พักตร์อสูร
ชีวิตปกติสุขของเธอต้องสิ้นสลาย เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของเด็กหญิงคนหนึ่ง โชคชะตาหรือเวรกรรม ทำให้มาโผล่ในสถานการณ์ผัว1เมีย6 แถมต้องสู้รบเพื่อเอาตัวให้รอดอีก “ขอชีวิตเก่าฉันคืนมาเถิด”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 4 (ครึ่งแรก)




ทางเดินดินแดงลาดยาวตั้งแต่เรือนใหญ่ไปจนถึงโรงหล่อที่เห็นตรงหน้าเริ่มคุ้นเคย ร่างเล็กๆ ขาสั้นๆ ของอุษามันตราที่ต้องออกแรงเหนื่อยเกือบสองเท่าหากเทียบกับผู้ใหญ่กำลังกึ่งก้าวกึ่งกระโดดอย่างเคยชิน เช่นเดียวกับอาการบ่นของป้าจิตราที่แว่วมา

“แม่นายน้อยอุษาเจ้าข้า เป็นหญิง ใยแม่นายน้อยอุษาจึงเดินไปกระโดดไปเยี่ยงนี้ มิงามเลยเจ้าข้า เฮ้อ...”

และร่างเล็กๆ นั้นก็จะวิ่งนำหน้าป้าจิตราเข้าไปในโรงหล่อเกือบทุกครั้ง นั่นก็เพราะรำคาญที่ต้องมาเดินอ้อยสร้อยสมเป็นกุลสตรีทุกวี่วัน ตามกำหนดการที่คุณพ่อสั่งให้เข้าพบในเวลาสาย ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างเธอกับคุณพ่อในโลกใหม่จนครบสามรอบสิบห้าค่ำหรือเข้าเดือนที่สามมาแล้ว ซึ่งในลึกๆ ของความคิด อุษามันตรารู้สึกว่าไม่ยุติธรรมหากเทียบกับเด็กชายอีกสองคนซึ่งได้เข้ามาฝึกและเรียนรู้งานทั้งที่อายุไล่เลี่ยกัน

ตอนนี้เธอเริ่มชินกับร่างใหม่ เริ่มชินกับความเป็นอยู่ใหม่ ชินกับวิถีชีวิตใหม่ เคยชินกับการที่ท่านโชติระเสจะขึ้นมาทานข้าวด้วยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ส่วนเธอก็จะต้องไปนั่งดูคุณแม่กับป้าจิตราทำงานเย็บปักถักร้อยทุกวันและจะลงมาวิ่งเล่นได้เมื่อหลังอาหารเที่ยง โดยบนเรือนใหญ่นั้นมีเธอ คุณแม่ ป้าจิตรา และบ่าวไม่กี่คนพักประจำ ส่วนคุณปู่กับคุณพ่อจะนอนที่โรงหล่อโลหะเป็นหลัก จะแวะเรือนภรรยาคนไหนก็เป็นครั้งคราวไป เพราะชีวิตจิตใจของทั้งสองท่านอยู่ที่โรงหล่อ หาใช่ที่เรือนภริยา

รูปร่างสูงใหญ่นุ่งเพียงผ้าแบบถกเขมร หรือทำความเข้าใจอย่างง่ายก็คือเหมือนนุ่งโจงกระเบนขนาดสั้นรัดต้นขาของท่านโชติระเส ใบหน้าหล่อเหลาที่หันมา มุมปากกำลังยกขึ้นนิดๆ เมื่อเห็นเธอวิ่งเข้าไปกลายเป็นภาพคุ้นเคย

“กราบคุณพ่อเจ้าข้า”

ว่าแล้วก็ทรุดตัวลงแทบพื้นดินโดยไม่กลัวเปื้อน ตามธรรมเนียมปฏิบัติและถูกสั่งสอนอบรมเรื่องบุตรธิดาจะต้องกราบเท้าพ่อแม่ แม้แรกเริ่มจะขัดเคือง ขัดเขิน แต่พอทำๆ ไปก็เริ่มชินและคุ้นเคย

อุษามันตราลุกขึ้นเกาะขาท่านโชติระเส รีบเงยหน้าและส่งหวานยิ้มประจบ หาทางเกาะแกะเพื่อให้ท่านอุ้ม แม้ตัวโชติระเสจะเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ แต่อุษามันตราก็ไม่รังเกียจ จะอย่างไรก็พ่อนี่นา ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ขืนไม่ประจบเธอก็จบเห่ มีที่ไหน คุณแม่ของเธอได้เบี้ยเลี้ยงน้อยกว่าผู้หญิงที่ชื่อวาดนั่นเสียอีก โชคดีที่ตยาวดีมีทรัพย์สินเงินทองติดตัว ไม่อย่างนั้นงานนี้ต้องมีน้อยหน้าเมียรองนั่นแน่ๆ นั่นก็เพราะคุณพ่อแทบไม่ให้สิ่งของอื่นเพิ่มเติมนอกจากสินสอดเมื่อครั้งแต่งงานและเงินรายจ่ายประจำวันเท่านั้น แต่ก็ต้องทำใจ ในเมื่อวาดเป็นคนรักของท่าน มีลูกด้วยกันตั้งสามคน แถมยังรักกันมาก่อนที่จะได้ดูตัวและรับคุณแม่เข้ามาเป็นภรรยาเสียอีก และการแต่งงานของท่านทั้งสองก็เป็นเพียงผลประโยชน์ทางธุรกิจระหว่างสองตระกูลใหญ่

ทว่าการแต่งงานแบบคลุมถุงชนกลับทำให้คุณแม่รักคุณพ่อซึ่งเป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิตชนิดหมดหัวใจ แม้รู้ทั้งรู้ว่าคงไม่มีวันได้ความรักจากคุณพ่อมากขึ้น แต่คุณแม่ก็ทุ่มเทให้ทุกอย่าง ดูแลไม่มีที่ติ ซึ่งถ้าเป็นเธอ คงจะเห็นดำเห็นแดงตั้งแต่ก่อนจะได้แต่งแล้ว นั่นจึงทำให้ตั้งปณิธานกับตัวเองว่าถ้ายังไม่พ้นจากโลกนี้เมื่อครบกำหนดออกเรือน เธอจะต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ซึ่งยังมีเวลาเหลืออีกเก้าปี สังคมที่นี่จะดูตัวผู้หญิงเมื่ออายุสิบเอ็ดย่างสิบสอง และจะแต่งงานออกเรือนเมื่อตอนอายุสิบสี่ นี่จึงเป็นหนทางหนึ่งที่ต้องเตรียมเอาไว้

นั่นก็เพราะเธอเคยเลือกเส้นทางที่จะอยู่ด้วยตัวเองแล้วจบความรัก จบความสัมพันธ์ที่เกือบจะเป็นสองหญิงหนึ่งชาย แต่กลับต้องมาอยู่ในสภาวะทำอะไรแทบไม่ได้ แถมแต่งงานไปก็อาจเหมือนกับแม่ตยาวดีคือผัวหนึ่งเมียหก แต่ถ้าเจออย่างคุณย่าซึ่งท่านเสียไปแล้วคือผัวหนึ่งเมียสิบ น่าตกใจกว่านั้นก็คือสิ่งเดียวและสำคัญที่สุดของผู้หญิงในสังคมนี้ก็คือการแต่งงานกับชายผู้มีฐานะใกล้เคียงกันหรือสูงกว่า เช่นนั้นก็ฝันไปเถอะว่าเธอจะยอมแพ้ ลูกไม้มีเท่าไหร่จึงต้องงัดออกมาใช้ให้หมด เธอไม่อยากไปเป็นนางห้องให้ใคร ไม่อยากใช้สามีร่วมกับใคร โดยเฉพาะต้องมาแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เหมือนตยาวดียิ่งไม่มีวันยอม

คุณพ่อในโลกใหม่ก้มลงปัดฝุ่นตามแขนขาแล้วอุ้มเธอขึ้นมาแนบอก ใบหน้าที่ตอนนี้แก้มป่องมากกว่าเดิมเอนซบแผ่นอกเต็มไปด้วยเหงื่อไคลของท่านโชติระเสในทันใด โอบแขนอ้วนป้อมเข้ากอดท่านเท่าที่จะทำได้

“พ่อตัวเหนียวนัก อุษามันตรา”

แม้จะพูดเหมือนห้ามและเอนตัวหนีในคราแรก ทว่าโชติระเสก็หัวเราะและค่อยๆ กอดร่างเล็กๆ ให้แน่นขึ้นซึ่งเป็นแบบนี้แทบทุกครั้ง

“คิดถึงคุณพ่อเหลือเกินเจ้าข้า”

“อะไรกันเจ้า พบกันทุกวัน ใยคิดถึงพ่อมากเพียงนั้นเทียวรึ”

อุษามันตรายิ้มกว้าง เอาสองมือจับแก้มสากแล้วโน้มลงมาหอม จากนั้นก็กอดคอซบบ่าของพ่อเอาไว้อีกครั้งโดยไม่พูดจา ถ้าจะบอกว่าลูกอ้อนนี้ใช้ได้ผลมากหรือไม่ อุษามันตราก็ทำได้เข้าเป้าอย่างที่สุด แม้จะเป็นลูกไม้ตื้นๆ แต่สำหรับโชติระเส เขากำลังยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว ส่วนจิตราที่รออยู่ด้านนอกถึงกับน้ำตาคลอเมื่อเห็น

เขาพาร่างน้อยๆ ของบุตรีเข้าไปนั่งที่ชานเรือนพักใกล้ๆ

“วันนี้เจ้ากินข้าวกี่ถ้วยรึอุษามันตรา แก้มเจ้าจึงได้กลมเสียยิ่งกว่าเมื่อวาน”

“สองถ้วยเจ้าข้า ถ้วยเดียวลูกไม่อิ่มเจ้าข้า คุณพ่อ”

ฝ่ามือใหญ่และสากนั้นลูบศีรษะบุตรีเบาๆ แววตาแสดงความรักความเอ็นดูเต็มเปี่ยม

“ลูกเอ๋ย เจ้าจงกินให้อิ่ม นอนให้หลับ วิ่งเล่นให้สนุก จักได้แข็งแรง”

ไม่มีใครรู้ความในใจของโชติระเส รอยยิ้มของเขาที่อุษามันตราเห็นช่างมีความหมายมากมาย

เด็กน้อยซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขตรงหน้าทำใจโชติระเสหายใจคว่ำนับตั้งแต่เกิด ความรักลูกนั้นมี แต่ไม่เคยเท่าเวลานี้ที่ลูกแข็งแรงและฉลาดเฉลียวยิ่งนัก พูดจาชวนให้หลงรักจนต้องเรียกให้เข้าพบทุกวัน เสียงเล็กน่ารักเจื้อยแจ้วให้รู้ว่าเมื่อวานทำอะไรมาบ้าง โชติระเสนั่งฟังอย่างมีความสุข ‘มีลูกชายไว้สืบตระกูล มีลูกสาวไว้ชื่นใจ’ ภาษิตนี้เขาเพิ่งเข้าใจเมื่อไม่กี่เพลาที่ผ่านมา ใจหนึ่งก็นึกเสียดายว่าหากลูกชายคนโตและคนรองที่เกิดจากวาดมีแววฉลาดเฉลียวเหมือนอุษามันตราในตอนนี้คงดีไม่น้อย เพราะลูกสาว... อย่างไรก็ต้องแต่งไปเรือนอื่นอยู่เช้าค่ำ

สายตาของโชติระเสมองไปยังลูกชายที่เกิดจากภรรยารองทั้งสองคนที่กำลังเล่นดินเล่นฝุ่น ไม่สนใจเรียนรู้งานในโรงหล่อโลหะซึ่งเขาก็เข้าใจว่ายังเล็กนัก แต่เห็นแล้วก็อดขัดใจมิได้ คนหนึ่งนั้นเกิดก่อนอุษามันตราเกือบหนึ่งปี และอีกคนเกิดหลังอุษามันตราสี่เดือน โชติระเสถอนหายใจ

“คุณพ่อเจ้าข้า ลูกอยากเรียน อยากช่วยคุณพ่อทำงานที่นี่ จะได้หรือไม่เจ้าข้า”

คำพูดนี้ทำให้โชติระเสหันกลับมามองหน้าลูก อุษามันตราทำเหมือนกับว่าเข้ามานั่งอยู่ในใจของเขา ความดีใจมากล้น ทว่าความเสียใจก็มาในคราวเดียวกัน เขาเพ่งพิศใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักและกำลังคอยรอคำตอบ ใบหน้านี้ช่างเหมือนเขานัก แต่ก็ได้บางอย่างจากตยาวดี ถ้าหากอุษามันตราเป็นลูกชาย เขาคงภาคภูมิใจและดีใจอย่างที่สุดที่ลูกพูดคำนี้ออกมา แต่น่าเสียดายที่เป็นหญิง เขาจึงได้แต่ยิ้ม ซึ่งเป็นรอยยิ้มแฝงด้วยความหนักใจ

อุษามันตรามองความรู้สึกของโชติระเสออก เธอจ้องนิ่งๆ โดยไม่ละสายตาไปจากใบหน้าผู้ให้กำเนิด เกมจ้องหน้าและตัดสินชะตาชีวิตขั้นที่หนึ่งของเธอกำลังเริ่มต้นขึ้น

ความเงียบเข้าปกคลุม ไม่มีใครพูดอะไร

กระทั่ง

“โรงหล่อโลหะเป็นงานของบุรุษ เป็นงานหนัก ลูกจงเรียนเย็บปักกับแม่ของลูกเถิด เป็นหญิง งานบ้านงานเรือนสำคัญกว่าสิ่งใดนะลูกเอ๋ย”

“ลูกจักขยันเรียน ไม่ซนเลยเจ้าข้าคุณพ่อ และงานเย็บปักลูกก็จะมิให้เสียเจ้าข้า ลูกสัญญา”

แล้วก็ขอแถมด้วยทำหน้าอ้อนๆ แววตาเว้าวอนขอความสงสาร

โชติระเสพูดอะไรไม่ถูก เขาแอบถอนหายใจ “เป็นหญิง...” กล่าวได้เท่านั้นก็ลูบศีรษะของอุษามันตรา “จะอย่างไรก็ต้องออกเรือน อย่าให้มือเจ้าด้านแต่เยาว์ จักเสียชื่อพ่อเจ้าว่าเลี้ยงดูเจ้าไม่ดี”

“คุณพ่อเจ้าข้า มือลูกด้านแต่ลูกมีความรู้ อยู่เรือนใดผู้คนย่อมรักผู้มีปัญญา รักผู้เป็นบัณฑิต แลแตกฉานในการงาน หากลูกเรียนเย็บปักได้ดี เรียนงานในโรงหล่อได้ดี จักมีแต่ผู้คนชื่นชมเจ้าข้า มิมีผู้ใดต่อว่าคุณพ่อดอกเจ้าข้า”

คำพูดนี้ทำเอาโชติระเสพูดไม่ออกเป็นครั้งที่สอง เขาเคยสอนอุษามันตราว่าผู้มีปัญญา ผู้เป็นบัณฑิต ย่อมมีคนรักใคร่ แต่นั่นก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไฉนวันนี้ลูกสาวของเขากลับยอกย้อนคำพูดเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ นำคำพูดจากบทสนทนาไม่กี่ประโยคก่อนหน้านั้นมาใช้กับเขาจนพูดไม่เป็นในตอนนี้ และที่ยิ่งทำให้พูดไม่ออกก็เพราะบุตรีมีอายุเพียงแต่สามขวบเท่านั้น ทว่าเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดคือความภาคภูมิใจในคำพูดโต้ตอบของอุษามันตรา

ท่าทางนิ่งๆ แต่แววตาแสดงความครุ่นคิดทำให้ใจของอุษามันตราเต้นตึกตักเพราะรอคอยคำตอบ เธอรู้ดีว่าคุณพ่อให้ความสำคัญกับลูกชายมากแค่ไหน ดูได้จากการที่เรียกให้เธอมาพบเพื่อไถ่ถาม แต่กลับให้เด็กชายทั้งสองมาเรียนรู้งานทั้งที่อายุก็ไล่เลี่ยกัน

กระทั่ง

“พ่อจักเรียนให้คุณปู่ทราบความ หากคุณปู่อนุญาต เจ้าจักเล่นซุกซนในเพลาเรียนมิได้เชียวนะ คุณปู่ของเจ้าเข้มงวดนัก หากเจ้าดื้อรั้น”

“ลูกจักเป็นเด็กดีเจ้าข้าคุณพ่อ ลูกสัญญา”

เสียงเล็กๆ พูด แล้วก้มกราบแทบเท้าของเขาที่ข้างหนึ่งยกขึ้นมาบนชานเรือนเสมือนเป็นการตัดบท ลูกไม่เคยเลยรู้ว่านี่จะเป็นการฝ่าฝืนธรรมเนียมปฏิบัติของตระกูลที่อนุญาตเฉพาะบุตรชาย แต่โชติระเสเหมือนต้องมนต์ของอุษามันตรา เขาใจอ่อน โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นสีหน้าแววตาของลูก เห็นท่าทางการปฏิบัติตัวของลูก ทั้งที่จริงเขาไม่อนุญาตเลยก็ยังได้ ทว่าเมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสเช่นแสงแรกแห่งตะวันของบุตรีก็ทำให้ไม่อยากปฏิเสธ รอยยิ้มนี้ใครเห็นใครก็รัก ใครเห็นใครก็หลงเช่นเดียวกับที่เขาเป็น อุษามันตราดั่งมีมนต์สมชื่อเจ้าตัวที่เขาตั้งให้ตามเวลาที่ลูกคนนี้เกิด

วันนั้น... ท้องฟ้ายามอุษามีแสงสีชมพูนุช สีทอง สีฟ้า และสีขาวระบายอย่างสวยสดงดงามเป็นที่สุด แสงแรกแห่งอรุณเบิกฟ้าได้มาพร้อมกับร่างเด็กหญิงตัวน้อยๆ ที่นางพี่เลี้ยงจิตราส่งมาให้ แสงสีงดงามของท้องนภาที่ต้อนรับเช้าวันใหม่ตกต้องใบหน้าเล็กๆ ในอ้อมแขนของเขา นั่นจึงเป็นที่มาของนามนี้ ‘อุษามันตรา’ นามที่มีความหมายว่าแสงแรกแห่งอรุณอันมีมนต์ขลังให้ทุกสรรพชีวิตเบิกบาน และวันนี้ อุษามันตรากำลังทำให้เขารู้สึกถึงเช้าวันนั้นอีกครั้ง หรือแทบทุกครั้งนับตั้งแต่ลุกขึ้นมาพูดคุยวิ่งเล่นได้

โชติระเสอุ้มร่างน้อยๆ ขึ้นมานั่งบนตักแล้วกอด หอมที่แก้มฟอดหนึ่ง ไม่เคยคิดว่าลูกที่เคยมีร่างกายอ่อนแอที่สุดจะกลายเป็นคนฉลาดเฉลียวที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมด แต่ความหวังของเขาก็ยังฝากไว้กับลูกชายทั้งสามที่เกิดจากวาด รวมถึงอนุอีกคนหนึ่งที่เพิ่งคลอดเมื่อวันก่อน โดยโชติระเสไม่รู้ว่ามีใครบางคนได้มองเห็นภาพนี้มาจากที่ไกล

วาดเพิ่งได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก ความรู้สึกในใจปั่นป่วน ลูกของหล่อน... คุณพี่ยังไม่เคยโอบกอดชิดใกล้เท่ากับเด็กคนนี้ ความไม่ชอบใจเกิดขึ้นฉับพลัน แต่ก็ปล่อยให้มันผ่านไป หล่อนรู้ว่าเด็กนั่นจะไม่ได้อะไรนอกจากการเลี้ยงดูอย่างดี ได้สมบัติที่ควรจะได้ติดตัวยามออกเรือน และมีตำแหน่งเป็นลูกภริยาเอกของนายช่างโชติระเสซึ่งกำลังจะเป็นนายช่างใหญ่และเป็นเจ้าของโรงหล่อโลหะมนสิการในอีกไม่ช้าเท่านั้น แต่ลูกชายของหล่อนต่างหาก ที่มีโอกาสได้ครอบครองและสืบทอดกิจการของตระกูลอันเป็นหน้าตาอย่างที่สุดแม้หล่อนจะเป็นภริยารองก็ตาม นั่นก็เพราะตยาวดีไม่มีลูกชาย สำคัญที่สุดคือเธอเป็นคนรักของท่านโชติระเส จึงทำให้มั่นใจในฐานะความเป็นอยู่ทั้งตัวหล่อนและลูกทั้งสาม

และแม้จะคิดได้ดังนั้น แต่วาดก็ยังหันหลังเดินกลับเรือนทันที สั่งบ่าวให้บอกลูกชายกลับเรือนเมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน แจ้งให้คุณพี่ทราบว่าหล่อนทำขนมไว้รอ





สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ม.ค. 2556, 15:12:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ม.ค. 2556, 15:12:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 2501





<< บทที่ 3   บทที่ 4 (ครึ่งหลัง) >>
เดิมเดิม 4 ม.ค. 2556, 15:27:14 น.
อุษาจะทำให้พ่อรักแม่ได้มั๊ยนี่


jink 4 ม.ค. 2556, 15:56:26 น.
เชียร์ๆ อุษาสู้ๆ จ้า


Chii 4 ม.ค. 2556, 16:13:01 น.
เริ่ดมากอ่ะ อุษามันตรา
//ยกนิ้วโป้งให้เลย


Auuuu 4 ม.ค. 2556, 16:38:08 น.
อุษามันตราเลิศจ้าาาาา สู้ๆๆๆนะ เอาให้หงายเงิบกันไปให้หมดเลย


แว่นใส 4 ม.ค. 2556, 16:46:34 น.
วางแผนชีวิตได้เยี่ยมมากเลย พยายามทำให้พ่อรักแม่ให้ได้เร็ว ๆ นะ


โซดา 4 ม.ค. 2556, 17:32:00 น.
มาต่อไวๆนะคะ อย่าให้รอนาน ชอบจิงๆๆคะ


แล่นแต๊ 4 ม.ค. 2556, 18:23:08 น.
แผนการยอดเยี่ยม อย่างนี้ต้องไปตีสนิทกับคุณปู่ด้วยนะ อุษามันตราสู้เค้า


nunoi 4 ม.ค. 2556, 18:57:14 น.
ชอบอ่ะ อุษามันตราเก่งมาก


aun 4 ม.ค. 2556, 20:37:48 น.
มาเพื่อโพสให้กำลังใจค่ะ รออ่านค่ะ ^-^


konhin 4 ม.ค. 2556, 23:13:58 น.
เก่งมากๆ วางแผนไว้ก่อนเป็นสิบปีเชียว


ree 5 ม.ค. 2556, 02:21:34 น.
ปู่น่าจะยอมกระมัง ลูกของสะใภ้คนโปรด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account