อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: บทส่งท้าย

บทส่งท้าย

ตฤณนั่งนิ่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เสื้อเชิ้ตสีฟ้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยเลือดของคนรักที่ยังอยู่ในห้องฉุกเฉินมาร่วมสามชั่วโมงแล้ว เขายังจะวินาทีที่เห็นรถสปอร์ตของตะวันฉายพุ่งเข้าใส่รถบรรทุกอย่างแรงได้อย่างดี ทันทีที่รถหยุด เขาก็ถลาเข้าไปดูร่างของดาวเหนือที่นอนนิ่งไม่ได้สติ ของเหลวสีแดงไหลออกมาจากศีรษะ แขนขวาหักงอผิดรูป หัวใจของเขาแทบหยุดเต้น แต่นายตำรวจหนุ่มที่เข้าไปสำรวจชีพจรบอกว่าหญิงสาวยังมีชีวิตอยู่

‘คุณตฤณ...คุณตะวันฉายเสียชีวิตแล้วครับ’

ร้อยตำรวจเอกนพนธ์ตะโกนบอกเขาที่กำลังมองเจ้าหน้าที่กู้ภัย นำร่างของดาวเหนือขึ้นรถพยาบาล ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปหา แล้วก็ต้องเบือนหน้าหนี ไม่กล้ามองสภาพอันน่าสยดสยอง ฝั่งคนขับที่ตะวันฉายนั่งนั้นเละไม่มีชิ้นดี ต่างจากฝั่งของดาวเหนือที่แค่กระจกแตก ประตูยุบ ดวงตายาวรีที่เคยดูถูกผู้อื่นอยู่เสมอ เบิกกว้างแต่ไร้แววของการมีชีวิต คอยาวระหงหักงอจนแทบจะหมุนรอบได้ หน้าอกสวยที่เจ้าตัวภูมิใจนักหนาโดนกันชนของรถบรรทุกเสียบทะลุ เลือดไหลนอง

ตฤณมองอย่างเวทนาคนที่ภูมิใจกับความงามของตนเองมาตลอดอย่างตะวันฉาย วันนี้ต้องมีจุดจบไม่ต่างจากคนที่โดนเธอฆ่า นี่ล่ะนะที่เขาเรียกกงกรรมกงเกวียน ชายหุ่มปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการนำศพของตะวันฉายขึ้นรถมูลนิธิ ตัวเขาขึ้นรถพยาบาลมากับดาวเหนือระหว่างทางก็โทรศัพท์หาวีกิจ เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังและฝากให้ดูแลตรีทิพย์

“ตฤณ!” ชายหนุ่มหันไปมองคนเรียก คุณชนะชัยเดินหน้าเครียดมาหาว่าที่ลูกเขย นัยน์ตาที่ผานร้อนผ่านหนาวมามากแดงก่ำ ถามเสียงสั่น ด้านหลังมีพรายจันทร์ประคองคุณมินตราตามมา

“ยายดาวเป็นยังไงบ้าง”

“ยังอยู่ในห้องผ่าตัดอยู่เลยครับ เมื่อสักครู่คุณหมอออกมาบอกว่าน้องดาวเสียเลือดมาก เพราะแผลที่ศีรษะมีขนาดใหญ่ พวกเขากำลังให้เลือดอยู่ครับ”

“แล้วตะวันล่ะตฤณ ตะวันอยู่ไหน” คุณมินตราโผเข้าหาชายหนุ่ม ถามถึงลูกสาวคนโตของเธอด้วยน้ำตานองหน้า ถึงจะเลวจะชั่วอย่างไร อีกฝ่ายก็เป็นลูก พรายจันทร์ประคองมารดาที่เกิดอาการหน้ามืด

“ใจเย็นๆค่ะแม่”

“แม่เป็นห่วงตะวัน ตะวันไม่น่าทำอย่างนี้เลยลูกเอ๊ย” นางฟูมฟายอย่างน่าสงสาร จนตฤณไม่อาจจะบอกออกไปว่าลูกสาวของนางไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แล้ว ชายหนุ่มมองสบตากับคุณชนะชัยอย่างหนักใจ แต่ท่านพยักหน้าให้บอก

ตฤณทรุดลงตรงหน้าคุณมินตรา บีบมือท่านเบาๆ “แม่มินครับ คุณตะวันฉายเสียชีวิตแล้วครับ”

คุณมินตราอึ้งตะลึง นางส่ายหน้าไปมา น้ำตาไหลอาบ ปากก็พร่ำพูดเพียงประโยคเดียว

“ไม่จริง ไม่จริง ตะวันยังไม่ตาย ตะวันฉายของแม่ ฮือ ฮือ”

คุณชนะชัยลูบหน้าตนเอง เดินเข้าไปโอบกอดภรรยาเอาไว้ โยกตัวเบาๆ พรายจันทร์ลุกขึ้นมายืนข้างตฤณปล่อยหน้าที่ปลอบใจมารดาให้เป็นของบิดา หญิงสาวสะอื้นไม่หยุด ยกมือปาดน้ำตาที่ยังคงรินไหล แม้เธอกับตะวันฉายจะไม่พี่น้องที่รักกัน เสียสละให้กันได้ทุกอย่าง แต่ก็โตมาด้วยกัน ความผูกพันย่อมต้องมี แต่สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตะวันฉายก่อกรรมเอาไว้มาก ก็ต้องได้รับกรรม

ตฤณย่อตัวลงนั่งตรงหน้าคุณมินตรา สองมือพนมก้มลงกราบที่ตักของนาง “ผมขอโทษครับ ผมเป็นต้นเหตุที่ทำให้คุณตะวันฉายต้องตาย”

คุณมินตรามองชายหนุ่มรุ่นลูก อยากจะโกรธ อยากจะเกลียดแต่ก็ทำไม่ลง เพราะรู้ดีว่ามันไม่ใช่ความผิดของชายหนุ่มทั้งหมด ตฤณแค่ผิดที่ไปหลอกใช้ความรักของตะวันฉายเพื่อหาฆาตกรที่ฆ่ามารดาของคนรัก

ส่วนตะวันฉายผิดที่ไม่ควบคุมอารมณ์พลั้งมือฆ่าคนบริสุทธิ์ ถ้าจะสาวไปถึงต้นตอของความผิดคงต้องโทษตัวเธอเองที่ไม่อธิบายให้ตะวันฉายเข้าใจเรื่องของคุณชนะชัยและคุณบุษบา

เธอประมาทเพราะคิดว่าตะวันฉายจะเข้าเรื่องทั้งหมดเองเมื่อโตขึ้น แต่เปล่าเลยมันกลายเป็นปมที่ทำให้ตะวันฉายไม่เคยมีความสุขในชีวิต คอยแต่อิจฉาริษยาดาวเหนืออยู่ร่ำไป หากเธอพูดออกไปให้ตะวันฉายได้เข้าใจว่าคุณบุษบาไม่ได้เข้ามาแย่งความรัก แต่เข้ามาช่วยทำให้เธอเข้าใจในตัวสามีดีขึ้น เรื่องทั้งหมดคงไม่จบลงแบบนี้

คุณมินตรากุมมือของตฤณเอาไว้ ยิ้มบางๆ “ไม่ใช่ความผิดของตฤณหรอก แม่ผิดเองที่ไม่เข้าใจความเจ็บปวดของตะวัน แม่ผิดเอง”

“คุณไม่ผิดคุณมิน ตะวันไม่ผิด ดาวไม่ผิด ไม่มีใครผิดเลยนอกจากผม ผมเป็นต้นเหตุของแผลในใจตะวันฉาย” คุณชนะชัยบอกภรรยาเสียงเครือ ท่านดันตัวออกมองใบหน้าเปื้อนรอยน้ำตาของคู่ชีวิต

“หากผมไม่อ้างกับตัวเองว่าเหงา ผมก็คงไม่ต้องไปที่ร้านของบุษ ไม่รู้สึกดีกับเขาจนทำผิดกับคุณ ไม่พาเขาเข้ามาในบ้าน ไม่มียายดาว เรื่องทั้งหมดก็คงไม่เกิด ทุกอย่างเป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของผม ผมขอโทษ”

คุณมินตราพยักหน้า เธอให้อภัยเขาหมดทุกอย่าง ไม่เคยโกรธเขาเลยเพราะเขาเป็นคนที่เธอรัก เป็นสามีที่ดี เป็นพ่อของลูกสาวแสนเก่ง แสนน่ารักถึงสามคน ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกพร้อมร่างของคุณหมอในชุดผ่าตัดสีเขียวจะเดินออกมา ตฤณตรงเข้าไปหาทันที ตามด้วยคุณชนะชัย คุณมินตราและพรายจันทร์

“คุณหมอครับ แฟนผมเป็นยังไงบ้าง”

“คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วครับ มีแค่แผลที่ศีรษะกับกระดูกที่แขนหัก หมอเข้าเฝือกให้แล้ว แล้วก็อวัยวะภายในบอบช้ำเล็กน้อย ไม่เป็นอันตรายอะไรแล้ว เดี๋ยวหมอจะย้ายคนไข้ไปที่ห้องพักฟื้นนะครับ”

ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก คุณชนะชัยหันมาหาตฤณ จัดการฝากฝัง

“พ่อฝากยายดาวด้วยนะตฤณ ต้องไปจัดการเรื่องศพยายตะวัน ถ้าน้องฟื้นแล้วโทรบอกพ่อทีนะ” ก่อนจะหันไปหาลูกสาวคนรอง “ยายจันทร์ไม่ต้องไปหรอก พ่อกับแม่ไปเองได้ เรากลับไปอยู่กับคุณย่าเถอะ ป่านนี้คงกังวลแย่ ตาพัดก็ปลอดภัยแล้วนี่”

พัดยศถูกนำส่งมาที่โรงพยาบาลเดียวกัน โชคดีที่กระสุนนัดนั้นของตะวันฉายแค่เฉียดๆไม่ได้ฝังใน ไม่งั้นคงอาการหนักกว่านี้อีกเยอะ นี่หมอแค่ทำความสะอาดแผล และให้ยาแก้ปวดลดไข้ พร้อมให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลอีกคืนกันเอาไว้ก่อน

พรายจันทร์มองมารดาอย่างลังเล คุณมินตราที่รู้ถึงความลำบากใจของลูกสาว ส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน

“ไม่ต้องห่วงแม่หรอกจันทร์ แม่มีพ่อดูแลอยู่แล้ว ไปดูคุณย่าเถอะ ท่านอยู่คนเดียว เดี๋ยวโรคหัวใจกำเริบ”

“ก็ได้ค่ะ เข้มแข็งนะคะแม่ แม่ยังมีจันทร์กับน้องดาวอยู่อีก”

คุณมินตรารับคำ แม้จะยังคงเสียใจต่อการจากไปของลูกสาวคนโต แต่เธอก็ไม่ได้อยู่เพียงคนเดียว ยังมีลูกสาวอีกสองคน เธอจะต้องอยู่ต่อไป อยู่ชดใช้ให้ดาวเหนือที่โดนตะวันฉายพรากมารดาไป


แสงสว่างที่สาดเข้าตา ทำให้ดาวเหนือต้องกระพริบตาถี่ๆอยู่หลายที กว่าจะปรับให้สายตาชินกับแสงจ้านั้นได้ ความรู้สึกร้าวระบมถาโถมเข้ามาทันทีที่เธอเริ่มขยับตัว ห้องที่ไม่คุ้นตาทำให้ต้องคิดทบทวนว่ามันคือที่ไหน แล้วก็สรุปได้เมื่อเห็นขวดน้ำเกลือแขวนอยู่

‘เธออยู่ที่โรงพยาบาลสินะ มันเกิดอะไรขึ้น’

สิ่งสุดท้ายที่จำได้ก็คือ ภาพรถบรรทุกที่เข้ามาใกล้ในระยะประชิด กับเสียงประสานงาดังสนั่น หลังจากนั้นเธอก็ไม่รับรู้อะไรอีก ดาวเหนือพยายามยันกายขึ้นนั่งแต่ทำไม่ได้ ตฤณที่เดินออกมาจากห้องน้ำเห็นคนรักฟื้นแล้ว รีบวิ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ

“ดาว ดาวของพี่ฟื้นแล้ว”

“พี่ตฤณ เกิดอะไรขึ้น ทำไมดาวมาอยู่ที่โรงพยาบาลได้”

“เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้ให้คุณหมอมาตรวจอาการก่อนนะ” แล้วชายหนุ่มก็กดออดเรียกนางพยาบาล ไม่นานนักคุณหมอเจ้าของไข้ก็เดินเข้ามา เขาตรวจอาการของหญิงสาวอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็หันมาส่งยิ้ม

“คนไข้ไม่มีอาการแทรกซ้อนอย่างอื่น แต่หมออยากให้นอนดูอาการอีกสักวันสองวันก่อนนะครับ อีกสักพักพยาบาลจะเข้ามาเปลี่ยนผ้าพันแผล”

“ขอบคุณมากครับ” ทันทีที่คุณหมอออกจากห้องไป ดาวเหนือก็หันมาคาดคั้นตฤณทันที ชาหยนุ่มจึงเล่าเรื่องหลังจากที่เธอประสบอุบัติเหตุให้ฟัง ดาวเหนือนิ่งเงียบไปหลังจากที่ฟังจบ ตฤณกุมมือหญิงสาวถ่ายทอดกำลังใจให้

“พี่ตฤณพาดาวไปงานศพคุณตะวันหน่อยได้ไหม”

ตฤณหนักใจ อยากจะพาไปอยู่หรอกแต่หญิงสาวยังไม่หายดี ดาวเหนือรับรู้ถึงความลำบากใจของเขา จึงบอก “ไปแค่วันเผาก็ได้นะ”

“ถ้าดาวหายทัน พี่จะพาไปนะครับ”


คุณมินตราวางดอกไม้จันทน์ลงบนเตาไฟ นางเหลือบมองรูปถ่ายของตะวันฉายอย่างห่วงหา รับรู้แล้วว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่จะได้อยู่กับลูกสาว แต่เธอก็จะไม่ร้องไห้ จะไม่ทำให้ตะวันฉายต้องเป็นห่วง เป็นกังวลเพราะเธออีก นางปาดน้ำตา บอกกับลูกสาวผู้ลาลับ

“ไปดีเถอะนะลูก ตะวันฉาย หากชาตอหน้ามีจริง ขอโอกาสแม่ได้แก้ตัว ได้รักลูก ได้ทำให้ลูกมีความสุขมากกว่านี้เถอะนะ”

“พ่อขอโทษนะตะวัน พ่อรักลูกนะ” คุณชนะชัยวางดอกไม่เคียงข้างของภรรยา บอกกับร่างไร้วิญญาณในโลงไม้ของลูกสาวคนโต ก่อนจะประคองคุณมินตราเดินลงไปจากเมรุ พรายจันทร์เดินตาแดงมากับพัดยศที่ตอนนี้แผลที่ถูกยิงดีขึ้น แต่ยังระบมอยู่บ้าง ทั้งคู่วางดอกไม้ลงเคียงข้างกัน ก่อนที่พรายจันทร์จะเอ่ยขึ้นก่อน

“พี่ตะวัน จันทร์อโหสิให้พี่ทุกอย่าง พี่ตะวันจะเป็นพี่ที่ดีที่สุดของจันทร์ตลอดไป”

“ฉันอโหสิให้เธอในทุกๆเรื่องนะตะวันฉาย ขอให้เธอโชคดีกับภพใหม่ของเธอ” แล้วชายหนุ่มก็จูงมือคู่หมั้นสาวลงจาเมรุไปยืนรวมกับคุณหญิงผกามาศและคนอื่นที่นั่งอยู่ที่ศาลา

ตรีทิพย์ที่จำเรื่องราวทุกอย่างได้แล้วในวันที่เกิดเรื่องก็เดินทางมาร่วมงานด้วย คุณมินตราขอโทษหญิงสาวแทนตะวันฉายทั้งน้ำตาเมื่อรู้ว่าที่ตรีทพย์ต้องมาความจำเสื่อมเป็นฝีมือลูกสาวของตน

ตรีทิพย์ที่เป็นผู้เสียหาย แม้จะยังไม่หายโกรธ แต่ก็รู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไร ไหนๆตัวการอย่างตะวันฉายก็ชดใช้กรรมไปแล้ว เธอไม่อยากสร้างความไม่สบายใจให้คุณมินตราเปล่า จึงยอมอโหสิให้แต่โดยดี ผิดกับวีกิจที่หน้าบึ้ง ไม่พูดไม่จา วางดอกไม้จันทน์ก็ลากเธอเดินลงมาเลย

คู่สุดท้ายที่ขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์คือบุคคลสำคัญที่คุณมินตราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะอภัยให้ตะวันฉายเช่นเดียวกับคนอื่น แต่เธอไม่สามารถไปบังคับอะไรดาวเหนือได้ ด้วยรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ตะวันฉายพรากไปจากดาวเหนือคือชีวิตของคุณบุษบา มารดาของหญิงสาว

ดาวเหนือเดินช้าๆไปหยุดที่หน้าเตา มีตฤณคอยประคองอยู่ด้านหลัง เขาพาเธอมาตามสัญญา หญิงสาวหายเร็วกว่าที่คิด คงเพราะร่างกายแข็งแรงอยู่เป็นทุนเดิม และบาดแผลที่ได้ก็ไม่สาหัสอะไร ดาวเหนือมองรูปถ่ายของพี่สาวร่วมบิดา เป็นภาพเดียวที่ตะวันฉายดูเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่ได้ปรุงแต่งด้วยจริตมารยาอย่างที่เจ้าตัวชอบทำ ภาพนี้ของตะวันฉายจึงเป็นภาพที่เธอคิดว่าพี่สาวคนนี้ของเธอมาก

มือเรียววางดอกไม้จันทน์ลงไป เอ่ยเสียงหนักแน่น “คุณตะวัน ฉันอโหสิให้กับคุณทุกเรื่องที่คุณเคยทำเอาไว้ แต่ถ้าชาติหน้ามีจริง ฉันไม่ขอเกิดมาร่วมชาติกับคุณอีก ขอให้ความแค้น ความพยาบาทระหว่างเราทั้งในชาติที่แล้วหรือชาติปัจจุบัน ก็ขอให้มันจบสิ้นกันในชาตินี้ ฉันไม่ขอเจอกับคุณอีกทุกชาติไป” สิ้นประโยค คุณมินตราก็ร้องไห้โฮออกมา มองดาวเหนืออย่างขอบคุณ แค่นี้ก็ดีแล้ว ขอแค่อภัยให้กันเท่านั้นก็พอ...

ดาวเหนือถอยออกมาด้านข้าง ให้ตฤณได้เข้าไปวางดอกไม้เป็นคนสุดท้าย ชายหนุ่มมองรูปตะวันฉายอย่างเสียดายในความสวยและความสามารถของเธอ หากไม่มัวแต่ยึดติดกับความริษยา ชีวิตของหญิงสาวคนนี้คงเป็นที่อิจฉาของผู้หญิงคนอื่นแน่ๆ

“ผมขอให้คุณอโหสิให้ผมนะครับตะวัน ผมอโหสิให้คุณทุกเรื่อง ขอให้คุณได้ไปเจอกับคนที่คุณรักและเขาก็รักคุณได้เพียงคนเดียวอย่างที่คุณปราถนามาตลอด ลาก่อนครับ”
ตฤณหันกลับมาหาดาวเหนือที่ยืนรอ ชายหนุ่มกุมมือดาวเหนือพาเดินกลับไปที่ศาลาด้วยกัน ดาวเหนือกอดคุณมินตราแน่น ทุกคนมองตามควันสีเทาที่ลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า มองส่งบุคคลที่จากลาเป็นครั้งสุดท้าย


หกเดือนผ่านไป

เสียงเพลงรักบรรเลงแว่วหวาน เข้าบรรยากาศของงานที่อวลไปด้วยความรักของเจ้าบ่าว เจ้าสาว วันนี้คือวันแต่งงานของพัดยศและพรายจันทร์ หลังจากที่เจ้าสาวเลื่อนแล้วเลื่อนอีกเพราะกลัว จนเจ้าบ่าวยื่นคำขาดถ้าไม่เลือกฤกษ์สุดท้ายนี่ จะจับมัดแล้วพาวิวาห์เหาะ เจ้าสาวเลยต้องยอมเพราะไม่อยากขึ้นหน้าหนึ่ง

ดาวเหนือยืนมองงานที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวชมพูซึ่งเป็นสีโปรดของเจ้าสาวที่เธอเป็นคนกำกับการตกแต่งเองกับมือ เช่นเดียวกับเรือนหอของทั้งสองที่เธอเป็นออกแบบตกแต่งภายในให้ฟรี เป็นของขวัญวันแต่งงานให้กับพี่สาวที่รักยิ่งและพี่ชายที่แสนดี
หญิงสาวเดินสำรวจความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย เธอจะไม่ยอมให้มีอุปลรรคในงานของคนที่เธอรักทั้งคู่อย่างเด็ดขาด ทุกอย่างเรียบร้อยดีจะขาดก็แต่เค้กที่ตฤณกำลังไปรับมา

“ดาว เค้กมาแล้วจ้ะ เอาไว้ตรงไหนดี” ตฤณในชุดสูทสากลสีดำ เชิ้ตตัวในสีขาว ผูกไทหูกระต่ายสีเดียวกับสูทเดินนำพนักงานโรงแรมที่เข็นรถเค้กแต่งงานเข้ามาหาคนรัก ดาวเหนือเดินมามองเค้กแต่งงานสีชั้นสีครีม มีลายเถากุหลาบสีชมพูเลื้อยพันตั้งแต่ชั้นล่างสุดไปจนถึงระฆังสีเงินที่ทำมาจากน้ำตาลเคลือบบนยอด และยังมีน้ำตาลเคลือบปั้นเป็นตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวกอดกันอยู่ด้านหน้าระฆังอีกด้วย ดูโรแมนติกสมใจพรายจันทร์แน่นอน ดาวเหนือชี้ไปที่กลางห้องทีมีโพเดียมขนาดย่อมตั้งไว้ เจ้าบ่าว เจ้าสาวจะต้องเดินลงจากเวทีใหญ่มายังโพเดียมนี้เพื่อตัดเค้กแต่งงาน

“ยกไปไว้บนโพเดียมนะ”

“ครับ”

ตฤณมองใบหน้าเปี่ยมสุขของของคนรัก มือหนาโอบรอบเอวบาง วันนี้ดาวเหนืออยู่ในชุดเดรสสีชมพูอ่อนเปิดไหล่ ชายกระโปรงสั้นเสมอเข่า บนคอมีสร้อยแพลตินัมที่เขาซื้อให้พร้อมจี้เพชรรูปดาวคล้องอยู่ ตฤณเกยคางลงบนไหล่มน ซุกหน้าลงกับลำคอขาวเนียน สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างชื่นใจ

“ชื่นใจจัง วันนี้ดาวของพี่สวย แต่ยังไม่ที่สุด”

ดาวเหนือขมวดคิ้ว ย้อนถามเสียงห้วน “มีใครสวยกว่าดาวอีกเหรอ”

“อืม คุณจันทร์ไง”

หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ พยักหน้าอย่างยอมรับ วันนี้พี่สาวเธอสวยจริงอะไรจริง ส่วนพัดยศก็หล่อซะ เธอเห็นสายตาอิจฉาของตฤณตอนมองพัดยศในวันนี้ ไม่ได้อิจฉาที่หล่อกว่า แต่อิจฉาที่อีกฝ่ายได้แต่งงานแล้ว เธอรู้ว่าเขาอยากแต่งงานใจจะขาด แต่ติดที่คุณชนะชัยพ่อของเธอที่เกิดหมั่นไส้ว่าที่ลูกเขยคนเล็ก ออกกฎเหล็กว่าต้องให้พี่แต่งก่อนน้อง พัดยศเลยตีปีกพั่บๆ ส่วนตฤณก็นั่งหงอยอยู่กับเทอร์โบที่เอาเท้าหน้าวางบนไหล่เจ้านาย คล้ายจะปลอบใจ

“ยกให้พี่จันทร์เขา วันนี้เขาเป็นเจ้าสาว ต้องสวยที่สุดในงานอยู่แล้ว”

หลังจากเรื่องร้ายผ่านไปทุกอย่างก็ลงตัว คุณมินตราเริ่มทำใจได้ เธอเข้าวัดฟังธรรมกับคุณหญิงผกามาศเป็นประจำ บ้างก็ไปนั่งทำสมาธิที่วัด ซึ่งคุณชนะชัยก็สนับสนุนเพราะมันทำให้ภรรยาของเขากลับมามีความสุขอีกครั้ง นอกจากนั้นคุณมินตราหวังว่าบุญกุศลที่ท่านได้ทำไปจะส่งไปถึงตะวันฉาย

พัดยศส่งมอบงานให้น้องชายของตนและเข้ามาช่วยงานคุณชนะชัยที่บริษัท เป็นการปูทางก่อนที่ท่านจะตัดสินใจเกษียรและส่งต่อบริษัทให้เขาดูแลอย่างถาวร ท่านวางแผนไว้แล้วว่าหลังจากยกบริษัทให้พัดยศกับพรายจันทร์ ท่านกับคุณมินตราและมารดาจะเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วโลกอย่างเต็มที่ควบกับการเลี้ยงหลายตัวน้อยๆ

พรายจันทร์ลาออกจากการเป็นคุณครู ยอมฝืนใจทำในสิ่งที่ไม่ชอบเช่นการทำธุรกิจเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของพัดยศ ส่วนวีกิจและตรีทิพย์นั้นทั้งคู่ได้เข้าพิธีหมั้น ความจริงวีกิจอยากจะแต่งงานเลยด้วยซ้ำ ติดที่น้องสาวจอมเอาแต่ใจของเขาที่ยังไม่พร้อมจะใช้ชีวิตคู่เลยขออยู่แบบนี้ไปอีกสักพัก วีกิจเลยต้องยอม แต่แอบมากระซิบกับเขาว่าแต่งงานเมื่อไหร่จะเอาคืนเสียให้เข็ด

ตฤณกระชับอ้อมกอด วันนี้นอกจากจะเป็นวันแต่งงานของพัดยศแล้ว ยังเป็นวันที่เขาตั้งใจเอาไว้ว่าจะทำให้ดาวเหนือต้องระลึกถึงทุกๆปี ชายหนุ่มกระซิบเบาๆที่ข้างหู

“ไปทะเลกัน”

ดาวเหนือเลิกคิ้วมองคนรักอย่างงงๆ แต่ก็ยอมเดินตามเข้าไป หน้าที่ของเธอเสร็จแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของบ่าวสาว เธอขอไปทำตามที่หัวใจเรียกร้องบ้างล่ะ


ซ่า ซ่า

เสียงคลื่นกระทบฝั่ง และลมเย็นที่พัดขึ้นมาจากทะเล ทำให้ดาวเหนือต้องสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ที่หาได้ยากในกรุงเทพเข้าปอด หญิงสาวกางแขนออก แหงนหน้ารับลมอย่างมีความสุข ตฤณที่ถอดสูทตัวนอกโยนทิ้งไว้บนรถ เหลือแค่เชิ้ตที่พับแขนขึ้นกับกางเกงสเล็คพับขา มองท่าทางหิวโหยอากาศของคนรักอย่างขำๆ เอ่ยแซว

“กรุงเทพไม่มีอากาศให้ดาวของพี่หายใจหรือไง มาถึงก็สูดเอา สูดเอาเนี่ย”

ร่างโปร่งค้อนขวับ “แหม ก็ที่โน่นมันหายใจไม่คล่องอย่างที่นี่ หรือว่าไม่จริง”

“ครับ ครับ” ชายหนุ่มเดินไปจับจูงหญิงสาวให้ออกเดินเลียบทะเลไปด้วยกัน ถ่ายทอดความรักผ่านไออุ่นของร่างกาย ดาวเหนือชอบความรู้สึกแบบนี้ที่สุด อยากจะหยุดเวลานี้เอาไปชั่วนิรันดร์ ตฤณเองก็เหมือนกัน และวันนี้เขาจะทำให้มันเป็นจริง ร่างสูงเดินไปหยุดที่กลางมุมโค้งของอ่าว ซึ่งเป็นจุดที่แสงอาทิตย์ส่องลงมาเป็นแนวตั้งฉากกับพื้นน้ำ

เขาปล่อยมืออีกฝ่าย คุกเข่าลงกับพื้น ท่ามกลางสายตาของชาวต่างชาติและนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มองมาอย่างสนใจ ดาวเหนือหันรีหันขวาง ดึงให้เขาลุกแต่อีกฝ่ายยังคงอยู่ในท่าเดิม แล้วเธอก็ต้องตกใจมากกว่าเดิมเมื่ออยู่ๆ ตฤณก็ตะโกนลั่นหาด

“ดาว...แต่งงานกับพี่นะครับ”

“พี่ตฤณ!” ดาวเหนืออุทาน เมื่อเห็นว่าเขาเปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงให้เห็นแหวนเพชรเม็ดงาม ประดับอยู่บนตัวเรือนทองคำขาว หญิงสาวยกมือปิดปาก น้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน เสียงฮือฮาของเหล่าไทยมุง ฝรั่งมุงไม่ได้ทำให้ทั้งใส่ใจ ตฤณเปิดยิ้มอ่อนโยน รอคำตอบอย่างใจเย็น ดาวเหนือปาดน้ำตา ย้อนถาม

“ ถ้าดาวไม่ตกลงล่ะ”

“พี่ก็จะรอต่อไป แล้วปีหน้าค่อยขอใหม่” เขาตอบหน้าตาย หญิงสาวหัวเราะถามอีกครั้ง

“แล้วถ้าดาวตกลง”

“พรุ่งนี้แห่ขันหมากไปขอเลย”

ดาวเหนือหัวเราะดังกว่าครั้งเก่า คราวนี้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยสองสามคนหัวเราะตามด้วย เธอได้ยินเสียงกดชัตเตอร์ดังมาจากหมู่ไทยมุง

“ตกลงคำตอบของดาวคือ...” หญิงสาวยังคงเงียบจนตฤณเริ่มใจไม่ดี แต่ก็ไม่นานเพราะเสียงเชียร์จากเหล่าเท่านั้นที่มาช่วยกดดันคำตอบจากคนรัก ‘ตกลง ตกลง’ ดังระงม ดาวเหนือเหล่มองกองเชียร์เฉพาะกิจยิ้มๆ มือเรียนถูกยื่นออกไปตรงหน้า

“สวมให้ดาวหน่อย”

ตฤณตาโต สวมให้หน่อย แบบนี้ก็หมายความว่า...

“ดาวตกลง ดาวจะแต่งงานกับพี่”

“ไชโย!” ตฤณโห่ร้อง พร้อมเสียงเฮของกองเชียร์ ชายหนุ่มวิ่งไปเขย่ามือกับนักท่องเที่ยวที่เดินเข้ามาแสดงความยินดี ดาวเหนือมองเขาอย่างขำๆ ตฤณโบกมือลานักท่องเที่ยวคนสุดท้าย หันหลังวิ่งกลับมาอุ้มเธอตัวลอยหมุนไปรอบๆ วางลงก่อนจะหอมแก้มซ้ายขวา สุดท้ายก็ใช้ปลายจมูกชนกับจมูกของเธอค้างอยู่อย่างนั้น

“พี่ดีใจที่สุดเลย รักนะครับ ดาวดวงน้อยของพี่”

“อืม..รักเหมือนกัน”

ตฤณยิ้มกว้าง แนบริมฝีปากของตนเข้ากับอีกฝ่าย มอบความหวานและความรักให้กันท่ามกลางแสงสีทองของพระอาทิตย์ยามเย็นที่สาดส่องลงมาทำให้อย่างไม่มีทที่สิ้นสุด เช่นเดียวกับความรักของทั้งคู่ที่จะมีให้กันไปชั่วนิจนิรันดร์

จบบริบูรณ์

---------------------------------------------------------------------------------------
จบแล้ว! ไชโย! ข้าพเจ้าแทบจะตีกลองด้วยความดีใจ ในที่สุดมันก็จบลง ดราม่าเรื่อง

แรกที่ใช้เวลานานมากในการเขียนเนื่องจากต้องเรียนไปด้วย แต่มันก็จบลงด้วยดี

ต้องขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ยังไม่ทิ้งกันไปไหน แม้ข้าพเจ้าจะแต่งมาราธอนยาว

นานถึงสองปี (เกือบข้ามไปปีที่สาม) ขอขอบคุณจริงๆ

สำหรับเรื่องนี้ก็ตั้งใจจะส่งสำนักพิมพ์ แต่งก็แอบกลัวเหมือนกันเพราะมันไม่ใช่แนว

ตลาดนิยม แต่ก็จะทำให้เต็มที่ (รีไรท์ทีแทบจะยกเครื่องใหม่) ถ้ามีคราวคืบหน้า (หมาย

ถึงได้ตีพิมพ์ไหม) ข้าพเจ้าจะมาแจ้งให้ทราบเน้อ

ส่วนตอนนี้เรื่องที่จะแต่งตอ่ไปก็คือ จับใจไว้ด้วยรัก ดองมานานแล้ว จะกลับไปแต่งต่อ

ให้จบเสียที เรื่องอื่นมันจะได้ออกมาจากไหบ้าง ก็ฝากติดตามผลงานใหม่ๆ ต่อไปด้วย

นะคะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ เจอกันใหม่เรื่องหน้า ติชมได้ค่ะ



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ธ.ค. 2555, 23:37:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ธ.ค. 2555, 23:38:54 น.

จำนวนการเข้าชม : 1981





<< ตอนที่ 45   
goldensun 28 ธ.ค. 2555, 23:58:04 น.
จุดจบตะวันฉายสบายไปหน่อย ดูแล้วไม่สมกับเรื่องร้ายๆที่ก่อ แต่ถ้ายังอยู่ คงยาว
ขอบคุณค่ะ สนุกมาก ถึงจะรวบจบไปนิด แต่ตฤณกับดาวก็หวานส่งท้ายได้น่าประทับใจ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ


กาซะลองพลัดถิ่น 29 ธ.ค. 2555, 06:04:13 น.
จบแล้ว ...ทุก ๆ คนมีความสุข ตะวันฉายก็ได้รับกรรมที่ได้ทำไว้จุดจบคือ ความตาย
ขอบคุณไรเตอร์ที่นำเรื่อง ๆ ดีมาให้อ่าน คาดว่าปีหน้าจะได้อ่านเรื่องใหม่ต่อไปนะคะ
สวัสดีปีใหม่ ขอให้มีความสุขตลอดไปค่ะ


ใบบัวน่ารัก 29 ธ.ค. 2555, 11:56:43 น.
จบแล้ว แต่ยังไม่สะใจอ่ะ
น่าจะให้ตะวันไม่ตายติดคุกซะแล้วเป็นบ้า
ฆ่าตัวตายเองน่าจะดีนะ
ไงก็ขอบคุณนะที่ให้จบก่อนปีใหม่
มีนิยายก็มาอัพตลอดๆๆๆนะ


anOO 29 ธ.ค. 2555, 19:04:13 น.
จบซะแล้วววว ติดตามกันต่อไปนะค่ะ
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าด้วย


Pat 29 ธ.ค. 2555, 22:14:02 น.
ตะวันตายง่ายไปหน่อยไม่สมกับความร้ายกาจของชี. แต่มองอีกแง่ก็ดีแล้วที่ออกมาแบบนี้ เพราะทุกคนจะตัดใจและให้อภัยคนตายได้ง่ายกว่า (เฝ้ามองมาตั้งนานว่าจุดจบตะวันฉายจะออกมาแบบไหน) พี่ตฤณหวานส่งท้ายเลยนะคะ(สมใจซะที) รอจับใจฯ ต่อ สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ


Setia 30 ธ.ค. 2555, 00:32:24 น.
คิดว่ายัยตะวันฉายตายง่ายไปหน่อย ยังไม่ได้รับโทษทัณฑ์ให้สมกับความผิดที่ก่อเลย
ฆ่าคนไปตั้งสองคน แล้วมาชิงตายไปง่ายๆได้ไงอ่ะ ถ้าจะต้องให้ยัยนี่ได้รับโทษทัณฑ์ที่สาสมนะ
ต้องให้ยัยนี่มีชีวิตอยู่ต่อไป ได้รับรู้ว่าคู่พระนางแต่งงานกันมีความสุขมากขนาดไหน
และทำให้พ่อแม่เสียใจมากขนาดไหนที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง
ปากก็พูดว่าอยากทำให้แม่มีความสุข แต่ที่จริงแล้วก็แค่ตอบสนองความรู้สึกของตนเองที่โกรธเกลียดคนอื่น
จนเกิดน่าสลดขึ้นมา แล้วยังทำให้พ่อแม่ต้องโศกเศร้ากับการกระทำชั่วช้าของตัวเอง
ฆ่าคนไปสองคน ถูกเปิดโปงเรียบร้อย แล้วยังคิดจะมีชีวิตปกติกับครอบครัวอีกหรอ
สมองยัยนี่ต้องไม่ปกติแน่ๆเลย
//ช่วงนี้ดราม่าเยอะมาก อันนี้ผลพวงค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account