The song of heart...เพลงหัวใจ
“กิดาหยัน” ช่างภาพสาวประจำนิตยสารเลิฟลี่โฮมเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้ไม่นาน ก็ต้องมาพบกับเรื่องราวอันแสนน่าเวียนหัวของพี่สาวฝาแฝด “กิดานันท์” ที่ยังคงตัดใจจากอดีตแฟนเก่าอย่าง"โยธิน" ไม่ได้ แถมเจ้าเพื่อนเวร (กิดาหยันเรียกเขาว่าอย่างนั้น) ยังมีชนักติดหลัง พา “กวินภพ” อดีตว่าที่พี่เขยที่แสนจะคุ้มดีคุ้มร้ายเข้ามาเกี่ยวพันกับคนป่วยอย่างกิดาหยันอีก

งานนี้ช่างภาพสาวจะหลุดพ้นจากมลทินที่กวินภพกล่าวหาว่าหล่อนเป็นภรรยาลับได้หรือไม่

**ข้อมูลทั้งหมดในเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนค้นคว้าไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 1

บทที่ 1

“ดูสดใสขึ้นมากเลยคุณกิดาหยัน ร่างกายของคุณก็ตอบสนองกับหัวใจดวงใหม่ดีกว่าที่ผมคาดไว้มากจริงๆ” ชายในชุดขาวสะอาดตาเอ่ยพลางส่งเครื่องมือทางการแพทย์ที่พันธนาการคนป่วยบนเตียงอยู่นานให้นางพยาบาลผู้ช่วย

“พรุ่งนี้คุณก็กลับบ้านได้แล้วล่ะ”

“จริงเหรอคะหมอ”

ริมฝีปากบางสีธรรมชาติที่เผยยิ้มร่าในทันทีทันใด เรียกเสียงหัวเราะจากกิดานันท์...หญิงสาวในชุดนางพยาบาลที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงเจ้าหล่อนเปี๊ยบ “จริงสิ หรือว่าเธออยากอยู่ต่อก็ได้นะ”

“ตลกแล้วยัยนันท์ เชิญเธออยู่ไปคนเดียวเถอะย่ะ ฉันเอียนโรงพยาบาลจะแย่แล้ว !”

เสียงขู่ฟ่อบวกกับปากเบ้ๆ นั้นทำให้กิดานันท์ต้องกลั้นยิ้ม ต่างจาก ราเมศที่เพียงขยับแว่นตาให้เข้าที่ เอามือล้วงกระเป๋าข้าง กระแอมขัดเมื่อเห็นนางพยาบางของเขาเริ่มแสดงความสนิทสนมกับผู้ป่วยเกินงามแม้จะเห็นจนชินตาแล้วก็ตาม

“ถึงคุณจะกลับบ้านได้แล้ว แต่อย่าลืมว่าเรามีนัดกันทุกสัปดาห์ คุณต้องทานยาทุกตัวที่ผมให้อย่างเคร่งครัด ที่สำคัญช่วงนี้คุณต้องดูแลตัวเองให้มากๆ หัวใจของคุณยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย และห้ามใช้แรงมากเด็ดขาด เพราะร่างกายของคุณยังต้องใช้เวลาปรับตัวอีกนาน”

“ค่ะหมอ ฉันจะปฏิบัติตามที่หมอสั่งทุกอย่างเลยค่ะ”

“และต้องเคร่งครัดด้วยคุณกิดาหยัน”

สีหน้าเคร่งเครียดกับคำพูดซ้ำๆ ซากๆ ของราเมศทำให้กิดาหยันชักเอือม รู้แล้วน่ะว่าเคร่งครัด ไม่รู้จะย้ำอะไรนักหนา

นางพยาบาลสาวยิ้มส่งท้ายให้คนป่วย ก่อนหายออกจากห้องไปพร้อมหมอราเมศปล่อยให้คนป่วยจมอยู่กับความเงียบเพียงลำพังตามเคย

กิดาหยันกวาดตามองไปรอบห้องพักฟื้นผู้ป่วยแล้วอดใจหายไม่ได้ หลายสัปดาห์ที่หล่อนใช้ชีวิตอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมห้องนี้ แม้จะเงียบเหงาไปบ้างแต่หล่อนก็รู้สึกผูกพันราวกับเป็นบ้านหลังที่สองของหล่อนไปแล้ว

พยุงตัวเองลุกขึ้น เดินออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่หน้าระเบียง นกกระจอกตัวเล็กๆ สองตัวบินผ่านหน้าหล่อนไป ก่อนหยุดพักเอาแรงที่มุมระเบียง ภาพของนกที่เล่นหยอกล้อกัน มีสีเขียวสดของไม้กระถางเป็นฉากหลัง ชวนให้หล่อนมองเคลิ้ม ถ้าเป็นเมื่อก่อนกิดาหยันคงคว้ากล้องขึ้นมาถ่ายภาพน่ารักๆ ตรงหน้าเก็บไว้เชยชมแล้วล่ะ แต่ยามนี้...หล่อนมีแค่สองมือเปล่ากับสายน้ำเกลือโยงระยาติดอยู่ที่แขน

หญิงสาวเกลียดโรงพยาบาลอย่างกับอะไรดี ไม่ชอบเอาเสียเลยกับกลิ่นยาสารพัดอย่างที่วนเวียนอยู่รอบกาย

หากความรู้สึกครั้งสุดท้ายก่อนที่หล่อนจะหมดสติถูกหามส่งโรงพยาบาลยังฝังจำ

นิ้วเรียวสวยค่อยๆ ลูบไล้บริเวณอกข้างซ้ายซึ่งเพิ่งผ่านการผ่าตัดครั้งใหญ่มาอย่างระมัดระวัง รอยแผลเป็นทำให้กิดาหยันใจหายทุกคราวที่เห็น...วันนั้น...วันที่หล่อนไปเก็บภาพบ้านพักตากอากาศของหนุ่มนักธุรกิจคนหนึ่งบนเขา หัวใจของหล่อนเต้นแรงราวกับจะทะลุออกมา ทั้งเจ็บและแน่นที่อกราวกับมีใครมาบีบรัดหัวใจต้องการให้หล่อนสิ้นใจเสียเดี๋ยวนั้น มิหนำซ้ำยังหอบเหนื่อยมากทั้งที่เพิ่งเดินขึ้นเขามาเพียงไม่กี่เมตร

ใช่ว่าอาการแบบนี้จะไม่เคยเกิดขึ้นกับกิดาหยัน แต่ปกติแล้วหล่อนแค่รู้สึกปวดหัว อาจมีบ้างที่อ่อนแรงและแน่นหน้าอกซึ่งนั่งพักเดี๋ยวเดียวก็หาย มันเป็นอาการปกติของคนที่เป็นโรคเบาหวานอย่างหล่อนอยู่แล้ว และบ่อยครั้งไปที่กิดานันท์พี่สาวฝาแฝดคะยั้นคะยอให้หล่อนไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลแต่หล่อนก็ดื้อดึงมาตลอด ไม่เคยนึกเลยว่าจะมีวันที่ตัวเองต้องมานอนซมรอการรอดชีวิตในที่ที่เกลียดแสนเกลียดเช่นนี้

ยามนี้หล่อนเลยเหมือนคนเกิดใหม่ ทุกวันนี้ที่มีชีวิตรอดมาได้ก็เพราะหัวใจดวงใหม่ดวงนี้ หล่อนจะรักษามันให้ดีที่สุด อย่างน้อย...ก็เพื่อตอบแทนเจ้าของหัวใจที่มอบชีวิตใหม่ให้แก่ผู้รอดตายอย่างหล่อน





**********************



เสื้อผ้าและข้าวของน้อยชิ้นถูกโยนใส่กระเป๋าเสื้อผ้าในยามสายวันรุ่งอย่างไม่ค่อยใยดีนัก เสื้อผ้าที่ยับย่นไม่ต่างจากจับยัดลงไปมากกว่าพับเก็บทำให้กิดานันท์อดตำหนิไม่ได้ “จะรีบไปไหนกันหยัน ค่อยๆ พับเก็บดีๆ ก็ได้ ความเป็นกุลสตรีมีบ้างมั้ยเธอเนี่ย”

“ไม่มี” กิดาหยันตอบห้วน ตายังคงจับจ้องไปที่บานประตูไม่แม้แต่จะมองหน้าพี่สาว

เมื่อเช้ากิดาหยันตื่นเร็วกว่าทุกวัน ด้วยความที่ตื่นเต้นจะได้กลับบ้านพาลทำเอาหล่อนนอนกระสับกระส่ายทั้งคืน ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีราเมศกับกิดานันท์ก็มายืนอยู่ปลายเตียงหล่อนแล้ว แต่ทั้งสองกลับมีสีหน้าเคร่งเครียดบอกห้ามไม่ให้หล่อนกลับบ้านเสียอย่างนั้น โดยอ้างว่าคนป่วยความดันต่ำมาก หัวใจก็เต้นเร็วจนน่าใจหาย และนั่นทำให้คนที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันเวลากลับบ้านมาทั้งคืนถึงกับหัวเสียไม่น้อย อยากบอกทั้งหมอทั้งพยาบาลนักว่าอาการพวกนั้นเป็นเพราะความผิดปกติของร่างกายหล่อนเสียที่ไหนกันเล่า

กิดานันท์รู้เหมือนกันว่าแฝดผู้น้องยังโกรธเรื่องเมื่อเช้าเลยเอ่ยอย่างอ่อนใจอยู่ในที

“หยัน...ฉันกับหมอราเมศเป็นห่วงเธอนะ ตอนนั้นร่างกายของเธออ่อนแอมากมันเป็นอันตรายต่อหัวใจ จะให้พวกเราปล่อยเธอกลับบ้านไปได้ยังไง”

“แต่ฉันก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไร ก็แค่...”

“เธอตื่นเต้น” กิดานันท์ต่อประโยคท้ายให้สรรพเสร็จ คนที่แหวใส่แฝดผู้พี่อยู่ดีๆ เลยเม้มปากแน่น อายเหมือนกันที่ต้องบอกซ้ำถึงสาเหตุการผิดปกติเมื่อเช้า เป็นกิดานันท์ที่ยิ้มขันออกมาได้หน่อยจำได้แม่นทีเดียวถึงคำแก้ตัวของอีกฝ่าย

แก้มเนียนใสของน้องสาวจึงแดงระเรื่อ แหวกลบเกลื่อน “ก็ฉันคิดถึงบ้านนี่ ใครจะไปเหมือนเธอล่ะที่เข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นอาจิณ มันอาชีพเธออยู่แล้ว”

“แต่เธอเองก็อยู่ที่นี่มาหลายอาทิตย์แล้วนี่นา ยังไม่ชินอีกรึไง”

พอโดนพี่สาวย้อนกลับเข้าให้ คนเถียงสู้ไม่ได้เลยย่นจมูกใส่

กิดานันท์ง่วนเก็บของใช้จำเป็นของน้องสาวลงกระเป๋า โดยมีเจ้าตัวนั่งมองเฉยอยู่ข้างๆ แต่แล้วกิดาหยันกลับสะดุดตากับสร้อยคอจี้เพชรรูปหัวใจบนคอขาวเนียนของพี่สาว

“ยังใส่สร้อยเส้นนี้อยู่อีกเหรอนันท์”

คนที่กำลังจัดสัมภาระชะงักเล็กน้อยคล้ายตั้งหลักไม่ทันที่จู่ๆ น้องสาวฝาแฝดก็ถามถึงเรื่องนี้ ก่อนพับเสื้อตัวสุดท้ายใส่กระเป๋า “แค่เอามาใส่เล่นน่ะ ถอดทิ้งไว้เฉยๆ ก็เสียดาย”

กิดาหยันพยักหน้ารับรู้ไปอย่างนั้น อยากช่วยแต่ครั้นจะให้แย่งเสื้อผ้าจากมือพี่สาวมาพับเองคงกลายเป็นยัดอย่างที่เจ้าหล่อนว่า สุดท้ายเลยเลือกเดินสำรวจห้องเผื่อมีข้าวของเครื่องใช้ของหล่อนหลงเหลือ เวลาเดียวกับที่เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น

กิดาหยันเป็นคนเปิดประตู แต่แล้วชายร่างสูงหลังบานประตูที่ปรากฏกายพร้อมช่อดอกลิลลี่สีขาวช่อโตเรียกรอยยิ้มกว้างจากหล่อนทันตา

“สำหรับคุณกิดาหยันครับ”

อีกฝ่ายกระแอมปรับเสียงเป็นเสียงเข้มยามเอื้อนเอ่ยทำทีเป็นส่งช่อดอกไม้ให้คนป่วยอย่างชายหนุ่มมอบให้สาวคนรัก เรียกเสียงหัวเราะจากกิดาหยัน ฟาดแขนคนตรงหน้าเข้าให้ทีเล่นทีจริงหมั่นไส้ในความเป็นชายก่อนรับช่อดอกไม้จากมือเพื่อน

แปลกใจไม่น้อยที่เห็นกฤษณะเพื่อนร่วมงานของหล่อนปรากฏกายตรงหน้า หากเรียกว่ากฤษณะเต็มยศเห็นทีเพื่อนจะไม่ปลื้มเท่าไหร่ “มาได้ไงเนี่ยคิตตี้ อย่าบอกนะว่ารู้ว่าฉันจะกลับวันนี้”

“ก็แน่สิยะหล่อน ไม่งั้นฉันจะถ่อสังขารติดเทอร์โบออกมาจากงานรวดเร็วปานสายฟ้าแลบแบบนี้เหรอ...เออ...นันท์โทร.บอกฉันน่ะว่าให้มารับแกไปนอนที่คอนโด” ประโยคท้ายเพื่อนกึ่งชายกึ่งหญิงรีบบอกเมื่อเห็นกิดาหยันมองมาอย่างคาดคั้น

นั่นแหละแฝดผู้น้องจึงหันมองแฝดผู้พี่เป็นเชิงคาดโทษ “นี่มันอะไรกันนันท์ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าอยู่อพาร์ทเม้นท์คนเดียวเหมือนเดิมได้ ไม่ต้องย้ายไปอยู่ที่คอนโดเธอให้เดือดร้อนหรอก” กิดาหยันค้าน ปกติหล่อนเช่าอพาร์ทเม้นอยู่แถวที่ทำงานส่วนกิดานันท์นั้นอยู่คอนโดใจกลางเมือง

เป็น ‘คิตตี้’ ที่ออกโรง “ไม่ต้องทำมาเป็นอวดเก่งเลยนะยัยหยัน ย้ายไปนอนกับนันท์น่ะดีแล้ว อยากลงไปนอนกองกับพื้นถูกหามส่งโรงพยาบาลอีกรอบรึไง สภาพแกตอนนี้ใช่ว่าจะแข็งแรงเดินเหินได้สะดวก ขนาดใช้แรงมากยังไม่ได้เลย อีกอย่างให้ฉันมารับแกวันนี้น่ะดีแล้ว นันท์เองตัวก็เล็กแค่นั้นจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาแบกแกตอนเป็นลมยะ ต้องฉันนี่ บึกบึนสมชาย”

“เหรอคุณกฤษณะ” ได้ยินเพื่อนปากดีกิดาหยันเลยหมั่นไส้แกล้งเรียกชื่อจริงเพื่อนเล่น

ทำเอาคนบึกบึนร้องแวดเสียงสูงกลับมา “ต๊าย...ยัยหยัน ยาบคายมากนะยะที่บังอาจเรียกชื่อจริงฉัน ปากแบบนี้แสดงว่าหายดีแล้วใช่มั้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ลากไปทำงานด้วยกันเสียเลย ช่วงนี้ฉันยิ่งหัวฟูอยู่ รู้มั้ย ตั้งแต่แกหนีเข้าโรงพยาบาล ฉันนะถูกบก.ใช้ยิกๆ ไม่ได้พักไม่ได้ผ่อน อยากให้แกหายจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”

กฤษณะโอดครวญยาวเป็นชุด ขณะที่กิดาหยันเพียงยิ้มๆ ลอบมองกฤษณะมาเงียบๆ

ยอมรับว่าแวบแรกที่หล่อนเห็นเพื่อนร่วมงานผู้นี้ กฤษณะดูดีมากในสายตาหล่อนเชียวล่ะ อาจด้วยรูปร่างผอมสูงเกินมาตรฐานชายไทย กับลักษณะการแต่งตัวที่ดูทันสมัยของเขาก็เป็นได้ที่มัดใจสาวๆ ในบริษัทไว้อยู่หมัด แต่พอได้ทำงานด้วยกันนานวันเข้า สาวๆ แต่ละคนก็เริ่มตีจากหายไปทีละคนสองคน สุดท้ายก็มาสุมหัวลงความเห็นกันว่าเสียดายในความหล่อของคิตตี้นัก เหลือเพียงหล่อนเนี่ยแหละที่ยังสนิทสนมกับเขา

“จ้องหน้าฉันทำไมจ๊ะแม่คุณ”

ถูกกฤษณะทักเข้าให้ ‘แม่คุณ’ เลยเสมองไปทางอื่นพลัน ทำเป็นสูดกลิ่นหอมดอกไม้ในมือไปอย่างนั้น ยังไม่ยอมสบตาเพื่อน “ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าคนอย่างแกจะลงทุนซื้อดอกไม้ราคาแพงมาให้ฉัน หรือว่า...แกคิดจะกลับใจเป็นชายแล้ว”

กฤษณะค้านเสียงหลงขึ้นมาทันที “นี่แกยังซึ้งใจเรื่องดอกไม้อีกเหรอ โอ๊ย...ใช้สมองส่วนไหนคิดมิทราบยะ อย่างฉันน่ะหรือจะกลับใจ แล้วดอกไม้เนี่ยของฉันที่ไหนกันเล่า บก.สุดเลิฟของแกฝากฉันมาให้ต่างหาก” กฤษณะหมายถึงจักรชัย บรรณาธิการนิตยสารที่ทั้งสองทำงานด้วย

“ทีแรกพอเขารู้ว่าแกจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ก็จะรีบแจ้นตามฉันมาเลยนะ แต่เผอิญงานเข้าน่ะ เสียใจด้วยนะยัยหยันที่บก.สุดเลิฟของแกมาด้วยไม่ได้”

“บ้า ! สุดรังเกียจเดียดฉันท์น่ะสิไม่ว่า งานเข้าน่ะดีแล้ว” พูดแล้วก็ยิ้มขันกันทั้งคู่ คู่หูเขารู้กันว่า ‘งานเข้า’ ในที่นี่หมายถึงภรรยาของจักรชัยนั่นเอง

คล้อยหลังหอบหิ้วข้าวของกิดาหยันใส่ท้ายรถกฤษณะเรียบร้อย คนป่วยก็พามายังร้านอาหารมังสวิรัติแห่งหนึ่งใกล้โรงพยาบาล ตามมาด้วยกิดานันท์และกฤษณะ รายหลังนี้ถึงกับชะงักหยุดนิ่งหน้าร้าน ต้องมองชื่อร้านสลับกับร่างบางที่เดินนำลิ่วเข้าไปนั่งก่อนใครให้แน่ใจว่าไม่ได้ตาฝาด

ถ้าจำไม่ผิดกิดาหยันเกลียดผักอย่างกับอะไรดี สมองของเจ้าหล่อนต้องสั่งการผิดพลาดแน่ๆ

“มัวแต่อึ้งอะไรแก มานั่งได้แล้ว”

กิดาหยันตะโกนเรียกเพื่อน ตัวเองนั้นนั่งพร้อมสั่งอาหารแล้ว

กิดานันท์ตามมานั่งข้างกายน้องสาว ขณะที่กฤษณะละสายตาจากผู้คนในร้านก่อนพาตัวเองมานั่งบนโต๊ะอาหารกลางร้าน ฝั่งตรงข้ามเพื่อนสาว “ไม่ยักรู้นะว่าแกเปลี่ยนรสนิยมอาหาร”

กิดาหยันเพียงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระในคำจิกกัดของเพื่อน ไม่อยากเล่าว่าตั้งแต่ฟื้นจากการผ่าตัดต่อมอยากลิ้มรสเนื้อสัตว์ก็หายไปหมด อาหารบางมื้อของโรงพยาบาลที่มีโปรตีนพวกนี้อยู่ด้วยเป็นต้องพะอืดพะอมทุกครั้ง จนพักหลังมานี้โรงพยาบาลต้องเปลี่ยนเป็นอาหารมังสวิรัติให้หล่อนทานเป็นประจำ
ราเมศบอกว่ามันเป็นผลข้างเคียงจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ซึ่งคนป่วยก็เห็นเป็นเช่นนั้นเพราะพฤติกรรมทานผัก ไม่ใช่วิสัยของหล่อนเลย

“เป็นอะไรรึเปล่านันท์” กฤษณะร้องถามเมื่อเห็นฝาแฝดผู้พี่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนพิกล

กิดาหยันเองเพิ่งสังเกตเห็นอาการผิดปกติของพี่สาวเช่นกัน ดวงหน้ากิดานันท์ยามนี้ไร้สีจนน่าใจหาย หากเจ้าตัวเพียงส่ายหน้าเนือยปฏิเสธ วางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะอาหาร แต่แล้วอยู่ดีๆ แฝดผู้พี่กลับเอามือป้องปากวิ่งหายไปหลังร้านอย่างกับกลัวอาหารเช้าจะไหลย้อนขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้น
เล่นเอาแฝดผู้น้องตกใจไม่น้อย ร้องเรียกทำท่าจะวิ่งตามพี่สาวไป “นันท์ !”

“ไม่ต้องหยัน” กฤษณะรั้งตัวหล่อนไว้ “เดี๋ยวฉันไปดูนันท์เอง แกเพิ่งหายดี นั่งเฝ้าของอยู่นี่แหละ”

พูดจบกฤษณะก็ลุกตามกิดานันท์หายไปหลังร้านด้วยอีกคน เหลือเพียงกิดาหยันที่ถูกใช้ให้นั่งเฝ้าของที่โต๊ะ

หากการนั่งรอเฉยๆ ไม่ได้ช่วยให้คนถูกใช้ให้เฝ้าของรู้สึกดีขึ้นมาสักนิด ใจกิดาหยันพะวงแต่เรื่องพี่สาว หายไปนานไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง กฤษณะด้วยอีกคน ให้ไปดูแลกิดานันท์อย่างน้อยก็น่าจะกลับมารายงานกันบ้าง นี่อะไร เล่นหายเงียบไปทั้งคู่

เสียงโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายบนโต๊ะดังขึ้น คนที่หันไปหันมาอยู่นานละสายตาจากหลังร้าน จำได้ว่าเป็นเสียงโทรศัพท์มือถือของกิดานันท์ จึงควานหาในกระเป๋าสะพายของพี่สาวฝาแฝด

แต่แล้วชื่อของชายหนุ่มที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้คนเฝ้าโต๊ะเบิกตากว้างเท่าไข่ห่าน

โยธินเพื่อนเวรของหล่อนนั่นเองที่โทรศัพท์มา ตกใจระคนประหลาดใจไม่น้อยกับสิ่งที่เห็นจะลุกไปเอาเรื่องพี่สาวดื้อๆ หากเสียงสั่งของกฤษณะครั้งสุดท้ายยังค้ำคอ

กิดาหยันจึงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สะกดอารมณ์ตัวเองไว้ไม่ให้ผลุนผลันพุ่งไปหาพี่สาวอย่างใจต้องการ เคาะโทรศัพท์กับโต๊ะไปมาอยู่อย่างนั้น แต่เสียงโทรศัพท์นั้นก็ดังให้รำคาญหูอยู่ได้ ยิ่งเห็นชื่อของชายที่ไม่ต้องการจะได้ยินแม้แต่เสียงปรากฏซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่บนหน้าจอมือถือยิ่งทำให้ควันออกหู จากที่ว่าจะใจเย็นกลายเป็นกดรับสายก่อนกระแทกโทรศัพท์กับโต๊ะดังลั่นร้าน ไม่สนว่าจะมีสายตาตื่นตระหนกนับหลายสิบคู่พุ่งเป้ามาทางหล่อน เวลานี้สิ่งที่กิดาหยันต้องการคือคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดจากคนที่เพิ่งวิ่งหายเข้าห้องน้ำไปเมื่อครู่ !

กำโทรศัพท์มือถือแน่น ไม่ลืมคว้ากระเป๋าสะพายของพี่สาวมาด้วยสาวเท้าไปหลังร้าน

จากโต๊ะอาหารที่หล่อนนั่งลุกมาเดี๋ยวเดียวก็ถึงหลังร้านแล้ว กฤษณะนั้นยังคงยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้องน้ำเก่าซอมซ่อ เสียงฝีเท้าที่ลงน้ำหนักแรงและเร็วมาแต่ไกลเรียกความสนใจจากเพื่อนกึ่งชายกึ่งหญิง ตกใจไม่น้อยที่เห็นเพื่อนสาวยืนจังกาอยู่ด้านหลัง

“แกมาทำไมเนี่ย”

“หลบไป !” ไม่พูดเปล่า กิดาหยันยังผลักเพื่อนไปให้พ้นทาง รายนั้นไม่ทันตั้งหลักเลยกระเด็นไปชิดขอบประตู

กิดาหยันแหวกม่านพลาสติกที่บังตาคนด้านนอก ก้าวฉับเข้ามาหาแฝดผู้พี่ที่กำลังล้างหน้าอยู่หน้าอ่างล้างมือ กิดานันท์นั้นยังหน้าซีด มองมาทางน้องสาวอย่างงงๆ เป็นฝ่ายกิดาหยันที่ยัดโทรศัพท์มือถือใส่มือคนตรงหน้า “นี่คือเหตุผลที่เธอยังใส่สร้อยคอจี้รูปหัวใจเส้นนั้นอยู่ใช่มั้ย ไหนเธอบอกว่าเลิกติดต่อกับมันแล้วไง ทำไมมันถึงยังโทร.มาหาเธออีก”

เจ้าของโทรศัพท์ขมวดคิ้วเล็กน้อยที่จู่ๆ ก็ถูกจู่โจม มองสิ่งที่อยู่ในมือแล้วต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นชื่อโยธินปรากฏบนหน้าจอในลักษณะถือสายรออยู่ แสดงว่าน้องสาวของหล่อนรับสายเขาอย่างนั้นเหรอ !

“ยะ...หยัน”

“ไหนเธอบอกว่าเลิกยุ่ง เลิกติดต่อกับมันแล้ว”

“เอ่อ...ฉัน...”

“เป็นอะไรของแกเนี่ยยัยหยันฉันงงไปหมดแล้ว แค่คนโทร.มาจะตะโกนหาสวรรค์วิมานอะไร พูดจากันดีๆ ก็ได้ เดี๋ยวคนทั้งร้านเขาก็ได้ยินกันหมดหรอก !” คนที่เพิ่งถูกยันติดประตูไปหมาดๆ ลากสังขารเข้ามาร้องห้ามทั้งที่มือข้างหนึ่งยังลูบบริเวณสะโพกตัวเองข้างที่กระแทกกับขอบประตูป้อยๆ

กิดาหยันหันขวับมาทางต้นเสียง จ้องเขม็งราวกับจะเขมือบเพื่อนเข้าท้องทั้งตัวเสียเดี๋ยวนั้น เล่นเอาอีกฝ่ายกลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก

กิดานันท์เองก็มีอาการไม่ต่างจากกฤษณะหากหนักหนาสาหัสกว่าหลายเท่า หล่อนรู้ดีว่าเวลาน้องสาวโกรธใครหน้าไหนก็ไม่สามารถต้านทานแรงพายุเฮอร์ริเคนลูกนี้ได้ทั้งนั้น

ครานั้นเองที่ ‘พายุเฮอร์ริเคน’ หันกลับมาทางแฝดผู้พี่ กิดาหยันเหยียดยิ้มชนิดรังเกียจดูแคลนคนตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด “ตามใจ...ในเมื่อเธอโกหกฉัน ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยุ่งกับเธออีก เธออยากจะเป็นเมียน้อยของมันก็เชิญ !”




สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ธ.ค. 2555, 19:04:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ธ.ค. 2555, 19:04:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1470





   บทที่ 2 >>
Auuuu 21 ธ.ค. 2555, 19:19:44 น.
ไอ้หย่ะะะะ เนื้อเรื่องน่าติดตามมากๆเลย


สรัน 21 ธ.ค. 2555, 19:23:00 น.
ขอบคุณค่า Auuuu รวดเร็วจัง จุ๊ฟๆ


nunoi 21 ธ.ค. 2555, 19:55:50 น.
น่าติดตามมากๆ ท่าทางนางเอกเราจะเอาเรื่องน่าดู


สรัน 21 ธ.ค. 2555, 20:41:27 น.
ใช่เลยพี่หน่อย เดี๋ยวจะเห็นว่าปากกิดาหยันได้ใจจิงๆ 55555


lovemuay 21 ธ.ค. 2555, 20:51:01 น.
ท่าทางพี่สาวนางเอกจะท้องแน่เลย
ว่าแต่..ตกลงยอดถึงตีพิมพ์เป็นเล่มมั๊ยคะ? ลุ้นๆๆ


สรัน 21 ธ.ค. 2555, 22:17:22 น.
อิอิ ขอเป็นความลับก่อนจ้าหมวย รันจะมาบอกอีกทีให้ชัดเจนจ้า น่ารักมากมาย ม๊วฟๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account