พักตร์อสูร
ชีวิตปกติสุขของเธอต้องสิ้นสลาย เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของเด็กหญิงคนหนึ่ง โชคชะตาหรือเวรกรรม ทำให้มาโผล่ในสถานการณ์ผัว1เมีย6 แถมต้องสู้รบเพื่อเอาตัวให้รอดอีก “ขอชีวิตเก่าฉันคืนมาเถิด”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 4 (ครึ่งหลัง)




จะอัพอีกทีไม่วันศุกร์ก็วันเสาร์นะคะหรืออาจยาวเป็นวันอาทิตย์ เพราะตอนนี้พยายามใช้สมาธิกับการเขียนอย่างมาก นวนิยายเรื่องนี้เหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่ายเลยในแต่ละบท

ปล.นิยายเรื่องนี้แทบจะด้นสดกับต้นฉบับที่มีอยู่ในมือตอนนี้ เพราะฉะนั้นการเอามาลงจึงยังขาดๆ เกินๆ ไปบ้างตามสภาพ การมาอัพแต่ละครั้งอ้อยก็พยายามขัดเกลาเต็มที่แต่ก็ไม่ค่อยสมบูรณ์ตามที่ต้องการเพื่อให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันก่อน ซึ่งจะทอนเวลาเขียนต้นฉบับด้วยเช่นกัน เลยเป็นสาเหตุว่าทำไมมาอัพช้าบ้างเร็วบ้าง ก็ตามสภาพเวลาเอื้ออำนวยของคนเขียนค่ะ แจ้งเพื่อรับทราบโดยถ้วนหน้าจ้า

รักนะ จุ๊บุ๊ จุ๊บุ๊

สุชาคริยา

-----------------------------------------------------------------



อุษามันตรานั่งกินขนมเล็บมือนางในครัวอย่างเอร็ดอร่อยหลังกลับออกมาจากโรงหล่อ เธอมีความสุขกับการกินไม่น้อยโดยเฉพาะขนมไทยโบราณจากฝีมือแม่ครัวชั้นหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่...แม้แต่อาหาร ก็ยังคล้ายกับประเทศไทยสมัยโบราณดั่งฝาแฝด เพียงแต่ชื่อเรียกขนมสำหรับโลกที่จากมากับในโลกแห่งใหม่นี้จะเรียกกันอีกชื่อหนึ่ง เช่นเดียวกับภาษาพูดที่เธอต้องมาเรียนรู้ใหม่ ซึ่งเพียงแค่พูดได้และเข้าใจ แต่ยังไม่สามารถอ่านเขียนออกนั่นเอง

โรงครัวที่นี่ใหญ่มาก แค่แม่ครัวใหญ่ แม่ครัวรอง และบ่าวทำงานครัวก็สิบคน เพราะอาณาจักรมนสิการมีประชากรร่วมร้อยชีวิต โดยครึ่งหนึ่งจะปลูกเรือนอยู่ประจำที่นี่ และอีกครึ่งหนึ่งคือชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง

ความเป็นอยู่อย่างคนสมัยใหม่ในโลกที่จากมาถูกเก็บใส่กรุเมื่อไม่มีวี่แววจะได้กลับบ้าน แต่ที่นี่เธอก็เพลิดเพลินเพราะไม่ต้องทำงานหนักเหมือนเมื่อก่อน แถมยังมีคนคอยโอ๋คอยเอาใจ และดีมากตรงที่มีขนมไทยรสเยี่ยมให้ได้กินโดยไม่ต้องไปขวนขวายหาให้เหนื่อยเหมือนเมื่อครั้งอยู่กรุงเทพฯ จะเบื่อก็ตรงปากคนทั้งหลายที่นั่งนินทาในโรงครัวเพราะนึกว่าเธอไม่รู้เรื่องนี่แหละ แต่อุษามันตราก็ชอบเพราะเป็นแหล่งข้อมูลชั้นดี

‘อีชุบเอ๊ย นายเอ็งทำบุญมาด้วยกระไรรึ นายท่านโชติระเสจึงรักจึงหลงนักแล เมียรองกี่คนก็มิเคยโปรดเท่าแม่นายวาด ยิ่งแม่นายตยาวดียิ่งมิต้องพูดถึง หากมิใช่เพราะนายท่านมหิทธิคุณามีประโยชน์ร่วมกับนายท่านมะณิจันโท นายท่านโชติระเสคงไม่ขึ้นเรือนจนได้แม่นายน้อยอุษามาไว้ดูต่างหน้าเลยเทียว

และอีกมากมายที่บ่าวในครัวคนคุยกัน เสียงกระซิบกระซาบถึงเรื่องราวต่างๆ เธอล้วนได้ยินชัดเจนเช่นเดียวกับสายตาของบ่าวขาเม้าธ์ทั้งหลายที่แลมองมาเป็นระยะ แต่ก็แกล้งไม่สนใจเช่นเดียวกับตอนนี้ที่มือยังตักขนมเข้าปากและเคี้ยวตุ้ยๆ ใจหนึ่งก็บอกว่าเนื้อขนมนี่ช่างนุ่มเหนียวดีจริง น้ำกะทิน้อยๆ ยิ่งทำให้มัน ความหอมจากดอกมะลิและงา ความหวานจากน้ำตาลโตนดก็ช่างทำให้รสชาติกลมกล่อม เข้ากับบรรยากาศนินทาเจ้านายที่ได้ยินตอนนี้เหลือเกิน และตรงโรงครัวนี่แหละ ที่ทำให้เธอรู้ที่มาที่ไปของอะไรอีกหลายๆ เรื่อง หลายๆ อย่าง ซึ่งคงหาไม่ได้จากป้าจิตราหรือคุณแม่ หรือแม้แต่บ่าวบนเรือนใหญ่

แม่ครัวใหญ่ที่นี่กระแอมเสียงดังเพื่อเป็นการปรามบ่าวขาเม้าธ์ทั้งหลายขณะเดินเข้ามาหาเธอ

“แม่นายน้อยอุษาเจ้าข้า วันพรุ่งอิฉันจะทำขนมใส่ไส้ จักเคี่ยวน้ำตาลให้ไหม้มีกลิ่นหอม มะพร้าวทึนทึกอิฉันก็จักขูดเป็นเส้นเลือกเนื้อนุ่ม แป้งห่อจักนวดให้เหนียว แป้งนอกนั้นก็จักให้เนื้อร่วน เค็มปะแล่มพออร่อย แม่นายตยาวดีโปรดขนมใส่ไส้นัก แม่นายน้อยอุษาโปรดเช่นเดียวกับคุณแม่หรือไม่เจ้าข้า”

“เจ้าข้า”

เธอส่งยิ้มจนเห็นฟันน้ำนมขาวเรียงกันเป็นระเบียบเพราะถูกบังคับให้ขัดด้วยก้านข่อย ดีว่าคนที่นี่ไม่นิยมเคี้ยวหมากจนฟันดำ เธอก็เลยโชคดีไปโดยปริยายเพราะแม้แต่หมากฝรั่งเธอก็ยังไม่ค่อยชอบ อ้อ ลืมบอกว่าเธอมีบ่าวส่วนตัวอีกคนคอยรับใช้ดูแล ชื่อศีลา เป็นเด็กสาวอายุประมาณสิบสองปี มารยาทเรียบร้อยและซื่อมาก กำลังนั่งดูเธออยู่ไม่ห่าง เพราะป้าจิตราขึ้นเรือนไปดูคุณแม่ ศีลาเป็นหลานของป้าจิตรา ถูกส่งตรงมาจากเมืองไพศาลีได้สักเดือนหนึ่งแล้ว

ก่อนหน้านี้มีหลายครั้งที่เธอแอบเดินไปทางเรือนของวาดเพื่อสืบข้อมูล จึงได้รู้ว่าในอาณาเขตมนสิการมีเรือนอนุของคุณพ่ออยู่หกหลัง ปลูกแยกห่างจากกัน แล้วก็มีเรือนอนุของคุณปู่อีกสิบหลัง ซึ่งอยู่คนละส่วนกับเรือนบ่าวไพร่ที่ทำงานในโรงหล่อ โรงครัว และบ่าวที่ดูแลงานอื่นๆ

ที่จริงคุณปู่มหิทธิคุณาก็อยู่เรือนเดียวกับเธอนี่แหละ ห้องของท่านอยู่ทางปีกขวาของเรือน แต่คุณปู่ก็ไม่ได้ขึ้นมานอนบนเรือนใหญ่บ่อยนักเช่นเดียวกับคุณพ่อ ระหว่างที่คิด ป้าจิตราก็เดินมา

“เหตุใดยังมิพาแม่นายน้อยอุษาขึ้นเรือน แม่ศีลา”

แม้ว่าไม่ดุ แต่อาการแบบนี้ก็ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่

“อุษาอยากกินขนมเจ้าข้า ป้าจิตรา”

เธอรีบส่งเสียง ขืนให้พี่เลี้ยงคนใหม่โดนเอ็ด เธอก็อดหาข่าวแถวโรงครัวแน่ๆ ก็ดูสายตาของป้าจิตราสิ ทำให้ศีลาหงอจนแทบไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ปกติก็แทบจะไม่ค่อยพูดไม่ค่อยมองหน้าใครอยู่แล้ว เธอเลยเดินเข้าไปเกาะขานางพี่เลี้ยงของมารดา

“อุษาอิ่มแล้ว ป้าจิตราอุ้มอุษากลับเรือนนะเจ้าข้า”

แล้วก็หันไปยกมือไหว้แม่ครัวใหญ่ในโรงครัว “ขอบพระคุณป้าแจ่มเจ้าข้า วันพรุ่งอุษาจะมากินขนมใหม่ กินบนเรือนไม่อร่อย กินในครัว อร่อยกว่า”

แล้วก็ส่งยิ้มหวานให้ทั่ว สายตาแลมองไปทางบ่าวขาเม้าธ์ทั้งหลายที่กำลังก้มหน้าก้มตาหลบกันเป็นพัลวัน

จิตราอุ้มเธอขึ้นมา เป็นเด็กมันก็ดีแบบนี้แหละ อ้อนนิดอ้อนหน่อยผู้ใหญ่ก็เอ็นดู ถึงจะไม่มีพัดลม ไม่มีแอร์ ไม่มีทีวี ไม่มีโทรศัพท์ แต่เธอก็ปรับตัวได้ ดีมากตรงที่ไม่ต้องมีอะไรเครียดหรือหนักใจเหมือนคนโตๆ สักนิด อุษามันตรายิ้มกริ่ม เอามือโอบลำคอป้าจิตราเอาไว้ อาการโคลงเคลงโยกเยกนั้นคุ้นเคย

ครั้นพอมาถึงเรือน เธอเห็นตยาวดีนั่งพับเพียบร้อยมาลัยร้อยเครื่องแขวน บ่าวอีกหกเจ็ดคนต่างช่วยกันร้อยช่วยกันเตรียมของอย่างขะมักเขม้น ถ้าอยู่ในโลกก่อน ภาพแบบนี้คงเห็นได้เฉพาะในละครทีวีเท่านั้น เธอวิ่งเข้าไปหาตยาวดีเมื่อป้าจิตราปล่อยตัว

“คุณแม่เจ้าข้า”

ส่งเสียงแล้วก็ขอเอาหัวไปนอนซุกหนุนตัก ไม่สนใจเสียงบ่นของป้าจิตราที่ดังตามมาข้างหลังว่าทำอะไรไม่เรียบร้อยสักที ตยาวดีวางก้านมะพร้าวเสียบดอกไม้อันยาวไว้ข้างๆ แล้วลูบหน้าลูบหัวเธอเบาๆ

“ไปซนที่ไหนมารึเจ้า อุษามันตรา”

“โรงครัวเจ้าข้า ขนมอร่อย”

ตยาวดียิ้มให้ เธอจึงรีบรายงานบางอย่างให้รู้ว่า

“คุณแม่เจ้าข้า ลูกจะไปเรียนที่โรงหล่อแล้วนะเจ้าข้า”

คุณแม่ของเธอขมวดคิ้วทั้งที่ยังยิ้ม มองไปทางจิตราเป็นคำถามว่าจริงหรือ จิตราพยักหน้า ตยาวดีก้มลงมองลูกสาวตัวน้อยอีกครั้ง อุษามันตราลุกนั่ง หันหน้าเข้าหา สองมือของตยาวดีประคองใบหน้าลูกอย่างทะนุถนอม นัยน์ตามีแววขำขันกึ่งไม่อยากเชื่อ

“ลูกแม่ เจ้าทำอย่างไร คุณพ่อจึงได้อนุญาตให้ไปเรียนหรือไปวิ่งเล่นแถวนั้น”

ถ้าจะบอกว่างัดมารยาหลายร้อยเล่มเกวียนออกมาใช้เพื่อความอยู่รอดของตัวเองเป็นหลัก ตยาวดีจะเชื่อหรือเปล่า อยากจะบอกว่าเธอไม่อยากมีชีวิตเหมือนตยาวดี ชีวิต...ที่ไม่สามารถลิขิตเองได้ ชีวิตที่ต้องเก็บงำความเสียใจและทรมานโดยไม่สามารถเอ่ยให้ใครได้ยิน ชีวิตที่ต้องรับการตัดสินจากคนอื่นโดยเฉพาะคนที่เรียกว่าพ่อหรือผู้นำครอบครัวแล้วไม่มีสิทธิ์จะเอ่ยถึงสิ่งที่อยู่ในใจ เธอสงสารตยาวดีจับใจ แม้หล่อนจะยิ้ม จะทำงานมากมายในตอนพระอาทิตย์ฉายแสง แต่เมื่อใดที่พระอาทิตย์อัสดง ก็คือเวลาที่ตยาวดีเจ็บปวดจนเธออยากร้องไห้ตามแม่แทบทุกครั้ง

ขอให้คืนนี้ คุณแม่ของเธอจะหลับฝันดี และก่อนที่ความคิดจะเศร้าไปมากกว่านี้ เธอจึงถามว่า

“วันนี้คุณแม่ทำอะไรหรือเจ้าข้า ดอกไม้มากโขเจ้าข้า”

“วันนี้วันโกน วันพรุ่งวันพระ แม่เตรียมเปลี่ยนเครื่องแขวนแลดอกไม้ในห้องพระ เจ้าจะช่วยแม่รึไม่”

“ช่วยเจ้าข้า”

ส่งยิ้มกว้างๆ แล้วก็ไม่รอช้า เธอคว้าดอกบัวหลวงสีขาวหรือบัวสัตตบุตย์ขึ้นมาเพราะถนัดที่สุดในบรรดาดอกไม้ทั้งหลายที่จะต้องเตรียมเปลี่ยนในรอบเจ็ดวัน เพราะเพียงแค่คลี่แล้วบีบกลีบกึ่งบิดบัวสัตตบุตย์ให้เป็นทรงบานขยาย...ก็เสร็จ ส่วนเรื่องร้อยมาลัยร้อยเครื่องแขวนต้องยกให้ผู้ใหญ่ในโลกนี้เป็นคนจัดการเพราะเอไม่ถนัดเอาเสียเลย ศีลาขยับมานั่งข้างๆ ช่วยจัดทรงดอกบัวหลวงสีชมพูหรือบัวสัตตบงกชในแบบเดียวกัน

จิตรา ตยาวดี และบ่าวในเรือนต่างพากันอมยิ้มที่เห็นคุณหนูน้อยอุษามันตรากำลังจดจ้องและทำอย่างตั้งใจ นั่งพับเพียบเรียบร้อย ผิวเจ้าตัวนั้นขาวอมชมพู เกล้าผมมวยน่ารักยิ่งนัก บัวหลวงสีขาวบานใหญ่เมื่อจัดกลีบเสร็จก็มีขนาดเท่าๆ กับใบหน้าของแม่นายน้อยอุษาที่ทำออกมาได้ดีผิดกับเด็กวัยเดียวกัน ภาพลูกสาวยื่นดอกบัวให้แม่เป็นเชิงอวดนั้นล้วนทำให้คนเห็นยิ้มตามและมีความสุขไปด้วย

โชติระเสก็เช่นเดียวกัน เขาหันหลังลงจากเรือนทั้งที่ขึ้นมาถึงบันไดขั้นสุดท้ายกับภาพที่เห็นเพราะสะท้อนในอก แต่เสี้ยวหนึ่งก่อนจะลับตา เขาหันกลับไป และได้เห็นว่าลูกมองเขามาโดยไม่ส่งเสียงเรียกเอาไว้ประหนึ่งยอมรับการตัดสินใจของเขา แววตาอ้อนวอนว่าขอให้ขึ้นมาหาแม่บ้างใช่จะรู้สึกไปเอง โชติระเสอึดอัดกึ่งรู้สึกผิดที่นานหลายเดือนมาแล้วไม่เคยขึ้นมาค้างบนเรือนใหญ่ แต่ที่มากกว่านั้นก็คือนับตั้งแต่วันที่อุษามันตราลุกขึ้นมาพูดคุยวิ่งเล่นได้ บุตรีคนนี้ช่างแตกต่างจากเด็กทั่วไปยิ่งนัก การกระทำที่สามารถไตร่ตรองและกดดันผู้ใหญ่แบบที่ไม่น่าจะเป็น เขาและคุณพ่อมหิทธิคุณาย่อมรู้ดี แต่ไม่อยากคิดอะไรมาก หวังเพียงอุษามันตราจะเป็นอภิชาตบุตรีที่ให้คุณแก่เขาและครอบครัว มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงเพียงเท่านั้น

โชติระเสยืนนิ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินกลับขึ้นไปใหม่ เขาเห็นรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของอุษามันตรา เสียงเล็กๆ เจื้อยแจ้วร้องอย่างดีใจว่า

“คุณแม่เจ้าข้าๆ คุณพ่อมาหาเจ้าข้า”

แล้ววางดอกบัวก้านยาวลงอย่างทะนุถนอม วิ่งเข้ามาหาโดยไม่กลัวล้ม แรงปะทะแบบไม่กลัวเจ็บทำให้เขายิ่งรู้สึกผิดที่เห็นลูกดีใจ ตยาวดีสั่งการให้บ่าวเตรียมน้ำมา เขาอุ้มลูกและเดินเข้าไปหา นั่งตรงที่นั่งเดิมที่อุษามันตรานั่งอยู่โดยให้ลูกนั่งบนตัก

“คุณพี่มีการใดจักสั่งน้องหรือเจ้าข้า”

“ตยาวดีน้องเจ้า นับแต่วันพรุ่ง ให้อุษามันตราไปหาพี่ที่โรงหล่อในยามสาย ยามเที่ยงให้ส่งข้าวหรือรับมา ยามบ่ายให้ส่งกลับ ยามเย็นให้ไปรับ ครั้นวันใดไปวัด เมื่อทำบุญเสร็จแล้ว จึงค่อยส่งลูกไปเรียนกับพี่ ทำเช่นนี้ให้เป็นกิจจะ พี่เรียนคุณพ่อให้ทราบแล้ว”

ตยาวดียิ้มกว้าง หันมามองลูก จิตรา และท่านโชติระเส สิ่งที่ฟังนั้นชื่นใจเหลือเกิน หล่อนรีบก้มกราบสามีทันที

“ขอบพระคุณคุณพี่เหลือเกินเจ้าข้า”

ในใจของตยาวดีนั้นตื้นตัน เพราะนับแต่แต่งงานมา นี่เป็นครั้งแรกที่คุณพี่มองเธอขณะพูดคุยซึ่งหาได้น้อยนัก ความเมตตาที่เฝ้าฝันกำลังได้รับแล้วในวันนี้โดยเฉพาะลูกสาว ชีวิตของผู้หญิงไม่เคยหวังอะไรนอกจากปรนนิบัติสามีให้มิขาดตกบกพร่อง ได้รับความเมตตาจากครอบครัวสามี มีลูกที่น่ารักเชื่อฟัง รักษาชื่อเสียงของตระกูลมิให้ด่างพร้อย และสำคัญที่สุดสำหรับคนเป็นแม่ก็คือลูกได้รับการยกย่อง ซึ่งถือว่าเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดแล้วในชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง

ตยาวดีคิดว่าความอดทนที่ผ่านมาคุณพี่คงเห็น จึงเมตตาให้ลูกเข้าไปวิ่งเล่นและเรียนรู้งานในโรงหล่อได้ นั่นก็เพราะปกติจะไม่มีการอนุญาตให้สตรีคนใดเข้าไปเป็นอันเด็ดขาด แม้คนตักน้ำที่เป็นหญิงหรือแม้แต่พี่จิตราที่เดินไปส่ง ก็ยังอยู่เพียงแค่ด้านหน้าโรงหล่อ ไม่เคยล่วงล้ำเข้าไปในเขตหลังคาของอาคารโรงหล่อโลหะอย่างเด็ดขาด เพิ่งจะมีอุษามันตราเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไป

รอยยิ้มและแววตาสดใสของตยาวดี อุษามันตราล้วนเห็นชัดแจ้งและเข้าใจ ร่างเล็กลุกขึ้นหอมแก้มบิดาที่มีกลิ่นเหงื่อโดยโชติระเสมิได้ระวังตัว เขาตกใจนิดๆ แต่ก็รู้สึกดีมากกว่า

“รักคุณพ่อที่สุดเลยเจ้าข้า”

และยิ่งชื่นใจมากเมื่อลูกพูดคำนี้ และยิ่งชื่นใจมากที่สุดเมื่อลูกเอื้อมมือกอดที่ลำคอของเขาครู่หนึ่ง

อุษามันตราถอยออกมา จ้องใบหน้าได้รูปและหล่อเหลาคมคายของคุณพ่อ มุมปากของท่านมีรอยยิ้มนิดๆ โดยไม่กล่าวสิ่งใดอีก นอกจากดื่มน้ำและเดินลงไปจากเรือนเมื่อแจ้งความประสงค์เสร็จ

อุษามันตราดูรูปร่างสูงใหญ่เดินไปจนลับตา ในใจตะโกนก้องว่าเธอทำสำเร็จแล้วชั้นหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดในตอนนี้ เธอได้มีโอกาสสร้างผลงานให้ตัวเองซึ่งจะเป็นทางรอดไม่ให้ต้องแต่งงานออกไป ในหัวของเธอมีเพียงขั้นตอนที่จะทำให้ตัวเองอยู่รอดด้วยวิธีไหนเท่านั้น ทว่าเมื่อหันกลับมา จึงเห็นว่าน้ำตาของตยาวดีไหลรดแก้ม รอยยิ้มฉายชัด จึงทำให้รู้สึกผิดที่คิดถึงเพียงแต่ตัวเองมากไปหน่อยทั้งที่ยังมีอีกคนรักเธอมากกว่าใครในโลกใบนี้ อุษามันตราเดินเข้าไป เช็ดน้ำตาด้วยมือน้อยๆ

“คุณแม่อย่าร้องไห้อีกนะเจ้าข้า”

ตยาวดีโอบกอดเธอเอาไว้ แรงสะอื้นไห้ด้วยความดีใจเธอย่อมรู้ ไม่มีใครพูดอะไรอีก

‘คงคิดถึงแต่ตัวเองอย่างเดียวไม่ได้แล้วสินะ’

บอกตัวเองในใจแบบนั้นพร้อมกับหวังว่านับจากวันนี้ความปลอดภัยของเธอจะมากขึ้น ความเป็นอยู่และการดูแลเอาใจใส่จากคุณพ่อและคุณปู่คงจะมีมากขึ้น แม้ต้องอดทนเรียนรู้และเข้าสู่กระบวนการแข่งขัน เธอก็พร้อมกระโจนเข้าห้ำหั่นกับชะตาชีวิตครั้งนี้ ซึ่งจะขอลิขิตด้วยตัวเธอเอง ไม่ใช่เพราะใคร!







“คุณแม่เจ้าข้า คุณแม่เล่านิทานให้ลูกฟังอีกได้ไหมเจ้าข้า”

เสียงเล็กๆ ของอุษามันตราดังขึ้นในความมืดสลัว คืนนี้แรมสิบสี่ค่ำ เป็นวันโกน จึงทำให้ในห้องนอนไร้แสงมากกว่าปกติ เธอเริ่มเรียนรู้ว่าจะทำอย่างไรให้คนที่กำลังโอบกอดคลายเศร้า

ตยาวดีไม่เคยทราบว่าเธอรับรู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่างแม้แต่ในความมืด การนอนร้องไห้คนเดียวในทุกค่ำคืนเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ ความเสียใจ ความเหงา ความน้อยใจ และอีกมากมายกับเรื่องราวในครอบครัวซึ่งอุษามันตราอยากช่วยบรรเทา ในห้องนอนนี้มีเพียงเธอกับแม่สองคนเท่านั้น

เสียงหวานของตยาวดีสั่นน้อยๆ เมื่อเอื้อนเอ่ยเรื่องราวที่เคยได้ยิน เป็นนิทานพื้นบ้านแห่งไพศาลีนครที่เล่าขานสืบต่อ และแม้จะดูเหมือนตั้งใจฟัง แต่คนตัวเล็กก็ไม่เคยมองหน้าตยาวดีสักครั้งหนึ่งเพราะรู้ว่าหล่อนต้องร้องไห้ เธอไม่อยากสร้างความกดดันให้มากกว่าที่เป็นอยู่ ขอแค่ช่วยทำให้ตยาวดีลืมเวลา ลืมความว้าเหว่ และนอนหลับได้ในทุกคืนโดยเร็ว เธอก็มีความสุข

ไม่นานเหมือนที่เคยเป็นหลังจากอุษามันตราแกล้งหลับและแกล้งผ่อนลมหายใจให้สม่ำเสมอ ตยาวดีก็จะหลับตาม แล้วเธอก็จะลุกขึ้นมานั่งคิดอะไรคนเดียวมืดๆ เหมือนทุกคืน ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะนอนกลางวันด้วยกระมัง เลยไม่ค่อยง่วง และเมื่อมองใบหน้าของตยาวดีที่เห็นเพียงเค้าราง มือน้อยๆ ก็ค่อยๆ เช็ดน้ำตาที่เหลือเพียงคราบให้อย่างแผ่วเบา

ทำไมหนอ... สาวน้อยตรงหน้าก็ออกจะอ่อนหวานน่ารัก ความงดงามทั้งภายนอกและภายในก็ไม่เป็นรองใคร ทำไมท่านโชติระเสจึงไม่เคยเหลียวแลหรือเอาใจใส่มากกว่านี้บ้าง

คิดไปก็ถอนหายใจไป นับจากวันพรุ่งนี้ เธอจะได้ฤกษ์เริ่มการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของตัวเองและแม่ ซึ่งหวังเหลือเกินว่าจะสำเร็จและไม่ถูกเฉดหัวออกจากโ



สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ม.ค. 2556, 15:48:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2556, 22:45:56 น.

จำนวนการเข้าชม : 2425





<< บทที่ 4 (ครึ่งแรก)   บทที่ 5 (1/3) >>
สุชาคริยา 8 ม.ค. 2556, 16:17:09 น.

ตอบเม้นท์จากตอนที่แล้ว (บทที่ 4 [ครึ่งแรก]) >>

ขอบพระคุณทุกคอมเม้นท์ที่แสดงให้รู้ว่าชอบนิยายเรื่องนี้นะคะ ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ วันนี้อ้อยอาจจะตอบไม่ครบเต็มสตรีมเหมือนทุกทีเพราะต้องรีบกลับไปปั่นต้นฉบับต่อ อยากจะบอกว่าทุกคอมเม้นท์ที่บอกเล่าความรู้สึกร่วมของทุกท่าน ได้ทำคนเขียนมีกำลังใจขึ้นอีกมากมายเลยค่ะ ขอบพระคุณทุกท่านงามๆ ค่ะ

คุณเดิมเดิม = อันนี้ต้องคอยลุ้นนะคะ ว่าจะทำได้สำเร็จหรือเปล่า

คุณ jink = ^^

คุณ Chii = ^^

คุณ Auuuu = ^^

คุณแว่นใส = ^^

คุณโซดา = วันนี้มาอัพให้แล้วนะคะ

คุณแล่นแต๊ = ^^

คุณ nunoi = ^^

คุณ aun = ขอบพระคุณมากๆ ค่ะ

คุณ konhin = ^^

คุณ ree = ^^




โซดา 8 ม.ค. 2556, 17:00:46 น.
มาแล้วคะ ดีใจมากๆๆ เลยคะ เพราะเปิดเข้ามาดูหลายรอบแล้ว อย่าปล่อยให้รอนานนะคะ ^^


Auuuu 8 ม.ค. 2556, 17:32:05 น.
สู้เค้านะอุษามันตรา !! ลุย !!!!!!!!!!


แว่นใส 8 ม.ค. 2556, 17:57:57 น.
ขอให้ทำให้สำเร็จนะคะ


แล่นแต๊ 8 ม.ค. 2556, 18:34:12 น.
สู้ๆค่ะ ทั้งหนูอุษาแล้วก็ไรท์เตอร์ ^^


เดิมเดิม 8 ม.ค. 2556, 19:39:01 น.
อุษามันตรา สู้เพื่อแม่


Pat 8 ม.ค. 2556, 19:47:34 น.
เอาใจช่วยจ้า อุษามันตรา สู้ๆ


อัปสรา 8 ม.ค. 2556, 21:10:35 น.
อุษามันตราน่ารักมากๆค่ะ


konhin 8 ม.ค. 2556, 23:04:07 น.
หึๆๆ คุณพ่อโดนกดดัน ในที่สุดก้าวแรกก็มาถึง อุษาจะทำยังไงต่อดี เหลืออีกสิบปีก็จะโดนออกเรือนแล้ววว


อริสา 9 ม.ค. 2556, 00:39:08 น.
มาติดตามด้วยคน ชอบเนื้อเรื่องน่าติดตามมากค่ะ อ้อ ฝากคนที่บ้านไปสอยเรื่องพี่เจ้ากับน้องขุนมาแล้วแต่คงอีกนานกว่าจะได้อ่าน


ใบบัวน่ารัก 9 ม.ค. 2556, 07:04:36 น.
เด็กน้อยอายุ3-5ขวบ จะเอาไรเยอะ
กินนอนเล่น คายจะเหมือนอุษาหละ
โตมาคงแก่ด้านความคิดนิ
ปริศนาเยอะจัง มีเมียเยอะ ทำลูกก็เยอะ
จะมาคิมากอะไรกะเมียแต่ง


ree 10 ม.ค. 2556, 02:39:59 น.
เพิ่งสังเกตว่าไม่ได้ยินชื่อเพชรน้ำค้างมาซักระยะแล้วน่ะ แต่ก็ไมรู้สึกสะดุดอะไร คงจะชินกับการที่เพชรน้ำค้างเป็นนายน้อยอุษาแล้วล่ะ


แพม 10 ม.ค. 2556, 23:04:53 น.
สู้ ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account