ปมร้าย หัวใจเสน่หา
รัชต์ วิศวกรหนุ่มออกตามหาความจริงเกี่ยวกับการตายของ ดวงดาว น้องสาวที่ตำรวจลงความเห็นว่าเธอฆ่าตัวตาย แต่อยู่ๆเขาก็ได้พบกับรักแรกอีกครั้งเธอเป็นคนช่วยเขาตามหาความจริง แต่ความจริงที่ว่ากลับทำให้เขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว!!
Tags: ปมร้ายหัวใจเสน่หา
ตอน: “ตอนที่ 1 ฆาตกรรม”
ลงเรื่องแรกสำหรับที่นี่ค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะทุกคน
////////////////////////
“ลาออก!!” เสียงตะโกนด้วยความตกใจดังออกมาจากห้องทำงานของผู้จัดการทำให้พนักงานอื่น ๆ ที่ทำงานอยู่ด้านนอกต่างหันมามองเป็นจุดเดียว เงี่ยหูฟังเรื่องกันอย่างตั้งใจ บ้างก็วิ่งเข้าไปเอาหูแนบกับประตูห้องเสียอย่างนั้นเพราะทุกคนรู้ว่าในห้องของผู้จัดการมีวิศวกรหนุ่มรูปหล่อฝีมือดีอยู่ในนั้นด้วย
“ครับ”เสียงรับคำนั้นหนักแน่นไม่มีวี่แววของการลังเลเลยแม้แต่น้อย ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้แต่หมุนปากกาไปมาพลางคิดเรื่องของหนุ่มรุ่นน้องไปด้วย หลังจากที่รัชต์ลาพักไปเกือบหนึ่งเดือน เมื่อกลับมาทำงานเช้าวันนี้ กลายเป็นว่ารัชต์ยื่นใบลาออกแทน ปราโมทย์เข้าใจดีว่าหนุ่มรุ่นน้องคนนี้กำลังเสียใจเรื่องของน้องสาวที่เพิ่งเสียชีวิตไปแต่ก็ควรไม่มากมายจนถึงขั้นลาออกจากงาน นอกเสียจากรัชต์จะไม่เชื่อผลการสันนิษฐานของตำรวจและตั้งใจที่จะทำอะไรบางอย่าง
“พี่รู้ว่ามันทำใจยากแต่ลาออกไปแล้วแกจะไปทำอะไร พี่เองก็เสียดายฝีมือของแกนะรัชต์ เอาเป็นว่าพี่ให้แกลาพักร้อนอีกสามเดือนเลยเอ้า! สบายใจค่อยกลับมายังไงพี่ก็ไม่ยอมให้แกลาออก แกทำงานกับพี่มาตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทใหม่ ๆเป็นเหมือนพี่น้องกัน ตอนนี้เรากำลังไปได้ดีแกจะลาออกเพราะเรื่องนี้ไม่ได้นะเว้ย เห็นแก่พี่นะรัชต์..อยู่ต่อ”วิศวกรหนุ่มถอนใจเมื่อสบสายตารุ่นพี่ เขาเองก็เสียดายงานนี้เช่นกันแต่ว่าถ้ายังทำงานอยู่เขาก็ไม่สะดวกที่จะตามหาความจริงอย่างที่ตั้งใจไว้
“ก็ได้ครับ งั้นผมขอลาพักร้อนละกันครับ”
“แกจะไปพักร้อนก็พักจริง ๆ นะเว้ย อย่าคิดที่จะทำอะไรแปลกๆ บางอย่างถ้ามันเห็นทางตันก็อย่าฝืนมันนัก ตำรวจเขาสรุปว่าดาวฆ่าตัวตายก็น่าจะเป็นอย่างนั้น พี่เข้าใจแกดีนะรัชต์ว่าแกรักน้องแต่มันสายเกินไปแล้วที่จะทำอะไรอีก”ปราโมทย์เอ่ยเตือนน้ำเสียงผ่อนคลายลงมาก รัชต์พยักหน้ารับ ใช่ มันสายไปแล้วจริง ๆที่จะกลับมาดูแลน้องสาว
รัชต์เดินออกมาจากห้องเจ้านาย เขานั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเองพร้อมกับควักเอารูปครอบครัวจากกระเป๋าเงินออกมาดู เด็กหญิงผิวขาวผมดำยาวสยายเต็มบ่าใบหน้าสดใส ดวงตาเป็นประกายยิ้มหวานแขนบางโอบกอดผู้เป็นแม่ส่วนเขาเป็นหนุ่มน้อยวัยรุ่นผมเกรียนสั้นยืนอยู่ข้างพ่อเป็นรูปครอบครัวใบเดียวที่สดใสที่สุดที่เขามี รัชต์กับดาวโตมาในครอบครัวเดียวกันก็จริงแต่หลังจากที่พ่อแม่หย่าร้างกัน ดาวไปอยู่กับพ่อซึ่งก็คงไม่ค่อยมีเวลาดูแลทำให้ติดเที่ยวมากกว่าจะเรียนหนังสือ ส่วนรัชต์หลังจากพ่อกับแม่หย่ากันก็ไม่ได้ติดต่อกับน้องสาวอีกเลย
เขาคิดส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเขาเอง เสียงล่าสุดที่ได้ยินจากปากของดาวก็คือ เธอโทรศัพท์มายืมเงินเขาเกือบสองหมื่นซึ่งเขาเองก็ไม่เห็นความจำเป็นที่เด็กเรียนมหาวิทยาลัยจะต้องใช้ ยิ่งเขารู้ข่าวจากเพื่อนเสมอว่าเห็นน้องสาวเขาตามสถานบันเทิงต่าง ๆ อยู่เนือง ๆ ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่ให้เงินจำนวนนั้น แต่หลังจากนั้นสามวัน เขาก็ได้รับโทรศัพท์อีกครั้งแต่คราวนี้จากตำรวจแจ้งว่าพบศพน้องสาวกระโดดตึกห้องพักฆ่าตัวตาย
ตำรวจลงความเห็นว่าเธอฆ่าตัวตายหนีหนี้จากการยืมเงินนอกระบบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เขาเห็นร่างน้องสาวห้อยตัวอยู่นอกหน้าต่าง ลำตัวผูกติดกับเชือกที่ผูกกับลูกกรงอีกทอดหนึ่ง ร่างกายมีเพียงยกทรงกับกางเกงขาสั้น มันผิดปกติวิสัยสำหรับคนที่จะฆ่าตัวตาย ดังนั้นจึงคัดค้านการเผาศพน้องสาวมีเพียงการทำพิธีโดยเผารูปและเสื้อผ้าของดาวแทนร่างกายของเธอตามพิธีทางศาสนา รัชต์ติดต่อให้หมอที่เชี่ยวชาญช่วยชันสูตรศพของดาวอีกครั้งเพื่อให้ได้หลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย คำร้องของเขาได้ผล หวังว่ามันจะทำให้เขาได้ความกระจ่างอะไรบ้าง
ช่วงเย็นของวันหนึ่งรัชต์ขับรถมาถึงร้านอาหารที่เป็นร้านประจำของเขาแลเพื่อนสนิท หลังจากโทรศัพท์นัดหมายกันไว้ เมื่อมาถึงเขาก็นั่งลงที่โต๊ะตัวเดิมในร้าน เพื่อนสนิทที่ว่านี้ก็คือ นัทธี เพื่อนสมัยเด็กเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมปลายแต่พอเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยก็แยกกันเรียนตามที่ตัวเองใฝ่ฝัน นัทเป็นเพื่อนคนเดียวที่เขาสนิทที่สุดและเป็นที่พึ่งของเขามาตลอด ไม่ว่าจะร้ายจะดีแค่ไหน นัทธีก็อยู่เคียงข้างเขาเสมอมา
“เฮ้ย ไงวะรอนานไหม”เสียงทุ้มนั้นเป็นของนัทธี นัทธีเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงได้สัดส่วนรูปร่างหน้าตาดี ผิวขาวละเอียดแต่ติดที่ชอบทำหน้า’เฉย’ เลยทำให้เขากลายเป็นหนุ่มผู้เงียบขรึมและไม่น่าหลงใหล นั่นเป็นฉายาของ นัทธีสมัยเรียนมัธยมปลาย
“เออ ไม่นานแล้วยังไงวะมาสายกว่าปกติ ไหนแกบอกว่าอยู่แถวนี้ไง”รัชต์ทักเพราะตอนที่คุยกันทางโทรศัพท์นัทธีบอกว่าเขาอยู่แถวร้านอาหารพอดิบพอดี
“ติดไปเจอคน ๆ หนึ่งเข้า นี่แกจำยัยแว่นเพื่อนห้องเราได้ไหมวะ”นัทธีรู้ว่าการเอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้จะทำให้เพื่อนชายตื่นเต้นมากแต่ก็อดใจไว้ไม่อยู่จริง ๆ
“แว่นไหนวะ”ฉายาที่ไม่ได้พูดถึงมานานถึงเจ็ดปีทำให้ต้องมีการรื้อฟื้นความทรงจำกันอีกครั้ง
“ก็..กีรติไงสมัยนั้นเราล้อว่าเธอเป็นยัยแว่นจอมพลัง”รัชต์พยายามนึกถึงหน้าของเพื่อน ๆ สมัยเรียนมัธยมจนนึกถึงยัยหน้าหมวยใส่แว่น ผมยาว ท่าทางโก๊ะๆที่มักจะกวนประสาทเขาเสมอ แถมยังชอบทำอะไรตัดหน้าเขาประจำ ยิ่งเรื่องการเรียนด้วยแล้วเธอคือคู่แข่งอันดับหนึ่งของเขาเลยละ จนเมื่อเรียนจบมันก็เปลี่ยนไป พอคิดได้หัวใจเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้น
“อ้อ..ยัยแว่นบ้าพลังน่ะเหรอ แกไปเจออยู่ไหนวะ”รัชต์สีหน้าตื่นเต้น
“แถวนี้แหละ พอดีเห็นที่ร้านถ่ายรูปด้านหน้านี่แหละ เขาไม่ได้ใส่แว่นแล้วนะเว้ย หน้าตาน่ารักใช่ย่อย แต่ยังแต่งตัวประหลาดเหมือนเดิม ถามว่าทำอะไรอยู่ก็บอกว่าว่างงาน ทั้ง ๆที่จริงตอนจบมัธยมฉันได้ยินว่ายัยนี่เอนท์ติดหมอนี่หว่า แต่ทำไมถึงได้บอกว่าว่างงาน”นัทธีแม้จะรู้ว่าเพื่อนรอคอยเวลานี้มานานแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็พยายามที่จะไม่ตื่นเต้น ไม่ส่งเสริมให้เพื่อนออกไปตามหาผู้หญิงคนนี้อีก ในเมื่อเธอจากไปแล้ว กลับมาทำไมตอนนี้
“ถ้าไม่ประหลาดก็คงไม่ใช่หล่อนหรอก”รัชต์พูดตาลอย มือจับแก้วในมือแกว่งไปมาเหมือนกับคิดอะไรอยู่
“เออวะ ใช่อย่างที่แกพูดนั่นแหละ”นัทหัวเราะก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วเรื่องดวงดาวเป็นไงบ้าง”
“พรุ่งนี้ฉันนัดหมอที่ช่วยชันสูตรไว้ จริง ๆ เขาก็ไม่อยากช่วยฉันนักหรอกแต่พอดีพี่หนุ่มเจ้านายฉันช่วยติดต่อให้ ”นัทพยักหน้ารับพลางคิดถึงเรื่องที่เพื่อนหนุ่มมีปัญหาอยู่ ไม่มีใครเชื่อรัชต์นอกจากเขา
“เรื่องที่แกขอร้องให้ฉันช่วยน่ะ ฉันสืบมาแล้วน้องแกน่ะเป็นเด็กเที่ยวพอสมควร เห็นว่าเขาไม่ค่อยอยู่ที่ห้องพักเท่าไหร่คนแถวนั้นเขาบอกว่าดาวจะมาพักแค่ช่วงวันจันทร์ถึงวันพุธเท่านั้นเอง”
“งั้นเหรอ แล้วช่วงที่เขาหายไป เขาหายไปไหน?”
“นั่นสิ ไม่มีใครรู้เลยเพื่อน ๆที่รู้จักดาวในหอพักก็ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย แล้วพ่อแกว่าไงบ้างวะ”
“ท่านกลับไปทำงานที่เชียงใหม่แล้ว พ่อฉันก็คงยืนยันเหมือนที่ตำรวจบอก”
“แล้วทำไมแกไม่เชื่อเหมือนพ่อกับตำรวจละวะ”
“ฉัน ไม่รู้ เหมือนกับ ดาวไม่อยากให้ฉันเชื่อ ”คำตอบของรัชต์ทำให้นัทถึงกับขนลุกวาบได้แต่ลูบแขนตัวเองเบา ๆ
“พูดบ้า ๆนะแก ดูสิขนลุกหมดแล้ว”รัชต์หัวเราะมองหน้าเพื่อนหนุ่ม เขาเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงเชื่ออย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะเขาคิดมากไปเองก็ได้เหมือนอย่างที่พ่อกับแม่บอก เขาอาจจะคิดมากไปเอง แต่สภาพการณ์หลายอย่างมันทำให้เขาคิดอย่างนั้น ดาวไม่ได้อยากฆ่าตัวตายเองอย่างแน่นอน
เช้ารัชต์ตื่นขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวไปหาหมอชันสูตรศพของดาวอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจและได้เบาะแสเพิ่มเติมถึงแม้จะถูกกล่าวหาว่าคิดมากอีกก็ตาม เมื่อขับรถมาถึงโรงพยาบาลรัชต์ก็ตรงไปที่แผนกนิติเวช
“ขอโทษฮะ ผมมาพบคุณหมอพนาครับ” รัชต์บอกพยาบาล พอดีกับหมอสาวคนหนึ่งเดินออกมาเจอเขา คุณหมอจ้องหน้าเขานานก่อนจะร้องทักขึ้น
“รัชต์ ใช่รัชต์หรือเปล่า” รัชต์ทำหน้าแปลกใจ พยายามนึกว่าเคยเห็นหน้าหญิงสาวที่ไหนแม้จะคุ้นแต่ก็จำไม่ได้
“ปานไง เราเป็นหัวหน้าห้องตอนเรียนมัธยมไง ”คราวนี้รัชต์ร้องอ๋อขึ้นมาทันที
“ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่เลย”
“เราเป็นหมอที่แผนกนิติเวช แล้วรัชต์ละมาทำอะไรที่นี่”
“เรามาพบคุณหมอพนาพอดีมีเรื่องรบกวนท่านน่ะ ”
“อ๋อ คุณหมอพนาให้เราดูแลแทนท่านติดประชุมด่วน เรื่องชันสูตรศพ เอ่อ..ดวงดาว โทษนะเธอเป็นอะไรกับรัชต์เหรอ”
“เป็นน้องสาวน่ะ”
“อ๋อ งั้นตามเราเข้ามาเลย”ปานเดินนำไปที่ห้องเก็บศพซึ่งเธอได้ทำการชันสูตรไปแล้วในช่วงเช้าที่ผ่านมา
“จากที่เราชันสูตรก็มีข้อน่าสงสัยอยู่เหมือนกันแต่ถ้าจะให้บอกว่าเธอฆ่าตัวตายจริงหรือเปล่าก็คงจะฟันธงอย่างนั้นตอนนี้ไม่ได้ต้องรอผลพิสูจน์บางอย่างก่อน แต่ที่แน่ ๆ น้องดวงดาวเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหรือก็คือจากการผูกคอตัวเองจริง ๆ แต่ในช่องคลอด มีคราบอสุจิอยู่บางส่วนที่แขนมีรอยช้ำซึ่งอาจจะเกิดจากการกระแทกช่วงที่กระโดดจากขอบหน้าต่าง ตอนนี้เราบอกได้แค่นี้ รอพรุ่งนี้จะส่งข้อมูลบางส่วนให้อีก เอ่อ แล้วทำไมถึงได้คิดว่าน้องสาวของนายไม่ได้ฆ่าตัวตายละ”ปานใจหันกลับมาถามเพื่อนหนุ่มอย่างเสียไม่ได้เพราะน้อยคนนักที่จะดันทุรังส่งเรื่องมาที่นิติเวช นอกเสียจากตำรวจสันนิษฐานว่าเกิดจากการฆาตกรรรมจึงส่งให้นิติเวชตรวจสอบอีกครั้ง ยิ่งถ้าเกิดอยู่ต่างจังหวัดแทบจะไม่มีคดีฆาตกรรมอำพรางเลยเพราะสุดท้ายแล้วตำรวจก็จะลงสรุปว่าฆ่าตัวตายหรือเกิดจากอุบัติเหตุ
“เปล่าหรอก ฉันอยากให้แน่ใจ”รัชต์ตอบพลางคิดถึงเรื่องสมัยเรียนมัธยม เขาจำได้ว่าปานใจกับกีรติหรือยัยแว่นจอมพลังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน…แถมอยู่ในชมรมนักสืบด้วยกันอีกต่างหาก ชมรมที่เขาคิดว่ามันไร้สาระที่สุด ทว่าตอนนี้เขานึกอยากย้อนกลับไปอดีตเพื่อเข้าไปอยู่ในชมรมนั้น บางทีเขาอาจจะได้เบาะแสอะไรบ้าง ไม่มืดแปดด้านอย่างตอนนี้
“อ้อ จำได้ว่าปานเป็นเพื่อนกับกี แล้วกีละเห็นว่าเอนท์ติดหมอเหมือนกันนี่ ”คำถามนั้นทำให้ปานใจหน้าเจื่อนลง
“ไม่คิดว่ารัชต์จะถามหากีเลยนะ เห็นเป็นคู่แค้นกันมาตลอดนี่นา กีเขาไม่ได้เรียนหมอหรอกหลังเรียนจบเราก็ไม่ได้เจอกีเหมือนกัน ไม่ได้ข่าวเขาเลย”คำตอบทำให้รัชต์เหมือนหมดแรงเอาเสียดื้อ ๆ
“งั้นเหรอ นี่นามบัตรเรานะถ้ายังไงก็ส่งมาให้เราทางอีเมล์ก็ได้”เขาบอกพร้อมกับยื่นนามบัตรให้เพื่อนสาวสีหน้าของรัชต์ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกร้อนรุ่มในหัวใจเหมือนแผลที่ถูกทิ่มแทงอีกครั้ง ซ้ำรอยเดิม
“จ๊ะ ยินดีเสมอ เราดีใจนะที่ได้เจอรัชต์อีกครั้ง ”ปานใจบอกพร้อมกับส่งยิ้มให้ด้วยสีหน้าอบอุ่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เราก็ดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าเหมือนกัน”ปานยิ้มเจื่อน ๆลงนิดหนึ่งก่อนจะหัวเราะทำสีหน้าสดใสอีกครั้ง
“นั่นสินะ แล้วเราจะอีเมล์ส่งข้อมูลเบื้องต้นไปให้นะ คงไม่ว่าถ้าเราจะโทร.หา”
“จะให้ว่าอะไรละ ดีใจมากกว่า”เขาบอกลาเพื่อนเก่าก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
รัชต์ไม่คิดว่าจะมาเจอเพื่อนเก่าที่นี่เลย นอกเสียจาก เขาอยากเจอยัยแว่นจอมพลังอีกครั้งเพราะเธอคือคู่แค้นของเขาเสมอ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนมันก็เหมือนเรื่องเล่าที่ไม่มีวันจบระหว่างเขากับเธอ ก่อนจะเรียนจบเจ้าหล่อนก็ฝากลูกเตะมหากาฬจนเขาจุกไปหลายชั่วโมง รัชต์หัวเราะทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องพวกนั้น แต่เรื่องก่อนหน้าที่จะถูกเตะนั่นต่างหากที่น่าจดจำกว่าเรื่องอื่น ๆ เรื่องเด็ก ๆ ที่คิดเมื่อไหร่เขาก็ยิ้มออกมาได้ ยอมรับว่าตอนนี้เขาคิดถึงผู้หญิงคนนี้ถ้ามีกีเข้ามาช่วยบางทีเรื่องมันอาจจะง่ายขึ้นก็ได้ เขาก็อยากสะสางเรื่องราวทั้งหมดระหว่างเขากับกีรติ แทบอยากจับตัวเธอมาเขย่าแรง ๆ ถามว่าเธอหายไปไหนมา ตลอดเวลา 7 ปีปล่อยให้เขาตามหาเหมือนคนบ้าไม่มีผิด
ในช่วงเย็นสองวันต่อมารัชต์นั่งอ่านข้อมูลผลชันสูตรซึ่งปานใจส่งอีเมล์มาให้เมื่อเช้านี้ สองวันที่ผ่านมาเขาจมอยู่กับร่องรอยที่พบในห้องพักของน้องสาวไม่ว่าจะเป็นรูปภาพที่ถ่ายไว้หรือว่าเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ การที่ดาวถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพังในห้องพักทำให้เธอเหงาหรือเปล่า เธอมีเพื่อนที่ไหนบ้างมันเป็นการตั้งคำถามของเขาเองแต่สุดท้ายมันก็มาจบลงที่ เรื่องทั้งหมดเป็นเขาเองที่ผิดไม่ดูแลน้องให้ดี แม้ว่าดวงดาวจะย้ายเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯแต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะเข้ามาดูแลอย่างปากพูดเสมอว่ารักน้อง เขาทำทุกอย่างเมื่อมันสายไปแล้ว เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความคิด รัชต์หันไปกดรับแม้ว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่โชว์อยู่หน้าจอนั้นไม่คุ้นซักนิด
“สวัสดีครับ”
“เฮ้ย ไม่ต้องเก๊กเสียงหล่อนะแก ฉันโต้เพื่อนแกไง”เจ้าของเสียงแนะนำตัว คราวนี้รัชต์ถึงกับด่าในใจ…มันจะหาเรื่องไปถึงไหนกันวะ? เขาจำได้ว่าโต้คือเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่เป็นตัวป่วนมาตลอด โต้จะติดต่อเขาอยู่เรื่อย ๆหลังจากเรียนจบจนเมื่อโต้ไปเรียนต่อต่างประเทศ รัชต์ก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย ล่าสุดข่าวคราวที่ได้ก็คือกลับมาถึงประเทศไทยแล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอยู่ดี
“ไอ้บ้า แล้วนี่แกใช้เบอร์ใคร”
“เบอร์สาวๆแถวนี้วะ พอดีฉันมาเที่ยวมาเจอเพื่อนเก่าโดยบังเอิญก็เลยกะว่าโทร.มาชวนแกด้วย ”โต้พูดพร้อมกับขยับตัวหนีคนที่พยายามแย่งโทรศัพท์คืน
“มานะเว้ย ฉันอยู่ที่ร้านบลู ”พูดจบก็วางสายทำให้รัชต์ได้แต่เกาหัวไปมา ก่อนจะลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหากุญแจรถ ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เขาพยายามปล่อยตัวตามสบายที่สุดเพราะถ้ากลับไปทำงานเมื่อไหร่เขาก็จะกลายเป็นมนุษย์บ้างานอีกครั้ง มันก็น่าแปลกที่ช่วงนี้เขาเจอแต่เพื่อนเก่าทั้งนั้น
เมื่อขับรถมาถึงร้านที่นัดหมายไว้เขาก็เดินเข้าไปมองหาเพื่อนหนุ่มทันที ร้านที่ว่านี้เป็นร้านอาหารกึ่งผับ นั่งดื่มแล้วก็ฟังเพลง โต้นั่งดื่มอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน เขานั่งอยู่คนเดียวทั้ง ๆ ที่บอกว่าเจอเพื่อนเก่า
“ว่าไง ”เขาทัก โต้ยิ้มรับการทักทาย
“ได้ยินข่าวเรื่องน้องสาวแกแล้ว เสียใจด้วยนะวะ แต่ฉันไม่ยักรู้ว่านายมีน้องสาว”โต้บอกพร้อมรินเครื่องดื่มให้เพื่อน
“เออ ไม่เป็นไร ดาวเขาอยู่กับพ่อ พ่อกับแม่เราหย่ากันตั้งแต่ฉันยังเด็ก”รัชต์อธิบาย โต้พยักหน้าเข้าใจ
“แล้วนี่แกทำงานอะไรอยู่ได้ยินข่าวว่าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศไม่ใช่เหรอ”รัชต์ถามเพื่อนคืนบ้าง
“เออ เรียนเพิ่งจบพวกแกนำฉันไปสามปีแล้วนี่หว่า ฉันก็จะมาเริ่มทำงานให้ป๊า แล้วงานแกเป็นไงบ้าง”
“ก็ไปได้ดีแต่ตอนนี้ฉันลาพักร้อน แล้วที่แกบอกว่าเจอเพื่อนเก่านี่ใครวะ”
“อ้อ ไอ้กีไง เมื่อกี้คุยกันอยู่แต่ตอนนี้ไปทำงานแล้ว ”
“ทำงาน?”
“เป็นนักร้องอยู่ที่นี่ ”คำตอบนั้นยิ่งทำให้เขางงไปใหญ่ อย่างกีน่ะหรือจะเป็นนักร้อง เสียงเพลงที่เริ่มดังขึ้นบนเวทีทำให้รัชต์และโต้หันไปมอง ผู้หญิงร่างสูงโปร่งสวมเสื้อยืดรัดรูปกับกางเกงยีนส์ผมสีน้ำตาลยาวประบ่าขับให้ใบหน้าสวยกระจ่างใสขึ้น รัชต์ได้แต่อ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่ายัยแว่นที่เคยเป็นคู่แข่งตอนเรียนจะมีบุคลิกที่เปลี่ยนไปอย่างนี้
“เป็นไงวะ ไม่น่าเชื่อใช่ไหมละ ฉันเองยังเกือบไม่เชื่อ ตอนแรกก็จีบเพราะไม่คิดว่าจะเป็นมันที่ไหนได้มันใช้ไม้ตายที่เคยทำตอนเรียนตบบ่าฉันซะเกือบหลุดถึงได้จำได้ ”โต้เหลือบมองสายตาของเพื่อนที่ยังคงค้างอยู่ที่เวที
“เอ้อ เอ่อ ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกันนั่นแหละ” รัชต์เอ่ยออกมาเหมือนกับเพ้อ โต้อมยิ้มมองเพื่อนชายที่มองเพื่อนเก่าอยู่บนเวทีด้วยสายตาที่แปลกไป สมัยก่อนทั้งคู่เป็นเหมือนคู่ปรับกันมาตลอดทั้งเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องกิจกรรม โต้เป็นเพื่อนที่เข้าได้ทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กเรียนอย่างรัชต์หรือเด็กต๊อง ๆ อย่างกีเพราะเขาไม่ค่อยเป็นศัตรูกับใคร การคบเพื่อนอยู่ที่ความพอใจของเขามากกว่า เมื่อเธอร้องเพลงจบก็มีหนุ่มหลายโต๊ะส่งแก้วเครื่องดื่มให้หญิงสาวได้แต่ยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้ามาหาเพื่อนหนุ่มทั้งสองคน เธอส่งยิ้มให้รัชต์ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม
“หวัดดี เป็นไงบ้างไม่เจอกันนานเลยนะ”เธอทักทายเป็นประโยคแรก รัชต์ยิ้มให้ เขาประหม่ามากกว่าเพราะกีในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อครั้งที่เรียนด้วยกัน เธอกลายเป็นสาวสวยหน้าตาน่ารักไม่มีเค้าความเป็นเด็กเรียนอย่างเช่นเก่าเลยแม้แต่น้อย
“ใช่เกือบเจ็ดปีเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าเธอจะมาทำงานแบบนี้” รัชต์ถามตรงเสียจนโต้ต้องสะกิดเบา ๆ
“อืม ใช่ มันเป็นเรื่องที่เราเพิ่งค้นพบตัวเองน่ะ เราชอบเราก็ทำ ไม่เห็นแปลกเลย แล้วนายละทำอะไรอยู่”เธอถามคืนสีหน้าแจ่มใสไม่มีวี่แววความโกรธซักนิด สิ่งนี้เองที่ทำให้รัชต์แปลกใจเขาคิดว่าเธอน่าจะโกรธเหมือนครั้งที่เรียนด้วยกัน ถ้าไม่พอใจกีรติจะถล่มเขาทันทีแต่นี่ไม่ใช่ เธอแปลกไป ดูสุขุมมากขึ้น
“ก็ ลาพักร้อนอยู่ตอนจบเธอก็รู้นี่เราติดวิศวะฯ ตอนนี้เป็นวิศวกรอยู่ที่บริษัทรับเหมาก่อสร้าง”
“สมแล้วละที่เป็นนาย ฉันมันศิลปินเพิ่งค้นพบตัวเอง เออ พักร้อนอยู่เหรอพอดีเลยไอ้โต้มันก็กลับมาจะได้มีเพื่อนคุยเพื่อนเที่ยวเสียหน่อย ”แม้ว่าหน้าตากีจะสวยขึ้นแต่ท่าทางเป็นทอมบอยของเธอก็ยังอยู่ นั่นทำให้รัชต์ได้แต่อมยิ้ม
“แต่เรามีโปรแกรมอยู่แล้ว ”คำตอบของรัชต์ทำให้กีหยุดชะงัก
“นายนี่ถนัดทำให้คนเขาหมดอารมณ์กันจริง ๆ นะรัชต์”
“เมื่อวานไอ้นัทมันยังพูดถึงเธออยู่เลย วันนี้ฉันได้เจอเธอซะแล้ว เธอนี่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ยังกับผี”
“ก็ไม่แน่นะ ฉันอาจจะเป็นอย่างที่นายว่าก็ได้”
“เฮ้ย!!! นี่พวกแกคุยอะไรกันวะ พูดแล้วเสียวสันหลัง เปลี่ยนเรื่อง ๆ “โต้แย้งเพื่อนทั้งสองคนก่อนที่เรื่องจะเดินทางไปไกลกว่านั้น
“สมกับที่เป็นคู่ปรับเก่ากันจริง ๆ นะเว้ย”รัชต์ยิ้มเมื่อได้ยินประโยคนั้นแต่อีกคนกลับทำหน้าเบื่ออย่างเห็นได้ชัด
“ฉันไม่เห็นอยากจะเป็นคู่ปรับซะหน่อย เออพูดถึงนัท เขาเป็นไงบ้าง วันที่เจอกันเราก็รีบ ๆ เลยไม่ได้ทักทายอย่างเป็นทางการเลย”
“นัทธีทำงานอยู่ที่บริษัทโฆษณาอย่างที่มันชอบนั่นแหละ ถ้าว่างพร้อม ๆ กันเดี๋ยวโทร.นัดมากินข้าวด้วยกันวันนี้เห็นมันบอกว่าจะไปถ่ายงานที่พัทยาน่ะ”รัชต์อธิบาย กีพยักหน้ารับ โต้พยายามจับสังเกตปฏิกิริยาของคนทั้งคู่อยู่เรื่อย ๆ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้อะไร ทุกอย่างมันมีอะไรซ่อนอยู่เสมอ แม้แต่จิตใจของคน
“เอ้า ตามสบายเลยนะเดี๋ยวเราไปทำงานก่อน”กีบอกแล้วลุกขึ้นเดินออกไปที่หลังร้าน รัชต์จึงหันกลับมาคุยกับโต้อีกครั้ง พอเจอกีรติเข้าจริง ๆ เขากลับไม่กล้าที่จะทำอย่างคิด ได้แต่แอบมองความเปลี่ยนแปลงอยู่เงียบ ๆ บางที กีรติอาจจะลืมคำถามของเขาไปแล้ว
“พ่อแกเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยอยู่ใช่ไหมวะ ”รัชต์ถามโต้เพื่อความแน่ใจ เขารู้ว่าน้องสาวเรียนที่นั่นเป็นการดีที่จะเริ่มสืบจากเพื่อน ๆ คนสนิทของดาว
“เออ เพราะเรื่องนี้แหละมันกลายเป็นปมด้อยของฉันมาตลอด พ่อเป็นนักการศึกษาแต่ฉันกลับโง่เรียนซ้ำชั้น”
“ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่อยู่ในท้องหรอกวะ อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ความผิดแกเสียหน่อย ที่แกไม่ได้ชอบอาชีพนั้น ”รัชต์ปลอบใจเพื่อน โต้ได้แต่ยิ้มจืด ๆ
“มันก็ใช่ แต่แกไม่ใช่พ่อฉันนี่หว่า จะได้เข้าใจฉัน”โต้ตอบเพื่อนในแบบที่รัชต์ได้แต่ยิ้มเพราะมันก็เป็นเรื่องจริงที่เขาเองก็ช่วยเพื่อนไม่ได้เหมือนกัน เรื่องนี้เขารู้มาตั้งแต่เรียน โต้ไม่ค่อยถูกกับพ่อนัก ทำให้ตั้งแง่ซึ่งกันและกันอยู่เสมอ
“พอดีฉันอยากตามหาเพื่อนสนิทของน้องสาวฉันแกพอจะช่วยฉันได้ไหมวะ”
“ได้ๆ บอกชื่อน้องสาวแกมาสิเดี๋ยวฉันตามให้”
“เป็นความลับนะ ”รัชต์ต่อรอง ทำให้เพื่อนทำหน้าแปลกใจ
“เพราะเรื่องนี้ฉันกลัวว่าถ้าเป็นอย่างที่ฉันคิด เรื่องการตายของน้องสาวฉันไม่ธรรมดาแน่ๆ “ คำตอบนั้น โต้นิ่งคิดอยู่นาน
“หมายความว่า น้องสาวแกอาจจะไม่ได้ฆ่าตัวตายอย่างที่ข่าวบอกงั้นเหรอวะ”รัชต์พยักหน้ารับ
“โอเค ฉันจะช่วยแก ”รัชต์ยิ้มกว้างยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อน
“ขอบใจวะ”รัชต์บอกด้วยความรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ในตอนนี้เขาเหมือนกับลูกโป่งที่ยังหาจุดหมายไม่เจอ ทุกอย่างเคว้งคว้างไปหมดกว่าจะรวบรวมข้อมูลได้ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่ รัชต์นั่งคุยกับโต้จนถึงเวลาร้านปิดเขาตั้งใจยืนรอกีเพราะอะไรไม่รู้แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่เต็มที่กับการได้เจอ เป็นการรอคอยที่นานมากแต่พอเจอเข้าจริง ๆเขากลับพูดอะไรไม่ค่อยออกเหมือนสั่งการอะไรสมองหรือปากไม่ได้เลย เมื่อถึงเวลาเลิกงานกีเดินออกมาจากร้านพอดีกับผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
“กี ”เสียงทุ้มนั้นทำให้เธอสะดุ้ง เธอรู้จักเขาดีเพราะเป็นลูกค้าที่เข้ามาเที่ยว ตั้งแต่ต้นปีเขาก็แวะเวียนมาหาเธอเสมอ ซึ่งนอกเหนือจากนั้นกีรติรู้ว่าเขามีจุดหมายอะไร
“พี่ซีมีอะไรเหรอ”
“พี่ขอไปส่งเรานะมันดึกแล้ว พอดีพี่ไปเจอเพื่อนมาเลยไม่ได้แวะมาฟังกี”เขาอธิบายแม้จะรู้อยู่ว่ากีไม่ได้สนใจจะอยากรู้สักนิด
“เอ่อ กีนัดเพื่อนไว้น่ะคะไว้วันหลังนะ”เธอเลี่ยงก่อนจะมองหาเพื่อนที่ว่า .สายตาก็ไปสะดุดที่เพื่อนจริง ๆเธอรีบวิ่งไปหารัชต์ซึ่งกำลังจะเปิดประตูรถ
“รัชต์ๆ”ชายหนุ่มหันไปมองตามเสียงก็เห็นกีวิ่งกระหืดกระหอบมาหา
“อะไร?”
“ไปด้วยคน ”เธอกระซิบเสียงเบา รัชต์ขมวดคิ้วสงสัยในพฤติกรรมของเพื่อนเก่า หญิงสาวรีบยกมือขึ้นแอบไหว้ขอร้องเขา
“เหอะนะ ช่วยทีนะเพื่อน”พูดจบเธอก็หันไปทางซีที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล
“ไปแล้วนะคะพี่ ขอบคุณค่ะ”พูดจบเธอก็ดันเพื่อนเข้าไปในรถส่วนตัวเธอก็รีบอ้อมไปขึ้นอีกด้าน
“ขอบใจนะ ”รัชต์ทำหน้างงก่อนจะออกรถไป ซีมองตามคนทั้งสองแล้วเดินกลับไปที่รถของตัวเอง เขาเฝ้ากีมาตลอดสี่เดือนแต่เธอก็ไม่มีท่าทีที่จะชอบเขาเลยยิ่งตอนนี้มีไอ้หน้าอ่อนที่ไหนก็ไม่รู้มาขัดมันยิ่งทำให้เขาโมโห แรกเริ่มเดิมทีเขาทำหน้าที่แอบเฝ้ามองกีรติอยู่เงียบ ๆ แต่ตอนนี้ ความรู้สึกมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปแน่ ๆ เพราะถ้าเขาได้เป็นคนรักของกีรติ หน้าที่การงานจะก้าวหน้าโดยเร็ว ไม่ต้องเป็นแค่ คนเฝ้าดู อย่างที่เคยเป็น แต่ความรู้สึกจริง ๆ ของเขามีมากกว่านั้น
“หนีเจ้าหนี้เหรอไง”รัชต์หันมาถามเมื่อขับรถออกมาได้ซักระยะหนึ่งแล้ว
“ไม่มีหรอกน่า แค่โจทก์ที่ไม่อยากเจอเท่านั้นเอง” คำตอบของเพื่อนเก่าทำให้เขาอมยิ้ม ไม่แปลกหรอกที่กีจะมีคนมาชอบเธอไม่ได้เป็นยัยแว่นเหมือนเมื่อตอนที่เรียนมัธยม เธอกลายเป็นสาวสวยน่ารักคนหนึ่งไปแล้ว
“แล้วบ้านเธออยู่แถวไหนเดี๋ยวฉันไปส่ง”
“เออ ขอบใจนะ นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว”อาการยิ้มแป้นหลังจากตอบคำถามนั้นทำเอารัชต์หัวเราะออกมาได้เมื่อขับรถมาถึงหน้าตึกหอพักที่กีบอกทางมานั้นรัชต์ถึงกับชะงักเพราะมันเป็นหอพักเดียวกับที่น้องสาวเขาอยู่
“เธออยู่มานานหรือยัง”
“สองเดือน ทำไมเหรอ ”
“อ่า พอดีน้องสาวฉันอยู่ที่นี่ ”
“อ้าว!!เหรอ ไม่น่าเชื่อเลยว่าโลกจะกลมดิ๊กขนาดนี้แล้วอยู่ห้องไหนละเผื่อฉันเจอจะได้ทักทายบ้าง”
“เธอไม่เจอหรอก เพราะเขาไม่อยู่แล้ว มาส่งเธอก็ดีเหมือนกันฉันจะได้นอนที่นี่เลย ”รัชต์บอกพร้อมกับลงจากรถเดินนำเธอขึ้นไปบนตึก กีมองตามหลังรัชต์ที่พาเธอขึ้นไปบนตึกด้วยความแปลกใจ
“แล้วน้องนายไปไหนเหรอ ”
“ดาว..ตายแล้ว..เธอ..ฆ่าตัวตาย”คำตอบนั้นทำให้กีหยุดชะงัก เธอรู้เรื่องนี้มาคร่าว ๆ เช่นกันเพราะวันเกิดเหตุเธอนอนหลับอยู่ในห้องจนต้องตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงตำรวจและกู้ชีพทำให้ต้องลุกจากที่นอนทั้ง ๆที่เพิ่งจะหลับไปได้ไม่กี่นาที
“น้องสาวนายอย่างนั้นเหรอ ฉันขอโทษนะไม่คิดว่า”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันกำลังตามหาความจริงอยู่แม้ว่าคนอื่นจะบอกว่าบ้าก็ตาม”
“น้องสาวนายไม่ได้ฆ่าตัวตายใช่ไหม ”คำถามนั้นทำให้เขาหันกลับมามองเพื่อนสาวอีกครั้ง ไม่มีใครพูดประโยคนี้ ไม่มีใครเชื่อเขา แต่กีกลับถาม
“เธอคิดอย่างนั้นเหรอ ”
“ก็ฉันเห็น เอ่อ สภาพศพท่าทางผิดธรรมชาติ มือสองข้างถูกบิดไปด้านหลังแล้ว ใครที่จิตปกติจะกระโดดหน้าต่างผูกคอตายบ้าง มันก็แค่ความคิดแผลง ๆของฉันเอง อย่าเอาไปคิดมากนะเพื่อน เอ่อ เราขอตัวไปนอนดีกว่า ”กีบอกลาเพื่อนโดยเร็วเพราะกลัวจะทำให้เขารู้สึกไม่ดี
“ฉัน ก็เชื่ออย่างนั้น เธอช่วยฉันได้ไหม ”รัชต์ถาม
“หา?”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของกีรติออกจะแปลกใจจริง ๆ
“ช่วยฉันสืบเรื่องนี้ได้ไหม”รัชต์ย้ำคำถามนั้นอีกครั้ง
“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน?”
“เพราะเธอไม่เหมือนคนอื่นยังไงละ ฉันเชื่อว่าเธอจะช่วยฉันได้นะกี ”คำตอบนั้นเหมือนกับตรึงสายตาของหญิงสาวไว้ที่ชายหนุ่ม ไม่มีใครเชื่อมั่นเธอได้ขนาดนี้ รัชต์เป็นคนแรกที่ทำอย่างนี้ เขาคือคนแรก
โตมรนั่งมองอ่างปลาทองในห้องส่วนตัวด้วยความรู้สึกบางอย่าง ตอนนี้ความคิดของเขาล่องลอยไปไกลเกินกว่าจะดึงกลับมาได้ เขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่พยายามที่จะช่วยเหลือเพื่อนให้ถึงที่สุด หากย้อนอดีตกลับไปได้เขาอยากแก้ไขเรื่องราวไม่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้มันเป็นได้เพียงความคิดเท่านั้นเอง ตอนนี้เขาต้องจัดการกับอนาคตมากกว่า
หลังจากกลับมาถึงแผ่นดินเกิดเขามาหากีรติเป็นสิ่งแรกที่ทำ เธอยังคงปิดตัวเงียบแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้ว่า เธอไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยก็คือ กีรติตามข่าวของรัชต์อยู่เสมอ เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ทำให้กีรติเปลี่ยนเส้นทางหัวใจเหมือนกับเส้นทางของชีวิตเลยแม้แต่น้อย วันนี้เขาจึงโทรศัพท์ไปรัชต์โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ถ้าสิ่งนี้จะช่วยให้กีรติมีความสุขขึ้นมาบ้างในช่วงเวลาที่มีน้อยนิด ใครจะหาว่าเขาโง่ก็ตาม แต่ความรักของเพื่อน มันก็ทำให้ได้แค่นี้
ภาพในอดีตยังคงติดตรึงในหัวใจเขาค่ำคืนนั้นที่พ่อยืนนิ่งอยู่กลางห้องตกใจกับสิ่งที่เขาพูดออกมา หลังจากที่เขี่ยวเข็ญให้เขาทำตามคำสั่งมานานวันซึ่งไม่ได้มีผลกับเขาเลยซักนิด แต่วันนั้นเขากลับยอมรับข้อแม้มันโดยง่ายเพื่อเพื่อน เพื่อกีรติ
“แกพูดจริง ๆ งั้นหรือ ที่บอกว่าจะไปเรียนต่อบริหาร”น้ำเสียงตื่นเต้นของพ่อที่เปล่งออกมาเหมือนมีดใบใหญ่ที่คอยเฉือนหัวใจคนฟังทีละนิด
“ครับ”เขาตอบรับหนักแน่นแม้แววตาจะเศร้าสลดลงไปเปลวไฟแห่งฝันมันได้มอดลงไปในทันทีที่พูดประโยคนั้นออกมา
“นี่มันเป็นเพราะอะไร หรือว่าเพราะเด็กคนนั้น”คำถามนี้พ่อของเขาน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว
“ผมมีข้อแม้ ถ้าผมไปพ่อต้องช่วยกี พ่อต้องช่วยเธอ ”
“พ่อเขาก็ทำได้นี่ ทำไมยังต้องให้เราช่วยอีกเล่า ”
“แต่ถ้าพ่อช่วย กีต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ พ่อรู้จักคนเยอะ ผมยอมพ่อทุกอย่าง แค่ช่วยกีก็พอ”
“ไม่นึกว่าแกจะยอมถึงขนาดนี้ เด็กคนนั้นมันสำคัญกับแกขนาดนั้นเชียวเหรอ ทั้ง ๆ ที่แกบอกว่าไม่ชอบบริหารอยากเรียนศิลป์ไม่ใช่หรือไง ”
“….”ไม่มีคำตอบออกจากปากของชายหนุ่ม เขาคิดดีแล้วที่จะแลกทุกอย่าง อนาคตของเขา แลกกับอนาคตของกีรติ
โตมรวางหินลงไปในอ่างน้ำหนึ่งก้อน หินสีขาวค่อย ๆ ตกลงไปสู่พื้นอ่างปลา น้ำเกือบจะล้นออกมาแล้ว แต่มันก็ยังไม่ล้นทะลักออกมาเหมือนกับความรู้สึกของเขาตอนนี้ที่มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ถึงกับทุรนทุราย ความเป็นเพื่อนไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดแต่ความรักที่มีในหัวใจต่างหากที่ทำให้เขาเจ็บปวด ความรักไม่ใช่แค่การครอบครอง ความรัก สำหรับเขาแล้วคือการทำให้เธอมีความสุข นั่นคือสิ่งที่เขาต้องทำ !!
////////////////////////
“ลาออก!!” เสียงตะโกนด้วยความตกใจดังออกมาจากห้องทำงานของผู้จัดการทำให้พนักงานอื่น ๆ ที่ทำงานอยู่ด้านนอกต่างหันมามองเป็นจุดเดียว เงี่ยหูฟังเรื่องกันอย่างตั้งใจ บ้างก็วิ่งเข้าไปเอาหูแนบกับประตูห้องเสียอย่างนั้นเพราะทุกคนรู้ว่าในห้องของผู้จัดการมีวิศวกรหนุ่มรูปหล่อฝีมือดีอยู่ในนั้นด้วย
“ครับ”เสียงรับคำนั้นหนักแน่นไม่มีวี่แววของการลังเลเลยแม้แต่น้อย ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามได้แต่หมุนปากกาไปมาพลางคิดเรื่องของหนุ่มรุ่นน้องไปด้วย หลังจากที่รัชต์ลาพักไปเกือบหนึ่งเดือน เมื่อกลับมาทำงานเช้าวันนี้ กลายเป็นว่ารัชต์ยื่นใบลาออกแทน ปราโมทย์เข้าใจดีว่าหนุ่มรุ่นน้องคนนี้กำลังเสียใจเรื่องของน้องสาวที่เพิ่งเสียชีวิตไปแต่ก็ควรไม่มากมายจนถึงขั้นลาออกจากงาน นอกเสียจากรัชต์จะไม่เชื่อผลการสันนิษฐานของตำรวจและตั้งใจที่จะทำอะไรบางอย่าง
“พี่รู้ว่ามันทำใจยากแต่ลาออกไปแล้วแกจะไปทำอะไร พี่เองก็เสียดายฝีมือของแกนะรัชต์ เอาเป็นว่าพี่ให้แกลาพักร้อนอีกสามเดือนเลยเอ้า! สบายใจค่อยกลับมายังไงพี่ก็ไม่ยอมให้แกลาออก แกทำงานกับพี่มาตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทใหม่ ๆเป็นเหมือนพี่น้องกัน ตอนนี้เรากำลังไปได้ดีแกจะลาออกเพราะเรื่องนี้ไม่ได้นะเว้ย เห็นแก่พี่นะรัชต์..อยู่ต่อ”วิศวกรหนุ่มถอนใจเมื่อสบสายตารุ่นพี่ เขาเองก็เสียดายงานนี้เช่นกันแต่ว่าถ้ายังทำงานอยู่เขาก็ไม่สะดวกที่จะตามหาความจริงอย่างที่ตั้งใจไว้
“ก็ได้ครับ งั้นผมขอลาพักร้อนละกันครับ”
“แกจะไปพักร้อนก็พักจริง ๆ นะเว้ย อย่าคิดที่จะทำอะไรแปลกๆ บางอย่างถ้ามันเห็นทางตันก็อย่าฝืนมันนัก ตำรวจเขาสรุปว่าดาวฆ่าตัวตายก็น่าจะเป็นอย่างนั้น พี่เข้าใจแกดีนะรัชต์ว่าแกรักน้องแต่มันสายเกินไปแล้วที่จะทำอะไรอีก”ปราโมทย์เอ่ยเตือนน้ำเสียงผ่อนคลายลงมาก รัชต์พยักหน้ารับ ใช่ มันสายไปแล้วจริง ๆที่จะกลับมาดูแลน้องสาว
รัชต์เดินออกมาจากห้องเจ้านาย เขานั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเองพร้อมกับควักเอารูปครอบครัวจากกระเป๋าเงินออกมาดู เด็กหญิงผิวขาวผมดำยาวสยายเต็มบ่าใบหน้าสดใส ดวงตาเป็นประกายยิ้มหวานแขนบางโอบกอดผู้เป็นแม่ส่วนเขาเป็นหนุ่มน้อยวัยรุ่นผมเกรียนสั้นยืนอยู่ข้างพ่อเป็นรูปครอบครัวใบเดียวที่สดใสที่สุดที่เขามี รัชต์กับดาวโตมาในครอบครัวเดียวกันก็จริงแต่หลังจากที่พ่อแม่หย่าร้างกัน ดาวไปอยู่กับพ่อซึ่งก็คงไม่ค่อยมีเวลาดูแลทำให้ติดเที่ยวมากกว่าจะเรียนหนังสือ ส่วนรัชต์หลังจากพ่อกับแม่หย่ากันก็ไม่ได้ติดต่อกับน้องสาวอีกเลย
เขาคิดส่วนหนึ่งก็เป็นความผิดของเขาเอง เสียงล่าสุดที่ได้ยินจากปากของดาวก็คือ เธอโทรศัพท์มายืมเงินเขาเกือบสองหมื่นซึ่งเขาเองก็ไม่เห็นความจำเป็นที่เด็กเรียนมหาวิทยาลัยจะต้องใช้ ยิ่งเขารู้ข่าวจากเพื่อนเสมอว่าเห็นน้องสาวเขาตามสถานบันเทิงต่าง ๆ อยู่เนือง ๆ ทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่ให้เงินจำนวนนั้น แต่หลังจากนั้นสามวัน เขาก็ได้รับโทรศัพท์อีกครั้งแต่คราวนี้จากตำรวจแจ้งว่าพบศพน้องสาวกระโดดตึกห้องพักฆ่าตัวตาย
ตำรวจลงความเห็นว่าเธอฆ่าตัวตายหนีหนี้จากการยืมเงินนอกระบบ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ เขาเห็นร่างน้องสาวห้อยตัวอยู่นอกหน้าต่าง ลำตัวผูกติดกับเชือกที่ผูกกับลูกกรงอีกทอดหนึ่ง ร่างกายมีเพียงยกทรงกับกางเกงขาสั้น มันผิดปกติวิสัยสำหรับคนที่จะฆ่าตัวตาย ดังนั้นจึงคัดค้านการเผาศพน้องสาวมีเพียงการทำพิธีโดยเผารูปและเสื้อผ้าของดาวแทนร่างกายของเธอตามพิธีทางศาสนา รัชต์ติดต่อให้หมอที่เชี่ยวชาญช่วยชันสูตรศพของดาวอีกครั้งเพื่อให้ได้หลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย คำร้องของเขาได้ผล หวังว่ามันจะทำให้เขาได้ความกระจ่างอะไรบ้าง
ช่วงเย็นของวันหนึ่งรัชต์ขับรถมาถึงร้านอาหารที่เป็นร้านประจำของเขาแลเพื่อนสนิท หลังจากโทรศัพท์นัดหมายกันไว้ เมื่อมาถึงเขาก็นั่งลงที่โต๊ะตัวเดิมในร้าน เพื่อนสนิทที่ว่านี้ก็คือ นัทธี เพื่อนสมัยเด็กเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยมปลายแต่พอเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยก็แยกกันเรียนตามที่ตัวเองใฝ่ฝัน นัทเป็นเพื่อนคนเดียวที่เขาสนิทที่สุดและเป็นที่พึ่งของเขามาตลอด ไม่ว่าจะร้ายจะดีแค่ไหน นัทธีก็อยู่เคียงข้างเขาเสมอมา
“เฮ้ย ไงวะรอนานไหม”เสียงทุ้มนั้นเป็นของนัทธี นัทธีเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงได้สัดส่วนรูปร่างหน้าตาดี ผิวขาวละเอียดแต่ติดที่ชอบทำหน้า’เฉย’ เลยทำให้เขากลายเป็นหนุ่มผู้เงียบขรึมและไม่น่าหลงใหล นั่นเป็นฉายาของ นัทธีสมัยเรียนมัธยมปลาย
“เออ ไม่นานแล้วยังไงวะมาสายกว่าปกติ ไหนแกบอกว่าอยู่แถวนี้ไง”รัชต์ทักเพราะตอนที่คุยกันทางโทรศัพท์นัทธีบอกว่าเขาอยู่แถวร้านอาหารพอดิบพอดี
“ติดไปเจอคน ๆ หนึ่งเข้า นี่แกจำยัยแว่นเพื่อนห้องเราได้ไหมวะ”นัทธีรู้ว่าการเอ่ยถึงผู้หญิงคนนี้จะทำให้เพื่อนชายตื่นเต้นมากแต่ก็อดใจไว้ไม่อยู่จริง ๆ
“แว่นไหนวะ”ฉายาที่ไม่ได้พูดถึงมานานถึงเจ็ดปีทำให้ต้องมีการรื้อฟื้นความทรงจำกันอีกครั้ง
“ก็..กีรติไงสมัยนั้นเราล้อว่าเธอเป็นยัยแว่นจอมพลัง”รัชต์พยายามนึกถึงหน้าของเพื่อน ๆ สมัยเรียนมัธยมจนนึกถึงยัยหน้าหมวยใส่แว่น ผมยาว ท่าทางโก๊ะๆที่มักจะกวนประสาทเขาเสมอ แถมยังชอบทำอะไรตัดหน้าเขาประจำ ยิ่งเรื่องการเรียนด้วยแล้วเธอคือคู่แข่งอันดับหนึ่งของเขาเลยละ จนเมื่อเรียนจบมันก็เปลี่ยนไป พอคิดได้หัวใจเขาก็เริ่มเต้นแรงขึ้น
“อ้อ..ยัยแว่นบ้าพลังน่ะเหรอ แกไปเจออยู่ไหนวะ”รัชต์สีหน้าตื่นเต้น
“แถวนี้แหละ พอดีเห็นที่ร้านถ่ายรูปด้านหน้านี่แหละ เขาไม่ได้ใส่แว่นแล้วนะเว้ย หน้าตาน่ารักใช่ย่อย แต่ยังแต่งตัวประหลาดเหมือนเดิม ถามว่าทำอะไรอยู่ก็บอกว่าว่างงาน ทั้ง ๆที่จริงตอนจบมัธยมฉันได้ยินว่ายัยนี่เอนท์ติดหมอนี่หว่า แต่ทำไมถึงได้บอกว่าว่างงาน”นัทธีแม้จะรู้ว่าเพื่อนรอคอยเวลานี้มานานแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็พยายามที่จะไม่ตื่นเต้น ไม่ส่งเสริมให้เพื่อนออกไปตามหาผู้หญิงคนนี้อีก ในเมื่อเธอจากไปแล้ว กลับมาทำไมตอนนี้
“ถ้าไม่ประหลาดก็คงไม่ใช่หล่อนหรอก”รัชต์พูดตาลอย มือจับแก้วในมือแกว่งไปมาเหมือนกับคิดอะไรอยู่
“เออวะ ใช่อย่างที่แกพูดนั่นแหละ”นัทหัวเราะก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วเรื่องดวงดาวเป็นไงบ้าง”
“พรุ่งนี้ฉันนัดหมอที่ช่วยชันสูตรไว้ จริง ๆ เขาก็ไม่อยากช่วยฉันนักหรอกแต่พอดีพี่หนุ่มเจ้านายฉันช่วยติดต่อให้ ”นัทพยักหน้ารับพลางคิดถึงเรื่องที่เพื่อนหนุ่มมีปัญหาอยู่ ไม่มีใครเชื่อรัชต์นอกจากเขา
“เรื่องที่แกขอร้องให้ฉันช่วยน่ะ ฉันสืบมาแล้วน้องแกน่ะเป็นเด็กเที่ยวพอสมควร เห็นว่าเขาไม่ค่อยอยู่ที่ห้องพักเท่าไหร่คนแถวนั้นเขาบอกว่าดาวจะมาพักแค่ช่วงวันจันทร์ถึงวันพุธเท่านั้นเอง”
“งั้นเหรอ แล้วช่วงที่เขาหายไป เขาหายไปไหน?”
“นั่นสิ ไม่มีใครรู้เลยเพื่อน ๆที่รู้จักดาวในหอพักก็ไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย แล้วพ่อแกว่าไงบ้างวะ”
“ท่านกลับไปทำงานที่เชียงใหม่แล้ว พ่อฉันก็คงยืนยันเหมือนที่ตำรวจบอก”
“แล้วทำไมแกไม่เชื่อเหมือนพ่อกับตำรวจละวะ”
“ฉัน ไม่รู้ เหมือนกับ ดาวไม่อยากให้ฉันเชื่อ ”คำตอบของรัชต์ทำให้นัทถึงกับขนลุกวาบได้แต่ลูบแขนตัวเองเบา ๆ
“พูดบ้า ๆนะแก ดูสิขนลุกหมดแล้ว”รัชต์หัวเราะมองหน้าเพื่อนหนุ่ม เขาเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงเชื่ออย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะเขาคิดมากไปเองก็ได้เหมือนอย่างที่พ่อกับแม่บอก เขาอาจจะคิดมากไปเอง แต่สภาพการณ์หลายอย่างมันทำให้เขาคิดอย่างนั้น ดาวไม่ได้อยากฆ่าตัวตายเองอย่างแน่นอน
เช้ารัชต์ตื่นขึ้นมาอาบน้ำเตรียมตัวไปหาหมอชันสูตรศพของดาวอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจและได้เบาะแสเพิ่มเติมถึงแม้จะถูกกล่าวหาว่าคิดมากอีกก็ตาม เมื่อขับรถมาถึงโรงพยาบาลรัชต์ก็ตรงไปที่แผนกนิติเวช
“ขอโทษฮะ ผมมาพบคุณหมอพนาครับ” รัชต์บอกพยาบาล พอดีกับหมอสาวคนหนึ่งเดินออกมาเจอเขา คุณหมอจ้องหน้าเขานานก่อนจะร้องทักขึ้น
“รัชต์ ใช่รัชต์หรือเปล่า” รัชต์ทำหน้าแปลกใจ พยายามนึกว่าเคยเห็นหน้าหญิงสาวที่ไหนแม้จะคุ้นแต่ก็จำไม่ได้
“ปานไง เราเป็นหัวหน้าห้องตอนเรียนมัธยมไง ”คราวนี้รัชต์ร้องอ๋อขึ้นมาทันที
“ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่เลย”
“เราเป็นหมอที่แผนกนิติเวช แล้วรัชต์ละมาทำอะไรที่นี่”
“เรามาพบคุณหมอพนาพอดีมีเรื่องรบกวนท่านน่ะ ”
“อ๋อ คุณหมอพนาให้เราดูแลแทนท่านติดประชุมด่วน เรื่องชันสูตรศพ เอ่อ..ดวงดาว โทษนะเธอเป็นอะไรกับรัชต์เหรอ”
“เป็นน้องสาวน่ะ”
“อ๋อ งั้นตามเราเข้ามาเลย”ปานเดินนำไปที่ห้องเก็บศพซึ่งเธอได้ทำการชันสูตรไปแล้วในช่วงเช้าที่ผ่านมา
“จากที่เราชันสูตรก็มีข้อน่าสงสัยอยู่เหมือนกันแต่ถ้าจะให้บอกว่าเธอฆ่าตัวตายจริงหรือเปล่าก็คงจะฟันธงอย่างนั้นตอนนี้ไม่ได้ต้องรอผลพิสูจน์บางอย่างก่อน แต่ที่แน่ ๆ น้องดวงดาวเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหรือก็คือจากการผูกคอตัวเองจริง ๆ แต่ในช่องคลอด มีคราบอสุจิอยู่บางส่วนที่แขนมีรอยช้ำซึ่งอาจจะเกิดจากการกระแทกช่วงที่กระโดดจากขอบหน้าต่าง ตอนนี้เราบอกได้แค่นี้ รอพรุ่งนี้จะส่งข้อมูลบางส่วนให้อีก เอ่อ แล้วทำไมถึงได้คิดว่าน้องสาวของนายไม่ได้ฆ่าตัวตายละ”ปานใจหันกลับมาถามเพื่อนหนุ่มอย่างเสียไม่ได้เพราะน้อยคนนักที่จะดันทุรังส่งเรื่องมาที่นิติเวช นอกเสียจากตำรวจสันนิษฐานว่าเกิดจากการฆาตกรรรมจึงส่งให้นิติเวชตรวจสอบอีกครั้ง ยิ่งถ้าเกิดอยู่ต่างจังหวัดแทบจะไม่มีคดีฆาตกรรมอำพรางเลยเพราะสุดท้ายแล้วตำรวจก็จะลงสรุปว่าฆ่าตัวตายหรือเกิดจากอุบัติเหตุ
“เปล่าหรอก ฉันอยากให้แน่ใจ”รัชต์ตอบพลางคิดถึงเรื่องสมัยเรียนมัธยม เขาจำได้ว่าปานใจกับกีรติหรือยัยแว่นจอมพลังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน…แถมอยู่ในชมรมนักสืบด้วยกันอีกต่างหาก ชมรมที่เขาคิดว่ามันไร้สาระที่สุด ทว่าตอนนี้เขานึกอยากย้อนกลับไปอดีตเพื่อเข้าไปอยู่ในชมรมนั้น บางทีเขาอาจจะได้เบาะแสอะไรบ้าง ไม่มืดแปดด้านอย่างตอนนี้
“อ้อ จำได้ว่าปานเป็นเพื่อนกับกี แล้วกีละเห็นว่าเอนท์ติดหมอเหมือนกันนี่ ”คำถามนั้นทำให้ปานใจหน้าเจื่อนลง
“ไม่คิดว่ารัชต์จะถามหากีเลยนะ เห็นเป็นคู่แค้นกันมาตลอดนี่นา กีเขาไม่ได้เรียนหมอหรอกหลังเรียนจบเราก็ไม่ได้เจอกีเหมือนกัน ไม่ได้ข่าวเขาเลย”คำตอบทำให้รัชต์เหมือนหมดแรงเอาเสียดื้อ ๆ
“งั้นเหรอ นี่นามบัตรเรานะถ้ายังไงก็ส่งมาให้เราทางอีเมล์ก็ได้”เขาบอกพร้อมกับยื่นนามบัตรให้เพื่อนสาวสีหน้าของรัชต์ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกร้อนรุ่มในหัวใจเหมือนแผลที่ถูกทิ่มแทงอีกครั้ง ซ้ำรอยเดิม
“จ๊ะ ยินดีเสมอ เราดีใจนะที่ได้เจอรัชต์อีกครั้ง ”ปานใจบอกพร้อมกับส่งยิ้มให้ด้วยสีหน้าอบอุ่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เราก็ดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่าเหมือนกัน”ปานยิ้มเจื่อน ๆลงนิดหนึ่งก่อนจะหัวเราะทำสีหน้าสดใสอีกครั้ง
“นั่นสินะ แล้วเราจะอีเมล์ส่งข้อมูลเบื้องต้นไปให้นะ คงไม่ว่าถ้าเราจะโทร.หา”
“จะให้ว่าอะไรละ ดีใจมากกว่า”เขาบอกลาเพื่อนเก่าก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
รัชต์ไม่คิดว่าจะมาเจอเพื่อนเก่าที่นี่เลย นอกเสียจาก เขาอยากเจอยัยแว่นจอมพลังอีกครั้งเพราะเธอคือคู่แค้นของเขาเสมอ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนมันก็เหมือนเรื่องเล่าที่ไม่มีวันจบระหว่างเขากับเธอ ก่อนจะเรียนจบเจ้าหล่อนก็ฝากลูกเตะมหากาฬจนเขาจุกไปหลายชั่วโมง รัชต์หัวเราะทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องพวกนั้น แต่เรื่องก่อนหน้าที่จะถูกเตะนั่นต่างหากที่น่าจดจำกว่าเรื่องอื่น ๆ เรื่องเด็ก ๆ ที่คิดเมื่อไหร่เขาก็ยิ้มออกมาได้ ยอมรับว่าตอนนี้เขาคิดถึงผู้หญิงคนนี้ถ้ามีกีเข้ามาช่วยบางทีเรื่องมันอาจจะง่ายขึ้นก็ได้ เขาก็อยากสะสางเรื่องราวทั้งหมดระหว่างเขากับกีรติ แทบอยากจับตัวเธอมาเขย่าแรง ๆ ถามว่าเธอหายไปไหนมา ตลอดเวลา 7 ปีปล่อยให้เขาตามหาเหมือนคนบ้าไม่มีผิด
ในช่วงเย็นสองวันต่อมารัชต์นั่งอ่านข้อมูลผลชันสูตรซึ่งปานใจส่งอีเมล์มาให้เมื่อเช้านี้ สองวันที่ผ่านมาเขาจมอยู่กับร่องรอยที่พบในห้องพักของน้องสาวไม่ว่าจะเป็นรูปภาพที่ถ่ายไว้หรือว่าเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ การที่ดาวถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพังในห้องพักทำให้เธอเหงาหรือเปล่า เธอมีเพื่อนที่ไหนบ้างมันเป็นการตั้งคำถามของเขาเองแต่สุดท้ายมันก็มาจบลงที่ เรื่องทั้งหมดเป็นเขาเองที่ผิดไม่ดูแลน้องให้ดี แม้ว่าดวงดาวจะย้ายเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯแต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะเข้ามาดูแลอย่างปากพูดเสมอว่ารักน้อง เขาทำทุกอย่างเมื่อมันสายไปแล้ว เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดจังหวะความคิด รัชต์หันไปกดรับแม้ว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่โชว์อยู่หน้าจอนั้นไม่คุ้นซักนิด
“สวัสดีครับ”
“เฮ้ย ไม่ต้องเก๊กเสียงหล่อนะแก ฉันโต้เพื่อนแกไง”เจ้าของเสียงแนะนำตัว คราวนี้รัชต์ถึงกับด่าในใจ…มันจะหาเรื่องไปถึงไหนกันวะ? เขาจำได้ว่าโต้คือเพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่เป็นตัวป่วนมาตลอด โต้จะติดต่อเขาอยู่เรื่อย ๆหลังจากเรียนจบจนเมื่อโต้ไปเรียนต่อต่างประเทศ รัชต์ก็ไม่ได้ข่าวอีกเลย ล่าสุดข่าวคราวที่ได้ก็คือกลับมาถึงประเทศไทยแล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอยู่ดี
“ไอ้บ้า แล้วนี่แกใช้เบอร์ใคร”
“เบอร์สาวๆแถวนี้วะ พอดีฉันมาเที่ยวมาเจอเพื่อนเก่าโดยบังเอิญก็เลยกะว่าโทร.มาชวนแกด้วย ”โต้พูดพร้อมกับขยับตัวหนีคนที่พยายามแย่งโทรศัพท์คืน
“มานะเว้ย ฉันอยู่ที่ร้านบลู ”พูดจบก็วางสายทำให้รัชต์ได้แต่เกาหัวไปมา ก่อนจะลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหากุญแจรถ ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่เขาพยายามปล่อยตัวตามสบายที่สุดเพราะถ้ากลับไปทำงานเมื่อไหร่เขาก็จะกลายเป็นมนุษย์บ้างานอีกครั้ง มันก็น่าแปลกที่ช่วงนี้เขาเจอแต่เพื่อนเก่าทั้งนั้น
เมื่อขับรถมาถึงร้านที่นัดหมายไว้เขาก็เดินเข้าไปมองหาเพื่อนหนุ่มทันที ร้านที่ว่านี้เป็นร้านอาหารกึ่งผับ นั่งดื่มแล้วก็ฟังเพลง โต้นั่งดื่มอยู่ที่มุมหนึ่งของร้าน เขานั่งอยู่คนเดียวทั้ง ๆ ที่บอกว่าเจอเพื่อนเก่า
“ว่าไง ”เขาทัก โต้ยิ้มรับการทักทาย
“ได้ยินข่าวเรื่องน้องสาวแกแล้ว เสียใจด้วยนะวะ แต่ฉันไม่ยักรู้ว่านายมีน้องสาว”โต้บอกพร้อมรินเครื่องดื่มให้เพื่อน
“เออ ไม่เป็นไร ดาวเขาอยู่กับพ่อ พ่อกับแม่เราหย่ากันตั้งแต่ฉันยังเด็ก”รัชต์อธิบาย โต้พยักหน้าเข้าใจ
“แล้วนี่แกทำงานอะไรอยู่ได้ยินข่าวว่าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศไม่ใช่เหรอ”รัชต์ถามเพื่อนคืนบ้าง
“เออ เรียนเพิ่งจบพวกแกนำฉันไปสามปีแล้วนี่หว่า ฉันก็จะมาเริ่มทำงานให้ป๊า แล้วงานแกเป็นไงบ้าง”
“ก็ไปได้ดีแต่ตอนนี้ฉันลาพักร้อน แล้วที่แกบอกว่าเจอเพื่อนเก่านี่ใครวะ”
“อ้อ ไอ้กีไง เมื่อกี้คุยกันอยู่แต่ตอนนี้ไปทำงานแล้ว ”
“ทำงาน?”
“เป็นนักร้องอยู่ที่นี่ ”คำตอบนั้นยิ่งทำให้เขางงไปใหญ่ อย่างกีน่ะหรือจะเป็นนักร้อง เสียงเพลงที่เริ่มดังขึ้นบนเวทีทำให้รัชต์และโต้หันไปมอง ผู้หญิงร่างสูงโปร่งสวมเสื้อยืดรัดรูปกับกางเกงยีนส์ผมสีน้ำตาลยาวประบ่าขับให้ใบหน้าสวยกระจ่างใสขึ้น รัชต์ได้แต่อ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่ายัยแว่นที่เคยเป็นคู่แข่งตอนเรียนจะมีบุคลิกที่เปลี่ยนไปอย่างนี้
“เป็นไงวะ ไม่น่าเชื่อใช่ไหมละ ฉันเองยังเกือบไม่เชื่อ ตอนแรกก็จีบเพราะไม่คิดว่าจะเป็นมันที่ไหนได้มันใช้ไม้ตายที่เคยทำตอนเรียนตบบ่าฉันซะเกือบหลุดถึงได้จำได้ ”โต้เหลือบมองสายตาของเพื่อนที่ยังคงค้างอยู่ที่เวที
“เอ้อ เอ่อ ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกันนั่นแหละ” รัชต์เอ่ยออกมาเหมือนกับเพ้อ โต้อมยิ้มมองเพื่อนชายที่มองเพื่อนเก่าอยู่บนเวทีด้วยสายตาที่แปลกไป สมัยก่อนทั้งคู่เป็นเหมือนคู่ปรับกันมาตลอดทั้งเรื่องเรียนแล้วก็เรื่องกิจกรรม โต้เป็นเพื่อนที่เข้าได้ทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กเรียนอย่างรัชต์หรือเด็กต๊อง ๆ อย่างกีเพราะเขาไม่ค่อยเป็นศัตรูกับใคร การคบเพื่อนอยู่ที่ความพอใจของเขามากกว่า เมื่อเธอร้องเพลงจบก็มีหนุ่มหลายโต๊ะส่งแก้วเครื่องดื่มให้หญิงสาวได้แต่ยิ้มให้ก่อนจะเดินเข้ามาหาเพื่อนหนุ่มทั้งสองคน เธอส่งยิ้มให้รัชต์ก่อนจะนั่งลงตรงข้าม
“หวัดดี เป็นไงบ้างไม่เจอกันนานเลยนะ”เธอทักทายเป็นประโยคแรก รัชต์ยิ้มให้ เขาประหม่ามากกว่าเพราะกีในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อครั้งที่เรียนด้วยกัน เธอกลายเป็นสาวสวยหน้าตาน่ารักไม่มีเค้าความเป็นเด็กเรียนอย่างเช่นเก่าเลยแม้แต่น้อย
“ใช่เกือบเจ็ดปีเลยด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าเธอจะมาทำงานแบบนี้” รัชต์ถามตรงเสียจนโต้ต้องสะกิดเบา ๆ
“อืม ใช่ มันเป็นเรื่องที่เราเพิ่งค้นพบตัวเองน่ะ เราชอบเราก็ทำ ไม่เห็นแปลกเลย แล้วนายละทำอะไรอยู่”เธอถามคืนสีหน้าแจ่มใสไม่มีวี่แววความโกรธซักนิด สิ่งนี้เองที่ทำให้รัชต์แปลกใจเขาคิดว่าเธอน่าจะโกรธเหมือนครั้งที่เรียนด้วยกัน ถ้าไม่พอใจกีรติจะถล่มเขาทันทีแต่นี่ไม่ใช่ เธอแปลกไป ดูสุขุมมากขึ้น
“ก็ ลาพักร้อนอยู่ตอนจบเธอก็รู้นี่เราติดวิศวะฯ ตอนนี้เป็นวิศวกรอยู่ที่บริษัทรับเหมาก่อสร้าง”
“สมแล้วละที่เป็นนาย ฉันมันศิลปินเพิ่งค้นพบตัวเอง เออ พักร้อนอยู่เหรอพอดีเลยไอ้โต้มันก็กลับมาจะได้มีเพื่อนคุยเพื่อนเที่ยวเสียหน่อย ”แม้ว่าหน้าตากีจะสวยขึ้นแต่ท่าทางเป็นทอมบอยของเธอก็ยังอยู่ นั่นทำให้รัชต์ได้แต่อมยิ้ม
“แต่เรามีโปรแกรมอยู่แล้ว ”คำตอบของรัชต์ทำให้กีหยุดชะงัก
“นายนี่ถนัดทำให้คนเขาหมดอารมณ์กันจริง ๆ นะรัชต์”
“เมื่อวานไอ้นัทมันยังพูดถึงเธออยู่เลย วันนี้ฉันได้เจอเธอซะแล้ว เธอนี่ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ยังกับผี”
“ก็ไม่แน่นะ ฉันอาจจะเป็นอย่างที่นายว่าก็ได้”
“เฮ้ย!!! นี่พวกแกคุยอะไรกันวะ พูดแล้วเสียวสันหลัง เปลี่ยนเรื่อง ๆ “โต้แย้งเพื่อนทั้งสองคนก่อนที่เรื่องจะเดินทางไปไกลกว่านั้น
“สมกับที่เป็นคู่ปรับเก่ากันจริง ๆ นะเว้ย”รัชต์ยิ้มเมื่อได้ยินประโยคนั้นแต่อีกคนกลับทำหน้าเบื่ออย่างเห็นได้ชัด
“ฉันไม่เห็นอยากจะเป็นคู่ปรับซะหน่อย เออพูดถึงนัท เขาเป็นไงบ้าง วันที่เจอกันเราก็รีบ ๆ เลยไม่ได้ทักทายอย่างเป็นทางการเลย”
“นัทธีทำงานอยู่ที่บริษัทโฆษณาอย่างที่มันชอบนั่นแหละ ถ้าว่างพร้อม ๆ กันเดี๋ยวโทร.นัดมากินข้าวด้วยกันวันนี้เห็นมันบอกว่าจะไปถ่ายงานที่พัทยาน่ะ”รัชต์อธิบาย กีพยักหน้ารับ โต้พยายามจับสังเกตปฏิกิริยาของคนทั้งคู่อยู่เรื่อย ๆ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้อะไร ทุกอย่างมันมีอะไรซ่อนอยู่เสมอ แม้แต่จิตใจของคน
“เอ้า ตามสบายเลยนะเดี๋ยวเราไปทำงานก่อน”กีบอกแล้วลุกขึ้นเดินออกไปที่หลังร้าน รัชต์จึงหันกลับมาคุยกับโต้อีกครั้ง พอเจอกีรติเข้าจริง ๆ เขากลับไม่กล้าที่จะทำอย่างคิด ได้แต่แอบมองความเปลี่ยนแปลงอยู่เงียบ ๆ บางที กีรติอาจจะลืมคำถามของเขาไปแล้ว
“พ่อแกเป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยอยู่ใช่ไหมวะ ”รัชต์ถามโต้เพื่อความแน่ใจ เขารู้ว่าน้องสาวเรียนที่นั่นเป็นการดีที่จะเริ่มสืบจากเพื่อน ๆ คนสนิทของดาว
“เออ เพราะเรื่องนี้แหละมันกลายเป็นปมด้อยของฉันมาตลอด พ่อเป็นนักการศึกษาแต่ฉันกลับโง่เรียนซ้ำชั้น”
“ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่อยู่ในท้องหรอกวะ อีกอย่างมันก็ไม่ใช่ความผิดแกเสียหน่อย ที่แกไม่ได้ชอบอาชีพนั้น ”รัชต์ปลอบใจเพื่อน โต้ได้แต่ยิ้มจืด ๆ
“มันก็ใช่ แต่แกไม่ใช่พ่อฉันนี่หว่า จะได้เข้าใจฉัน”โต้ตอบเพื่อนในแบบที่รัชต์ได้แต่ยิ้มเพราะมันก็เป็นเรื่องจริงที่เขาเองก็ช่วยเพื่อนไม่ได้เหมือนกัน เรื่องนี้เขารู้มาตั้งแต่เรียน โต้ไม่ค่อยถูกกับพ่อนัก ทำให้ตั้งแง่ซึ่งกันและกันอยู่เสมอ
“พอดีฉันอยากตามหาเพื่อนสนิทของน้องสาวฉันแกพอจะช่วยฉันได้ไหมวะ”
“ได้ๆ บอกชื่อน้องสาวแกมาสิเดี๋ยวฉันตามให้”
“เป็นความลับนะ ”รัชต์ต่อรอง ทำให้เพื่อนทำหน้าแปลกใจ
“เพราะเรื่องนี้ฉันกลัวว่าถ้าเป็นอย่างที่ฉันคิด เรื่องการตายของน้องสาวฉันไม่ธรรมดาแน่ๆ “ คำตอบนั้น โต้นิ่งคิดอยู่นาน
“หมายความว่า น้องสาวแกอาจจะไม่ได้ฆ่าตัวตายอย่างที่ข่าวบอกงั้นเหรอวะ”รัชต์พยักหน้ารับ
“โอเค ฉันจะช่วยแก ”รัชต์ยิ้มกว้างยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อน
“ขอบใจวะ”รัชต์บอกด้วยความรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ในตอนนี้เขาเหมือนกับลูกโป่งที่ยังหาจุดหมายไม่เจอ ทุกอย่างเคว้งคว้างไปหมดกว่าจะรวบรวมข้อมูลได้ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่ รัชต์นั่งคุยกับโต้จนถึงเวลาร้านปิดเขาตั้งใจยืนรอกีเพราะอะไรไม่รู้แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่เต็มที่กับการได้เจอ เป็นการรอคอยที่นานมากแต่พอเจอเข้าจริง ๆเขากลับพูดอะไรไม่ค่อยออกเหมือนสั่งการอะไรสมองหรือปากไม่ได้เลย เมื่อถึงเวลาเลิกงานกีเดินออกมาจากร้านพอดีกับผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหา
“กี ”เสียงทุ้มนั้นทำให้เธอสะดุ้ง เธอรู้จักเขาดีเพราะเป็นลูกค้าที่เข้ามาเที่ยว ตั้งแต่ต้นปีเขาก็แวะเวียนมาหาเธอเสมอ ซึ่งนอกเหนือจากนั้นกีรติรู้ว่าเขามีจุดหมายอะไร
“พี่ซีมีอะไรเหรอ”
“พี่ขอไปส่งเรานะมันดึกแล้ว พอดีพี่ไปเจอเพื่อนมาเลยไม่ได้แวะมาฟังกี”เขาอธิบายแม้จะรู้อยู่ว่ากีไม่ได้สนใจจะอยากรู้สักนิด
“เอ่อ กีนัดเพื่อนไว้น่ะคะไว้วันหลังนะ”เธอเลี่ยงก่อนจะมองหาเพื่อนที่ว่า .สายตาก็ไปสะดุดที่เพื่อนจริง ๆเธอรีบวิ่งไปหารัชต์ซึ่งกำลังจะเปิดประตูรถ
“รัชต์ๆ”ชายหนุ่มหันไปมองตามเสียงก็เห็นกีวิ่งกระหืดกระหอบมาหา
“อะไร?”
“ไปด้วยคน ”เธอกระซิบเสียงเบา รัชต์ขมวดคิ้วสงสัยในพฤติกรรมของเพื่อนเก่า หญิงสาวรีบยกมือขึ้นแอบไหว้ขอร้องเขา
“เหอะนะ ช่วยทีนะเพื่อน”พูดจบเธอก็หันไปทางซีที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล
“ไปแล้วนะคะพี่ ขอบคุณค่ะ”พูดจบเธอก็ดันเพื่อนเข้าไปในรถส่วนตัวเธอก็รีบอ้อมไปขึ้นอีกด้าน
“ขอบใจนะ ”รัชต์ทำหน้างงก่อนจะออกรถไป ซีมองตามคนทั้งสองแล้วเดินกลับไปที่รถของตัวเอง เขาเฝ้ากีมาตลอดสี่เดือนแต่เธอก็ไม่มีท่าทีที่จะชอบเขาเลยยิ่งตอนนี้มีไอ้หน้าอ่อนที่ไหนก็ไม่รู้มาขัดมันยิ่งทำให้เขาโมโห แรกเริ่มเดิมทีเขาทำหน้าที่แอบเฝ้ามองกีรติอยู่เงียบ ๆ แต่ตอนนี้ ความรู้สึกมันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปแน่ ๆ เพราะถ้าเขาได้เป็นคนรักของกีรติ หน้าที่การงานจะก้าวหน้าโดยเร็ว ไม่ต้องเป็นแค่ คนเฝ้าดู อย่างที่เคยเป็น แต่ความรู้สึกจริง ๆ ของเขามีมากกว่านั้น
“หนีเจ้าหนี้เหรอไง”รัชต์หันมาถามเมื่อขับรถออกมาได้ซักระยะหนึ่งแล้ว
“ไม่มีหรอกน่า แค่โจทก์ที่ไม่อยากเจอเท่านั้นเอง” คำตอบของเพื่อนเก่าทำให้เขาอมยิ้ม ไม่แปลกหรอกที่กีจะมีคนมาชอบเธอไม่ได้เป็นยัยแว่นเหมือนเมื่อตอนที่เรียนมัธยม เธอกลายเป็นสาวสวยน่ารักคนหนึ่งไปแล้ว
“แล้วบ้านเธออยู่แถวไหนเดี๋ยวฉันไปส่ง”
“เออ ขอบใจนะ นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว”อาการยิ้มแป้นหลังจากตอบคำถามนั้นทำเอารัชต์หัวเราะออกมาได้เมื่อขับรถมาถึงหน้าตึกหอพักที่กีบอกทางมานั้นรัชต์ถึงกับชะงักเพราะมันเป็นหอพักเดียวกับที่น้องสาวเขาอยู่
“เธออยู่มานานหรือยัง”
“สองเดือน ทำไมเหรอ ”
“อ่า พอดีน้องสาวฉันอยู่ที่นี่ ”
“อ้าว!!เหรอ ไม่น่าเชื่อเลยว่าโลกจะกลมดิ๊กขนาดนี้แล้วอยู่ห้องไหนละเผื่อฉันเจอจะได้ทักทายบ้าง”
“เธอไม่เจอหรอก เพราะเขาไม่อยู่แล้ว มาส่งเธอก็ดีเหมือนกันฉันจะได้นอนที่นี่เลย ”รัชต์บอกพร้อมกับลงจากรถเดินนำเธอขึ้นไปบนตึก กีมองตามหลังรัชต์ที่พาเธอขึ้นไปบนตึกด้วยความแปลกใจ
“แล้วน้องนายไปไหนเหรอ ”
“ดาว..ตายแล้ว..เธอ..ฆ่าตัวตาย”คำตอบนั้นทำให้กีหยุดชะงัก เธอรู้เรื่องนี้มาคร่าว ๆ เช่นกันเพราะวันเกิดเหตุเธอนอนหลับอยู่ในห้องจนต้องตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงตำรวจและกู้ชีพทำให้ต้องลุกจากที่นอนทั้ง ๆที่เพิ่งจะหลับไปได้ไม่กี่นาที
“น้องสาวนายอย่างนั้นเหรอ ฉันขอโทษนะไม่คิดว่า”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันกำลังตามหาความจริงอยู่แม้ว่าคนอื่นจะบอกว่าบ้าก็ตาม”
“น้องสาวนายไม่ได้ฆ่าตัวตายใช่ไหม ”คำถามนั้นทำให้เขาหันกลับมามองเพื่อนสาวอีกครั้ง ไม่มีใครพูดประโยคนี้ ไม่มีใครเชื่อเขา แต่กีกลับถาม
“เธอคิดอย่างนั้นเหรอ ”
“ก็ฉันเห็น เอ่อ สภาพศพท่าทางผิดธรรมชาติ มือสองข้างถูกบิดไปด้านหลังแล้ว ใครที่จิตปกติจะกระโดดหน้าต่างผูกคอตายบ้าง มันก็แค่ความคิดแผลง ๆของฉันเอง อย่าเอาไปคิดมากนะเพื่อน เอ่อ เราขอตัวไปนอนดีกว่า ”กีบอกลาเพื่อนโดยเร็วเพราะกลัวจะทำให้เขารู้สึกไม่ดี
“ฉัน ก็เชื่ออย่างนั้น เธอช่วยฉันได้ไหม ”รัชต์ถาม
“หา?”ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของกีรติออกจะแปลกใจจริง ๆ
“ช่วยฉันสืบเรื่องนี้ได้ไหม”รัชต์ย้ำคำถามนั้นอีกครั้ง
“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน?”
“เพราะเธอไม่เหมือนคนอื่นยังไงละ ฉันเชื่อว่าเธอจะช่วยฉันได้นะกี ”คำตอบนั้นเหมือนกับตรึงสายตาของหญิงสาวไว้ที่ชายหนุ่ม ไม่มีใครเชื่อมั่นเธอได้ขนาดนี้ รัชต์เป็นคนแรกที่ทำอย่างนี้ เขาคือคนแรก
โตมรนั่งมองอ่างปลาทองในห้องส่วนตัวด้วยความรู้สึกบางอย่าง ตอนนี้ความคิดของเขาล่องลอยไปไกลเกินกว่าจะดึงกลับมาได้ เขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่พยายามที่จะช่วยเหลือเพื่อนให้ถึงที่สุด หากย้อนอดีตกลับไปได้เขาอยากแก้ไขเรื่องราวไม่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้มันเป็นได้เพียงความคิดเท่านั้นเอง ตอนนี้เขาต้องจัดการกับอนาคตมากกว่า
หลังจากกลับมาถึงแผ่นดินเกิดเขามาหากีรติเป็นสิ่งแรกที่ทำ เธอยังคงปิดตัวเงียบแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้ว่า เธอไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยก็คือ กีรติตามข่าวของรัชต์อยู่เสมอ เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่ได้ทำให้กีรติเปลี่ยนเส้นทางหัวใจเหมือนกับเส้นทางของชีวิตเลยแม้แต่น้อย วันนี้เขาจึงโทรศัพท์ไปรัชต์โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ถ้าสิ่งนี้จะช่วยให้กีรติมีความสุขขึ้นมาบ้างในช่วงเวลาที่มีน้อยนิด ใครจะหาว่าเขาโง่ก็ตาม แต่ความรักของเพื่อน มันก็ทำให้ได้แค่นี้
ภาพในอดีตยังคงติดตรึงในหัวใจเขาค่ำคืนนั้นที่พ่อยืนนิ่งอยู่กลางห้องตกใจกับสิ่งที่เขาพูดออกมา หลังจากที่เขี่ยวเข็ญให้เขาทำตามคำสั่งมานานวันซึ่งไม่ได้มีผลกับเขาเลยซักนิด แต่วันนั้นเขากลับยอมรับข้อแม้มันโดยง่ายเพื่อเพื่อน เพื่อกีรติ
“แกพูดจริง ๆ งั้นหรือ ที่บอกว่าจะไปเรียนต่อบริหาร”น้ำเสียงตื่นเต้นของพ่อที่เปล่งออกมาเหมือนมีดใบใหญ่ที่คอยเฉือนหัวใจคนฟังทีละนิด
“ครับ”เขาตอบรับหนักแน่นแม้แววตาจะเศร้าสลดลงไปเปลวไฟแห่งฝันมันได้มอดลงไปในทันทีที่พูดประโยคนั้นออกมา
“นี่มันเป็นเพราะอะไร หรือว่าเพราะเด็กคนนั้น”คำถามนี้พ่อของเขาน่าจะรู้ดีอยู่แล้ว
“ผมมีข้อแม้ ถ้าผมไปพ่อต้องช่วยกี พ่อต้องช่วยเธอ ”
“พ่อเขาก็ทำได้นี่ ทำไมยังต้องให้เราช่วยอีกเล่า ”
“แต่ถ้าพ่อช่วย กีต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ พ่อรู้จักคนเยอะ ผมยอมพ่อทุกอย่าง แค่ช่วยกีก็พอ”
“ไม่นึกว่าแกจะยอมถึงขนาดนี้ เด็กคนนั้นมันสำคัญกับแกขนาดนั้นเชียวเหรอ ทั้ง ๆ ที่แกบอกว่าไม่ชอบบริหารอยากเรียนศิลป์ไม่ใช่หรือไง ”
“….”ไม่มีคำตอบออกจากปากของชายหนุ่ม เขาคิดดีแล้วที่จะแลกทุกอย่าง อนาคตของเขา แลกกับอนาคตของกีรติ
โตมรวางหินลงไปในอ่างน้ำหนึ่งก้อน หินสีขาวค่อย ๆ ตกลงไปสู่พื้นอ่างปลา น้ำเกือบจะล้นออกมาแล้ว แต่มันก็ยังไม่ล้นทะลักออกมาเหมือนกับความรู้สึกของเขาตอนนี้ที่มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวดแต่ก็ไม่ถึงกับทุรนทุราย ความเป็นเพื่อนไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดแต่ความรักที่มีในหัวใจต่างหากที่ทำให้เขาเจ็บปวด ความรักไม่ใช่แค่การครอบครอง ความรัก สำหรับเขาแล้วคือการทำให้เธอมีความสุข นั่นคือสิ่งที่เขาต้องทำ !!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ค. 2554, 09:32:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ค. 2554, 17:40:33 น.
จำนวนการเข้าชม : 2403
“ตอนที่ 2 สิ่งที่หายไป” >> |

nida 21 พ.ค. 2554, 12:40:33 น.
สนุกดีนะคะ จะรออ่านต่อค่ะ
สนุกดีนะคะ จะรออ่านต่อค่ะ

พนาศิลป์ 21 พ.ค. 2554, 20:10:44 น.
ปมเยอะจัง แต่น่าสนดี มาบ่อยๆ นะคะ^^
ปมเยอะจัง แต่น่าสนดี มาบ่อยๆ นะคะ^^

ปูสีน้ำเงิน 21 พ.ค. 2554, 23:48:01 น.
ลึกลับดำมืดจนเดาไม่ออกเลย
ลึกลับดำมืดจนเดาไม่ออกเลย

ณิชนิตา 22 พ.ค. 2554, 07:40:35 น.
555+ ขอบคุณค่ะ ^^
555+ ขอบคุณค่ะ ^^



ณิชนิตา 25 พ.ค. 2554, 17:39:23 น.
ขอบคุณค่ะ เขียนผิดอ่าาาา..จ๊วบบบ..จูบแก้มคนอ่าน ขอบคุณ ฮิๆๆ
ขอบคุณค่ะ เขียนผิดอ่าาาา..จ๊วบบบ..จูบแก้มคนอ่าน ขอบคุณ ฮิๆๆ