บ่วงรักมัดใจอสูร
เมื่อฟ้าจงใจปั้นแต่งให้ "แพรลภัส" และ "ไหมสไบ" เกิดมามีรูปร่างหน้าตาที่คล้ายกัน ทว่า...สิ่งหนึ่งที่ต่างคือการปรุงแต่งเลี้ยงดู... อีกคนสูงเป็นดาวพร่างพราวฟ้า ส่วนอีกคนธรรมดาราวเม็ดทรายริมถนน อีกคนมีรักที่อบอุ่นเต็มหัวใจ แต่อีกคนหนาวเหน็บแทบใจขาด ความที่โชคชะตาเล่นตลกกับพวกเธอ ทำให้ทั้งสองที่เกิดจากท้องเดียวกัน ต่างต้องเล่นระบำแค้นอย่างสนุกสนาน โดยมีดอกรักที่บานสะพรั่งเป็นผลตอบแทนสำหรับคนที่ชนะในเกมนี้...
Tags: นิยาย เศ้รา ตบ จูบ ซึ้ง ดราม่า ระบำดอกรัก

ตอน: ตอนที่ 1 บ่วงวันวาร

ตอนที่ 1

“ห้าล้าน !”

แพรลภัสอ้าปากค้างทันทีที่สดับวลีที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา ฝ่ายตรงหน้าข้ามพูดออกไปแล้วก็ได้แต่นั่งห่อไหล่... ก้มหน้าก้มตาทนแทบจะมุดลงใต้โต๊ะตรงหน้า...

“แกคิดว่าเงินห้าล้านที่ไอ้เจตน์เอาไป...” หญิงสาวดวงหน้าเรียวราวกับไข่ยื่นเข้าไปใกล้อีกฝ่ายที่นั่งนิ่งขรึม “...มันมีหน่วยเป็นกีบรึไงยะ !”

“ก็... ฉันรักเค้านี่แก อะไรที่เค้าอยากได้ ถ้าไม่ลำบากก็เอาไปเหอะ”

“ยัยนาเอ๊ย...”

แพรลภัสตบหน้าผากตัวเองเบาๆ พลางถอนหายใจยาวพรืดอย่างปลงตก หล่อนไม่คิดว่า “ความรัก” มันทำจะให้เพื่อนสาวแสนดีของหล่อนทำได้ถึงเพียงนี้ แม้จะคาดคิดแต่แรกเริ่มแล้วว่านายเจตน์นั่นจะต้องเข้ามาปอกลอกเพื่อนหล่อน แต่หล่อนก็คาดไม่ถึงว่ายัยเพื่อนตัวแสบจะยอมจำนนให้มันกอบโกยเอาไปได้มากถึงเพียงนี้...

ดูสิ พอมันได้ทุกอย่างสมใจ มันก็ชิ่งไปตามระเบียบ !

แพรลภัสได้แต่มองหน้านารา เพื่อนสาวที่สนิทสนมกันมานานตั้งแต่วัยอนุบาลอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ในเมื่อเพื่อนของหล่อนเป็นคนให้ทุกอย่างกับผู้ชายคนนั้นเองด้วยความเต็มใจ แล้วจะมาเสียใจอะไรอีก...
เสียใจ... ใช่ นาราเสียใจมาก หล่อนถึงขนาดโทรศัพท์ตามแพรลภัสที่กำลังนอนฝันหวานบนเตียงให้ลุกขึ้นมานั่งฟังหล่อนพร่ำว่าหล่อนกับพี่เจตน์อะไรนั่น ทะเลาะกันอีกแล้ว...

“พี่เจตน์ไปแล้วแก ฮือ...”

ตอนนั้นเสียงปลายสายที่คร่ำครวญราวกับจะตายลงตรงนั้นทำให้แพรลภัสตกใจ ลุกพรวดขึ้นมาขยี้ตาเพื่อเรียกสติตัวเอง นาราเป็นอะไรอีกแล้ว พ่อหรือแม่หล่อนเสียงั้นรึ ทำไมถึงได้เป็นเอามากถึงเพียงนี้...

“อะไรนะ อะไรเจน เจนหรือเจตน์ ใครเป็นอะไร แกเล่าดีๆ หน่อยได้มั้ย...”

“ฮือ...” ฝ่ายนั้นเอาแต่ร้องไห้ แถมสุดท้ายยังตามมาด้วยเสียงสูดน้ำมูกดังพรืดอีก

“โอเค ไว้แกพร้อมจะเล่าเมื่อไหร่ค่อยโทรมาหาฉันอีกรอบแล้วกัน”

ว่าแล้วแพรลภัสก็ทำตามนั้นจริงๆ หล่อนกดวางสายแล้วซุกตัวนอนในผ้าห่มอันแสนอบอุ่นต่อ ขณะที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราอันยาวนานอีกรอบ เสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือของหล่อนก็กรีดร้องขึ้นมาอีกรอบ...
หญิงสาวเอื้อมมือไปคว้ามาในขณะที่ตายังปิดสนิท

“อืม... ใครตาย”

“ยัยแพร... ฮือ ถ้าแกไม่มาหาฉันตอนนี้นะ ฉันจะฆ่าตัวตาย !”

“ตามสบายจ้า อยากได้อะไรมั้ย ตอนเช้าจะได้ใส่บาตรไปให้”

“แพร !”

“โอ๊ย !” แพรลภัสชักทนไม่ไหว ตวัดผ้าห่มออกจากร่างบางจนปลิวไปตกลงกับพื้น

“มีอะไรกันนักหนาฮะ ยัยนา”

“พี่เจตน์ทิ้งฉันไปแล้ว แกมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ ฉันอยู่คนเดียวไม่ได้”

โอย...

แพรลภัสกัดฟัน อะไรจะปานนั้นหนอเพื่อนฉัน...

“โอเค ไม่ต้องนงต้องนอนมันแล้ว ไปก็ไป ฮึ !”

“ซื้อขนมปาปิก้ามาฝากฉันด้วยนะ ฉันอยากกิน”

ดูมัน จะมาหิวโหยอะไรตอนนี้เนี่ย...

แพรลภัสรับคำอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะมุ่งหน้าไปอาบน้ำอาบท่าแล้วรีบตรงดิ่งมายังคอนโดมิเนียมของเพื่อนสาวที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจแห่งหนึ่ง...
แต่หล่อนก็ยังไม่ลืมแวะซื้อขนมยี่ห้อโปรดของนาราด้วย...
หญิงสาวเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ หยิบขนมมาสองสามห่อ และก็นมเปรี้ยวด้วยสองขวด ก่อนจะเดินมาจ่ายเงินแล้วรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวเพื่อนจะรอนาน...

ไม่ทันระวัง...

ผลัก !

ข้าวของที่ซื้อมาหล่นลงตรงหน้า เมื่อร่างบางของหล่อนชนเข้ากับใครคนหนึ่งที่หล่อนเห็นแค่ปลายเท้า... เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาดุ่มเดิน

“ไม่เป็นไรนะครับ”

แพรสภัสเงยหน้าขึ้นมองร่างนั้น เขาเป็นผู้ชายที่รูปร่างสูง... กำยำ อยู่ในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังที่หล่อนเองก็เรียนที่นั่นด้วย... เขาไม่สนหล่อนเลยเพราะมัวแต่ก้มลงเก็บข้าวของให้หล่อนอย่างเร่งรีบแล้วยัดใส่มือหล่อนอย่างฉับไว... ก่อนจะเดินจากไปโดยที่หล่อนเองยังไม่ได้เอ่ยขอบคุณ...

หน้าก็ยังเห็นไม่ชัดด้วยซ้ำ...

โอยตาย ไม่มีเวลาคิดแล้ว แพรลภัสตรงไปยังรถแล้วขับไปยังที่พักของนาราทันที...

ทันทีที่ไปถึง นาราก็ร้องไห้โฮลั่นพลางโผเข้ากอดแพรลภัสแน่น แล้วหญิงสาวก็พรั่งพรูถึงเหตุการณ์ที่ได้ประสบมาพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลอาบสองข้างแก้ม

“ไอ้เจตน์มันมาขอยืมเงินฉัน แต่ฉันไม่ไห้มันเพราะอันเก่ามันก็ยังไม่จ่ายเลย พอฉันไม่ไห้มันก็หาว่าฉันไม่รักฉัน มันขอเลิกกับฉันอ่ะแก... ฮือ... ฉันเลย... เลย... เอาแจกันฟาดหัวมัน... ฮือ... แกต้องช่วยฉันนะแพร พี่เจตน์ไปแล้ว พี่เค้าโมโหฉันมาก พี่เค้าบอกว่าจะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก”

“เดี๋ยว” แพรลภัสกดไหล่เพื่อนให้นั่งลงโซฟาข้างๆ “มันจะเอาเงินไปทำไม แล้วมันขอแกเท่าไหร่”

นาราปาดน้ำตา เอ่ยออกมาพร้อมไหล่ไหวสะอื้น

“สองล้าน... พี่เค้าขอยืมฉันสองล้านไปต่อทุนธุรกิจอะไรก็ไม่รู้ แต่ฉันให้เค้าไปแล้วนะห้าล้าน... ฉันไม่อยากให้อีก แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีนะ แต่ฉันคิดว่าเค้านะจะเอาไปเล่นการพนันมากกว่าน่ะสิ”

แพรลภัสกะพริบตาปริบๆ... แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ทำไมนาราไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้หล่อนฟังเลย...

“อะไรนะ แกว่าอะไรนะ แกเคยให้มันไปแล้วเหรอ เท่าไหร่นะ...”

นาราพยักหน้าหงึกหงัก “อือ ฉันให้ไปพี่เค้าไปแล้วห้าล้าน”

“ห้าล้าน !”

ให้ตายสิ... แพรลภัสนึกว่าเพื่อนในใจ...

ไม่นานหลังจากที่โวยวายเสร็จสรรพ คนที่เพิ่งอกหักมาก็นอนหลับเป็นตาย ในขณะที่แพลภัสกลับนอนไม่หลับเพราะดื่มกาแฟไปแล้วสองแก้ว ก่อนจะออกมาหนึ่งแก้ว แล้วมาที่นี่อีกหนึ่งแก้ว...

เวลาล่วงเลยมาจนถึงตีสามแล้ว...

หญิงสาวคิดว่าเพื่อนหล่อนทำไมทำแบบนี้ เงินห้าล้านไม่ใช่น้อยๆ แต่ทำไมต้องยอมให้ง่ายๆ อย่างกับว่าสิ่งที่หยิบยื่นให้เป็นเพียงแค่เศษกระดาษ ผู้ชายเองก็เหลือเกิน ไม่มีปัญญาหาการหางานทำเองรึไงถึงได้มารีดไถผู้หญิงแบบนี้ มันไม่ต่างอะไรกับแมงดาเลย...

นายเจตน์... หล่อนเองก็ไม่ชอบมาตั้งแต่แรกที่เขาคบกับนาราอยู่แล้ว ไม่รู้จะเตือนเพื่อนยังไงก็เพราะเคารพในการตัดสินใจของเพื่อน... แต่หล่อนก็แอบเห็นบ่อยๆ ว่าชายคนนั้นคบผู้หญิงมั่วไปหมด ไม่ได้มีเพียงเพื่อนหล่อนคนเดียว แต่เพราะเพื่อนหล่อนเป็นลูกสาวเจ้าของนิตยสารชื่อดังอันดับหนึ่งของประเทศ ฉะนั้นเรื่องเงินๆ ทองๆ ไม่ต้องพูดถึง... นายเจนต์นั่นคงเห็นนาราเป็นเพียงแค่บ่อเงินบ่อทองมากกว่าจะเป็นคนรัก และเพื่อนหล่อนก็ใจปล้ำเสียเหลือเกิน... มันอยากได้ก็หามาประเคนให้ หลายครั้งที่แพรลภัสเองก็คิดว่าสิ่งที่ชายคนนั้นขอมันเหลือเกินอยู่หลายครั้ง แต่จะห้ามอย่างไรเล่า ลงว่ารักแล้ว... แม้ภูเขามาบังตา ก็เห็นว่าคนรักนั้นอยู่ที่ไหน...

เงียบเหลือเกิน... แพรลภัสตัดสินใจเปิดโทรทัศน์ดูฆ่าเวลา ช่วงเช้าอย่างนี้มีข่าวมากมายที่หล่อนเองไม่ใคร่สนใจมากนักเพราะปวดหัว หล่อนต้องการฟังเรื่องรื่นรมย์มากกว่าในตอนบรรยากาศดีๆ แบบนี้ หล่อนกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จน

กระทั่งมาเจอกับข่าวเกี่ยวกับวงการบันเทิง...

ผู้ประกาศข่าวสาวกำลังสัมภาษณ์นักร้องสาวชื่อดังในขณะนี้... ไหมสไบ...
ใครเลยจะรู้... หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นนักร้องชื่อดังคนนั้น แพรลภัสรู้จักหล่อนเป็นอย่างดี หลายครั้งที่หญิงสาวเดินไปส่องกระจกแล้วพบว่าทุกสิ่งในสรรพางค์กายเหมือนกับไหมสไบราวกับออกมาจากพิมพ์เดียว แต่หล่อนไม่ชอบเลย... หล่อนไม่อยากมีอะไรเหมือนผู้หญิงคนนั้นซักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ การศึกษา นิสัย หล่อนไม่ชอบทุกอย่างที่เป็นผู้หญิงคนนั้น แต่ฟ้าก็ได้ลิขิตมาแล้ว ไหมสไบเป็นแฝดผู้พี่ของหล่อน...

ทำไมต้องเป็นหล่อน... หล่อนไม่อยากเป็นเหมือนใคร !

กี่ทีกี่ครั้งที่คนทักหล่อนผิดว่าเป็นนักร้องชื่อดังคนนั้น ไม่มีใครรู้ว่าไหมสไบมีฝาแฝดด้วย นั่นก็คือหล่อน... หล่อนอยู่กับมารดาในขณะที่ไหมสไบอยู่กับบิดา มีอยู่ครั้งหนึ่งไหมสไบเคยให้สัมภาษณ์ว่าหล่อนเป็นลูกสาวคนเดียว แต่หล่อนก็เคยมีมารดาและน้องสาวแต่ก็ได้ตายไปแล้วอย่างอนาถเพราะอุบัติเหตุ เพียงแค่นั้นนักข่าวก็พากันประโคมข่าวแสดงความสงสารหล่อนที่เป็นเด็กกำพร้ามารดา แต่มีความกตัญญูต่อบิดาเพราะสามารถหาเลี้ยงท่านได้ด้วยอาชีพสุจริต แต่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่อย่างนั้น บิดาและมารดาหล่อนหย่าร้างกันไปเพราะเข้าไปกันไม่ได้ และจากนั้นมารดาก็พาหล่อนหนีไปทำงานต่างประเทศ ปล่อยให้ไหมสไบอยู่กับบิดาตามลำพัง จนกระทั่งเมื่อไม่กี่ปีแพรลภัสก็กลับมาเหยียบที่เมืองไทยอีกครั้งในฐานะนักศึกษาแลกเปลี่ยน... หล่อนเลยรู้ว่าตอนนี้บิดาและพี่สาวฝาแฝดกำลังได้ดีและกุเรื่องว่าหล่อนและมารดาตายไปแล้ว... แพรลภัสไม่นึกโกรธ มันเป็นสิทธิ์ของไหมสไบ ไม่เกี่ยวกับหล่อน หล่อนก็อยู่ส่วนหล่อน... ไม่เกี่ยวกัน... และก็อย่ามาเกี่ยวกันเลย...

“เอาล่ะค่ะ ถามมาก็หลายเรื่องแล้ว พี่ว่ามาคุยเรื่องความรักของน้องไหมกันบ้างดีกว่า”

ผู้ประกาศข่าวสาวหันมามองหญิงสาวที่อยู่ในชุดกระโปรงบานสีเขียวมะกอกอย่างสนอกสนใจ ช่วงรับกับผิวที่ขาวผ่องนั้นเหลือเกิน... แพรลภัสนึกชม โดยเฉพาะทรงผมที่ยาวรุมร่ามแต่ดูสวยแบบมีสไตล์นั้น... ทำให้ทุกอย่างที่เป็นไหมสไบดูสวยอย่างไร้ที่ติ

“ไหมโสดค่ะ” หญิงสาวแก้มชมพูใสอมยิ้มอย่างเอียงอาย

ผู้ประกาศข่าวสาวหัวเราะ
“แต่เรามีภาพมายืนยันนะคะ ว่าอาจจะโสดไม่จริง”
ว่าแล้วบนจอโทรทัศน์ก็ตัดไปยังภาพที่ไหมสไบกำลังนั่งกินข้าวกับชายนิรนามคนหนึ่งในร้านอาหารชื่อดัง...

แหม... ดูจากภาพแล้วคงถ้าไม่ใช่แฟน ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ดูตาที่มองกันสิ... หวานเยิ้มขนาดนั้น...

คิดแล้วแพรลภัสก็อมยิ้ม... ชักอยากรู้ว่านักร้องสาวชื่อดังจะตอบว่าอย่างไร

“อ้อ เป็นเพื่อนในมหาลัยเดียวกันนี่แหละค่ะ เรามาทานข้างด้วยกันหลังจากทำรายงานเสร็จ แต่จริงๆ แล้วมากันหลายคนนะคะ เพียงคนถ่ายอาจจะเจาะจงถ่ายเอาเฉพาะเราสองคน” ว่าแล้วหล่อนก็ยิ้มอย่างไม่มีพิรุธใดๆ...

“แล้วพอจะบอกเราได้มั้ยคะว่าหนุ่มคนนั้นเป็นใคร”

“อ้อ ได้ค่ะ เขาชื่อ...”

“พี่เจตน์ ! นั่นพี่เจตน์นี่นาแก !”

นาราที่ไม่รู้ว่าตื่นนอนมาตั้งแต่ตอนไหนส่งเสียงกรี๊ดอยู่ด้านหลังแพรลภัสทันทีที่เห็นภาพบนจอแก้ว แพรลภัสหันไปมองอย่างฉับไว เพื่อนสาวหล่อนหันไปคว้าหมอนอิงบนโซฟาแล้วกระหน่ำโยนไปยังโทรทัศน์อย่างบ้าคลั่ง

“อ้อ ! แกเอาเงินฉันไปปรนเปรอนังซิลิโคนทั้งตัวนี่ใช่มั้ย แก... ไอ้เจตน์ ไอ้เลว !”

“ใจเย็นก่อน” แพรลภัสพยายามดึงหมอนมาจากมือนารามาอย่างยากลำบาก แต่ก็ดึงมาจนได้... “นั่นเจตน์เหรอ”

“ฮือ...” นาราไม่ตอบ แต่ดูจากสภาพการณ์แล้วไม่น่าจะผิดตัว...

แพรไหมชำเลืองไปยังจอแก้วอีกครั้ง...

อย่าบอกนะว่าไหมสไบเป็นต้นเหตุให้นาราต้องเลิกกันกับเจตน์...

ทำไมหล่อนต้องทำแบบนั้นด้วยนะ ?



นททิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ธ.ค. 2555, 12:13:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 มี.ค. 2556, 18:24:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1429





   ทวิบ่วง >>
golffee 16 ธ.ค. 2555, 17:12:19 น.
หาอ่านนิยายที่มีนางเอกเป็นฝาแฝดมานาน เจอแล้ว ^^


นัฐชา 16 ม.ค. 2556, 19:31:41 น.
ดีคร่านท
แวะมาอ่านนินายของนท
ท่าทางสนุกนะนี่.....งั้นนัฐชาขอตามนะคะ โย่วๆๆๆ

โอมเอย...จงมาดีๆๆ
นทจงมาดีๆๆ มาอัพเสียดีๆๆ อย่าให้ต้องมีโมโหนะ 555+


นททิภา 5 มี.ค. 2556, 09:25:12 น.
ต๊กใจ !!! มีคนมาตามด้วยยยย
กะว่าจะค้างไว้แล้วนะ งั้นต่อก็ได้ค่ะ ^_^


golffee 11 มี.ค. 2556, 18:26:11 น.
ลงต่อได้แล้วนะคะ มันค้่าง 555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account