ทางรักของซาตาน
ทางรักของซาตาน ในนามปากกา สุธาสินี เป็นภาคต่อของนิยายเรื่อง ชายิกาของซาตาน กำหนดวางแผนกับ สนพ.ไลต์ ออฟ เลิฟ เดือนหน้า (มกราคม 2556) ... โพสต์เป็นตัวอย่าง 5 ตอนค่ะ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


เพราะความหวังดีต่อลูกค้าหนุ่มรูปหล่อ จนเผลอแพร่งพรายความลับบางอย่างออกไป ทำให้พนักงานขายคอนโดสาวสวยอย่าง ปณิตา ต้องกลายเป็นคนว่างงานเพียงชั่วข้ามคืน หากในวิกฤติก็ทำให้เกิดโอกาส เมื่อมีบริษัทส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งยักษ์ใหญ่สนใจเธอขึ้นมา ปณิตาตกปากรับคำในการสมัครเป็นพนักงาน และสิ่งที่เธอคาดไม่ถึงก็คือ เจ้านายใหญ่ของที่นี่กลับเป็นลูกค้าหนุ่มคนที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องตกงาน นอกจากอดีตพนักงานขายอย่างปณิตาต้องมาทำหน้าที่เป็นพนักงานบัญชีที่เธอแสนจะไม่ถนัดแล้ว หญิงสาวยังถูกเขากลั่นแกล้งให้มารับหน้าที่เป็นพนักงานรับใช้ทั่วไปของเจ้านายใหญ่อีกด้วย เขาช่างกวนโมโห ชีกอ เจ้ามารยา ที่สำคัญเจ้านายหนุ่มยังชอบทำเป็นหมาหยอกไก่จนเธอชักจะเคลิบเคลิ้มไปกับเสน่ห์ของเขา หัวใจสาวเริ่มหวั่นไหวและอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาด กระทั่งเผลอตัวเดินเข้าไปอยู่ในกรงเล็บราชสีห์ หากปณิตากลับล่วงรู้มาว่า เธอเป็นแค่เพียงตัวสำรองและของตายใกล้มือที่เขาหยิบคว้าไว้เพื่อคั่นเวลารอการกลับมาของคนในอดีต ก็แน่ล่ะว่าอดีตของเขานั้นช่างมีมากมายและซับซ้อนเหลือเกิน จนเธอไม่อาจมองข้ามไปสักช็อตเดียว แต่ตอนนี้สิ่งที่หญิงสาวจะทำได้ก็เพียงค่อยๆ ถอยหัวใจออกห่างจากคนมีเจ้าของแล้วเท่านั้น!

เขาคือ สีหราช นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของบริษัทส่งออกอาหารทะเลแช่แข็ง ความสมบูรณ์แบบทั้งรูปลักษณ์และฐานะทำให้เขากลายเป็นผู้ชายในอุดมคติของสาวๆ ทั้งหลายได้ไม่ยากนัก หากคุณพ่อลูกหนึ่งกลับมุ่งมั่นต่อการทำงาน จนกระทั่งได้ช่วยเหลือหญิงสาวตกงานคนหนึ่งไว้อย่างลับๆ เพื่อลบล้างความผิดบางอย่างที่เขาไม่ได้ตั้งใจ หัวใจที่ว่างเว้นคนจับจองมานานร้องบอกให้เขาเก็บเธอมาไว้ใกล้ๆ ตัว หากการได้เธอมานั้นกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะพนักงานสาวคนนี้แสนจะพยศและกล้าต่อล้อต่อเถียงอย่างไม่หวั่นเกรงเจ้านายใหญ่เช่นเขาเลยสักนิด แต่ทว่าเมื่อเขาคิดจะสอยแม่กระต่ายขาวให้มาอยู่ในกรงเล็บราชสีห์อย่างถาวรแล้วละก็ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟที่ไหน ชายหนุ่มก็ไม่หวั่นอยู่แล้ว แม้เธอจะยังกังขาต่อสถานะของเขา แต่สีหราชก็มั่นใจว่า สักวันเธอจะยอมรับออกมาว่า เขานี่แหละ คือหนุ่มโสดร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะร่วมทางเดินกับเธอไปตลอดชีวิต!!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: 1 ราชสีห์หางยาวกับกระต่ายขาวตกงาน


ร่างประเปรียวของเลขานุการสาวใหญ่เดินด้วยท่าทีมาดมั่นมาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของหญิงสาวที่นั่งนิ่งงันเป็นหุ่นยนต์มาเกือบสิบนาที ผู้มาใหญ่มองใบหน้าซีดขาวของคนอ่อนวัยกว่าแล้วลอบถอนหายใจด้วยอารมณ์หลากหลายที่ตีตื้นขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้น

“ปณิตา บอสให้ไปพบตอนนี้เลยจ้ะ”

คำสั่งจากเบื้องบนตามคำเรียกของพนักงานหลายคนที่เข้ามาอยู่รวมกันในตึกสำนักงานใหญ่บนถนนสายเศรษฐกิจของกรุงเทพมหานคร ได้รับการถ่ายทอดแก่บุคคลเป้าหมายด้วยน้ำเสียงชัดเจน

เจ้าของร่างเล็กติดจะอวบอิ่มมีน้ำมีนวลผิดสมัยนิยมค่อยๆ ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินตามเลขาฯ สาวออกไปท่ามกลางสายตาของพนักงานร่วมแผนกที่ลอบมองอยู่หลายสิบคู่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น และไม่ต้องเดาให้มากความว่า ทันทีที่ลับร่างสองสาวต่างไซซ์ก็คงบังเกิดเสียงซุบซิบเซ็งแซ่ตามหลังมา

ไม่กี่นาทีจากนั้น หญิงสาวนามปณิตาก็ได้มานั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ในห้องโอ่โถงที่ตกแต่งด้วยโทนสีขรึม มือเรียวบางที่วางบนตักนุ่มถูกประสานแล้วบีบเข้าหากันจนแน่น ดั่งจะยึดไว้เป็นหลักเพื่อบรรเทาความรู้สึกเคว้งคว้างอย่างที่ประสบอยู่

“เป็นยังไงบ้าง” เสียงทุ้มทรงอำนาจจากคนที่นั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานดังขึ้น ส่งผลให้ร่างขาวผุดผ่องสะดุ้งน้อยๆ ก่อนเจ้าตัวจะส่ายศีรษะ แทนคำตอบทั้งหมดทั้งมวลที่มีให้กับคำถามนั้น

“ผมกับผู้ใหญ่อีกสองคนได้ปรึกษากันแล้ว ทางเราเข้าใจดีว่าเรื่องทั้งหมดไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของคุณ” เสียงจากผู้บริหารที่ดูแลสายงานของหญิงสาวกล่าวเป็นจังหวะช้าๆ หากว่ามั่นคงนัก “แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว และสร้างความเสียหายให้กับบริษัท การที่เราจะปล่อยปละละเลยไป ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะการทำงานของทุกคนที่นี่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่บริษัทตั้งไว้ ไม่เว้นแม้แต่ผู้บริหาร”

คนพูดไม่มีทีท่าว่าจะสรุปได้สักที และในเวลานี้คนที่มีหน้าที่ต้องฟังก็เริ่มหายใจติดขัดมากขึ้น ปณิตารู้ถึงความผิดตัวเองเป็นอย่างดี ความผิดที่เธอคิดเสมอว่าเกิดจากความหวังดีที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน หากนั่นกลับเป็นสาเหตุให้บริษัทต้องเสียผลประโยชน์อย่างที่เธอเองก็คิดไม่ถึง!

‘บอส’ ยังคงร่ายถึงหลักปฏิบัติยืดยาวซึ่งคงมีใครสักคนตั้งขึ้นมา หากสิ่งที่ปณิตารอคอยคือบทสรุปสำหรับเธอต่างหากล่ะ และไม่กี่อึดใจต่อมา เวลานั้นก็มาถึง

“เพื่อไม่ให้เสียประวัติการทำงาน เราจะอนุญาตให้คุณเขียนใบลาออกเอง และสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่จะไม่มีผลต่อการสมัครงานที่ใหม่ของคุณ”

คนที่ถูกอนุญาตให้ลาออกจากงานสูดลมหายใจลึก ... สิ่งที่เข้ามาปะทะโสตสัมผัสไม่ได้สร้างความตกใจให้เธอแม้แต่น้อย คงเพราะพอจะคาดเดาได้ตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาในห้องนี้แล้วกระมัง การรอคอยต่างหากที่เคยทำให้เธอรู้สึกทรมานอย่างไม่รู้จักจบสิ้น และเมื่อวันนั้นมาถึง ซึ่งก็คือสิ่งที่เกิดอยู่ในตอนนี้ ปณิตาจึงสามารถรับฟังและยอมรับทุกอย่างได้เป็นอย่างดี

“ขอบคุณค่ะ”

สิ้นเสียงหวานที่รำพึงตอบโดยอัตโนมัติ ก็ได้ยินคำอธิบายที่คนฟังไม่เคยร้องขอตามมาอีกครา

“ความจริงพนักงานจะลาออกต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งเดือนเพื่อให้บริษัทมีเวลาหาคนมาทำงานแทนได้ทัน แต่สำหรับคุณ ทางเราจะยกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษ ผมจะให้เลขาพาไปเขียนใบลาออกในตอนนี้ แล้วจากนั้นคุณก็สามารถหยุดงานได้ทันที”

คำพูดจาก ‘บอส’ ยังลอยเข้ามาเรื่อยๆ ปณิตาอยากจะกรี๊ดให้สุดเสียง มันเรื่องอะไรกันนักหนา กรณีของเธอก็คือการถูกไล่ออกจากงานดีๆ นี่เอง แม้จะพูดให้สวยหรูว่า ‘อนุญาตให้เขียนใบลาออกเอง’ ก็ตามที คนพวกนี้เป็นหุ่นยนต์ ไม่มีชีวิตจิตใจกันหรือยังไงถึงพูดตอกย้ำเข้ามาได้โดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อเคลื่อนมาถึงชั้นล่าง ร่างของหญิงสาวผิวขาวผุดผ่องในชุดสูทกางเกงสีขรึมก็ก้าวออกมา ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีตนั้นดูเรียบเฉย จนยามรักษาความปลอดภัยซึ่งนั่งประจำโต๊ะแลกบัตรขึ้นอาคารที่อ้าปากจะร้องทักต้องหุบฉับลง แต่กระนั้นก็ยังนึกสงสัยเมื่อเห็นสัมภาระเต็มสองมือซึ่งเธอหอบติดมา อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับข้าวของส่วนตัวสารพัดอย่างที่บรรจุในกล่องใบใหญ่ ทำให้คนที่กำลังจดๆ จ้องๆ ต้องตัดสินใจถาม

“คุณปิงปองจะไปข้างนอกหรือครับ ให้ผมเรียกรถแท็กซี่หรือเปล่า”

‘คุณปิงปอง’ หยุดกึกแล้วหันกลับไปมองต้นเสียงที่เพิ่งเดินผ่านมา ก่อนพยักหน้าช้าๆ

“ดีเหมือนกัน งั้นฉันนั่งรอตรงนี้แหละ” เจ้าของสัมภาระตอบรับความหวังดี แล้วบอกจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวนอกเมืองที่ได้จากน้ำพักน้ำแรงของตัวเองกับน้องสาวให้อีกฝ่ายรู้

กระทั่งผู้หวังดีเดินลับหายออกจากประตูสู่ทิศทางถนนใหญ่ สาวร่างอวบอิ่มก็ถอยกลับไปนั่งรอบนเก้าอี้รับแขกที่อยู่ใกล้ๆ พร้อมสองมือยังคงกอดประคองกล่องใบใหญ่ พลางครุ่นคิด

“พี่ไปส่งไม่ได้นะ พอดี...เอ่อ หัวหน้าเรียกพบ ปิงปองนั่งรถแท็กซี่กลับบ้านเองได้ใช่ไหม แล้วคืนนี้พี่จะโทรไปหา”

เพื่อนร่วมงานหนุ่มที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นคนรักได้ไม่ถึงขวบปีบอกขณะลงมือช่วยเก็บของพร้อมกับสองสาวเพื่อนร่วมงาน ปณิตาคิดถึงคนที่พร่ำบอกว่าเข้าใจเธอเสมอยามโทรหากัน หากการกระทำเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นกลับกลายเป็นอีกอย่างด้วยใจที่แสนจะปวดร้าว

“คนไม่จริงใจ คนขี้ขลาด คงกลัวว่าตัวเองจะติดร่างแหไปด้วยล่ะสิ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องมายุ่งกับเขาอีกเลย คอยดูนะ โทรมาก็จะไม่รับสาย ไม่ต้องมาตีสองหน้าแสร้งทำเป็นเห็นใจกันอีก”

คนเพิ่งว่างงานหมาดๆ พูดพร้อมกัดฟันกรอด ดวงตาหวานที่เปล่งประกายวาวโรจน์ทำให้คนที่กำลังก้าวผ่านต้องชะงักเท้าลง หากก็เป็นเพียงเสี้ยววินาที เมื่อมีเสียงโทรศัพท์เรียกเข้า เขาก็เบนความสนใจพร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินต่อด้วยเห็นว่าจวนเจียนจะถึงเวลานัดทำ ‘ธุระ’ ของตนเต็มที

ปณิตานั่งรอเกือบสิบนาที คนที่อาสาตามรถแท็กซี่ก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาบอก

“รถมาแล้วครับ ให้ผมช่วยถือของหรือเปล่าครับ” คำพูดแสดงน้ำใจจากคนใบหน้าซื่อๆ ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นอย่างประหลาด

“ไม่เป็นไร ของในกล่องนี้ไม่หนักหรอก ฉันถือเองได้ อ้อ!...ขอบใจนะสำหรับน้ำใจของนาย”

รอยยิ้มอ่อนๆ พร้อมน้ำเสียงจริงจังสร้างความงุนงงให้คนฟังยิ่งนัก ทว่าหญิงสาวก็ตัดความสนใจออกไป หล่อนก้าวเดินอย่างมั่นคงขึ้นมานั่งในรถแท็กซี่ที่จอดรอตรงหน้าสำนักงาน จากนั้นรถก็แล่นออกจากสถานที่นี้ไป

หากปณิตาช้ากว่านี้เพียงนาทีเดียว ชายหนุ่มที่รีบเร่งก้าวออกจากลิฟต์โดยสารคงไม่ต้องหัวเสียถึงขนาดนี้!

“หายไปไหนของเขานะ หรือจะออกไปข้างนอก” คนร่างสูงใหญ่บ่นพึมพำ ขณะมือแข็งแรงถอดบัตร ‘ผู้มาติดต่อ’ คืน

“คุณถามหาใครหรือครับ” ยามรักษาความปลอดภัยผู้มีใจบริการถาม เมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของแขกหนุ่ม
“ผู้หญิงคนที่นั่งตรงนี้ หายไปไหน”

“อ๋อ คุณปณิตา พนักงานของที่นี่ เธอกลับบ้านไปแล้วครับ สงสัยวันนี้จะไม่สบาย”

“บ้านเธออยู่ไหน เอ่อ ... ผมเป็นลูกค้าของเธอ อยากคุยธุระด้วย”

แขกหนุ่มหน้าตาดี ท่าทางภูมิฐานถาม หากคนฟังกลับนิ่วหน้าสงสัย ซึ่งทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าคงจะเค้นหาคำตอบได้ยากอย่างแน่นอน จึงรีบผละออกไปขึ้นรถคันหรูที่จอดตรงลานด้านหน้าอย่างไม่ต้องการให้เสียเวลา แล้วขับออกไป

เจ้าของรถเบ็นซ์สีดำรุ่นใหม่ล่าสุดละมือจากพวงมาลัย กดโทรศัพท์ติดต่อหาใครบางคนตามหมายเลขที่แสดงบนนามบัตรซึ่งหยิบได้จากหน้ารถ ไม่กี่อึดใจก็ได้ยินเสียงหวานทว่าไม่คุ้นเคยตอบกลับมา

“สวัสดีค่ะ เอเอส พร็อบเพอร์ตีค่ะ”

“คุณปณิตาหรือเปล่าครับ”

“ไม่ใช่ค่ะ ดิฉันสไลลาพูดสาย วันนี้คุณปณิตาไม่เข้าสำนักงานขาย ไม่ทราบว่าจะติดต่อเรื่องอะไรคะ”

“ผมมีธุระจะคุยกับคุณปณิตา ไม่ทราบว่าจะพอมีเบอร์ติดต่ออื่นหรือเปล่าครับ”

และเป็นอีกครั้งที่หนุ่มร่างใหญ่ไม่ได้รับคำตอบ หากคราวนี้เขาต้องเสียเวลาตะล่อมถามแม่สาวเสียงหวานที่ดูจะยิ่งถามก็ยิ่งตอบเลี่ยงกลับไปกลับมาพิกล จนในที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้

“สรุปว่าคุณไม่รู้ หรือถึงรู้ก็ไม่มีวันบอกใช่ไหม ว่าเบอร์มือถือที่คุณปณิตาใช้ส่วนตัวคือเบอร์อะไร”

“ขอโทษนะคะ ดิฉันบอกคุณไม่ได้จริงๆ พนักงานขายในบริษัทจะติดต่อลูกค้าด้วยเบอร์ที่บริษัทเปิดให้เท่านั้น”

“ไม่เป็นไร ขอบคุณครับ” สีหราชตัดบทก่อนตัดสายฉับ แล้วกลับมาบังคับรถด้วยอารมณ์หงุดหงิดต่อ
เรียวคิ้วเข้มขมวดมุ่นด้วยรู้สึกคาใจจากเสียงซุบซิบของพนักงานที่ดังเข้าหู ตอนเขานำเอกสารที่ออกให้กับลูกค้าไปทำการยกเลิกสัญญาจองซื้อห้องชุด

“ลูกค้าคนนี้ไงที่ยายปิงปองไปเสนอหน้าบอกอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะ จนเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา จะว่าสงสารก็สงสารหรอกนะ แต่ก็อดสมน้ำหน้าไม่ได้ เขาจ้างให้มาเป็นเซลล์ แต่ทำเกินหน้าที่เอง ช่วยไม่ได้!”

“เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่ หอบข้าวของลงมาตอนเที่ยงวัน แถมหน้าตาก็บอกบุญไม่รับ ไม่ใช่ว่าโดนไล่ออกไปแล้วนะ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ซวยล่ะสิ แล้วตอนนี้ก็ดันหายตัวไปอีก”

สีหราชรำพึง พร้อมชะลอความเร็วรถเข้ามาจอดรอสัญญาณไฟจราจรกลางสี่แยกใหญ่ ใบหน้าคมสันเมินมองรอบตัวอย่างหงุดหงิดใจต่อความรู้สึกจนหนทาง พลันก็เหมือนแสงสว่างวาบนำทางเข้ามา เมื่อสายตาปะทะกับเสี้ยวหน้านวลของคนที่นั่งบนเบาะหลังรถแท็กซี่ที่จอดข้างๆ ไม่ทันจะได้ส่งสัญญาณเรียกเจ้าหล่อนให้รู้ตัว มหกรรมรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่จอดนิ่งก็ทยอยเคลื่อนตามออกไปด้วยสัญญาณไฟที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวในเวลาต่อมา

“เอาไงดีวะ ... ตามไปก่อน ที่เหลือค่อยว่ากัน”

เจ้าของรถคันหรูที่อยู่เลนกลางคิดพลางพยายามเคลื่อนรถเข้าสู่ช่องทางซ้ายมือตามรถแท็กซี่คันนั้น และสุดท้ายเขาก็ทำมันได้สำเร็จ ... หากไม่นับรวมเสียงบีบแตรไล่จากรถคันหลังที่เขาปาดหน้าในระยะกระชั้นชิด

รถแท็กซี่สีเขียวเหลืองกลางเก่ากลางใหม่ขับออกนอกเมืองโดยมีรถสัญชาติยุโรปแล่นตามในระยะใกล้ กระทั่งเกินครึ่งชั่วโมงจึงเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าบ้านที่ตั้งอยู่สุดซอยในหมู่บ้านขนาดกลาง

“ไม่ทันอีกจนได้ ทำไมถึงเดินเร็วนักนะ”

สีหราชบ่นอุบ หลังจากที่ต้องขับรถทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้า หลังจากตามเข้ามาในเขตหมู่บ้าน เหตุเพราะต้องเสียเวลาแลกบัตรตรงป้อมยามอยู่นานหลายนาทีกว่าจะฝ่าเข้ามาได้ นัยน์ตาคู่คมลอบมองเข้าไปในบ้านเดี่ยวหลังกะทัดรัดที่คนร่างเล็กหอบสัมภาระเดินลับหายเข้าไป

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ทางด้านคนที่สีหราชบ่นถึงกำลังเผชิญกับสายตามารดาที่จ้องเขม็งอย่างอึดอัดใจ

“ทำไมกลับบ้านตั้งแต่หัววัน แล้วนั่นหอบอะไรมาด้วย” นางอรชรถามบุตรสาวคนโต พร้อมกับมองลอดแว่นสายตาอย่างต้องการคำตอบ

“ปิงปองตกงาน” ความตั้งใจที่จะเก็บเป็นความลับถูกพับเก็บไปเมื่อเจอคำถามคาดคั้น ก่อนจะขยายความต่อ “เจ้านายเชิญให้เขียนใบลาออก”

หญิงวัยกลางคนร่างท้วมนิ่งเป็นครู่ก่อนยักไหล่ เดินมานั่งบนโซฟา ทำให้อีกคนต้องทรุดกายนั่งตาม

“งั้นก็ช่างมันเหอะ ออกจากที่เดิมก็ค่อยหางานที่ใหม่ทำ งานตั้งมีเยอะแยะ ถ้าเราไม่เลือกมากก็ว่างงานไม่นานหรอก”

“แม่ไม่ว่าอะไรเหรอ แล้วไม่สงสัยหรือว่าทำไมจู่ๆ ปิงปองโดนไล่ออกจากงาน” เสียงอ่อยจากคนร่างกลมกลึงที่นั่งอิงแอบมารดาดังขึ้น ก่อนเจ้าหล่อนจะซบดวงหน้านวลบนลำแขนอวบอย่างต้องการกำลังใจ

“แม่จะไปว่าปิงปองทำไมกันล่ะลูก ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากโดนให้ออกจากงานหรอก แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ”

มารดาพูดซึ้ง! จนคนเป็นลูกแทบน้ำตาตกด้วยความตื้นตันใจ หากพอได้ยินคำต่อมา หญิงสาวก็แทบพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ

“ว่างๆ ก็ช่วยแม่ทำเค้กกับคุกกี้ขายดีกว่า ช่วงนี้ออเดอร์จากลูกค้าเข้ามาเยอะ จนแม่ทำคนเดียวจะไม่ไหวอยู่แล้ว ถ้าปิงปองมาช่วยอีกแรง แม่จะได้สบายขึ้นยังไงล่ะ”

“โธ่! ที่แม่ไม่บ่นก็เพราะจะให้ปิงปองมาเป็นลูกมือทำขนมนี่เอง” ปณิตาว่าพลางหัวเราะอารมณ์ดีกับความเจ้าเล่ห์แบบน่าหยิกของมารดา หากความรื่นรมย์ก็กินเวลาเพียงไม่ถึงนาที รอยยิ้มก็จางหายเมื่อนึกถึงคนต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องกลายเป็นคนว่างงานโดยไม่ทันได้เตรียมการณ์ใดๆ

‘เป็นเพราะนายคนเดียว นายสีหราช ฉันไม่น่าทำตัวเป็นผู้หวังดีเลย สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นคนตกงานแบบนี้ ไม่เห็นจะคุ้มตรงไหน!’

“ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วลงมาข้างล่าง แม่จะหาอะไรให้ทาน” น้ำเสียงอ่อนโยนปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากความเคืองแค้น หล่อนยื่นหน้าหอมแก้มมารดาอย่างประจบประแจงก่อนจะลุกผละออกไป ปล่อยผู้ให้กำเนิดมองตามด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยความห่วงใย

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ปณิตาง่วนกับการช่วยมารดาอบขนมในครัวจนถึงเวลาเย็นจึงได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน
“ยายปี่มาแล้วล่ะ” หล่อนเปรยขณะที่ทั้งมือและสายตายังไม่ละจากงาน จนผ่านไปพักใหญ่ก็นึกเอะใจที่ไม่เห็นน้องสาวคนเดียวโผล่เข้ามาทักทายเหมือนทุกครั้งที่กลับมาถึง

“แม่จะออกไปดูข้างนอกหน่อย”

หญิงสูงวัยพูดเหมือนเข้าไปนั่งกลางใจบุตรสาวคนโต และไม่นานต่อมา ปณิตาก็รับรู้ว่าคนเดินไปดูก็หายจ้อยตามไปอีกราย จึงได้แต่ส่ายหน้ายิ้มขำ กระทั่งได้ยินเสียงห้าวเอะอะคุ้นหูปนกับเสียงใสของน้องสาวดังแว่วเข้ามา คนที่หมกตัวในครัวตลอดบ่ายจึงตัดสินใจเดินออกมาเยี่ยมหน้าดูด้วยตัวเอง

“เสียงดังเอะอะเชียว มีอะไรกันหรือ” คนหน้าหวานส่งเสียงเข้มงวดดังนำก่อนจะพาร่างเล็กปรากฏตามให้แขกในบ้านยลโฉม แล้วจึงถามต่อ “แล้วนั่นนายป่านเข้ามาในบ้านฉันทำไม”

“แหม! จะทักทายดีๆ ให้ชื่นใจกันสักครั้งก็ไม่มีเลยนะ คุณนายปิงปิง” นายป่านหรือปราบดาเพื่อนข้างบ้านคนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่รุ่นคุณแม่ยังสาวกล่าวท้วงปนคำหยอกเย้า

“เดี๋ยวเถอะ อยากโดนเฉาะหัวอีกหรือไงถึงได้เรียกปิงปิง แล้วนี่ยังไม่ได้ตอบเลยนะว่าเข้ามาในบ้านฉันทำไม”

ปณิตาเงื้อมือใส่เพื่อนหนุ่มเป็นเชิงขู่ แต่ดูว่าจะน่ากลัวน้อยไปเพราะได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากน้องสาวสลับกับเพื่อนชายอย่างเห็นขัน ไม่เว้นแม้แต่มารดาที่ยิ้มพลางส่ายหน้าก่อนจะกลับเข้าไปในห้องครัวตามเดิม

“บังเอิญฉันขับรถเข้ามาถึงบ้านพร้อมน้องปี่ แล้วเห็นนายตี๋ใหญ่จอดรถซุ่มอยู่หน้าบ้านเธอ เลยเข้าไปตรวจสอบความปลอดภัยให้ แต่ดูสิ แทนที่จะขอบอกขอบใจกลับทำเสียงแว้ดๆ ใส่กัน แบบนี้เขาเรียกว่าทำคุณบูชาโทษแท้ๆ ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ยุ่งดีกว่า” พลเมืองดีร่ายยาวลอยหน้าลอยตา หากก็หาความกระจ่างให้กับคนฟังไม่ได้เลยสักนิด ซ้ำร้ายตอนท้ายก็ก้ำกึ่งทวงบุญคุณอย่างไรพิกล

“เดี๋ยวก่อนนายป่าน อย่าเพิ่งทำเป็นงอน นอกจากมันจะทุเรศไม่เข้ากับหน้าแล้วยังทำให้ฉันงงหนักกว่าเดิม อธิบายมาหน่อยสิว่าตี๋ใหญ่ที่ไหนกันที่นายพูดถึง” ปณิตานิ่วหน้าคาใจ พร้อมมองเพื่อนชายที่แสร้งทำเมินอย่างนึกหมั่นไส้ หากคำตอบที่หญิงสาวได้รับกลับมาจากอีกคนที่คงทนมองคนท่ามากไม่ได้เช่นกัน

“ใครไม่รู้มาจอดรถอยู่หน้าบ้านเราคะพี่ปิงปอง รถเบนซ์รุ่นใหม่ล่าสุดเชียวนะ พี่ป่านเห็นทีแรกแล้วน้ำลายจะไหล คนขับก็หน้าตาดี พี่ปิงปองอย่าบ้าจี้ตามพี่ป่านนะ คุณคนนั้นไม่เหมือนตี๋ใหญ่อะไรนั่นหรอก ปี่ว่าเขาเหมือน ... เหมือนเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้มากกว่า ตัวโตๆขาวๆ แต่มาดเข้มเชียว” คนสาธยายทำตาเคลิ้มฝันพลางนึกถึงเจ้าพ่อกึ่งนักเลงโตในความทรงจำจากหนังดังครั้นเยาว์วัย โดยไม่สนใจสายตาสองคู่ที่มองด้วยความรู้สึกต่างกัน คนหนึ่งมองแล้วช่างน่าหมั่นไส้นักหนา หากอีกคนกลับมีแววกังขาเพิ่มขึ้นมาจนเต็มร้อย

“คนรู้จักของเธอหรือเปล่าปิงปิง” เพื่อนวัยเด็กตัวดียังคงเรียกเธอด้วยชื่อที่ได้มาพร้อมการปรากฏตัวของทูตสันตวไมตรีที่นำมาจากเมืองจีนด้วยท่าทางจริงจัง

“จะว่าไปปิงปองของเราก็น่ารักเหมือนน้องหลินปิงนะครับป้า ใช่ไหมปี่ ดูดีๆ สิ ตัวขาวๆ ป้อมๆ แถมยังแก้มป่อง ตาโตอีกด้วย คุณป้าแน่ใจนะครับว่านั่นไม่ใช่น้องของปิงปองที่พลัดพรากจากกันเมื่อยี่สิบกว่าปี น้องหลินปิงของพี่ปิงปอง เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ ต้องเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นปิงปิงดีกว่าจะได้รู้ว่ามาจากที่เดียวกัน”

ปราบดาตั้งข้อสังเกตด้วยสีหน้าขึงขังหลังดูข่าวสั้นจากจอทีวีในเย็นวันหนึ่งจบลง จนคนที่ถูกพาดพิงถึงได้แต่ฮึดฮัดขัดใจ ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากมารดาและน้องสาว เจ้าหล่อนก็กรีดเสียงปกป้องภาพพจน์ของตัวเองในทันที

“หุบปากไปเลยนายป่าน ห้ามนำฉันไปเปรียบเทียบกับน้องหลินปิงของนายอีก ไม่งั้นนายโดนเฉาะหัวแน่”

“ก็ได้ ไม่พูดอีกก็ได้ ยายปิงปิง...โอ๊ย!” สิ้นวาจาน่าหมั่นไส้ ถาดใส่ขนมที่วางบนโต๊ะหน้าโซฟาก็ลอยปลิวปะทะศีรษะของคนช่างเย้าอย่างแม่นเหมาะ และต่อจากนั้นปณิตาก็นั่งยิ้มกริ่มไม่สนใจความวุ่นวายที่เกิดจากน้ำมือของตนแม้แต่นิดเดียว

หลังจากเหตุการณ์นั้น หากจะคิดว่าเพื่อนชายที่โตมาด้วยกันจะหยุดพูดจากวนประสาทเจ้าของฉายาพี่สาวหลินปิง ก็คงจะเป็นการตั้งความหวังที่มากเกินไป ...

“ฉันจะออกไปดูให้รู้ว่าเป็นใคร” ปณิตาบอกหลังจากตัดใจข่มอารมณ์จากเพื่อนชายได้สำเร็จ

“ไม่ต้องไปดูหรอก หมอนั่นขับรถออกไปหลังจากที่ฉันเคาะกระจกเรียกแล้ว แต่ก็แปลก หน้าตางัวเงียพิกล จะว่ามางีบหลับหน้าบ้านก็ดูตลก บ้านแกไม่ใช่สวนสาธารณะสักหน่อย แล้วหน้าตาแบบนั้น รถลักษณะนั้นก็ไม่ใช่คนในหมู่บ้านเราแน่นอน”

“ดูดีเกินกว่าจะมาเป็นเพื่อนบ้านของพี่ป่านใช่ไหมล่ะ” ปีย์วรากระเซ้าเพื่อนพี่สาว อีกฝ่ายเหล่มองแล้วเมินหนีเหมือนจะบอกให้รู้ว่าเขาไม่ขำไปกับเธอด้วยหรอกนะ

“ถ้าดูท่าทางเขาไม่มีอะไรให้ติดใจก็ช่างเถอะ อาจเป็นใครที่เข้ามาติดต่อคนในหมู่บ้านเราก็ได้” ปณิตาตัดบทเสียงเนือย หากเพื่อนหนุ่มกลับคัดค้านอย่างไม่ยอมให้จบเรื่อง

“คนเดี๋ยวนี้ดูหน้าไม่รู้ใจ ฉันจะโทรไปขอชื่อผู้ชายคนนั้นจากป้อมยามหน้าหมู่บ้านไว้ ยังไงก่อนเข้ามาก็ต้องมีการแลกบัตร จดชื่อ บันทึกเวลาเข้าออกกันอยู่แล้ว เผื่อมีปัญหาภายหลังจะได้ตามตัวได้ง่ายๆ ส่วนเลขทะเบียนรถ ฉันจดมาเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน”

“ตามใจนายแล้วกัน ยังไงก็ขอบใจนะ” ปณิตายกการตัดสินใจให้ปราบดาแล้วหันกายหมายจะตามมารดาเข้าไปในครัว หากต้องเบี่ยงตัวหนี เมื่อมือหนาของอีกฝ่ายยื่นมาแตะหน้าผากเกลี้ยงเกลา พร้อมตีสีหน้าสงสัย

“ตัวก็ไม่ร้อน จะว่าไม่สบายก็คงไม่ใช่” ปราบดารำพึง พร้อมนิ่วหน้าครุ่นคิด “วันนี้แกดูแปลกไป เป็นอะไรหรือเปล่า”
“อะไรของนายนักนะ ฉันสบายดี ว่าแต่นายทำเป็นสงสัยโน่นนี่ จะดึงเวลาจนถึงมื้อเย็นเลยใช่ไหม จะกินฟรีที่นี่ล่ะสิ”

“ไม่ใช่หรอก แกไม่งกมื้อเย็น อย่าทำเป็นกลบเกลื่อน” จอมสงสัยยังไม่ยอมหยุดคิด แล้วตั้งข้อสังเกต “แกไม่เขวี้ยงหัวฉันตอนฉันเรียกปิงปิง นั่นหนึ่งล่ะ แล้วเรื่องผู้ชายคนนั้น ถ้าเป็นเวลาปกติแกคงนึกสงสัย ไม่บอกผ่านอย่างหมดอาลัยตายอยาก ไม่ต้องปิดบัง บอกมาซะดีๆ ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับแก ถึงทำท่าเป็นหมาป่วยแบบนี้”

“นายจุ้นเฮ้ย! นายต้องรู้ให้ได้ใช่ไหม ฉันเพิ่งโดนไล่ออกจากงานไง พอใจหรือยัง”

“อะไรนะ!” น้ำเสียงตกอกตกใจของเพื่อนหนุ่มช่างประสานกับเสียงใสของน้องสาวได้พร้อมเพรียงอย่างน่าอัศจรรย์ใจ

“เกิดอะไรขึ้น ใครทำแก มีคนแกล้งแกใช่ไหม บอกมา ฉันกับน้องปี่จะไปกรีดรถมันซะให้เข็ด!”

ในวันนี้ปณิตาหัวเราะออกมาได้เป็นครั้งแรก เมื่อเห็นท่าทางเป็นเดือดเป็นแค้นของเพื่อนหนุ่ม อีกทั้งสีหน้าเหวอๆ ของคนที่ถูกดึงเข้าไปในแผนการโดยไม่ทันตั้งตัวด้วยความขบขัน

“ไม่มีใครแกล้งฉันหรอก ฉันโดนไล่ออกเพราะทำตัวเองทั้งนั้นแหละ และขอร้องเลยนะ ช่วงนี้อย่ามาสร้างความเดือดร้อนให้กัน หากนายถูกจับในข้อหาทำลายทรัพย์สินของใครเข้า ฉันไม่มีปัญญาไปประกันตัวหรอก เพราะต้องสำรองเงินไว้กินไว้ใช้ตอนว่างงาน จะกี่เดือนกี่ปีก็ยังไม่รู้เลย” ตอนท้ายน้ำเสียงเศร้าสร้อยอย่างปิดไม่มิด

“เออๆ ไม่มีใครทำแกก็แล้วไป ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ ถือซะว่าได้พักร้อน สัก 1-2 เดือน โดยไม่ต้องรออนุมัติจากใคร สบายจะตาย หลังจากนั้นคนเก่งอย่างแกก็มีงานใหม่มาให้ทำอย่างแน่นอน เชื่อฉันสิ”
คนตกงานยิ้มอ่อนๆ รับคำปลอบใจ ทุกอย่างก็ไม่เลวร้ายเกินไป หล่อนยังมีครอบครัวที่รักและเข้าใจ อีกทั้งเพื่อนบ้านใกล้ที่คอยห่วงใยไม่เคยเปลี่ยน เพียงเท่านี้ก็ดีถมไปแล้ว



Lalanda
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ธ.ค. 2555, 00:05:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ธ.ค. 2555, 00:05:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1469





   2 เจ้าป่าเรือพ่วง >>
phugan 1 ม.ค. 2556, 11:54:10 น.
สวัสดีปีใหม่...ขอคุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครอง.....สุข...สมหวังดั่งใจปอง....มีเงิน...มีทอง...ตลอดปี....^^


Lalanda 1 ม.ค. 2556, 22:53:17 น.
@ phugan สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอพรคืบกลับผู้ให้เช่นกันค่ะ ^_^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account