ลวงใจให้ไกลรัก

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 2 : ค้นหาตัวเอง

ตอนที่2 ค้นหาตัวเอง

คฤหาสน์หลังใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองท่ามกลางธรรมชาติวิวทิวทัศน์อันสวยงามที่ปลูกขึ้นเองด้วยเนื้อที่อันกว้างขวาง นายอภิวากร บวรธนากูล หรือเอิร์ท ชายหนุ่มรูปหล่อหน้าหวาน ผิวขาวนวลราวกับสตรี หุ่นดีปานนายแบบ เขาเป็นลูกชายคนโตของ นายอลงกรณ์ บวรธนากูล เจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตอะไหล่คอมพิวเตอร์ แต่ชายหนุ่มเองกลับไม่สนใจที่จะสืบทอดธุรกิจต่อจากครอบครัว อภิวากรกลับแอบไปเรียนต่อด้านดนตรีที่ตัวเองชอบ และเป็นที่ไม่พอใจของผู้เป็นพ่อยิ่งนัก เมื่อความลับแตก นายอลงกรณ์รู้สึกผิดหวังในตัวลูกชายมากทั้งที่เขาเอาใจลูกทุกอย่างไม่ว่าชายหนุ่มจะขออะไร และเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งถอยรถสปอร์ตป้ายแดงให้เพราะหวังว่าลูกจะได้เอาไว้ขับไปเรียนหนังสือ



นายอลงกรณ์ กลับจากกินงานเลี้ยงบริษัทด้วยอาการมึนเมา มาได้ยินเสียงลูกชายนั่งเล่นกีต้าร์ตัวโปรดอยู่ในห้องรับแขก ก็เกิดอาการฉุนขึ้นทันที

“นี่เอิร์ท แกจะเล่นให้มันได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ไอ้กีต้าร์เนี่ย”

คุณอลงกรณ์ พูดขึ้นด้วยความโมโห แต่อภิวากรกลับทำเป็นไม่สนใจและไม่เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำ เพราะตั้งแต่วันที่ความลับแตกก็ดูเหมือนพ่อลูกคู่นี้จะไม่ค่อยกินเส้นกันเสียแล้ว

“ถ้าแกไม่หยุดพ่อจะทุบทิ้งเดี๋ยวนี้นะ”

นายอลงกรณ์พูดขู่ แต่มันไม่ได้ผล เพราะชายหนุ่มยังคงก้มหน้าเล่นต่อไป อย่างท้าทายอารมณ์เดือดของพ่อ

“พ่อบอกให้หยุด แกไม่ได้ยินหรือไงห๊า!”

คราวนี้ผู้เป็นพ่อพูดตะคอกใส่เสียงดัง พร้อมกับแย่งกีต้าร์ในมือของชายหนุ่มมาถือไว้ ก่อนจะโยนมันทิ้งลงพื้นแล้วกระทืบซ้ำต่อหน้าต่อตาชายหนุ่ม อภิวากรลุกขึ้นมองหน้าพ่อสลับกับมองกีต้าร์ตัวโปรดที่ถูกทิ้งคอหักอย่างเจ็บปวด

“มันจะมากเกินไปแล้วนะพ่อ เลิกมาบงการชีวิตผมซักที ผมเริ่มจะเบื่อเต็มทนแล้ว”

อภิวากรพูดเสียงกร้าวออกมาอย่างอัดอั้นตันใจไม่คิดว่าพ่อจะกล้าทำถึงเพียงนี้ คุณหญิงวิมล บวรธนากูล และคนใช้ที่อยู่ใกล้เหตุการณ์ต่างพากันออกมาดูเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น

“เกิดอะไรขึ้นน่ะลูก”

คุณหญิงวิมล ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วงแต่ก็ไม่มีคำตอบใดของทั้งสองพ่อลูก แต่พอมองเห็นกีต้าร์ที่พังแล้วกองอยู่ที่พื้นก็พอจะเข้าใจเพราะปัญหานี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง แต่คราวนี้ดูเหมือนจะหนักกว่าที่ผ่านมา

“ถ้าแกไม่อยากให้ฉันบงการชีวิตแกนะ แกก็ไม่ต้องมาเป็นลูกฉัน สมบัติทุกอย่างฉันจะยกให้เจ้าอ๊อดน้องชายแกคนเดียว เพราะมันกตัญญูแถมยังไม่เกเรเหมือนแกด้วย”

นายอลงกรณ์ต่อว่าลูกชายคนโตและพูดชมนายอภิวัฒน์ บวรธนากูลลูกชายคนเล็กด้วยความภาคภมิใจซึ้งที่ตอนนี้ไปศึกษาอยู่ต่างประเทศตามคำขอของพ่อ

“ก็ได้ ถ้าพ่อต้องการแบบนั้น”

ชายหนุ่มขบกรามพูดเสียงลอดไรฟัน ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปขึ้นรถสปอร์ตป้ายแดงคันหรู แล้วขับออกไปด้วยความเร็วสูงจนรถพุ่งเกือบเสียหลัก

“เอิร์ท! เอิร์ท! จะไปไหนลูก”

คุณหญิงวิมลกึ่งวิ่งกึ่งเดินร้องเรียกตามลูกชายด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุ แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจยังคงเหยียบคันเร่งเต็มที่อย่างคนขาดสติ



ผ่านไปหลายวันแล้วที่อภิวากรไม่ยอมกลับบ้าน หลังจากที่ทะเลาะกันกับพ่อ ชายหนุ่มมาอาศัยอยู่ห้องเช่าราคาถูกกับเพื่อนที่ชื่อเมธา ทั้งสองรู้จักกันจากการแนะนำของเพื่อนอีกทีหนึ่ง แต่ด้วยความที่มีใจรักดนตรีเหมือนกันทำให้ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว แม้อภิวากรจะมีฐานะแตกต่างกับเมธามากยิ่งนัก แต่ชายหนุ่มก็ทำตัวติดดินและไม่เคยยกเอาฐานะตัวเองมาโอ้อวดกับใคร

“ไอ้เมธที่ผับเขารับสมัครคนอีกหรือเปล่า ข้าอยากทำงานว่ะ”

อภิวากรถามถึงที่ทำงานของเพื่อน เมธามองหน้าชายหนุ่มอย่างแปลกใจ ว่าอภิวากรรวยขนาดนี้ยังจะต้องทำงานกระจอกแบบนี้อีกหรอ

“แล้วเอ็งอยากทำงานอะไรในผับล่ะ”

เมธาถามด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง เพราะคิดว่าเพื่อนแค่พูดเล่นเท่านั้น

“เล่นกีต้าร์”

อภิวากรตอบอย่างไม่ต้องคิดเพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาถนัด

“พูดจริงหรือวะเนี่ย”

เมธาเลิกคิ้วหนาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เพราะกลัวว่าเพื่อนจะหาอะไรทำแก้เซ็งเฉยๆ

“เออ..ข้าพูดจริง”

อภิวากรพูดเสียงหนักแน่น เพราะเขาอยากมีเงินเป็นของตัวเองจะได้ไม่ต้องไปกดของพ่อแม่มาใช้ให้เสียฟอร์ม

“เดี๋ยวเย็นนี้จะถามเจ้แหม่มให้”

เมธาพยักหน้าและรับปากเพื่อนว่าช่วยฝากงานให้



เมื่อถึงเวลาทำงานเมธาจึงชวนอภิวากรไปด้วยเสียเลย พอไปถึงเมธาก็แนะนำเพื่อนใหม่ให้เจ้แหม่มรู้จัก เพียงเมธาบอกว่าพาเพื่อนมาสมัครงาน เจ้แหม่มก็พร้อมจะอ้าแขนรับและให้ชายหนุ่มเริ่มงานได้ทันที เหตุผลก็คืออภิวากรมีหน้าตาหล่อเหลาผิวพรรณขาวผ่องคงจะเรียกสาวๆ ให้เข้าร้านได้ดีทีเดียว และถ้าความสามารถของชายหนุ่มออกมาดีขี้คร้านที่เธอจะรับเงินเป็นกอบเป็นกำอย่างแน่นอน เจ้แหม่มได้แต่มองอภิวากรและนึกชมในใจว่าช่างเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีเอามากๆ ขนาดเธอแก่แล้วยังนึกอยากอยู่ใกล้เลย

อภิวากรและเพื่อนร่วมวงพากันซ้อมเล่นและร้องก่อนขึ้นเวทีจริง ชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่แล้วจึงไม่ยากอะไรสำหรับเขา เมื่อซ้อมเสร็จก็ได้เวลาเล่นจริงแล้วทุกคนต่างเตรียมเครื่องดนตรีของตัวเองส่วนเมธานั้นไม่ต้องเตรียมอะไรมากมายแค่พกพาเสียงอันไพเราะมาด้วยก็พอ

“น้องๆ มือกีต้าร์คนนั้นมาใหม่หรอพี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย”

อุไรวรรณสาวแก่ที่เป็นแขกประจำของผับนี้เรียกเด็กเสิร์ฟเข้ามาถามอย่างรู้สึกต้องตาต้องใจเด็กหนุ่มที่อยู่บนเวที

“ครับ เขาเพิ่งมาเริ่มงานเป็นวันแรก พี่มีอะไรให้ผมรับใช้หรือเปล่าครับ”

เด็กเสิร์ฟที่รู้จักมักคุ้นกันดีกับสาวแก่ผู้นี้ตอบและถามในประโยคเดียวกันอย่างคาดเดาได้ว่าเธอคงสนใจเด็กใหม่คนนั้นอย่างแน่นอน

“พี่อยากรู้จักเขาหลังจากเล่นเพลงนี้จบให้เขามาหาพี่ที่โต๊ะด้วยนะ”

พูดจบอุไรวรรณก็ยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัยพลางส่งสายตาพราวระยับไปบนเวที

“กรี๊ด! พวกแกดูนั่นสิคนอะไรโคตรหล่อเลยว่ะ”

เสียงสาวๆ จากโต๊ะข้างๆ ดังขึ้นพร้อมกับชี้ไม้ชี้มีให้กันดูและมันก็เป็นคนเดียวกับที่อุไรวรรณหมายตาเอาไว้เช่นกันทำให้สาวแก่ร้อนตัวหันขวับไปมองสาวโต๊ะข้างอย่างไม่พอใจและดูเหมือนกลุ่มสาวๆ ก็จ้องตอบไม่ยอมลดละเช่นกัน

“มองทำไมอีแก่”

จากสายตาที่จ้องเขม้นกันเฉยๆ ในตอนแรก ตอนนี้ก็เริ่มมีเสียงด่าตามมาเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดสายตา อุไรวรรณสะอึกกับคำด่าที่แสนเจ็บแสบและตอกย้ำอายุตัวเองทำให้เธอทนนั่งต่อไปไม่ไหว อุไรวรรณตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะลุกเดินเข้ามาหากลุ่มสาวๆที่ดูเหมืนจะสะใจกับคำด่าของเพื่อน

“พวกเธอว่าใครแก่ห๊า!”

อุไรวรรณตะคอกเสียงแหลมกลับไปอย่างไม่นึกกลัวว่าจะถูกรุมทำร้ายทั้งที่มาคนเดียวเพราะเพื่อนที่นัดกันไว้ยังมาไม่ถึง

“ก็ว่าคุณป้านั่นแหล่ะค่ะ”

เด็กสาวคนหนึ่งสวนกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพและยังทำหน้าตาอินโนเซ้นท์ใส่

“กรี๊ด ! พวกแกอย่าอยู่เลย”

อุไรวรรณตรงเข้าไปตบปากเด็กสาวคนนั้นทันที แล้วจากนั้นก็เกิดการตะลุมบอนกันขึ้น จนการ์ดและเด็กเสิร์ฟต้องเข้ามาห้ามกันยกใหญ่ และต้องหยุดการแสดงไว้ชั่วครู่ก่อน สุดท้ายทุกคนที่ก่อเรื่องก็ถูกไล่ออกจากร้านโดยต้องเสียเงินค่าปรับที่ทำข้าวของร้านเสียหายก่อน



เสียงมือถืออภิวากรดังขึ้นเป็นรอบที่สามแต่ก็ยังไม่มีวีแววว่าเจ้าของเครื่องจะเดินมารับ และมันก็ดังขึ้นอีกครั้งเป็นรอบที่สี่พอดีกับอภิวากรกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จ

“ฮัลโหล ครับแม่”

“เป็นไงบ้างลูกสบายดีหรือเปล่า”

คุณหญิงวิมลถามลูกอย่างเป็นห่วง

“ผมสบายดีครับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงตอนนี้ผมได้งานทำแล้ว”

“หา เราน่ะหรอทำงาน”

คุณหญิงวิมลถามซ้ำอย่างไม่อยากจะเชื่อและยิ่งสงสารลูกอีกที่ต้องตกระกำลำบากไปเป็นลูกจ้างเขาทั้งที่บ้านตัวเองก็ใช่ว่าจะฐานะต่ำต้อย

“ครับ”

“เอิร์ทกลับบ้านเถอะลูกอย่าทนลำบากอีกต่อไปเลย วันนั้นพ่อเราเมาเลยอารมณ์เสียไปหน่อย เดี๋ยวกลับมาแล้วแม่จะพาไปซื้อกีต้าร์ตัวใหม่ก็ได้ ยี่ห้อดีๆมีอีกเยอะแยะ ที่พังไปแล้วก็ช่างมันเถอะนะ”

คุณหญิงวิมลหาคำมาหว่านล้อมลูกหวังให้ชายหนุ่มกลับบ้าน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล

“ไม่ล่ะครับผมขอเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ดีกว่า ฝากขอโทษคุณพ่อด้วยที่ทำตัวเป็นลูกอกตัญญู งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ”

ชายหนุ่มคุยกับแม่แค่ไม่กี่ประโยคก็วางสายเพราะรู้สึกสงสารท่านและอาจทำให้เขาใจอ่อนจนเสียความตั้งใจที่จะเดินตามชีวิตตัวเองได้

คุณหญิงวิมลรู้สึกกระวนกระวายเมื่อโทร.ตามลูกชายให้กลับบ้านแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังยืนยันคำตอบเดิมคือไม่คุณหญิงวิมลจึงมาโมโหให้นายอลงกรณ์แทน ข้อหาไล่ลูกชายเธอออกจากบ้าน

“เพราะคุณคนเดียว ตาเอิร์ทเลยต้องร่อนเร่พเนจรแบบนี้”

คุณหญิงวิมลต่อว่าสามีด้วยใบหน้าบึ้งตึง ซึ้งก่อนหน้านี้ก็เคยทะเลาะกันเรื่องอภิวากรมาแล้วหลายรอบ

“ปล่อยมันไปไอ้ลูกไม่รักดี เดี๋ยวเงินหมดมันก็กลับมาเองแหล่ะ”

นายอลงกรณ์พูดเสียงห้วน ไม่ได้สนใจกับความเป็นอยู่ของลูกชายในตอนนี้สักนิด เพราะคิดว่าอภิวากรคงไปได้ไม่กี่น้ำ สุดท้ายก็ต้องมางอนง้อตัวเองเหมือนเดิม

“คุณมันใจร้าย ป่านนี้ลูกจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

คุณหญิงวิมลพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วง เพราะลูกชายยังไม่เคยเจอกับความยากลำบากเงินทองก็มีแต่พ่อแม่หยิบยื่นให้ และอีกอย่างชายหนุ่มก็ไม่เคยทำอะไรเลยนอกจากเรียนหนังสือและเที่ยวเตร่ไปวันๆ แม้ความจริงอภิวากรจะบอกว่าอยู่ได้ไม่ต้องเป็นห่วงก็ตาม



อัญชัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ธ.ค. 2555, 22:19:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ธ.ค. 2555, 22:19:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 1258





<< ตอนที่ 1 : หนีเที่ยว   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account