เจ้าสาวพันธุ์สืบ
ปลื้ม---สาวเจ้าตัวดีที่มีนิสัย ซื่อ ทื่อ และโกง
ปลาย--น้องชาย ซึ่งกลายเป็นน้องสาวเธอช่างเป็นคนแสนดี

สองพี่น้องเป็นนางสาวสัปเหร่ออันเลื่อชื่อ ที่บรรดาผีผีรุมขอความเป็นธรรมกันเป็นแถวทีเดียว

คิมหันต์---บุรุษหนุ่มมาดเนี้ยบเจ้าของธุรกิจพันล้าน ผุ้มีเบื้องหลัง ต้องมาเป็นเจ้าบ่าวของนางสาวสัปเหร่ออย่างปลื้ม

วสันต์---หนุ่มหล่อซึ่งเป้นผีที่กลัวผีที่สุด และช่างน่าสงสารที่เขาหลงรักนางสาวทื่อ บื้อ อย่างปลื้มได้ลงคอ

เหมันต์---หนุ่มน้องคนสุดท้องที่ไม่ไว้ใจคนในครอบครัว และไม่ไว้ใจพี่สะใภ้ แต่เขากลับมาแอบรัก นาย...สาว ปลาย ซึ่งทุ่มหัวใจไปรักผีน่าสงสารเสียดาย

เรื่องราววุ่นวาย และสุดรักสุดหวงของ นางแก้ว ได้นำมาลงให้อ่านกันแล้วจ้ะ


Tags: คน ช่วย ผี

ตอน: ตอนพิเศษ

คิมหันต์เข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของสถาบันนิติเวช ซึ่งออกมารับรองการตายของเจ้าสัว ซึ่งเป็นการฆาตกรรมชี้ชัดว่าโดนฝังทั้งเป็น แต่ไม่อาจระบุได้ว่าโดนวางยา หรือการทำให้สลบ หรือด้วยวิธีใด เพราะไม่อาจหาสารพิษที่เป็นอันตรายได้ จากนั้นทางครอบครัวจึงทำการเคลื่อนย้ายศพเจ้าสัวไปทำพิธีทางศาสนา
อาหม่าให้ทำกงเต็กแล้วเผาเลย แต่ลูกชายคนโตทั้งสองคัดค้านเป็นเสียงเดียวกันว่า
“ครอบครัวเราไม่ใช่คนยากจน แม้ต้นตระกูลไม่ร่ำรวย แต่เมื่อเตี่ยมาสร้างฐานะจนรวยมหาศาลได้ เตี่ยก็ทำฮวงซุ้ยให้กับบรรพบุรุษที่เมืองจีน”
“ใช่แล้วครับอาหม่า ที่หงซัว(สุสานใหญ่ที่ชลบุรี) เราก็มีพื้นที่ที่จะฝังศพเตี่ยให้ยิ่งใหญ่ได้ วิญาณเตี่ยจะได้คุ้มครองพวกเรา”
“ถ้าอีมีฤทธิ์คุ้มครองคนล่าย อาว้าคงไม่หายไปอย่างนี้” อาหม่าให้เหตุผล “เผาไปตามประเพณีไทย เพื่อเตี่ยลื้อจะได้ไปสวรรค์”
“แต่ฝนอยากให้ฝังเฮียมากกว่าค่ะอาหม่า จากนั้นก็เชิญวิญาณเข้ามาบ้าน”
“ไร้เหตุผล”อาหม่าขัดคำด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ถ้าวิญญาณอาเฮียมีจริงทำไมไม่มาบอกว่าใครทำร้าย ทำไมต้องรอให้คนที่ลื้อรู้จักขุดพบ”
“เจเจ๊ อย่าใส่ร้ายฝนได้มั้ย ลูกคุณปรัชขุดพบเพราะไปล้างป่าช้า มันเป็นเรื่องบังเอิญนะคะ” คุณน้ำฝนอ้างเหตุผลที่เป้นจริง แต่หลายคนในที่นั้นต่างหวาดระแวง โดยเฉพาะอาหม่า ซึ่งตวาดออกมาทันควันว่า
“อั๊วไม่เชื่อ และอั๊วยืนยันจะให้เผาเฮีย จากนั้นใครจะให้เชิญวิณญาณไปสุสานบรรพบุรุษก็ตามใจ”
“ในฐานะที่ผมเป็นทายาทที่ได้รับการมอบหมาย ผมจะฝังศพเตี่ยที่สุสานตามคำของเฮียเฮียง กับเฮียธง จากนั้นจะเชิญป้ายวิญาณของเตี่ยเข้ามาไว้ที่สุสานบรรพชน ที่ตึกด้านข้างเพื่อเป้นที่สักการะบูชา”
“ทำไมไม่เผา”อาหม่ายังคงดื้อดึงยืนยันคำเดิม”
“เจเจ๊ทไมจึงอยากเผาเฮียนักล่ะ”คุณน้ำฝนย้อนเข้าไปบ้าง “การเผามันเป้นการอำพรางศพอย่างหนึ่งใช่มั้ยคะเจเจ๊”
“อาฝน ลื้อพูดอะไรออกมา ลื้อจะใส่ร้ายการกระทำที่หวังดีของอั๊วที่มีต่ออาเฮียอย่างนั้นหรือ”
“ฝนแค่สงสัยว่าทำไมเจเจ๊ต้องการเผาเฮีย ทั้งที่คดีความเรายังต้องการสืบว่าใครฆ่าเฮีย และถ้าตำรวจสามารถสืบได้ ศพของเฮียจะถูกขุดขึ้นมาทำคดีได้ไม่ใช่หรือคะ” คุณน้ำฝนเอ่ยเหตุผลยืดยาวออกมา และนั่น ทำให้ความคิดที่ว่า นางอาจจะมีส่วนรู้เห็นกับคนรู้จักเป็นอันว่าเกิดความไขว้เขวทันทีเช่นกัน
“ฝนทำตามประเพณี และคิดว่าเฮียคงต้องการให้ทำเช่นนั้นมากว่าการเผา”
“หรือว่าเฮียสั่งเสียก่อนที่จะถูกถีบลงหลุม”
“เจเจ๊จะพูดอะไรก็ได้ตามใจเจเจ๊ แต่ว่าฝนเห้นด้วยกับคิมหันต์ และจะใช้สิทธิ์ของเมียหลวงในการทำศพเฮีย” กล่าวจบแล้วคุณน้ำฝนลุกจากไป ไม่นานนักคนรับใช้ในบ้านได้ไปรวมตัวรับคำสั่งวจากคุณน้ำฝน เรื่องการทำกำหนดการทำพิธีกงเต็กตามประเพณีจีน
คิมหันต์ลุกจากเก้าอี้ เหมันต์ตามไป อาเฮียงและอาธงเอ่ยออกมาว่า
“น้ำฝนทำถูกแล้วครับอาหม่า ผมไม่เห้นว่าจะต้องเผาเลยครับ การเผาจะทำให้ลูกหลานทำมาหากินไม่ขึ้น อาหม่าก็รู้เรื่องความเชื่อของเราชาวจีนดีอยู่”
“แต่เตี่ยลื้อตายโหง” อาหม่าดื้อแพ่ง “นังน้ำฝนบังอาจมาทำตัวเป็นใหญ่ มันจะโดนเล่นงานจากสิ่งลักลับลื้อคอยดูไปก็แล้วกัน”
สิ้นคำของอาหม่า ลูกๆของนางรู้สึกเหมือนกับว่าโดนกระแสความเย็นยะเยือกจากบางสิ่งเขาลูบผิวกาย ต่างขนลุกไปตามๆกัน จากนั้นความเชื่อในน้ำคำมารดาจึงเริ่มเกาะกินใจทุกคน
สาวใช้ร่างเล็ก แต่งกายแบบชาวจีน แต่เป็นคนภาคอีสาน ค่อยแฝงตัวอกไป เพื่อนำคำพูดของอาหม่าไปบอกเล่าต่อคนที่นางเลือกข้างในเวลากลางคืน
พิธีทางศาสนาและความเชื่อของชาวจีนได้เริ่มขึ้นหลังจากลูกชายคนดตตามพระไปรับศพเจ้าสัวจากสถาบันเพื่อไปบรรจุโลงศพที่วัดพุทธหินยาน สิ่งของ เครื่องใช้ ทางวัดได้เตรียมไว้เรียบร้อย ลูกหลานทุกคนมาร่วมพิธีพร้อมกันที่วัดแห่งนี้ ลูกชายสวมเสื้อกระสอบป่าน มีเชือกผูกเอวมีถุงห้อย พกไม้ไผ่เสียบก้าน นัยว่าเปรียบดั่งเทียนส่องแสงสว่าง สวมหมวกทรงสูง ลูกเขาสวมหมวกขาว ลูกสาวสวมเสื้อดิบด้านใน สวมผ้ากระสอบด้านนอก หมวกสามเหลี่ยม ผูกเชือกค่าดเอวมีถุงห้อย ลูกชายสายใน(หมายถึงลูกของลูกชายคนตาย)สวมหมวกสีขาว ลูกนอก(ลูกของลูกสาว)สวมหมวกสีน้ำเงิน เหลนใน คือหลานทวด สวมหมวกสีฟ้า กรณีของเจ้าสัวนี้ไม่มีเหลนนอก มีแต่เหลนในสี่คนเกิดจากลูกของลูกอาเฮียงและอาธง การทำพิธีกงเต็กครั้งทำพิธีใหญ่ นิมนต์พระสงฆ์มาถึง 21 รูป
บุคลในสังคมแถวหน้าได้เดินทางมาไว้อาลัยเพื่อเป็นเกียรติกับตระกูลใหญ่
พิธีเริ่มด้วยการเปิดกลอง (บรรเลง 3 ธง) ปี่พาทย์มโหรีบรรเลงรับพระสวด ประสานมนต์ที่หน้าพระพุทธ และพระโพธิ์สัตว์ พิธีกรรมช่วงนี้ เรียกง่าย ๆ ว่า สวดเปิดมณฑลสถาน คืออัญเชิญพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลายมาเป็นสักขีพยานในการประกอบพิธีให้บังเกิดความศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิริมงคล ในช่วงระหว่างพิธีสวด หลังจากที่พระอ่านเอกสารเรียกว่าฎีกา (ภาษาจีนรียกส่อบุ่ง)ที่ระบุ ชื่อผู้ตาย ที่อยู่ที่เมืองจีน ที่อยู่เมืองไทยบ้านเลขที่ ซอย ถนน เวลาเกิด เสีย ของผู้ตาย และบรรดาชื่อลูกหลาน และระบุว่า ในขณะนี้กำลัจะประกอบพิธีใดที่ไหน เวลาอะไร แล้วก็จะนำเอาฎีกานั้นมาใส่ที่ม้ากงเต๊กพร้อมด้วยการทำพิธีที่ม้า ท่านจะเอาธูป 3 ดอก และเทียนเล่มหนึ่งมาเขียนยันต์ที่หัวม้า พร้อมสวดคาถา และพรมน้ำมนต์จากถ้วยเล็ก ๆ ด้วยนิ้วอย่างมีลีลาน่าดู แล้วใช้ใบทับทิมพรมตามอีกที จากนั้นพระจะสั่งให้ลูกชายคนโตยกม้ากงเต๊กขึ้นจบเพื่อให้เจ้าหน้าที่นำไปเผา ระหว่างพิธีตอนนี้พระรูปอื่นก็ยังสวดมนต์ต์อยู่ หลังจากสวดมนต์ต์เปิดมณฑลสถานเสร็จพระสงฆ์จะพาลูกหลานมายังหน้าโต๊ะไหว้ผู้ตาย(เลงไจ้ ที่สถิตย์ของวิญญาณ)เพื่อทำพิธีสวดเชิญวิญญาณของผู้ตามให้มาร่วมพิธี ในระหว่างที่สวด พระสงฆ์จะทำการเปิดรัศมี (ไคกวง) โคมวิญญาณซึ่งมีชื่อผู้ตายและเสื้อผ้าของผู้ตายสวมอยู่ ป้ายวิญญาณผู้ตาย ในกรณีนี้คุณน้ำฝนใช้ภาพถ่ายเจ้าสัวแทนป้ายไม้แบบโบราณ เพื่อให้เป็นที่สถิตย์แห่งวิญญาณของสามี
เมื่อเจ้าสัวถูกเรียกวิญญาณกลับไปสถิตย์ยังป้ายหรือรูปถ่าย เจ้าสัวร้องขอความช่วยเหลือ เพราะหากว่าได้สถิตแล้วยากนักจะออกจากสุสานไปที่ใดได้ เพราะมีเทพเจ้าเฝ้าสุสานอีกชั้น
“ช่วยล่วย ช่วยอั๊วล่วย อั๊วยังไม่อยากปาย อั๊วอยากช่วยลูกหลาง อั๊วยางไม่อยากปาย”
พ่อปรัชญาเป็นผู้แตกฉานในการทำพิธีทุกศาสนา เขารับรู้ว่าเจ้าสัวต้องการความช่วยเหลือ และวิญญาณจะไม่ได้ไปยังที่ชอบและจะเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานมากกว่าเป็นสุข ดังนั้นสัปเหร่อปริญญานิติศาสตร์จึงเตรียมรองรับการทำพิธีสะกดวิญญาณเอาไว้ก่อนไม่ให้ไปสถิตยังแผ่นป้าย เจ้าสัวรู้สึกเหมือนตัวเองโดนตรึงอยู่กับที่ ความร้อนรุ่มจางหาย เสียงคาถาบาลี แทรกด้วยภาษากวางตุ้งเวีบนวนจนเจ้าสัวหัวหมุน หากว่าเมื่อฟังบาลีเจ้าสัวรู้สึกชุ่มชื่นสมดังใจ แต่เมื่อได้ยินมนต์กวางตุ้งเมื่อใดท่านเหมือนจะถูกดูดให้ไปยังสถานที่ที่ท่านรู้ว่าต้องเป็นป้ายวิญญาณ ซึ่งเจ้าสัวไมคาดว่าจะเป็นรูปแทนตัวผ่านไปได้ห้านาที เสียงกวางตุ้งหายไปเหลือแต่บาลี จากนั้นเจ้าสัวคล้ายกลับว่าตัวเองโดนย่อส่วนให้เล็กลง ลงไป และในที่สุดกว่าจะรู้ตัวเจ้าสัวก็ถูกบรรจุลงในผอบแก้วใส
“ซี้เลี้ยว อั๊วซี้เลี้ยว อั๊วโลงขังอีกเลี้ยว อาพ่ออาลูกซาไภ้ ลื้อขังอั๊วทามมาย อาพ่ออาลูกซาไภ้ ลื้อจะเอาเมียอั๊วให้ล่ายช่ายม้าย”
ไม่มีเสียงตอบ นอกจากเจ้าสัวต้องนั่งเศร้าอยู่ในผอบแก้วเจ็ดวันเจ็ดคืน
พิธีเชิญศพไปฝังยังสุสานเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เจ้าสัวจึงได้ถูกปล่อยออกจากผอบแก้วในที่สุด แต่ผีเจ้าสัวยังไม่วายบ่นด้วยความเอาแต่ใจเป็นที่ตั้ง
“ไอ๊หย่า ลื้อทามอารายว้า มาขัง มาปล่อยอย่างนี้”
“เตี่ย”เสียงเรียกของลูกชายดังมาจากด้านข้าง เจ้าสัวจึงเลือกท่าบิดขี้เกียจราวกับเมื่อยนักหนา
“อารายอาว้า หรือจะเข้าข้างอาปลักขิกนั่น”
“พ่อปลื้มช่วยเตี่ยเอาไว้นะครับ”
“ช่วยขังหรือไง ขช่วยอย่างนี้อย่าช่วยลีกว่า”
“สงสัยที่บ้านจะทำพิธีกงเต็ก”
อา...เจ้าสัวได้คิด ตัวเองร้องขอความช่วยเหลือเพราะไม่อยากไป และเมื่อได้รับการดึงวิญาญาณเอาไว้ กลับลืม
“อีเป็นจอมขมังเวทย์น่ากัวจิงๆ”
เจ้าสัวพึมพำกับลูกชาย ซึ่งพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วยทุกอย่าง
ทางด้านคุณน้ำฝน ได้เข้ามาไหว้ดวงวิญญาณ ซึ่งนางเข้าใจว่าสามีมาสถิตในรูปถ่ายแล้ว นางวิงวอนให้เจ้าสัวมาเข้าฝันบอกว่าใครเป็นคนทำร้าย นางทำเช่นนี้ทุกวัน
กระทั่งวันหนึ่งบุญไหลได้นำความมาบอกเรื่องที่อาหม่าบอกลูกของนางว่าน้ำฝนจะได้รับอันตรายจากภูตผีปีศาจ คุณน้ำฝนนำเรื่องนี้ไปรึกษาลูกชาย เหมันต์เอนเอียงไปในความเชื่อเดียวกับมารดา
“แบบนี้มาม้าอาจจะมีคนทำร้ายก็ได้”
“มาม้าอย่าไปเชื่องมงายเลยครับ”คิมหันต์สอดคำ ท่าทีกระด้างต่อความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์
“รูปเตี่ยก็ยังเป้นรูปเตี่ย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยครับ ถ้าวิญญาณมีจริง ทั้งเตี่ยทั้งอาว้าต้องมาบอกพวกเราแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น นี่อาว้ายังเงียบอยู่เลย เราจ้างคนตามสืบหาก็ไม่พบ เตี่ยก็เหลือเพียงร่างกายกับรูปภาพเท่านั้น”
“คิมไม่เชื่อก็เรื่องของคิม”
“คิมไม่อยากมาม้างมงายตามอาหม่าไปด้วย หลังจ่ากงานศพเตี่ยมานี้คิมทำงานไม่ได้พักเลย คิมอยากให้มาม้าอยู่นิ่งๆ หรือถ้าเชื่อเรื่องบุญกรรมมาม้าไปถือศีลกินเจก็ดีครับ”
“แต่มาม้าจะไปหาคุณปรัช”
“ทำไมต้องเป็นคนรักเก่ามาม้าด้วย” คิมหันต์เสียงแข็งขึ้นมาในทันที “คนพวกนั้นรยิ่งตามจับผิดยอู่มาม้ายิ่งทำให้เขาเชื่อไปอีก มาม้าทำอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด”
“แต่มาม้ามีลางสังหรณ์ มาม้าจะไป”
“มาม้า คิมไม่ยอมเด็ดขาด ไม่ยอมให้มาม้าไป”
คุณน้ำฝนมองหน้าลูกชายด้วยสายตาตัดพ้อ จากนั้นหมุนกายลงจากชั้นบน เหมันต์รีบตามลงมา คิมหันต์กัดริมฝีปากแน่น จำต้องตามมารดาไปด้วย




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ม.ค. 2556, 10:50:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ม.ค. 2556, 10:50:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 2004





<< น้ำมันกับไฟ   ความเชื่อ >>
mottanoy 4 ม.ค. 2556, 21:56:43 น.
เจ้าสัวดื้อได้ใจจริงๆ


Zephyr 10 ม.ค. 2556, 20:02:37 น.
เอาแต่ใจ ทั้งพ่อทั้งลูกเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account