อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 45

ตอนที่ 45

“พวกแกทำงานกันภาษาอะไรฮะ! ลูกค้าถึงขอยกเลิกการสั่งซื้อตั้งเกือบสิบราย”

ตะวันฉายตะคอกใส่ผู้จัดการฝ่ายขายที่ยืนตัวลีบ หน้าซีด หญิงสาวโยนแฟ้มรายงานยอดขายประจำเดือนนี้ของบริษัทลงโต๊ะ

“เดือนนี้เราเปิดตัวสินค้าที่นำเข้ามาใหม่ แทนที่ยอดขายจะพุ่งขึ้นมันดันหล่นฮวบ บอกมาหน่อยมันเพราะอะไร พวกพนักงานมัวทำอะไรอยู่”

ผู้จัดการฝ่ายขายกลืนน้ำลาย ใช้ผ้าเช็ดซับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนหน้า พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่นขณะตอบเจ้านายสาวที่องค์ลงแต่เช้า

“คือ คือว่า มันมีปัญหาที่แผนกจัดส่งสินค้าน่ะครับ ฝ่ายนั้นคนไม่พอในการจัดส่งทำให้ล่าช้าไปหลายอาทิตย์ พวกลูกค้าเลยไม่พอใจ”

“ก็แล้วทำไมไม่รายงานฉันแต่เนิ่นๆ ปล่อยให้ลูกค้ายกเลิกได้ไง รู้ไหมว่ามันเสียหายไปเท่าไหร่” หญิงสาวยังคงต่อว่า ผู้จัดการฝ่ายขายก้มหน้าอ้อมแอ้มตอบ

“ก็ช่วงที่มีปัญหาคุณตะวันฉายไม่อยู่ที่บริษัทเลย ผมเลยไม่รู้จะรายงานยังไง”

ตะวันฉายหันขวับ จ้องมองอีกฝ่ายอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ผู้จัดการฝ่ายขายยิ่งตัวลีบเข้าไปใหญ่ แต่ทำไงได้มันเป็นเรื่องจริงนี่นา หลายอาทิตย์ที่ผ่านมาเจ้านายของเขาไม่ได้เข้ามาดูแลงาน แถมไม่ให้ติดต่อไป พอจะเอาเรื่องมาปรึกษาก็ได้รับคำตอบว่าไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่ แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นเขาก็ไม่สามารถตัดสินไปโดยพละการ

เนื่องจากลูกค้ากลุ่มที่ยกเลิกไปนั้นเป็นกลุ่มพิเศษ ต้องได้รับการอนุมัติจากคนตรงหน้านี้ทุกครั้ง แล้วจะให้เขาทำยังไง นอกจากปล่อยให้ลูกค้ายกเลิกไป

ตะวันฉายเม้มปากแน่น หงุดหงิดกันเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อเช้าพอมาถึงบริษัท คุณชนะชัยบิดาของเธอก็ให้เลขามาตามเธอไปพบ ยังไม่ทันได้เอ่ยปากทักทายบิดา ท่านก็เล่นงานเธอเรื่องที่ลูกค้าวีไอพีกลุ่มนี้ยกเลิกการสั่งซื้อโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งยังสั่งให้เธอไปหามาให้ได้ว่าเพราะอะไรและแก้ปัญหาโดยทันที ตะวันฉายจึงเรียกผู้จัดการฝ่ายขายมาสอบด่วน และเรื่องก็มาจบที่ว่ามันเป็นความผิดของเธอ!

“ช่างเถอะ เรื่องมันแล้วไปแล้ว เอาเป็นว่าคุณติดต่อไปทางลูกค้าทั้งหมด บอกว่าทางเราจะงดเว้นค่าสมาชิกให้พวกเขาเป็นเวลาสองปีเป็นการไถ่โทษ อ้อ! ส่งกระเช้าของขวัญพิเศษไปให้ด้วยล่ะ จะได้ไม่บ่นอะไรกันมาก พวกนั้นชอบของฟรี”

“ครับผม” ผู้จัดการรับคำ เดินออกจากห้องทำงานของเจ้านายเพื่อไปทำตามคำสั่ง ตะวันฉายเอนหลังพิงผนักเก้าอี้ หลับตาลงผ่อนคลายความเครียดที่เกิดขึ้นตั้งแต่เช้า แต่ยังไม่ทันถึงห้านาทีเสียงโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็ดังขึ้น เรียกเอาความหงุดหงิดพุ่งปรี๊ด

มือเรียวคว้ามากดรับ แหวใส่ปลายสายโดยไม่ได้ดูว่าใครโทรมา “ใครน่ะ! ถ้าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรก็ลาก่อน ฉันจะพักผ่อน!”

“กำลังยุ่งอยู่เหรอครับ” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นอย่างไม่สนใจอารมณ์ของเจ้าหล่อน ทำให้คนที่กำลังจะอ้าปากด่ารอบสองอ้าค้าง เปลี่ยนอารมณ์โดยฉับพลัน

“ไม่ยุ่งเลยค่ะถ้าเป็นตฤณ ว่าแต่คิดถึงตะวันใช่ไหมเอ่ย”

“ประมาณนั้นครับ” เขาป้อนคำหวานเอาใจ ทำเอาปลายสายถึงกับเคลิ้ม

“ปากหวานจัง กลางวันนี้ทานข้าวกันนะคะ ตะวันจะให้รางวัล” หญิงสาวเอ่ยชวนก่อนจะหน้างอเมื่อชายหนุ่มปฏิเสธ

“วันนี้ผมมีธุระครับ ที่โทรมานี่ผมอยากจะถามว่าพรุ่งนี้ตะวันไปไหนหรือเปล่าครับ”

“ตะวันว่าจะออกไปทำผม ทำหน้า นวดตัว ไม่ได้ดูแลรูปร่างมานานแล้ว ตฤณถามทำไมคะ จะไปกับตะวันเหรอ” ตะวันฉายถามกลับอย่างคาดหวัง ตฤณหัวเราะเบาๆ

“ไม่หรอกครับ ผมแค่จะบอกว่าพรุ่งนี้ผมจะเข้าไปที่บ้านคุณ”

สิ้นประโยคใบหน้านวลที่แต่งแต้มสีสันจนสวยเฉี่ยวก็บึ้งตึง ตะวันฉายกำมือแน่น ย้อนถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างเปิดเผย

“ไปทำไมคะ อ๋อ...ใช่สิ นังดาวมันกลับมาแล้วนี่ คุณเลยจะเขี่ยตะวันทิ้งแล้วกลับไปหามันใช่ไหม”

“ผมจะไปหาคุณพ่อกับคุณแม่คุณต่างหาก”

“ไปหาคุณพ่อ คุณแม่เหรอคะ” จากที่กำลังโกรธปนน้อยใจ ตะวันฉายเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้าง ตื่นเต้นขึ้นมาทันที แม้จะยังไม่รู้ว่าเขาจะไปพบคุณชนะชัยกับคุณมินตราทำไม แต่แหม...ผู้ชายอยากจะพบพ่อแม่ฝ่ายหญิงก็หมายความว่าต้องไปพูดเรื่องแต่งงานอย่างแน่นอน

“อยู่ค่ะ มีธุระอะไรกับพวกท่านเหรอคะ หรือว่าคุณจะคุยเรื่องของเรา” หญิงสาวถามลองเชิง ตฤณยกยิ้มมุมปาก เลี่ยงไม่ตอบในสิ่งที่อีกฝ่ายอยากรู้

“ไว้พรุ่งนี้คุณก็รู้เอง รับรองว่าจะเซอร์ไพร์สจนคุณลืมไม่ลง”


ตฤณวางสายลงหลังจากทนฟังลูกตื้อของตะวันฉายอยู่อีกพักใหญ่ เขาเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงเป็นเวลาเดียวกับที่ดาวเหนือเดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านของชายหนุ่มตามที่ได้นัดกันไว้พอดี เขาหันไปตามเสียงเรียกของคนรักสาวที่เดินแกมวิ่งมายังที่ๆตนยืนอยู่

“พี่ตฤณ รอดาวนานไหม”

ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ มองวงหน้ากลมเนียนที่มีเหงื่อเกาะพราวอย่างเอ็นดู นี่คงวิ่งมาราธอนมาจากลานจอดรถสินะ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้สายอะไรมาก มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงอีกด้านหยิบเอาผ้าเช็ดสีเทา บรรจงซับหยาดเหงื่อให้เธออย่างแผ่วเบา ทั้งแววตาอบอุ่นและการกระทำอันอ่อนโยนเรียกเอาสายตาของคนทั่วไปให้หันมามอง

ตฤณยังไม่รามือ ชายหนุ่มไล่ลงมายังพวงแก้มสีชมพูระเรื่อที่ดูจะเพิ่มความเข้มเพราะการกระทำของเขาอย่างเสียดาย ถ้าไม่ได้อยู่ในที่สาธารณะล่ะก็ จะหอมแก้มนิ่มนั้นให้ช้ำเป็นจ้ำเลยคอยดู ฮึ่ม! เขาเลื่อนมือมายังริมฝีปากอวบอิ่ม ไล้เล่นอย่างสนุกมือ แต่หญิงสาวชักจะเขินกับสายตายิ้มๆของคนที่เดินผ่าน มือเรียวคว้าหมับที่ข้อมือของชายหนุ่ม กระซิบปรามด้วยใบหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง

“พอแล้วพี่ตฤณ เก็บอาการบ้าง อายเขา”

“ก็คิดถึงนี่ นิดหน่อยก็ไม่ได้” คุณหมอหนุ่มเริ่มหน้างอ ดาวเหนือมองคนตัวโตที่ออกอาการงอนขำๆ เดินเข้าไปเกะแขน เอ่ยง้องอน

“ดาวก็คิดถึงเหมือนกัน นี่ไง วันนี้อยู่ด้วยกันทั้งวันเลย ดีไหม”

ตฤณยิ้มกว้างทั้งปากทั้งตา เอื้อมมือไปหยิกแก้มนวลเล่น “น่ารักที่สุด ปะ ไปหาอะไรทานกัน พี่หิวมากเลย”

“ค่ะ...”เธอรับคำ สักพักก็นึกอะไรขึ้นได้

“เมื่อกี้พี่ตฤณคุยโทรศัพท์กับใครคะ งานสำคัญหรือเปล่า”

ร่างสูงชะงักเล็กน้อย จังหวะก้าวช้าลงจนดาวเหนือต้องเดินช้าลงด้วย เขาตอบโดยไม่หันมามอง

“ธุระสำคัญน่ะครับ”

“อ้าว...แบบนี้ดาวก็ทำให้พี่เสียงานน่ะสิ”

“ไม่หรอกครับ ธุระที่ว่าน่ะพรุ่งนี้ครับ เกี่ยวกับดาวด้วยนะ” เขาบอกยิ้มๆ มองใบหน้างงงวยของคนรักอย่างสนุก ดาวเหนือเขย่าแขนชายหนุ่มอย่างอยากรู้

“เรื่องอะไรเหรอ พี่ตฤณบอกหน่อยสิ บอกหน่อย”

“ม่ายบอก”

“บอกมานะ”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้ แต่ตอนนี้พี่หิวแล้ว จะไปกินข้าวดีๆ หรือจะให้พี่กินดาวแทน” ดวงตาคมหลังแว่นไร้กรอบหรี่ลงอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมกับแขนยาวจะยื่นออกมาหมายโอบเธอ ดาวเหนือเห็นดังนั้นแล้วรู้สึกไม่ปลอดภัยต่อสวัสดิภาพ จึงเป็นฝ่ายลากแขนเขาเข้าร้านอาหารที่เห็นเป็นร้านแรกเสียเลย


ยามบ่ายของบ้านรัชดารักษ์ในวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณชนะชัยกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ภายในห้องทำงานของตน ขณะที่คุณมินตราและคุณหญิงผกามาศช่วยกันนำเครื่องเพชรมาทำความสะอาด พรายจันทร์กำลังทำขนมหวานเป็นของว่างยามบ่ายอยู่ในครัว โดยมีคู่หมั้นหนุ่มคอยเป็นลูกมือ ส่วนตะวันฉายนั้นออกไปเสริมความงามข้างนอก หลังจากทำให้คนทั้งบ้านประหลาดใจมาแล้วเมื่อเช้านี้

หญิงสาววิ่งลงมาบอกว่าบ่ายวันนี้จะพาว่าที่ลูกเขยคนโตมาแนะนำให้รู้จัก ให้พวกเธออยู่กับบ้านอย่าออกไปไหน แล้วก็ออกจากบ้านไป ทำให้คุณชนะชัยที่คิดจะออกไปตีกอล์ฟกับเพื่อนโทรไปยกเลิกนัด หันมานั่งขัดปืนรอรับหน้าว่าที่ลูกเขยอีกคนแทน

เสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้นก่อนที่ดาวเหนือจะเดินนำตฤณ ตรีทิพย์และวีกิจเข้ามาหลังจากได้รับอนุญาตจากเจ้าของห้อง ทั้งหมดเดินเข้ามาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงาน ก่อนที่ดาวเหนือจะทิ้งตัวลงนั่งข้างคุณหญิงผกามาศ ตฤณและอีกสองคนที่เหลือนั่งลงที่เก้าอี้ส่างหน้าโต๊ะทำงานพอดี

คุณชนะชัยมองลอดแว่นมายังผู้มาใหม่ พยักหน้ารับรู้เมื่อทั้งสามยกมือไหว้ คุณมินตรารามือจากสร้อยเพชรมองอย่างแปลกใจที่วันนี้ยกโขยงกันมาหมด ถามขึ้นแทนสามี

“แล้วนี้มีธุระอะไรกันเหรอจ๊ะ มากันเยอะแยะ”

“พี่ตฤณบอกว่ามีธุระอยากจะคุยกับคุณพ่อ ดาวเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเหมือนกัน”

“หือ?” คุณชนะชัยพับหนังสือพิมพ์เก็บ ถอดแว่นใส่ลิ้นชัก ใช้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่เหมือนกับลูกสาวคนเล็กเปี๊ยบมองเขานิ่งๆ ถามเสียงเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ตามนิสัย แต่มันกลับกดดันชายหนุ่มตรงหน้ากลายๆ “มีอะไรกับลุงล่ะ”

ตฤณสูดลมหายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้า เรื่องที่เขาจะพูดนั้นสำคัญมากในชีวิตของลูกผู้ชายคนหนึ่ง ชายหนุ่มอ้าปากเตรียมจะพูด แต่เสียงห้าวของพัดยศดังขัดขึ้นซะก่อน

“มาแล้วครับ มาแล้ว ฟักทองแกงบวดฝีมือน้องจันทร์ ศิษย์แม่บุษ แฟนของผมมาแล้ว...ขออนุญาตครับคุณพ่อ” พัดยศถือถาดใส่ขนมนำหน้าคนรักที่หน้าแดงแปร๊ดตามหลังมา เขาวางถ้วยขนมลงตรงหน้าว่าที่พ่อตา ยิ้มกว้างประจบ ก่อนจะหันไปยักคิ้วใส่ตฤณ

ตฤณส่ายหน้ากับท่าทางกวนประสาทของว่าที่คู่เขย รู้เลยว่าอีกฝ่ายจงใจเข้ามาขัดขวาง แต่ไม่ถือสาเพราะพัดยศก็ให้ความช่วยเหลือเขามาหลายเรื่อง ต้องขอบคุณชายหนุ่มด้วยซ้ำที่เข้ามาป่วน ทำให้อาการเกร็งเมื่ออยู่ต่อหน้าว่าที่พ่อตาหายไป

คุณชนะชัยมองคู่หมั้นลูกสาวคนรองอย่างรู้ทัน ‘จงใจเข้ามาขัดจังหวะเพื่อช่วยเพื่อนใช่ไหมล่ะ’ แต่ก็ไม่ว่าอะไร อันที่จริงท่านเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งหนุ่มแว่นตรงหน้าเท่าไหร่ ออกจะชอบนิสัยตรงไปตรงมาของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ครั้นจะให้แสดงออกโจ่งแจ้งมันก็ดูไม่งามเพราะท่านเป็นพ่อ ต้องแสดงออกว่าหวงลูกสาวบ้างอะไรบ้าง

“เมื่อกี้ผมเข้ามาขัดจังหวะคุณจะพูดอะไรหรือเปล่า ตฤณ”

“ครับ ผมกำลังจะพูดขอน้องดาวกับคุณพ่อพอดี” คำพูดของเขาทำให้มือที่ถือช้อนขนมชะงักกึก คุณชนะชัยมองคนใจกล้าที่ไม่ยอมหลบตา ส่วนคนอื่นๆในห้องส่งเสียงฮือฮาอย่างตื่นเต้น ดาวเหนือมองคนรักอย่างตะลึง ไม่เห็นเขาบอกเรื่องนี้กับเธอเลย

“กล้าดีนี่เรา ทำไมไม่ให้พ่อแม่มาพูดล่ะ ไม่รู้หรือไงว่าเรื่องแบบนี้ต้องให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันเอง ทำเล่นๆแบบนี้ คิดว่าลูกสาวลุงเป็นอะไร” คุณชนะชัยแกล้งว่า มือหนาค้นขนมในถ้วยเล่น ขณะที่คนอื่นมองฉากปะทะคารมระหว่างทั้งคู่อย่างลุ้นๆ ตฤณยิ้มบางๆบอกอย่างสุภาพ

“ผมทราบครับ และไม่ได้คิดจะเล่นๆกับน้องดาว แต่ที่วันนี้ผมมาพูดเองก็เพราะว่าต้องการคำอนุญาตจากคุณลุงก่อนว่าให้น้องดาวแต่งงานกับผมได้ ผมถึงจะพาผู้ใหญ่มาสู่ขอน้องดาวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง...” เขาเว้นวรรคเล็กน้อย ก่อนจะเสริม

“...ผมคิดว่าการที่พาพ่อแม่มาเลยโดยไม่ได้แจ้งคุณลุงล่วงหน้า ถือเป็นการมัดมือชก ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณลุงอาจจะเกรงใจจนไม่อาจปฏิเสธได้ หรือถ้าคุณลุงปฏิเสธคุณพ่อคุณแม่ผมก็จะเสียหน้า มีแต่เสียกับเสียทั้งสองฝ่าย ถูกไหมครับ” คุณชนะชัยมองหนุ่มรุ่นลูกนิ่ง แต่แววตาบอกว่าถูกใจกับคำตอบของเขาไม่น้อย ข้างฝ่ายพัดยศก็ร้องว้าวแบบไม่มีเสียง ยกนิ้วโป้งให้อย่างชื่นชม

“สู้ผมมาคุยให้รู้แน่ชัดว่าคุณลุงจะวางใจยกดวงใจของคุณลุงให้ผมดูแลแทนหรือไม่ก่อน ไม่ดีกว่าเหรอครับ”

“หึหึ เข้าใจพูด ตกลงเป็นสัตวแพทย์หรือจิตแพทย์เนี่ย” คุณชนะชัยหัวเราะลั่น เทคะแนนให้ว่าที่ลูกเขยคนเล็กหมดหน้าตักเลยทีเดียว ถ้าเป็นคนนี้คงพอจะรับมือกับนิสัยทำอะไรตามอารมณ์ของดาวเหนือได้แน่ ท่านส่งยิ้มให้ตฤณ

“เอาเถอะ พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่อนุญาตคงกลายเป็นตาแก่ใจร้ายในสายตาของเด็กๆสินะ ยายดาวมาใกล้ๆพ่อสิ” คุณชนะชัยกวักมือเรียกลูกสาวคนเล็กที่เดินหน้าแดงมาหา เอื้อมมือไปลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างเอ็นดู ถามอย่างอ่อนโยน

“ว่าไงเรา พี่เขามาขอน่ะ จะแต่งกับเขามั้ย”

ดาวเหนือหันไปสบตาคมกล้าที่จ้องตอบกลับมาอย่างมั่นคง ไม่หลุกหลิก ก่อนจะหันกลับมามองบิดาที่เพิ่งจะเข้าใจกันไม่นาน บอกกับท่านว่า

“แต่ง ดาวจะแต่งงานกับพี่ตฤณ” คุณชนะชัยพยักหน้ารับรู้ จับมือเรียวของดาวเหนือ อีกข้างจับมือว่าที่ลูกเขยมาวางทับ จัดการฝากฝัง

“พ่อฝากยายดาวด้วยล่ะตฤณ”

สิ้นประโยคทุกคนในห้องก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ บางคนถอนหายใจอย่างโล่งอก ลุ้นอยู่ตั้งนานกลัวว่าจะเกิดศึกพ่อตาปะทะลูกเขย จนทำให้คนกลางอย่างดาวเหนือต้องอดแต่งงาน คุณมินตรากรีดน้ำตาที่คลอหน่วยอย่างตื้นตัน มองภาพที่หนุ่มสาวทั้งสองเข้ามากราบคุณหญิงผกามาศอย่างมีความสุข เธอจะเริ่มนับวันรองานแต่งงานของเด็กทั้งสองอย่างใจจดใจจ่อ เธอจะได้ทำหน้าที่ส่งมอบดาวเหนือให้กับผู้ชายแสนดีแทนคุณบุษบาอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

“ไม่จริง!!!”

เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากหน้าประตูห้องทำงานที่เปิดค้างเอาไว้ ขัดจังหวะแห่งความสุขภายในห้อง สายตาของทุกคนจับจ้องร่างเพรียวในชุดเสื้อสายเดี่ยวสีแดง สีโปรดของเจ้าตัว กับกางเกงขาสั้นสีขาวที่ยืนจังก้า ใบหน้าสวยเฉี่ยวบิดเบี้ยวด้วยความผิดหวัง เสียใจ ดวงตายาวรีจ้องมองตฤณอย่างตัดพ้อ

หญิงสาวเพิ่งกลับมาจากข้างนอก หลังออกไปขัดตัว นวดหน้าเพื่อเตรียมรอตฤณมาสู่ขอตามที่ชายหนุ่มบอกเอาไว้เมื่อวานนี้ พอเลี้ยวรถเข้าก็แปลกใจที่เขามาเร็วกว่าที่บอกเอาไว้ จึงรีบเข้ามาในบ้าน เจอหวานกำลังเดินถือถาดเปล่าออกมาจากห้องทำงาน สอบถามได้ความว่าตฤณกำลังคุยเรื่องสำคัญกับบิดาของเธออยู่ ตะวันฉายยิ้มกว้างรีบวิ่งไปแอบฟัง แต่แล้วรอยยิ้มก็เจื่อนลง พร้อมดวงตาเบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน

‘ว่าไงเรา พี่เขามาขอน่ะ จะแต่งกับเขามั้ย’

‘แต่ง ดาวจะแต่งงานกับพี่ตฤณ’

เพียงเท่านั้นความอดทนก็สิ้นสุด ตะวันฉายวิ่งเข้ามาตรงหน้าชายหนุ่ม ผลักร่างโปร่งของน้องสาวออกไป เขย่าแขนของเขา คาดคั้นเอาคำตอบ

“นี่มันเรื่องอะไรกันคะตฤณ หมายความว่ายังไง คุณไม่ได้มาขอตะวันแต่งงานเหรอ!”
ตฤณปลดมือของตะวันฉายออกอย่างสุภาพ ใบหน้าของเขาเรียบนิ่ง ดวงตาเย็นชาขณะตอบอย่างไร้เยื่อใย ส่วนคนอื่นได้แต่มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างงงๆ ไม่เข้าใจว่าตะวันฉายพูดเรื่องอะไร ยกเว้นพัดยศกับวีกิจที่รู้เรื่องมาตั้งแต่ต้น

“เปล่าครับ ทำไมผมถึงต้องขอคุณแต่งงาน เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”

ตะวันฉายผงะ ถอยออกมามองหน้าเขา “ไม่จริง เราเป็นแฟนกันไง เรากำลังคบกันอยู่”
“กรุณาอย่าเข้าใจผิดครับคุณตะวันฉาย แฟนของผมมีคนเดียวคือ” มือหนารั้งเอวบางของคนรักเข้ามาโอบ บอกชัด “ดาวเหนือเท่านั้น”

“ไม่จริง ไม่จริ๊ง!!!” ตะวันฉายกรีดร้องกระทืบเท้า น้ำตาไหลอาบ “แล้วหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ที่เราไปเที่ยวกัน ไปกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลงกัน ถ้าไม่เรียกแฟนแล้วเขาเรียกว่าอะไร!”

คำพูดของตะวันฉายเรียกเอาสายตาสงสัยของทุกคนไปรวมกันที่ร่างสูง ดาวเหนือขมวดคิ้วแหงนหน้ามองตฤณ ตะวันฉายไม่ได้โกหก เธอรับรู้ได้แววตาของพี่สาวต่างมารดาเธอบอก แล้วคนรักของเธอล่ะ...

ตฤณมองเข้าไปในตาของดาวเหนือเห็นร่องรอยความไม่แน่ใจ กังวลใจแล้วก็ต้องถอนหายใจ กระชับมือที่โอบเอวเธอเข้ามาให้แน่นขึ้นให้เธอมั่นใจ หันไปมองคนที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้า

“เรียกว่าเพื่อนยังไงล่ะครับ เป็นเพื่อนก็ไปเที่ยว กินข้าว ดูหนัง ฟังเพลงได้ ผมเห็นคุณเป็นเพื่อนเท่านั้นและไม่เคยมองเป็นอื่น”

“โกหก! คุณแกล้งพูดเพื่อให้นังดาวมันตายใจใช่ไหมค่ะ ใช่ไหม! คุณรักตะวัน เรารักกัน ใช่ไหม ใช่ไหม!”

“ตะวันพอเถอะลูก พอได้แล้ว” คุณมินตราเข้ามาโอบปลอบลูกสาวคนโตของนาง สงสารแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ตะวันกอดมารดาร้องโวยวาย

“แม่...นังดาวมันแย่งเขาไป มันแย่งคุณตฤณไปจากตะวัน ตะวันไม่ย๊อม!”

“พอเถอะครับคุณตะวันฉาย เลิกบอกว่าดาวแย่งคุณไปจากผมซักที!” ตฤณเริ่มหมดความอดทน หากตะวันฉายจะด่าเขาเขาไม่ว่า อย่ามาว่าร้ายดาวเหนือเขาทนไม่ได้ ตะวันฉายหันขวับมองศัตรูหัวใจด้วยสีหน้าโกรธเคือง

“ทำไม ก็มันแย่งคุณไป คุณบอกว่าเลิกกับมันแล้ว เลยอยากจะมาคบกับตะวัน แล้วพอมันกลับมาคุณก็กลับไปหามัน!”

“งั้นคุณก็จงรู้ไว้ด้วยว่าเรื่องทั้งหมดที่ผมทำลงไปก็เพราะมันคือแผนที่พวกผมวางเอาไว้! ผมไม่เคยรักคุณและไม่คิดที่จะรักผู้หญิงที่มีจิตใจโหดเหี้ยม ฆ่าคนได้อย่างคุณ!” ตะวันฉายผงะมองเขาอย่างตกตะลึง คุณชนะชัยถามเสียงเครียด

“ตฤณว่าอะไรนะ ใครฆ่าใคร”

“ผมคงพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของผม หน้าที่ของผมจบแล้ว...” เขามองไปทางตะวันฉายที่ยืนหน้าซีด บอกเสียงดังฟังชัด “...ส่วนเรื่องอื่นคงต้องให้ผู้กองนพนธ์เป็นคนตอบแทน”

“ถึงตาผมแล้วใช่ไหมครับเนี่ย แหม...จะเป็นพระเอกทั้งทีรอนานจัง” น้ำเสียงยียวนที่ดังมาจากทางประตูนั้นคุ้นหูตะวันฉายอย่างมาก หญิงสาวหันไปมองก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายนายเดิมเข้ามา และผู้ที่เดินนำก็คือ ร้อยตำรวจเอกนพนธ์นั่นเอง ตำรวจหนุ่มทำความเคารพทุกคน ส่งยิ้มให้ตฤณกับพัดยศแล้วเข้าเรื่อง ท่าทางจริงจังไม่มีแววขี้เล่นอย่างเมื่อครู่อยู่เลย

“คุณตะวันฉายผมขอจับคุณข้อหาฆาตกรรมคุณบุษบาและแวว”

“อะไรนะ!” เสียงประสานกันจากทั้งคุณชนะชัย คุณมินตราและพรายจันทร์ดังขึ้น ทั้งหมดจ้องตะวันฉายที่ยืนมองนายตำรวจหนุ่มนิ่ง เธอเหยียดยิ้ม มองเขาอย่างท้าทาย

“ไหนล่ะหลักฐาน อย่ามาพูดมั่ว!”

“ผมเป็นตำรวจนะ จะทำอะไรก็ต้องมีหลักฐานแน่อยู่แล้ว นี่ไงครับ” นพนธ์ชูถุงพลาสติก ภายในมีเศษผ้าชิ้นใหญ่เปื้อนเลือดอยู่ ตะวันฉายเบิกตากว้างอย่างตกใจ มันไปอยู่กับอีกฝ่ายได้อย่างไรในเมื่อเธอเผามันไปแล้ว นพนธ์กระตุกยิ้มมุมปากมองท่าทางตะลึงของเจ้าหล่อนอย่างขบขัน

“สงสัยใช่ไหมครับว่ามันมาอยู่ในมือผมได้ยังไง เรื่องนี้คงต้องยกความดีความชอบให้คุณตฤณ ถ้าไม่ได้เขาเสียสละ แกล้งทำเป็นเข้าไปจีบคุณ ยอมให้คุณเอาแต่ใจใส่สารพัด พวกเราคงไม่ได้หลักฐานชิ้นนี้”

ตะวันฉายหันไปมองตฤณอย่างไม่อยากจะเชื่อ พอเห็นชายหนุ่มไม่ปฏิเสธในสิ่งที่นายตำรวจพูดออกก็แค้นใจ พูดลอดไรฟัน

“นี่คุณหลอกฉันมาตลอดงั้นเหรอ”

“ผมได้เอาเศษผ้าเปื้อนเลือดนี่ไปตรวจเทียบดีเอ็นเอว่าตรงกับของใคร แล้วพบว่าตรงกับบุคคลสองคนด้วยกัน ซึ่งก็คือ คุณบุษบาและแวว” ผู้กองนพนธ์บอกพร้อมกับยื่นผลดีเอ็นเอให้คุณชนะชัยดู คุณชนะชัยรับเอาไปดู มือหนาสั่นขณะกวาดตาอ่านรายละเอียดทั้งหมด ประมุขของบ้านยื่นมันคืนให้ ทิ้งตัวลงนั่งอย่างหมดแรง สิ่งที่เห็นบอกกับท่านได้อย่างเดียวว่าคนที่ฆ่าภรรยารองของท่านคือลูกสาวของท่านเองจริงๆ

คุณมินตราเห็นท่าทางของสามีแล้วก็ปล่อยโฮ คุณหญิงผกามาศหน้ามืดเซจะล้มแต่ได้พรายจันทร์เข้ามาประคองไว้ พร้อมกับที่พัดยศจ่อยาดมใต้จมูกของท่าน ดาวเหนือจ้องมองพี่สาวต่างมารดาด้วยความผิดหวัง เสียใจ โกรธแค้น แม่ของเธอตายเพราะผู้หญิงคนนี้ คนที่เป็นพี่สาวของเธอเอง

“คุณฆ่าแม่ทำไม คุณตะวัน คุณฆ่าแม่ฉันทำไม!” ดาวเหนือถามเสียงสั่น นัยน์ตาแดงก่ำ ตฤณลูบไหล่คนรักปลอบประโลม ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยที่เขาแสดงออกยิ่งไปกระตุ้นจุดเดือดของตะวันฉายเข้าพอดี หญิงสาวจ้องหน้าคนถามอย่างเกลียดชัง ดวงตายาวรีแข็งขวาง ลมหายใจหอบกระชั้นเพราะความเครียดและความริษยาที่สุมอยู่ในอก

“เพราะฉันเกลียดแม่แก! แม่แกเข้ามาทำลายครอบครัวของฉัน ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของฉันต้องพังเพราะพ่อมีเมียน้อย แม่อาจจะยอมรับได้ แต่ฉันรับไม่ได้!” ตะวันฉายตะคอกใส่ ใบหน้าแดงก่ำ หายใจหอบเพราะเหนื่อยจากการตะโกน คุณมินตรามองลูกสาวคนโตที่เหมือนคนบ้าผ่านม่านน้ำตา หัวใจของคนเป็นแม่แทบขาด นี่เป็นความผิดของเธอที่ไม่อธิบายให้ตะวันฉายเข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

“ส่วนแก แกมันเกิดมาแย่งความรักไปจากฉัน แม่แกแย่งความรักของพ่อไปจากแม่ แกก็แย่งความรักของทุกคนไปจากฉัน พอแกเกิดทุกคนก็หันไปรุมรักแก ไม่สนใจฉัน! แล้วตอนนี้แกก็ยังมาแย่งเขาไปอีก ฉันเกลียดแก ได้ยินไหม ฉันเกลียดแก๊!!!” หญิงสาวถลาเข้าไปหวังจะทำร้ายดาวเหนือ แต่โดนตฤณที่คอยระวังอยู่ก่อนแล้วผลักออกไป ชายหนุ่มกอดร่างโปร่งของคนรักไว้อย่างปกป้อง ตะวันฉายที่ทนมองภาพบาดตาไม่ไว้กรีดร้องออกมาอย่างสุดกลั้นไม่ฟังเสียงมารดาที่ร้องห้ามทั้งน้ำตา

“นังดาวเหนือ นังกาฝาก อ๊าย!!!”

“พอได้แล้วตะวัน หยุดเถอะลูก หยุดเถอะ”

“ไม่! แกกับฉันจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้นังดาว” โดยไม่มีใครคาดคิด ตะวันฉายวิ่งตรงไปยังตู้เซฟในห้องทำงานที่เปิดค้างไว้เพราะคุณมินตราเอาเครื่องเพชรออกมาล้าง หญิงสาวคว้าปืนของบิดา พร้อมกระชากตัวดาวเหนือที่ยืนอยู่ใกล้ๆออกมาจากมือตฤณ จ่อปืนเข้าที่ขมับของอีกฝ่าย ร้องขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขยับจะหยิบปืน

“อย่าขยับนะ! ถ้าขยับฉันจะยิงนังนี่ ถอยไป!”

ตะวันฉายส่ายปืนไปทั่ว ก่อนจะเดินถอยหลังออกจากห้องทำงานไปพร้อมกับดาวเหนือ ตะวันฉายลากน้องสาวนอกไส้ไปจนถึงรถสปอร์ตคันโปรดของตนที่ยังคงจอดทิ้งเอาไว้หน้าบ้าน หญิงสาวเปิดประตู ผลักอีกฝ่ายเข้าไปอย่างไม่ไยดี

“อย่าขยับนะนังดาว ฝีเท้าแกกับลูกตะกั่วในมือฉันอะไรมันจะเร็วกว่ากัน แกคงไม่โง่จนคิดไม่เป็นใช่ไหม”

ดาวเหนือได้แต่นั่งนิ่ง ไม่กล้าขยับ ตะวันฉายวิ่งอ้อมไปทางฝั่งคนขับ มือเรียวควานหากุญแจรถในกระเป๋าแต่ไม่เจอ จึงลดปืนลงเพื่อใช้อีกมือช่วยหา พัดยศที่แอบซุ่มรอจังหวะอยู่แล้วก็กระโจนเข้ามาตะครุบตัวร่างเพรียวไว้ ชายหนุ่มพยายามแย่งปืนในมือ แต่ตะวันฉายก็ไม่ยอมสิ้นฤทธิ์ง่ายๆ ดาวเหนือรีบเปิดประตูรถ แต่แล้วเสียงกัมปนาทก็ดังก้องหยุดการกระทำทุกอย่าง

“พี่พัด!”

พรายจันทร์ร้องเรียกคู่หมั้นหนุ่มดังลั่น ทำท่าจะวิ่งมาหา แต่โดนผู้กองนพนธ์ดึงเอาไว้เพราะเห็นว่ายังไม่ปลอดภัย ดาวเหนือหันกลับมามองก็เห็นพัดยศค่อยๆทรุดลงไปกองกับพื้น เลือดไหลเต็มหน้าท้อง หญิงสาวถลาจะเข้าไปดูอาการแต่โดนตบจนหน้าหัน

“ขึ้นไปบนรถเดี๋ยวนี้!”

ดาวเหนือจำต้องขึ้นรถไปตามคำสั่ง ตะวันฉายรีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ตฤณกับพรายจันทร์รีบวิ่งเข้าไปดูอาการของชายหนุ่มที่ร้องโอยอยู่กับพื้น ผู้กองหนุ่มหันไปสั่งลูกน้อง

“จ่า...เรียกรถพยาบาลมาด่วนเลย ส่วนที่เหลือตามผมมา” นพนธ์รีบวิ่งไปขึ้นรถของตน มีตฤณตามไปด้วยเพราะเป็นห่วงคนรัก เขาได้แต่ภาวนาขอให้ดาวเหนือปลอดภัย

“แม่บุษครับ คุ้มครองดาวเหนือด้วย”


“คุณตะวันจะไปไหน” ดาวเหนือเอ่ยถามพี่สาว หลังจากที่รถเคลื่อนตัวพ้นจากซอยบ้าน ตะวันฉายเหลือบมามองคนถาม พูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม

“ก็ไปหาที่ที่เหมาะ ส่งแกลงนรกไปอยู่กับแม่แกยังไงล่ะ!”

“พอเถอะคุณตะวัน มือคุณเปื้อนเลือดมามากแล้วนะ ไม่สงสารแม่มินบ้างหรือไง”

“หุบปาก! ลูกเมียน้อยอย่างแกไม่มีสิทธิ์มาเรียกแม่ฉันว่าแม่ เพราะว่าฉันสงสารแม่น่ะสิ ฉันถึงต้องฆ่าแก เพราะถ้าไม่มีแกอีกคน ก็ไม่จะมีใครทำให้พ่อนึกถึงนังบุษบา แม่ฉันก็จะกลับไปมีความสุขเหมือนเดิม ฮ่า ฮ่า ฮ่า” หญิงสาวหัวเราะลั่นรถ นึกถึงภาพมารดายิ้มมีความสุข มีบิดานั่งดื่มกาแฟอยู่เคียงข้าง มีเธอกำลังป้อนผลไม้ให้ตฤณ อ่า...ช่างเป็นครอบครัวสุขสันต์จริงๆ ชักอยากจะเห็นเร็วๆเสียแล้ว

ตะวันฉายเหยียบคันเร่งขึ้นอีก จนเข็มวัดความเร็วแตะอยู่ที่ร้อยสี่สิบ วันนี้วันหยุดซึ่งตรงกับช่วงวันหยุดยาวพอดีทำให้รถราบนถนนน้อยลงจนสามารถขับเร็วได้ ดาวเหนือเม้มปากแน่นหมดโอกาสที่จะกระโดดลงจากรถด้วยความเร็วระดับนี้ หญิงสาวพยายามคิดหาหนทางรอดอื่น แต่ก็คิดไม่ออก แต่แล้วตะวันฉายที่นั่งเงียบก็ร้องโวยวายออกมา

“แก...นังบุษบา แกตายไปแล้วนี่ แกมาได้ไง”

“คุณพูดกับใคร คุณตะวัน”

“ก็พูดกับแม่แกโน่นไง มันยืนอยู่โน่น” หญิงสาวมองไปตามที่อีกฝ่ายบอกแต่ไม่พบอะไรนอกจากความว่างเปล่า

ตะวันฉายจ้องมองผู้หญิงที่ยืนแสยะยิ้มมองเธออย่างเคียดแค้น ใบหน้าของคุณบุษบามองมาที่เธออย่างท้าทาย ก่อนจะออกเดินไปตามทาง ตะวันฉายเหยียบคันเร่งไล่ตาม หวังจะชนอีกฝ่ายให้กระเด็น

“แกมันตายยากตายเย็นจริงๆนะ แต่ไม่เป็นไรฉันจะฆ่าแกอีกครั้งแล้วค่อยส่งลูกแกตามไป ตายซะ ตาย นังบุษบา!”

“คุณตะวันฉายหยุดนะ คุณบ้าไปแล้วเหรอ นี่มันย้อนศรแล้วนะ!” ดาวเหนือร้องห้ามเมื่อเห็นตะวันฉายขับรถกินเลนฝั่งขาเข้า แต่เวลานี้หญิงสาวไม่ฝั่งเสียงอื่นใดนอกจากไล่ตามศัตรูตัวฉกาจที่เดินไปได้หน่อยก็หันมาส่งยิ้มเยาะเย้ยให้เธอ

เธอกดคันเร่งจนมิด รถสปอร์ตคันหรูพุ่งทะยานเข้าใส่ร่างของคุณบุษบา พร้อมกับที่เสียงกรีดร้องของดาวเหนือดังขึ้นตามมาด้วยเสียงรถชนกันดังสนั่น

“กรี๊ด!!!!”

โครม!

----------------------------------------------------------------------------------------
ค้างกันไหมล่ะ ไม่ต้องมาปาระเบิดบ้านข้าพเจ้านะ เพราะเดี๋ยวสี่ทุ่ม บทส่งท้ายมาลงแน่

นอน ตอนนี้ก็อารมณืค้างกันไปก่อนนะคะ

สี่ทุ่มเจอกัน (คราวนี้ชัวร์ไม่มั่วนิ่ม)



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ธ.ค. 2555, 20:05:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ธ.ค. 2555, 20:05:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 1615





<< ตอนที่ 44   บทส่งท้าย >>
กาซะลองพลัดถิ่น 28 ธ.ค. 2555, 20:51:38 น.
เชื่อว่าชัวร์ไม่มั่วนิ่มแน่ ๆ จะรอนะคะ เพราะอยากรู้จุดจบของคนใจร้าย


ใบบัวน่ารัก 28 ธ.ค. 2555, 22:07:29 น.
อยากไปรถชนคนกลับบ้านตจว. เป็นพอ
จะตายก็ไม่ว่าให้จบก่อนปีใหม่นะ


goldensun 28 ธ.ค. 2555, 23:25:35 น.
แม่บุษมาช่วยแบบนี้ ดาวจะเป็นอะไรมั้ยเนี่ย ตะวันจะถูกกรรมสนองหนักแค่ไหน
น้องนอกไส้นี่ รวมถึงน้องต่างแม่? นึกว่าแค่นับเป็นน้อง
ยังรอตอนจบนะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account