The song of heart...เพลงหัวใจ
“กิดาหยัน” ช่างภาพสาวประจำนิตยสารเลิฟลี่โฮมเพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้ไม่นาน ก็ต้องมาพบกับเรื่องราวอันแสนน่าเวียนหัวของพี่สาวฝาแฝด “กิดานันท์” ที่ยังคงตัดใจจากอดีตแฟนเก่าอย่าง"โยธิน" ไม่ได้ แถมเจ้าเพื่อนเวร (กิดาหยันเรียกเขาว่าอย่างนั้น) ยังมีชนักติดหลัง พา “กวินภพ” อดีตว่าที่พี่เขยที่แสนจะคุ้มดีคุ้มร้ายเข้ามาเกี่ยวพันกับคนป่วยอย่างกิดาหยันอีก

งานนี้ช่างภาพสาวจะหลุดพ้นจากมลทินที่กวินภพกล่าวหาว่าหล่อนเป็นภรรยาลับได้หรือไม่

**ข้อมูลทั้งหมดในเรื่องเป็นสิ่งที่ผู้เขียนค้นคว้าไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553**
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 2

บทที่ 2



กฤษณะมาส่งกิดาหยันที่อพาร์ทเม้นท์ในเวลาถัดมา ทีแรกเพื่อนชายกึ่งหญิงไม่ยอมท่าเดียวยืนยันจะไปส่งที่คอนโดของพี่สาวฝาแฝดให้ได้โดยอ้างว่าหล่อนยังป่วยอยู่ต้องมีคนคอยดูแล หากยามนี้กิดาหยันไม่ฟังเสียงใครทั้งนั้น หล่อนยังคงโมโหกิดานันท์เลยทำท่าจะหอบข้าวหอบของเดินกลับเองเสียอย่างนั้นร้อนถึงกฤษณะต้องจำยอมพามาส่งที่อพาร์ทเม้นท์ตามประสงค์

เมื่อเหลือเพียงตัวคนเดียวในห้องเพียงลำพัง กิดาหยันเริ่มรู้สึกว่าหัวใจดวงใหม่ชักเต้นเร็วเกินไปแล้วจึงพาตัวเองมานั่งลงบนเตียง ลูบหน้าแรงหวังจะสลัดอารมณ์ขุ่นมัวที่ทำท่าจะคุกรุ่นขึ้นมาอีกระลอกทิ้งเสีย แต่เพียงแค่หลับตา...ภาพดวงหน้าเรียวรับกับผมสั้นซอยของพี่สาวที่ซีดเซียวจนน่าใจหายก็ลอยเข้ามาในหัวสมอง

ที่ร้านมังสวิรัติเมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้ ยังไม่ทันที่อาหารจะเสิร์ฟลงโต๊ะดีด้วยซ้ำกิดานันท์ก็ขอตัวกลับไปทำงานกะทันหัน

สายตาอ้อนวอน ขอความเห็นใจจากแฝดผู้พี่ตอนกลับมานั่งที่โต๊ะอาหารด้วยกันมีเหรอกิดาหยันจะไม่เห็น หากหล่อนกลับนิ่งเฉยทำเหมือนอีกฝ่ายเป็นธาตุอากาศก็ไม่ปาน เพราะเหตุนี้ล่ะมั้งที่ทำให้กิดานันท์ตัดใจลุกออกจากร้านไปดื้อๆ ไม่แม้แต่จะบอกลาน้องสาวสักคำ หากกิดาหยันไม่โกรธแฝดผู้พี่ด้วยเรื่องแค่นี้หรอก กิดานันท์เคยสัญญากับหล่อนไว้ต่างหากว่าจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับโยธิน...เพื่อนเวรของหล่อน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นที่ร้านอาหารเมื่อครู่มันฟ้องชัดเจนว่าแฝดผู้พี่ไม่ได้รักษาคำสัญญาที่ให้หล่อนไว้สักนิด
เสียงโทรศัพท์มือถือฉุดคนที่กำลังแค้นเคืองพี่สาวหลุดจากภวังค์

กิดาหยันหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกงแล้วต้องนิ่งลงถนัดตาเมื่อเห็นเบอร์ที่บ้านสวนปรากฏบนหน้าจอ คาดว่าน่าจะเป็นบิดามารดาของหล่อนนั่นแหละที่โทรศัพท์มาหาตามเคย

“คุณหยัน นี่ลุงอินทร์เอง”

เสียงสั่นเทาตามอายุขัยผ่านสายโทรศัพท์มานั้นเรียกรอยยิ้มกว้างจากคนรับสายได้หน่อย จำได้ว่าเป็นนายอินทร์ชายมีอายุหัวหน้าคนสวนเก่าแก่ที่บ้านต่างจังหวัดนั่นเอง “ว่าไงจ๊ะลุงอินทร์ ที่บ้านเป็นยังไงบ้าง”

“ทางนี้ยังสุขสบายเหมือนเดิมครับคุณหยัน แล้วทางคุณสองคนล่ะครับ ไม่เห็นพวกคุณกลับมาเยี่ยมพวกเราที่บ้านสวนมั่งเลย คุณยิ่งกับคุณน้อมบ่นถึงคุณๆ ให้ลุงฟัง...โทร.ติดแล้วครับ” เสียงสุดท้ายเหมือนชายหัวหน้าคนสวนหันไปพูดกับใครอีกคนทางโทรศัพท์ ตามมาด้วยเสียงกุกกักแทรกเข้ามาคล้ายโทรศัพท์ถูกเปลี่ยนมือก่อนที่จะมีเสียงแหลมๆ ของหญิงมีอายุดังผ่านสายโทรศัพท์มาแทน

“เจ้าหยัน เอ็งเป็นยังไงบ้าง”

“มะ...แม่” ได้ยินเสียงมารดาโพล่งขึ้นมาเล่นเอาคนที่กำลังคุยกับหัวหน้าคนสวนอยู่ดีๆ ร้องเสียงหลง ตั้งรับไม่ทันที่คนถือสายกลับกลายเป็นน้อมจิตต์มารดาของหล่อนไปได้

น้อมจิตต์ไม่ได้สนใจเสียงหลงๆ ของลูกสาวแม้แต่น้อยยามนี้ความเป็นห่วงมีมากกว่า ถามด้วยน้ำเสียงร้อนรน “เมื่อกี้ฉันเพิ่งโทร.ไปหาเจ้านันท์มามันบอกว่าเอ็งไม่สบาย เป็นอะไรมากรึเปล่า”

“ไม่สบาย ?!” ทวนคำมารดาแล้วหน้าซีดเผือด

หลายวันมานี้ที่ต้องนอนพักฟื้นอยู่โรงพยาบาล กิดาหยันไม่ได้แวะเวียนไปเยี่ยมบิดามารดาที่บ้านสวนต่างจังหวัดเลย อย่างมากก็แค่คุยกันผ่านสายโทรศัพท์ถามสารทุกข์สุขดิบไปตามเรื่อง

คนที่บ้านสวนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนมานอนซมอยู่ที่โรงพยาบาลและนั่นทำให้คนป่วยตกใจเสียยิ่งกว่าถูกผีหลอก ไม่รู้ว่าพี่สาวฝาแฝดบอกอะไรน้อมจิตต์ไปบ้าง ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่นั่นเอง เป็นมารดาที่เอ่ยต่ออย่างคนไม่รู้เรื่องว่า “เอ็งนี่มันดื้อจริงๆ นะเจ้าหยัน ดีนะที่แค่ไข้จับ วันหลังมีอาการผิดปกติอะไรก็บอกพี่เขารู้มั้ย มีพี่เป็นนางพยาบาลทั้งทีไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ ถ้าเกิดทำงานจนล้มป่วยขึ้นมาจะว่าไงฮึเอ็ง”

“โธ่...แม่จ๋า หยันแค่ปวดเมื่อยนิดเดียวเองตามประสาคนเป็นไข้ธรรมดา แม่ไม่ต้องเป็นห่วงให้มากหรอกนะจ๊ะ” ลูกสาวโกหกไปแล้วต้องยิ้มเจื่อนขอโทษ ไหลไปตามน้ำทันทีทันใด โล่งอกที่ความยังไม่แดง

“หยันคิดถึงพ่อกับแม่ที่สุดเลยจ้ะ พักนี้งานยุ่งม๊ากมาก นี่ก็ว่ากำลังจะโทร.หาแม่อยู่พอดีเลยนะเนี่ย”

“ไม่ต้องมาพูดหวานชวนเลี่ยนประจบฉันเลย เอ็งไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว แล้วนี่เมื่อไหร่จะกลับมาบ้านสวนสักที งานที่บ้านก็มีให้ทำออกถมเถไม่รู้จะดิ้นรนไปทำที่กรุงเทพฯ ทำไม”

“โธ่แม่ คุยกันทีไรเป็นต้องวกเข้าเรื่องนี้ทุกที บ่นซ้ำซากแบบนี้ไม่เบื่อบ้างรึไง”

“ไม่เบื่อ ฉันจะบ่นจนกว่าเอ็งจะยอมกลับมาช่วยฉันที่บ้านสวนเนี่ยแหละ รวมถึงพี่สาวเอ็งด้วย”

กิดาหยันได้แต่ยิ้มขันให้คนในสาย คราวที่หล่อนกับกิดานันท์เลือกมาเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ มารดาก็บ่นแบบนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง พอเรียนจบตัดสินใจทำงานในสายอาชีพที่ร่ำเรียนมาน้อมจิตต์ก็คร่ำครวญขอร้องให้ลูกสาวทั้งสองกลับมาช่วยงานที่บ้านสวนตามที่หล่อนหวังไว้ แต่มีเหรอที่คนดื้อรั้นอย่างกิดาหยันจะฟัง

“หยันรักในอาชีพนี้นะแม่ นันท์ก็ด้วย แม่ไม่ภูมิใจเหรอไงจ๊ะที่มีลูกเก่งๆ อย่างหยันกับนันท์” ลูกสาวประจบ

คนเป็นแม่เลยได้แต่ทำเสียงบางอย่างค้านในลำคอ ถอนใจรดโทรศัพท์ “เอาเถอะ ฉันก็พูดไปอย่างนั้นเอง คลอดเอ็งมา เลี้ยงเอ็งมาแต่อ้อนแต่ออด รู้ดีว่าเอ็งมันดื้อด้านตั้งแต่เด็ก แค่ฉันได้ยินเอ็งพูดจ้อเป็นปกติก็หายห่วงแล้ว ยังไงอย่าโหมงานให้มากนักก็แล้วกัน อยู่ทางโน้นมีกันแค่สองคน ต้องดูแลกันให้ดีๆ รู้มั้ย”

“รับทราบครับผม” กิดาหยันยิ้มทะเล้นรับ

นั่นแหละเลยถูกมารดาเอ็ดเข้าให้ตามเคย “ดูพูดเข้า หัดมีความอ่อนหวานเหมือนพี่สาวเอ็งมั่งจะได้มั้ย ห้าวๆ อย่างเอ็งผู้ชายที่ไหนจะกล้าเข้าใกล้ฮึ”
“โธ่...แม่” ลูกสาวเบ้หน้าแม้รู้ว่าคนอีกฟากไม่เห็นก็ตาม มารดาชอบเปรียบเทียบหล่อนกับกิดานันท์ด้วยเรื่องพวกนี้อยู่เรื่อย





*****************************



เป็นเวลานานที่กิดาหยันนั่งมองตะกร้าผ้าอย่างตัดสินใจไม่ถูกว่าจะจัดการกับมันยังไงดี หลังจากหล่อนหยิบเสื้อผ้าที่ใส่แล้วออกจากตะกร้า คัดเอาเฉพาะตัวที่ใส่ประจำโยนใส่ตะกร้าอย่างเก่า ส่วนตัวไหนที่คิดว่าไม่ค่อยได้ใส่ก็เหวี่ยงทิ้งไปอีกฟากของห้อง โยนเข้าโยนออกแบบนี้อยู่หลายรอบ ก็ต้องมานั่งมองกองเสื้อผ้ามหึมาที่สุมรวมอยู่ในตระกร้าแล้วก็ได้แต่ถอนใจ มองเจ้าตัวปัญหาอยู่อย่างนั้น

ราเมศสั่งไว้ว่าไม่ให้หล่อนใช้แรง แล้วหล่อนจะเอาเสื้อผ้าพวกนี้ลงไปซักที่ร้านชั้นล่างได้ยังไงล่ะ
กิดาหยันเตะตะกร้าให้เลื่อนไปตามพื้นห้องก็แล้ว ใช้แรงพอประมาณลากตะกร้าผ้าออกจากห้องก็แล้ว แต่สุดท้ายก็ต้องมายืนหอบตรงปากประตู ใช่ว่าหล่อนไม่มีแรงยกหรอกนะ แต่กลัวตัวเองต้องเข้าโรงพยาบาลอีกรอบต่างหาก

ตัดสินใจโทรศัพท์เรียกยามรักษาความปลอดภัยชั้นล่างขึ้นมา อาศัยความสนิทสนมจากการเห็นหล่อนเดินเข้าเดินออกอพาร์ทเม้นท์ทุกวันมาช่วยขน

รอไม่นานคนถูกเรียกก็มาหยุดยืนที่ปากประตูห้อง “มีแค่นี้ใช่มั้ยครับคุณหยัน”

“ค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ให้มาทำอะไรแบบนี้”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ห้องอื่นๆ เขาก็ทำกันบ่อยไป แต่สำหรับคุณหยันต่อให้ต้องยกตะกร้าอีกเป็นสิบผมก็เต็มใจ”

ประโยคท้ายเล่นเอากิดาหยันไปต่อไม่ถูก ได้แต่ยิ้มเหยเกรับคำเสี่ยวๆ ของอีกฝ่าย ชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าตัวเองคิดถูกหรือคิดผิด

กิดาหยันเดินนำมารอลิฟท์ตัวที่ใกล้ที่สุด โดยมียามรักษาความปลอดภัยยกตระกร้าผ้าตามมาติดๆ ตัวเลขที่วิ่งลงมาทีละชั้นกดดันหล่อนอย่างบอกไม่ถูก ต้องลอบมองคนผิวคล้ำให้แน่ใจว่าไม่ได้คิดทำมิดีมิร้ายอยู่ด้านหลัง หันไปทีไรก็เจออีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้าง เห็นฟันขาวครบซี่จนหล่อนอดระแวงไม่ได้

ประตูลิฟท์ค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งยืนอยู่ในลิฟท์ แต่ที่ทำให้กิดาหยันยืนตะลึงค้างอยู่แค่ปากประตูคือความใกล้ชิดของหนุ่มสาวที่ยืนเบียดกันจนน่าเกลียด หน้าอกเจ้าหล่อนนั้นชนกับแผ่นอกของฝ่ายชายเต็มตา !

สัดส่วนอวบอิ่มในเสื้อแขนกุดรัดรูปกับกระโปรงบานปิดแค่ก้นดูจะถูกใจคนข้างหลังหล่อนไม่น้อย ถึงได้อ้าปากเหวอ ตานี้แทบถลนออกมานอกเบ้า

ฝ่ายชายคงตกใจที่เห็นผู้หญิงแปลกหน้ากับยามรักษาความปลอดภัยยืนชะงักอยู่หน้าลิฟท์ กระแอมเตือนให้ฝ่ายหญิงรู้ตัว เจ้าหล่อนถึงยอมกระเถิบออกห่าง

กิดาหยันตั้งหลักเล็กน้อย พยายามลืมภาพน่าเกลียดเมื่อครู่ไปเสีย ก้าวเข้ามาข้างในโดยเว้นที่ว่างไว้ให้สำหรับยามและตะกร้าผ้า

ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในตัวลิฟท์หล่อนพยายามไม่หันไปมองหนุ่มสาวคู่นั้นอีก ความเงียบปกคลุมนำพามาซึ่งบรรยากาศที่แสนอึดอัด จากห้องพักถึงชั้นล่างแค่หกชั้นแต่หล่อนกลับรู้สึกว่ามันยาวนานอย่างกับสิบชั้น เหลือบดูเลขชั้นอยู่หลายครั้ง กระทั่งถึงชั้นล่างนั่นแหละกิดาหยันถึงได้ผ่อนลมหายใจดังพรืด

รุดหน้าออกมายืนรอยามข้างนอก ตามด้วยหนุ่มสาวคู่นั้นแต่ยังไม่ทันที่แม่คุณจะก้าวพ้นประตูลิฟท์ดีก็กลับกรีดร้องเสียงแหลมบาดแก้วหู “ไอ้ยามลามก ! แก...”

“เกิดอะไรขึ้นมินนี่” ผู้ชายที่มากับสาวเจ้าถามเสียงหลง ร้อนถึงกิดาหยันต้องหันกลับไปมอง

“ก็ไอ้ยามบ้าเนี่ยสิคะ มันมาจับก้นมินนี่ มินนี่ไม่ยอมนะ คุณภพต้องจัดการมันให้มินนี่นะคะ”

กิดาหยันมองปราดมายังจำเลย รายนั้นกอดตะกร้าผ้าไว้แน่น ส่ายหน้าดิก “ผะ...ผมเปล่านะคุณหยัน”

“เปล่าอะไรไอ้ยามบ้า ! หน็อยแกคงทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนจนเคยตัวสินะ นังนี่ก็คงเคยเหมือนกัน” คนแหวชี้มาที่กิดาหยัน “ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ยืนเฉยอยู่อย่างนี้หรอก”

“อ้าวคุณ ! ฉันอยู่ของฉันดีๆ มาดูถูกกันแบบนี้ได้ยังไง”

“ก็หรือไม่จริง” ว่าแล้วก็เกาะแขนชายหนุ่มข้างกายหมับ “ดูสิคะคุณภพ คนพวกนี้มันรุมแกล้งมินนี่ มินนี่ไม่ยอมนะคะ”

“เหรอคะคุณมินนี่ ใครแกล้งใครพูดให้มันดีๆ หน่อยนะคะ” กิดาหยันแกล้งเลียนเสียงแหลมๆ ของเจ้าหล่อนเล่น เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเรื่องอะไรคนอยู่เฉยๆ อย่างกิดาหยันจะยอม หล่อนไม่เคยยอมให้ใครหน้าไหนมาด่าฟรีอยู่แล้ว


“กรุณาสงบสติอารมณ์แล้วช่วยดูสารรูปตัวเองด้วย อย่ามองผู้หญิงคนอื่นเขาเป็นเหมือนคุณ”

“แกหมายความว่าไง”

“หมายความว่าไง?” กิดาหยันแค่นหัวเราะในความคำถามงี่เง่านั้น “ฉันเองก็ไม่อยากจะพูดมากหรอกนะ แต่คุณช่วยเอาสมองอันน้อยนิดคิดสักนิดว่าไอ้การแต่งตัวของคุณตั้งแต่หัวจรดเท้าเนี่ยมัน...” ริมฝีปากบางยิ้มเหยียดประกอบ “ท่อนบนก็ปิดมิดชิดดีหรอก แต่ท่อนล่างเนี่ยสิ อีกคืบเหลือไว้ทำไมแม่คุณ ใส่แบบนี้ถอดมันเลยยังจะดีซะกว่า”

“นี่แก...!”

“อ๊ะๆ อย่าเพิ่งกรี๊ด ฉันยังพูดไม่จบ ฉันกำลังจะบอกคุณว่าของแบบนี้จะมาว่าฝ่ายชายเพียงฝ่ายเดียวมันไม่ถูก แต่งตัวแบบคุณ ขนาดฉันเป็นผู้หญิงยังมองนับประสาอะไรกับผู้ชาย ไม่แปลกถ้าเขาจะยิ่งกว่ามอง”

“แก...!” หญิงสาวที่แทนตัวเองว่ามินนี่กรีดร้องลั่นอพาร์ทเม้นท์ จนกิดาหยันต้องปิดหู

อีกฝ่ายจะกระโจนเข้าตบแต่ไม่ทันกิดาหยันถอยหลังหนี คนตบจึงเกือบหน้าคะมำยังดีที่มีมือของชายหนุ่มคว้าไว้ทัน

สีหน้าฝ่ายชายยุ่งเสียจนกิดาหยันอดหัวเราะไม่ได้ ต้องกลั้นยิ้มสุดฤทธิ์ เขาคงรำคาญยัยมินนี่ไม่แพ้กันแต่จำต้องช่วยเพราะเป็นผู้หญิงของเขา “พูดแบบนี้มันไม่มากไปหน่อยเหรอคุณ ถ้าคนของคุณผิด ขอโทษเสียก็สิ้นเรื่อง”

“ยามนี่ไม่ใช่คนของฉัน !” หน็อย...มีอย่างที่ไหนมาบอกว่ายามหื่นกามนี่เป็นของหล่อน

“แต่ในเมื่อเขามากับคุณ เขาก็ถือว่าเป็นคนของคุณ”

“เอ๊ะ! ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ใช่คนของฉัน”

“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมรู้ว่ายามคนนี้เขาแค่มาช่วยคุณ...ว่าไงอยากจะให้ฉันไปรายงานความประพฤติเมื่อครู่ให้หัวหน้าของนายทราบ หรือจะยอมขอโทษคุณผู้หญิงเขาดีๆ” ประโยคท้ายเขาหันไปกำราบยามที่ตอนนี้ยืนตัวลีบอยู่หลังกิดาหยัน พอได้ยินคำว่า ‘หัวหน้า’ เจ้าตัวถึงกับมือไม้สั่นพาลจะทำตะกร้าผ้าหลุดมือเสียเดี๋ยวนั้น

“ยะ...อย่านะครับคุณ ผะ...ผมยอมแล้ว”

“อย่าเพิ่ง” กิดาหยันค้าน กอดอกมองมาทางยามสลับกับมินนี่ “ในเมื่อคุณบอกว่ายามคนนี้เป็นคนของฉัน งั้น...ถ้าคนของฉันยอมขอโทษคนของคุณ คนของคุณก็ต้องขอโทษฉันเหมือนกัน”

“แกว่าอะไรนะ” มินนี่แหวขึ้นมาอีกรอบ ถูกใจกิดาหยันเป็นที่สุด

“ฟังไม่ผิดหรอกค่ะคุณมินนี่ อย่าลืมสิคะว่าคุณก็ดูถูกฉัน”

“คุณภพ !” มินนี่ค้านเสียงสูง “อย่ามาเสียเวลาฟังนังนี่มันพร่ามอยู่เลยค่ะ ยังไงนังนี่มันก็ต้องเข้าข้างคนของมันอยู่แล้ว”

“นี่คุณมินนี่ ช่วยเปลี่ยนสรรพนามใหม่ด้วยนะคะ ฉันชื่อกิดาหยัน ไม่ใช่นังโน่นนังนี่อย่างที่คุณใช้เรียกฉันอยู่ เคยได้ยินมั้ยคะว่าสำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล”

“นี่แกด่าฉันเหรอ...”

กิดาหยันส่ายหน้าระอา อยากจะให้พูดซ้ำใช่มั้ยยัยมินนี่

แสร้งถอนใจใส่คนตรงหน้า “เฮ้อ...ผู้หญิงสมัยนี้หน้าตาก็ออกสะสวย ไม่น่าทำตัวให้ดูด้อยค่าเลย ฉันเสียดายความสวยของคุณจริงๆ”

ไม่รอฟังเสียงกรีดร้องรำคาญหู กิดาหยันก็เรียกยามด้วยสายตาให้เดินตามออกมา ไม่ต้องหันกลับไปมองก็นึกภาพออกว่าเจ้าหล่อนคงเต้นเร่า ชี้นิ้วด่าหล่อนอยู่ข้างหลังแน่

“วางตรงนี้แหละ” กิดาหยันชี้บอกเมื่อถึงร้านซักรีดใต้อพาร์ทเม้นท์

ยามรักษาความปลอดภัยวางตะกร้าลงหน้าเครื่องซักผ้าตามคำสั่งก่อนปาดเหงื่อที่เริ่มซึมตามหน้าผาก “ขอบคุณนะครับคุณหยันที่ช่วยผมจากคนพวกนั้น”

กิดาหยันยิ้มเหยเก รู้อยู่แก่ใจว่ายัยมินนี่นั่นโดนคนของหล่อนแต๊ะอั๋งชัวร์ โบกปัดไม่สนใจในคำขอโทษนั้น “ถือว่าหายกันก็แล้วกัน คุณอุตส่าห์ช่วยฉันถือตะกร้าผ้าลงมานี่”

อีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างชวนสยองเหมือนเคย หากคราวนี้ไม่พูดอะไรให้ขัดหูนอกจากขอตัวกลับไปปฏิบัติหน้าที่

กิดาหยันโยนเสื้อผ้าลงเครื่องซักผ้า ตั้งคำสั่งบนตัวเครื่องครู่หนึ่งก็ออกมามือเปล่าเดินเล่นรอบตึกไปเรื่อยเปื่อยฆ่าเวลา หมอราเมศเคยบอกไว้ว่าการเดินถือเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งที่ผู้ป่วยหลังการผ่าตัดหัวใจควรหมั่นทำเป็นประจำ และหล่อนในฐานะที่เป็นคนไข้แสนจะว่าง่ายของเขามีเหรอจะไม่ทำตาม หล่อนจึงเลือกเข้าร้านมินิมาร์ทแถวนั้น หาซื้อนิตยสารอ่านเล่นกับแผ่นเพลงสักสองสามแผ่นไว้สำหรับเปิดฟังในห้องแก้เหงา ก่อนจบลงด้วยการขอแรงหญิงสาวที่เฝ้าร้านซักรีด ช่วยยกตระกร้าที่อัดแน่นด้วยบรรดาเสื้อผ้าที่เพิ่งผ่านการซักและอบแห้งจากร้านของเจ้าหล่อนกลับขึ้นไปบนห้อง

เพียงแง้มประตูเข้าไป กิดาหยันก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือกรีดร้องอยู่บนหัวเตียง ร้อนถึงเจ้าของโทรศัพท์ต้องวิ่งถลาเข้าไปรับทั้งที่ปากยังเอ่ยบอกหญิงสาวให้วางตระกร้าทิ้งไว้กลางห้อง ไม่ทันรับสายคนโทร.เข้ากลับวางสายไปแล้ว

นิ่วหน้าเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอนั้นเป็นชื่อของราเมศ เงยหน้ามาอีกทีหญิงสาวเมื่อครู่กลับไม่อยู่ในห้องเสียแล้ว สงสัยหล่อนคงไม่อยากทิ้งร้านไว้นานโดยไม่มีคนดูแล

กิดาหยันอ่านตัวเลขที่แสดงผลบนหน้าจอ มีสายโทร.เข้าถึงห้าสาย และทุกสายเป็นเบอร์โทรศัพท์ของราเมศทั้งสิ้น เท่าที่จำได้ ยังไม่ถึงวันนัดของหล่อนเลยนี่นา หรือว่าเขาจะโทร.มาเลื่อนนัด

คิดได้เช่นนั้นจึงกดโทร.หาเขา ยังไม่ทันได้ยินเสียงรอสายคนอีกฟากก็กดรับทันที “คุณติดธุระอยู่รึเปล่า”
การที่ราเมศยิงคำถามเร็วทำให้กิดาหยันต้องตั้งหลักเล็กน้อย “ปละ...เปล่าค่ะ เผอิญเมื่อกี้ฉันเอาผ้าไปซักเลยไม่ได้เอาโทรศัพท์มือถือลงไปด้วย”

“เอาผ้าไปซัก ?” ราเมศเสียงสูงทันควัน ร้อนถึงกิดาหยันต้องอธิบายยกใหญ่

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณหมอ แค่ลากตระกร้าผ้าไปที่ประตูห้องฉันยังไม่มีแรงจะลากเลย นับประสาอะไรกับจะยกตระกร้าผ้าทั้งตระกร้าลงไปชั้นล่างล่ะคะ ฉันให้คนที่นี่ช่วย”

ราเมศเงียบไปครู่หนึ่งเขาพอใจที่คนป่วยปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด กิดาหยันได้ยินเสียงเขาพ่นลมหายใจใส่กระบอกโทรศัพท์เบาๆ “ผมอยากให้คุณมาโรงพยาบาลตอนนี้เลยจะได้มั้ย”

“ตอนนี้เลยเหรอคะ ละ...แล้วทำไมฉันต้องไปโรงพยาบาลด้วย หรือว่ามีอะไรผิดปกติในตัวฉัน”

“ไม่ได้เกี่ยวกับตัวคุณหรอกคุณหยัน แต่เกี่ยวกับพี่สาวคุณต่างหาก”




สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ธ.ค. 2555, 15:41:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ธ.ค. 2555, 15:41:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1259





<< บทที่ 1   บทที่ 3 >>
Auuuu 22 ธ.ค. 2555, 16:54:36 น.
พี่สาวท้องแน่เลยยยย


lovemuay 22 ธ.ค. 2555, 20:16:04 น.
พระเอกแน่เลย?


สรัน 23 ธ.ค. 2555, 17:41:50 น.
เอ๋ๆ เม้น2คนนี้ มีแต่ แน่เลย 555555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account