จอมใจมาธาดอร์
นักระบำฟลามิงโก้สาว + มาธาดอร์รูปหล่อ สุดโก้
Tags: มาธาดอร์

ตอน: bullfight abolition

ผ่านตรอกซอกซอยสู่ห้องเช่า ถึงเวลานี้หล่อนนึกถึงเพียงผู้เป็นแม่ กุญแจดอกเล็กปลดกลอนประตู หญิงสาว

ถอดรองเท้า วางกระเป๋าสะพายบนตู้เก็บของ ความล้าระคนหิวประดังกัน หล่อนเดินไปหาแม่ก่อน ท่านนอน

หลับอยู่บนเตียง

“แม่คะ ทานข้าวหรือยัง” นั่งลงบนเตียงข้างกายผู้เป็นแม่

ผู้เป็นแม่ปรือตาตื่น รู้สึกหมดแรง นางยกมือจับศีรษะลูกสาว โน้มลงมากอด น้ำตาหยดหนึ่งไหล

อาบแก้ม รีบกลืนก้อนสะอื้นลงคอก่อนคุยกับลูกสาว

“เป็นยังไงบ้างลูก เต้นระบำฟลามิงโก้วันแรกผ่านไปด้วยดีหรือเปล่า”

“ดีค่ะแม่ ดอนย่า โมนิก้าเคยบอกว่าจะหาร้านให้เดินสายเต้น คงจะได้เงินเยอะขึ้น” พูดกับอก

แม่ก่อนยันตัวขึ้นมองหน้าซูบซีดของท่าน “แม่ทานข้าวทานยาหรือยังคะ”

“เรียบร้อยแล้วล่ะ ลูกทานข้าวหรือยังมาริตา”

หญิงสาวยื่นมืออังหน้าผากแล้วไล่ลงตามลำแขน ไข้ยังไม่คลายลง หล่อนอยากพาท่านไปหาหมอ

จะได้รู้ว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ ปวดใจเหลือเกินทนมองท่านนอนป่วยแบบนี้

“ยังเลยค่ะ เข้ามาดูแม่ก่อนแล้วหนูถึงจะออกไปทำอะไรทาน เดี๋ยวหนูเช็ดตัวให้แม่หน่อยดีกว่านะ

คะ ตัวแม่ยังร้อนอยู่”

“แม่ทำก๋วยเตี๋ยวหมูไว้ให้ ลูกไปทานก่อนเถอะ อาบน้ำอาบท่าให้หายเหนื่อย”

“แม่ปวดหัวปวดตัวอยู่ไหมคะ”

“ไม่ปวดแล้วล่ะ แค่ไม่ค่อยมีแรงเท่านั้นเอง อย่าห่วงแม่เลย ไปดูแลตัวเองก่อนเถอะ เดี๋ยวจะ

ไม่สบายไปอีกคนนะมาริตา” นางห่วงลูกสาวคนเดียว ตอนสามียังอยู่รู้สึกโล่งใจที่ลูกสาวมีเสาหลักพิงกาย

พอสามีเสียชีวิต นางท้อแท้ ทนมองลูกสาวลำบากแทบไม่ได้ ประจวบกับมาป่วยเอาตอนช่วงเวลาสำคัญ


มาริตาได้นิสัยพ่อเต็มสายเลือด กล้า เก่ง และเข้มแข็ง ไม่เคยร้องไห้หรือท้อแท้ชีวิต แม้กระทั่ง

ปริปากบ่น ซ้ำใบหน้าคล้ายพ่อกว่าแม่ รูปร่างเพรียวระหงเหมือนกัน

“เดี๋ยวหนูไปอาบน้ำ ทานข้าวก่อนแล้วจะกลับมาเช็ดตัวให้แม่นะคะ” หล่อนบีบมือเย็นของผู้เป็นแม่

ก่อนเดินออกจากห้อง ยกมือลูบต้นแขนไล่ความเมื่อล้า


ห้องพักตกแต่งเรียบง่าย ห้องนอนสองห้อง ห้องน้ำหนึ่งห้อง ห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ห้อง

รับแขกด้านหน้าตกแต่งด้วยชุดโซฟาชุดเล็กขนาดสี่ที่นั่ง เพลิดเพลินด้วยโทรทัศน์สีเครื่องเล็กและเครื่องเสียง

ราคาถูก ซึ่งข้าวของพวกนี้ผู้เป็นพ่อเลี้ยงและผู้เป็นแม่ของมาริตาตกแต่งเอาไว้แล้ว หล่อนไม่ได้สรรหามา

เพ่ิมแต่อย่างใด

ห้องครัวจัดทำมุมลงตัว หญิงสาวเปิดเตาอบ หยิบหม้อซุปขึ้นอุ่นบนเตา หล่อนมองกระดูกหมูน่าแทะ

ในหม้อ ก๋วยเตี๋ยวรสชาติไม่จัดจ้านเท่าเมืองไทย ทว่าอร่อยถูกปากดับเลี่ยนนมเนยได้ เส้นก๋วยเตี๋ยวเป็น

เส้นมักกะโรนี ได้รสเปรี้ยวจากมะนาว รสเค็มจากเกลือ ส่วนเผ็ดนั้นได้พริกป่นที่เหลืออยู่ไม่มากจากเมือง

ไทย หมดจากนี้คงอดอีกนาน

นั่งทานอาหารเสร็จก็เดินไปดูแลผู้เป็นแม่ก่อนกลับห้องเอนตัวลงนอนพักผ่อน พรุ่งนี้ร้านอาหารของ

ดอน โธมัส ปิดร้านหนึ่งวัน แม้อยู่ในช่วงนักท่องเที่ยวคลาคล่ำ มาริตามีตารางกิจส่วนตัวชัดเจน คือพบ

ดอน เบนิโต แบนเดอโรเซ่ หล่อนแย้มย้ิมก่อนหลับตาลงพร้อมความเหนื่อยอ่อน


/////////////////////////////////////////////////////
๓.ไม้ซีกงัดไม้ซุง

“bullfight abolition”

“ยกเลิกการสู้วัว” ป้ายขนาดเท่าโทรทัศน์ขนาดยี่สิบนิ้วสอดอยู่ใต้รักแร้ของมาริตา หล่อนเขียน

ข้อความใส่กระดาษแข็งด้วยปากกาเมจิกสีแดงหัวใหญ่ พวกคนกระหายเลือดพวกนั้นได้อ่านกันชัดๆ ถึงความ

ในใจที่อยากสื่อออกไป

มาริตาสวมเสื้อยืดแขนยาวสีเทา คอปาดทับด้วยกางเกงยีนส์สีน้ำเงินขนาดพอดีเรียวขา รองเท้า

บู๊ตคู่เก่ง สุดท้ายกระเป๋าสะพายคู่กาย ผมหยักศกยาวสยายเคลียบ่าตกถึงหลัง เครื่องหน้าหล่อนโดนเด่นด้วย

จมูกโด่งแหลมเชิด ปากอ่ิมเอิบกว้าง ยิ้มแล้วโลกสว่างไสว ทว่าน้อยครั้งได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ หล่อนก้าวลง

บันไดเหล็กพบมาเรียยืนรออยู่ด้านล่าง แปลกใจกับท่าทีกระสับกระส่ายอันนั้น

“มาเรีย” หญิงสาวมองเบื้องหลังบอบบาง ดูท่ามาเรียคงยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว หล่อนแอบสงสัยที่

เพื่อนไม่ยอมขึ้นไปพบข้างบนทั้งที่เคยไปมาหาสู่กันเป็นประจำ

คนถูกเรียกสะดุ้งจนตัวโยน มาเรียหันหลังมองมาการิต้า

“มาการิต้า... ฉันว่าจะขึ้นไปพบเธออยู่เชียว”

“แล้วทำไมไม่ขึ้นไป มายืนหนาวอยู่ได้ แล้วมาพบฉันว่าด้วยเรื่องอะไรล่ะ อย่าบอกนะว่าจะชวน

ไปแอบมองบ้านพ่อมาธาดอร์ของเธอนั่น” มาริตาเดาใจเพื่อนพร้อมกับก้าวเท้าเดินนำหน้า

มาเรียก้าวเท้าตามเดินเคียง “เปล่าหรอก ในเมื่อเธอกำลังจะไปพบเขาอยู่แล้วนี่ เมื่อวานฉัน

เห็นดิเอโก้คุยอะไรกับเธอ ท่าทางนายนั่นพิกล พอกลับเข้าร้านมาฉันเลยซักละเอียด ได้ความว่าเธอนัดพบ

ดอน เบนิโต วันนี้”

“ใช่! เธอจะไปพบเขากับฉันหรือเปล่าล่ะ” มาริตาพูดปกติ ผิดกับมาเรียที่ดูวิตก

“เธอคิดดีแน่แล้วเหรอมาการิต้า ที่จะเป็นผู้หญิงของเขาน่ะ ฉันไม่คิดว่าเธอจะยอม” หน้าหล่อน

ล้ำไปด้านหน้าเพื่อมองตาเพื่อน อยากค้นดูให้ทั่วว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“เธอก็คิดถูกแล้วนิมาเรีย ฉันไม่คิดจะยอมเป็นผู้หญิงของเขาหรอก ฉันไม่จนตรอกขนาดนั้น

ศักดิ์ศรีฉันมีมากพอ ฉันจะไปพบเขาตามที่ดิเอโก้ร้องขอ แต่ในแบบฉบับของฉันนะ” มาริตาส่งป้ายให้เพื่อน

กระดาษแข็งรีไซเคิลมาจากกล่องใส่ของ ตัวอักษรหนา ทั้งทึบและใหญ่กระแทกโครมใส่สายตามา

เรีย หล่อนจ้ำตามร่างบอบบางพร้อมกลับหน้ากระดาษใส่หน้าเพื่อน

“มาการิต้า เธอกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง ไม่กลัวโดนพวกผู้ชายย่ำใส่เอาเหรอ นี่มันอันตรายนะ ฉัน

คิดว่าเธอสมควรทิ้งมันไว้ตรงนี้เลย ไม่มีใครเคยทำแบบนี้มาก่อน เธอไม่กลัวเหรอ”

หญิงสาวแย่งป้ายมาถือไว้เอง ไม่สนใจคำพูดนั้น หล่อนตั้งใจแน่วแน่แล้ว เทศกาลบ้าบอนี้ควรจบ

สิ้นลงเสียที

“วัวกระทิงพวกนั้นมันกลัวมาธาดอร์ กลัวพวกผู้ชายกระหายเลือดพวกนั้นมากกว่าฉันอีก มันพูดขอ

ชีวิตตัวเองไม่ได้เลย ฉันนี่ล่ะจะเป็นปากเสียงแทนพวกมัน ต่อสู้กับพวกขี้ขลาดนั่น ข่มคนอื่นไม่ได้ เลยต้องมา

ลงกับวัวตัวหนึ่ง วันนี้นะ ไม่ว่ามาธาดอร์คนไหนลงสนาม ฉันขอแช่งให้โดนเขาแหลมๆ ของวัวทิ่มให้ตาย”

หล่อนแช่งชักหักกระดูกมาธาดอร์ทั้งหลาย ตกใจกับความร้ายกาจของตนเหมือนกัน ทั้งที่ไม่เคยเป็นคนใจคอ

แบบนี้มาก่อน

“คนทั้งเอสปานย่าจะต้องสาบแช่งเธอแน่ๆ มาการิต้า” หล่อนเรียกชื่อสเปน เป็นเอสปานย่าตาม

ประสาคนสเปนแท้

“เธอแน่ใจได้ยังไงว่าทั้งประเทศน่ะมาเรีย ต้องมีคนเห็นด้วยกับฉันเยอะ แต่ไม่ได้ทำแบบฉันก็

เท่านั้นเอง” หญิงสาวมุ่งหน้าเดินไปสนามสู้วัว 'พลาซ่า เดอโตโร'

“แน่เสียยิ่งกว่าแน่ บางทีอาจจะรวมโรมควบเข้ามาด้วยอีก”

“ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่า ฉันก็เห็นจะต้องรีบทำ ได้ประโยชน์มากขนาดนี้”

เทศกาล 'ซาน เฟอร์มิน' ยังคลาคล่ำด้วยนักท่องเที่ยว ถนนสายหลักอึกทึกด้วยเสียงโห่ร้อง

สองสาวแทรกตัวกับฝูงชนสู่หน้าประตูทางเข้าสนามสู้วัว ผู้คลั่งไคร้ใหลหลงกับกีฬาป่าเถื่อนเดินผ่านประตู

สนามเข้าด้านใน

สนามกีฬาขนาดใหญ่สามารถจุผู้ชมได้มากมาย ออกแบบเป็นวงกลม มีที่นั่งรายล้อมลักษณะอัฒจันทร์

ตั๋วเข้าชมมีราคาแพงตามความสบาย แบ่งแยกว่าอยู่ในร่มหรือกลางแดด

ความเป็นห่วงสวัสดิภาพของเพื่อนผลักดันให้มาเรียพยายามแย่งป้ายต่อต้านการสู้วัวจากเพื่อน

“ขอป้ายให้ฉันเถอะมาการิต้า เธอกำลังทำผิดพลาด วันนี้ ดอน เบนิโต แบนเดอโรเซ่ จะมา

แถลงข่าวที่นี่ เขาขับรถเข้ามาต้องเห็นเธอแน่ๆ เขาเป็นผู้ชายน่ากลัวนะมาการิต้า ฉันไม่อยากให้เธอทำตัว

ท้าทายเขาแบบนี้”

“ถ้าเธอเกรงกลัวต่อผู้ชายพวกนี้ก็เชิญเธอกลับบ้านไปก่อนเถอะมาเรีย ฉันยืนยันว่าฉันจะอยู่ที่

นี่...ตรงนี้ รอจนกระทั่ง ดอน เบนิโต แบนเดอโรเซ่ ของเธอจะเดินทางมาถึง”

สายตาแน่วแน่ของมาการิต้าทำให้มาเรียรับรู้ว่าไม่สามารถเปลี่ยนใจเพื่อนได้ หญิงสาวท้อแท้ใจ

เดินกลับบ้าน นึกห่วงเพื่อนอยู่บ้าง แต่ทำได้เพียงเท่านี้

คล้อยหลังมาเรีย มาริตาสูดหายใจเข้าปอดลึก การกระทำเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายตามที่โอ้อวดไว้

กับมาเรีย หล่อนนึกเกรงผู้คนจำนวนมากทั้งชายและหญิงอยู่บ้าง แต่ความต้องการเอาชนะขับความกล้าให้มี

อำนาจเหนือความกลัว หญิงสาวเดินเบียดตัวหาจุดเด่นสุดของหน้าประตูทางเข้ามองความขาวโพลนเต็มลาน

ของเหล่านักท่องเที่ยวสวมชุดขาวโพกศีรษะด้วยผ้าแดงหรือพันคอเอาไว้

ข้อความบนแผ่นป้ายโชว์หลาสะดุดตาฝูงชน หลายคนเดินอ่านตัวอักษรสีแดงเหล่านั้น เสียงซุบซิบ

เซ็งแซ่ คนหลายกลุ่มหยุดยืนมองมาริตาด้วยความสงสัย บางคนโกรธหล่อนที่ทำตัวขวางโลก ขัดต่อเทศกาล

มาริตาถอนหายใจเฮือก นึกหวั่นใจกับผู้ชายกลุ่มหนึ่ง เขาจ้องหล่อนด้วยแววตาโกรธขึง กินเลือด

กินเนื้อกันทางสายตาจนร่างบอบบางเต็มด้วยบาดแผลฉกรรจ์ ตามด้วยอีกหลายคนหยุดยืนมองรวมตัวกันจน

กลายเป็นกลุ่มชน สักพักได้ยินเสียงโห่ไล่ จากหนึ่งคนกลายเป็นสาม สี่ แล้วดังก้องลั่นลานหน้าสนามกีฬาด้วย

ท่าทีเอาเรื่อง


สถานการณอันบีบคั้นคลายลงเมื่อรถเมอร์ซิเดส-เบนซ์คันหนึ่งแล่นตามทางเข้ามาเรียกสายตากลุ่ม

ชนออกจากมาริตาได้ แน่นอนว่ามาธาดอร์ชื่อดังต้องน่าสนใจกว่าผู้หญิงบ้าบอในสายตาของพวกเขา


ดอน เบนิโต แบนเดอโรเซ่ ขมวดคิ้วมองความวุ่นวายเบื้องหน้า ชายหนุ่มอมย้ิมแกนๆ ผ่าน

กระจกรถให้กับแฟนๆ ของเขาก่อนจ้องมองไปยังผู้หญิงร่างระหง 'มาการิต้า' ปากหนาพึมพำเรียกชื่อหล่อน

@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ทักทายค่ะ ทักทาย และทักทาย ฮ่าๆๆๆ ขอให้ทุกคนโชคดีเหมือนมาการิต้านะคะ



พรกมลดลยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ค. 2554, 14:36:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ค. 2554, 14:36:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1848





<< นางระบำ   
แว่นใส 21 พ.ค. 2554, 22:37:06 น.
คิดถึงค่ะ


ปูสีน้ำเงิน 21 พ.ค. 2554, 23:03:25 น.
ช่างกล้าจริงๆ ยัยมาการิต้า


ida 22 พ.ค. 2554, 03:21:05 น.
กล้าจัง จะเป็นไรมั้ยเนี่ยมาการิต้า ??


SaMaRaHeup 7 ก.ค. 2554, 10:47:23 น.
สนุกอ่ะ
รอ รอ รอ นะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account