วของล่ะ?”



บรรดาลูกน้องก้มหน้าเป็นคำตอบ



ริมฝีปากบางเฉียบบดกรามจนเป็นสันนูน ขณะที่ดวงตาคมเข้มมองกราดไปรอบตัว ก่อนจะพ่นลมหายใจพรืดและระบายอารมณ์ด้วยการตบฝ่ามือหนาเข้าที่กระโปรงหน้าของรถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่



ตึง!



“ส่งคนออกตามล่ามัน ยังไงต้องเอาของกลับมาให้ได้!”



“ครับนาย!” เสียงตอบรับอย่างพร้อมเพรียงดังขึ้น




“นายครับ ผมว่าเรารีบหลบก่อนที่พวกตำรวจจะดมกลิ่นมาถึงดีกว่า” ศักดารีบบอก ด้วยไม่อยากให้เรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนี้ถึงหูตำรวจ กับทั้งรู้ดีว่าเจ้านายของตนนั้นเป็นโรคไม่ถูกกับพวกตำรวจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว




เจ้านายหนุ่มพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ทว่าจู่ๆก็มีเสียงคล้ายกับของหล่น ดังห่างจากจุดที่เขายืนอยู่ไม่ไกลนักทำให้ฝ่าเท้าที่กำลังจะก้าวเดินต้องหยุดชะงัก ชายหนุ่มจึงเหลือบตามองไปยังลูกน้องคนสนิทเป็นคำสั่งกลายๆ



ศักดากวาดตามองไปยังตำแหน่งที่ได้ยินเสียง เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าคนที่มาดักฟังและแอบซุ่มดูนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่ด้วยสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีในตอนนี้ ยังไงเขาก็ต้องคิดว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูไว้ก่อน



ฝ่าเท้าใหญ่ก้าวย่างไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ...ยิ่งเข้าใกล้เขาก็ต้องยิ่งเพิ่มความระมัดระวังตัว...



5 เมตร...


4 เมตร...


2 เมตร...


1 เมตร...




แต่เมื่อเดินมายังตำแหน่งดังกล่าว กลับไม่พบใครสักคน..



พบแต่เพียง...







“ว่าไง?”



“นี่ครับนาย...” ลูกน้องคนสนิทยื่นแว่นตากรอบหนาที่ตกอยู่ที่พื้นให้เจ้านาย




เพียงเท่านั้นเจ้าพ่อหนุ่มก็รู้ว่าใครที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ แอบฟังพวกเขาคุยกัน...



“คงไม่มีอะไรหรอก กลับ!”


เสียงห้าวสั่งการ ด้วยไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องอีก ลำพังแค่ที่ยังตามตัวใครบางคนไม่ได้ กับทั้งหาของบางชิ้นไม่เจอ แค่นั้นเขาก็หนักอกพอแล้ว สำหรับแขกจอมจุ้นที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านไม่เข้าเรื่องนั้น เขาไม่อยากเอามาคิดให้รกสมอง




...แต่ทั้งนี้ หากว่าคราวหน้ายังแส่หาเรื่องอีกล่ะก็ เขาคงไม่ปล่อยไปเฉยๆ แบบนี้แน่ๆ!





**************



ทันทีที่กลุ่มคนในชุดสูทดำเดินลับตาไป ร่างเพรียวระหงในชุดเสื้อผ้าเทอะทะ ที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างรถกระบะคันใหญ่ก็ค่อยๆ ชันตัวขึ้นอย่างช้าๆ ด้วยเพราะยังเจ็บแผ่นหลังที่ล้มกระแทกพื้นถึงสองคราไม่หาย กับทั้งข้อเท้าที่โดนบิดนั่นอีก ดีนะที่กระดูกกระเดี้ยวไม่หัก ไม่อย่างนั้นสภาพของตนคงดูไม่จืดยิ่งกว่านี้


“เกือบไปแล้วไหมล่ะเรา ฮู้ว์”



เจ้าของใบหน้าเนียนใสที่บัดนี้แทบไม่เหลือเค้าความงามให้เห็น ด้วยถูกปกปิดด้วยหนวดเครารกครึ้มล้อมกรอบใบหน้า ถอนหายใจอย่างโล่งอก หากแต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตนนั้นโดนไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเท่านั้น แววตาคุกรุ่นก็ฉายวาบขึ้น


“นึกว่าเก่งนักรึไง โธ่เอ๊ย!พวกสองรุมหนึ่ง...แน่จริงตัวต่อตัวสิวะ...คอยดูนะ...ถ้าเจอคราวหน้าจะซัดให้หน้าหล่อๆ ของนายเละเป็นโจ้กเลยคอยดู!”


ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ว่าแล้วนิ้วเรียวจึงไล่เปิดดูสิ่งของด้านในกระเป๋าหนังสีดำยี่ห้อหรู ที่ตนนั้นใช้ความมือไวฉกมาได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัวเมื่อตอนต่อสู้กัน...ว่ามีอะไรบ้าง



“มีแต่บัตรเครดิต ทำเป็นวางก้ามใหญ่โต รวยจริงปะเนี่ย?”



กระทั่งเห็นชื่อเจ้าของกระเป๋าจากบัตรเครดิตต่างๆ …



...พายุ นนท์ธนิต…


“นนท์ธนิต...งั้นเหรอ?”


ทันทีที่เห็นนามสกุลของผู้ชายใจร้อน บ้าอำนาจ ที่ทำเอาตนเองเกือบหลังหัก ดวงตากลมโตก็อึ้งไปอึดใจหนึ่ง…หากแต่เมื่อคิดว่าความบังเอิญเกิดขึ้นได้เสมอ และนามสกุลซ้ำกันนั้นก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง บางคนนามสกุลเดียวกัน แต่กลับไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ากันก็มีตัวอย่างให้เห็นเยอะแยะไป



“สงสัยจะนามสกุลโหล...”



เมื่อคิดได้ดังนั้นเจ้าตัวจึงค่อยโล่งอกดวงตาคู่โตซึ่งล้อมกรอบด้วยแพขนตางอนมองไปเบื้องหน้าอีกครั้งด้วยยังติดใจสงสัยในสิ่งที่คนเหล่านั้นกำลังตามหา...ด้วยอยากรู้เหลือเกินว่า...




‘ของ’ ที่ว่ามันคืออะไร?


---------------------------------------------------------------------------------------

รัตนรัตน์เป็นมือใหม่ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ

มีอะไรแนะนำ ติติงได้ตลอดค่ะ ^^




รัตนรัตน์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 เม.ย. 2554, 10:58:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 เม.ย. 2554, 10:58:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 2892





<< บทนำ : เธอคือใคร?    บทที่ 2 : นางมารน้อยภิตะวัน >>
XaWarZd 29 พ.ค. 2554, 00:38:27 น.
ลุ้นๆ


XaWarZd 29 พ.ค. 2554, 00:39:00 น.
พระเอกโดนฉกกระเป๋าแล้วไม่รู้ตัวหรือนี่ แอบฉลาดน้อย ฮะ ๆสะใจ


ChaussonAuxPomme 25 ก.พ. 2555, 14:16:53 น.
...ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ... ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account